Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๖. วิหารวิมานวณฺณนา
6. Vihāravimānavaṇṇanā
อภิกฺกเนฺตน วเณฺณนาติ วิหารวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเนฯ เตน สมเยน วิสาขา มหาอุปาสิกา อญฺญตรสฺมิํ อุสฺสวทิวเส อุยฺยาเน วิจรณตฺถํ สหายิกาหิ ปริชเนน จ อุสฺสาหิตา สุนฺหาตานุลิตฺตา สุโภชนํ ภุญฺชิตฺวา มหาลตาปสาธนํ ปิฬนฺธิตฺวา ปญฺจมเตฺตหิ สหายิกาสเตหิ ปริวาริตา มหเนฺตน อิสฺสริเยน มหตา ปริเจฺฉเทน เคหโต นิกฺขมฺม อุยฺยานํ อุทฺทิสฺส คจฺฉนฺตี จิเนฺตสิ ‘‘พาลทาริกาย วิย กิํ เม โมฆกีฬิเตน, หนฺทาหํ วิหารํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ มโนภาวนีเย จ อเยฺย วนฺทิสฺสามิ, ธมฺมญฺจ โสสฺสามี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา เอกมเนฺต ฐตฺวา มหาลตาปิฬนฺธนํ โอมุญฺจิตฺวา ตํ ทาสิยา หเตฺถ ทตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ ตสฺสา ภควา ธมฺมํ เทเสสิฯ
Abhikkantenavaṇṇenāti vihāravimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane. Tena samayena visākhā mahāupāsikā aññatarasmiṃ ussavadivase uyyāne vicaraṇatthaṃ sahāyikāhi parijanena ca ussāhitā sunhātānulittā subhojanaṃ bhuñjitvā mahālatāpasādhanaṃ piḷandhitvā pañcamattehi sahāyikāsatehi parivāritā mahantena issariyena mahatā paricchedena gehato nikkhamma uyyānaṃ uddissa gacchantī cintesi ‘‘bāladārikāya viya kiṃ me moghakīḷitena, handāhaṃ vihāraṃ gantvā bhagavantaṃ manobhāvanīye ca ayye vandissāmi, dhammañca sossāmī’’ti vihāraṃ gantvā ekamante ṭhatvā mahālatāpiḷandhanaṃ omuñcitvā taṃ dāsiyā hatthe datvā bhagavantaṃ vanditvā ekamantaṃ nisīdi. Tassā bhagavā dhammaṃ desesi.
สา ธมฺมํ สุตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา มโนภาวนีเย จ ภิกฺขู วนฺทิตฺวา วิหารโต นิกฺขมิตฺวา โถกํ คนฺตฺวา ทาสิํ อาห ‘‘หนฺท เช อาภรณํ ปิฬนฺธิสฺสามี’’ติฯ สา ตํ ภณฺฑิกํ กตฺวา พนฺธิตฺวา วิหาเร ฐเปตฺวา ตหํ ตหํ วิจริตฺวา คมนกาเล วิสฺสริตฺวา คตตฺตา ‘‘วิสฺสริตํ มยา, ติฎฺฐ อเยฺย อาหริสฺสามี’’ติ นิวตฺติตุกามา อโหสิฯ วิสาขา ‘‘สเจ เช วิหาเร ฐเปตฺวา วิสฺสริตํ, ตสฺส วิหารเสฺสว อตฺถาย ตํ ปริจฺจชิสฺสามี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อตฺตโน อธิปฺปายํ ปเวเทนฺตี ‘‘วิหารํ, ภเนฺต, กาเรสฺสามิ, อธิวาเสตุ เม ภควา อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ อาหฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ
Sā dhammaṃ sutvā bhagavantaṃ vanditvā padakkhiṇaṃ katvā manobhāvanīye ca bhikkhū vanditvā vihārato nikkhamitvā thokaṃ gantvā dāsiṃ āha ‘‘handa je ābharaṇaṃ piḷandhissāmī’’ti. Sā taṃ bhaṇḍikaṃ katvā bandhitvā vihāre ṭhapetvā tahaṃ tahaṃ vicaritvā gamanakāle vissaritvā gatattā ‘‘vissaritaṃ mayā, tiṭṭha ayye āharissāmī’’ti nivattitukāmā ahosi. Visākhā ‘‘sace je vihāre ṭhapetvā vissaritaṃ, tassa vihārasseva atthāya taṃ pariccajissāmī’’ti vihāraṃ gantvā bhagavantaṃ upasaṅkamitvā vanditvā attano adhippāyaṃ pavedentī ‘‘vihāraṃ, bhante, kāressāmi, adhivāsetu me bhagavā anukampaṃ upādāyā’’ti āha. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena.
