Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๒. วิเลขนสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Vilekhanasikkhāpadavaṇṇanā
๔๓๘. ทุติเย – วินยกถํ กเถตีติ วินยกถา นาม กปฺปิยากปฺปิยอาปตฺตานาปตฺติสํวรปหานปฎิสํยุตฺตกถา, ตํ กเถติฯ วินยสฺส วณฺณํ ภาสตีติ วินยสฺส วโณฺณ นาม ปญฺจนฺนมฺปิ สตฺตนฺนมฺปิ อาปตฺติกฺขนฺธานํ วเสน มาติกํ นิกฺขิปิตฺวา ปทภาชเนน วณฺณนา, ตํ ภาสติฯ วินยปริยตฺติยา วณฺณํ ภาสตีติ วินยํ ปริยาปุณนฺตานํ วินยปริยตฺติมูลกํ วณฺณํ คุณํ อานิสํสํ ภาสติฯ วินยธโร หิ วินยปริยตฺติมูลเก ปญฺจานิสํเส ฉานิสํเส สตฺตานิสํเส อฎฺฐานิสํเส นวานิสํเส ทสานิสํเส เอกาทสานิสํเส จ ลภติ เต สเพฺพ ภาสตีติ อโตฺถฯ กตเม ปญฺจานิสํเส ลภตีติ? อตฺตโน สีลกฺขนฺธสุคุตฺติอาทิเก ฯ วุตฺตเญฺหตํ –
438. Dutiye – vinayakathaṃ kathetīti vinayakathā nāma kappiyākappiyaāpattānāpattisaṃvarapahānapaṭisaṃyuttakathā, taṃ katheti. Vinayassa vaṇṇaṃ bhāsatīti vinayassa vaṇṇo nāma pañcannampi sattannampi āpattikkhandhānaṃ vasena mātikaṃ nikkhipitvā padabhājanena vaṇṇanā, taṃ bhāsati. Vinayapariyattiyā vaṇṇaṃ bhāsatīti vinayaṃ pariyāpuṇantānaṃ vinayapariyattimūlakaṃ vaṇṇaṃ guṇaṃ ānisaṃsaṃ bhāsati. Vinayadharo hi vinayapariyattimūlake pañcānisaṃse chānisaṃse sattānisaṃse aṭṭhānisaṃse navānisaṃse dasānisaṃse ekādasānisaṃse ca labhati te sabbe bhāsatīti attho. Katame pañcānisaṃse labhatīti? Attano sīlakkhandhasuguttiādike . Vuttañhetaṃ –
‘‘ปญฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา วินยธเร ปุคฺคเล – อตฺตโน สีลกฺขโนฺธ สุคุโตฺต โหติ สุรกฺขิโต, กุกฺกุจฺจปกตานํ ปฎิสรณํ โหติ, วิสารโท สงฺฆมเชฺฌ โวหรติ, ปจฺจตฺถิเก สหธเมฺมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคณฺหาติ, สทฺธมฺมฎฺฐิติยา ปฎิปโนฺน โหตี’’ติ (ปริ. ๓๒๕)ฯ
‘‘Pañcime, bhikkhave, ānisaṃsā vinayadhare puggale – attano sīlakkhandho sugutto hoti surakkhito, kukkuccapakatānaṃ paṭisaraṇaṃ hoti, visārado saṅghamajjhe voharati, paccatthike sahadhammena suniggahitaṃ niggaṇhāti, saddhammaṭṭhitiyā paṭipanno hotī’’ti (pari. 325).
กถมสฺส อตฺตโน สีลกฺขโนฺธ สุคุโตฺต โหติ สุรกฺขิโต? อิเธกโจฺจ ภิกฺขุ อาปตฺติํ อาปชฺชโนฺต ฉหากาเรหิ อาปชฺชติ – อลชฺชิตา, อญฺญาณตา, กุกฺกุจฺจปกตตา, อกปฺปิเย กปฺปิยสญฺญิตา, กปฺปิเย อกปฺปิยสญฺญิตา, สติสโมฺมสาติฯ
Kathamassa attano sīlakkhandho sugutto hoti surakkhito? Idhekacco bhikkhu āpattiṃ āpajjanto chahākārehi āpajjati – alajjitā, aññāṇatā, kukkuccapakatatā, akappiye kappiyasaññitā, kappiye akappiyasaññitā, satisammosāti.
