Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๗. วีมํสกสุตฺตวณฺณนา

    7. Vīmaṃsakasuttavaṇṇanā

    ๔๘๗. อตฺถวีมํสโกติ อตฺตตฺถปรตฺถาทิอตฺถวิชานนโกฯ สงฺขารวีมํสโกติ สงฺขตธเมฺม สลกฺขณโต สามญฺญลกฺขณโต วา อายตนาทิวิภาคโต จ วีมํสโกฯ สตฺถุวีมํสโกติ ‘‘สตฺถา นาม คุณโต เอทิโส เอทิโส จา’’ติ สตฺถุ อุปปริกฺขโกฯ วีมํสโกติ วิจารโกฯ ยํ เจตโส สราคาทิวิภาคโต ปริจฺฉินฺทนํ, ตํ เจโตปริยาโยฯ เตนาห ‘‘จิตฺตปริเจฺฉท’’นฺติฯ ยสฺมา เจโตปริยายญาณลาภี – ‘‘อิทํ จิตฺตํ อิโต ปรํ ปวตฺตํ อิทมิโต ปร’’นฺติ ปรสฺส จิตฺตุปฺปตฺติํ ปชานาติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เจโตปริยายนฺติ จิตฺตวาร’’นฺติฯ วารเตฺถปิ หิ ปริยาย-สโทฺท โหติ – ‘‘กสฺส นุ โข, อานนฺท, ปริยาโย อชฺช ภิกฺขุนิโย โอวทิตุ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๙๘)ฯ จิตฺตจารนฺติปิ ปาโฐ, จิตฺตปวตฺตินฺติ อโตฺถฯ เอวํ วิชานนตฺถายาติ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน วีมํสนตฺถายฯ

    487.Atthavīmaṃsakoti attatthaparatthādiatthavijānanako. Saṅkhāravīmaṃsakoti saṅkhatadhamme salakkhaṇato sāmaññalakkhaṇato vā āyatanādivibhāgato ca vīmaṃsako. Satthuvīmaṃsakoti ‘‘satthā nāma guṇato ediso ediso cā’’ti satthu upaparikkhako. Vīmaṃsakoti vicārako. Yaṃ cetaso sarāgādivibhāgato paricchindanaṃ, taṃ cetopariyāyo. Tenāha ‘‘cittapariccheda’’nti. Yasmā cetopariyāyañāṇalābhī – ‘‘idaṃ cittaṃ ito paraṃ pavattaṃ idamito para’’nti parassa cittuppattiṃ pajānāti, tasmā vuttaṃ ‘‘cetopariyāyanti cittavāra’’nti. Vāratthepi hi pariyāya-saddo hoti – ‘‘kassa nu kho, ānanda, pariyāyo ajja bhikkhuniyo ovaditu’’ntiādīsu (ma. ni. 3.398). Cittacārantipi pāṭho, cittapavattinti attho. Evaṃ vijānanatthāyāti idāni vuccamānākārena vīmaṃsanatthāya.

    ๔๘๘. กลฺยาณมิตฺตูปนิสฺสยนฺติ กลฺยาณมิตฺตสงฺขาตํ พฺรหฺมจริยวาสสฺส พลวสนฺนิสฺสยํฯ อุปฑฺฒํ อตฺตโน อานุภาเวนาติ อิมินา ปุคฺคเลน สมฺปาทิยมานสฺส พฺรหฺมจริยสฺส อุปฑฺฒภาคมตฺตํ อตฺตโน วิมุตฺติปริปาจกธมฺมานุภาเวน สิชฺฌติฯ อุปฑฺฒํ กลฺยาณมิตฺตานุภาเวนาติ อิตโร ปน อุปฑฺฒภาโค ยํ นิสฺสาย พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ, ตสฺส กลฺยาณมิตฺตสฺส อุปเทสานุภาเวน โหติ, สิชฺฌตีติ อโตฺถฯ โลกสิโทฺธ เอว อยมโตฺถฯ โลกิยา หิ –

    488.Kalyāṇamittūpanissayanti kalyāṇamittasaṅkhātaṃ brahmacariyavāsassa balavasannissayaṃ. Upaḍḍhaṃ attano ānubhāvenāti iminā puggalena sampādiyamānassa brahmacariyassa upaḍḍhabhāgamattaṃ attano vimuttiparipācakadhammānubhāvena sijjhati. Upaḍḍhaṃ kalyāṇamittānubhāvenāti itaro pana upaḍḍhabhāgo yaṃ nissāya brahmacariyaṃ vussati, tassa kalyāṇamittassa upadesānubhāvena hoti, sijjhatīti attho. Lokasiddho eva ayamattho. Lokiyā hi –

    ‘‘ปาโท สิโทฺธ อาจริยา, ปาโท หิสฺสานุภาวโต;

    ‘‘Pādo siddho ācariyā, pādo hissānubhāvato;