สา ตํ ปิฬนฺธนํ สตสหสฺสาธิกนวโกฎิอคฺฆนกํ วิสฺสเชฺชตฺวา อายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลาเนน นวกมฺมาธิฎฺฐายเกน สุวิภตฺตภิตฺติถมฺภตุลาโคปานสิกณฺณิกทฺวารพาหวาตปาน โสปานาทิเคหาวยวํ มโนหรํ สุวิกปฺปิตกฎฺฐกมฺมรมณียํ สุปริกมฺมกตสุธากมฺมํ มนุญฺญํ สุวิรจิตมาลากมฺมลตากมฺมาทิจิตฺตกมฺมวิจิตฺตํ สุปรินิฎฺฐิตมณิกุฎฺฎิม สทิสภูมิตลํ เทววิมานสทิสํ เหฎฺฐาภูมิยํ ปญฺจ คพฺภสตานิ, อุปริภูมิยํ ปญฺจ คพฺภสตานีติ คพฺภสหสฺสปฎิมณฺฑิตํ พุทฺธสฺส ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ วสนานุจฺฉวิกํ มหนฺตํ ปาสาทํ ตสฺส ปริวารปาสาทสหสฺสญฺจ เตสํ ปริวารภาเวน กุฎิมณฺฑปจงฺกมนาทีนิ จ กาเรนฺตี นวหิ มาเสหิ วิหารํ นิฎฺฐาเปสิฯ ปรินิฎฺฐิเต จ วิหาเร นวเหว หิรญฺญโกฎีหิ วิหารมหํ กาเรนฺตี ปญฺจมเตฺตหิ สหายิกาสเตหิ สทฺธิํ ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา ตสฺส สมฺปตฺติํ ทิสฺวา โสมนสฺสชาตา สหายิกา อาห ‘‘อิมํ เอวรูปํ ปาสาทํ กาเรนฺติยา ยํ มยา ปุญฺญํ ปสุตํ, ตํ อนุโมทถ, ปตฺติทานํ โว ทมฺมี’’ติฯ ‘‘อโห สาธุ อโห สาธู’’ติ ปสนฺนจิตฺตา สพฺพาปิ อนุโมทิํสุฯ
Sā taṃ piḷandhanaṃ satasahassādhikanavakoṭiagghanakaṃ vissajjetvā āyasmatā mahāmoggallānena navakammādhiṭṭhāyakena suvibhattabhittithambhatulāgopānasikaṇṇikadvārabāhavātapāna sopānādigehāvayavaṃ manoharaṃ suvikappitakaṭṭhakammaramaṇīyaṃ suparikammakatasudhākammaṃ manuññaṃ suviracitamālākammalatākammādicittakammavicittaṃ supariniṭṭhitamaṇikuṭṭima sadisabhūmitalaṃ devavimānasadisaṃ heṭṭhābhūmiyaṃ pañca gabbhasatāni, uparibhūmiyaṃ pañca gabbhasatānīti gabbhasahassapaṭimaṇḍitaṃ buddhassa bhagavato bhikkhusaṅghassa ca vasanānucchavikaṃ mahantaṃ pāsādaṃ tassa parivārapāsādasahassañca tesaṃ parivārabhāvena kuṭimaṇḍapacaṅkamanādīni ca kārentī navahi māsehi vihāraṃ niṭṭhāpesi. Pariniṭṭhite ca vihāre navaheva hiraññakoṭīhi vihāramahaṃ kārentī pañcamattehi sahāyikāsatehi saddhiṃ pāsādaṃ abhiruhitvā tassa sampattiṃ disvā somanassajātā sahāyikā āha ‘‘imaṃ evarūpaṃ pāsādaṃ kārentiyā yaṃ mayā puññaṃ pasutaṃ, taṃ anumodatha, pattidānaṃ vo dammī’’ti. ‘‘Aho sādhu aho sādhū’’ti pasannacittā sabbāpi anumodiṃsu.
ตตฺถ อญฺญตรา อุปาสิกา วิเสสโต ตํ ปตฺติทานํ มนสากาสิฯ สา น จิรเสฺสว กาลํ กตฺวา ตาวติํเสสุ นิพฺพตฺติฯ ตสฺสา ปุญฺญานุภาเวน อเนกกูฎาคารปาการอุยฺยานโปกฺขรณิอาทิปฎิมณฺฑิตํ โสฬสโยชนายามวิตฺถารเพฺพธํ อตฺตโน ปภาย โยชนสตํ ผรนฺตํ อากาสจาริํ มหนฺตํ วิมานํ ปาตุรโหสิฯ สา คจฺฉนฺตีปิ อจฺฉราสหสฺสปริวารา สห วิมาเนน คจฺฉติฯ วิสาขา ปน มหาอุปาสิกา วิปุลปริจฺจาคตาย สทฺธาสมฺปตฺติยา จ นิมฺมานรตีสุ นิพฺพตฺติตฺวา สุนิมฺมิตเทวราชสฺส อคฺคมเหสิภาวํ สมฺปาปุณิฯ อถายสฺมา อนุรุโทฺธ เทวจาริกํ จรโนฺต ตํ วิสาขาย สหายิกํ ตาวติํสภวเน อุปฺปนฺนํ ทิสฺวา –
Tattha aññatarā upāsikā visesato taṃ pattidānaṃ manasākāsi. Sā na cirasseva kālaṃ katvā tāvatiṃsesu nibbatti. Tassā puññānubhāvena anekakūṭāgārapākārauyyānapokkharaṇiādipaṭimaṇḍitaṃ soḷasayojanāyāmavitthārabbedhaṃ attano pabhāya yojanasataṃ pharantaṃ ākāsacāriṃ mahantaṃ vimānaṃ pāturahosi. Sā gacchantīpi accharāsahassaparivārā saha vimānena gacchati. Visākhā pana mahāupāsikā vipulapariccāgatāya saddhāsampattiyā ca nimmānaratīsu nibbattitvā sunimmitadevarājassa aggamahesibhāvaṃ sampāpuṇi. Athāyasmā anuruddho devacārikaṃ caranto taṃ visākhāya sahāyikaṃ tāvatiṃsabhavane uppannaṃ disvā –
๗๒๙.
729.