กถํ อลชฺชิตาย อาปตฺติํ อาปชฺชติ? อกปฺปิยภาวํ ชานโนฺตเยว มทฺทิตฺวา วีติกฺกมํ กโรติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ –
Kathaṃ alajjitāya āpattiṃ āpajjati? Akappiyabhāvaṃ jānantoyeva madditvā vītikkamaṃ karoti. Vuttampi cetaṃ –
‘‘สญฺจิจฺจ อาปตฺติํ อาปชฺชติ, อาปตฺติํ ปริคูหติ;
‘‘Sañcicca āpattiṃ āpajjati, āpattiṃ parigūhati;
อคติคมนญฺจ คจฺฉติ, เอทิโส วุจฺจติ อลชฺชิปุคฺคโล’’ติฯ (ปริ. ๓๕๙);
Agatigamanañca gacchati, ediso vuccati alajjipuggalo’’ti. (pari. 359);
กถํ อญฺญาณตาย อาปชฺชติ? อญฺญาณปุคฺคโล หิ มโนฺท โมมูโห กตฺตพฺพากตฺตพฺพํ อชานโนฺต อกตฺตพฺพํ กโรติ, กตฺตพฺพํ วิราเธติ; เอวํ อญฺญาณตาย อาปชฺชติฯ
Kathaṃ aññāṇatāya āpajjati? Aññāṇapuggalo hi mando momūho kattabbākattabbaṃ ajānanto akattabbaṃ karoti, kattabbaṃ virādheti; evaṃ aññāṇatāya āpajjati.
กถํ กุกฺกุจฺจปกตตาย อาปชฺชติ? กปฺปิยากปฺปิยํ นิสฺสาย กุกฺกุเจฺจ อุปฺปเนฺน วินยธรํ ปุจฺฉิตฺวา กปฺปิยเญฺจ กตฺตพฺพํ สิยา, อกปฺปิยเญฺจ น กตฺตพฺพํ, อยํ ปน ‘‘วฎฺฎตี’’ติ มทฺทิตฺวา วีติกฺกมติเยว; เอวํ กุกฺกุจฺจปกตตาย อาปชฺชติฯ
Kathaṃ kukkuccapakatatāya āpajjati? Kappiyākappiyaṃ nissāya kukkucce uppanne vinayadharaṃ pucchitvā kappiyañce kattabbaṃ siyā, akappiyañce na kattabbaṃ, ayaṃ pana ‘‘vaṭṭatī’’ti madditvā vītikkamatiyeva; evaṃ kukkuccapakatatāya āpajjati.
กถํ อกปฺปิเย กปฺปิยสญฺญิตาย อาปชฺชติ? อจฺฉมํสํ สูกรมํสนฺติ ขาทติ, ทีปิมํสํ มิคมํสนฺติ ขาทติ, อกปฺปิยโภชนํ กปฺปิยโภชนนฺติ ภุญฺชติ, วิกาเล กาลสญฺญาย ภุญฺชติ, อกปฺปิยปานกํ กปฺปิยปานกนฺติ ปิวติ; เอวํ อกปฺปิเย กปฺปิยสญฺญิตาย อาปชฺชติฯ
Kathaṃ akappiye kappiyasaññitāya āpajjati? Acchamaṃsaṃ sūkaramaṃsanti khādati, dīpimaṃsaṃ migamaṃsanti khādati, akappiyabhojanaṃ kappiyabhojananti bhuñjati, vikāle kālasaññāya bhuñjati, akappiyapānakaṃ kappiyapānakanti pivati; evaṃ akappiye kappiyasaññitāya āpajjati.
กถํ กปฺปิเย อกปฺปิยสญฺญิตาย อาปชฺชติ? สูกรมํสํ อจฺฉมํสนฺติ ขาทติ, มิคมํสํ ทีปิมํสนฺติ ขาทติ, กปฺปิยโภชนํ อกปฺปิยโภชนนฺติ ภุญฺชติ, กาเล วิกาลสญฺญาย ภุญฺชติ, กปฺปิยปานกํ อกปฺปิยปานกนฺติ ปิวติ; เอวํ กปฺปิเย อกปฺปิยสญฺญิตาย อาปชฺชติฯ
Kathaṃ kappiye akappiyasaññitāya āpajjati? Sūkaramaṃsaṃ acchamaṃsanti khādati, migamaṃsaṃ dīpimaṃsanti khādati, kappiyabhojanaṃ akappiyabhojananti bhuñjati, kāle vikālasaññāya bhuñjati, kappiyapānakaṃ akappiyapānakanti pivati; evaṃ kappiye akappiyasaññitāya āpajjati.
