Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๗. วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา
7. Vikālabhojanasikkhāpadavaṇṇanā
๒๔๗. สตฺตมสิกฺขาปเท – คิรคฺคสมโชฺชติ คิริมฺหิ อคฺคสมโชฺช, คิริสฺส วา อคฺคเทเส สมโชฺชฯ โส กิร สตฺตเม ทิวเส ภวิสฺสตีติ นคเร โฆสนา กริยติ, นครสฺส พหิทฺธา สเม ภูมิภาเค ปพฺพตจฺฉายาย มหาชนกาโย สนฺนิปตติ, อเนกปฺปการานิ นฎนาฎกานิ ปวตฺตนฺติ, เตสํ ทสฺสนตฺถํ มญฺจาติมเญฺจ พนฺธนฺติฯ สตฺตรสวคฺคิยา อปญฺญเตฺต สิกฺขาปเท ทหราว อุปสมฺปนฺนา, เต ‘‘นาฎกานิ อาวุโส ปสฺสิสฺสามา’’ติ ตตฺถ อคมํสุฯ อถ เนสํ ญาตกา ‘‘อมฺหากํ อยฺยา อาคตา’’ติ ตุฎฺฐจิตฺตา นฺหาเปตฺวา วิลิเมฺปตฺวา โภเชตฺวา อญฺญมฺปิ ปูวขาทนียาทิํ หเตฺถ อทํสุฯ เต สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘มนุสฺสา สตฺตรสวคฺคิเย ภิกฺขู ปสฺสิตฺวา’’ติอาทิฯ
247. Sattamasikkhāpade – giraggasamajjoti girimhi aggasamajjo, girissa vā aggadese samajjo. So kira sattame divase bhavissatīti nagare ghosanā kariyati, nagarassa bahiddhā same bhūmibhāge pabbatacchāyāya mahājanakāyo sannipatati, anekappakārāni naṭanāṭakāni pavattanti, tesaṃ dassanatthaṃ mañcātimañce bandhanti. Sattarasavaggiyā apaññatte sikkhāpade daharāva upasampannā, te ‘‘nāṭakāni āvuso passissāmā’’ti tattha agamaṃsu. Atha nesaṃ ñātakā ‘‘amhākaṃ ayyā āgatā’’ti tuṭṭhacittā nhāpetvā vilimpetvā bhojetvā aññampi pūvakhādanīyādiṃ hatthe adaṃsu. Te sandhāya vuttaṃ – ‘‘manussā sattarasavaggiye bhikkhū passitvā’’tiādi.
๒๔๘-๙. วิกาเลติ วิคเต กาเลฯ กาโลติ ภิกฺขูนํ โภชนกาโล อธิเปฺปโต, โส จ สพฺพนฺติเมน ปริเจฺฉเทน มชฺฌนฺหิโก, ตสฺมิํ วีติวเตฺตติ อธิปฺปาโยฯ เตเนวสฺส ปทภาชเน ‘‘วิกาโล นาม มชฺฌนฺหิเก วีติวเตฺต ยาว อรุณุคฺคมนา’’ติ วุตฺตํ, ฐิตมชฺฌนฺหิโกปิ กาลสงฺคหํ คจฺฉติฯ ตโต ปฎฺฐาย ปน ขาทิตุํ วา ภุญฺชิตุํ วา น สกฺกา, สหสา ปิวิตุํ สกฺกา ภเวยฺย, กุกฺกุจฺจเกน ปน น กตฺตพฺพํฯ กาลปริเจฺฉทชานนตฺถญฺจ กาลตฺถโมฺภ โยเชตโพฺพ, กาลนฺตเรว ภตฺตกิจฺจํ กาตพฺพํฯ
248-9.Vikāleti vigate kāle. Kāloti bhikkhūnaṃ bhojanakālo adhippeto, so ca sabbantimena paricchedena majjhanhiko, tasmiṃ vītivatteti adhippāyo. Tenevassa padabhājane ‘‘vikālo nāma majjhanhike vītivatte yāva aruṇuggamanā’’ti vuttaṃ, ṭhitamajjhanhikopi kālasaṅgahaṃ gacchati. Tato paṭṭhāya pana khādituṃ vā bhuñjituṃ vā na sakkā, sahasā pivituṃ sakkā bhaveyya, kukkuccakena pana na kattabbaṃ. Kālaparicchedajānanatthañca kālatthambho yojetabbo, kālantareva bhattakiccaṃ kātabbaṃ.