    ตํวิชฺชาเสวกา ปาโท, ปาโท กาเลน ปจฺจตี’’ติฯ –

    Taṃvijjāsevakā pādo, pādo kālena paccatī’’ti. –

    วทนฺติฯ อตฺตโน ธมฺมตายาติ อตฺตโน สภาเวน, ญาเณนาติ อโตฺถฯ กลฺยาณมิตฺตตาติ กลฺยาโณ ภโทฺร สุนฺทโร มิโตฺต เอตสฺสาติ กลฺยาณมิโตฺต, ตสฺส ภาโว กลฺยาณมิตฺตตา, กลฺยาณมิตฺตวนฺตตาฯ สีลาทิคุณสมฺปเนฺนหิ กลฺยาณปุคฺคเลเหว อยนํ ปวตฺติ กลฺยาณสหายตาฯ เตสุ เอว จิเตฺตน เจว กาเยน จ นินฺนโปณปพฺภารภาเวน ปวตฺติ กลฺยาณสมฺปวงฺกตาฯ มาเหวนฺติ เอวํ มา อาห, ‘‘อุปฑฺฒํ พฺรหฺมจริยสฺสา’’ติ มา กเถหีติ อโตฺถฯ ตทมินาติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ ท-กาโร ปทสนฺธิกโร อิ-การสฺส อ-การํ กตฺวา นิเทฺทโสฯ อิมินาปีติ อิทานิ วุจฺจมาเนนปีติ อโตฺถฯ ปริยาเยนาติ การเณนฯ อิทานิ ตํ การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘มมํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Vadanti. Attano dhammatāyāti attano sabhāvena, ñāṇenāti attho. Kalyāṇamittatāti kalyāṇo bhadro sundaro mitto etassāti kalyāṇamitto, tassa bhāvo kalyāṇamittatā, kalyāṇamittavantatā. Sīlādiguṇasampannehi kalyāṇapuggaleheva ayanaṃ pavatti kalyāṇasahāyatā. Tesu eva cittena ceva kāyena ca ninnapoṇapabbhārabhāvena pavatti kalyāṇasampavaṅkatā. Māhevanti evaṃ mā āha, ‘‘upaḍḍhaṃ brahmacariyassā’’ti mā kathehīti attho. Tadamināti ettha nti nipātamattaṃ da-kāro padasandhikaro i-kārassa a-kāraṃ katvā niddeso. Imināpīti idāni vuccamānenapīti attho. Pariyāyenāti kāraṇena. Idāni taṃ kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘mamaṃ hī’’tiādi vuttaṃ.

    ยถา เจตฺถ, อเญฺญสุปิ สุเตฺตสุ กลฺยาณมิตฺตุปนิสฺสยเมว วิเสโสติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ภิกฺขูนํ พาหิรงฺคสมฺปตฺติํ กเถโนฺตปี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ วิมุตฺติปริปาจนิยธเมฺมติ วิมุตฺติยา อรหตฺตสฺส ปริปาจกธเมฺมฯ ปจฺจเยติ คิลานปจฺจยเภสเชฺชฯ มหาชโจฺจติ มหากุลีโนฯ

    Yathā cettha, aññesupi suttesu kalyāṇamittupanissayameva visesoti dassento ‘‘bhikkhūnaṃ bāhiraṅgasampattiṃ kathentopī’’tiādimāha. Tattha vimuttiparipācaniyadhammeti vimuttiyā arahattassa paripācakadhamme. Paccayeti gilānapaccayabhesajje. Mahājaccoti mahākulīno.

    กายิโก สมาจาโรติ อภิกฺกมปฎิกฺกมาทิโก สติสมฺปชญฺญปริกฺขโต ปากติโก จฯ วีมํสกสฺส อุปปริกฺขกสฺสฯ จกฺขุวิเญฺญโยฺย นาม จกฺขุทฺวารานุสาเรน วิญฺญาตพฺพตฺตาฯ โสตวิเญฺญโยฺยติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ สํกิลิฎฺฐาติ ราคาทิสํกิเลสธเมฺมหิ วิพาธิตา, อุปตาปิตา วิทูสิตา มลีนา จาติ อโตฺถฯ เต ปน เตหิ สมนฺนาคตา โหนฺตีติ อาห ‘‘กิเลสสมฺปยุตฺตา’’ติฯ ยทิ น จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา, ปาฬิยํ กถํ ตถา วุตฺตาติ อาห ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิฯ กายวจีสมาจาราปิ สํกิลิฎฺฐาเยว นาม สํกิลิฎฺฐจิตฺตสมุฎฺฐานโตฯ ภวติ หิ ตํเหตุเกปิ ตทุปจาโร ยถา ‘‘เสโมฺห คุโฬ’’ติฯ ‘‘มา เม อิทํ อสารุปฺปํ ปโร อญฺญาสี’’ติ ปน ปฎิจฺฉนฺนตาย น น อุปลพฺภนฺติฯ ‘‘น โข มยํ, ภเนฺต, ภควโต กิญฺจิ ครหามา’’ติ วตฺวา ครหิตพฺพาภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ภควา หี’’ติอาทิมาหฯ อภาวิตมคฺคสฺส หิ ครหิตพฺพตา นาม สิยา, น ภาวิตมคฺคสฺสฯ เอส อุตฺตโร มาณโว ‘‘พุทฺธมฺปิ ครหิตฺวา ปกฺกมิสฺสามี’’ติ กตฺวา อนุพนฺธิฯ เอวํ จิเนฺตสิ มหาภินิกฺขมนทิวเส อตฺตโน วจเน อฎฺฐิตตฺตาฯ กิญฺจิ วชฺชํ อปสฺสโนฺต มาโร เอวมาห –

    Kāyiko samācāroti abhikkamapaṭikkamādiko satisampajaññaparikkhato pākatiko ca. Vīmaṃsakassa upaparikkhakassa. Cakkhuviññeyyo nāma cakkhudvārānusārena viññātabbattā. Sotaviññeyyoti etthāpi eseva nayo. Saṃkiliṭṭhāti rāgādisaṃkilesadhammehi vibādhitā, upatāpitā vidūsitā malīnā cāti attho. Te pana tehi samannāgatā hontīti āha ‘‘kilesasampayuttā’’ti. Yadi na cakkhusotaviññeyyā, pāḷiyaṃ kathaṃ tathā vuttāti āha ‘‘yathā panā’’tiādi. Kāyavacīsamācārāpisaṃkiliṭṭhāyeva nāma saṃkiliṭṭhacittasamuṭṭhānato. Bhavati hi taṃhetukepi tadupacāro yathā ‘‘semho guḷo’’ti. ‘‘Mā me idaṃ asāruppaṃ paro aññāsī’’ti pana paṭicchannatāya na na upalabbhanti. ‘‘Na kho mayaṃ, bhante, bhagavato kiñci garahāmā’’ti vatvā garahitabbābhāvaṃ dassento ‘‘bhagavā hī’’tiādimāha. Abhāvitamaggassa hi garahitabbatā nāma siyā, na bhāvitamaggassa. Esa uttaro māṇavo ‘‘buddhampi garahitvā pakkamissāmī’’ti katvā anubandhi. Evaṃ cintesi mahābhinikkhamanadivase attano vacane aṭṭhitattā. Kiñci vajjaṃ apassanto māro evamāha –