กถํ สติสโมฺมสาย อาปชฺชติ? สหเสยฺยจีวรวิปฺปวาสเภสชฺชจีวรกาลาติกฺกมนปจฺจยา อาปตฺติญฺจ สติสโมฺมสาย อาปชฺชติ; เอวมิเธกโจฺจ ภิกฺขุ อิเมหิ ฉหากาเรหิ อาปตฺติํ อาปชฺชติฯ
Kathaṃ satisammosāya āpajjati? Sahaseyyacīvaravippavāsabhesajjacīvarakālātikkamanapaccayā āpattiñca satisammosāya āpajjati; evamidhekacco bhikkhu imehi chahākārehi āpattiṃ āpajjati.
วินยธโร ปน อิเมหิ ฉหากาเรหิ อาปตฺติํ นาปชฺชติฯ กถํ ลชฺชิตาย นาปชฺชติ? โส หิ ‘‘ปสฺสถ โภ, อยํ กปฺปิยากปฺปิยํ ชานโนฺตเยว ปณฺณตฺติวีติกฺกมํ กโรตี’’ติ อิมํ ปรูปวาทํ รกฺขโนฺตปิ นาปชฺชติ; เอวํ ลชฺชิตาย นาปชฺชติฯ สหสา อาปนฺนมฺปิ เทสนาคามินิํ เทเสตฺวา วุฎฺฐานคามินิยา วุฎฺฐหิตฺวา สุทฺธเนฺต ปติฎฺฐาติฯ ตโต –
Vinayadharo pana imehi chahākārehi āpattiṃ nāpajjati. Kathaṃ lajjitāya nāpajjati? So hi ‘‘passatha bho, ayaṃ kappiyākappiyaṃ jānantoyeva paṇṇattivītikkamaṃ karotī’’ti imaṃ parūpavādaṃ rakkhantopi nāpajjati; evaṃ lajjitāya nāpajjati. Sahasā āpannampi desanāgāminiṃ desetvā vuṭṭhānagāminiyā vuṭṭhahitvā suddhante patiṭṭhāti. Tato –
‘‘สญฺจิจฺจ อาปตฺติํ น อาปชฺชติ, อาปตฺติํ น ปริคูหติ;
‘‘Sañcicca āpattiṃ na āpajjati, āpattiṃ na parigūhati;
อคติคมนญฺจ น คจฺฉติ, เอทิโส วุจฺจติ ลชฺชิปุคฺคโล’’ติฯ (ปริ. ๓๕๙)
Agatigamanañca na gacchati, ediso vuccati lajjipuggalo’’ti. (pari. 359)
อิมสฺมิํ ลชฺชิภาเว ปติฎฺฐิโตว โหติฯ
Imasmiṃ lajjibhāve patiṭṭhitova hoti.
กถํ ญาณตาย นาปชฺชติ? โส หิ กปฺปิยากปฺปิยํ ชานาติ, ตสฺมา กปฺปิยเมว กโรติ, อกปฺปิยํ น กโรติ; เอวํ ญาณตาย นาปชฺชติฯ
Kathaṃ ñāṇatāya nāpajjati? So hi kappiyākappiyaṃ jānāti, tasmā kappiyameva karoti, akappiyaṃ na karoti; evaṃ ñāṇatāya nāpajjati.
กถํ อกุกฺกุจฺจปกตตาย นาปชฺชติ? โส หิ กปฺปิยากปฺปิยํ นิสฺสาย กุกฺกุเจฺจ อุปฺปเนฺน วตฺถุํ โอโลเกตฺวา มาติกํ ปทภาชนํ อนฺตราปตฺติํ อาปตฺติํ อนาปตฺติญฺจ โอโลเกตฺวา กปฺปิยเญฺจ โหติ กโรติ, อกปฺปิยเญฺจ น กโรติ; เอวํ อกุกฺกุจฺจปกตตาย นาปชฺชติฯ
Kathaṃ akukkuccapakatatāya nāpajjati? So hi kappiyākappiyaṃ nissāya kukkucce uppanne vatthuṃ oloketvā mātikaṃ padabhājanaṃ antarāpattiṃ āpattiṃ anāpattiñca oloketvā kappiyañce hoti karoti, akappiyañce na karoti; evaṃ akukkuccapakatatāya nāpajjati.
