Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๗. วีมํสกสุตฺตํ
7. Vīmaṃsakasuttaṃ
๔๘๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘วีมํสเกน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ปรสฺส เจโตปริยายํ อชานเนฺตน 1 ตถาคเต สมเนฺนสนา กาตพฺพา ‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ วา โน วา’ อิติ วิญฺญาณายา’’ติฯ ‘‘ภควํมูลกา โน, ภเนฺต, ธมฺมา, ภควํเนตฺติกา ภควํปฎิสรณา; สาธุ วต, ภเนฺต, ภควนฺตํเยว ปฎิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถ; ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติ ฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
487. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca – ‘‘vīmaṃsakena, bhikkhave, bhikkhunā parassa cetopariyāyaṃ ajānantena 2 tathāgate samannesanā kātabbā ‘sammāsambuddho vā no vā’ iti viññāṇāyā’’ti. ‘‘Bhagavaṃmūlakā no, bhante, dhammā, bhagavaṃnettikā bhagavaṃpaṭisaraṇā; sādhu vata, bhante, bhagavantaṃyeva paṭibhātu etassa bhāsitassa attho; bhagavato sutvā bhikkhū dhāressantī’’ti. ‘‘Tena hi, bhikkhave, suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha, bhāsissāmī’’ti . ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
๔๘๘. ‘‘วีมํสเกน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ปรสฺส เจโตปริยายํ อชานเนฺตน ทฺวีสุ ธเมฺมสุ ตถาคโต สมเนฺนสิตโพฺพ จกฺขุโสตวิเญฺญเยฺยสุ ธเมฺมสุ – ‘เย สํกิลิฎฺฐา จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา ธมฺมา, สํวิชฺชนฺติ วา เต ตถาคตสฺส โน วา’ติ? ตเมนํ สมเนฺนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘เย สํกิลิฎฺฐา จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา ธมฺมา, น เต ตถาคตสฺส สํวิชฺชนฺตี’ติฯ
488. ‘‘Vīmaṃsakena, bhikkhave, bhikkhunā parassa cetopariyāyaṃ ajānantena dvīsu dhammesu tathāgato samannesitabbo cakkhusotaviññeyyesu dhammesu – ‘ye saṃkiliṭṭhā cakkhusotaviññeyyā dhammā, saṃvijjanti vā te tathāgatassa no vā’ti? Tamenaṃ samannesamāno evaṃ jānāti – ‘ye saṃkiliṭṭhā cakkhusotaviññeyyā dhammā, na te tathāgatassa saṃvijjantī’ti.
‘‘ยโต นํ สมเนฺนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘เย สํกิลิฎฺฐา จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา ธมฺมา, น เต ตถาคตสฺส สํวิชฺชนฺตี’ติ, ตโต นํ อุตฺตริํ สมเนฺนสติ – ‘เย วีติมิสฺสา จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา ธมฺมา, สํวิชฺชนฺติ วา เต ตถาคตสฺส โน วา’ติ? ตเมนํ สมเนฺนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘เย วีติมิสฺสา จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา ธมฺมา, น เต ตถาคตสฺส สํวิชฺชนฺตี’ติฯ
‘‘Yato naṃ samannesamāno evaṃ jānāti – ‘ye saṃkiliṭṭhā cakkhusotaviññeyyā dhammā, na te tathāgatassa saṃvijjantī’ti, tato naṃ uttariṃ samannesati – ‘ye vītimissā cakkhusotaviññeyyā dhammā, saṃvijjanti vā te tathāgatassa no vā’ti? Tamenaṃ samannesamāno evaṃ jānāti – ‘ye vītimissā cakkhusotaviññeyyā dhammā, na te tathāgatassa saṃvijjantī’ti.