อวเสสํ ขาทนียํ นามาติ เอตฺถ ยํ ตาว สกฺขลิโมทกาทิปุพฺพณฺณาปรณฺณมยํ, ตตฺถ วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ ยมฺปิ วนมูลาทิปฺปเภทํ อามิสคติกํ โหติ, เสยฺยถิทํ – มูลขาทนียํ กนฺทขาทนียํ มูฬาลขาทนียํ มตฺถกขาทนียํ ขนฺธขาทนียํ ตจขาทนียํ ปตฺตขาทนียํ ปุปฺผขาทนียํ ผลขาทนียํ อฎฺฐิขาทนียํ ปิฎฺฐขาทนียํ นิยฺยาสขาทนียนฺติ, อิทมฺปิ ขาทนียสงฺขฺยเมว คจฺฉติฯ
Avasesaṃkhādanīyaṃ nāmāti ettha yaṃ tāva sakkhalimodakādipubbaṇṇāparaṇṇamayaṃ, tattha vattabbameva natthi. Yampi vanamūlādippabhedaṃ āmisagatikaṃ hoti, seyyathidaṃ – mūlakhādanīyaṃ kandakhādanīyaṃ mūḷālakhādanīyaṃ matthakakhādanīyaṃ khandhakhādanīyaṃ tacakhādanīyaṃ pattakhādanīyaṃ pupphakhādanīyaṃ phalakhādanīyaṃ aṭṭhikhādanīyaṃ piṭṭhakhādanīyaṃ niyyāsakhādanīyanti, idampi khādanīyasaṅkhyameva gacchati.
ตตฺถ ปน อามิสคติกสลฺลกฺขณตฺถํ อิทํ มุขมตฺตนิทสฺสนํ – มูลขาทนีเย ตาว มูลกมูลํ ขารกมูลํ จจฺจุมูลํ ตมฺพกมูลํ ตณฺฑุเลยฺยกมูลํ วตฺถุเลยฺยกมูลํ วชกลิมูลํ ชชฺฌรีมูลนฺติ เอวมาทีนิ สูเปยฺยปณฺณมูลานิ อามิสคติกานิฯ เอตฺถ จ วชกลิมูเล ชรฎฺฐํ ฉินฺทิตฺวา ฉเฑฺฑนฺติ, ตํ ยาวชีวิกํ โหติฯ อญฺญมฺปิ เอวรูปํ เอเตเนว นเยน เวทิตพฺพํฯ มูลกขารกชชฺฌรีมูลานํ ปน ชรฎฺฐานิปิ อามิสคติกาเนวาติ วุตฺตํฯ ยานิ ปน ปาฬิยํ –
Tattha pana āmisagatikasallakkhaṇatthaṃ idaṃ mukhamattanidassanaṃ – mūlakhādanīye tāva mūlakamūlaṃ khārakamūlaṃ caccumūlaṃ tambakamūlaṃ taṇḍuleyyakamūlaṃ vatthuleyyakamūlaṃ vajakalimūlaṃ jajjharīmūlanti evamādīni sūpeyyapaṇṇamūlāni āmisagatikāni. Ettha ca vajakalimūle jaraṭṭhaṃ chinditvā chaḍḍenti, taṃ yāvajīvikaṃ hoti. Aññampi evarūpaṃ eteneva nayena veditabbaṃ. Mūlakakhārakajajjharīmūlānaṃ pana jaraṭṭhānipi āmisagatikānevāti vuttaṃ. Yāni pana pāḷiyaṃ –
‘‘อนุชานามิ , ภิกฺขเว, มูลานิ เภสชฺชานิ หลิทฺทิํ สิงฺคิเวรํ วจํ วจตฺตํ อติวิสํ กฎุกโรหิณิํ อุสีรํ ภทฺทมุตฺตกํ, ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ มูลานิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺตี’’ติ (มหาว. ๒๖๓) –
‘‘Anujānāmi , bhikkhave, mūlāni bhesajjāni haliddiṃ siṅgiveraṃ vacaṃ vacattaṃ ativisaṃ kaṭukarohiṇiṃ usīraṃ bhaddamuttakaṃ, yāni vā panaññānipi atthi mūlāni bhesajjāni neva khādanīye khādanīyatthaṃ pharanti, na bhojanīye bhojanīyatthaṃ pharantī’’ti (mahāva. 263) –
วุตฺตานิ, ตานิ ยาวชีวิกานิฯ เตสํ จูฬปญฺจมูลํ มหาปญฺจมูลนฺติอาทินา นเยน คณิยมานานํ คณนาย อโนฺต นตฺถิฯ ขาทนียตฺถํ โภชนียตฺถญฺจ ผรณาภาโวเยว ปน เตสํ ลกฺขณํฯ ตสฺมา ยํกิญฺจิ มูลํ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถํ โภชนียตฺถญฺจ ผรติ, ตํ ยาวกาลิกํ; อิตรํ ยาวชีวิกนฺติ เวทิตพฺพํฯ เตสุ พหุํ วตฺวาปิ หิ อิมสฺมิํเยว ลกฺขเณ ฐาตพฺพํฯ นามสญฺญาสุ ปน วุจฺจมานาสุ ตํ ตํ นามํ อชานนฺตานํ สโมฺมโหเยว โหติ, ตสฺมา นามสญฺญาย อาทรํ อกตฺวา ลกฺขณเมว ทสฺสิตํฯ
Vuttāni, tāni yāvajīvikāni. Tesaṃ cūḷapañcamūlaṃ mahāpañcamūlantiādinā nayena gaṇiyamānānaṃ gaṇanāya anto natthi. Khādanīyatthaṃ bhojanīyatthañca pharaṇābhāvoyeva pana tesaṃ lakkhaṇaṃ. Tasmā yaṃkiñci mūlaṃ tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthaṃ bhojanīyatthañca pharati, taṃ yāvakālikaṃ; itaraṃ yāvajīvikanti veditabbaṃ. Tesu bahuṃ vatvāpi hi imasmiṃyeva lakkhaṇe ṭhātabbaṃ. Nāmasaññāsu pana vuccamānāsu taṃ taṃ nāmaṃ ajānantānaṃ sammohoyeva hoti, tasmā nāmasaññāya ādaraṃ akatvā lakkhaṇameva dassitaṃ.