    ‘‘สตฺต วสฺสานิ ภควนฺตํ, อนุพนฺธิํ ปทาปทํ;

    ‘‘Satta vassāni bhagavantaṃ, anubandhiṃ padāpadaṃ;

    โอตารํ นาธิคจฺฉิสฺสํ, สมฺพุทฺธสฺส สตีมโต’’ติฯ (สุ. นิ. ๔๔๘);

    Otāraṃ nādhigacchissaṃ, sambuddhassa satīmato’’ti. (su. ni. 448);

    กาเล กณฺหา, กาเล สุกฺกาติ ยถาสมาทินฺนํ สมฺมาปฎิปตฺติํ ปริสุทฺธํ กตฺวา ปวเตฺตตุํ อสโกฺกนฺตสฺส กทาจิ กณฺหา อปริสุทฺธา กายสมาจาราทโย, กทาจิ สุกฺกา ปริสุทฺธาติ เอวํ อนฺตรนฺตรา พฺยามิสฺสวเสน โวมิสฺสกาฯ นิกฺกิเลสาติ นิรุปกฺกิเลสา อนุปกฺกิลิฎฺฐาฯ

    Kāle kaṇhā, kāle sukkāti yathāsamādinnaṃ sammāpaṭipattiṃ parisuddhaṃ katvā pavattetuṃ asakkontassa kadāci kaṇhā aparisuddhā kāyasamācārādayo, kadāci sukkā parisuddhāti evaṃ antarantarā byāmissavasena vomissakā. Nikkilesāti nirupakkilesā anupakkiliṭṭhā.

    อนวชฺชํ วชฺชรหิตตฺตาฯ ทีฆรตฺตนฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํฯ สมาปโนฺนติ สมฺมา อาปโนฺน สมงฺคีภูโตฯ เตนาห ‘‘สมนฺนาคโต’’ติฯ อตฺตนา กตสฺส อสารุปฺปสฺส ปฎิจฺฉาทนตฺถํ อารญฺญโก วิย หุตฺวาฯ ตสฺส ปริหารนฺติ อุฬาเรหิ ปูชาสกฺกาเรหิ มนุเสฺสหิ ตสฺส ปริหริยมานตํฯ อติทปฺปิโตติ เอวํ มนุสฺสานํ สมฺภาวนาย อติวิย ทโตฺต คพฺพิโตฯ

    Anavajjaṃ vajjarahitattā. Dīgharattanti accantasaṃyoge upayogavacanaṃ. Samāpannoti sammā āpanno samaṅgībhūto. Tenāha ‘‘samannāgato’’ti. Attanā katassa asāruppassa paṭicchādanatthaṃ āraññakoviya hutvā. Tassa parihāranti uḷārehi pūjāsakkārehi manussehi tassa parihariyamānataṃ. Atidappitoti evaṃ manussānaṃ sambhāvanāya ativiya datto gabbito.

    น อิตฺตรสมาปโนฺนติ ชานาติฯ กสฺมา? สีลํ นาม ทีเฆน อทฺธุนา ชานิตพฺพํ, น อิตฺตเรนฯ อิทานิ อเนกชาติสมุทาจารวเสน ตถาคโต อิมํ กุสลํ ธมฺมํ ทีฆรตฺตํ สมาปโนฺน, ตญฺจสฺส อติวิย อจฺฉริยนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘อนจฺฉริยํ เจต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ

    Na ittarasamāpannoti jānāti. Kasmā? Sīlaṃ nāma dīghena addhunā jānitabbaṃ, na ittarena. Idāni anekajātisamudācāravasena tathāgato imaṃ kusalaṃ dhammaṃ dīgharattaṃ samāpanno, tañcassa ativiya acchariyanti dassetuṃ ‘‘anacchariyaṃ ceta’’ntiādi vuttaṃ.

    อรญฺญคามเกติ อรญฺญปเทเส เอกสฺมิํ ขุทฺทกคาเมฯ ตตฺถ เนสํ ทิวเส ทิวเส ปิณฺฑาย จรณสฺส อวิจฺฉินฺนตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปิณฺฑาย จรนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ปิวนฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ทุลฺลภโลโณ โหติ สมุทฺทสฺส ทูรตายฯ

    Araññagāmaketi araññapadese ekasmiṃ khuddakagāme. Tattha nesaṃ divase divase piṇḍāya caraṇassa avicchinnataṃ dassetuṃ ‘‘piṇḍāya carantī’’ti vuttaṃ. Pivantīti etthāpi eseva nayo. Dullabhaloṇo hoti samuddassa dūratāya.

    ตทา กิร วิเทหรเฎฺฐ โสฬส คามสหสฺสานิ มหนฺตาเนวฯ เตนาห – ‘‘หิตฺวา คามสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ โสฬสา’’ติฯ อิทานิ กสฺมา ‘‘สนฺนิธิํ ทานิ กุพฺพสี’’ติ มํ ฆเฎฺฎถาติ วตฺถุกาโม ตํ อนาวิกตฺวา ‘‘โลณ…เป.… น กโรถา’’ติ อาหฯ คนฺธาโร ตสฺสาธิปฺปายํ วิภาเวตุกาโม ‘‘กิํ มยา กตํ เวเทหีสี’’ติ อาหฯ

    Tadā kira videharaṭṭhe soḷasa gāmasahassāni mahantāneva. Tenāha – ‘‘hitvā gāmasahassāni, paripuṇṇāni soḷasā’’ti. Idāni kasmā ‘‘sannidhiṃ dāni kubbasī’’ti maṃ ghaṭṭethāti vatthukāmo taṃ anāvikatvā ‘‘loṇa…pe… na karothā’’ti āha. Gandhāro tassādhippāyaṃ vibhāvetukāmo ‘‘kiṃ mayā kataṃ vedehīsī’’ti āha.