‘‘ยโต นํ สมเนฺนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘เย วีติมิสฺสา จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา ธมฺมา, น เต ตถาคตสฺส สํวิชฺชนฺตี’ติ, ตโต นํ อุตฺตริํ สมเนฺนสติ – ‘เย โวทาตา จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา ธมฺมา, สํวิชฺชนฺติ วา เต ตถาคตสฺส โน วา’ติ? ตเมนํ สมเนฺนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘เย โวทาตา จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา ธมฺมา, สํวิชฺชนฺติ เต ตถาคตสฺสา’ติฯ
‘‘Yato naṃ samannesamāno evaṃ jānāti – ‘ye vītimissā cakkhusotaviññeyyā dhammā, na te tathāgatassa saṃvijjantī’ti, tato naṃ uttariṃ samannesati – ‘ye vodātā cakkhusotaviññeyyā dhammā, saṃvijjanti vā te tathāgatassa no vā’ti? Tamenaṃ samannesamāno evaṃ jānāti – ‘ye vodātā cakkhusotaviññeyyā dhammā, saṃvijjanti te tathāgatassā’ti.
‘‘ยโต นํ สมเนฺนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘เย โวทาตา จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา ธมฺมา, สํวิชฺชนฺติ เต ตถาคตสฺสา’ติ, ตโต นํ อุตฺตริํ สมเนฺนสติ – ‘ทีฆรตฺตํ สมาปโนฺน อยมายสฺมา อิมํ กุสลํ ธมฺมํ, อุทาหุ อิตฺตรสมาปโนฺน’ติ? ตเมนํ สมเนฺนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘ทีฆรตฺตํ สมาปโนฺน อยมายสฺมา อิมํ กุสลํ ธมฺมํ, นายมายสฺมา อิตฺตรสมาปโนฺน’ติฯ
‘‘Yato naṃ samannesamāno evaṃ jānāti – ‘ye vodātā cakkhusotaviññeyyā dhammā, saṃvijjanti te tathāgatassā’ti, tato naṃ uttariṃ samannesati – ‘dīgharattaṃ samāpanno ayamāyasmā imaṃ kusalaṃ dhammaṃ, udāhu ittarasamāpanno’ti? Tamenaṃ samannesamāno evaṃ jānāti – ‘dīgharattaṃ samāpanno ayamāyasmā imaṃ kusalaṃ dhammaṃ, nāyamāyasmā ittarasamāpanno’ti.
‘‘ยโต นํ สมเนฺนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘ทีฆรตฺตํ สมาปโนฺน อยมายสฺมา อิมํ กุสลํ ธมฺมํ, นายมายสฺมา อิตฺตรสมาปโนฺน’ติ, ตโต นํ อุตฺตริํ สมเนฺนสติ – ‘ญตฺตชฺฌาปโนฺน อยมายสฺมา ภิกฺขุ ยสปฺปโตฺต, สํวิชฺชนฺตสฺส อิเธกเจฺจ อาทีนวา’ติ? น ตาว, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อิเธกเจฺจ อาทีนวา สํวิชฺชนฺติ ยาว น ญตฺตชฺฌาปโนฺน โหติ ยสปฺปโตฺตฯ ยโต จ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ญตฺตชฺฌาปโนฺน โหติ ยสปฺปโตฺต , อถสฺส อิเธกเจฺจ อาทีนวา สํวิชฺชนฺติฯ ตเมนํ สมเนฺนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘ญตฺตชฺฌาปโนฺน อยมายสฺมา ภิกฺขุ ยสปฺปโตฺต, นาสฺส อิเธกเจฺจ อาทีนวา สํวิชฺชนฺตี’ติฯ
‘‘Yato naṃ samannesamāno evaṃ jānāti – ‘dīgharattaṃ samāpanno ayamāyasmā imaṃ kusalaṃ dhammaṃ, nāyamāyasmā ittarasamāpanno’ti, tato naṃ uttariṃ samannesati – ‘ñattajjhāpanno ayamāyasmā bhikkhu yasappatto, saṃvijjantassa idhekacce ādīnavā’ti? Na tāva, bhikkhave, bhikkhuno idhekacce ādīnavā saṃvijjanti yāva na ñattajjhāpanno hoti yasappatto. Yato ca kho, bhikkhave, bhikkhu ñattajjhāpanno hoti yasappatto , athassa idhekacce ādīnavā saṃvijjanti. Tamenaṃ samannesamāno evaṃ jānāti – ‘ñattajjhāpanno ayamāyasmā bhikkhu yasappatto, nāssa idhekacce ādīnavā saṃvijjantī’ti.