ยถา จ มูเล; เอวํ กนฺทาทีสุปิ ยํ ลกฺขณํ ทสฺสิตํ, ตเสฺสว วเสน วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ ยญฺจ ตํ ปาฬิยํ หลิทฺทาทิ อฎฺฐวิธํ วุตฺตํ, ตสฺส ขนฺธตจปุปฺผผลมฺปิ สพฺพํ ยาวชีวิกนฺติ วุตฺตํฯ
Yathā ca mūle; evaṃ kandādīsupi yaṃ lakkhaṇaṃ dassitaṃ, tasseva vasena vinicchayo veditabbo. Yañca taṃ pāḷiyaṃ haliddādi aṭṭhavidhaṃ vuttaṃ, tassa khandhatacapupphaphalampi sabbaṃ yāvajīvikanti vuttaṃ.
กนฺทขาทนีเย ทุวิโธ กโนฺท – ทีโฆ จ รโสฺส จ ภิสกิํสุกกนฺทาทิ วโฎฺฎ อุปฺปลกเสรุกกนฺทาทิ, ยํ ‘‘คณฺฐี’’ติปิ วทนฺติฯ ตตฺถ สเพฺพสํ กนฺทานํ ชิณฺณชรฎฺฐานญฺจ ฉลฺลิ จ สุขุมมูลานิ จ ยาวชีวิกานิฯ ตรุโณ ปน สุขขาทนีโย, สาลกลฺยาณีโปตกกโนฺท กิํสุกโปตกกโนฺท อมฺพาฎกกโนฺท เกตกกโนฺท มาลุวกโนฺท ภิสสงฺขาโต ปทุมปุณฺฑรีกกโนฺท ปิณฺฑาลุมสาลุอาทโย จ ขีรวลฺลิกโนฺท อาลุวกโนฺท สิคฺคุกโนฺท ตาลกโนฺท นีลุปฺปลรตฺตุปฺปลกุมุทโสคนฺธิกานํ กนฺทา กทลิกโนฺท เวฬุกโนฺท กเสรุกกโนฺทติ เอวมาทโย เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถญฺจ โภชนียตฺถญฺจ ผรณกกนฺทา ยาวกาลิกาฯ
Kandakhādanīye duvidho kando – dīgho ca rasso ca bhisakiṃsukakandādi vaṭṭo uppalakaserukakandādi, yaṃ ‘‘gaṇṭhī’’tipi vadanti. Tattha sabbesaṃ kandānaṃ jiṇṇajaraṭṭhānañca challi ca sukhumamūlāni ca yāvajīvikāni. Taruṇo pana sukhakhādanīyo, sālakalyāṇīpotakakando kiṃsukapotakakando ambāṭakakando ketakakando māluvakando bhisasaṅkhāto padumapuṇḍarīkakando piṇḍālumasāluādayo ca khīravallikando āluvakando siggukando tālakando nīluppalarattuppalakumudasogandhikānaṃ kandā kadalikando veḷukando kaserukakandoti evamādayo tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthañca bhojanīyatthañca pharaṇakakandā yāvakālikā.
