Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๔. วิมลโกณฺฑญฺญเตฺถรคาถาวณฺณนา
4. Vimalakoṇḍaññattheragāthāvaṇṇanā
ทุมวฺหยาย อุปฺปโนฺนติ วิมลโกณฺฑญฺญเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ ปุญฺญํ อุปจินโนฺต อิโต เอกนวุเต กเปฺป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล วิภวสมฺปเนฺน กุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต เอกทิวสํ วิปสฺสิํ ภควนฺตํ มหติยา ปริสาย ปริวุตํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส จตูหิ สุวณฺณปุเปฺผหิ ปูเชสิฯ ภควา ตสฺส ปสาทสํวฑฺฒนตฺถํ ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาเรสิ, ยถา สุวณฺณาภา สกลํ ตํ ปเทสํ โอตฺถรติฯ ตํ ทิสฺวา ภิโยฺยโสมตฺตาย ปสนฺนมานโส หุตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ตํ นิมิตฺตํ คเหตฺวา อตฺตโน เคหํ คนฺตฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีติํ อวิชหโนฺต เกนจิ โรเคน กาลํ กตฺวา ตุสิเตสุ อุปปโนฺน อปราปรํ ปุญฺญานิ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ราชานํ พิมฺพิสารํ ปฎิจฺจ อมฺพปาลิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ ราชา หิ พิมฺพิสาโร ตรุณกาเล อมฺพปาลิยา รูปสมฺปตฺติํ สุตฺวา สญฺชาตาภิลาโส กติปยมนุสฺสปริวาโร อญฺญาตกเวเสน เวสาลิํ คนฺตฺวา เอกรตฺติํ ตาย สํวาสํ กเปฺปสิฯ ตทา อยํ ตสฺสา กุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ อคฺคเหสิฯ สา จ คพฺภสฺส ปติฎฺฐิตภาวํ ตสฺส อาโรเจสิฯ ราชาปิ อตฺตานํ ชานาเปตฺวา ทาตพฺพยุตฺตกํ ทตฺวา ปกฺกามิฯ สา คพฺภสฺส ปริปากมนฺวาย ปุตฺตํ วิชายิ, ‘‘วิมโล’’ติสฺส นามํ อโหสิ, ปจฺฉา วิมลโกณฺฑโญฺญติ ปญฺญายิตฺถฯ โส วยปฺปโตฺต ภควโต เวสาลิคมเน พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิโจฺจ วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๔๐-๔๘) –
Dumavhayāya uppannoti vimalakoṇḍaññattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ puññaṃ upacinanto ito ekanavute kappe vipassissa bhagavato kāle vibhavasampanne kule nibbattitvā viññutaṃ patto ekadivasaṃ vipassiṃ bhagavantaṃ mahatiyā parisāya parivutaṃ dhammaṃ desentaṃ disvā pasannamānaso catūhi suvaṇṇapupphehi pūjesi. Bhagavā tassa pasādasaṃvaḍḍhanatthaṃ tathārūpaṃ iddhābhisaṅkhāraṃ abhisaṅkhāresi, yathā suvaṇṇābhā sakalaṃ taṃ padesaṃ ottharati. Taṃ disvā bhiyyosomattāya pasannamānaso hutvā bhagavantaṃ vanditvā taṃ nimittaṃ gahetvā attano gehaṃ gantvā buddhārammaṇaṃ pītiṃ avijahanto kenaci rogena kālaṃ katvā tusitesu upapanno aparāparaṃ puññāni katvā devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde rājānaṃ bimbisāraṃ paṭicca ambapāliyā kucchimhi paṭisandhiṃ gaṇhi. Rājā hi bimbisāro taruṇakāle ambapāliyā rūpasampattiṃ sutvā sañjātābhilāso katipayamanussaparivāro aññātakavesena vesāliṃ gantvā ekarattiṃ tāya saṃvāsaṃ kappesi. Tadā ayaṃ tassā kucchimhi paṭisandhiṃ aggahesi. Sā ca gabbhassa patiṭṭhitabhāvaṃ tassa ārocesi. Rājāpi attānaṃ jānāpetvā dātabbayuttakaṃ datvā pakkāmi. Sā gabbhassa paripākamanvāya puttaṃ vijāyi, ‘‘vimalo’’tissa nāmaṃ ahosi, pacchā vimalakoṇḍaññoti paññāyittha. So vayappatto bhagavato vesāligamane buddhānubhāvaṃ disvā pasannamānaso pabbajitvā katapubbakicco vipassanaṃ paṭṭhapetvā nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.12.40-48) –
‘‘วิปสฺสี นาม ภควา, โลกเชโฎฺฐ นราสโภ;
‘‘Vipassī nāma bhagavā, lokajeṭṭho narāsabho;
นิสิโนฺน ชนกายสฺส, เทเสสิ อมตํ ปทํฯ
Nisinno janakāyassa, desesi amataṃ padaṃ.