‘‘ยโต นํ สมเนฺนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘ญตฺตชฺฌาปโนฺน อยมายสฺมา ภิกฺขุ ยสปฺปโตฺต, นาสฺส อิเธกเจฺจ อาทีนวา สํวิชฺชนฺตี’ติ, ตโต นํ อุตฺตริํ สมเนฺนสติ – ‘อภยูปรโต อยมายสฺมา, นายมายสฺมา ภยูปรโต; วีตราคตฺตา กาเม น เสวติ ขยา ราคสฺสา’ติ? ตเมนํ สมเนฺนสมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อภยูปรโต อยมายสฺมา, นายมายสฺมา ภยูปรโต; วีตราคตฺตา กาเม น เสวติ ขยา ราคสฺสา’ติฯ ตเญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ ปเร เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘เก ปนายสฺมโต อาการา, เก อนฺวยา, เยนายสฺมา เอวํ วเทสิ – อภยูปรโต อยมายสฺมา, นายมายสฺมา ภยูปรโต; วีตราคตฺตา กาเม น เสวติ ขยา ราคสฺสา’ติฯ สมฺมา พฺยากรมาโน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘ตถา หิ ปน อยมายสฺมา สเงฺฆ วา วิหรโนฺต เอโก วา วิหรโนฺต, เย จ ตตฺถ สุคตา เย จ ตตฺถ ทุคฺคตา, เย จ ตตฺถ คณมนุสาสนฺติ, เย จ อิเธกเจฺจ อามิเสสุ สํทิสฺสนฺติ, เย จ อิเธกเจฺจ อามิเสน อนุปลิตฺตา, นายมายสฺมา ตํ เตน อวชานาติ ฯ สมฺมุขา โข ปน เมตํ ภควโต สุตํ สมฺมุขา ปฎิคฺคหิตํ – อภยูปรโตหมสฺมิ, นาหมสฺมิ ภยูปรโต, วีตราคตฺตา กาเม น เสวามิ ขยา ราคสฺสา’ติฯ
‘‘Yato naṃ samannesamāno evaṃ jānāti – ‘ñattajjhāpanno ayamāyasmā bhikkhu yasappatto, nāssa idhekacce ādīnavā saṃvijjantī’ti, tato naṃ uttariṃ samannesati – ‘abhayūparato ayamāyasmā, nāyamāyasmā bhayūparato; vītarāgattā kāme na sevati khayā rāgassā’ti? Tamenaṃ samannesamāno evaṃ jānāti – ‘abhayūparato ayamāyasmā, nāyamāyasmā bhayūparato; vītarāgattā kāme na sevati khayā rāgassā’ti. Tañce, bhikkhave, bhikkhuṃ pare evaṃ puccheyyuṃ – ‘ke panāyasmato ākārā, ke anvayā, yenāyasmā evaṃ vadesi – abhayūparato ayamāyasmā, nāyamāyasmā bhayūparato; vītarāgattā kāme na sevati khayā rāgassā’ti. Sammā byākaramāno, bhikkhave, bhikkhu evaṃ byākareyya – ‘tathā hi pana ayamāyasmā saṅghe vā viharanto eko vā viharanto, ye ca tattha sugatā ye ca tattha duggatā, ye ca tattha gaṇamanusāsanti, ye ca idhekacce āmisesu saṃdissanti, ye ca idhekacce āmisena anupalittā, nāyamāyasmā taṃ tena avajānāti . Sammukhā kho pana metaṃ bhagavato sutaṃ sammukhā paṭiggahitaṃ – abhayūparatohamasmi, nāhamasmi bhayūparato, vītarāgattā kāme na sevāmi khayā rāgassā’ti.