กถํ อกปฺปิยาทิสญฺญิตาย นาปชฺชติ? โส หิ กปฺปิยากปฺปิยํ ชานาติ, ตสฺมา อกปฺปิเย กปฺปิยสญฺญี น โหติ, กปฺปิเย อกปฺปิยสญฺญี น โหติ; สุปฺปติฎฺฐิตา จสฺส สติ โหติ, อธิฎฺฐาตพฺพํ อธิเฎฺฐติ, วิกเปฺปตพฺพํ วิกเปฺปติฯ อิติ อิเมหิ ฉหากาเรหิ อาปตฺติํ นาปชฺชติฯ อาปตฺติํ อนาปชฺชโนฺต อขณฺฑสีโล โหติ ปริสุทฺธสีโล; เอวมสฺส อตฺตโน สีลกฺขโนฺธ สุคุโตฺต โหติ สุรกฺขิโตฯ
Kathaṃ akappiyādisaññitāya nāpajjati? So hi kappiyākappiyaṃ jānāti, tasmā akappiye kappiyasaññī na hoti, kappiye akappiyasaññī na hoti; suppatiṭṭhitā cassa sati hoti, adhiṭṭhātabbaṃ adhiṭṭheti, vikappetabbaṃ vikappeti. Iti imehi chahākārehi āpattiṃ nāpajjati. Āpattiṃ anāpajjanto akhaṇḍasīlo hoti parisuddhasīlo; evamassa attano sīlakkhandho sugutto hoti surakkhito.
กถํ กุกฺกุจฺจปกตานํ ปฎิสรณํ โหติ? ติโรรเฎฺฐสุ ติโรชนปเทสุ จ อุปฺปนฺนกุกฺกุจฺจา ภิกฺขู ‘‘อสุกสฺมิํ กิร วิหาเร วินยธโร วสตี’’ติ ทูรโตปิ ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา กุกฺกุจฺจํ ปุจฺฉนฺติ, โส เตหิ กตสฺส กมฺมสฺส วตฺถุํ โอโลเกตฺวา อาปตฺตานาปตฺติครุกลหุกาทิเภทํ สลฺลเกฺขตฺวา เทสนาคามินิํ เทสาเปตฺวา วุฎฺฐานคามินิยา วุฎฺฐาเปตฺวา สุทฺธเนฺต ปติฎฺฐาเปติ; เอวํ กุกฺกุจฺจปกตานํ ปฎิสรณํ โหติฯ
Kathaṃ kukkuccapakatānaṃ paṭisaraṇaṃ hoti? Tiroraṭṭhesu tirojanapadesu ca uppannakukkuccā bhikkhū ‘‘asukasmiṃ kira vihāre vinayadharo vasatī’’ti dūratopi tassa santikaṃ āgantvā kukkuccaṃ pucchanti, so tehi katassa kammassa vatthuṃ oloketvā āpattānāpattigarukalahukādibhedaṃ sallakkhetvā desanāgāminiṃ desāpetvā vuṭṭhānagāminiyā vuṭṭhāpetvā suddhante patiṭṭhāpeti; evaṃ kukkuccapakatānaṃ paṭisaraṇaṃ hoti.
วิสารโท สงฺฆมเชฺฌ โวหรตีติ อวินยธรสฺส หิ สงฺฆมเชฺฌ กเถนฺตสฺส ภยํ สารชฺชํ โอกฺกมติ, วินยธรสฺส ตํ น โหติฯ กสฺมา? ‘‘เอวํ กเถนฺตสฺส โทโส โหติ; เอวํ น โทโส’’ติ ญตฺวา กถนโตฯ
Visārado saṅghamajjhe voharatīti avinayadharassa hi saṅghamajjhe kathentassa bhayaṃ sārajjaṃ okkamati, vinayadharassa taṃ na hoti. Kasmā? ‘‘Evaṃ kathentassa doso hoti; evaṃ na doso’’ti ñatvā kathanato.
ปจฺจตฺถิเก สหธเมฺมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคณฺหาตีติ เอตฺถ ทฺวิธา ปจฺจตฺถิกา นาม – อตฺตปจฺจตฺถิกา จ สาสนปจฺจตฺถิกา จฯ ตตฺถ เมตฺติยภุมฺมชกา จ ภิกฺขู วโฑฺฒ จ ลิจฺฉวี อมูลเกน อนฺติมวตฺถุนา โจเทสุํ, อิเม อตฺตปจฺจตฺถิกา นามฯ เย วา ปนเญฺญปิ ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา, สเพฺพ เต อตฺตปจฺจตฺถิกาฯ วิปรีตทสฺสนา ปน อริฎฺฐภิกฺขุกณฺฎกสามเณรเวสาลิกวชฺชิปุตฺตกา ปรูปหารอญฺญาณกงฺขาปรวิตรณาทิวาทา มหาสงฺฆิกาทโย จ อพุทฺธสาสนํ ‘‘พุทฺธสาสน’’นฺติ วตฺวา กตปคฺคหา สาสนปจฺจตฺถิกา นามฯ เต สเพฺพปิ สหธเมฺมน สการเณน วจเนน ยถา ตํ อสทฺธมฺมํ ปติฎฺฐาเปตุํ น สโกฺกนฺติ, เอวํ สุนิคฺคหิตํ กตฺวา นิคฺคณฺหาติฯ
Paccatthike sahadhammena suniggahitaṃ niggaṇhātīti ettha dvidhā paccatthikā nāma – attapaccatthikā ca sāsanapaccatthikā ca. Tattha mettiyabhummajakā ca bhikkhū vaḍḍho ca licchavī amūlakena antimavatthunā codesuṃ, ime attapaccatthikā nāma. Ye vā panaññepi dussīlā pāpadhammā, sabbe te attapaccatthikā. Viparītadassanā pana ariṭṭhabhikkhukaṇṭakasāmaṇeravesālikavajjiputtakā parūpahāraaññāṇakaṅkhāparavitaraṇādivādā mahāsaṅghikādayo ca abuddhasāsanaṃ ‘‘buddhasāsana’’nti vatvā katapaggahā sāsanapaccatthikā nāma. Te sabbepi sahadhammena sakāraṇena vacanena yathā taṃ asaddhammaṃ patiṭṭhāpetuṃ na sakkonti, evaṃ suniggahitaṃ katvā niggaṇhāti.