‘‘ตสฺสาหํ ธมฺมํ สุตฺวาน, ทฺวิปทินฺนสฺส ตาทิโน;
‘‘Tassāhaṃ dhammaṃ sutvāna, dvipadinnassa tādino;
โสณฺณปุปฺผานิ จตฺตาริ, พุทฺธสฺส อภิโรปยิํฯ
Soṇṇapupphāni cattāri, buddhassa abhiropayiṃ.
‘‘สุวณฺณจฺฉทนํ อาสิ, ยาวตา ปริสา ตทา;
‘‘Suvaṇṇacchadanaṃ āsi, yāvatā parisā tadā;
พุทฺธาภา จ สุวณฺณาภา, อาโลโก วิปุโล อหุฯ
Buddhābhā ca suvaṇṇābhā, āloko vipulo ahu.
‘‘อุทคฺคจิโตฺต สุมโน, เวทชาโต กตญฺชลี;
‘‘Udaggacitto sumano, vedajāto katañjalī;
วิตฺติสญฺชนโน เตสํ, ทิฎฺฐธมฺมสุขาวโหฯ
Vittisañjanano tesaṃ, diṭṭhadhammasukhāvaho.
‘‘อายาจิตฺวาน สมฺพุทฺธํ, วนฺทิตฺวาน จ สุพฺพตํ;
‘‘Āyācitvāna sambuddhaṃ, vanditvāna ca subbataṃ;
ปาโมชฺชํ ชนยิตฺวาน, สกํ ภวนุปาคมิํฯ
Pāmojjaṃ janayitvāna, sakaṃ bhavanupāgamiṃ.
‘‘ภวเน อุปวิโฎฺฐหํ, พุทฺธเสฎฺฐํ อนุสฺสริํ;
‘‘Bhavane upaviṭṭhohaṃ, buddhaseṭṭhaṃ anussariṃ;
เตน จิตฺตปฺปสาเทน, ตุสิตํ อุปปชฺชหํฯ
Tena cittappasādena, tusitaṃ upapajjahaṃ.
‘‘เอกนวุติโต กเปฺป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยิํ;
‘‘Ekanavutito kappe, yaṃ pupphamabhiropayiṃ;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, buddhapūjāyidaṃ phalaṃ.
‘‘โสฬสาสิํสุ ราชาโน, เนมิสมฺมตนามกา;
‘‘Soḷasāsiṃsu rājāno, nemisammatanāmakā;
เตตาลีเส อิโต กเปฺป, จกฺกวตฺตี มหพฺพลาฯ
Tetālīse ito kappe, cakkavattī mahabbalā.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อญฺญาปเทเสน อญฺญํ พฺยากโรโนฺต ‘‘ทุมวฺหยายา’’ติ คาถํ อภาสิฯ
Arahattaṃ pana patvā aññāpadesena aññaṃ byākaronto ‘‘dumavhayāyā’’ti gāthaṃ abhāsi.