    อิตโร อตฺตโน อธิปฺปายํ วิภาเวโนฺต ‘‘หิตฺวา’’ติ คาถมาหฯ อิตโร ‘‘ธมฺมํ ภณามี’’ติ คาถนฺติ เอวํ สพฺพาปิ เนสํ วจนปฎิวจนคาถาฯ ตตฺถ ปสาสสีติ ฆเฎฺฎโนฺต วิย อนุสาสสิฯ น ปาปมุปลิมฺปติ จิตฺตปฺปโกปาภาวโตฯ มหตฺถิยนฺติ มหาอตฺถสํหิตํฯ โน เจ อสฺส สกา พุทฺธีติอาทิ เวเทหอิสิโน – ‘‘อาจริโย มม หิเตสิตาย ฐตฺวา ธมฺมํ เอว ภณตี’’ติ โยนิโส อุมฺมุชฺชนาการทสฺสนํฯ เตนาห ‘‘เอวญฺจ ปน วตฺวา’’ติอาทิฯ

    Itaro attano adhippāyaṃ vibhāvento ‘‘hitvā’’ti gāthamāha. Itaro ‘‘dhammaṃ bhaṇāmī’’ti gāthanti evaṃ sabbāpi nesaṃ vacanapaṭivacanagāthā. Tattha pasāsasīti ghaṭṭento viya anusāsasi. Na pāpamupalimpati cittappakopābhāvato. Mahatthiyanti mahāatthasaṃhitaṃ. No ce assa sakā buddhītiādi vedehaisino – ‘‘ācariyo mama hitesitāya ṭhatvā dhammaṃ eva bhaṇatī’’ti yoniso ummujjanākāradassanaṃ. Tenāha ‘‘evañca pana vatvā’’tiādi.

    ‘‘ญตฺตา’’ติ โลเก ญายติ วิสฺสุโตติ ญาโต, ญาตสฺส ภาโว ญตฺตํฯ อชฺฌาปโนฺนติ อุปคโตฯ ญตฺต-คฺคหเณน ปตฺถฎยสตา วิภาวิตาติ อาห ‘‘ยสญฺจ ปริวารสมฺปตฺติ’’นฺติฯ กินฺติ กิํปโยชนํ, โก เอตฺถ โทโสติ อธิปฺปาโยฯ

    ‘‘Ñattā’’ti loke ñāyati vissutoti ñāto, ñātassa bhāvo ñattaṃ. Ajjhāpannoti upagato. Ñatta-ggahaṇena patthaṭayasatā vibhāvitāti āha ‘‘yasañca parivārasampatti’’nti. Kinti kiṃpayojanaṃ, ko ettha dosoti adhippāyo.

    ตตฺถ ตตฺถ วิชฺฌโนฺตติ ยสมเทน ปริวารมเทน จ มโตฺต หุตฺวา คาเมปิ วิหาเรปิ ชนวิวิเตฺตปิ สงฺฆมเชฺฌปิ อเญฺญ ภิกฺขู ฆเฎฺฎโนฺต ‘‘มยฺหํ นาม ปาทา อิตเรสํ ปาทผุสนฎฺฐานํ ผุสนฺตี’’ติ อผุสิตุกามตาย อคฺคปาเทน ภูมิํ ผุสโนฺต วิย จรติฯ โอนมตีติ นิวาตวุตฺติตาย อวนมติ อนุทฺธโต อตฺถโทฺธ โหติฯ อกิญฺจนภาวนฺติ ‘‘ปพฺพชิเตน นาม อกิญฺจนญาเณน สมปริคฺคเหน ภวิตพฺพ’’นฺติ อกิญฺจนชฺฌาสยํ ปฎิอเวกฺขิตฺวาฯ ลาเภปิ ตาที, อลาเภปิ ตาทีติ ยถา อลาภกาเล ลาภสฺส ลทฺธกาเลปิ ตเถวาติ ตาที เอกสทิโสฯ ยเส สติปิ มหาปริวารกาเลปิฯ

    Tattha tattha vijjhantoti yasamadena parivāramadena ca matto hutvā gāmepi vihārepi janavivittepi saṅghamajjhepi aññe bhikkhū ghaṭṭento ‘‘mayhaṃ nāma pādā itaresaṃ pādaphusanaṭṭhānaṃ phusantī’’ti aphusitukāmatāya aggapādena bhūmiṃ phusanto viya carati. Onamatīti nivātavuttitāya avanamati anuddhato atthaddho hoti. Akiñcanabhāvanti ‘‘pabbajitena nāma akiñcanañāṇena samapariggahena bhavitabba’’nti akiñcanajjhāsayaṃ paṭiavekkhitvā. Lābhepi tādī, alābhepi tādīti yathā alābhakāle lābhassa laddhakālepi tathevāti tādī ekasadiso. Yase satipi mahāparivārakālepi.

    อภโย หุตฺวา อุปรโตติ นิพฺภโย หุตฺวา ภยสฺส อภาเวเนว โอรมิตพฺพโต อุปรโต ภยเหตูนํ ปหีนตฺตาฯ ตญฺจ โข น กติปยกาลํ, อถ โข อจฺจนฺตเมว อุปรโตติ อจฺจนฺตูปรโตฯ อถ โข ภายิตพฺพวตฺถุํ อเวกฺขิตฺวา ตโต ภเยน อุปรโตฯ กิเลสา เอว ภายิตพฺพโต กิเลสภยํฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ สตฺต เสกฺขาติ สตฺต เสกฺขาปิ ภยูปรตา, ปเคว ปุถุชฺชโนติ อธิปฺปาโยฯ

    Abhayo hutvā uparatoti nibbhayo hutvā bhayassa abhāveneva oramitabbato uparato bhayahetūnaṃ pahīnattā. Tañca kho na katipayakālaṃ, atha kho accantameva uparatoti accantūparato. Atha kho bhāyitabbavatthuṃ avekkhitvā tato bhayena uparato. Kilesā eva bhāyitabbato kilesabhayaṃ. Esa nayo sesesupi. Satta sekkhāti satta sekkhāpi bhayūparatā, pageva puthujjanoti adhippāyo.