‘‘อภิกฺกเนฺตน วเณฺณน, ยา ตฺวํ ติฎฺฐสิ เทวเต;
‘‘Abhikkantena vaṇṇena, yā tvaṃ tiṭṭhasi devate;
โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกาฯ
Obhāsentī disā sabbā, osadhī viya tārakā.
๗๓๐.
730.
‘‘ตสฺสา เต นจฺจมานาย, องฺคมเงฺคหิ สพฺพโส;
‘‘Tassā te naccamānāya, aṅgamaṅgehi sabbaso;
ทิพฺพา สทฺทา นิจฺฉรนฺติ, สวนียา มโนรมาฯ
Dibbā saddā niccharanti, savanīyā manoramā.
๗๓๑.
731.
‘‘ตสฺสา เต นจฺจมานาย, องฺคมเงฺคหิ สพฺพโส;
‘‘Tassā te naccamānāya, aṅgamaṅgehi sabbaso;
ทิพฺพา คนฺธา ปวายนฺติ, สุจิคนฺธา มโนรมาฯ
Dibbā gandhā pavāyanti, sucigandhā manoramā.
๗๓๒.
732.
‘‘วิวตฺตมานา กาเยน, ยา เวณีสุ ปิฬนฺธนา;
‘‘Vivattamānā kāyena, yā veṇīsu piḷandhanā;
เตสํ สุยฺยติ นิโคฺฆโส, ตูริเย ปญฺจงฺคิเก ยถาฯ
Tesaṃ suyyati nigghoso, tūriye pañcaṅgike yathā.
๗๓๓.
733.
‘‘วฎํสกา วาตธุตา, วาเตน สมฺปกมฺปิตา;
‘‘Vaṭaṃsakā vātadhutā, vātena sampakampitā;
เตสํ สุยฺยติ นิโคฺฆโส, ตูริเย ปญฺจงฺคิเก ยถาฯ
Tesaṃ suyyati nigghoso, tūriye pañcaṅgike yathā.
๗๓๔.
734.
‘‘ยาปิ เต สิรสฺมิํ มาลา, สุจิคนฺธา มโนรมา;
‘‘Yāpi te sirasmiṃ mālā, sucigandhā manoramā;
วาติ คโนฺธ ทิสา สพฺพา, รุโกฺข มญฺชูสโก ยถาฯ
Vāti gandho disā sabbā, rukkho mañjūsako yathā.
๗๓๕.
735.
‘‘ฆายเส ตํ สุจิคนฺธํ, รูปํ ปสฺสสิ อมานุสํ;
‘‘Ghāyase taṃ sucigandhaṃ, rūpaṃ passasi amānusaṃ;
เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติฯ –
Devate pucchitācikkha, kissa kammassidaṃ phala’’nti. –
อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิฯ สาปิ ตสฺส เอวํ พฺยากาสิ –
Imāhi gāthāhi pucchi. Sāpi tassa evaṃ byākāsi –
๗๓๖.
736.
‘‘สาวตฺถิยํ มยฺหํ สขี ภทเนฺต, สงฺฆสฺส กาเรสิ มหาวิหารํ;
‘‘Sāvatthiyaṃ mayhaṃ sakhī bhadante, saṅghassa kāresi mahāvihāraṃ;
ตตฺถปฺปสนฺนา อหมานุโมทิํ, ทิสฺวา อคารญฺจ ปิยญฺจ เมตํฯ
Tatthappasannā ahamānumodiṃ, disvā agārañca piyañca metaṃ.
๗๓๗.
737.
‘‘ตาเยว เม สุทฺธนุโมทนาย, ลทฺธํ วิมานพฺภุตทสฺสเนยฺยํ;
‘‘Tāyeva me suddhanumodanāya, laddhaṃ vimānabbhutadassaneyyaṃ;
สมนฺตโต โสฬสโยชนานิ, เวหายสํ คจฺฉติ อิทฺธิยา มมฯ
Samantato soḷasayojanāni, vehāyasaṃ gacchati iddhiyā mama.
๗๓๘.
738.
‘‘กูฎาคารา นิเวสา เม, วิภตฺตา ภาคโส มิตา;
‘‘Kūṭāgārā nivesā me, vibhattā bhāgaso mitā;
ททฺทลฺลมานา อาภนฺติ, สมนฺตา สตโยชนํฯ
Daddallamānā ābhanti, samantā satayojanaṃ.
๗๓๙.
739.
‘‘โปกฺขรโญฺญ จ เม เอตฺถ, ปุถุโลมนิเสวิตา;
‘‘Pokkharañño ca me ettha, puthulomanisevitā;
อโจฺฉทกา วิปฺปสนฺนา, โสณฺณวาลุกสนฺถตาฯ
Acchodakā vippasannā, soṇṇavālukasanthatā.
๗๔๐.
740.
‘‘นานาปทุมสญฺฉนฺนา, ปุณฺฑรีกสโมตตา;
‘‘Nānāpadumasañchannā, puṇḍarīkasamotatā;
สุรภี สมฺปวายนฺติ, มนุญฺญา มาลุเตริตาฯ
Surabhī sampavāyanti, manuññā māluteritā.
๗๔๑.
741.
‘‘ชมฺพุโย ปนสา ตาลา, นาฬิเกรวนานิ จ;
‘‘Jambuyo panasā tālā, nāḷikeravanāni ca;
อโนฺตนิเวสเน ชาตา, นานารุกฺขา อโรปิมาฯ
Antonivesane jātā, nānārukkhā aropimā.
๗๔๒.