ขีรวลฺลิกโนฺท อโธโต ยาวชีวิโก, โธโต ยาวกาลิโกฯ ขีรกาโกลีชีวิกอุสภกลสุณาทิกนฺทา ปน ยาวชีวิกาฯ เต ปาฬิยํ – ‘‘ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ มูลานิ เภสชฺชานี’’ติ เอวํ มูลเภสชฺชสงฺคเหเนว สงฺคหิตาฯ
Khīravallikando adhoto yāvajīviko, dhoto yāvakāliko. Khīrakākolījīvikausabhakalasuṇādikandā pana yāvajīvikā. Te pāḷiyaṃ – ‘‘yāni vā panaññānipi atthi mūlāni bhesajjānī’’ti evaṃ mūlabhesajjasaṅgaheneva saṅgahitā.
มูฬาลขาทนีเย ปน ปทุมมูฬาลํ ปุณฺฑรีกมุฬาลสทิสเมวฯ เอรกมูลํ กนฺทุลมูลนฺติ เอวมาทิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถญฺจ โภชนียตฺถญฺจ ผรณกมุฬาลํ ยาวกาลิกํฯ หลิทฺทิสิงฺคิเวรมกจิจตุรสฺสวลฺลิเกตกตาลหินฺตาลกุนฺตาลนาฬิเกรปูครุกฺขาทิมุฬาลํ ปน ยาวชีวิกํ, ตํ สพฺพมฺปิ ปาฬิยํ – ‘‘ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ มูลานิ เภสชฺชานี’’ติ (มหาว. ๒๖๓) เอวํ มูลเภสชฺชสงฺคเหเนว สงฺคหิตํฯ
Mūḷālakhādanīye pana padumamūḷālaṃ puṇḍarīkamuḷālasadisameva. Erakamūlaṃ kandulamūlanti evamādi tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthañca bhojanīyatthañca pharaṇakamuḷālaṃ yāvakālikaṃ. Haliddisiṅgiveramakacicaturassavalliketakatālahintālakuntālanāḷikerapūgarukkhādimuḷālaṃ pana yāvajīvikaṃ, taṃ sabbampi pāḷiyaṃ – ‘‘yāni vā panaññānipi atthi mūlāni bhesajjānī’’ti (mahāva. 263) evaṃ mūlabhesajjasaṅgaheneva saṅgahitaṃ.
มตฺถกขาทนีเย ตาลหินฺตาลกุนฺตาลเกตกนาฬิเกรปูครุกฺขขชฺชูรีเวตฺตเอรกกทลีนํ กฬีรสงฺขาตา มตฺถกา เวณุกฬีโร นฬกฬีโร อุจฺฉุกฬีโร มูลกกฬีโร สาสปกฬีโร สตาวริกฬีโร สตฺตนฺนํ ธญฺญานํ กฬีราติ เอวมาทิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถํ โภชนียตฺถญฺจ ผรณโก รุกฺขวลฺลิอาทีนํ มตฺถโก ยาวกาลิโกฯ หลิทฺทิสิงฺคิเวรวจมกจิลสุณานํกฬีรา ตาลหินฺตาลกุนฺตาลนาฬิเกรกฬีรานญฺจ ฉินฺทิตฺวา ปาติโต ชรฎฺฐพุโนฺท ยาวชีวิโกฯ
Matthakakhādanīye tālahintālakuntālaketakanāḷikerapūgarukkhakhajjūrīvettaerakakadalīnaṃ kaḷīrasaṅkhātā matthakā veṇukaḷīro naḷakaḷīro ucchukaḷīro mūlakakaḷīro sāsapakaḷīro satāvarikaḷīro sattannaṃ dhaññānaṃ kaḷīrāti evamādi tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthaṃ bhojanīyatthañca pharaṇako rukkhavalliādīnaṃ matthako yāvakāliko. Haliddisiṅgiveravacamakacilasuṇānaṃkaḷīrā tālahintālakuntālanāḷikerakaḷīrānañca chinditvā pātito jaraṭṭhabundo yāvajīviko.
ขนฺธขาทนีเย อโนฺตปถวีคโต สาลกลฺยาณีขโนฺธ อุจฺฉุขโนฺธ นีลุปฺปลรตฺตุปฺปลกุมุทโสคนฺธิกานํ ขนฺธกาติ เอวมาทิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถํ โภชนียตฺถญฺจ ผรณโก ขโนฺธ ยาวกาลิโกฯ อุปฺปลชาตีนํ ปณฺณทณฺฑโก ปทุมชาตีนํ สโพฺพปิ ทณฺฑโก การวินฺทกทณฺฑาทโย จ อวเสสสพฺพขนฺธา ยาวชีวิกาฯ
Khandhakhādanīye antopathavīgato sālakalyāṇīkhandho ucchukhandho nīluppalarattuppalakumudasogandhikānaṃ khandhakāti evamādi tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthaṃ bhojanīyatthañca pharaṇako khandho yāvakāliko. Uppalajātīnaṃ paṇṇadaṇḍako padumajātīnaṃ sabbopi daṇḍako kāravindakadaṇḍādayo ca avasesasabbakhandhā yāvajīvikā.