    ถณฺฑิลปีฐกนฺติ ถณฺฑิลมญฺจสทิสํ ปีฐกนฺติ อโตฺถฯ นิสฺสายาติ อปสฺสาย ตํ อปสฺสายํ กตฺวาฯ ทฺวินฺนํ มเชฺฌ ถณฺฑิลปีฐกา ทฺวาเร ฐตฺวา โอโลเกนฺตสฺส เนวาสิกภิกฺขุสฺส น ปญฺญายิฯ อสญฺญตนีหาเรนาติ น สญฺญตากาเรนฯ ‘‘มํ ภายโนฺต เหฎฺฐามญฺจํ ปวิโฎฺฐ ภวิสฺสตี’’ติ เหฎฺฐามญฺจํ โอโลเกตฺวาฯ อุกฺกาสิ ‘‘พหิ คจฺฉโนฺต อโกฺกสิตฺวา มา อปุญฺญํ ปสวี’’ติฯ อธิวาเสตุนฺติ ตาทิสํ อิทฺธานภาวํ ทิสฺวาปิ ปฎปฎายโนฺต อตฺตโน โกธํ อธิวาเสตุํ อสโกฺกโนฺตฯ

    Thaṇḍilapīṭhakanti thaṇḍilamañcasadisaṃ pīṭhakanti attho. Nissāyāti apassāya taṃ apassāyaṃ katvā. Dvinnaṃ majjhe thaṇḍilapīṭhakā dvāre ṭhatvā olokentassa nevāsikabhikkhussa na paññāyi. Asaññatanīhārenāti na saññatākārena. ‘‘Maṃ bhāyanto heṭṭhāmañcaṃ paviṭṭho bhavissatī’’ti heṭṭhāmañcaṃ oloketvā. Ukkāsi ‘‘bahi gacchanto akkositvā mā apuññaṃ pasavī’’ti. Adhivāsetunti tādisaṃ iddhānabhāvaṃ disvāpi paṭapaṭāyanto attano kodhaṃ adhivāsetuṃ asakkonto.

    ขเยเนวาติ ราคสฺส อจฺจนฺตกฺขเยเนว วีตราคตฺตาฯ น ปฎิสงฺขาย วาเรตฺวาติ น ปฎิสงฺขานพเลน ราคปริยุฎฺฐานํ นิวาเรตฺวา วีตราคตฺตาฯ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรนฯ กายสมาจาราทีนํ สํกิลิฎฺฐานํ วีติกฺกมิยานญฺจ อภาวํ อาจารสฺส โวทานํ จิรกาลสมาจิณฺณตาย ญาตสฺส สหิตภาเวปิ อนุปกฺกิลิฎฺฐตาย อภยูปรตภาวสมเนฺนสนาย อากรียติ ญาเปตุํ อิจฺฉิโต อโตฺถ ปการโต ญาปียติ เอเตหีติ อาการา, อุปปตฺติสาธนการณานิฯ ตานิ ปน ยสฺมา อตฺตโน ยถานุมตสฺส อตฺถสฺส ญาปกภาเวน ววตฺถียนฺติ, ตสฺมา ตานิ เตสํ มูลการณภูตานิ อนุมานญาณานิ จ ทเสฺสโนฺต ภควา – ‘‘เก ปนายสฺมโต อาการา เก อนฺวยา’’ติ อโวจาติ อิมมตฺถํ วิภาเวโนฺต ‘‘อาการาติ การณานิ, อนฺวยาติ อนุพุทฺธิโย’’ติ อาหฯ ยถา หิ โลเก ทิเฎฺฐน ธูเมน อทิฎฺฐํ อคฺคิํ อเนฺวติ อนุมานโต ชานาติ, เอวํ วีมํสโก ภิกฺขุ – ‘‘ภควา เอเกกวิหาเรสุ สุปฺปฎิปเนฺนสุ ทุปฺปฎิปเนฺนสุ จ ยถา เอกสทิสตาทสฺสเนน อภยูปรตตํ อเนฺวติ อนุมานโต ชานาติ, สุปฺปฎิปนฺนทุปฺปฎิปนฺนปุคฺคเลสุ อนุสฺสาทนานปสาทนปฺปตฺตาย สตฺถุ อวิปรีตธมฺมเทสนตาย สมฺมาสมฺพุทฺธตํ สงฺฆสุปฺปฎิปตฺติญฺจ อเนฺวติ อนุมานโต ชานาติ, เอวํ ชานโนฺต จ อภยูปรโต ตถาคโต สพฺพธิ วีตราคตฺตา, โย ยตฺถ วีตราโค, น โส ตนฺนิมิตฺตํ กิญฺจิ ภยํ ปสฺสติ เสยฺยถาปิ พฺรหฺมา กามภวนิมิตฺตํ, ตถา สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควา อวิปรีตธมฺมเทสนตฺตา, สฺวาขาโต ธโมฺม เอกนฺตนิยฺยานิกตฺตา, สุปฺปฎิปโนฺน สโงฺฆ อเวจฺจปฺปสนฺนตฺตา’’ติ วตฺถุตฺตยํ คุณโต ยาถาวโต ชานาติฯ