๖๔. ตตฺถ ทุมวฺหยายาติ ทุเมน อเมฺพน อวฺหาตพฺพาย, อมฺพปาลิยาติ อโตฺถฯ อาธาเร เจตํ ภุมฺมวจนํฯ อุปฺปโนฺนติ ตสฺสา กุจฺฉิยํ อุปฺปโนฺน อุปฺปชฺชมาโน จฯ ชาโต ปณฺฑรเกตุนาติ ธวลวตฺถธชตฺตา ‘‘ปณฺฑรเกตู’’ติ ปญฺญาเตน พิมฺพิสารรญฺญา เหตุภูเตน ชาโต, ตํ ปฎิจฺจ นิพฺพโตฺตติ อโตฺถฯ อุปฺปโนฺนติ วา ปฐมาภินิพฺพตฺติทสฺสนํฯ ตโต หิ ชาโตติ อภิชาติทสฺสนํฯ วิชายนกาลโต ปฎฺฐาย หิ โลเก ชาตโวหาโรฯ เอตฺถ จ ‘‘ทุมวฺหยาย อุปฺปโนฺน’’ติ อิมินา อตฺตุกฺกํสนภาวํ อปเนติ, อเนกปติปุตฺตานมฺปิ วิเสสาธิคมสมฺภวญฺจ ทีเปติฯ ‘‘ชาโต ปณฺฑรเกตุนา’’ติ อิมินา วิญฺญาตปิติกทสฺสเนน ปรวมฺภนํ อปเนติฯ เกตุหาติ มานปฺปหายีฯ มาโน หิ อุณฺณติลกฺขณตฺตา เกตุ วิยาติ เกตุฯ ตถา หิ โส ‘‘เกตุกมฺยตาปจฺจุปฎฺฐาโน’’ติ วุจฺจติฯ เกตุนาเยวาติ ปญฺญาย เอวฯ ปญฺญา หิ อนวชฺชธเมฺมสุ อจฺจุคฺคตเฎฺฐน มารเสนปฺปมทฺทเนน ปุพฺพงฺคมเฎฺฐน จ อริยานํ ธชา นามฯ เตนาห ‘‘ธโมฺม หิ อิสินํ ธโช’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๔๑; อ. นิ. ๔.๔๘; ชา. ๒.๒๑.๔๙๔)ฯ มหาเกตุํ ปธํสยีติ มหาวิสยตาย มหนฺตา, เสยฺยมานชาติมานาทิเภทโต พหโว จ มานปฺปการา, อิตเร จ กิเลสธมฺมา สมุสฺสิตเฎฺฐน เกตุ เอตสฺสาติ มหาเกตุ มาโร ปาปิมาฯ ตํ พลวิธมนวิสยาติกฺกมนวเสน อภิภวิ นิพฺพิเสวนํ อกาสีติฯ ‘‘มหาเกตุํ ปธํสยี’’ติ อตฺตานํ ปรํ วิย ทเสฺสโนฺต อญฺญาปเทเสน อรหตฺตํ พฺยากาสิฯ
64. Tattha dumavhayāyāti dumena ambena avhātabbāya, ambapāliyāti attho. Ādhāre cetaṃ bhummavacanaṃ. Uppannoti tassā kucchiyaṃ uppanno uppajjamāno ca. Jāto paṇḍaraketunāti dhavalavatthadhajattā ‘‘paṇḍaraketū’’ti paññātena bimbisāraraññā hetubhūtena jāto, taṃ paṭicca nibbattoti attho. Uppannoti vā paṭhamābhinibbattidassanaṃ. Tato hi jātoti abhijātidassanaṃ. Vijāyanakālato paṭṭhāya hi loke jātavohāro. Ettha ca ‘‘dumavhayāya uppanno’’ti iminā attukkaṃsanabhāvaṃ apaneti, anekapatiputtānampi visesādhigamasambhavañca dīpeti. ‘‘Jāto paṇḍaraketunā’’ti iminā viññātapitikadassanena paravambhanaṃ apaneti. Ketuhāti mānappahāyī. Māno hi uṇṇatilakkhaṇattā ketu viyāti ketu. Tathā hi so ‘‘ketukamyatāpaccupaṭṭhāno’’ti vuccati. Ketunāyevāti paññāya eva. Paññā hi anavajjadhammesu accuggataṭṭhena mārasenappamaddanena pubbaṅgamaṭṭhena ca ariyānaṃ dhajā nāma. Tenāha ‘‘dhammo hi isinaṃ dhajo’’ti (saṃ. ni. 2.241; a. ni. 4.48; jā. 2.21.494). Mahāketuṃ padhaṃsayīti mahāvisayatāya mahantā, seyyamānajātimānādibhedato bahavo ca mānappakārā, itare ca kilesadhammā samussitaṭṭhena ketu etassāti mahāketu māro pāpimā. Taṃ balavidhamanavisayātikkamanavasena abhibhavi nibbisevanaṃ akāsīti. ‘‘Mahāketuṃ padhaṃsayī’’ti attānaṃ paraṃ viya dassento aññāpadesena arahattaṃ byākāsi.
วิมลโกณฺฑญฺญเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vimalakoṇḍaññattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๔. วิมลโกณฺฑญฺญเตฺถรคาถา • 4. Vimalakoṇḍaññattheragāthā