๔๘๙. ‘‘ตตฺร , ภิกฺขเว, ตถาคโตว อุตฺตริํ ปฎิปุจฺฉิตโพฺพ – ‘เย สํกิลิฎฺฐา จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา ธมฺมา, สํวิชฺชนฺติ วา เต ตถาคตสฺส โน วา’ติ? พฺยากรมาโน, ภิกฺขเว, ตถาคโต เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘เย สํกิลิฎฺฐา จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา ธมฺมา, น เต ตถาคตสฺส สํวิชฺชนฺตี’’’ติฯ
489. ‘‘Tatra , bhikkhave, tathāgatova uttariṃ paṭipucchitabbo – ‘ye saṃkiliṭṭhā cakkhusotaviññeyyā dhammā, saṃvijjanti vā te tathāgatassa no vā’ti? Byākaramāno, bhikkhave, tathāgato evaṃ byākareyya – ‘ye saṃkiliṭṭhā cakkhusotaviññeyyā dhammā, na te tathāgatassa saṃvijjantī’’’ti.
‘‘เย วีติมิสฺสา จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา ธมฺมา, สํวิชฺชนฺติ วา เต ตถาคตสฺส โน วาติ? พฺยากรมาโน, ภิกฺขเว, ตถาคโต เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘เย วีติมิสฺสา จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา ธมฺมา, น เต ตถาคตสฺส สํวิชฺชนฺตี’ติฯ
‘‘Ye vītimissā cakkhusotaviññeyyā dhammā, saṃvijjanti vā te tathāgatassa no vāti? Byākaramāno, bhikkhave, tathāgato evaṃ byākareyya – ‘ye vītimissā cakkhusotaviññeyyā dhammā, na te tathāgatassa saṃvijjantī’ti.
‘‘เย โวทาตา จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา ธมฺมา, สํวิชฺชนฺติ วา เต ตถาคตสฺส โน วาติ? พฺยากรมาโน, ภิกฺขเว, ตถาคโต เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘เย โวทาตา จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา ธมฺมา, สํวิชฺชนฺติ เต ตถาคตสฺส; เอตํปโถหมสฺมิ, เอตํโคจโร 3, โน จ เตน ตมฺมโย’ติฯ
‘‘Ye vodātā cakkhusotaviññeyyā dhammā, saṃvijjanti vā te tathāgatassa no vāti? Byākaramāno, bhikkhave, tathāgato evaṃ byākareyya – ‘ye vodātā cakkhusotaviññeyyā dhammā, saṃvijjanti te tathāgatassa; etaṃpathohamasmi, etaṃgocaro 4, no ca tena tammayo’ti.
‘‘เอวํวาทิํ โข, ภิกฺขเว, สตฺถารํ อรหติ สาวโก อุปสงฺกมิตุํ ธมฺมสฺสวนายฯ ตสฺส สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ อุตฺตรุตฺตริํ ปณีตปณีตํ กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคํฯ ยถา ยถา โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ อุตฺตรุตฺตริํ ปณีตปณีตํ กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคํ ตถา ตถา โส ตสฺมิํ ธเมฺม อภิญฺญาย อิเธกจฺจํ ธมฺมํ ธเมฺมสุ นิฎฺฐํ คจฺฉติ, สตฺถริ ปสีทติ – ‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม, สุปฺปฎิปโนฺน สโงฺฆ’ติฯ ตเญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ ปเร เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘เก ปนายสฺมโต อาการา, เก อนฺวยา, เยนายสฺมา เอวํ วเทสิ – สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควา , สฺวากฺขาโต ภควตา ธโมฺม, สุปฺปฎิปโนฺน สโงฺฆ’ติ? สมฺมา พฺยากรมาโน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ พฺยากเรยฺย – ‘อิธาหํ, อาวุโส, เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํ ธมฺมสฺสวนายฯ ตสฺส เม ภควา ธมฺมํ เทเสติ อุตฺตรุตฺตริํ ปณีตปณีตํ กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคํฯ ยถา ยถา เม, อาวุโส , ภควา ธมฺมํ เทเสติ อุตฺตรุตฺตริํ ปณีตปณีตํ กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาคํ ตถา ตถาหํ ตสฺมิํ ธเมฺม อภิญฺญาย อิเธกจฺจํ ธมฺมํ ธเมฺมสุ นิฎฺฐมคมํ, สตฺถริ ปสีทิํ – สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา, ธโมฺม, สุปฺปฎิปโนฺน สโงฺฆ’ติฯ
‘‘Evaṃvādiṃ kho, bhikkhave, satthāraṃ arahati sāvako upasaṅkamituṃ dhammassavanāya. Tassa satthā dhammaṃ deseti uttaruttariṃ paṇītapaṇītaṃ kaṇhasukkasappaṭibhāgaṃ. Yathā yathā kho, bhikkhave, bhikkhuno satthā dhammaṃ deseti uttaruttariṃ paṇītapaṇītaṃ kaṇhasukkasappaṭibhāgaṃ tathā tathā so tasmiṃ dhamme abhiññāya idhekaccaṃ dhammaṃ dhammesu niṭṭhaṃ gacchati, satthari pasīdati – ‘sammāsambuddho bhagavā, svākkhāto bhagavatā dhammo, suppaṭipanno saṅgho’ti. Tañce, bhikkhave, bhikkhuṃ pare evaṃ puccheyyuṃ – ‘ke panāyasmato ākārā, ke anvayā, yenāyasmā evaṃ vadesi – sammāsambuddho bhagavā , svākkhāto bhagavatā dhammo, suppaṭipanno saṅgho’ti? Sammā byākaramāno, bhikkhave, bhikkhu evaṃ byākareyya – ‘idhāhaṃ, āvuso, yena bhagavā tenupasaṅkamiṃ dhammassavanāya. Tassa me bhagavā dhammaṃ deseti uttaruttariṃ paṇītapaṇītaṃ kaṇhasukkasappaṭibhāgaṃ. Yathā yathā me, āvuso , bhagavā dhammaṃ deseti uttaruttariṃ paṇītapaṇītaṃ kaṇhasukkasappaṭibhāgaṃ tathā tathāhaṃ tasmiṃ dhamme abhiññāya idhekaccaṃ dhammaṃ dhammesu niṭṭhamagamaṃ, satthari pasīdiṃ – sammāsambuddho bhagavā, svākkhāto bhagavatā, dhammo, suppaṭipanno saṅgho’ti.
๔๙๐. ‘‘ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, อิเมหิ อากาเรหิ อิเมหิ ปเทหิ อิเมหิ พฺยญฺชเนหิ ตถาคเต สทฺธา นิวิฎฺฐา โหติ มูลชาตา ปติฎฺฐิตา, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อาการวตี สทฺธา ทสฺสนมูลิกา, ทฬฺหา; อสํหาริยา สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิํฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ตถาคเต ธมฺมสมเนฺนสนา โหติฯ เอวญฺจ ปน ตถาคโต ธมฺมตาสุสมนฺนิโฎฺฐ โหตี’’ติฯ
490. ‘‘Yassa kassaci, bhikkhave, imehi ākārehi imehi padehi imehi byañjanehi tathāgate saddhā niviṭṭhā hoti mūlajātā patiṭṭhitā, ayaṃ vuccati, bhikkhave, ākāravatī saddhā dassanamūlikā, daḷhā; asaṃhāriyā samaṇena vā brāhmaṇena vā devena vā mārena vā brahmunā vā kenaci vā lokasmiṃ. Evaṃ kho, bhikkhave, tathāgate dhammasamannesanā hoti. Evañca pana tathāgato dhammatāsusamanniṭṭho hotī’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
วีมํสกสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ สตฺตมํฯ
Vīmaṃsakasuttaṃ niṭṭhitaṃ sattamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. วีมํสกสุตฺตวณฺณนา • 7. Vīmaṃsakasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๗. วีมํสกสุตฺตวณฺณนา • 7. Vīmaṃsakasuttavaṇṇanā