Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā |
วิโมกฺขกถา
Vimokkhakathā
๒๔๘. อิทานิ ยสฺมา อิทํ รูปาวจรกุสลํ นาม น เกวลํ อารมฺมณสงฺขาตานํ อายตนานํ อภิภวนโต อภิภายตนวเสเนว อุปฺปชฺชติ, อถ โข วิโมกฺขวเสนปิ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ตมฺปิ นยํ ทเสฺสตุํ ปุน กตเม ธมฺมา กุสลาติอาทิ อารทฺธํฯ
248. Idāni yasmā idaṃ rūpāvacarakusalaṃ nāma na kevalaṃ ārammaṇasaṅkhātānaṃ āyatanānaṃ abhibhavanato abhibhāyatanavaseneva uppajjati, atha kho vimokkhavasenapi uppajjati, tasmā tampi nayaṃ dassetuṃ puna katame dhammā kusalātiādi āraddhaṃ.
เกนเฎฺฐน ปน วิโมโกฺข เวทิตโพฺพติ? อธิมุจฺจนเฎฺฐนฯ โก อยํ อธิมุจฺจนโฎฺฐ นาม? ปจฺจนีกธเมฺมหิ จ สุฎฺฐุ วิมุจฺจนโฎฺฐ, อารมฺมเณ จ อภิรติวเสน สุฎฺฐุ วิมุจฺจนโฎฺฐ ฯ ปิตุอเงฺก วิสฺสฎฺฐองฺคปจฺจงฺคสฺส ทารกสฺส สยนํ วิย อนิคฺคหิตภาเวน นิราสงฺกตาย อารมฺมเณ ปวตฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ เอวํลกฺขณญฺหิ วิโมกฺขภาวปฺปตฺตํ รูปาวจรกุสลํ ทเสฺสตุํ อยํ นโย อารโทฺธฯ
Kenaṭṭhena pana vimokkho veditabboti? Adhimuccanaṭṭhena. Ko ayaṃ adhimuccanaṭṭho nāma? Paccanīkadhammehi ca suṭṭhu vimuccanaṭṭho, ārammaṇe ca abhirativasena suṭṭhu vimuccanaṭṭho . Pituaṅke vissaṭṭhaaṅgapaccaṅgassa dārakassa sayanaṃ viya aniggahitabhāvena nirāsaṅkatāya ārammaṇe pavattīti vuttaṃ hoti. Evaṃlakkhaṇañhi vimokkhabhāvappattaṃ rūpāvacarakusalaṃ dassetuṃ ayaṃ nayo āraddho.
ตตฺถ รูปีติ อชฺฌตฺตํ เกสาทีสุ อุปฺปาทิตํ รูปชฺฌานํ รูปํ, ตทสฺสตฺถีติ รูปีฯ อชฺฌตฺตญฺหิ นีลปริกมฺมํ กโรโนฺต เกเส วา ปิเตฺต วา อกฺขิตารกาย วา กโรติฯ ปีตปริกมฺมํ กโรโนฺต เมเท วา ฉวิยา วา อกฺขีนํ ปีตฎฺฐาเน วา กโรติฯ โลหิตปริกมฺมํ กโรโนฺต มํเส วา โลหิเต วา ชิวฺหาย วา หตฺถตลปาทตเลสุ วา อกฺขีนํ รตฺตฎฺฐาเน วา กโรติฯ โอทาตปริกมฺมํ กโรโนฺต อฎฺฐิมฺหิ วา ทเนฺต วา นเข วา อกฺขีนํ เสตฎฺฐาเน วา กโรติฯ เอวํ ปริกมฺมํ กตฺวา อุปฺปนฺนชฺฌานสมงฺคินํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ รูปานิ ปสฺสตีติ พหิทฺธาปิ นีลกสิณาทิรูปานิ ฌานจกฺขุนา ปสฺสติฯ อิมินา อชฺฌตฺตพหิทฺธาวตฺถุเกสุ กสิเณสุ ฌานปฎิลาโภ ทสฺสิโตฯ
Tattha rūpīti ajjhattaṃ kesādīsu uppāditaṃ rūpajjhānaṃ rūpaṃ, tadassatthīti rūpī. Ajjhattañhi nīlaparikammaṃ karonto kese vā pitte vā akkhitārakāya vā karoti. Pītaparikammaṃ karonto mede vā chaviyā vā akkhīnaṃ pītaṭṭhāne vā karoti. Lohitaparikammaṃ karonto maṃse vā lohite vā jivhāya vā hatthatalapādatalesu vā akkhīnaṃ rattaṭṭhāne vā karoti. Odātaparikammaṃ karonto aṭṭhimhi vā dante vā nakhe vā akkhīnaṃ setaṭṭhāne vā karoti. Evaṃ parikammaṃ katvā uppannajjhānasamaṅginaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Rūpāni passatīti bahiddhāpi nīlakasiṇādirūpāni jhānacakkhunā passati. Iminā ajjhattabahiddhāvatthukesu kasiṇesu jhānapaṭilābho dassito.
อชฺฌตฺตํ อรูปสญฺญีติ อชฺฌตฺตํ น รูปสญฺญีฯ อตฺตโน เกสาทีสุ อนุปฺปาทิตรูปาวจรชฺฌาโนติ อโตฺถฯ อิมินา พหิทฺธา ปริกมฺมํ กตฺวา พหิทฺธาว ปฎิลทฺธชฺฌานตา ทสฺสิตาฯ
Ajjhattaṃarūpasaññīti ajjhattaṃ na rūpasaññī. Attano kesādīsu anuppāditarūpāvacarajjhānoti attho. Iminā bahiddhā parikammaṃ katvā bahiddhāva paṭiladdhajjhānatā dassitā.