ตจขาทนีเย อุจฺฉุตโจว เอโก ยาวกาลิโก, โสปิ สรโสฯ เสโส สโพฺพ ยาวชีวิโกฯ เตสํ ปน มตฺถกขนฺธตจานํ ติณฺณํ ปาฬิยํ กสาวเภสเชฺชน สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Tacakhādanīye ucchutacova eko yāvakāliko, sopi saraso. Seso sabbo yāvajīviko. Tesaṃ pana matthakakhandhatacānaṃ tiṇṇaṃ pāḷiyaṃ kasāvabhesajjena saṅgaho veditabbo. Vuttañhetaṃ –
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, กสาวานิ เภสชฺชานิ นิมฺพกสาวํ, กุฎชกสาวํ, ปโฎลกสาวํ, ผคฺควกสาวํ นตฺตมาลกสาวํ, ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ กสาวานิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ, น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺตี’’ติ (มหาว. ๒๖๓)ฯ
‘‘Anujānāmi, bhikkhave, kasāvāni bhesajjāni nimbakasāvaṃ, kuṭajakasāvaṃ, paṭolakasāvaṃ, phaggavakasāvaṃ nattamālakasāvaṃ, yāni vā panaññānipi atthi kasāvāni bhesajjāni neva khādanīye khādanīyatthaṃ pharanti, na bhojanīye bhojanīyatthaṃ pharantī’’ti (mahāva. 263).
เอตฺถ หิ เอเตสมฺปิ สงฺคโห สิชฺฌติฯ วุตฺตกสาวานิ จ สพฺพานิ กปฺปิยานีติ เวทิตพฺพานิฯ
Ettha hi etesampi saṅgaho sijjhati. Vuttakasāvāni ca sabbāni kappiyānīti veditabbāni.
ปตฺตขาทนีเย มูลกํ ขารโก จจฺจุ ตมฺพโก ตณฺฑุเลยฺยโก ปปุนฺนาโค วตฺถุเลยฺยโก วชกลิ ชชฺฌรี เสลฺลุ สิคฺคุ กาสมทฺทโก อุมฺมา จีนมุโคฺค มาโส ราชมาโส ฐเปตฺวา มหานิปฺผาวํ อวเสสนิปฺผาโว อคฺคิมโนฺถ สุนิสนฺนโก เสตวรโณ นาฬิกา ภูมิยํ ชาตโลณีติ เอเตสํ ปตฺตานิ อญฺญานิ จ เอวรูปานิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถํ โภชนียตฺถญฺจ ผรณกานิ ปตฺตานิ เอกํเสน ยาวกาลิกานิฯ ยา ปนญฺญา มหานขปิฎฺฐิมตฺตา ปณฺณโลณิ รุเกฺข จ คเจฺฉ จ อาโรหติ, ตสฺสา ปตฺตํ ยาวชีวิกํฯ พฺรหฺมีปตฺตญฺจ ยาวกาลิกนฺติ ทีปวาสิโน วทนฺติฯ อมฺพปลฺลวํ ยาวกาลิกํ, อโสกปลฺลวํ ปน ยาวชีวิกํฯ
Pattakhādanīye mūlakaṃ khārako caccu tambako taṇḍuleyyako papunnāgo vatthuleyyako vajakali jajjharī sellu siggu kāsamaddako ummā cīnamuggo māso rājamāso ṭhapetvā mahānipphāvaṃ avasesanipphāvo aggimantho sunisannako setavaraṇo nāḷikā bhūmiyaṃ jātaloṇīti etesaṃ pattāni aññāni ca evarūpāni tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthaṃ bhojanīyatthañca pharaṇakāni pattāni ekaṃsena yāvakālikāni. Yā panaññā mahānakhapiṭṭhimattā paṇṇaloṇi rukkhe ca gacche ca ārohati, tassā pattaṃ yāvajīvikaṃ. Brahmīpattañca yāvakālikanti dīpavāsino vadanti. Ambapallavaṃ yāvakālikaṃ, asokapallavaṃ pana yāvajīvikaṃ.