สทฺธมฺมฎฺฐิติยา ปฎิปโนฺน โหตีติ เอตฺถ ปน ติวิโธ สทฺธโมฺม ปริยตฺติปฎิปตฺติอธิคมวเสนฯ ตตฺถ เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ ปริยตฺติสทฺธโมฺม นามฯ เตรส ธุตงฺคคุณา จุทฺทส ขนฺธกวตฺตานิ เทฺวอสีติ มหาวตฺตานีติ อยํ ปฎิปตฺติสทฺธโมฺม นามฯ จตฺตาโร มคฺคา จ ผลานิ จาติ อยํ อธิคมสทฺธโมฺม นามฯ
Saddhammaṭṭhitiyāpaṭipanno hotīti ettha pana tividho saddhammo pariyattipaṭipattiadhigamavasena. Tattha tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ pariyattisaddhammo nāma. Terasa dhutaṅgaguṇā cuddasa khandhakavattāni dveasīti mahāvattānīti ayaṃ paṭipattisaddhammo nāma. Cattāro maggā ca phalāni cāti ayaṃ adhigamasaddhammo nāma.
ตตฺถ เกจิ เถรา ‘‘โย โว, อานนฺท, มยา ธโมฺม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญโตฺต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖) อิมินา สุเตฺตน ‘‘สาสนสฺส ปริยตฺติ มูล’’นฺติ วทนฺติฯ เกจิ เถรา ‘‘อิเม จ สุภทฺท ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสุโญฺญ โลโก อรหเนฺตหิ อสฺสา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔) อิมินา สุเตฺตน ‘‘สาสนสฺส ปฎิปตฺติมูล’’นฺติ วตฺวา ‘‘ยาว ปญฺจ ภิกฺขู สมฺมา ปฎิปนฺนา สํวิชฺชนฺติ, ตาว สาสนํ ฐิตํ โหตี’’ติ อาหํสุฯ อิตเร ปน เถรา ปริยตฺติยา อนฺตรหิตาย สุปฺปฎิปนฺนสฺสปิ ธมฺมาภิสมโย นตฺถี’’ติ อาหํสุฯ สเจ ปญฺจ ภิกฺขู จตฺตาริ ปาราชิกานิ รกฺขณกา โหนฺติ, เต สเทฺธ กุลปุเตฺต ปพฺพาเชตฺวา ปจฺจนฺติเม ชนปเท อุปสมฺปาเทตฺวา ทสวคฺคํ คณํ ปูเรตฺวา มชฺฌิเม ชนปเทปิ อุปสมฺปทํ กริสฺสนฺติ, เอเตนุปาเยน วีสติวคฺคคณํ สงฺฆํ ปูเรตฺวา อตฺตโนปิ อพฺภานกมฺมํ กตฺวา สาสนํ วุฑฺฒิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ คมยิสฺสนฺติฯ เอวมยํ วินยธโร ติวิธสฺสาปิ สทฺธมฺมสฺส จิรฎฺฐิติยา ปฎิปโนฺน โหตีติ เอวมยํ วินยธโร อิเม ตาว ปญฺจานิสํเส ปฎิลภตีติ เวทิตโพฺพฯ
Tattha keci therā ‘‘yo vo, ānanda, mayā dhammo ca vinayo ca desito paññatto, so vo mamaccayena satthā’’ti (dī. ni. 2.216) iminā suttena ‘‘sāsanassa pariyatti mūla’’nti vadanti. Keci therā ‘‘ime ca subhadda bhikkhū sammā vihareyyuṃ, asuñño loko arahantehi assā’’ti (dī. ni. 2.214) iminā suttena ‘‘sāsanassa paṭipattimūla’’nti vatvā ‘‘yāva pañca bhikkhū sammā paṭipannā saṃvijjanti, tāva sāsanaṃ ṭhitaṃ hotī’’ti āhaṃsu. Itare pana therā pariyattiyā antarahitāya suppaṭipannassapi dhammābhisamayo natthī’’ti āhaṃsu. Sace pañca bhikkhū cattāri pārājikāni rakkhaṇakā honti, te saddhe kulaputte pabbājetvā paccantime janapade upasampādetvā dasavaggaṃ gaṇaṃ pūretvā majjhime janapadepi upasampadaṃ karissanti, etenupāyena vīsativaggagaṇaṃ saṅghaṃ pūretvā attanopi abbhānakammaṃ katvā sāsanaṃ vuḍḍhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ gamayissanti. Evamayaṃ vinayadharo tividhassāpi saddhammassa ciraṭṭhitiyā paṭipanno hotīti evamayaṃ vinayadharo ime tāva pañcānisaṃse paṭilabhatīti veditabbo.