742.
‘‘นานาตูริยสงฺฆุฎฺฐํ, อจฺฉราคณโฆสิตํ;
‘‘Nānātūriyasaṅghuṭṭhaṃ, accharāgaṇaghositaṃ;
โยปิ มํ สุปิเน ปเสฺส, โสปิ วิโตฺต สิยา นโรฯ
Yopi maṃ supine passe, sopi vitto siyā naro.
๗๔๓.
743.
‘‘เอตาทิสํ อพฺภุตทสฺสเนยฺยํ, วิมานํ สพฺพโส ปภํ;
‘‘Etādisaṃ abbhutadassaneyyaṃ, vimānaṃ sabbaso pabhaṃ;
มม กเมฺม หิ นิพฺพตฺตํ, อลํ ปุญฺญานิ กาตเว’’ติฯ
Mama kamme hi nibbattaṃ, alaṃ puññāni kātave’’ti.
๗๓๖. ตตฺถ สาวตฺถิยํ มยฺหํ สขี ภทเนฺต, สงฺฆสฺส กาเรสิ มหาวิหารนฺติ ภเนฺต อนุรุทฺธ , สาวตฺถิยา สมีเป ปาจีนปเสฺส มยฺหํ มม สกฺขี สหายิกา วิสาขา มหาอุปาสิกา อาคตาคตํ จาตุทฺทิสํ ภิกฺขุสงฺฆํ อุทฺทิสฺส นวหิรญฺญโกฎิปริจฺจาเคน ปุพฺพารามํ นาม มหนฺตํ วิหารํ กาเรสิฯ ตตฺถปฺปสนฺนา อหมานุโมทินฺติ ตสฺมิํ วิหาเร กตปริโยสิเต สงฺฆสฺส นิยฺยาทิยมาเน ตาย กเต ปตฺติทาเน ‘‘อโห ฐาเน วต ปริจฺจาโค กโต’’ติ ปสนฺนา รตนตฺตเย กมฺมผเล จ สญฺชาตปสาทา อหํ อนุโมทิํฯ วตฺถุวเสน ตสฺสา อนุโมทนาย อุฬารภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘ทิสฺวา อคารญฺจ ปิยญฺจ เมต’’นฺติ อาหฯ สหสฺสคพฺภํ อติวิย รมณียํ เทววิมานสทิสํ ตญฺจ อคารํ มหนฺตํ ปาสาทํ ปิยญฺจ เม พุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ตาทิสํ มหนฺตํ ธนปริจฺจาคํ ทิสฺวา อนุโมทินฺติ โยชนาฯ
736. Tattha sāvatthiyaṃ mayhaṃ sakhī bhadante, saṅghassa kāresi mahāvihāranti bhante anuruddha , sāvatthiyā samīpe pācīnapasse mayhaṃ mama sakkhī sahāyikā visākhā mahāupāsikā āgatāgataṃ cātuddisaṃ bhikkhusaṅghaṃ uddissa navahiraññakoṭipariccāgena pubbārāmaṃ nāma mahantaṃ vihāraṃ kāresi. Tatthappasannā ahamānumodinti tasmiṃ vihāre katapariyosite saṅghassa niyyādiyamāne tāya kate pattidāne ‘‘aho ṭhāne vata pariccāgo kato’’ti pasannā ratanattaye kammaphale ca sañjātapasādā ahaṃ anumodiṃ. Vatthuvasena tassā anumodanāya uḷārabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘disvā agārañca piyañca meta’’nti āha. Sahassagabbhaṃ ativiya ramaṇīyaṃ devavimānasadisaṃ tañca agāraṃ mahantaṃ pāsādaṃ piyañca me buddhappamukhaṃ saṅghaṃ uddissa tādisaṃ mahantaṃ dhanapariccāgaṃ disvā anumodinti yojanā.
๗๓๗. ตาเยว เม สุทฺธนุโมทนายาติ ยถาวุตฺตาย เทยฺยธมฺมปริจฺจาคาภาเวน สุทฺธาย เกวลาย อนุโมทนาเยวฯ ลทฺธํ วิมานพฺภุตทสฺสเนยฺยนฺติ มยฺหํ ปุเพฺพ อีทิสสฺส อภูตปุพฺพตาย อพฺภุตํ สมนฺตภทฺทกภาเวน อติวิย สุรูปตาย จ ทสฺสเนยฺยํ อิมํ วิมานํ ลทฺธํ อธิคตํฯ เอวํ ตสฺส วิมานสฺส อภิรูปตํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปมาณมหตฺตํ ปภาวมหตฺตํ อุปโภควตฺถุมหตฺตญฺจ ทเสฺสตุํ ‘‘สมนฺตโต โสฬสโยชนานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิทฺธิยา มมาติ มม ปุญฺญิทฺธิยาฯ
737.Tāyeva me suddhanumodanāyāti yathāvuttāya deyyadhammapariccāgābhāvena suddhāya kevalāya anumodanāyeva. Laddhaṃ vimānabbhutadassaneyyanti mayhaṃ pubbe īdisassa abhūtapubbatāya abbhutaṃ samantabhaddakabhāvena ativiya surūpatāya ca dassaneyyaṃ imaṃ vimānaṃ laddhaṃ adhigataṃ. Evaṃ tassa vimānassa abhirūpataṃ dassetvā idāni pamāṇamahattaṃ pabhāvamahattaṃ upabhogavatthumahattañca dassetuṃ ‘‘samantato soḷasayojanānī’’tiādi vuttaṃ. Tattha iddhiyā mamāti mama puññiddhiyā.