ยานิ วา ปนญฺญานิ ปาฬิยํ –
Yāni vā panaññāni pāḷiyaṃ –
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปณฺณานิ เภสชฺชานิ นิมฺพปณฺณํ กุฎชปณฺณํ ปโฎลปณฺณํ สุลสิปณฺณํ กปฺปาสกปณฺณํ ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ ปณฺณานิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺตี’’ติ (มหาว. ๒๖๓) –
‘‘Anujānāmi, bhikkhave, paṇṇāni bhesajjāni nimbapaṇṇaṃ kuṭajapaṇṇaṃ paṭolapaṇṇaṃ sulasipaṇṇaṃ kappāsakapaṇṇaṃ yāni vā panaññānipi atthi paṇṇāni bhesajjāni neva khādanīye khādanīyatthaṃ pharanti na bhojanīye bhojanīyatthaṃ pharantī’’ti (mahāva. 263) –
วุตฺตานิ, ตานิ ยาวชีวิกานิฯ น เกวลญฺจ ปณฺณานิเยว เตสํ ปุปฺผผลาทีนิปิ ยาวชีวิกานิฯ ปณฺณานํ ผคฺควปณฺณํ อชฺชุกปณฺณํ ผณิชฺชกปณฺณํ ปโฎลปณฺณํ ตมฺพูลปณฺณํ ปทุมินิปณฺณนฺติ เอวํ คณนวเสน อโนฺต นตฺถิฯ
Vuttāni, tāni yāvajīvikāni. Na kevalañca paṇṇāniyeva tesaṃ pupphaphalādīnipi yāvajīvikāni. Paṇṇānaṃ phaggavapaṇṇaṃ ajjukapaṇṇaṃ phaṇijjakapaṇṇaṃ paṭolapaṇṇaṃ tambūlapaṇṇaṃ paduminipaṇṇanti evaṃ gaṇanavasena anto natthi.
ปุปฺผขาทนีเย มูลกปุปฺผํ ขารกปุปฺผํ จจฺจุปุปฺผํ ตมฺพกปุปฺผํ วชกลิปุปฺผํ ชชฺฌรีปุปฺผํ จูฬนิปฺผาวปุปฺผํ มหานิปฺผาวปุปฺผํ กเสรุกปุปฺผํ นาฬิเกรตาลเกตกานํ ตรุณปุปฺผานิ เสตวรณปุปฺผํ สิคฺคุปุปฺผํ อุปฺปลปทุมชาติกานํ ปุปฺผานิ กณฺณิกมตฺตํ อคนฺธิกปุปฺผํ กฬีรปุปฺผํ ชีวนฺตีปุปฺผนฺติ เอวมาทิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถํ โภชนียตฺถญฺจ ผรณกปุปฺผํ ยาวกาลิกํฯ อโสกพกุลกุยฺยกปุนฺนาคจมฺปกชาติกณวีรกณิการกุนฺทนวมาลิกมลฺลิกาทีนํ ปน ปุปฺผํ ยาวชีวิกํ ตสฺส คณนาย อโนฺต นตฺถิฯ ปาฬิยํ ปนสฺส กสาวเภสเชฺชเนว สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ
Pupphakhādanīye mūlakapupphaṃ khārakapupphaṃ caccupupphaṃ tambakapupphaṃ vajakalipupphaṃ jajjharīpupphaṃ cūḷanipphāvapupphaṃ mahānipphāvapupphaṃ kaserukapupphaṃ nāḷikeratālaketakānaṃ taruṇapupphāni setavaraṇapupphaṃ siggupupphaṃ uppalapadumajātikānaṃ pupphāni kaṇṇikamattaṃ agandhikapupphaṃ kaḷīrapupphaṃ jīvantīpupphanti evamādi tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthaṃ bhojanīyatthañca pharaṇakapupphaṃ yāvakālikaṃ. Asokabakulakuyyakapunnāgacampakajātikaṇavīrakaṇikārakundanavamālikamallikādīnaṃ pana pupphaṃ yāvajīvikaṃ tassa gaṇanāya anto natthi. Pāḷiyaṃ panassa kasāvabhesajjeneva saṅgaho veditabbo.