กตเม ฉ อานิสํเส ลภตีติ? ตสฺสาเธโยฺย อุโปสโถ, ปวารณา, สงฺฆกมฺมํ, ปพฺพชฺชา, อุปสมฺปทา, นิสฺสยํ เทติ สามเณรํ อุปฎฺฐาเปติฯ
Katame cha ānisaṃse labhatīti? Tassādheyyo uposatho, pavāraṇā, saṅghakammaṃ, pabbajjā, upasampadā, nissayaṃ deti sāmaṇeraṃ upaṭṭhāpeti.
เย อิเม จาตุทฺทสิโก, ปนฺนรสิโก, สามคฺคิอุโปสโถ, สเงฺฆ อุโปสโถ, คเณ ปุคฺคเล อุโปสโถ, สุตฺตุเทฺทโส, ปาริสุทฺธิ, อธิฎฺฐานอุโปสโถติ นว อุโปสถา, สเพฺพ เต วินยธรายตฺตาฯ
Ye ime cātuddasiko, pannarasiko, sāmaggiuposatho, saṅghe uposatho, gaṇe puggale uposatho, suttuddeso, pārisuddhi, adhiṭṭhānauposathoti nava uposathā, sabbe te vinayadharāyattā.
ยาปิ จ อิมา จาตุทฺทสิกา ปนฺนรสิกา, สามคฺคิปวารณา, สเงฺฆ ปวารณา คเณ ปุคฺคเล ปวารณา, เตวาจิกา, เทฺววาจิกา, สมานวสฺสิกา ปวารณาติ นว ปวารณาโย, ตาปิ วินยธรายตฺตา เอว, ตสฺส สนฺตกา, โส ตาสํ สามีฯ
Yāpi ca imā cātuddasikā pannarasikā, sāmaggipavāraṇā, saṅghe pavāraṇā gaṇe puggale pavāraṇā, tevācikā, dvevācikā, samānavassikā pavāraṇāti nava pavāraṇāyo, tāpi vinayadharāyattā eva, tassa santakā, so tāsaṃ sāmī.
ยานิปิ อิมานิ อปโลกนกมฺมํ ญตฺติกมฺมํ ญตฺติทุติยกมฺมํ ญตฺติจตุตฺถกมฺมนฺติ จตฺตาริ สงฺฆกมฺมานิ, ตานิ วินยธรายตฺตานิฯ
Yānipi imāni apalokanakammaṃ ñattikammaṃ ñattidutiyakammaṃ ñatticatutthakammanti cattāri saṅghakammāni, tāni vinayadharāyattāni.