    Khayenevāti rāgassa accantakkhayeneva vītarāgattā. Na paṭisaṅkhāya vāretvāti na paṭisaṅkhānabalena rāgapariyuṭṭhānaṃ nivāretvā vītarāgattā. Evaṃ vuttappakārena. Kāyasamācārādīnaṃ saṃkiliṭṭhānaṃ vītikkamiyānañca abhāvaṃ ācārassa vodānaṃ cirakālasamāciṇṇatāya ñātassa sahitabhāvepi anupakkiliṭṭhatāya abhayūparatabhāvasamannesanāya ākarīyati ñāpetuṃ icchito attho pakārato ñāpīyati etehīti ākārā, upapattisādhanakāraṇāni. Tāni pana yasmā attano yathānumatassa atthassa ñāpakabhāvena vavatthīyanti, tasmā tāni tesaṃ mūlakāraṇabhūtāni anumānañāṇāni ca dassento bhagavā – ‘‘ke panāyasmato ākārā ke anvayā’’ti avocāti imamatthaṃ vibhāvento ‘‘ākārāti kāraṇāni, anvayāti anubuddhiyo’’ti āha. Yathā hi loke diṭṭhena dhūmena adiṭṭhaṃ aggiṃ anveti anumānato jānāti, evaṃ vīmaṃsako bhikkhu – ‘‘bhagavā ekekavihāresu suppaṭipannesu duppaṭipannesu ca yathā ekasadisatādassanena abhayūparatataṃ anveti anumānato jānāti, suppaṭipannaduppaṭipannapuggalesu anussādanānapasādanappattāya satthu aviparītadhammadesanatāya sammāsambuddhataṃ saṅghasuppaṭipattiñca anveti anumānato jānāti, evaṃ jānanto ca abhayūparato tathāgato sabbadhi vītarāgattā, yo yattha vītarāgo, na so tannimittaṃ kiñci bhayaṃ passati seyyathāpi brahmā kāmabhavanimittaṃ, tathā sammāsambuddho bhagavā aviparītadhammadesanattā, svākhāto dhammo ekantaniyyānikattā, suppaṭipanno saṅgho aveccappasannattā’’ti vatthuttayaṃ guṇato yāthāvato jānāti.

    คณพนฺธเนนาติ ‘‘มม สทฺธิวิหาริกา มม อเนฺตวาสิกา’’ติ เอวํ คเณ อเปกฺขาสงฺขาเตน พนฺธเนน พทฺธา ปยุตฺตาฯ ตาย ตาย ปฎิปตฺติยาติ ‘‘สุคตา ทุคฺคตา’’ติ วุตฺตาย สุปฺปฎิปตฺติยา ทุปฺปฎิปตฺติยา จฯ อุสฺสาทนาติ คุณวเสน อุกฺกํสนาฯ อปสาทนาติ หีฬนาฯ อุภยตฺถ เคหสฺสิตวเสนาติ อิมินา สมฺมาปฎิปตฺติยา ปเรสํ อุโยฺยชนตฺถํ – ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, มหากจฺจาโน’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๐๕; ๓.๒๘๕, ๓๒๒) คุณโต อุกฺกํสนมฺปิ อายติํ สํวราย ยถาปราธํ ครหณมฺปิ น นิวาเรติฯ

    Gaṇabandhanenāti ‘‘mama saddhivihārikā mama antevāsikā’’ti evaṃ gaṇe apekkhāsaṅkhātena bandhanena baddhā payuttā. Tāya tāya paṭipattiyāti ‘‘sugatā duggatā’’ti vuttāya suppaṭipattiyā duppaṭipattiyā ca. Ussādanāti guṇavasena ukkaṃsanā. Apasādanāti hīḷanā. Ubhayattha gehassitavasenāti iminā sammāpaṭipattiyā paresaṃ uyyojanatthaṃ – ‘‘paṇḍito, bhikkhave, mahākaccāno’’tiādinā (ma. ni. 1.205; 3.285, 322) guṇato ukkaṃsanampi āyatiṃ saṃvarāya yathāparādhaṃ garahaṇampi na nivāreti.

    ๔๘๙. วีมํสกสฺสปิ อธิปฺปาโย วีมํสนวเสน ปวโตฺตฯ มูลวีมํสโก เหตุวาทิตายฯ คณฺฐิวีมํสกสฺส อนุสฺสุติภาวโต วุตฺตํ ‘‘ปรเสฺสว กถาย นิฎฺฐงฺคโต’’ติฯ เตนาห ภควา – ‘‘ปรสฺส เจโตปริยายํ อชานเนฺตนา’’ติฯ ตถาคโตว ปฎิปุจฺฉิตโพฺพติ อิมินา ปุเพฺพ สาธารณโต วุตฺตํ อนุมานํ อุกฺกํสํ ปาเปตฺวา วทติฯ อุกฺกํสคตเญฺหตํ อนุมานํ, ยทิทํ สพฺพญฺญุวจนํ อวิสํวาทํ สามญฺญโต อปุถุชฺชนโคจรสฺส อตฺถสฺส อนุมานโตฯ ติวิโธ หิ อโตฺถ, โกจิ ปจฺจกฺขสิโทฺธ, โย รูปาทิธมฺมานํ ปจฺจตฺตเวทนิโย อนิทฺทิสิตพฺพากาโรฯ โกจิ อนุมานสิโทฺธ, โย ฆฎาทีสุ ปสิเทฺธน ปจฺจยายตฺตภาเวน สาธิยมาโน สทฺทาทีนํ อนิจฺจตาทิอากาโรฯ โกจิ โอกปฺปนสิโทฺธ, โย ปจุรชนสฺส อจฺจนฺตมทิโฎฺฐ สทฺธาวิสโย ปรโลกนิพฺพานาทิฯ ตตฺถ ยสฺส สตฺถุโน วจนํ ปจฺจกฺขสิเทฺธ อนุมานสิเทฺธ จ อเตฺถ น วิสํวาเทติ อวิปรีตปฺปวตฺติยา, ตสฺส วจเนน สเทฺธยฺยตฺถสิทฺธิ, สเทฺธยฺยรูปา เอว จ เยภุเยฺยน สตฺถุคุณา อจฺจนฺตสมฺภวโตฯ

    489. Vīmaṃsakassapi adhippāyo vīmaṃsanavasena pavatto. Mūlavīmaṃsako hetuvāditāya. Gaṇṭhivīmaṃsakassa anussutibhāvato vuttaṃ ‘‘parasseva kathāya niṭṭhaṅgato’’ti. Tenāha bhagavā – ‘‘parassa cetopariyāyaṃ ajānantenā’’ti. Tathāgatova paṭipucchitabboti iminā pubbe sādhāraṇato vuttaṃ anumānaṃ ukkaṃsaṃ pāpetvā vadati. Ukkaṃsagatañhetaṃ anumānaṃ, yadidaṃ sabbaññuvacanaṃ avisaṃvādaṃ sāmaññato aputhujjanagocarassa atthassa anumānato. Tividho hi attho, koci paccakkhasiddho, yo rūpādidhammānaṃ paccattavedaniyo aniddisitabbākāro. Koci anumānasiddho, yo ghaṭādīsu pasiddhena paccayāyattabhāvena sādhiyamāno saddādīnaṃ aniccatādiākāro. Koci okappanasiddho, yo pacurajanassa accantamadiṭṭho saddhāvisayo paralokanibbānādi. Tattha yassa satthuno vacanaṃ paccakkhasiddhe anumānasiddhe ca atthe na visaṃvādeti aviparītappavattiyā, tassa vacanena saddheyyatthasiddhi, saddheyyarūpā eva ca yebhuyyena satthuguṇā accantasambhavato.