๗๓๙. โปกฺขรโญฺญติ โปกฺขรณิโยฯ ปุถุโลมนิเสวิตาติ ทิพฺพมเจฺฉหิ อุปเสวิตาฯ
739.Pokkharaññoti pokkharaṇiyo. Puthulomanisevitāti dibbamacchehi upasevitā.
๗๔๐. นานาปทุมสญฺฉนฺนาติ สตปตฺตสหสฺสปตฺตาทิเภเทหิ นานาวิเธหิ รตฺตปทุเมหิ รตฺตกมเลหิ จ สญฺฉาทิตาฯ ปุณฺฑรีกสโมตตาติ นานาวิเธหิ เสตกมเลหิ สมนฺตโต อวตตา, นานารุกฺขา อโรปิมา สุรภี สมฺปวายนฺตีติ โยชนาฯ
740.Nānāpadumasañchannāti satapattasahassapattādibhedehi nānāvidhehi rattapadumehi rattakamalehi ca sañchāditā. Puṇḍarīkasamotatāti nānāvidhehi setakamalehi samantato avatatā, nānārukkhā aropimā surabhī sampavāyantīti yojanā.
๗๔๒. โสปีติ โส สุปินทสฺสาวีปิฯ วิโตฺตติ ตุโฎฺฐฯ
742.Sopīti so supinadassāvīpi. Vittoti tuṭṭho.
๗๔๓. สพฺพโส ปภนฺติ สมนฺตโต โอภาสมานํฯ กเมฺม หีติ กมฺมนิมิตฺตํฯ หีติ นิปาตมตฺตํฯ เจตนานํ วา อปราปรุปฺปตฺติยา พหุภาวโต ‘‘กเมฺมหี’’ติ วุตฺตํฯ อลนฺติ ยุตฺตํฯ กาตเวติ กาตุํฯ
743.Sabbasopabhanti samantato obhāsamānaṃ. Kamme hīti kammanimittaṃ. Hīti nipātamattaṃ. Cetanānaṃ vā aparāparuppattiyā bahubhāvato ‘‘kammehī’’ti vuttaṃ. Alanti yuttaṃ. Kātaveti kātuṃ.
อิทานิ เถโร วิสาขาย นิพฺพตฺตฎฺฐานํ กถาเปตุกาโม อิมํ คาถมาห –
Idāni thero visākhāya nibbattaṭṭhānaṃ kathāpetukāmo imaṃ gāthamāha –
๗๔๔.
744.
‘‘ตาเยว เต สุทฺธนุโมทนาย,
‘‘Tāyeva te suddhanumodanāya,
ลทฺธํ วิมานพฺภุตทสฺสเนยฺยํ;
Laddhaṃ vimānabbhutadassaneyyaṃ;
ยา เจว สา ทานมทาสิ นารี,
Yā ceva sā dānamadāsi nārī,
ตสฺสา คติํ พฺรูหิ กุหิํ อุปฺปนฺนา สา’’ติฯ
Tassā gatiṃ brūhi kuhiṃ uppannā sā’’ti.
๗๔๔. ตตฺถ ยา เจว สา ทานมทาสิ นารีติ ยสฺส ทานสฺส อนุโมทนาย ตฺวํ อีทิสํ สมฺปตฺติํ ปฎิลภิ, ตํ ทานํ ยา เจว สา นารี อทาสีติ วิสาขํ มหาอุปาสิกํ สนฺธาย วทติฯ ตาย เอว เทวตาย ตสฺสา สมฺปตฺติํ กถาเปตุกาโม อาห ‘‘ตสฺสา คติํ พฺรูหิ กุหิํ อุปฺปนฺนา สา’’ติฯ ตสฺสา คตินฺติ ตาย นิพฺพตฺตเทวคติํฯ
744. Tattha yā ceva sā dānamadāsi nārīti yassa dānassa anumodanāya tvaṃ īdisaṃ sampattiṃ paṭilabhi, taṃ dānaṃ yā ceva sā nārī adāsīti visākhaṃ mahāupāsikaṃ sandhāya vadati. Tāya eva devatāya tassā sampattiṃ kathāpetukāmo āha ‘‘tassā gatiṃ brūhi kuhiṃ uppannā sā’’ti. Tassā gatinti tāya nibbattadevagatiṃ.
อิทานิ เถเรน ปุจฺฉิตมตฺถํ ทเสฺสนฺตี อาห –
Idāni therena pucchitamatthaṃ dassentī āha –
๗๔๕.
745.
‘‘ยา สา อหุ มยฺหํ สขี ภทเนฺต, สงฺฆสฺส กาเรสิ มหาวิหารํ;
‘‘Yā sā ahu mayhaṃ sakhī bhadante, saṅghassa kāresi mahāvihāraṃ;
วิญฺญาตธมฺมา สา อทาสิ ทานํ, อุปฺปนฺนา นิมฺมานรตีสุ เทเวสุฯ
Viññātadhammā sā adāsi dānaṃ, uppannā nimmānaratīsu devesu.
๗๔๖.
746.
‘‘ปชาปตี ตสฺส สุนิมฺมิตสฺส,
‘‘Pajāpatī tassa sunimmitassa,
อจินฺติโย กมฺมวิปาก ตสฺสา;
Acintiyo kammavipāka tassā;
ยเมตํ ปุจฺฉสิ ‘กุหิํ อุปฺปนฺนา สา’ติ,
Yametaṃ pucchasi ‘kuhiṃ uppannā sā’ti,
ตํ เต วิยากาสิํ อนญฺญถา อห’’นฺติฯ
Taṃ te viyākāsiṃ anaññathā aha’’nti.
๗๔๕. ตตฺถ วิญฺญาตธมฺมาติ วิญฺญาตสาสนธมฺมา, ปฎิวิทฺธจตุสจฺจธมฺมาติ อโตฺถฯ
745. Tattha viññātadhammāti viññātasāsanadhammā, paṭividdhacatusaccadhammāti attho.
๗๔๖. สุนิมฺมิตสฺสาติ สุนิมฺมิตสฺส เทวราชสฺสฯ อจินฺติโย กมฺมวิปาก ตสฺสาติ วิภตฺติโลปํ กตฺวา นิเทฺทโส, ตสฺสา มม สขิยา นิพฺพานรตีสุ นิพฺพตฺตาย กมฺมวิปาโก ปุญฺญกมฺมสฺส วิปากภูตา ทิพฺพสมฺปตฺติ อจินฺติยา อปฺปเมยฺยาติ อโตฺถฯ อนญฺญถาติ อวิปรีตํ ยถาสภาวโตฯ กถํ ปนายํ ตสฺสา สมฺปตฺติํ อญฺญาสีติ? สุภทฺทา วิย ภทฺทาย, วิสาขาปิ เทวธีตา อิมิสฺสา สนฺติกํ อคมาสิฯ
746.Sunimmitassāti sunimmitassa devarājassa. Acintiyo kammavipāka tassāti vibhattilopaṃ katvā niddeso, tassā mama sakhiyā nibbānaratīsu nibbattāya kammavipāko puññakammassa vipākabhūtā dibbasampatti acintiyā appameyyāti attho. Anaññathāti aviparītaṃ yathāsabhāvato. Kathaṃ panāyaṃ tassā sampattiṃ aññāsīti? Subhaddā viya bhaddāya, visākhāpi devadhītā imissā santikaṃ agamāsi.
อิทานิ เทวธีตา เถรํ อเญฺญสมฺปิ ทานสมาทปเน นิโยเชนฺตี อิมาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิ –
Idāni devadhītā theraṃ aññesampi dānasamādapane niyojentī imāhi gāthāhi dhammaṃ desesi –
๗๔๗.
747.
‘‘เตนหเญฺญปิ สมาทเปถ, สงฺฆสฺส ทานานิ ททาถ วิตฺตา;
‘‘Tenahaññepi samādapetha, saṅghassa dānāni dadātha vittā;
ธมฺมญฺจ สุณาถ ปสนฺนมานสา, สุทุลฺลโภ ลโทฺธ มนุสฺสลาโภฯ
Dhammañca suṇātha pasannamānasā, sudullabho laddho manussalābho.
๗๔๘.
748.
‘‘ยํ มคฺคํ มคฺคาธิปตี อเทสยิ, พฺรหฺมสฺสโร กญฺจนสนฺนิภตฺตโจ;
‘‘Yaṃ maggaṃ maggādhipatī adesayi, brahmassaro kañcanasannibhattaco;
สงฺฆสฺส ทานานิ ททาถ วิตฺตา, มหปฺผลา ยตฺถ ภวนฺติ ทกฺขิณาฯ
Saṅghassa dānāni dadātha vittā, mahapphalā yattha bhavanti dakkhiṇā.
๗๔๙.
749.
‘‘เย ปุคฺคลา อฎฺฐ สตํ ปสตฺถา, จตฺตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนฺติ;
‘‘Ye puggalā aṭṭha sataṃ pasatthā, cattāri etāni yugāni honti;
เต ทกฺขิเณยฺยา สุคตสฺส สาวกา, เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิฯ
Te dakkhiṇeyyā sugatassa sāvakā, etesu dinnāni mahapphalāni.
๗๕๐.
750.
‘‘จตฺตาโร จ ปฎิปนฺนา, จตฺตาโร จ ผเล ฐิตา;
‘‘Cattāro ca paṭipannā, cattāro ca phale ṭhitā;
เอส สโงฺฆ อุชุภูโต, ปญฺญาสีลสมาหิโตฯ
Esa saṅgho ujubhūto, paññāsīlasamāhito.
๗๕๑.
751.
‘‘ยชมานานํ มนุสฺสานํ, ปุญฺญเปกฺขาน ปาณินํ;
‘‘Yajamānānaṃ manussānaṃ, puññapekkhāna pāṇinaṃ;
กโรตํ โอปธิกํ ปุญฺญํ, สเงฺฆ ทินฺนํ มหปฺผลํฯ
Karotaṃ opadhikaṃ puññaṃ, saṅghe dinnaṃ mahapphalaṃ.
๗๕๒.
752.
‘‘เอโส หิ สโงฺฆ วิปุโล มหคฺคโต, เอสปฺปเมโยฺย อุทธีว สาคโร;
‘‘Eso hi saṅgho vipulo mahaggato, esappameyyo udadhīva sāgaro;
เอเต หิ เสฎฺฐา นรวีรสาวกา, ปภงฺกรา ธมฺมมุทีรยนฺติฯ
Ete hi seṭṭhā naravīrasāvakā, pabhaṅkarā dhammamudīrayanti.
๗๕๓.
753.