ผลขาทนีเย ปนสลพุชตาลนาฬิเกรอมฺพชมฺพูอมฺพาฎกตินฺติณิกมาตุลุงฺคกปิตฺถลาพุกุมฺภณฺฑปุสฺสผลติมฺพรูสกติปุสวาติงฺคณโจจโมจมธุกาทีนํ ผลานิ ยานิ โลเก เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถํ โภชนียตฺถญฺจ ผรนฺติ, สพฺพานิ ตานิ ยาวกาลิกานิฯ นามคณนวเสน เนสํ น สกฺกา ปริยนฺตํ ทเสฺสตุํฯ ยานิ ปน ปาฬิยํ –
Phalakhādanīye panasalabujatālanāḷikeraambajambūambāṭakatintiṇikamātuluṅgakapitthalābukumbhaṇḍapussaphalatimbarūsakatipusavātiṅgaṇacocamocamadhukādīnaṃ phalāni yāni loke tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthaṃ bhojanīyatthañca pharanti, sabbāni tāni yāvakālikāni. Nāmagaṇanavasena nesaṃ na sakkā pariyantaṃ dassetuṃ. Yāni pana pāḷiyaṃ –
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ผลานิ เภสชฺชานิ – พิลงฺคํ, ปิปฺผลิํ, มริจํ, หรีตกํ, วิภีตกํ, อามลกํ, โคฎฺฐผลํ, ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ ผลานิ เภสชฺชานิ เนว ขาทนีเย ขาทนียตฺถํ ผรนฺติ น โภชนีเย โภชนียตฺถํ ผรนฺตี’’ติ (มหาว. ๒๖๓) –
‘‘Anujānāmi, bhikkhave, phalāni bhesajjāni – bilaṅgaṃ, pipphaliṃ, maricaṃ, harītakaṃ, vibhītakaṃ, āmalakaṃ, goṭṭhaphalaṃ, yāni vā panaññānipi atthi phalāni bhesajjāni neva khādanīye khādanīyatthaṃ pharanti na bhojanīye bhojanīyatthaṃ pharantī’’ti (mahāva. 263) –
วุตฺตานิ, ตานิ ยาวชีวิกานิฯ เตสมฺปิ อปริปกฺกานิ อจฺฉิว พิมฺพวรณเกตกกาสฺมรีอาทีนํ ผลานิ ชาติผลํ กฎุกผลํ เอฬา ตโกฺกลนฺติ เอวํ นามวเสน น สกฺกา ปริยนฺตํ ทเสฺสตุํฯ
Vuttāni, tāni yāvajīvikāni. Tesampi aparipakkāni acchiva bimbavaraṇaketakakāsmarīādīnaṃ phalāni jātiphalaṃ kaṭukaphalaṃ eḷā takkolanti evaṃ nāmavasena na sakkā pariyantaṃ dassetuṃ.
อฎฺฐิขาทนีเย ลพุชฎฺฐิ ปนสฎฺฐิ อมฺพาฎกฎฺฐิ สาลฎฺฐิ ขชฺชูรีเกตกติมฺพรูสกานํ ตรุณผลฎฺฐิ ตินฺติณิกฎฺฐิ พิมฺพผลฎฺฐิ อุปฺปล ปทุมชาตีนํ โปกฺขรฎฺฐีติ เอวมาทีนิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ มนุสฺสานํ ปกติอาหารวเสน ขาทนียตฺถํ โภชนียตฺถญฺจ ผรณกานิ อฎฺฐีนิ ยาวกาลิกานิฯ มธุกฎฺฐิ ปุนฺนาคฎฺฐิ หรีตกาทีนํ อฎฺฐีนิ สิทฺธตฺถกฎฺฐิ ราชิกฎฺฐีติ เอวมาทีนิ อฎฺฐีนิ ยาวชีวิกานิฯ เตสํ ปาฬิยํ ผลเภสเชฺชเนว สงฺคโห เวทิตโพฺพฯ
Aṭṭhikhādanīye labujaṭṭhi panasaṭṭhi ambāṭakaṭṭhi sālaṭṭhi khajjūrīketakatimbarūsakānaṃ taruṇaphalaṭṭhi tintiṇikaṭṭhi bimbaphalaṭṭhi uppala padumajātīnaṃ pokkharaṭṭhīti evamādīni tesu tesu janapadesu manussānaṃ pakatiāhāravasena khādanīyatthaṃ bhojanīyatthañca pharaṇakāni aṭṭhīni yāvakālikāni. Madhukaṭṭhi punnāgaṭṭhi harītakādīnaṃ aṭṭhīni siddhatthakaṭṭhi rājikaṭṭhīti evamādīni aṭṭhīni yāvajīvikāni. Tesaṃ pāḷiyaṃ phalabhesajjeneva saṅgaho veditabbo.
ปิฎฺฐขาทนีเย สตฺตนฺนํ ตาว ธญฺญานํ ธญฺญานุโลมานํ อปรณฺณานญฺจ ปิฎฺฐํ ปนสปิฎฺฐํ ลพุชปิฎฺฐํ อมฺพาฎกปิฎฺฐํ สาลปิฎฺฐํ โธตกตาลปิฎฺฐญฺจ ขีรวลฺลิปิฎฺฐญฺจาติ เอวมาทีนิ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ปกติอาหารวเสน มนุสฺสานํ ขาทนียตฺถํ โภชนียตฺถญฺจ ผรณกานิ ปิฎฺฐานิ ยาวกาลิกานิฯ อโธตกํ ตาลปิฎฺฐํ ขีรวลฺลิปิฎฺฐํ อสฺสคนฺธาทิปิฎฺฐานิ จ ยาวชีวิกานิฯ เตสํ ปาฬิยํ กสาเวหิ จ มูลผเลหิ จ สงฺฆโห เวทิตโพฺพฯ
Piṭṭhakhādanīye sattannaṃ tāva dhaññānaṃ dhaññānulomānaṃ aparaṇṇānañca piṭṭhaṃ panasapiṭṭhaṃ labujapiṭṭhaṃ ambāṭakapiṭṭhaṃ sālapiṭṭhaṃ dhotakatālapiṭṭhañca khīravallipiṭṭhañcāti evamādīni tesu tesu janapadesu pakatiāhāravasena manussānaṃ khādanīyatthaṃ bhojanīyatthañca pharaṇakāni piṭṭhāni yāvakālikāni. Adhotakaṃ tālapiṭṭhaṃ khīravallipiṭṭhaṃ assagandhādipiṭṭhāni ca yāvajīvikāni. Tesaṃ pāḷiyaṃ kasāvehi ca mūlaphalehi ca saṅghaho veditabbo.