    เอส มยฺหํ ปโถติ ยฺวายํ อาชีวฎฺฐมกสีลสงฺขาโต มยฺหํ โอรมตฺตโก คุโณ, เอส อปรจิตฺตวิทุโน วีมํสกสฺส ภิกฺขุโน มม ชานนปโถ ชานนมโคฺคฯ เอส โคจโรติ เอโส เอตฺตโก เอว ตสฺส มยิ โคจโร, น อิโต ปรํฯ ตถา หิ พฺรหฺมชาเลปิ (ที. นิ. ๑.๗) ภควตา อาชีวฎฺฐมกสีลเมว นิทฺทิฎฺฐํฯ เอตาปาโถติ เอตฺตกาปาโถฯ โย สีเล ปติฎฺฐิโต ‘‘เอตํ มมา’’ติ, ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวญฺญตโร วา’’ติ ตณฺหาย ปรามสโนฺต, ตสฺส วิเสสภาคิยตาย, นิเพฺพธภาคิยตาย วา อการเณน ตณฺหํ อนติวตฺตนโต โส ตมฺมโย นามฯ เตนาห ‘‘น ตมฺมโย น สตโณฺห’’ติอาทิฯ

    Esa mayhaṃ pathoti yvāyaṃ ājīvaṭṭhamakasīlasaṅkhāto mayhaṃ oramattako guṇo, esa aparacittaviduno vīmaṃsakassa bhikkhuno mama jānanapatho jānanamaggo. Esa gocaroti eso ettako eva tassa mayi gocaro, na ito paraṃ. Tathā hi brahmajālepi (dī. ni. 1.7) bhagavatā ājīvaṭṭhamakasīlameva niddiṭṭhaṃ. Etāpāthoti ettakāpātho. Yo sīle patiṭṭhito ‘‘etaṃ mamā’’ti, ‘‘imināhaṃ sīlena devo vā bhavissāmi devaññataro vā’’ti taṇhāya parāmasanto, tassa visesabhāgiyatāya, nibbedhabhāgiyatāya vā akāraṇena taṇhaṃ anativattanato so tammayo nāma. Tenāha ‘‘na tammayo na sataṇho’’tiādi.

    สุตสฺส อุปรูปริ วิเสสาวหภาเวน อุตฺตรุตฺตรเญฺจว ตสฺส จ วิเสสสฺส อนุกฺกเมน ปณีตตรภาวโต ปณีตตรญฺจ กตฺวา เทเสติฯ สวิปกฺขนฺติ ปหาตพฺพปหายกภาเวน สปฺปฎิปกฺขํฯ กณฺหํ ปฎิพาหิตฺวา สุกฺกนฺติ อิทํ ธมฺมชาตํ กณฺหํ นาม, อิมสฺส ปหายกํ อิทํ สุกฺกํ นามาติ เอวํ กณฺหํ ปฎิพาหิตฺวา สุกฺกํฯ สุกฺกํ ปฎิพาหิตฺวา กณฺหนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อิธ ปน ‘‘อิมินา ปหาตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพํฯ สอุสฺสาหนฺติ สพฺยาปารํฯ กิริยมยจิตฺตานญฺหิ อนุปจฺฉินฺนาวิชฺชาตณฺหามานาทิเก สนฺตาเน สพฺยาปารตา สอุสฺสาหตา, สวิปากธมฺมตาติ อโตฺถฯ ตสฺมิํ เทสิเต ธเมฺมติ ตสฺมิํ สตฺถารา เทสิเต โลกิยโลกุตฺตรธเมฺมฯ เอกจฺจํ เอกเทสภูตํ มคฺคผลนิพฺพานสงฺขาตํ ปฎิเวธธมฺมํ อภิญฺญาย อภิวิสิฎฺฐาย มคฺคปญฺญาย ชานิตฺวาฯ ปฎิเวธธเมฺมน มเคฺคนฯ เทสนาธเมฺมติ เทสนารุเฬฺห ปุพฺพภาคิเย โพธิปกฺขิยธเมฺม นิฎฺฐํ คจฺฉติ – ‘‘อทฺธา อิมาย ปฎิปทาย ชรามรณโต มุจฺจิสฺสามี’’ติฯ ปุเพฺพ โปถุชฺชนิกสทฺธายปิ ปสโนฺน, ตโต ภิโยฺยโสมตฺตาย อวิปรีตธมฺมเทสโน สมฺมาสมฺพุโทฺธ โส ภควาติ สตฺถริ ปสีทติฯ นิยฺยานิกตฺตาติ วฎฺฎทุกฺขโต เอว ตโต นิยฺยานาวหตฺตาฯ วงฺกาทีติ อาทิ-สเทฺทน อญฺญํ อสามีจิปริยายํ สพฺพํ โทสํ สงฺคณฺหาติฯ