ยาปิ จายํ อุปชฺฌาเยน หุตฺวา กุลปุตฺตานํ ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ กาตพฺพา, อยมฺปิ วินยธรายตฺตาวฯ น หิ อโญฺญ ทฺวิปิฎกธโรปิ เอตํ กาตุํ ลภติฯ โส เอว นิสฺสยํ เทติ, สามเณรํ อุปฎฺฐาเปติฯ อโญฺญ เนว นิสฺสยํ ทาตุํ ลภติ, น สามเณรํ อุปฎฺฐาเปตุํฯ สามเณรูปฎฺฐานํ ปจฺจาสีสโนฺต ปน วินยธรสฺส สนฺติเก อุปชฺฌํ คาหาเปตฺวา วตฺตปฎิปตฺติํ สาทิตุํ ลภติฯ เอตฺถ จ นิสฺสยทานเญฺจว สามเณรูปฎฺฐานญฺจ เอกมงฺคํฯ
Yāpi cāyaṃ upajjhāyena hutvā kulaputtānaṃ pabbajjā ca upasampadā ca kātabbā, ayampi vinayadharāyattāva. Na hi añño dvipiṭakadharopi etaṃ kātuṃ labhati. So eva nissayaṃ deti, sāmaṇeraṃ upaṭṭhāpeti. Añño neva nissayaṃ dātuṃ labhati, na sāmaṇeraṃ upaṭṭhāpetuṃ. Sāmaṇerūpaṭṭhānaṃ paccāsīsanto pana vinayadharassa santike upajjhaṃ gāhāpetvā vattapaṭipattiṃ sādituṃ labhati. Ettha ca nissayadānañceva sāmaṇerūpaṭṭhānañca ekamaṅgaṃ.
อิติ อิเมสุ ฉสุ อานิสํเสสุ เอเกน สทฺธิํ ปุริมา ปญฺจ ฉ โหนฺติ, ทฺวีหิ สทฺธิํ สตฺต, ตีหิ สทฺธิํ อฎฺฐ, จตูหิ สทฺธิํ นว, ปญฺจหิ สทฺธิํ ทส, สเพฺพหิ เปเตหิ สทฺธิํ เอกาทสาติ เอวํ วินยธโร ปุคฺคโล ปญฺจ ฉ สตฺต อฎฺฐ นว ทส เอกาทส จ อานิสํเส ลภตีติ เวทิตโพฺพฯ เอวํ ภควา อิเม อานิสํเส ทเสฺสโนฺต วินยปริยตฺติยา วณฺณํ ภาสตีติ เวทิตโพฺพฯ
Iti imesu chasu ānisaṃsesu ekena saddhiṃ purimā pañca cha honti, dvīhi saddhiṃ satta, tīhi saddhiṃ aṭṭha, catūhi saddhiṃ nava, pañcahi saddhiṃ dasa, sabbehi petehi saddhiṃ ekādasāti evaṃ vinayadharo puggalo pañca cha satta aṭṭha nava dasa ekādasa ca ānisaṃse labhatīti veditabbo. Evaṃ bhagavā ime ānisaṃse dassento vinayapariyattiyā vaṇṇaṃ bhāsatīti veditabbo.
อาทิสฺส อาทิสฺสาติ ปุนปฺปุนํ ววตฺถเปตฺวา วิสุํ วิสุํ กตฺวาฯ อายสฺมโต อุปาลิสฺส วณฺณํ ภาสตีติ วินยปริยตฺติํ นิสฺสาย อุปาลิเตฺถรสฺส คุณํ ภาสติ โถเมติ ปสํสติฯ กสฺมา? อเปฺปว นาม มม วณฺณนํ สุตฺวาปิ ภิกฺขู อุปาลิสฺส สนฺติเก วินยํ อุคฺคเหตพฺพํ ปริยาปุณิตพฺพํ มเญฺญยฺยุํ, เอวมิทํ สาสนํ อทฺธนิยํ ภวิสฺสติ, ปญฺจวสฺสสหสฺสานิ ปวตฺติสฺสตีติฯ
Ādissaādissāti punappunaṃ vavatthapetvā visuṃ visuṃ katvā. Āyasmato upālissa vaṇṇaṃ bhāsatīti vinayapariyattiṃ nissāya upālittherassa guṇaṃ bhāsati thometi pasaṃsati. Kasmā? Appeva nāma mama vaṇṇanaṃ sutvāpi bhikkhū upālissa santike vinayaṃ uggahetabbaṃ pariyāpuṇitabbaṃ maññeyyuṃ, evamidaṃ sāsanaṃ addhaniyaṃ bhavissati, pañcavassasahassāni pavattissatīti.
เตธ พหู ภิกฺขูติ เต อิมํ ภควโต วณฺณนํ สุตฺวา ‘‘อิเม กิรานิสํเส เนว สุตฺตนฺติกา น อาภิธมฺมิกา ลภนฺตี’’ติ ยถาปริกิตฺติตานิสํสาธิคเม อุสฺสาหชาตา พหู ภิกฺขู เถรา จ นวา จ มชฺฌิมา จ อายสฺมโต อุปาลิสฺส สนฺติเก วินยํ ปริยาปุณนฺตีติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ อิธาติ นิปาตมตฺตเมวฯ
Tedha bahū bhikkhūti te imaṃ bhagavato vaṇṇanaṃ sutvā ‘‘ime kirānisaṃse neva suttantikā na ābhidhammikā labhantī’’ti yathāparikittitānisaṃsādhigame ussāhajātā bahū bhikkhū therā ca navā ca majjhimā ca āyasmato upālissa santike vinayaṃ pariyāpuṇantīti ayamettha attho. Idhāti nipātamattameva.