‘‘เตสํ สุทินฺนํ สุหุตํ สุยิฎฺฐํ, เย สงฺฆมุทฺทิสฺส ททนฺติ ทานํ;
‘‘Tesaṃ sudinnaṃ suhutaṃ suyiṭṭhaṃ, ye saṅghamuddissa dadanti dānaṃ;
สา ทกฺขิณา สงฺฆคตา ปติฎฺฐิตา, มหปฺผลา โลกวิทูน วณฺณิตาฯ
Sā dakkhiṇā saṅghagatā patiṭṭhitā, mahapphalā lokavidūna vaṇṇitā.
๗๕๔.
754.
‘‘เอตาทิสํ ยญฺญมนุสฺสรนฺตา, เย เวทชาตา วิจรนฺติ โลเก;
‘‘Etādisaṃ yaññamanussarantā, ye vedajātā vicaranti loke;
วิเนยฺย มเจฺฉรมลํ สมูลํ, อนินฺทิตา สคฺคมุเปนฺติ ฐาน’’นฺติฯ
Vineyya maccheramalaṃ samūlaṃ, aninditā saggamupenti ṭhāna’’nti.
๗๔๗. ตตฺถ เตนหเญฺญปีติ เตนหิ อเญฺญปิฯ เตนาติ จ เตน การเณน, หีติ นิปาตมตฺตํฯ ‘‘สมาทเปถา’’ติ วตฺวา สมาทปนาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘สงฺฆสฺส ทานานิ ททาถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐหิ อกฺขเณหิ วชฺชิตํ มนุสฺสภาวํ สนฺธายาห ‘‘สุทุลฺลโภ ลโทฺธ มนุสฺสลาโภ’’ติฯ ตตฺถ อฎฺฐ อกฺขณา นาม ตโย อปายา อรูปา อสญฺญสตฺตา ปจฺจนฺตเทโส อินฺทฺริยานํ เวกลฺลํ นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิกตา อปาตุภาโว พุทฺธสฺสาติฯ
747. Tattha tenahaññepīti tenahi aññepi. Tenāti ca tena kāraṇena, hīti nipātamattaṃ. ‘‘Samādapethā’’ti vatvā samādapanākāraṃ dassetuṃ ‘‘saṅghassa dānāni dadāthā’’tiādi vuttaṃ. Aṭṭhahi akkhaṇehi vajjitaṃ manussabhāvaṃ sandhāyāha ‘‘sudullabho laddho manussalābho’’ti. Tattha aṭṭha akkhaṇā nāma tayo apāyā arūpā asaññasattā paccantadeso indriyānaṃ vekallaṃ niyatamicchādiṭṭhikatā apātubhāvo buddhassāti.
๗๔๘. ยํ มคฺคนฺติ ยํ เขตฺตวิเสเส กตํ ทานํ, ตํ เอกเนฺตน สุคติสมฺปาปนโต สุคติคามิมคฺคํ อปายมคฺคโต ชคฺฆมคฺคาทิโต จ อติวิย เสฎฺฐภาเวน มคฺคาธิปนฺติ กตฺวาฯ ทานมฺปิ หิ สทฺธาหิริโย วิย ‘‘เทวโลกคามิมโคฺค’’ติ วุจฺจติฯ ยถาห –
748.Yaṃmagganti yaṃ khettavisese kataṃ dānaṃ, taṃ ekantena sugatisampāpanato sugatigāmimaggaṃ apāyamaggato jagghamaggādito ca ativiya seṭṭhabhāvena maggādhipanti katvā. Dānampi hi saddhāhiriyo viya ‘‘devalokagāmimaggo’’ti vuccati. Yathāha –
‘‘สทฺธา หิริยํ กุสลญฺจ ทานํ, ธมฺมา เอเต สปฺปุริสานุยาตา;
‘‘Saddhā hiriyaṃ kusalañca dānaṃ, dhammā ete sappurisānuyātā;
เอตญฺหิ มคฺคํ ทิวิยํ วทนฺติ, เอเตน หิ คจฺฉติ เทวโลก’’นฺติฯ(อ. นิ. ๘.๓๒; กถา. ๔๘๐);
Etañhi maggaṃ diviyaṃ vadanti, etena hi gacchati devaloka’’nti.(a. ni. 8.32; kathā. 480);
‘‘มคฺคาธิปตี’’ติ วา ปาโฐ, ตสฺส อริยมเคฺคน สเทวกสฺส โลกสฺส อธิปติภูโต สตฺถาติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ สงฺฆสฺส ทานานิ ททาถาติอาทินา ปุนปิ ทกฺขิเณเยฺยสุ ทานสํวิภาเค นิโยเชนฺตี อาหฯ
‘‘Maggādhipatī’’ti vā pāṭho, tassa ariyamaggena sadevakassa lokassa adhipatibhūto satthāti attho daṭṭhabbo. Saṅghassa dānāni dadāthātiādinā punapi dakkhiṇeyyesu dānasaṃvibhāge niyojentī āha.