นิยฺยาสขาทนีเย เอโก อุจฺฉุนิยฺยาโสว สตฺตาหกาลิโกฯ เสสา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ชตูนิ เภสชฺชานิ – หิงฺคุํ หิงฺคุชตุํ หิงฺคุสิปาฎิกํ ตกํ ตกปตฺติํ ตกปณฺณิํ สชฺชุลสํ ยานิ วา ปนญฺญานิปิ อตฺถิ ชตูนิ เภสชฺชานี’’ติ (มหาว. ๒๖๓) เอวํ ปาฬิยํ วุตฺตนิยฺยาสา ยาวชีวิกาฯ ตตฺถ เยวาปนกวเสน สงฺคหิตานํ อมฺพนิยฺยาโส กณิการนิยฺยาโสติ เอวํ นามวเสน น สกฺกา ปริยนฺตํ ทเสฺสตุํฯ เอวํ อิเมสุ มูลขาทนียาทีสุ ยํกิญฺจิ ยาวกาลิกํ, สพฺพมฺปิ อิมสฺมิํ อเตฺถ ‘‘อวเสสํ ขาทนียํ นามา’’ติ สงฺคหิตํ ฯ
Niyyāsakhādanīye eko ucchuniyyāsova sattāhakāliko. Sesā ‘‘anujānāmi, bhikkhave, jatūni bhesajjāni – hiṅguṃ hiṅgujatuṃ hiṅgusipāṭikaṃ takaṃ takapattiṃ takapaṇṇiṃ sajjulasaṃ yāni vā panaññānipi atthi jatūni bhesajjānī’’ti (mahāva. 263) evaṃ pāḷiyaṃ vuttaniyyāsā yāvajīvikā. Tattha yevāpanakavasena saṅgahitānaṃ ambaniyyāso kaṇikāraniyyāsoti evaṃ nāmavasena na sakkā pariyantaṃ dassetuṃ. Evaṃ imesu mūlakhādanīyādīsu yaṃkiñci yāvakālikaṃ, sabbampi imasmiṃ atthe ‘‘avasesaṃ khādanīyaṃ nāmā’’ti saṅgahitaṃ .
โภชนียํ นาม ปญฺจ โภชนานีติอาทิมฺหิ ยํ วตฺตพฺพํ ตํ วุตฺตเมวฯ ขาทิสฺสามิ ภุญฺชิสฺสามีติ, ปฎิคฺคณฺหาตีติ โย ภิกฺขุ วิกาเล เอตํ ขาทนียํ โภชนียญฺจ ปฎิคฺคณฺหาติ, ตสฺส ปฎิคฺคหเณ ตาว อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ
Bhojanīyaṃ nāma pañca bhojanānītiādimhi yaṃ vattabbaṃ taṃ vuttameva. Khādissāmi bhuñjissāmīti, paṭiggaṇhātīti yo bhikkhu vikāle etaṃ khādanīyaṃ bhojanīyañca paṭiggaṇhāti, tassa paṭiggahaṇe tāva āpatti dukkaṭassa. Sesamettha uttānameva.
เอฬกโลมสมุฎฺฐานํ – กายโต จ กายจิตฺตโต จ สมุฎฺฐาติ, กิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Eḷakalomasamuṭṭhānaṃ – kāyato ca kāyacittato ca samuṭṭhāti, kiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
วิกาลโภชนสิกฺขาปทํ สตฺตมํฯ
Vikālabhojanasikkhāpadaṃ sattamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๔. โภชนวโคฺค • 4. Bhojanavaggo
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๗. วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Vikālabhojanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๗. วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Vikālabhojanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๗. วิกาลโภชนสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Vikālabhojanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๗. วิกาลโภชนสิกฺขาปทํ • 7. Vikālabhojanasikkhāpadaṃ