สุภนฺติ อิมินา สุวิสุเทฺธสุ นีลาทีสุ วณฺณกสิเณสุ ฌานานิ ทสฺสิตานิฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ อโนฺตอปฺปนาย ‘สุภ’นฺติ อาโภโค นตฺถิ, โย ปน สุวิสุทฺธํ สุภกสิณํ อารมฺมณํ กตฺวา วิหรติ, โส ยสฺมา ‘สุภ’นฺติ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ตถา ทุติยาทีนิ, ตสฺมา เอวํ เทสนา กตาฯ ปฎิสมฺภิทามเคฺค ปน ‘‘กถํ สุภเนฺตฺวว อธิมุโตฺต โหตีติ วิโมโกฺข? อิธ ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ…เป.… วิหรติ, เมตฺตาย ภาวิตตฺตา สตฺตา อปฺปฎิกูลา โหนฺติ; กรุณา… มุทิตา… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ…เป.… วิหรติ, อุเปกฺขาย ภาวิตตฺตา สตฺตา อปฺปฎิกูลา โหนฺติ, เอวํ สุภเนฺตฺวว อธิมุโตฺต โหตี’’ติ วิโมโกฺขติ (ปฎิ. ม. ๑.๒๑๒) วุตฺตํฯ อิธ ปน อุปริ ปาฬิยํเยว พฺรหฺมวิหารานํ อาคตตฺตา ตํ นยํ ปฎิกฺขิปิตฺวา สุนีลกสุปีตกสุโลหิตกสุโอทาตกปริสุทฺธนีลกปริสุทฺธปีตกปริสุทฺธโลหิตกปริสุทฺธโอทาตกวเสเนว สุภวิโมโกฺข อนุญฺญาโตฯ อิติ กสิณนฺติ วา อภิภายตนนฺติ วา วิโมโกฺขติ วา รูปาวจรชฺฌานเมว ฯ ตญฺหิ อารมฺมณสฺส สกลเฎฺฐน กสิณํ นาม, อารมฺมณํ อภิภวนเฎฺฐน อภิภายตนํ นาม, อารมฺมเณ อธิมุจฺจนเฎฺฐน ปจฺจนีกธเมฺมหิ จ วิมุจฺจนเฎฺฐน วิโมโกฺข นามาติ วุตฺตํฯ ตตฺถ กสิณเทสนา อภิธมฺมวเสน, อิตรา ปน สุตฺตนฺตเทสนาวเสน วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ อยเมตฺถ อปุพฺพปทวณฺณนาฯ เอเกกสฺมิํ ปน วิโมเกฺข ปถวีกสิเณ วิย ปญฺจวีสติ ปญฺจวีสตีติ กตฺวา ปญฺจสตฺตติ นวกา เวทิตพฺพาฯ
Subhanti iminā suvisuddhesu nīlādīsu vaṇṇakasiṇesu jhānāni dassitāni. Tattha kiñcāpi antoappanāya ‘subha’nti ābhogo natthi, yo pana suvisuddhaṃ subhakasiṇaṃ ārammaṇaṃ katvā viharati, so yasmā ‘subha’nti…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati, tathā dutiyādīni, tasmā evaṃ desanā katā. Paṭisambhidāmagge pana ‘‘kathaṃ subhantveva adhimutto hotīti vimokkho? Idha bhikkhu mettāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ…pe… viharati, mettāya bhāvitattā sattā appaṭikūlā honti; karuṇā… muditā… upekkhāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ…pe… viharati, upekkhāya bhāvitattā sattā appaṭikūlā honti, evaṃ subhantveva adhimutto hotī’’ti vimokkhoti (paṭi. ma. 1.212) vuttaṃ. Idha pana upari pāḷiyaṃyeva brahmavihārānaṃ āgatattā taṃ nayaṃ paṭikkhipitvā sunīlakasupītakasulohitakasuodātakaparisuddhanīlakaparisuddhapītakaparisuddhalohitakaparisuddhaodātakavaseneva subhavimokkho anuññāto. Iti kasiṇanti vā abhibhāyatananti vā vimokkhoti vā rūpāvacarajjhānameva . Tañhi ārammaṇassa sakalaṭṭhena kasiṇaṃ nāma, ārammaṇaṃ abhibhavanaṭṭhena abhibhāyatanaṃ nāma, ārammaṇe adhimuccanaṭṭhena paccanīkadhammehi ca vimuccanaṭṭhena vimokkho nāmāti vuttaṃ. Tattha kasiṇadesanā abhidhammavasena, itarā pana suttantadesanāvasena vuttāti veditabbā. Ayamettha apubbapadavaṇṇanā. Ekekasmiṃ pana vimokkhe pathavīkasiṇe viya pañcavīsati pañcavīsatīti katvā pañcasattati navakā veditabbā.
วิโมกฺขกถาฯ
Vimokkhakathā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / รูปาวจรกุสลํ • Rūpāvacarakusalaṃ
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / วิโมกฺขกถาวณฺณนา • Vimokkhakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā / วิโมกฺขกถาวณฺณนา • Vimokkhakathāvaṇṇanā