๗๔๙. อิทานิ ตํ ทกฺขิเณยฺยํ อริยสงฺฆํ สรูปโต ทเสฺสนฺตี ‘‘เย ปุคฺคลา อฎฺฐ สตํ ปสตฺถา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ เยติ อนิยมิตนิเทฺทโสฯ ปุคฺคลาติ สตฺตาฯ อฎฺฐาติ เตสํ คณนปริเจฺฉโทฯ เต หิ จตฺตาโร จ ปฎิปนฺนา จตฺตาโร จ ผเล ฐิตาติ อฎฺฐ โหนฺติฯ สตํ ปสตฺถาติ สปฺปุริเสหิ พุทฺธปเจฺจกพุทฺธสาวเกหิ อเญฺญหิ จ เทวมนุเสฺสหิ ปสฺสตฺถาฯ กสฺมา? สหชาตสีลาทิคุณโยคโตฯ เตสญฺหิ จมฺปกพกุลกุสุมาทีนํ วิย สหชาตวณฺณคนฺธาทโย สหชาตสีลสมาธิอาทโย คุณา, เตน เต วณฺณคนฺธาทิสมฺปนฺนานิ วิย ปุปฺผานิ เทวมนุสฺสานํ สตํ ปิยา มนาปา ปาสํสิยา จ โหนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เย ปุคฺคลา อฎฺฐ สตํ ปสตฺถา’’ติฯ เต ปน สเงฺขปโต โสตาปตฺติมคฺคโฎฺฐ ผลโฎฺฐติ เอกํ ยุคํ, เอวํ ยาว อรหตฺตมคฺคโฎฺฐ ผลโฎฺฐติ เอกํ ยุคนฺติ จตฺตาริ ยุคานิ โหนฺติฯ เตนาห ‘‘จตฺตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนฺติ เต ทกฺขิเณยฺยา’’ติฯ เตติ ปุเพฺพ อนิยมโต อุทฺทิฎฺฐานํ นิยเมตฺวา ทสฺสนํฯ เต หิ สเพฺพปิ กมฺมํ กมฺมผลญฺจ สทฺทหิตฺวา ทาตพฺพเทยฺยธมฺมสงฺขาตํ ทกฺขิณํ อรหนฺตีติ ทกฺขิเณยฺยา คุณวิเสสโยเคน ทานสฺส มหปฺผลภาวสาธนโตฯ สุคตสฺส สาวกาติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธมฺมสวนเนฺต อริยาย ชาติยา ชาตตาย ตํ ธมฺมํ สุณนฺตีติ สาวกาฯ เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานีติ เอเตสุ สุคตสฺส สาวเกสุ อปฺปกานิปิ ทานานิ ทินฺนานิ ปฎิคฺคาหกโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิยา มหปฺผลานิ โหนฺติฯ เตนาห ภควา ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สงฺฆา วา คณา วา, ตถาคตสาวกสโงฺฆ เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒; อิติวุ. ๙๐)ฯ
749. Idāni taṃ dakkhiṇeyyaṃ ariyasaṅghaṃ sarūpato dassentī ‘‘ye puggalā aṭṭha sataṃ pasatthā’’ti gāthamāha. Tattha yeti aniyamitaniddeso. Puggalāti sattā. Aṭṭhāti tesaṃ gaṇanaparicchedo. Te hi cattāro ca paṭipannā cattāro ca phale ṭhitāti aṭṭha honti. Sataṃ pasatthāti sappurisehi buddhapaccekabuddhasāvakehi aññehi ca devamanussehi passatthā. Kasmā? Sahajātasīlādiguṇayogato. Tesañhi campakabakulakusumādīnaṃ viya sahajātavaṇṇagandhādayo sahajātasīlasamādhiādayo guṇā, tena te vaṇṇagandhādisampannāni viya pupphāni devamanussānaṃ sataṃ piyā manāpā pāsaṃsiyā ca honti. Tena vuttaṃ ‘‘ye puggalā aṭṭha sataṃ pasatthā’’ti. Te pana saṅkhepato sotāpattimaggaṭṭho phalaṭṭhoti ekaṃ yugaṃ, evaṃ yāva arahattamaggaṭṭho phalaṭṭhoti ekaṃ yuganti cattāri yugāni honti. Tenāha ‘‘cattāri etāni yugāni honti te dakkhiṇeyyā’’ti. Teti pubbe aniyamato uddiṭṭhānaṃ niyametvā dassanaṃ. Te hi sabbepi kammaṃ kammaphalañca saddahitvā dātabbadeyyadhammasaṅkhātaṃ dakkhiṇaṃ arahantīti dakkhiṇeyyā guṇavisesayogena dānassa mahapphalabhāvasādhanato. Sugatassa sāvakāti sammāsambuddhassa dhammasavanante ariyāya jātiyā jātatāya taṃ dhammaṃ suṇantīti sāvakā. Etesu dinnāni mahapphalānīti etesu sugatassa sāvakesu appakānipi dānāni dinnāni paṭiggāhakato dakkhiṇāvisuddhiyā mahapphalāni honti. Tenāha bhagavā ‘‘yāvatā, bhikkhave, saṅghā vā gaṇā vā, tathāgatasāvakasaṅgho tesaṃ aggamakkhāyatī’’tiādi (a. ni. 4.34; 5.32; itivu. 90).
๗๕๐. จตฺตาโร จ ปฎิปนฺนาติอาทิ เหฎฺฐา วุตฺตตฺถเมวฯ
750.Cattāroca paṭipannātiādi heṭṭhā vuttatthameva.
อิธ ปน อายสฺมา อนุรุโทฺธ อตฺตนา เทวตาย จ วุตฺตมตฺถํ มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา ภควโต อาโรเจสิฯ ภควา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิฯ สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ
Idha pana āyasmā anuruddho attanā devatāya ca vuttamatthaṃ manussalokaṃ āgantvā bhagavato ārocesi. Bhagavā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya dhammaṃ desesi. Sā desanā mahājanassa sātthikā ahosīti.
วิหารวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vihāravimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๖. วิหารวิมานวตฺถุ • 6. Vihāravimānavatthu