๔๓๙-๔๐. อุทฺทิสฺสมาเนติ อาจริเยน อเนฺตวาสิกสฺส อุทฺทิสฺสมาเน, โส ปน ยสฺมา อาจริเย อตฺตโน รุจิยา อุทฺทิสเนฺต วา อาจริยํ ยาจิตฺวา อเนฺตวาสิเกน อุทฺทิสาเปเนฺต วา โย นํ ธาเรติ, ตสฺมิํ สชฺฌายํ กโรเนฺต วา อุทฺทิสฺสมาโน นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘อุทฺทิสเนฺต วา อุทฺทิสาเปเนฺต วา สชฺฌายํ วา กโรเนฺต’’ติ ปทภาชนํ วุตฺตํฯ ขุทฺทานุขุทฺทเกหีติ ขุทฺทเกหิ จ อนุขุทฺทเกหิ จฯ ยาวเทวาติ เตสํ สํวตฺตนมริยาทปริเจฺฉทวจนํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอตานิ หิ เย อุทฺทิสนฺติ, อุทฺทิสาเปนฺติ สชฺฌายนฺติ วา, เตสํ ตาว สํวตฺตนฺติ ยาว ‘‘กปฺปติ นุ โข, น กปฺปติ นุ โข’’ติ กุกฺกุจฺจสงฺขาโต วิปฺปฎิสาโร วิเหสา วิจิกิจฺฉาสงฺขาโต มโนวิเลโข จ อุปฺปชฺชติเยวฯ อถ วา ยาวเทวาติ อติสยววตฺถาปนํ; ตสฺส สํวตฺตนฺตีติ อิมินา สมฺพโนฺธ, กุกฺกุจฺจาย วิเหสาย วิเลขาย อติวิย สํวตฺตนฺติเยวาติ วุตฺตํ โหติฯ อุปสมฺปนฺนสฺส วินยํ วิวเณฺณตีติ อุปสมฺปนฺนสฺส สนฺติเก ตสฺส ตสฺมิํ วิมติํ อุปฺปาเทตุกาโม วินยํ วิวเณฺณติ นินฺทติ ครหติฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ
439-40.Uddissamāneti ācariyena antevāsikassa uddissamāne, so pana yasmā ācariye attano ruciyā uddisante vā ācariyaṃ yācitvā antevāsikena uddisāpente vā yo naṃ dhāreti, tasmiṃ sajjhāyaṃ karonte vā uddissamāno nāma hoti, tasmā ‘‘uddisante vā uddisāpente vā sajjhāyaṃ vā karonte’’ti padabhājanaṃ vuttaṃ. Khuddānukhuddakehīti khuddakehi ca anukhuddakehi ca. Yāvadevāti tesaṃ saṃvattanamariyādaparicchedavacanaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – etāni hi ye uddisanti, uddisāpenti sajjhāyanti vā, tesaṃ tāva saṃvattanti yāva ‘‘kappati nu kho, na kappati nu kho’’ti kukkuccasaṅkhāto vippaṭisāro vihesā vicikicchāsaṅkhāto manovilekho ca uppajjatiyeva. Atha vā yāvadevāti atisayavavatthāpanaṃ; tassa saṃvattantīti iminā sambandho, kukkuccāya vihesāya vilekhāya ativiya saṃvattantiyevāti vuttaṃ hoti. Upasampannassa vinayaṃ vivaṇṇetīti upasampannassa santike tassa tasmiṃ vimatiṃ uppādetukāmo vinayaṃ vivaṇṇeti nindati garahati. Sesamettha uttānameva.
ติสมุฎฺฐานํ – กิริยํ, สญฺญาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, โลกวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, ทุกฺขเวทนนฺติฯ
Tisamuṭṭhānaṃ – kiriyaṃ, saññāvimokkhaṃ, sacittakaṃ, lokavajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, akusalacittaṃ, dukkhavedananti.
วิเลขนสิกฺขาปทํ ทุติยํฯ
Vilekhanasikkhāpadaṃ dutiyaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๘. สหธมฺมิกวโคฺค • 8. Sahadhammikavaggo
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๒. วิเลขนสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Vilekhanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๒. วิเลขนสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Vilekhanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๒. วิเลขนสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Vilekhanasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๒. วิเลขนสิกฺขาปทํ • 2. Vilekhanasikkhāpadaṃ