    Sutassa uparūpari visesāvahabhāvena uttaruttarañceva tassa ca visesassa anukkamena paṇītatarabhāvato paṇītatarañca katvā deseti. Savipakkhanti pahātabbapahāyakabhāvena sappaṭipakkhaṃ. Kaṇhaṃ paṭibāhitvā sukkanti idaṃ dhammajātaṃ kaṇhaṃ nāma, imassa pahāyakaṃ idaṃ sukkaṃ nāmāti evaṃ kaṇhaṃ paṭibāhitvā sukkaṃ. Sukkaṃ paṭibāhitvā kaṇhanti etthāpi eseva nayo. Idha pana ‘‘iminā pahātabba’’nti vattabbaṃ. Saussāhanti sabyāpāraṃ. Kiriyamayacittānañhi anupacchinnāvijjātaṇhāmānādike santāne sabyāpāratā saussāhatā, savipākadhammatāti attho. Tasmiṃ desite dhammeti tasmiṃ satthārā desite lokiyalokuttaradhamme. Ekaccaṃ ekadesabhūtaṃ maggaphalanibbānasaṅkhātaṃ paṭivedhadhammaṃ abhiññāya abhivisiṭṭhāya maggapaññāya jānitvā. Paṭivedhadhammena maggena. Desanādhammeti desanāruḷhe pubbabhāgiye bodhipakkhiyadhamme niṭṭhaṃ gacchati – ‘‘addhā imāya paṭipadāya jarāmaraṇato muccissāmī’’ti. Pubbe pothujjanikasaddhāyapi pasanno, tato bhiyyosomattāya aviparītadhammadesano sammāsambuddho so bhagavāti satthari pasīdati. Niyyānikattāti vaṭṭadukkhato eva tato niyyānāvahattā. Vaṅkādīti ādi-saddena aññaṃ asāmīcipariyāyaṃ sabbaṃ dosaṃ saṅgaṇhāti.

    ๔๙๐. อิเมหิ สตฺถุวีมํสนการเณหีติ ‘‘ปริสุทฺธกายสมาจารตาทีหิ เจว อุตฺตรุตฺตริปณีตปณีตอวิปรีตธมฺมเทสนาหิ จา’’ติ อิเมหิ ยถาวุเตฺตหิ สตฺถุอุปปริกฺขนการเณหิฯ อกฺขรสมฺปิณฺฑนปเทหีติ เตสํเยว การณานํ สโมฺพธเนหิ อกฺขรสมุทายลกฺขเณหิ ปเทหิฯ อิธ วุเตฺตหิ อกฺขเรหีติ อิมสฺมิํ สุเตฺต วุเตฺตหิ ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส อภิพฺยญฺชนโต พฺยญฺชนสญฺญิเตหิ อกฺขเรหิฯ โอกปฺปนาติ สเทฺธยฺยวตฺถุํ โอกฺกนฺติตฺวา ปสีทนโต โอกปฺปนลกฺขณาฯ สทฺธาย มูลํ นามาติ อเวจฺจปฺปสาทภูตาย สทฺธาย มูลํ นาม การณนฺติ สทฺทหนสฺส การณํ ปริสุทฺธกายสมาจาราทิกํฯ ถิรา ปฎิปกฺขสมุเจฺฉเทน สุปฺปติฎฺฐิตตฺตาฯ หริตุํ น สกฺกาติ อปเนตุํ อสกฺกุเณยฺยาฯ อิตเรสุ สมณพฺราหฺมณเทเวสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อาห ‘‘สมิตปาปสมเณน วา’’ติอาทิฯ

    490.Imehi satthuvīmaṃsanakāraṇehīti ‘‘parisuddhakāyasamācāratādīhi ceva uttaruttaripaṇītapaṇītaaviparītadhammadesanāhi cā’’ti imehi yathāvuttehi satthuupaparikkhanakāraṇehi. Akkharasampiṇḍanapadehīti tesaṃyeva kāraṇānaṃ sambodhanehi akkharasamudāyalakkhaṇehi padehi. Idha vuttehi akkharehīti imasmiṃ sutte vuttehi yathāvuttassa atthassa abhibyañjanato byañjanasaññitehi akkharehi. Okappanāti saddheyyavatthuṃ okkantitvā pasīdanato okappanalakkhaṇā. Saddhāya mūlaṃ nāmāti aveccappasādabhūtāya saddhāya mūlaṃ nāma kāraṇanti saddahanassa kāraṇaṃ parisuddhakāyasamācārādikaṃ. Thirā paṭipakkhasamucchedena suppatiṭṭhitattā. Harituṃ na sakkāti apanetuṃ asakkuṇeyyā. Itaresu samaṇabrāhmaṇadevesu vattabbameva natthīti āha ‘‘samitapāpasamaṇena vā’’tiādi.

    ‘‘พุทฺธานํ เกสญฺจิ สาวกานญฺจ วิพาธนตฺถํ มาโร อุปคจฺฉตี’’ติ สุตปุพฺพตฺตา ‘‘อยํ มาโร อาคโต’’ติ จิเนฺตสิฯ อานุภาวสมฺปเนฺนน อริยสาวเกน ปุจฺฉิตตฺตา มุสาวาทํ กาตุํ นาสกฺขิฯ เอเตติ ยถาวุเตฺต สมิตปาปสมณาทโย ฐเปตฺวาฯ สภาวสมเนฺนสนาติ ยาถาวสมเนฺนสนา อวิปรีตวีมํสาฯ สภาเวเนวาติ สพฺภาเวเนว ยถาภูตคุณโต เอวฯ สุฎฺฐุ สมฺมเทวฯ สมเนฺนสิโตติ อุปปริกฺขิโตฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวาติฯ

    ‘‘Buddhānaṃ kesañci sāvakānañca vibādhanatthaṃ māro upagacchatī’’ti sutapubbattā ‘‘ayaṃ māro āgato’’ti cintesi. Ānubhāvasampannena ariyasāvakena pucchitattā musāvādaṃ kātuṃ nāsakkhi. Eteti yathāvutte samitapāpasamaṇādayo ṭhapetvā. Sabhāvasamannesanāti yāthāvasamannesanā aviparītavīmaṃsā. Sabhāvenevāti sabbhāveneva yathābhūtaguṇato eva. Suṭṭhu sammadeva. Samannesitoti upaparikkhito. Sesaṃ suviññeyyamevāti.

    วีมํสกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Vīmaṃsakasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๗. วีมํสกสุตฺตํ • 7. Vīmaṃsakasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. วีมํสกสุตฺตวณฺณนา • 7. Vīmaṃsakasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact