Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā |
๒. วิโมกฺขนิเทฺทสวณฺณนา
2. Vimokkhaniddesavaṇṇanā
๒๑๐. กตโมติอาทิเก อุเทฺทสสฺส นิเทฺทเส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขตีติ เอวํ อุปปริกฺขติฯ สุญฺญมิทนฺติ อิทํ ขนฺธปญฺจกํ สุญฺญํฯ เกน สุญฺญํ? อเตฺตน วา อตฺตนิเยน วาฯ ตตฺถ อเตฺตน วาติ พาลชนปริกปฺปิตสฺส อตฺตโน อภาวา เตน อตฺตนา จ สุญฺญํฯ อตฺตนิเยน วาติ ตสฺส ปริกปฺปิตสฺส อตฺตโน สนฺตเกน จ สุญฺญํฯ อตฺตโน อภาเวเนว อตฺตนิยาภาโวฯ อตฺตนิยญฺจ นาม นิจฺจํ วา สิยา สุขํ วา, ตทุภยมฺปิ นตฺถิฯ เตน นิจฺจปฎิเกฺขเปน อนิจฺจานุปสฺสนา, สุขปฎิเกฺขเปน ทุกฺขานุปสฺสนา จ วุตฺตา โหติฯ สุญฺญมิทํ อเตฺตน วาติ อนตฺตานุปสฺสนาเยว วุตฺตาฯ โสติ โส เอวํ ตีหิ อนุปสฺสนาหิ วิปสฺสมาโน ภิกฺขุฯ อภินิเวสํ น กโรตีติ อนตฺตานุปสฺสนาวเสน อตฺตาภินิเวสํ น กโรติฯ
210.Katamotiādike uddesassa niddese iti paṭisañcikkhatīti evaṃ upaparikkhati. Suññamidanti idaṃ khandhapañcakaṃ suññaṃ. Kena suññaṃ? Attena vā attaniyena vā. Tattha attena vāti bālajanaparikappitassa attano abhāvā tena attanā ca suññaṃ. Attaniyena vāti tassa parikappitassa attano santakena ca suññaṃ. Attano abhāveneva attaniyābhāvo. Attaniyañca nāma niccaṃ vā siyā sukhaṃ vā, tadubhayampi natthi. Tena niccapaṭikkhepena aniccānupassanā, sukhapaṭikkhepena dukkhānupassanā ca vuttā hoti. Suññamidaṃ attena vāti anattānupassanāyeva vuttā. Soti so evaṃ tīhi anupassanāhi vipassamāno bhikkhu. Abhinivesaṃ na karotīti anattānupassanāvasena attābhinivesaṃ na karoti.
นิมิตฺตํ น กโรตีติ อนิจฺจานุปสฺสนาวเสน นิจฺจนิมิตฺตํ น กโรติฯ ปณิธิํ น กโรตีติ ทุกฺขานุปสฺสนาวเสน ปณิธิํ น กโรติฯ อิเม ตโย วิโมกฺขา ปริยาเยน วิปสฺสนากฺขเณ ตทงฺควเสนาปิ ลพฺภนฺติ, นิปฺปริยาเยน ปน สมุเจฺฉทวเสน มคฺคกฺขเณเยวฯ จตฺตาริ ฌานานิ อชฺฌตฺตํ นีวรณาทีหิ วุฎฺฐานโต อชฺฌตฺตวุฎฺฐาโน วิโมโกฺขฯ จตโสฺส อรูปสมาปตฺติโย อารมฺมเณหิ วุฎฺฐานโต พหิทฺธาวุฎฺฐาโน วิโมโกฺขฯ อารมฺมณมฺปิ หิ พาหิรายตนานิ วิย อิธ ‘‘พหิทฺธา’’ติ วุตฺตํฯ อิเม เทฺว วิกฺขมฺภนวิโมกฺขา, ทุภโต วุฎฺฐาโน ปน สมุเจฺฉทวิโมโกฺขฯ
Nimittaṃ na karotīti aniccānupassanāvasena niccanimittaṃ na karoti. Paṇidhiṃ na karotīti dukkhānupassanāvasena paṇidhiṃ na karoti. Ime tayo vimokkhā pariyāyena vipassanākkhaṇe tadaṅgavasenāpi labbhanti, nippariyāyena pana samucchedavasena maggakkhaṇeyeva. Cattāri jhānāni ajjhattaṃ nīvaraṇādīhi vuṭṭhānato ajjhattavuṭṭhāno vimokkho. Catasso arūpasamāpattiyo ārammaṇehi vuṭṭhānato bahiddhāvuṭṭhāno vimokkho. Ārammaṇampi hi bāhirāyatanāni viya idha ‘‘bahiddhā’’ti vuttaṃ. Ime dve vikkhambhanavimokkhā, dubhato vuṭṭhāno pana samucchedavimokkho.
นีวรเณหิ วุฎฺฐาตีติอาทีหิ อชฺฌตฺตวุฎฺฐานํ สรูปโต วุตฺตํฯ รูปสญฺญายาติอาทีหิ กสิณาทิอารมฺมณสมติกฺกมสฺส ปากฎตฺตา ตํ อวตฺวา สุตฺตเนฺตสุ วุตฺตรูปสญฺญาทิสมติกฺกโม วุโตฺตฯ สกฺกายทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสาติ สมาสปทํ, สกฺกายทิฎฺฐิยา วิจิกิจฺฉาย สีลพฺพตปรามาสาติ วิเจฺฉโทฯ อยเมว วา ปาโฐฯ
Nīvaraṇehi vuṭṭhātītiādīhi ajjhattavuṭṭhānaṃ sarūpato vuttaṃ. Rūpasaññāyātiādīhi kasiṇādiārammaṇasamatikkamassa pākaṭattā taṃ avatvā suttantesu vuttarūpasaññādisamatikkamo vutto. Sakkāyadiṭṭhivicikicchāsīlabbataparāmāsāti samāsapadaṃ, sakkāyadiṭṭhiyā vicikicchāya sīlabbataparāmāsāti vicchedo. Ayameva vā pāṭho.
๒๑๑. วิตโกฺก จาติอาทีหิ ฌานานํ สมาปตฺตีนญฺจ อุปจารภูมิโย วุตฺตาฯ อนิจฺจานุปสฺสนาติอาทีหิ จตุนฺนํ มคฺคานํ ปุพฺพภาควิปสฺสนา วุตฺตาฯ ปฎิลาโภ วาติ ปญฺจวิธวสิปฺปตฺติยา พฺยาปิโต ปตฺถโฎ ลาโภติ ปฎิลาโภฯ วสิปฺปตฺติยา หิ สโพฺพ ฌานปโยโค จ สมาปตฺติปโยโค จ ปฎิปฺปสฺสโทฺธ โหติ, ตสฺมา ปฎิลาโภ ‘‘ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิโมโกฺข’’ติ วุโตฺตฯ วิปาโก ปน ฌานสฺส สมาปตฺติยา จ ปฎิปฺปสฺสทฺธิ โหตีติ อุชุกเมวฯ เกจิ ปน ‘‘อุปจารปโยคสฺส ปฎิปฺปสฺสทฺธตฺตา ฌานสฺส สมาปตฺติยา จ ปฎิลาโภ โหติ, ตสฺมา ฌานสมาปตฺติปฎิลาโภ ‘ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิโมโกฺข’ติ วุจฺจตี’’ติ วทนฺติฯ
211.Vitakko cātiādīhi jhānānaṃ samāpattīnañca upacārabhūmiyo vuttā. Aniccānupassanātiādīhi catunnaṃ maggānaṃ pubbabhāgavipassanā vuttā. Paṭilābhovāti pañcavidhavasippattiyā byāpito patthaṭo lābhoti paṭilābho. Vasippattiyā hi sabbo jhānapayogo ca samāpattipayogo ca paṭippassaddho hoti, tasmā paṭilābho ‘‘paṭippassaddhivimokkho’’ti vutto. Vipāko pana jhānassa samāpattiyā ca paṭippassaddhi hotīti ujukameva. Keci pana ‘‘upacārapayogassa paṭippassaddhattā jhānassa samāpattiyā ca paṭilābho hoti, tasmā jhānasamāpattipaṭilābho ‘paṭippassaddhivimokkho’ti vuccatī’’ti vadanti.
๒๑๒. อชฺฌตฺตนฺติ อตฺตานํ อธิกิจฺจ ปวตฺตํฯ ปจฺจตฺตนฺติ อตฺตานํ ปฎิจฺจ ปวตฺตํฯ อุภเยนาปิ นิยกชฺฌตฺตเมว ทีเปติ นีลนิมิตฺตนฺติ นีลเมวฯ นีลสญฺญํ ปฎิลภตีติ ตสฺมิํ นีลนิมิเตฺต นีลมิติสญฺญํ ปฎิลภติฯ สุคฺคหิตํ กโรตีติ ปริกมฺมภูมิยํ สุฎฺฐุ อุคฺคหิตํ กโรติฯ สูปธาริตํ อุปธาเรตีติ อุปจารภูมิยํ สุฎฺฐุ อุปธาริตํ กตฺวา อุปธาเรติฯ สฺวาวตฺถิตํ อวตฺถาเปตีติ อปฺปนาภูมิยํ สุฎฺฐุ นิจฺฉิตํ นิจฺฉินาติฯ ววตฺถาเปตีติปิ ปาโฐฯ อชฺฌตฺตญฺหิ นีลปริกมฺมํ กโรโนฺต เกเส วา ปิเตฺต วา อกฺขิตารกายํ วา กโรติฯ พหิทฺธา นีลนิมิเตฺตติ นีลปุปฺผนีลวตฺถนีลธาตูนํ อญฺญตเร นีลกสิเณฯ จิตฺตํ อุปสํหรตีติ จิตฺตํ อุปเนติฯ ปีตาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อาเสวตีติ ตเมว สญฺญํ อาทิโต เสวติฯ ภาเวตีติ วเฑฺฒติฯ พหุลีกโรตีติ ปุนปฺปุนํ กโรติฯ รูปนฺติ นีลนิมิตฺตํ รูปํฯ รูปสญฺญีติ ตสฺมิํ รูเป สญฺญา รูปสญฺญา, สา อสฺส อตฺถีติ รูปสญฺญีฯ อชฺฌตฺตํ ปีตนิมิตฺตาทีสุ ปีตปริกมฺมํ กโรโนฺต เมเท วา ฉวิยา วา อกฺขีนํ ปีตฎฺฐาเน วา กโรติฯ โลหิตปริกมฺมํ กโรโนฺต มํเส วา โลหิเต วา ชิวฺหาย วา หตฺถตลปาทตเลสุ วา อกฺขีนํ รตฺตฎฺฐาเน วา กโรติฯ โอทาตปริกมฺมํ กโรโนฺต อฎฺฐิมฺหิ วา ทเนฺต วา นเข วา อกฺขีนํ เสตฎฺฐาเน วา กโรติฯ อชฺฌตฺตํ อรูปนฺติ อชฺฌตฺตํ รูปนิมิตฺตํ นตฺถีติ อโตฺถฯ
212.Ajjhattanti attānaṃ adhikicca pavattaṃ. Paccattanti attānaṃ paṭicca pavattaṃ. Ubhayenāpi niyakajjhattameva dīpeti nīlanimittanti nīlameva. Nīlasaññaṃ paṭilabhatīti tasmiṃ nīlanimitte nīlamitisaññaṃ paṭilabhati. Suggahitaṃ karotīti parikammabhūmiyaṃ suṭṭhu uggahitaṃ karoti. Sūpadhāritaṃ upadhāretīti upacārabhūmiyaṃ suṭṭhu upadhāritaṃ katvā upadhāreti. Svāvatthitaṃ avatthāpetīti appanābhūmiyaṃ suṭṭhu nicchitaṃ nicchināti. Vavatthāpetītipi pāṭho. Ajjhattañhi nīlaparikammaṃ karonto kese vā pitte vā akkhitārakāyaṃ vā karoti. Bahiddhā nīlanimitteti nīlapupphanīlavatthanīladhātūnaṃ aññatare nīlakasiṇe. Cittaṃ upasaṃharatīti cittaṃ upaneti. Pītādīsupi eseva nayo. Āsevatīti tameva saññaṃ ādito sevati. Bhāvetīti vaḍḍheti. Bahulīkarotīti punappunaṃ karoti. Rūpanti nīlanimittaṃ rūpaṃ. Rūpasaññīti tasmiṃ rūpe saññā rūpasaññā, sā assa atthīti rūpasaññī. Ajjhattaṃ pītanimittādīsu pītaparikammaṃ karonto mede vā chaviyā vā akkhīnaṃ pītaṭṭhāne vā karoti. Lohitaparikammaṃ karonto maṃse vā lohite vā jivhāya vā hatthatalapādatalesu vā akkhīnaṃ rattaṭṭhāne vā karoti. Odātaparikammaṃ karonto aṭṭhimhi vā dante vā nakhe vā akkhīnaṃ setaṭṭhāne vā karoti. Ajjhattaṃ arūpanti ajjhattaṃ rūpanimittaṃ natthīti attho.
เมตฺตาสหคเตนาติ ปฐมทุติยตติยชฺฌานวเสน เมตฺตาย สมนฺนาคเตนฯ เจตสาติ จิเตฺตนฯ เอกํ ทิสนฺติ เอกํ เอกิสฺสา ทิสาย ปฐมปริคฺคหิตํ สตฺตํ อุปาทาย เอกทิสาปริยาปนฺนสตฺตผรณวเสน วุตฺตํฯ ผริตฺวาติ ผุสิตฺวา อารมฺมณํ กตฺวาฯ วิหรตีติ พฺรหฺมวิหาราธิฎฺฐิตํ อิริยาปถวิหารํ ปวเตฺตติฯ ตถา ทุติยนฺติ ยถา ปุรตฺถิมาทีสุ ยํกิญฺจิ เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตเถว ตทนนฺตรํ ทุติยํ ตติยํ จตุตฺถํ วาติ อโตฺถฯ อิติ อุทฺธนฺติ เอเตเนว นเยน อุปริมํ ทิสนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อโธ ติริยนฺติ อโธทิสมฺปิ ติริยํ ทิสมฺปิ เอวเมว ฯ ตตฺถ จ อโธติ เหฎฺฐาฯ ติริยนฺติ อนุทิสาฯ เอวํ สพฺพทิสาสุ อสฺสมณฺฑลิกาย อสฺสมิว เมตฺตาสหคตํ จิตฺตํ สาเรติปิ ปจฺจาสาเรติปีติฯ เอตฺตาวตา เอกเมกํ ทิสํ ปริคฺคเหตฺวา โอธิโส เมตฺตาผรณํ ทสฺสิตํฯ สพฺพธีติอาทิ ปน อโนธิโส ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ตตฺถ สพฺพธีติ สพฺพตฺถฯ สพฺพตฺตตายาติ สเพฺพสุ หีนมชฺฌิมุกฺกฎฺฐมิตฺตสปตฺตมชฺฌตฺตาทิปฺปเภเทสุ อตฺตตาย, ‘‘อยํ ปรสโตฺต’’ติ วิภาคํ อกตฺวา อตฺตสมตายาติ วุตฺตํ โหติฯ อถ วา สพฺพตฺตตายาติ สเพฺพน จิตฺตภาเวน, อีสกมฺปิ พหิ อวิกฺขิปมาโนติ วุตฺตํ โหติฯ สพฺพาวนฺตนฺติ สพฺพสตฺตวนฺตํ, สพฺพสตฺตยุตฺตนฺติ อโตฺถฯ สพฺพวนฺตนฺติปิ ปาโฐฯ โลกนฺติ สตฺตโลกํฯ
Mettāsahagatenāti paṭhamadutiyatatiyajjhānavasena mettāya samannāgatena. Cetasāti cittena. Ekaṃ disanti ekaṃ ekissā disāya paṭhamapariggahitaṃ sattaṃ upādāya ekadisāpariyāpannasattapharaṇavasena vuttaṃ. Pharitvāti phusitvā ārammaṇaṃ katvā. Viharatīti brahmavihārādhiṭṭhitaṃ iriyāpathavihāraṃ pavatteti. Tathā dutiyanti yathā puratthimādīsu yaṃkiñci ekaṃ disaṃ pharitvā viharati, tatheva tadanantaraṃ dutiyaṃ tatiyaṃ catutthaṃ vāti attho. Iti uddhanti eteneva nayena uparimaṃ disanti vuttaṃ hoti. Adho tiriyanti adhodisampi tiriyaṃ disampi evameva . Tattha ca adhoti heṭṭhā. Tiriyanti anudisā. Evaṃ sabbadisāsu assamaṇḍalikāya assamiva mettāsahagataṃ cittaṃ sāretipi paccāsāretipīti. Ettāvatā ekamekaṃ disaṃ pariggahetvā odhiso mettāpharaṇaṃ dassitaṃ. Sabbadhītiādi pana anodhiso dassanatthaṃ vuttaṃ. Tattha sabbadhīti sabbattha. Sabbattatāyāti sabbesu hīnamajjhimukkaṭṭhamittasapattamajjhattādippabhedesu attatāya, ‘‘ayaṃ parasatto’’ti vibhāgaṃ akatvā attasamatāyāti vuttaṃ hoti. Atha vā sabbattatāyāti sabbena cittabhāvena, īsakampi bahi avikkhipamānoti vuttaṃ hoti. Sabbāvantanti sabbasattavantaṃ, sabbasattayuttanti attho. Sabbavantantipi pāṭho. Lokanti sattalokaṃ.
วิปุเลนาติ เอวมาทิปริยายทสฺสนโต ปเนตฺถ ปุน ‘‘เมตฺตาสหคเตนา’’ติ วุตฺตํฯ ยสฺมา วา เอตฺถ โอธิโส ผรเณ วิย ปุน ตถาสโทฺท วา อิติ-สโทฺท วา น วุโตฺต, ตสฺมา ปุน ‘‘เมตฺตาสหคเตน เจตสา’’ติ วุตฺตํ, นิคมนวเสน วา เอตํ วุตฺตํฯ วิปุเลนาติ เอตฺถ ผรณวเสน วิปุลตา ทฎฺฐพฺพาฯ ภูมิวเสน ปน ตํ มหคฺคตํฯ ตญฺหิ กิเลสวิกฺขมฺภนสมตฺถตาย วิปุลผลตาย ทีฆสนฺตานตาย จ มหนฺตภาวํ คตํ, มหเนฺตหิ วา อุฬารจฺฉนฺทวีริยจิตฺตปเญฺญหิ คตํ ปฎิปนฺนนฺติ มหคฺคตํฯ ปคุณวเสน อปฺปมาณสตฺตารมฺมณวเสน จ อปฺปมาณํฯ พฺยาปาทปจฺจตฺถิกปฺปหาเนน อเวรํฯ โทมนสฺสปฺปหานโต อพฺยาปชฺชํ, นิทฺทุกฺขนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อปฺปฎิกูลา โหนฺตีติ ภิกฺขุโน จิตฺตสฺส อปฺปฎิกูลา หุตฺวา อุปฎฺฐหนฺติฯ เสเสสุปิ วุตฺตนเยเนว กรุณามุทิตาอุเปกฺขาวเสน โยเชตพฺพํฯ กรุณาย วิเหสาปจฺจตฺถิกปฺปหาเนน อเวรํ, มุทิตาย อรติปจฺจตฺถิกปฺปหาเนนฯ
Vipulenāti evamādipariyāyadassanato panettha puna ‘‘mettāsahagatenā’’ti vuttaṃ. Yasmā vā ettha odhiso pharaṇe viya puna tathāsaddo vā iti-saddo vā na vutto, tasmā puna ‘‘mettāsahagatena cetasā’’ti vuttaṃ, nigamanavasena vā etaṃ vuttaṃ. Vipulenāti ettha pharaṇavasena vipulatā daṭṭhabbā. Bhūmivasena pana taṃ mahaggataṃ. Tañhi kilesavikkhambhanasamatthatāya vipulaphalatāya dīghasantānatāya ca mahantabhāvaṃ gataṃ, mahantehi vā uḷāracchandavīriyacittapaññehi gataṃ paṭipannanti mahaggataṃ. Paguṇavasena appamāṇasattārammaṇavasena ca appamāṇaṃ. Byāpādapaccatthikappahānena averaṃ. Domanassappahānato abyāpajjaṃ, niddukkhanti vuttaṃ hoti. Appaṭikūlā hontīti bhikkhuno cittassa appaṭikūlā hutvā upaṭṭhahanti. Sesesupi vuttanayeneva karuṇāmuditāupekkhāvasena yojetabbaṃ. Karuṇāya vihesāpaccatthikappahānena averaṃ, muditāya aratipaccatthikappahānena.
อุเปกฺขาสหคเตนาติ จตุตฺถชฺฌานวเสน อุเปกฺขาย สมนฺนาคเตนฯ ราคปจฺจตฺถิกปฺปหาเนน อเวรํ, เคหสิตโสมนสฺสปฺปหานโต อพฺยาปชฺชํฯ สพฺพมฺปิ หิ อกุสลํ กิเลสปริฬาหโยคโต สพฺยาปชฺชเมวาติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ
Upekkhāsahagatenāti catutthajjhānavasena upekkhāya samannāgatena. Rāgapaccatthikappahānena averaṃ, gehasitasomanassappahānato abyāpajjaṃ. Sabbampi hi akusalaṃ kilesapariḷāhayogato sabyāpajjamevāti ayametesaṃ viseso.
๒๑๓. สพฺพโสติ สพฺพากาเรน, สพฺพาสํ วา, อนวเสสานนฺติ อโตฺถฯ รูปสญฺญานนฺติ สญฺญาสีเสน วุตฺตรูปาวจรชฺฌานานเญฺจว ตทารมฺมณานญฺจฯ รูปาวจรชฺฌานมฺปิ หิ รูปนฺติ วุจฺจติ ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีสุ (ปฎิ. ม. ๑.๒๐๙; ธ. ส. ๒๔๘), ตสฺส อารมฺมณมฺปิ พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ‘‘สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๒๒๓)ฯ ตสฺมา อิธ รูเป สญฺญา รูปสญฺญาติ เอวํ สญฺญาสีเสน วุตฺตรูปาวจรชฺฌานเสฺสตํ อธิวจนํฯ รูปํ สญฺญา อสฺสาติ รูปสญฺญํ, รูปมสฺส นามนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เอวํ ปถวีกสิณาทิเภทสฺส ตทารมฺมณสฺส เจตํ อธิวจนนฺติ เวทิตพฺพํฯ สมติกฺกมาติ วิราคา นิโรธา จฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? เอตาสํ กุสลวิปากกิริยาวเสน ปญฺจทสนฺนํ ฌานสงฺขาตานํ รูปสญฺญานํ, เอเตสญฺจ ปถวีกสิณาทิวเสน นวนฺนํ อารมฺมณสงฺขาตานํ รูปสญฺญานํ สพฺพากาเรน, อนวเสสานํ วา วิราคา จ นิโรธา จ วิราคเหตุ เจว นิโรธเหตุ จ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ น หิ สกฺกา สพฺพโส อนติกฺกนฺตรูปสเญฺญน เอตํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุนฺติฯ ยสฺมา ปน อารมฺมณสมติกฺกเมน ปตฺตพฺพา เอตา สมาปตฺติโย, น เอกสฺมิํเยว อารมฺมเณ ปฐมชฺฌานาทีนิ วิยฯ อารมฺมเณ อวิรตฺตสฺส จ สญฺญาสมติกฺกโม น โหติ, ตสฺมา อยํ อารมฺมณสมติกฺกมวเสนาปิ อตฺถวณฺณนา กตาติ เวทิตพฺพาฯ
213.Sabbasoti sabbākārena, sabbāsaṃ vā, anavasesānanti attho. Rūpasaññānanti saññāsīsena vuttarūpāvacarajjhānānañceva tadārammaṇānañca. Rūpāvacarajjhānampi hi rūpanti vuccati ‘‘rūpī rūpāni passatī’’tiādīsu (paṭi. ma. 1.209; dha. sa. 248), tassa ārammaṇampi bahiddhā rūpāni passati ‘‘suvaṇṇadubbaṇṇānī’’tiādīsu (dha. sa. 223). Tasmā idha rūpe saññā rūpasaññāti evaṃ saññāsīsena vuttarūpāvacarajjhānassetaṃ adhivacanaṃ. Rūpaṃ saññā assāti rūpasaññaṃ, rūpamassa nāmanti vuttaṃ hoti. Evaṃ pathavīkasiṇādibhedassa tadārammaṇassa cetaṃ adhivacananti veditabbaṃ. Samatikkamāti virāgā nirodhā ca. Kiṃ vuttaṃ hoti? Etāsaṃ kusalavipākakiriyāvasena pañcadasannaṃ jhānasaṅkhātānaṃ rūpasaññānaṃ, etesañca pathavīkasiṇādivasena navannaṃ ārammaṇasaṅkhātānaṃ rūpasaññānaṃ sabbākārena, anavasesānaṃ vā virāgā ca nirodhā ca virāgahetu ceva nirodhahetu ca ākāsānañcāyatanaṃ upasampajja viharati. Na hi sakkā sabbaso anatikkantarūpasaññena etaṃ upasampajja viharitunti. Yasmā pana ārammaṇasamatikkamena pattabbā etā samāpattiyo, na ekasmiṃyeva ārammaṇe paṭhamajjhānādīni viya. Ārammaṇe avirattassa ca saññāsamatikkamo na hoti, tasmā ayaṃ ārammaṇasamatikkamavasenāpi atthavaṇṇanā katāti veditabbā.
ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมาติ จกฺขาทีนํ วตฺถูนํ รูปาทีนํ อารมฺมณานญฺจ ปฎิฆาเตน อุปฺปนฺนา สญฺญา ปฎิฆสญฺญา, รูปสญฺญาทีนํ เอตํ อธิวจนํฯ ตาสํ กุสลวิปากานํ ปญฺจนฺนํ, อกุสลวิปากานํ ปญฺจนฺนนฺติ สพฺพโส ทสนฺนมฺปิ ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา ปหานา อสมุปฺปาทา, อปฺปวตฺติํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ กามเญฺจตา ปฐมชฺฌานาทีนิ สมาปนฺนสฺสปิ น สนฺติ, น หิ ตสฺมิํ สมเย ปญฺจทฺวารวเสน จิตฺตํ ปวตฺตติ, เอวํ สเนฺตปิ อญฺญตฺถ ปหีนานํ สุขทุกฺขานํ จตุตฺถชฺฌาเน วิย สกฺกายทิฎฺฐาทีนํ ตติยมเคฺค วิย จ อิมสฺมิํ ฌาเน อุสฺสาหชนนตฺถํ อิมสฺส ฌานสฺส ปสํสาวเสน เอตาสํ เอตฺถ วจนํ เวทิตพฺพํฯ อถ วา กิญฺจาปิ ตา รูปาวจรํ สมาปนฺนสฺส น สนฺติ, อถ โข น ปหีนตฺตา น สนฺติฯ น หิ รูปวิราคาย รูปาวจรภาวนา สํวตฺตติ, รูปายตฺตาเยว จ เอตาสํ ปวตฺติฯ อยํ ปน ภาวนา รูปวิราคาย สํวตฺตติ, ตสฺมา ตา เอตฺถ ปหีนาติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ น เกวลญฺจ วตฺตุํ, เอกํเสเนว เอวํ ธาเรตุมฺปิ วฎฺฎติฯ ตาสญฺหิ อิโต ปุเพฺพ อปฺปหีนตฺตาเยว ‘‘ปฐมชฺฌานํ สมาปนฺนสฺส สโทฺท กณฺฎโก’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๗๒) วุโตฺต ภควตาฯ อิธ จ ปหีนตฺตาเยว อรูปสมาปตฺตีนํ อาเนญฺชตา สนฺตวิโมกฺขตา จ วุตฺตาฯ
Paṭighasaññānaṃ atthaṅgamāti cakkhādīnaṃ vatthūnaṃ rūpādīnaṃ ārammaṇānañca paṭighātena uppannā saññā paṭighasaññā, rūpasaññādīnaṃ etaṃ adhivacanaṃ. Tāsaṃ kusalavipākānaṃ pañcannaṃ, akusalavipākānaṃ pañcannanti sabbaso dasannampi paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā pahānā asamuppādā, appavattiṃ katvāti vuttaṃ hoti. Kāmañcetā paṭhamajjhānādīni samāpannassapi na santi, na hi tasmiṃ samaye pañcadvāravasena cittaṃ pavattati, evaṃ santepi aññattha pahīnānaṃ sukhadukkhānaṃ catutthajjhāne viya sakkāyadiṭṭhādīnaṃ tatiyamagge viya ca imasmiṃ jhāne ussāhajananatthaṃ imassa jhānassa pasaṃsāvasena etāsaṃ ettha vacanaṃ veditabbaṃ. Atha vā kiñcāpi tā rūpāvacaraṃ samāpannassa na santi, atha kho na pahīnattā na santi. Na hi rūpavirāgāya rūpāvacarabhāvanā saṃvattati, rūpāyattāyeva ca etāsaṃ pavatti. Ayaṃ pana bhāvanā rūpavirāgāya saṃvattati, tasmā tā ettha pahīnāti vattuṃ vaṭṭati. Na kevalañca vattuṃ, ekaṃseneva evaṃ dhāretumpi vaṭṭati. Tāsañhi ito pubbe appahīnattāyeva ‘‘paṭhamajjhānaṃ samāpannassa saddo kaṇṭako’’ti (a. ni. 10.72) vutto bhagavatā. Idha ca pahīnattāyeva arūpasamāpattīnaṃ āneñjatā santavimokkhatā ca vuttā.
นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการาติ นานเตฺต วา โคจเร ปวตฺตานํ สญฺญานํ, นานตฺตานํ วา สญฺญานํฯ ยสฺมา เหตา รูปสทฺทาทิเภเท นานเตฺต นานาสภาเว โคจเร ปวตฺตนฺติ, ยสฺมา เจตา อฎฺฐ กามาวจรกุสลสญฺญา, ทฺวาทส อกุสลสญฺญา, เอกาทส กามาวจรกุสลวิปากสญฺญา, เทฺว อกุสลวิปากสญฺญา, เอกาทส กามาวจรกิริยาสญฺญาติ เอวํ จตุจตฺตาลีสมฺปิ สญฺญา นานตฺตา นานาสภาวา อญฺญมญฺญวิสทิสา, ตสฺมา ‘‘นานตฺตสญฺญา’’ติ วุตฺตาฯ ตาสํ สพฺพโส นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา อนาวชฺชนา จิเตฺต จ อนุปฺปาทนาฯ ยสฺมา ตา นาวชฺชติ จิเตฺต จ น อุปฺปาเทติ น มนสิกโรติ น ปจฺจเวกฺขติ, ตสฺมาติ วุตฺตํ โหติฯ ยสฺมา เจตฺถ ปุริมา รูปสญฺญา ปฎิฆสญฺญา จ อิมินา ฌาเนน นิพฺพเตฺต ภเวปิ น วิชฺชนฺติ, ปเคว ตสฺมิํ ภเว อิมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรณกาเล, ตสฺมา ตาสํ สมติกฺกมา อตฺถงฺคมาติ เทฺวธาปิ อภาโวเยว วุโตฺตฯ นานตฺตสญฺญาสุ ปน ยสฺมา อฎฺฐ กามาวจรกุสลสญฺญา, นว กิริยาสญฺญา, ทสากุสลสญฺญาติ อิมา สตฺตวีสติ สญฺญา อิมินา ฌาเนน นิพฺพเตฺต ภเว วิชฺชนฺติ, ตสฺมา ตาสํ อมนสิการาติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตตฺถาปิ หิ อิมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรโนฺต ตาสํ อมนสิการาเยว อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตา ปน มนสิกโรโนฺต อสมาปโนฺน โหตีติฯ สเงฺขปโต เจตฺถ ‘‘รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา’’ติอิมินา สพฺพรูปาวจรธมฺมานํ ปหานํ วุตฺตํฯ ‘‘ปฎิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา’’ติอิมินา สเพฺพสํ กามาวจรจิตฺตเจตสิกานํ ปหานญฺจ อมนสิกาโร จ วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ
Nānattasaññānaṃ amanasikārāti nānatte vā gocare pavattānaṃ saññānaṃ, nānattānaṃ vā saññānaṃ. Yasmā hetā rūpasaddādibhede nānatte nānāsabhāve gocare pavattanti, yasmā cetā aṭṭha kāmāvacarakusalasaññā, dvādasa akusalasaññā, ekādasa kāmāvacarakusalavipākasaññā, dve akusalavipākasaññā, ekādasa kāmāvacarakiriyāsaññāti evaṃ catucattālīsampi saññā nānattā nānāsabhāvā aññamaññavisadisā, tasmā ‘‘nānattasaññā’’ti vuttā. Tāsaṃ sabbaso nānattasaññānaṃ amanasikārā anāvajjanā citte ca anuppādanā. Yasmā tā nāvajjati citte ca na uppādeti na manasikaroti na paccavekkhati, tasmāti vuttaṃ hoti. Yasmā cettha purimā rūpasaññā paṭighasaññā ca iminā jhānena nibbatte bhavepi na vijjanti, pageva tasmiṃ bhave imaṃ jhānaṃ upasampajja viharaṇakāle, tasmā tāsaṃ samatikkamā atthaṅgamāti dvedhāpi abhāvoyeva vutto. Nānattasaññāsu pana yasmā aṭṭha kāmāvacarakusalasaññā, nava kiriyāsaññā, dasākusalasaññāti imā sattavīsati saññā iminā jhānena nibbatte bhave vijjanti, tasmā tāsaṃ amanasikārāti vuttanti veditabbaṃ. Tatthāpi hi imaṃ jhānaṃ upasampajja viharanto tāsaṃ amanasikārāyeva upasampajja viharati. Tā pana manasikaronto asamāpanno hotīti. Saṅkhepato cettha ‘‘rūpasaññānaṃ samatikkamā’’tiiminā sabbarūpāvacaradhammānaṃ pahānaṃ vuttaṃ. ‘‘Paṭighasaññānaṃ atthaṅgamā nānattasaññānaṃ amanasikārā’’tiiminā sabbesaṃ kāmāvacaracittacetasikānaṃ pahānañca amanasikāro ca vuttoti veditabbo.
อนโนฺต อากาโสติ เอตฺถ ปญฺญตฺติมตฺตตฺตา นาสฺส อุปฺปาทโนฺต วา วยโนฺต วา ปญฺญายตีติ อนโนฺต, อนนฺตผรณวเสนาปิ อนโนฺตฯ น หิ โส โยคี เอกเทสวเสน ผรติ, สกลวเสเนว ผรติฯ อากาโสติ กสิณุคฺฆาฎิมากาโสฯ อากาสานญฺจายตนาทีนิ วุตฺตตฺถานิฯ อุปสมฺปชฺช วิหรตีติ ตํ ปตฺวา นิปฺผาเทตฺวา ตทนุรูเปน อิริยาปเถน วิหรติฯ ตเทว สมาปชฺชิตพฺพโต สมาปตฺติฯ
Anantoākāsoti ettha paññattimattattā nāssa uppādanto vā vayanto vā paññāyatīti ananto, anantapharaṇavasenāpi ananto. Na hi so yogī ekadesavasena pharati, sakalavaseneva pharati. Ākāsoti kasiṇugghāṭimākāso. Ākāsānañcāyatanādīni vuttatthāni. Upasampajja viharatīti taṃ patvā nipphādetvā tadanurūpena iriyāpathena viharati. Tadeva samāpajjitabbato samāpatti.
อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺมาติ ปุเพฺพ วุตฺตนเยน ฌานมฺปิ อากาสานญฺจายตนํ อารมฺมณมฺปิฯ อารมฺมณมฺปิ หิ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว อากาสานญฺจํ จ ตํ ปฐมสฺส อารุปฺปชฺฌานสฺส อารมฺมณตฺตา เทวานํ เทวายตนํ วิย อธิฎฺฐานเฎฺฐน อายตนญฺจาติ อากาสานญฺจายตนํ, ตถา อากาสานญฺจํ จ ตํ ตสฺส ฌานสฺส สญฺชาติเหตุตฺตา ‘‘กโมฺพชา อสฺสานํ อายตน’’นฺติอาทีนิ วิย สญฺชาติเทสเฎฺฐน อายตนญฺจาติปิ อากาสานญฺจายตนํฯ เอวเมตํ ฌานญฺจ อารมฺมณญฺจาติ อุภยมฺปิ อปฺปวตฺติกรเณน จ อมนสิกรเณน จ สมติกฺกมิตฺวาว ยสฺมา อิทํ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหาตพฺพํ, ตสฺมา อุภยเมฺปตเมกชฺฌํ กตฺวา ‘‘อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺมา’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อนนฺตํ วิญฺญาณนฺติ ตํเยว ‘‘อนโนฺต อากาโส’’ติ ผริตฺวา ปวตฺตํ วิญฺญาณํ ‘‘อนนฺตํ วิญฺญาณ’’นฺติ มนสิกโรโนฺตติ วุตฺตํ โหติฯ มนสิการวเสน วา อนนฺตํฯ โส หิ ตํ อากาสารมฺมณํ วิญฺญาณํ อนวเสสโต มนสิกโรโนฺต อนนฺตํ มนสิ กโรติฯ
Ākāsānañcāyatanaṃ samatikkammāti pubbe vuttanayena jhānampi ākāsānañcāyatanaṃ ārammaṇampi. Ārammaṇampi hi pubbe vuttanayeneva ākāsānañcaṃ ca taṃ paṭhamassa āruppajjhānassa ārammaṇattā devānaṃ devāyatanaṃ viya adhiṭṭhānaṭṭhena āyatanañcāti ākāsānañcāyatanaṃ, tathā ākāsānañcaṃ ca taṃ tassa jhānassa sañjātihetuttā ‘‘kambojā assānaṃ āyatana’’ntiādīni viya sañjātidesaṭṭhena āyatanañcātipi ākāsānañcāyatanaṃ. Evametaṃ jhānañca ārammaṇañcāti ubhayampi appavattikaraṇena ca amanasikaraṇena ca samatikkamitvāva yasmā idaṃ viññāṇañcāyatanaṃ upasampajja vihātabbaṃ, tasmā ubhayampetamekajjhaṃ katvā ‘‘ākāsānañcāyatanaṃ samatikkammā’’ti idaṃ vuttanti veditabbaṃ. Anantaṃ viññāṇanti taṃyeva ‘‘ananto ākāso’’ti pharitvā pavattaṃ viññāṇaṃ ‘‘anantaṃ viññāṇa’’nti manasikarontoti vuttaṃ hoti. Manasikāravasena vā anantaṃ. So hi taṃ ākāsārammaṇaṃ viññāṇaṃ anavasesato manasikaronto anantaṃ manasi karoti.
วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺมาติ เอตฺถาปิ จ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว ฌานมฺปิ วิญฺญาณญฺจายตนํ อารมฺมณมฺปิฯ อารมฺมณมฺปิ หิ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว วิญฺญาณญฺจํ จ ตํ ทุติยสฺส อารุปฺปชฺฌานสฺส อารมฺมณตฺตา อธิฎฺฐานเฎฺฐน อายตนญฺจาติ วิญฺญาณญฺจายตนํ, ตถา วิญฺญาณญฺจํ จ ตํ ตเสฺสว ฌานสฺส สญฺชาติเหตุตฺตา สญฺชาติเทสเฎฺฐน อายตนญฺจาติปิ วิญฺญาณญฺจายตนํฯ เอวเมตํ ฌานญฺจ อารมฺมณญฺจาติ อุภยมฺปิ อปฺปวตฺติกรเณน จ อมนสิกรเณน จ สมติกฺกมิตฺวาว ยสฺมา อิทํ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหาตพฺพํ, ตสฺมา อุภยเมฺปตเมกชฺฌํ กตฺวา ‘‘วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺมา’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ นตฺถิ กิญฺจีติ นตฺถิ นตฺถิ, สุญฺญํ สุญฺญํ, วิวิตฺตํ วิวิตฺตนฺติ เอวํ มนสิกโรโนฺตติ วุตฺตํ โหติฯ
Viññāṇañcāyatanaṃsamatikkammāti etthāpi ca pubbe vuttanayeneva jhānampi viññāṇañcāyatanaṃ ārammaṇampi. Ārammaṇampi hi pubbe vuttanayeneva viññāṇañcaṃ ca taṃ dutiyassa āruppajjhānassa ārammaṇattā adhiṭṭhānaṭṭhena āyatanañcāti viññāṇañcāyatanaṃ, tathā viññāṇañcaṃ ca taṃ tasseva jhānassa sañjātihetuttā sañjātidesaṭṭhena āyatanañcātipi viññāṇañcāyatanaṃ. Evametaṃ jhānañca ārammaṇañcāti ubhayampi appavattikaraṇena ca amanasikaraṇena ca samatikkamitvāva yasmā idaṃ ākiñcaññāyatanaṃ upasampajja vihātabbaṃ, tasmā ubhayampetamekajjhaṃ katvā ‘‘viññāṇañcāyatanaṃ samatikkammā’’ti idaṃ vuttanti veditabbaṃ. Natthi kiñcīti natthi natthi, suññaṃ suññaṃ, vivittaṃ vivittanti evaṃ manasikarontoti vuttaṃ hoti.
อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺมาติ เอตฺถาปิ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว ฌานมฺปิ อากิญฺจญฺญายตนํ อารมฺมณมฺปิฯ อารมฺมณมฺปิ หิ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว อากิญฺจญฺญญฺจ ตํ ตติยสฺส อารุปฺปชฺฌานสฺส อารมฺมณตฺตา อธิฎฺฐานเฎฺฐน อายตนญฺจาติ อากิญฺจญฺญายตนํ, ตถา อากิญฺจญฺญญฺจ ตํ ตเสฺสว ฌานสฺส สญฺชาติเหตุตฺตา สญฺชาติเทสเฎฺฐน อายตนญฺจาติปิ อากิญฺจญฺญายตนํฯ เอวเมตํ ฌานญฺจ อารมฺมณญฺจาติ อุภยมฺปิ อปฺปวตฺติกรเณน จ อมนสิกรเณน จ สมติกฺกมิตฺวาว ยสฺมา อิทํ เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหาตพฺพํ, ตสฺมา อุภยเมฺปตเมกชฺฌํ กตฺวา ‘‘อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺมา’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ สญฺญาเวทยิตนิโรธกถา เหฎฺฐา กถิตาวฯ
Ākiñcaññāyatanaṃsamatikkammāti etthāpi pubbe vuttanayeneva jhānampi ākiñcaññāyatanaṃ ārammaṇampi. Ārammaṇampi hi pubbe vuttanayeneva ākiñcaññañca taṃ tatiyassa āruppajjhānassa ārammaṇattā adhiṭṭhānaṭṭhena āyatanañcāti ākiñcaññāyatanaṃ, tathā ākiñcaññañca taṃ tasseva jhānassa sañjātihetuttā sañjātidesaṭṭhena āyatanañcātipi ākiñcaññāyatanaṃ. Evametaṃ jhānañca ārammaṇañcāti ubhayampi appavattikaraṇena ca amanasikaraṇena ca samatikkamitvāva yasmā idaṃ nevasaññānāsaññāyatanaṃ upasampajja vihātabbaṃ, tasmā ubhayampetamekajjhaṃ katvā ‘‘ākiñcaññāyatanaṃ samatikkammā’’ti idaṃ vuttanti veditabbaṃ. Saññāvedayitanirodhakathā heṭṭhā kathitāva.
‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทิกา สตฺต วิโมกฺขา ปจฺจนีกธเมฺมหิ สุฎฺฐุ วิมุจฺจนเฎฺฐน อารมฺมเณ อภิรติวเสน สุฎฺฐุ มุจฺจนเฎฺฐน จ วิโมกฺขา, นิโรธสมาปตฺติ ปน จิตฺตเจตสิเกหิ วิมุตฺตเฎฺฐน วิโมโกฺขฯ สมาปตฺติสมาปนฺนสมเย วิมุโตฺต โหติ, วุฎฺฐิตสมเย อวิมุโตฺต โหตีติ สมยวิโมโกฺขฯ สมุเจฺฉทวิมุตฺติวเสน อจฺจนฺตวิมุตฺตตฺตา อริยมคฺคา, ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติวเสน อจฺจนฺตวิมุตฺตตฺตา สามญฺญผลานิ, นิสฺสรณวิมุตฺติวเสน อจฺจนฺตวิมุตฺตตฺตา นิพฺพานํ อสมยวิโมโกฺขฯ ตถา สามยิกาสามยิกวิโมกฺขาฯ
‘‘Rūpī rūpāni passatī’’tiādikā satta vimokkhā paccanīkadhammehi suṭṭhu vimuccanaṭṭhena ārammaṇe abhirativasena suṭṭhu muccanaṭṭhena ca vimokkhā, nirodhasamāpatti pana cittacetasikehi vimuttaṭṭhena vimokkho. Samāpattisamāpannasamaye vimutto hoti, vuṭṭhitasamaye avimutto hotīti samayavimokkho. Samucchedavimuttivasena accantavimuttattā ariyamaggā, paṭippassaddhivimuttivasena accantavimuttattā sāmaññaphalāni, nissaraṇavimuttivasena accantavimuttattā nibbānaṃ asamayavimokkho. Tathā sāmayikāsāmayikavimokkhā.
ปมาทํ อาคมฺม ปริหายตีติ กุโปฺปฯ ตถา น ปริหายตีติ อกุโปฺปฯ โลกาย สํวตฺตตีติ โลกิโยฯ อริยมคฺคา โลกํ อุตฺตรนฺตีติ โลกุตฺตรา, สามญฺญผลานิ นิพฺพานญฺจ โลกโต อุตฺติณฺณาติ โลกุตฺตราฯ อาทิตฺตํ อโยคุฬํ มกฺขิกา วิย เตชุสฺสทํ โลกุตฺตรํ ธมฺมํ อาสวา นาลมฺพนฺตีติ อนาสโวฯ รูปปฺปฎิสญฺญุโตฺตติ รูปชฺฌานานิฯ อรูปปฺปฎิสญฺญุโตฺตติ อรูปสมาปตฺติโยฯ ตณฺหาย อาลมฺพิโต ปณิหิโตฯ อนาลมฺพิโต อปฺปณิหิโตฯ มคฺคผลานิ เอการมฺมณตฺตา เอกนิฎฺฐตฺตา จ เอกตฺตวิโมโกฺข, นิพฺพานํ อทุติยตฺตา เอกตฺตวิโมโกฺข, อารมฺมณนานตฺตา วิปากนานตฺตา จ นานตฺตวิโมโกฺขฯ
Pamādaṃ āgamma parihāyatīti kuppo. Tathā na parihāyatīti akuppo. Lokāya saṃvattatīti lokiyo. Ariyamaggā lokaṃ uttarantīti lokuttarā, sāmaññaphalāni nibbānañca lokato uttiṇṇāti lokuttarā. Ādittaṃ ayoguḷaṃ makkhikā viya tejussadaṃ lokuttaraṃ dhammaṃ āsavā nālambantīti anāsavo. Rūpappaṭisaññuttoti rūpajjhānāni. Arūpappaṭisaññuttoti arūpasamāpattiyo. Taṇhāya ālambito paṇihito. Anālambito appaṇihito. Maggaphalāni ekārammaṇattā ekaniṭṭhattā ca ekattavimokkho, nibbānaṃ adutiyattā ekattavimokkho, ārammaṇanānattā vipākanānattā ca nānattavimokkho.
๒๑๔. สิยาติ ภเวยฺย, ทส โหนฺตีติ จ เอโก โหตีติ จ ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ ‘‘สิยา’’ติ จ เอตํ วิธิวจนํ, น ปุจฺฉาวจนํฯ วตฺถุวเสนาติ นิจฺจสญฺญาทิทสวตฺถุวเสน ทส โหนฺติฯ ปริยาเยนาติ วิมุจฺจนปริยาเยน เอโก โหติฯ สิยาติ กถญฺจ สิยาติ ยํ วา สิยาติ วิหิตํ, ตํ กถํ สิยาติ ปุจฺฉติฯ อนิจฺจานุปสฺสนญาณนฺติ สมาสปทํฯ อนิจฺจานุปสฺสนาญาณนฺติ วา ปาโฐฯ ตถา เสเสสุปิฯ นิจฺจโต สญฺญายาติ นิจฺจโต ปวตฺตาย สญฺญาย, ‘‘นิจฺจ’’นฺติ ปวตฺตาย สญฺญายาติ อโตฺถฯ เอส นโย สุขโต อตฺตโต นิมิตฺตโต สญฺญายาติ เอตฺถาปิฯ นิมิตฺตโตติ จ นิจฺจนิมิตฺตโตฯ นนฺทิยา สญฺญายาติ นนฺทิวเสน ปวตฺตาย สญฺญาย, นนฺทิสมฺปยุตฺตาย สญฺญายาติ อโตฺถฯ เอส นโย ราคโต สมุทยโต อาทานโต ปณิธิโต อภินิเวสโต สญฺญายาติ เอตฺถาปิฯ ยสฺมา ปน ขยวยวิปริณามานุปสฺสนา ติโสฺส อนิจฺจานุปสฺสนาทีนํ พลวภาวาย พลวปจฺจยภูตา ภงฺคานุปสฺสนาวิเสสาฯ ภงฺคทสฺสเนน หิ อนิจฺจานุปสฺสนา พลวตี โหติฯ อนิจฺจานุปสฺสนาย จ พลวติยา ชาตาย ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕) ทุกฺขานตฺตานุปสฺสนาปิ พลวติโย โหนฺติฯ ตสฺมา อนิจฺจานุปสฺสนาทีสุ วุตฺตาสุ ตาปิ ติโสฺส วุตฺตาว โหนฺติฯ ยสฺมา จ สุญฺญตานุปสฺสนา ‘‘อภินิเวสโต สญฺญาย มุจฺจตี’’ติ วจเนเนว สาราทานาภินิเวสสโมฺมหาภินิเวสอาลยาภินิเวสสโญฺญคาภินิเวสโต สญฺญาย มุจฺจตีติ วุตฺตเมว โหติ, อภินิเวสาภาเวเนว อปฺปฎิสงฺขาโต สญฺญาย มุจฺจตีติ วุตฺตเมว โหติ, ตสฺมา อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนาทโย ปญฺจปิ อนุปสฺสนา น วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ เอวํ อฎฺฐารสสุ มหาวิปสฺสนาสุ เอตา อฎฺฐ อนุปสฺสนา อวตฺวา ทเสว อนุปสฺสนา วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ
214.Siyāti bhaveyya, dasa hontīti ca eko hotīti ca bhaveyyāti attho. ‘‘Siyā’’ti ca etaṃ vidhivacanaṃ, na pucchāvacanaṃ. Vatthuvasenāti niccasaññādidasavatthuvasena dasa honti. Pariyāyenāti vimuccanapariyāyena eko hoti. Siyāti kathañca siyāti yaṃ vā siyāti vihitaṃ, taṃ kathaṃ siyāti pucchati. Aniccānupassanañāṇanti samāsapadaṃ. Aniccānupassanāñāṇanti vā pāṭho. Tathā sesesupi. Niccato saññāyāti niccato pavattāya saññāya, ‘‘nicca’’nti pavattāya saññāyāti attho. Esa nayo sukhato attato nimittato saññāyāti etthāpi. Nimittatoti ca niccanimittato. Nandiyā saññāyāti nandivasena pavattāya saññāya, nandisampayuttāya saññāyāti attho. Esa nayo rāgato samudayato ādānato paṇidhito abhinivesato saññāyāti etthāpi. Yasmā pana khayavayavipariṇāmānupassanā tisso aniccānupassanādīnaṃ balavabhāvāya balavapaccayabhūtā bhaṅgānupassanāvisesā. Bhaṅgadassanena hi aniccānupassanā balavatī hoti. Aniccānupassanāya ca balavatiyā jātāya ‘‘yadaniccaṃ taṃ dukkhaṃ, yaṃ dukkhaṃ tadanattā’’ti (saṃ. ni. 3.15) dukkhānattānupassanāpi balavatiyo honti. Tasmā aniccānupassanādīsu vuttāsu tāpi tisso vuttāva honti. Yasmā ca suññatānupassanā ‘‘abhinivesato saññāya muccatī’’ti vacaneneva sārādānābhinivesasammohābhinivesaālayābhinivesasaññogābhinivesato saññāya muccatīti vuttameva hoti, abhinivesābhāveneva appaṭisaṅkhāto saññāya muccatīti vuttameva hoti, tasmā adhipaññādhammavipassanādayo pañcapi anupassanā na vuttāti veditabbā. Evaṃ aṭṭhārasasu mahāvipassanāsu etā aṭṭha anupassanā avatvā daseva anupassanā vuttāti veditabbā.
๒๑๕. อนิจฺจานุปสฺสนา ยถาภูตํ ญาณนฺติ อนิจฺจานุปสฺสนาเยว ยถาภูตญาณํฯ อุภยมฺปิ ปจฺจตฺตวจนํฯ ยถาภูตญาณนฺติ ญาณโตฺถ วุโตฺตฯ เอวํ เสเสสุปิฯ สโมฺมหา อญฺญาณาติ สโมฺมหภูตา อญฺญาณาฯ มุจฺจตีติ วิโมกฺขโตฺถ วุโตฺตฯ
215.Aniccānupassanā yathābhūtaṃ ñāṇanti aniccānupassanāyeva yathābhūtañāṇaṃ. Ubhayampi paccattavacanaṃ. Yathābhūtañāṇanti ñāṇattho vutto. Evaṃ sesesupi. Sammohā aññāṇāti sammohabhūtā aññāṇā. Muccatīti vimokkhattho vutto.
๒๑๖. อนิจฺจานุปสฺสนา อนุตฺตรํ สีติภาวญาณนฺติ เอตฺถ สาสเนเยว สพฺภาวโต อุตฺตมเฎฺฐน อนุตฺตรํ, อนุตฺตรสฺส ปจฺจยตฺตา วา อนุตฺตรํ, สีติภาโว เอว ญาณํ สีติภาวญาณํฯ ตํ อนิจฺจานุปสฺสนาสงฺขาตํ อนุตฺตรํ สีติภาวญาณํฯ ‘‘ฉหิ, ภิกฺขเว, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภโพฺพ อนุตฺตรํ สีติภาวํ สจฺฉิกาตุ’’นฺติ (อ. นิ. ๖.๘๕) เอตฺถ นิพฺพานํ อนุตฺตโร สีติภาโว นามฯ อิธ ปน วิปสฺสนา อนุตฺตโร สีติภาโวฯ นิจฺจโต สนฺตาปปริฬาหทรถา มุจฺจตีติ เอตฺถาปิ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ ปวตฺตกิเลสา เอว อิธ จามุตฺร จ สนฺตาปนเฎฺฐน สนฺตาโป, ปริทหนเฎฺฐน ปริฬาโห, อุณฺหเฎฺฐน ทรโถติ วุจฺจนฺติฯ
216.Aniccānupassanāanuttaraṃ sītibhāvañāṇanti ettha sāsaneyeva sabbhāvato uttamaṭṭhena anuttaraṃ, anuttarassa paccayattā vā anuttaraṃ, sītibhāvo eva ñāṇaṃ sītibhāvañāṇaṃ. Taṃ aniccānupassanāsaṅkhātaṃ anuttaraṃ sītibhāvañāṇaṃ. ‘‘Chahi, bhikkhave, dhammehi samannāgato bhikkhu bhabbo anuttaraṃ sītibhāvaṃ sacchikātu’’nti (a. ni. 6.85) ettha nibbānaṃ anuttaro sītibhāvo nāma. Idha pana vipassanā anuttaro sītibhāvo. Niccato santāpapariḷāhadarathā muccatīti etthāpi ‘‘nicca’’nti pavattakilesā eva idha cāmutra ca santāpanaṭṭhena santāpo, paridahanaṭṭhena pariḷāho, uṇhaṭṭhena darathoti vuccanti.
๒๑๗. เนกฺขมฺมํ ฌายตีติ ฌานนฺติอาทโย เหฎฺฐา วุตฺตตฺถาฯ เนกฺขมฺมาทีนิ เจตฺถ อฎฺฐ สมาปตฺติโย จ นิเพฺพธภาคิยาเนวฯ
217.Nekkhammaṃ jhāyatīti jhānantiādayo heṭṭhā vuttatthā. Nekkhammādīni cettha aṭṭha samāpattiyo ca nibbedhabhāgiyāneva.
๒๑๘. อนุปาทา จิตฺตสฺส วิโมโกฺขติ อิธ วิปสฺสนาเยวฯ ‘‘เอตทตฺถา กถา, เอตทตฺถา มนฺตนา, ยทิทํ อนุปาทา จิตฺตสฺส วิโมโกฺข’’ติ (ปริ. ๓๖๖; อ. นิ. ๓.๖๘) เอตฺถ ปน นิพฺพานํ อนุปาทา จิตฺตสฺส วิโมโกฺขฯ กติหุปาทาเนหีติ กติหิ อุปาทาเนหิฯ กตมา เอกุปาทานาติ กตมโต เอกุปาทานโตฯ อิทํ เอกุปาทานาติ อิโต เอกโต อุปาทานโตฯ อิทนฺติ ปุพฺพญาณาเปกฺขํ วาฯ อุปาทานโต มุจฺจเนสุ ยสฺมา อาทิโต สงฺขารานํ อุทยพฺพยํ ปสฺสิตฺวา ปสฺสิตฺวา อนิจฺจานุปสฺสนาย วิปสฺสติ, ปจฺฉา สงฺขารานํ ภงฺคเมว ปสฺสิตฺวา อนิมิตฺตานุปสฺสนาย วิปสฺสติฯ อนิจฺจานุปสฺสนาวิเสโสเยว หิ อนิมิตฺตานุปสฺสนาฯ สงฺขารานํ อุทยพฺพยทสฺสเนน จ ภงฺคทสฺสเนน จ อตฺตาภาโว ปากโฎ โหติฯ เตน ทิฎฺฐุปาทานสฺส จ อตฺตวาทุปาทานสฺส จ ปหานํ โหติฯ ทิฎฺฐิปฺปหาเนเนว จ ‘‘สีลพฺพเตน อตฺตา สุชฺฌตี’’ติ ทสฺสนสฺส อภาวโต สีลพฺพตุปาทานสฺส ปหานํ โหติฯ ยสฺมา จ อนตฺตานุปสฺสนาย อุชุกเมว อตฺตาภาวํ ปสฺสติ, อนตฺตานุปสฺสนาวิเสโสเยว จ สุญฺญตานุปสฺสนา, ตสฺมา อิมานิ จตฺตาริ ญาณานิ ทิฎฺฐุปาทานาทีหิ ตีหิ อุปาทาเนหิ มุจฺจนฺติฯ ทุกฺขานุปสฺสนาทีนํเยว ปน จตสฺสนฺนํ ตณฺหาย อุชุวิปจฺจนีกตฺตา อนิจฺจานุปสฺสนาทีนํ จตสฺสนฺนํ กามุปาทานโต มุจฺจนํ น วุตฺตํฯ ยสฺมา อาทิโต ทุกฺขานุปสฺสนาย ‘‘สงฺขารา ทุกฺขา’’ติ ปสฺสโต ปจฺฉา อปฺปณิหิตานุปสฺสนาย จ ‘‘สงฺขารา ทุกฺขา’’ติ ปสฺสโต สงฺขารานํ ปตฺถนา ปหียติฯ ทุกฺขานุปสฺสนาวิเสโสเยว หิ อปฺปณิหิตานุปสฺสนาฯ ยสฺมา จ สงฺขาเรสุ นิพฺพิทานุปสฺสนาย นิพฺพินฺทนฺตสฺส วิราคานุปสฺสนาย วิรชฺชนฺตสฺส สงฺขารานํ ปตฺถนา ปหียติ, ตสฺมา อิมานิ จตฺตาริ ญาณานิ กามุปาทานโต มุจฺจนฺติฯ ยสฺมา นิโรธานุปสฺสนาย กิเลเส นิโรเธติ, ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสนาย กิเลเส ปริจฺจชติ, ตสฺมา อิมานิ เทฺว ญาณานิ จตูหิ อุปาทาเนหิ มุจฺจนฺตีติ เอวํ สภาวนานเตฺตน จ อาการนานเตฺตน จ อฎฺฐสฎฺฐิ วิโมกฺขา นิทฺทิฎฺฐาฯ
218.Anupādā cittassa vimokkhoti idha vipassanāyeva. ‘‘Etadatthā kathā, etadatthā mantanā, yadidaṃ anupādā cittassa vimokkho’’ti (pari. 366; a. ni. 3.68) ettha pana nibbānaṃ anupādā cittassa vimokkho. Katihupādānehīti katihi upādānehi. Katamā ekupādānāti katamato ekupādānato. Idaṃ ekupādānāti ito ekato upādānato. Idanti pubbañāṇāpekkhaṃ vā. Upādānato muccanesu yasmā ādito saṅkhārānaṃ udayabbayaṃ passitvā passitvā aniccānupassanāya vipassati, pacchā saṅkhārānaṃ bhaṅgameva passitvā animittānupassanāya vipassati. Aniccānupassanāvisesoyeva hi animittānupassanā. Saṅkhārānaṃ udayabbayadassanena ca bhaṅgadassanena ca attābhāvo pākaṭo hoti. Tena diṭṭhupādānassa ca attavādupādānassa ca pahānaṃ hoti. Diṭṭhippahāneneva ca ‘‘sīlabbatena attā sujjhatī’’ti dassanassa abhāvato sīlabbatupādānassa pahānaṃ hoti. Yasmā ca anattānupassanāya ujukameva attābhāvaṃ passati, anattānupassanāvisesoyeva ca suññatānupassanā, tasmā imāni cattāri ñāṇāni diṭṭhupādānādīhi tīhi upādānehi muccanti. Dukkhānupassanādīnaṃyeva pana catassannaṃ taṇhāya ujuvipaccanīkattā aniccānupassanādīnaṃ catassannaṃ kāmupādānato muccanaṃ na vuttaṃ. Yasmā ādito dukkhānupassanāya ‘‘saṅkhārā dukkhā’’ti passato pacchā appaṇihitānupassanāya ca ‘‘saṅkhārā dukkhā’’ti passato saṅkhārānaṃ patthanā pahīyati. Dukkhānupassanāvisesoyeva hi appaṇihitānupassanā. Yasmā ca saṅkhāresu nibbidānupassanāya nibbindantassa virāgānupassanāya virajjantassa saṅkhārānaṃ patthanā pahīyati, tasmā imāni cattāri ñāṇāni kāmupādānato muccanti. Yasmā nirodhānupassanāya kilese nirodheti, paṭinissaggānupassanāya kilese pariccajati, tasmā imāni dve ñāṇāni catūhi upādānehi muccantīti evaṃ sabhāvanānattena ca ākāranānattena ca aṭṭhasaṭṭhi vimokkhā niddiṭṭhā.
๒๑๙. อิทานิ อาทิโต อุทฺทิฎฺฐานํ ติณฺณํ วิโมกฺขานํ มุขานิ ทเสฺสตฺวา วิโมกฺขมุขปุพฺพงฺคมํ อินฺทฺริยวิเสสํ ปุคฺคลวิเสสญฺจ ทเสฺสตุกาโม ตีณิ โข ปนิมานีติอาทิมาหฯ ตตฺถ วิโมกฺขมุขานีติ ติณฺณํ วิโมกฺขานํ มุขานิฯ โลกนิยฺยานาย สํวตฺตนฺตีติ เตธาตุกโลกโต นิยฺยานาย นิคฺคมนาย สํวตฺตนฺติฯ สพฺพสงฺขาเร ปริเจฺฉทปริวฎุมโต สมนุปสฺสนตายาติ สเพฺพสํ สงฺขารานํ อุทยพฺพยวเสน ปริเจฺฉทโต เจว ปริวฎุมโต จ สมนุปสฺสนตายฯ โลกนิยฺยานํ โหตีติ ปาฐเสโสฯ อนิจฺจานุปสฺสนา หิ อุทยโต ปุเพฺพ สงฺขารา นตฺถีติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา เตสํ คติํ สมเนฺนสมานา วยโต ปรํ น คจฺฉนฺติ, เอเตฺถว อนฺตรธายนฺตีติ ปริวฎุมโต ปริยนฺตโต สมนุปสฺสติฯ สพฺพสงฺขารา หิ อุทเยน ปุพฺพนฺตปริจฺฉินฺนา, วเยน อปรนฺตปริจฺฉินฺนาฯ อนิมิตฺตาย จ ธาตุยา จิตฺตสมฺปกฺขนฺทนตายาติ วิปสฺสนากฺขเณปิ นิพฺพานนินฺนตาย อนิมิตฺตากาเรน อุปฎฺฐานโต อนิมิตฺตสงฺขาตาย นิพฺพานธาตุยา จิตฺตปวิสนตาย จ โลกนิยฺยานํ โหติฯ มโนสมุเตฺตชนตายาติ จิตฺตสํเวชนตายฯ ทุกฺขานุปสฺสนาย หิ สงฺขาเรสุ จิตฺตํ สํวิชฺชติฯ อปฺปณิหิตาย จ ธาตุยาติ วิปสฺสนากฺขเณปิ นิพฺพานนินฺนตาย อปฺปณิหิตากาเรน อุปฎฺฐานโต อปฺปณิหิตสงฺขาตาย นิพฺพานธาตุยาฯ สพฺพธเมฺมติ นิพฺพานสฺส อวิปสฺสนุปคเตฺตปิ อนตฺตสภาวสพฺภาวโต ‘‘สพฺพสงฺขาเร’’ติ อวตฺวา ‘‘สพฺพธเมฺม’’ติ วุตฺตํฯ ปรโต สมนุปสฺสนตายาติ ปจฺจยายตฺตตฺตา อวสตาย อวิเธยฺยตาย จ ‘‘นาหํ น มม’’นฺติ เอวํ อนตฺตโต สมนุปสฺสนตายฯ สุญฺญตาย จ ธาตุยาติ วิปสฺสนากฺขเณปิ นิพฺพานนินฺนตาย สุญฺญตากาเรน อุปฎฺฐานโต สุญฺญตาสงฺขาตาย นิพฺพานธาตุยาฯ อิติ อิมานิ ตีณิ วจนานิ อนิจฺจทุกฺขานตฺตานุปสฺสนานํ วเสน วุตฺตานิฯ เตเนว ตทนนฺตรํ อนิจฺจโต มนสิกโรโตติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ขยโตติ ขียนโตฯ ภยโตติ สภยโตฯ สุญฺญโตติ อตฺตรหิตโตฯ
219. Idāni ādito uddiṭṭhānaṃ tiṇṇaṃ vimokkhānaṃ mukhāni dassetvā vimokkhamukhapubbaṅgamaṃ indriyavisesaṃ puggalavisesañca dassetukāmo tīṇi kho panimānītiādimāha. Tattha vimokkhamukhānīti tiṇṇaṃ vimokkhānaṃ mukhāni. Lokaniyyānāya saṃvattantīti tedhātukalokato niyyānāya niggamanāya saṃvattanti. Sabbasaṅkhāre paricchedaparivaṭumato samanupassanatāyāti sabbesaṃ saṅkhārānaṃ udayabbayavasena paricchedato ceva parivaṭumato ca samanupassanatāya. Lokaniyyānaṃ hotīti pāṭhaseso. Aniccānupassanā hi udayato pubbe saṅkhārā natthīti paricchinditvā tesaṃ gatiṃ samannesamānā vayato paraṃ na gacchanti, ettheva antaradhāyantīti parivaṭumato pariyantato samanupassati. Sabbasaṅkhārā hi udayena pubbantaparicchinnā, vayena aparantaparicchinnā. Animittāya ca dhātuyā cittasampakkhandanatāyāti vipassanākkhaṇepi nibbānaninnatāya animittākārena upaṭṭhānato animittasaṅkhātāya nibbānadhātuyā cittapavisanatāya ca lokaniyyānaṃ hoti. Manosamuttejanatāyāti cittasaṃvejanatāya. Dukkhānupassanāya hi saṅkhāresu cittaṃ saṃvijjati. Appaṇihitāya ca dhātuyāti vipassanākkhaṇepi nibbānaninnatāya appaṇihitākārena upaṭṭhānato appaṇihitasaṅkhātāya nibbānadhātuyā. Sabbadhammeti nibbānassa avipassanupagattepi anattasabhāvasabbhāvato ‘‘sabbasaṅkhāre’’ti avatvā ‘‘sabbadhamme’’ti vuttaṃ. Parato samanupassanatāyāti paccayāyattattā avasatāya avidheyyatāya ca ‘‘nāhaṃ na mama’’nti evaṃ anattato samanupassanatāya. Suññatāya ca dhātuyāti vipassanākkhaṇepi nibbānaninnatāya suññatākārena upaṭṭhānato suññatāsaṅkhātāya nibbānadhātuyā. Iti imāni tīṇi vacanāni aniccadukkhānattānupassanānaṃ vasena vuttāni. Teneva tadanantaraṃ aniccato manasikarototiādi vuttaṃ. Tattha khayatoti khīyanato. Bhayatoti sabhayato. Suññatoti attarahitato.
อธิโมกฺขพหุลนฺติ อนิจฺจานุปสฺสนาย ‘‘ขณภงฺควเสน สงฺขารา ภิชฺชนฺตี’’ติ สทฺธาย ปฎิปนฺนสฺส ปจฺจกฺขโต ขณภงฺคทสฺสเนน ‘‘สจฺจํ วตาห ภควา’’ติ ภควติ สทฺธาย สทฺธาพหุลํ จิตฺตํ โหติฯ อถ วา ปจฺจุปฺปนฺนานํ ปเทสสงฺขารานํ อนิจฺจตํ ปสฺสิตฺวา ‘‘เอวํ อนิจฺจา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา สเพฺพ สงฺขารา’’ติ อธิมุจฺจนโต อธิโมกฺขพหุลํ จิตฺตํ โหติฯ ปสฺสทฺธิพหุลนฺติ ทุกฺขานุปสฺสนาย จิตฺตโกฺขภกราย ปณิธิยา ปชหนโต จิตฺตทรถาภาเวน ปสฺสทฺธิพหุลํ จิตฺตํ โหติฯ อถ วา ทุกฺขานุปสฺสนาย สํเวคชนนโต สํวิคฺคสฺส จ โยนิโส ปทหนโต วิเกฺขปาภาเวน ปสฺสทฺธิพหุลํ จิตฺตํ โหติฯ เวทพหุลนฺติ อนตฺตานุปสฺสนาย พาหิรเกหิ อทิฎฺฐํ คมฺภีรํ อนตฺตลกฺขณํ ปสฺสโต ญาณพหุลํ จิตฺตํ โหติฯ อถ วา ‘‘สเทวเกน โลเกน อทิฎฺฐํ อนตฺตลกฺขณํ ทิฎฺฐ’’นฺติ ตุฎฺฐสฺส ตุฎฺฐิพหุลํ จิตฺตํ โหติฯ
Adhimokkhabahulanti aniccānupassanāya ‘‘khaṇabhaṅgavasena saṅkhārā bhijjantī’’ti saddhāya paṭipannassa paccakkhato khaṇabhaṅgadassanena ‘‘saccaṃ vatāha bhagavā’’ti bhagavati saddhāya saddhābahulaṃ cittaṃ hoti. Atha vā paccuppannānaṃ padesasaṅkhārānaṃ aniccataṃ passitvā ‘‘evaṃ aniccā atītānāgatapaccuppannā sabbe saṅkhārā’’ti adhimuccanato adhimokkhabahulaṃ cittaṃ hoti. Passaddhibahulanti dukkhānupassanāya cittakkhobhakarāya paṇidhiyā pajahanato cittadarathābhāvena passaddhibahulaṃ cittaṃ hoti. Atha vā dukkhānupassanāya saṃvegajananato saṃviggassa ca yoniso padahanato vikkhepābhāvena passaddhibahulaṃ cittaṃ hoti. Vedabahulanti anattānupassanāya bāhirakehi adiṭṭhaṃ gambhīraṃ anattalakkhaṇaṃ passato ñāṇabahulaṃ cittaṃ hoti. Atha vā ‘‘sadevakena lokena adiṭṭhaṃ anattalakkhaṇaṃ diṭṭha’’nti tuṭṭhassa tuṭṭhibahulaṃ cittaṃ hoti.
อธิโมกฺขพหุโล สทฺธินฺทฺริยํ ปฎิลภตีติ ปุพฺพภาเค อธิโมโกฺข พหุลํ ปวตฺตมาโน ภาวนาปาริปูริยา สทฺธินฺทฺริยํ นาม โหติ, ตํ โส ปฎิลภติ นามฯ ปสฺสทฺธิพหุโล สมาธินฺทฺริยํ ปฎิลภตีติ ปุพฺพภาเค ปสฺสทฺธิพหุลสฺส ‘‘ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๗๓; อ. นิ. ๕.๒๖) วจนโต ภาวนาปาริปูริยา ปสฺสทฺธิปจฺจยา สมาธินฺทฺริยํ โหติ, ตํ โส ปฎิลภติ นามฯ เวทพหุโล ปญฺญินฺทฺริยํ ปฎิลภตีติ ปุพฺพภาเค เวโท พหุลํ ปวตฺตมาโน ภาวนาปาริปูริยา ปญฺญินฺทฺริยํ นาม โหติ, ตํ โส ปฎิลภติ นามฯ
Adhimokkhabahulo saddhindriyaṃ paṭilabhatīti pubbabhāge adhimokkho bahulaṃ pavattamāno bhāvanāpāripūriyā saddhindriyaṃ nāma hoti, taṃ so paṭilabhati nāma. Passaddhibahulo samādhindriyaṃ paṭilabhatīti pubbabhāge passaddhibahulassa ‘‘passaddhakāyo sukhaṃ vedeti, sukhino cittaṃ samādhiyatī’’ti (paṭi. ma. 1.73; a. ni. 5.26) vacanato bhāvanāpāripūriyā passaddhipaccayā samādhindriyaṃ hoti, taṃ so paṭilabhati nāma. Vedabahulo paññindriyaṃ paṭilabhatīti pubbabhāge vedo bahulaṃ pavattamāno bhāvanāpāripūriyā paññindriyaṃ nāma hoti, taṃ so paṭilabhati nāma.
อาธิปเตยฺยํ โหตีติ ฉนฺทาทิเก อธิปติภูเตปิ สกิจฺจนิปฺผาทนวเสน อธิปติ โหติ ปธาโน โหติฯ ภาวนายาติ ภุมฺมวจนํ, อุปรูปริ ภาวนตฺถาย วาฯ ตทนฺวยา โหนฺตีติ ตํ อนุคามินี ตํ อนุวตฺตินี โหนฺติฯ สหชาตปจฺจยา โหนฺตีติ อุปฺปชฺชมานา จ สหอุปฺปาทนภาเวน อุปการกา โหนฺติ ปกาสสฺส ปทีโป วิยฯ อญฺญมญฺญปจฺจยา โหนฺตีติ อญฺญมญฺญํ อุปฺปาทนุปตฺถมฺภนภาเวน อุปการกา โหนฺติ อญฺญมญฺญูปตฺถมฺภกํ ติทณฺฑํ วิยฯ นิสฺสยปจฺจยา โหนฺตีติ อธิฎฺฐานากาเรน นิสฺสยากาเรน จ อุปการกา โหนฺติ ตรุจิตฺตกมฺมานํ ปถวีปฎาทิ วิยฯ สมฺปยุตฺตปจฺจยา โหนฺตีติ เอกวตฺถุกเอการมฺมณเอกุปฺปาทเอกนิโรธสงฺขาเตน สมฺปยุตฺตภาเวน อุปการกา โหนฺติฯ
Ādhipateyyaṃ hotīti chandādike adhipatibhūtepi sakiccanipphādanavasena adhipati hoti padhāno hoti. Bhāvanāyāti bhummavacanaṃ, uparūpari bhāvanatthāya vā. Tadanvayā hontīti taṃ anugāminī taṃ anuvattinī honti. Sahajātapaccayā hontīti uppajjamānā ca sahauppādanabhāvena upakārakā honti pakāsassa padīpo viya. Aññamaññapaccayā hontīti aññamaññaṃ uppādanupatthambhanabhāvena upakārakā honti aññamaññūpatthambhakaṃ tidaṇḍaṃ viya. Nissayapaccayā hontīti adhiṭṭhānākārena nissayākārena ca upakārakā honti tarucittakammānaṃ pathavīpaṭādi viya. Sampayuttapaccayā hontīti ekavatthukaekārammaṇaekuppādaekanirodhasaṅkhātena sampayuttabhāvena upakārakā honti.
๒๒๐. ปฎิเวธกาเลติ มคฺคกฺขเณ สจฺจปฎิเวธกาเลฯ ปญฺญินฺทฺริยํ อาธิปเตยฺยํ โหตีติ มคฺคกฺขเณ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา สจฺจทสฺสนกิจฺจกรณวเสน จ กิเลสปฺปหานกิจฺจกรณวเสน จ ปญฺญินฺทฺริยเมว เชฎฺฐกํ โหติฯ ปฎิเวธายาติ สจฺจปฎิวิชฺฌนตฺถายฯ เอกรสาติ วิมุตฺติรเสนฯ ทสฺสนเฎฺฐนาติ สจฺจทสฺสนเฎฺฐนฯ เอวํ ปฎิวิชฺฌโนฺตปิ ภาเวติ, ภาเวโนฺตปิ ปฎิวิชฺฌตีติ มคฺคกฺขเณ สกิํเยว ภาวนาย จ ปฎิเวธสฺส จ สพฺภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ อนตฺตานุปสฺสนาย วิปสฺสนากฺขเณปิ ปญฺญินฺทฺริยเสฺสว อาธิปเตยฺยตฺตา ‘‘ปฎิเวธกาเลปี’’ติ อปิสโทฺท ปยุโตฺตฯ
220.Paṭivedhakāleti maggakkhaṇe saccapaṭivedhakāle. Paññindriyaṃ ādhipateyyaṃ hotīti maggakkhaṇe nibbānaṃ ārammaṇaṃ katvā saccadassanakiccakaraṇavasena ca kilesappahānakiccakaraṇavasena ca paññindriyameva jeṭṭhakaṃ hoti. Paṭivedhāyāti saccapaṭivijjhanatthāya. Ekarasāti vimuttirasena. Dassanaṭṭhenāti saccadassanaṭṭhena. Evaṃ paṭivijjhantopi bhāveti, bhāventopi paṭivijjhatīti maggakkhaṇe sakiṃyeva bhāvanāya ca paṭivedhassa ca sabbhāvadassanatthaṃ vuttaṃ. Anattānupassanāya vipassanākkhaṇepi paññindriyasseva ādhipateyyattā ‘‘paṭivedhakālepī’’ti apisaddo payutto.
๒๒๑. อนิจฺจโต มนสิกโรโต กตมินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหตีติอาทิ อินฺทฺริยวิเสเสน ปุคฺคลวิเสสํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ ตตฺถ อธิมตฺตนฺติ อธิกํฯ ตตฺถ สทฺธินฺทฺริยสมาธินฺทฺริยปญฺญินฺทฺริยานํ อธิมตฺตตา สงฺขารุเปกฺขาย เวทิตพฺพาฯ สทฺธาวิมุโตฺตติ เอตฺถ อวิเสเสตฺวา วุเตฺตปิ อุปริ วิเสเสตฺวา วุตฺตตฺตา โสตาปตฺติมคฺคํ ฐเปตฺวา เสเสสุ สตฺตสุ ฐาเนสุ สทฺธาวิมุโตฺตติ วุตฺตํ โหติฯ สทฺธาวิมุโตฺต สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตฺตา โหติ, น สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตฺตา สพฺพตฺถ สทฺธาวิมุโตฺตติปิ วุตฺตํ โหติฯ โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตฺตาเยว เสเสสุ สมาธินฺทฺริยปญฺญินฺทฺริยาธิมตฺตเตฺตปิ สติ สทฺธาวิมุโตฺตเยว นาม โหตีติ วทนฺติฯ กายสกฺขี โหตีติ อฎฺฐสุปิ ฐาเนสุ กายสกฺขี นาม โหติฯ ทิฎฺฐิปฺปโตฺต โหตีติ สทฺธาวิมุเตฺต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
221.Aniccatomanasikaroto katamindriyaṃ adhimattaṃ hotītiādi indriyavisesena puggalavisesaṃ dassetuṃ vuttaṃ. Tattha adhimattanti adhikaṃ. Tattha saddhindriyasamādhindriyapaññindriyānaṃ adhimattatā saṅkhārupekkhāya veditabbā. Saddhāvimuttoti ettha avisesetvā vuttepi upari visesetvā vuttattā sotāpattimaggaṃ ṭhapetvā sesesu sattasu ṭhānesu saddhāvimuttoti vuttaṃ hoti. Saddhāvimutto saddhindriyassa adhimattattā hoti, na saddhindriyassa adhimattattā sabbattha saddhāvimuttotipi vuttaṃ hoti. Sotāpattimaggakkhaṇe saddhindriyassa adhimattattāyeva sesesu samādhindriyapaññindriyādhimattattepi sati saddhāvimuttoyeva nāma hotīti vadanti. Kāyasakkhī hotīti aṭṭhasupi ṭhānesu kāyasakkhī nāma hoti. Diṭṭhippatto hotīti saddhāvimutte vuttanayeneva veditabbaṃ.
สทฺทหโนฺต วิมุโตฺตติ สทฺธาวิมุโตฺตติ สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตฺตา โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ สทฺทหโนฺต จตูสุปิ ผลกฺขเณสุ วิมุโตฺตติ สทฺธาวิมุโตฺตติ วุตฺตํ โหติฯ อุปริมคฺคตฺตยกฺขเณ สทฺธาวิมุตฺตตฺตํ อิทานิ วกฺขติฯ โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ ปน สทฺธานุสาริตฺตํ ปจฺฉา วกฺขติฯ ผุฎฺฐตฺตา สจฺฉิกโตติ กายสกฺขีติ สุกฺขวิปสฺสกเตฺต สติ อุปจารชฺฌานผสฺสสฺส รูปารูปชฺฌานลาภิเตฺต สติ รูปารูปชฺฌานผสฺสสฺส ผุฎฺฐตฺตา นิพฺพานํ สจฺฉิกโตติ กายสกฺขี, นามกาเยน วุตฺตปฺปกาเร ฌานผเสฺส จ นิพฺพาเน จ สกฺขีติ วุตฺตํ โหติฯ ทิฎฺฐตฺตา ปโตฺตติ ทิฎฺฐิปฺปโตฺตติ โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ สมฺปยุเตฺตน ปญฺญินฺทฺริเยน ปฐมํ นิพฺพานสฺส ทิฎฺฐตฺตา ปจฺฉา โสตาปตฺติผลาทิวเสน นิพฺพานํ ปโตฺตติ ทิฎฺฐิปฺปโตฺต, ปญฺญินฺทฺริยสงฺขาตาย ทิฎฺฐิยา นิพฺพานํ ปโตฺตติ วุตฺตํ โหติฯ โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ ปน ธมฺมานุสาริตฺตํ ปจฺฉา วกฺขติฯ สทฺทหโนฺต วิมุจฺจตีติ สทฺธาวิมุโตฺตติ สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตฺตา สกทาคามิอนาคามิอรหตฺตมคฺคกฺขเณสุ สทฺทหโนฺต วิมุจฺจตีติ สทฺธาวิมุโตฺตฯ เอตฺถ วิมุจฺจมาโนปิ อาสํสาย ภูตวจนวเสน ‘‘วิมุโตฺต’’ติ วุโตฺตฯ ฌานผสฺสนฺติ ติวิธํ ฌานผสฺสํฯ ‘‘ฌานผสฺส’’นฺติอาทีนิ ‘‘ทุกฺขา สงฺขารา’’ติอาทีนิ จ ปฐมํ วุตฺตํ ทฺวยเมว วิเสเสตฺวา วุตฺตานิฯ ญาตํ โหตีติอาทีนิ เหฎฺฐา วุตฺตตฺถานิฯ เอตฺถ จ ฌานลาภี ปุคฺคโล สมาธินฺทฺริยสฺส อนุกูลาย ทุกฺขานุปสฺสนาย เอว วุฎฺฐหิตฺวา มคฺคผลานิ ปาปุณาตีติ อาจริยานํ อธิปฺปาโยฯ
Saddahanto vimuttoti saddhāvimuttoti saddhindriyassa adhimattattā sotāpattimaggakkhaṇe saddahanto catūsupi phalakkhaṇesu vimuttoti saddhāvimuttoti vuttaṃ hoti. Uparimaggattayakkhaṇe saddhāvimuttattaṃ idāni vakkhati. Sotāpattimaggakkhaṇe pana saddhānusārittaṃ pacchā vakkhati. Phuṭṭhattā sacchikatoti kāyasakkhīti sukkhavipassakatte sati upacārajjhānaphassassa rūpārūpajjhānalābhitte sati rūpārūpajjhānaphassassa phuṭṭhattā nibbānaṃ sacchikatoti kāyasakkhī, nāmakāyena vuttappakāre jhānaphasse ca nibbāne ca sakkhīti vuttaṃ hoti. Diṭṭhattā pattoti diṭṭhippattoti sotāpattimaggakkhaṇe sampayuttena paññindriyena paṭhamaṃ nibbānassa diṭṭhattā pacchā sotāpattiphalādivasena nibbānaṃ pattoti diṭṭhippatto, paññindriyasaṅkhātāya diṭṭhiyā nibbānaṃ pattoti vuttaṃ hoti. Sotāpattimaggakkhaṇe pana dhammānusārittaṃ pacchā vakkhati. Saddahanto vimuccatīti saddhāvimuttoti saddhindriyassa adhimattattā sakadāgāmianāgāmiarahattamaggakkhaṇesu saddahanto vimuccatīti saddhāvimutto. Ettha vimuccamānopi āsaṃsāya bhūtavacanavasena ‘‘vimutto’’ti vutto. Jhānaphassanti tividhaṃ jhānaphassaṃ. ‘‘Jhānaphassa’’ntiādīni ‘‘dukkhā saṅkhārā’’tiādīni ca paṭhamaṃ vuttaṃ dvayameva visesetvā vuttāni. Ñātaṃ hotītiādīni heṭṭhā vuttatthāni. Ettha ca jhānalābhī puggalo samādhindriyassa anukūlāya dukkhānupassanāya eva vuṭṭhahitvā maggaphalāni pāpuṇātīti ācariyānaṃ adhippāyo.
สิยาติ สิยุํ, ภเวยฺยุนฺติ อโตฺถฯ ‘‘สิยา’’ติ เอตํ วิธิวจนเมวฯ ตโย ปุคฺคลาติ วิปสฺสนานิยเมน อินฺทฺริยนิยเมน จ วุตฺตา ตโย ปุคฺคลาฯ วตฺถุวเสนาติ ตีสุ อนุปสฺสนาสุ เอเกกอินฺทฺริยวตฺถุวเสนฯ ปริยาเยนาติ เตเนว ปริยาเยนฯ อิมินา วาเรน กิํ ทสฺสิตํ โหติ ? เหฎฺฐา เอเกกิสฺสา อนุปสฺสนาย เอเกกสฺส อินฺทฺริยสฺส อาธิปจฺจํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตนฺติ จ, กทาจิ ตีสุปิ อนุปสฺสนาสุ เอเกกเสฺสว อินฺทฺริยสฺส อาธิปจฺจํ โหตีติ จ ทสฺสิตํ โหติฯ อถ วา ปุพฺพภาควิปสฺสนากฺขเณ ติสฺสนฺนมฺปิ อนุปสฺสนานํ สพฺภาวโต ตาสุ ปุพฺพภาควิปสฺสนาสุ เตสํ เตสํ อินฺทฺริยานํ อาธิปจฺจํ อเปกฺขิตฺวา มคฺคผลกฺขเณสุ สทฺธาวิมุตฺตาทีนิ นามานิ โหนฺตีติฯ เอวญฺหิ วุจฺจมาเน เหฎฺฐา วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนาย อุปริ จ กโต อินฺทฺริยาธิปจฺจปุคฺคลนิยโม สุกโตเยว นิจฺจโลเยว จ โหติฯ อนนฺตรวาเร สิยาติ อโญฺญเยวาติ เอวํ สิยาติ อโตฺถฯ เอตฺถ ปุเพฺพ วุโตฺตเยว นิยโมฯ
Siyāti siyuṃ, bhaveyyunti attho. ‘‘Siyā’’ti etaṃ vidhivacanameva. Tayo puggalāti vipassanāniyamena indriyaniyamena ca vuttā tayo puggalā. Vatthuvasenāti tīsu anupassanāsu ekekaindriyavatthuvasena. Pariyāyenāti teneva pariyāyena. Iminā vārena kiṃ dassitaṃ hoti ? Heṭṭhā ekekissā anupassanāya ekekassa indriyassa ādhipaccaṃ yebhuyyavasena vuttanti ca, kadāci tīsupi anupassanāsu ekekasseva indriyassa ādhipaccaṃ hotīti ca dassitaṃ hoti. Atha vā pubbabhāgavipassanākkhaṇe tissannampi anupassanānaṃ sabbhāvato tāsu pubbabhāgavipassanāsu tesaṃ tesaṃ indriyānaṃ ādhipaccaṃ apekkhitvā maggaphalakkhaṇesu saddhāvimuttādīni nāmāni hontīti. Evañhi vuccamāne heṭṭhā vuṭṭhānagāminivipassanāya upari ca kato indriyādhipaccapuggalaniyamo sukatoyeva niccaloyeva ca hoti. Anantaravāre siyāti aññoyevāti evaṃ siyāti attho. Ettha pubbe vuttoyeva niyamo.
อิทานิ มคฺคผลวเสน ปุคฺคลวิเสสํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ อนิจฺจโต มนสิกโรโต…เป.… โสตาปตฺติมคฺคํ ปฎิลภตีติอาทิมาหฯ ตตฺถ สทฺธํ อนุสฺสรติ อนุคจฺฉติ, สทฺธาย วา นิพฺพานํ อนุสฺสรติ อนุคจฺฉตีติ สทฺธานุสารีฯ สจฺฉิกตนฺติ ปจฺจกฺขกตํฯ อรหตฺตนฺติ อรหตฺตผลํฯ ปญฺญาสงฺขาตํ ธมฺมํ อนุสฺสรติ, เตน วา ธเมฺมน นิพฺพานํ อนุสฺสรตีติ ธมฺมานุสารีฯ
Idāni maggaphalavasena puggalavisesaṃ vibhajitvā dassetuṃ aniccato manasikaroto…pe… sotāpattimaggaṃ paṭilabhatītiādimāha. Tattha saddhaṃ anussarati anugacchati, saddhāya vā nibbānaṃ anussarati anugacchatīti saddhānusārī. Sacchikatanti paccakkhakataṃ. Arahattanti arahattaphalaṃ. Paññāsaṅkhātaṃ dhammaṃ anussarati, tena vā dhammena nibbānaṃ anussaratīti dhammānusārī.
๒๒๒. ปุน อปเรหิ ปริยาเยหิ อินฺทฺริยตฺตยวิเสเสน ปุคฺคลวิเสสํ วเณฺณตุกาโม เย หิ เกจีติอาทิมาหฯ ตตฺถ ภาวิตา วาติ อตีเต ภาวยิํสุ วาฯ ภาเวนฺติ วาติ ปจฺจุปฺปเนฺนฯ ภาวิสฺสนฺติ วาติ อนาคเตฯ อธิคตา วาติอาทิ เอเกกนฺติกํ ปุริมสฺส ปุริมสฺส อตฺถวิวรณตฺถํ วุตฺตํฯ ผสฺสิตา วาติ ญาณผุสนาย ผุสิํสุ วาฯ วสิปฺปตฺตาติ อิสฺสรภาวํ ปตฺตาฯ ปารมิปฺปตฺตาติ โวสานํ ปตฺตาฯ เวสารชฺชปฺปตฺตาติ วิสารทภาวํ ปตฺตาฯ สพฺพตฺถ สทฺธาวิมุตฺตาทโย เหฎฺฐา วุตฺตกฺขเณสุเยว, สติปฎฺฐานาทโย มคฺคกฺขเณเยวฯ อฎฺฐ วิโมเกฺขติ ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทิเก (ปฎิ. ม. ๑.๒๐๙; ธ. ส. ๒๔๘) ปฎิสมฺภิทามคฺคปฺปตฺติยา เอว ปตฺตาฯ
222. Puna aparehi pariyāyehi indriyattayavisesena puggalavisesaṃ vaṇṇetukāmo ye hi kecītiādimāha. Tattha bhāvitā vāti atīte bhāvayiṃsu vā. Bhāventi vāti paccuppanne. Bhāvissanti vāti anāgate. Adhigatā vātiādi ekekantikaṃ purimassa purimassa atthavivaraṇatthaṃ vuttaṃ. Phassitā vāti ñāṇaphusanāya phusiṃsu vā. Vasippattāti issarabhāvaṃ pattā. Pāramippattāti vosānaṃ pattā. Vesārajjappattāti visāradabhāvaṃ pattā. Sabbattha saddhāvimuttādayo heṭṭhā vuttakkhaṇesuyeva, satipaṭṭhānādayo maggakkhaṇeyeva. Aṭṭha vimokkheti ‘‘rūpī rūpāni passatī’’tiādike (paṭi. ma. 1.209; dha. sa. 248) paṭisambhidāmaggappattiyā eva pattā.
ติโสฺส สิกฺขาติ อธิสีลสิกฺขา อธิจิตฺตสิกฺขา อธิปญฺญาสิกฺขา มคฺคปฺปตฺตา เอว สิกฺขมานาฯ ทุกฺขํ ปริชานนฺตีติอาทีนิ มคฺคกฺขเณเยวฯ ปริญฺญาปฎิเวธํ ปฎิวิชฺฌตีติ ปริญฺญาปฎิเวเธน ปฎิวิชฺฌติ, ปริญฺญาย ปฎิวิชฺฌิตพฺพนฺติ วา ปริญฺญาปฎิเวธํฯ เอวํ เสเสสุปิฯ สพฺพธมฺมาทีหิ วิเสเสตฺวา อภิญฺญาปฎิเวธาทโย วุตฺตาฯ สจฺฉิกิริยาปฎิเวโธ ปน มคฺคกฺขเณเยว นิพฺพานปจฺจเวกฺขณญาณสิทฺธิวเสน เวทิตโพฺพติฯ เอวมิธ ปญฺจ อริยปุคฺคลา นิทฺทิฎฺฐา โหนฺติ, อุภโตภาควิมุโตฺต จ ปญฺญาวิมุโตฺต จาติ อิเม เทฺว อนิทฺทิฎฺฐาฯ อญฺญตฺถ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๗๓) ปน ‘‘โย ปน ทุกฺขโต มนสิกโรโนฺต ปสฺสทฺธิพหุโล สมาธินฺทฺริยํ ปฎิลภติ, โส สพฺพตฺถ กายสกฺขี นาม โหติ, อรูปชฺฌานํ ปน ปตฺวา อคฺคผลํ ปโตฺต อุภโตภาควิมุโตฺต นาม โหติฯ โย ปน อนตฺตโต มนสิกโรโนฺต เวทพหุโล ปญฺญินฺทฺริยํ ปฎิลภติ, โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ ธมฺมานุสารี โหติ, ฉสุ ฐาเนสุ ทิฎฺฐิปฺปโตฺต, อคฺคผเล ปญฺญาวิมุโตฺต’’ติ วุตฺตํฯ เต อิธ กายสกฺขิทิฎฺฐิปฺปเตฺตหิเยว สงฺคหิตาฯ อตฺถโต ปน อรูปชฺฌาเนน เจว อริยมเคฺคน จาติ อุภโตภาเคน วิมุโตฺตติ อุภโตภาควิมุโตฺตฯ ปชานโนฺต วิมุโตฺตติ ปญฺญาวิมุโตฺตติฯ เอตฺตาวตา อินฺทฺริยปุคฺคลวิเสสา นิทฺทิฎฺฐา โหนฺติฯ
Tisso sikkhāti adhisīlasikkhā adhicittasikkhā adhipaññāsikkhā maggappattā eva sikkhamānā. Dukkhaṃ parijānantītiādīni maggakkhaṇeyeva. Pariññāpaṭivedhaṃ paṭivijjhatīti pariññāpaṭivedhena paṭivijjhati, pariññāya paṭivijjhitabbanti vā pariññāpaṭivedhaṃ. Evaṃ sesesupi. Sabbadhammādīhi visesetvā abhiññāpaṭivedhādayo vuttā. Sacchikiriyāpaṭivedho pana maggakkhaṇeyeva nibbānapaccavekkhaṇañāṇasiddhivasena veditabboti. Evamidha pañca ariyapuggalā niddiṭṭhā honti, ubhatobhāgavimutto ca paññāvimutto cāti ime dve aniddiṭṭhā. Aññattha (visuddhi. 2.773) pana ‘‘yo pana dukkhato manasikaronto passaddhibahulo samādhindriyaṃ paṭilabhati, so sabbattha kāyasakkhī nāma hoti, arūpajjhānaṃ pana patvā aggaphalaṃ patto ubhatobhāgavimutto nāma hoti. Yo pana anattato manasikaronto vedabahulo paññindriyaṃ paṭilabhati, sotāpattimaggakkhaṇe dhammānusārī hoti, chasu ṭhānesu diṭṭhippatto, aggaphale paññāvimutto’’ti vuttaṃ. Te idha kāyasakkhidiṭṭhippattehiyeva saṅgahitā. Atthato pana arūpajjhānena ceva ariyamaggena cāti ubhatobhāgena vimuttoti ubhatobhāgavimutto. Pajānanto vimuttoti paññāvimuttoti. Ettāvatā indriyapuggalavisesā niddiṭṭhā honti.
๒๒๓-๒๒๖. อิทานิ วิโมกฺขปุพฺพงฺคมเมว วิโมกฺขวิเสสํ ปุคฺคลวิเสสญฺจ ทเสฺสตุกาโม อนิจฺจโต มนสิกโรโตติอาทิมาหฯ ตตฺถ เทฺว วิโมกฺขาติ อปฺปณิหิตสุญฺญตวิโมกฺขาฯ อนิจฺจานุปสฺสนาคมนวเสน หิ อนิมิตฺตวิโมโกฺขติ ลทฺธนาโม มโคฺค ราคโทสโมหปณิธีนํ อภาวา สคุณโต จ เตสํเยว ปณิธีนํ อภาวา อปฺปณิหิตนฺติ ลทฺธนามํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรตีติ อารมฺมณโต จ อปฺปณิหิตวิโมโกฺขติ นามมฺปิ ลภติฯ ตถา ราคโทสโมเหหิ สุญฺญตฺตา สคุณโต จ ราคาทีหิเยว สุญฺญตฺตา สุญฺญตนฺติ ลทฺธนามํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรตีติ อารมฺมณโต จ สุญฺญตวิโมโกฺขติ นามมฺปิ ลภติฯ ตสฺมา เต เทฺว วิโมกฺขา อนิมิตฺตวิโมกฺขนฺวยา นาม โหนฺติฯ อนิมิตฺตมคฺคโต อนเญฺญปิ อฎฺฐนฺนํ มคฺคงฺคานํ เอเกกสฺส มคฺคงฺคสฺส วเสน สหชาตาทิปจฺจยา จ โหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ ปุน เทฺว วิโมกฺขาติ สุญฺญตานิมิตฺตวิโมกฺขาฯ ทุกฺขานุปสฺสนาคมนวเสน หิ อปฺปณิหิตวิโมโกฺขติ ลทฺธนาโม มโคฺค รูปนิมิตฺตาทีนํ ราคนิมิตฺตาทีนํ นิจฺจนิมิตฺตาทีนญฺจ อภาวา สคุณโต จ เตสํเยว นิมิตฺตานํ อภาวา อนิมิตฺตสงฺขาตํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรตีติ อารมฺมณโต จ อนิมิตฺตวิโมโกฺขติ นามมฺปิ ลภติฯ เสสํ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํฯ ปุน เทฺว วิโมกฺขาติ อนิมิตฺตอปฺปณิหิตวิโมกฺขาฯ โยชนา ปเนตฺถ วุตฺตนยา เอวฯ
223-226. Idāni vimokkhapubbaṅgamameva vimokkhavisesaṃ puggalavisesañca dassetukāmo aniccato manasikarototiādimāha. Tattha dve vimokkhāti appaṇihitasuññatavimokkhā. Aniccānupassanāgamanavasena hi animittavimokkhoti laddhanāmo maggo rāgadosamohapaṇidhīnaṃ abhāvā saguṇato ca tesaṃyeva paṇidhīnaṃ abhāvā appaṇihitanti laddhanāmaṃ nibbānaṃ ārammaṇaṃ karotīti ārammaṇato ca appaṇihitavimokkhoti nāmampi labhati. Tathā rāgadosamohehi suññattā saguṇato ca rāgādīhiyeva suññattā suññatanti laddhanāmaṃ nibbānaṃ ārammaṇaṃ karotīti ārammaṇato ca suññatavimokkhoti nāmampi labhati. Tasmā te dve vimokkhā animittavimokkhanvayā nāma honti. Animittamaggato anaññepi aṭṭhannaṃ maggaṅgānaṃ ekekassa maggaṅgassa vasena sahajātādipaccayā ca hontīti veditabbā. Puna dve vimokkhāti suññatānimittavimokkhā. Dukkhānupassanāgamanavasena hi appaṇihitavimokkhoti laddhanāmo maggo rūpanimittādīnaṃ rāganimittādīnaṃ niccanimittādīnañca abhāvā saguṇato ca tesaṃyeva nimittānaṃ abhāvā animittasaṅkhātaṃ nibbānaṃ ārammaṇaṃ karotīti ārammaṇato ca animittavimokkhoti nāmampi labhati. Sesaṃ vuttanayeneva yojetabbaṃ. Puna dve vimokkhāti animittaappaṇihitavimokkhā. Yojanā panettha vuttanayā eva.
ปฎิเวธกาเลติ อินฺทฺริยานํ วุตฺตกฺกเมเนว วุตฺตํฯ มคฺคกฺขณํ ปน มุญฺจิตฺวา วิปสฺสนากฺขเณ วิโมโกฺข นาม นตฺถิ ฯ ปฐมํ วุโตฺตเยว ปน มคฺควิโมโกฺข ‘‘ปฎิเวธกาเล’’ติ วจเนน วิเสเสตฺวา ทสฺสิโตฯ ‘‘โย จายํ ปุคฺคโล สทฺธาวิมุโตฺต’’ติอาทิกา เทฺว วารา จ ‘‘อนิจฺจโต มนสิกโรโนฺต โสตาปตฺติมคฺคํ ปฎิลภตี’’ติอาทิโก วาโร จ สงฺขิโตฺต, วิโมกฺขวเสน ปน โยเชตฺวา วิตฺถารโต เวทิตโพฺพฯ เย หิ เกจิ เนกฺขมฺมนฺติอาทิโก วาโร วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพติฯ เอตฺตาวตา วิโมกฺขปุคฺคลวิเสสา นิทฺทิฎฺฐา โหนฺตีติฯ
Paṭivedhakāleti indriyānaṃ vuttakkameneva vuttaṃ. Maggakkhaṇaṃ pana muñcitvā vipassanākkhaṇe vimokkho nāma natthi . Paṭhamaṃ vuttoyeva pana maggavimokkho ‘‘paṭivedhakāle’’ti vacanena visesetvā dassito. ‘‘Yo cāyaṃ puggalo saddhāvimutto’’tiādikā dve vārā ca ‘‘aniccato manasikaronto sotāpattimaggaṃ paṭilabhatī’’tiādiko vāro ca saṅkhitto, vimokkhavasena pana yojetvā vitthārato veditabbo. Ye hi keci nekkhammantiādiko vāro vuttanayeneva veditabboti. Ettāvatā vimokkhapuggalavisesā niddiṭṭhā hontīti.
๒๒๗. ปุน วิโมกฺขมุขานิ จ วิโมเกฺข จ อเนกธา นิทฺทิสิตุกาโม อนิจฺจโต มนสิกโรโนฺตติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยถาภูตนฺติ ยถาสภาเวนฯ ชานาตีติ ญาเณน ชานาติฯ ปสฺสตีติ เตเนว ญาเณน จกฺขุนา วิย ปสฺสติฯ ตทนฺวเยนาติ ตทนุคมเนน, ตสฺส ปจฺจกฺขโต ญาเณน ทิฎฺฐสฺส อนุคมเนนาติ อโตฺถฯ กงฺขา ปหียตีติ อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจานิจฺจกงฺขา, อิตราหิ อิตรกงฺขาฯ นิมิตฺตนฺติ สนฺตติฆนวินิโพฺภเคน นิจฺจสญฺญาย ปหีนตฺตา อารมฺมณภูตํ สงฺขารนิมิตฺตํ ยถาภูตํ ชานาติฯ เตน วุจฺจติ สมฺมาทสฺสนนฺติ เตน ยถาภูตชานเนน ตํ ญาณํ ‘‘สมฺมาทสฺสน’’นฺติ วุจฺจติฯ ปวตฺตนฺติ ทุกฺขปฺปตฺตากาเร สุขสญฺญํ อุคฺฆาเฎตฺวา สุขสญฺญาย ปหาเนน ปณิธิสงฺขาตาย ตณฺหาย ปหีนตฺตา สุขสมฺมตมฺปิ วิปากปวตฺตํ ยถาภูตํ ชานาติฯ นิมิตฺตญฺจ ปวตฺตญฺจาติ นานาธาตุมนสิการสมฺภเวน สมูหฆนวินิโพฺภเคน อุภยถาปิ อตฺตสญฺญาย ปหีนตฺตา สงฺขารนิมิตฺตญฺจ วิปากปวตฺตญฺจ ยถาภูตํ ชานาติฯ ยญฺจ ยถาภูตํ ญาณนฺติอาทิตฺตยํ อิทานิ วุตฺตเมว, น อญฺญํฯ ภยโต อุปฎฺฐาตีติ นิจฺจสุขอตฺตาภาวทสฺสนโต ยถากฺกมํ ตํ ตํ ภยโต อุปฎฺฐาติฯ ยา จ ภยตุปฎฺฐาเน ปญฺญาติอาทินา ‘‘อุทยพฺพยานุปสฺสนาญาณํ ภงฺคานุปสฺสนาญาณํ ภยตุปฎฺฐานญาณํ อาทีนวานุปสฺสนาญาณํ นิพฺพิทานุปสฺสนาญาณํ มุญฺจิตุกมฺยตาญาณํ ปฎิสงฺขานุปสฺสนาญาณํ สงฺขารุเปกฺขาญาณํ อนุโลมญาณ’’นฺติ วุเตฺตสุ ปฎิปทาญาณทสฺสนวิสุทฺธิสงฺขาเตสุ นวสุ วิปสฺสนาญาเณสุ ภยตุปฎฺฐานสมฺพเนฺธน อวตฺถาเภเทน ภินฺนานิ เอกฎฺฐานิ ตีณิ ญาณานิ วุตฺตานิ, น เสสานิฯ
227. Puna vimokkhamukhāni ca vimokkhe ca anekadhā niddisitukāmo aniccato manasikarontotiādimāha. Tattha yathābhūtanti yathāsabhāvena. Jānātīti ñāṇena jānāti. Passatīti teneva ñāṇena cakkhunā viya passati. Tadanvayenāti tadanugamanena, tassa paccakkhato ñāṇena diṭṭhassa anugamanenāti attho. Kaṅkhā pahīyatīti aniccānupassanāya niccāniccakaṅkhā, itarāhi itarakaṅkhā. Nimittanti santatighanavinibbhogena niccasaññāya pahīnattā ārammaṇabhūtaṃ saṅkhāranimittaṃ yathābhūtaṃ jānāti. Tena vuccati sammādassananti tena yathābhūtajānanena taṃ ñāṇaṃ ‘‘sammādassana’’nti vuccati. Pavattanti dukkhappattākāre sukhasaññaṃ ugghāṭetvā sukhasaññāya pahānena paṇidhisaṅkhātāya taṇhāya pahīnattā sukhasammatampi vipākapavattaṃ yathābhūtaṃ jānāti. Nimittañca pavattañcāti nānādhātumanasikārasambhavena samūhaghanavinibbhogena ubhayathāpi attasaññāya pahīnattā saṅkhāranimittañca vipākapavattañca yathābhūtaṃ jānāti. Yañca yathābhūtaṃ ñāṇantiādittayaṃ idāni vuttameva, na aññaṃ. Bhayato upaṭṭhātīti niccasukhaattābhāvadassanato yathākkamaṃ taṃ taṃ bhayato upaṭṭhāti. Yā ca bhayatupaṭṭhāne paññātiādinā ‘‘udayabbayānupassanāñāṇaṃ bhaṅgānupassanāñāṇaṃ bhayatupaṭṭhānañāṇaṃ ādīnavānupassanāñāṇaṃ nibbidānupassanāñāṇaṃ muñcitukamyatāñāṇaṃ paṭisaṅkhānupassanāñāṇaṃ saṅkhārupekkhāñāṇaṃ anulomañāṇa’’nti vuttesu paṭipadāñāṇadassanavisuddhisaṅkhātesu navasu vipassanāñāṇesu bhayatupaṭṭhānasambandhena avatthābhedena bhinnāni ekaṭṭhāni tīṇi ñāṇāni vuttāni, na sesāni.
ปุน ตีสุ อนุปสฺสนาสุ อเนฺต ฐิตาย อนนฺตราย อนตฺตานุปสฺสนาย สมฺพเนฺธน ตาย สห สุญฺญตานุปสฺสนาย เอกฎฺฐตํ ทเสฺสตุํ ยา จ อนตฺตานุปสฺสนา ยา จ สุญฺญตานุปสฺสนาติอาทิมาหฯ อิมานิ หิ เทฺว ญาณานิ อตฺถโต เอกเมว, อวตฺถาเภเทน ปน ภินฺนานิฯ ยถา จ อิมานิ, ตถา อนิจฺจานุปสฺสนา จ อนิมิตฺตานุปสฺสนา จ อตฺถโต เอกเมว ญาณํ, ทุกฺขานุปสฺสนา จ อปฺปณิหิตานุปสฺสนา จ อตฺถโต เอกเมว ญาณํ, เกวลํ อวตฺถาเภเทเนว ภินฺนานิฯ อนตฺตานุปสฺสนาสุญฺญตานุปสฺสนานญฺจ เอกฎฺฐตาย วุตฺตาย เตสํ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนมฺปิ ญาณานํ เอกลกฺขณตฺตา เอกฎฺฐตา วุตฺตาว โหตีติฯ นิมิตฺตํ ปฎิสงฺขา ญาณํ อุปฺปชฺชตีติ ‘‘สงฺขารนิมิตฺตํ อทฺธุวํ ตาวกาลิก’’นฺติ อนิจฺจลกฺขณวเสน ชานิตฺวา ญาณํ อุปฺปชฺชติฯ กามญฺจ น ปฐมํ ชานิตฺวา ปจฺฉา ญาณํ อุปฺปชฺชติ, โวหารวเสน ปน ‘‘มนญฺจ ปฎิจฺจ ธเมฺม จ อุปฺปชฺชติ มโนวิญฺญาณ’’นฺติอาทีนิ (สํ. นิ. ๔.๖๐; ม. นิ. ๑.๔๐๐; ๓.๔๒๑) วิย เอวํ วุจฺจติฯ สทฺทสตฺถวิทูปิ จ ‘‘อาทิจฺจํ ปาปุณิตฺวา ตโม วิคจฺฉตี’’ติอาทีสุ วิย สมานกาเลปิ อิมํ ปทํ อิจฺฉนฺติฯ เอกตฺตนเยน วา ปุริมญฺจ ปจฺฉิมญฺจ เอกํ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อิมินา นเยน อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเย อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ มุญฺจิตุกมฺยตาทีนํ ติณฺณํ ญาณานํ เอกฎฺฐตา เหฎฺฐา วุตฺตนยา เอวฯ
Puna tīsu anupassanāsu ante ṭhitāya anantarāya anattānupassanāya sambandhena tāya saha suññatānupassanāya ekaṭṭhataṃ dassetuṃ yā ca anattānupassanā yā ca suññatānupassanātiādimāha. Imāni hi dve ñāṇāni atthato ekameva, avatthābhedena pana bhinnāni. Yathā ca imāni, tathā aniccānupassanā ca animittānupassanā ca atthato ekameva ñāṇaṃ, dukkhānupassanā ca appaṇihitānupassanā ca atthato ekameva ñāṇaṃ, kevalaṃ avatthābhedeneva bhinnāni. Anattānupassanāsuññatānupassanānañca ekaṭṭhatāya vuttāya tesaṃ dvinnaṃ dvinnampi ñāṇānaṃ ekalakkhaṇattā ekaṭṭhatā vuttāva hotīti. Nimittaṃ paṭisaṅkhā ñāṇaṃ uppajjatīti ‘‘saṅkhāranimittaṃ addhuvaṃ tāvakālika’’nti aniccalakkhaṇavasena jānitvā ñāṇaṃ uppajjati. Kāmañca na paṭhamaṃ jānitvā pacchā ñāṇaṃ uppajjati, vohāravasena pana ‘‘manañca paṭicca dhamme ca uppajjati manoviññāṇa’’ntiādīni (saṃ. ni. 4.60; ma. ni. 1.400; 3.421) viya evaṃ vuccati. Saddasatthavidūpi ca ‘‘ādiccaṃ pāpuṇitvā tamo vigacchatī’’tiādīsu viya samānakālepi imaṃ padaṃ icchanti. Ekattanayena vā purimañca pacchimañca ekaṃ katvā evaṃ vuttanti veditabbaṃ. Iminā nayena itarasmimpi padadvaye attho veditabbo. Muñcitukamyatādīnaṃ tiṇṇaṃ ñāṇānaṃ ekaṭṭhatā heṭṭhā vuttanayā eva.
นิมิตฺตา จิตฺตํ วุฎฺฐาตีติ สงฺขารนิมิเตฺต โทสทสฺสเนน ตตฺถ อนลฺลีนตาย สงฺขารนิมิตฺตา จิตฺตํ วุฎฺฐาติ นามฯ อนิมิเตฺต จิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติ สงฺขารนิมิตฺตปฎิปเกฺขน อนิมิตฺตสงฺขาเต นิพฺพาเน ตนฺนินฺนตาย จิตฺตํ ปวิสติฯ เสสานุปสฺสนาทฺวเยปิ อิมินา นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ นิโรเธ นิพฺพานธาตุยาติ อิธ วุเตฺตเนว ปฐมานุปสฺสนาทฺวยมฺปิ วุตฺตเมว โหติฯ นิโรเธติปิ ปาโฐฯ พหิทฺธาวุฎฺฐานวิวฎฺฎเน ปญฺญาติ วุฎฺฐานสมฺพเนฺธน โคตฺรภุญาณํ วุตฺตํฯ โคตฺรภู ธมฺมาติ โคตฺรภุญาณเมวฯ อิตรถา หิ เอกฎฺฐตา น ยุชฺชติฯ ‘‘อสงฺขตา ธมฺมา, อปฺปจฺจยา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๗, ๘) วิย วา จตุมคฺควเสน วา พหุวจนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ยสฺมา วิโมโกฺขติ มโคฺค, มโคฺค จ ทุภโตวุฎฺฐาโน, ตสฺมา เตน สมฺพเนฺธน ยา จ ทุภโตวุฎฺฐานวิวฎฺฎเน ปญฺญาติอาทิ วุตฺตํฯ
Nimittācittaṃ vuṭṭhātīti saṅkhāranimitte dosadassanena tattha anallīnatāya saṅkhāranimittā cittaṃ vuṭṭhāti nāma. Animitte cittaṃ pakkhandatīti saṅkhāranimittapaṭipakkhena animittasaṅkhāte nibbāne tanninnatāya cittaṃ pavisati. Sesānupassanādvayepi iminā nayena attho veditabbo. Nirodhe nibbānadhātuyāti idha vutteneva paṭhamānupassanādvayampi vuttameva hoti. Nirodhetipi pāṭho. Bahiddhāvuṭṭhānavivaṭṭane paññāti vuṭṭhānasambandhena gotrabhuñāṇaṃ vuttaṃ. Gotrabhū dhammāti gotrabhuñāṇameva. Itarathā hi ekaṭṭhatā na yujjati. ‘‘Asaṅkhatā dhammā, appaccayā dhammā’’tiādīsu (dha. sa. dukamātikā 7, 8) viya vā catumaggavasena vā bahuvacanaṃ katanti veditabbaṃ. Yasmā vimokkhoti maggo, maggo ca dubhatovuṭṭhāno, tasmā tena sambandhena yā ca dubhatovuṭṭhānavivaṭṭane paññātiādi vuttaṃ.
๒๒๘. ปุน วิโมกฺขานํ นานากฺขณานํ เอกกฺขณปริยายํ ทเสฺสตุกาโม กติหากาเรหีติอาทิมาหฯ ตตฺถ อาธิปเตยฺยเฎฺฐนาติ เชฎฺฐกเฎฺฐนฯ อธิฎฺฐานเฎฺฐนาติ ปติฎฺฐานเฎฺฐนฯ อภินีหารเฎฺฐนาติ วิปสฺสนาวีถิโต นีหรณเฎฺฐนฯ นิยฺยานเฎฺฐนาติ นิพฺพานุปคมนเฎฺฐนฯ อนิจฺจโต มนสิกโรโตติ วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนากฺขเณเยว ฯ อนิมิโตฺต วิโมโกฺขติ มคฺคกฺขเณเยวฯ เอส นโย เสเสสุฯ จิตฺตํ อธิฎฺฐาตีติ จิตฺตํ อธิกํ กตฺวา ฐาติ, จิตฺตํ ปติฎฺฐาเปตีติ อธิปฺปาโยฯ จิตฺตํ อภินีหรตีติ วิปสฺสนาวีถิโต จิตฺตํ นีหรติฯ นิโรธํ นิพฺพานํ นิยฺยาตีติ นิโรธสงฺขาตํ นิพฺพานํ อุปคจฺฉตีติ เอวํ อาการนานตฺตโต จตุธา นานากฺขณตา ทสฺสิตาฯ
228. Puna vimokkhānaṃ nānākkhaṇānaṃ ekakkhaṇapariyāyaṃ dassetukāmo katihākārehītiādimāha. Tattha ādhipateyyaṭṭhenāti jeṭṭhakaṭṭhena. Adhiṭṭhānaṭṭhenāti patiṭṭhānaṭṭhena. Abhinīhāraṭṭhenāti vipassanāvīthito nīharaṇaṭṭhena. Niyyānaṭṭhenāti nibbānupagamanaṭṭhena. Aniccato manasikarototi vuṭṭhānagāminivipassanākkhaṇeyeva . Animitto vimokkhoti maggakkhaṇeyeva. Esa nayo sesesu. Cittaṃ adhiṭṭhātīti cittaṃ adhikaṃ katvā ṭhāti, cittaṃ patiṭṭhāpetīti adhippāyo. Cittaṃ abhinīharatīti vipassanāvīthito cittaṃ nīharati. Nirodhaṃ nibbānaṃ niyyātīti nirodhasaṅkhātaṃ nibbānaṃ upagacchatīti evaṃ ākāranānattato catudhā nānākkhaṇatā dassitā.
เอกกฺขณตาย สโมธานเฎฺฐนาติ เอกชฺฌํ สโมสรณเฎฺฐนฯ อธิคมนเฎฺฐนาติ วินฺทนเฎฺฐนฯ ปฎิลาภเฎฺฐนาติ ปาปุณนเฎฺฐนฯ ปฎิเวธเฎฺฐนาติ ญาเณน ปฎิวิชฺฌนเฎฺฐนฯ สจฺฉิกิริยเฎฺฐนาติ ปจฺจกฺขกรณเฎฺฐนฯ ผสฺสนเฎฺฐนาติ ญาณผุสนาย ผุสนเฎฺฐนฯ อภิสมยเฎฺฐนาติ อภิมุขํ สมาคมนเฎฺฐนฯ เอตฺถ ‘‘สโมธานเฎฺฐนา’’ติ มูลปทํ, เสสานิ อธิคมเววจนานิฯ ตสฺมาเยว หิ สเพฺพสํ เอกโต วิสฺสชฺชนํ กตํฯ นิมิตฺตา มุจฺจตีติ นิจฺจนิมิตฺตโต มุจฺจติฯ อิมินา วิโมกฺขโฎฺฐ วุโตฺตฯ ยโต มุจฺจตีติ ยโต นิมิตฺตโต มุจฺจติฯ ตตฺถ น ปณิทหตีติ ตสฺมิํ นิมิเตฺต ปตฺถนํ น กโรติฯ ยตฺถ น ปณิทหตีติ ยสฺมิํ นิมิเตฺต น ปณิทหติฯ เตน สุโญฺญติ เตน นิมิเตฺตน สุโญฺญฯ เยน สุโญฺญติ เยน นิมิเตฺตน สุโญฺญฯ เตน นิมิเตฺตน อนิมิโตฺตติ อิมินา อนิมิตฺตโฎฺฐ วุโตฺตฯ
Ekakkhaṇatāya samodhānaṭṭhenāti ekajjhaṃ samosaraṇaṭṭhena. Adhigamanaṭṭhenāti vindanaṭṭhena. Paṭilābhaṭṭhenāti pāpuṇanaṭṭhena. Paṭivedhaṭṭhenāti ñāṇena paṭivijjhanaṭṭhena. Sacchikiriyaṭṭhenāti paccakkhakaraṇaṭṭhena. Phassanaṭṭhenāti ñāṇaphusanāya phusanaṭṭhena. Abhisamayaṭṭhenāti abhimukhaṃ samāgamanaṭṭhena. Ettha ‘‘samodhānaṭṭhenā’’ti mūlapadaṃ, sesāni adhigamavevacanāni. Tasmāyeva hi sabbesaṃ ekato vissajjanaṃ kataṃ. Nimittā muccatīti niccanimittato muccati. Iminā vimokkhaṭṭho vutto. Yato muccatīti yato nimittato muccati. Tattha na paṇidahatīti tasmiṃ nimitte patthanaṃ na karoti. Yattha na paṇidahatīti yasmiṃ nimitte na paṇidahati. Tena suññoti tena nimittena suñño. Yena suññoti yena nimittena suñño. Tena nimittena animittoti iminā animittaṭṭho vutto.
ปณิธิยา มุจฺจตีติ ปณิธิโต มุจฺจติฯ ‘‘ปณิธิ มุจฺจตี’’ติ ปาโฐ นิสฺสกฺกโตฺถเยวฯ อิมินา วิโมกฺขโฎฺฐ วุโตฺตฯ ยตฺถ น ปณิทหตีติ ยสฺมิํ ทุเกฺข น ปณิทหติฯ เตน สุโญฺญติ เตน ทุเกฺขน สุโญฺญฯ เยน สุโญฺญติ เยน ทุกฺขนิมิเตฺตน สุโญฺญฯ เยน นิมิเตฺตนาติ เยน ทุกฺขนิมิเตฺตนฯ ตตฺถ น ปณิทหตีติ อิมินา อปฺปณิหิตโฎฺฐ วุโตฺตฯ อภินิเวสา มุจฺจตีติ อิมินา วิโมกฺขโฎฺฐ วุโตฺตฯ เยน สุโญฺญติ เยน อภินิเวสนิมิเตฺตน สุโญฺญฯ เยน นิมิเตฺตนาติ เยน อภินิเวสนิมิเตฺตนฯ ยตฺถ น ปณิทหติ, เตน สุโญฺญติ ยสฺมิํ อภินิเวสนิมิเตฺต น ปณิทหติ, เตน อภินิเวสนิมิเตฺตน สุโญฺญฯ อิมินา สุญฺญตโฎฺฐ วุโตฺตฯ
Paṇidhiyā muccatīti paṇidhito muccati. ‘‘Paṇidhi muccatī’’ti pāṭho nissakkatthoyeva. Iminā vimokkhaṭṭho vutto. Yattha na paṇidahatīti yasmiṃ dukkhe na paṇidahati. Tena suññoti tena dukkhena suñño. Yena suññoti yena dukkhanimittena suñño. Yena nimittenāti yena dukkhanimittena. Tattha na paṇidahatīti iminā appaṇihitaṭṭho vutto. Abhinivesā muccatīti iminā vimokkhaṭṭho vutto. Yena suññoti yena abhinivesanimittena suñño. Yena nimittenāti yena abhinivesanimittena. Yattha na paṇidahati, tena suññoti yasmiṃ abhinivesanimitte na paṇidahati, tena abhinivesanimittena suñño. Iminā suññataṭṭho vutto.
๒๒๙. ปุน อฎฺฐวิโมกฺขาทีนิ นิทฺทิสิตุกาโม อตฺถิ วิโมโกฺขติอาทิมาหฯ ตตฺถ นิจฺจโต อภินิเวสาติอาทีนิ สญฺญาวิโมเกฺข วุตฺตนเยน เวทิตพฺพานิฯ สพฺพาภินิเวเสหีติ วุตฺตปฺปกาเรหิ อภินิเวเสหิฯ อิติ อภินิเวสมุจฺจนวเสน สุญฺญตวิโมกฺขา นาม ชาตา, เตเยว นิจฺจาทินิมิตฺตมุจฺจนวเสน อนิมิตฺตวิโมกฺขา, นิจฺจนฺติอาทิปณิธีหิ มุจฺจนวเสน อปฺปณิหิตวิโมกฺขาฯ เอตฺถ จ ปณิธิ มุจฺจตีติ สพฺพตฺถ นิสฺสกฺกโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ปณิธิยา มุจฺจตีติ วา ปาโฐฯ ‘‘สพฺพปณิธีหิ มุจฺจตี’’ติ เจตฺถ สาธกํฯ เอวํ ติโสฺส อนุปสฺสนา ตทงฺควิโมกฺขตฺตา จ สมุเจฺฉทวิโมกฺขสฺส ปจฺจยตฺตา จ ปริยาเยน วิโมกฺขาติ วุตฺตาฯ
229. Puna aṭṭhavimokkhādīni niddisitukāmo atthi vimokkhotiādimāha. Tattha niccato abhinivesātiādīni saññāvimokkhe vuttanayena veditabbāni. Sabbābhinivesehīti vuttappakārehi abhinivesehi. Iti abhinivesamuccanavasena suññatavimokkhā nāma jātā, teyeva niccādinimittamuccanavasena animittavimokkhā, niccantiādipaṇidhīhi muccanavasena appaṇihitavimokkhā. Ettha ca paṇidhi muccatīti sabbattha nissakkattho veditabbo. Paṇidhiyā muccatīti vā pāṭho. ‘‘Sabbapaṇidhīhi muccatī’’ti cettha sādhakaṃ. Evaṃ tisso anupassanā tadaṅgavimokkhattā ca samucchedavimokkhassa paccayattā ca pariyāyena vimokkhāti vuttā.
๒๓๐. ตตฺถ ชาตาติ อนนฺตเร วิปสฺสนาวิโมเกฺขปิ สติ อิมิสฺสา กถาย มคฺควิโมกฺขาธิการตฺตา ตสฺมิํ มคฺควิโมเกฺข ชาตาติ วุตฺตํ โหติฯ อนวชฺชกุสลาติ ราคาทิวชฺชวิรหิตา กุสลาฯ วิเจฺฉทํ กตฺวา วา ปาโฐฯ โพธิปกฺขิยา ธมฺมาติ ‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปญฺจินฺทฺริยานิ, ปญฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา , อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๕, ๔๓; จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๒๒; มิ. ป. ๕.๔.๑) วุตฺตา สตฺตติํส โพธิปกฺขิยธมฺมาฯ อิทํ มุขนฺติ อิทํ วุตฺตปฺปการํ ธมฺมชาตํ อารมฺมณโต นิพฺพานปเวสาย มุขตฺตา มุขํ นามาติ วุตฺตํ โหติฯ เตสํ ธมฺมานนฺติ เตสํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํฯ อิทํ วิโมกฺขมุขนฺติ นิพฺพานํ วิกฺขมฺภนตทงฺคสมุเจฺฉทปฎิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิโมเกฺขสุ นิสฺสรณวิโมโกฺขว, ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว , ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ ธมฺมานํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) วุตฺตตฺตา อุตฺตมเฎฺฐน มุขญฺจาติ วิโมกฺขมุขํฯ วิโมกฺขญฺจ ตํ มุขญฺจ วิโมกฺขมุขนฺติ กมฺมธารยสมาสวเสน อยเมว อโตฺถ วุโตฺตฯ วิโมกฺขญฺจาติ เอตฺถ ลิงฺควิปลฺลาโส กโตฯ ตีณิ อกุสลมูลานีติ โลภโทสโมหาฯ ตีณิ ทุจฺจริตานีติ กายวจีมโนทุจฺจริตานิฯ สเพฺพปิ อกุสลา ธมฺมาติ อกุสลมูเลหิ สมฺปยุตฺตา ทุจฺจริเตหิ สมฺปยุตฺตา จ อสมฺปยุตฺตา จ เสวิตพฺพโทมนสฺสาทีนิ ฐเปตฺวา สเพฺพปิ อกุสลา ธมฺมาฯ กุสลมูลสุจริตานิ วุตฺตปฎิปเกฺขน เวทิตพฺพานิฯ สเพฺพปิ กุสลา ธมฺมาติ วุตฺตนเยเนว สมฺปยุตฺตา อสมฺปยุตฺตา จ วิโมกฺขสฺส อุปนิสฺสยภูตา สเพฺพปิ กุสลา ธมฺมาฯ วิวฎฺฎกถา เหฎฺฐา วุตฺตาฯ วิโมกฺขวิวฎฺฎสมฺพเนฺธน ปเนตฺถ เสสวิวฎฺฎาปิ วุตฺตาฯ อาเสวนาติ อาทิโต เสวนาฯ ภาวนาติ ตเสฺสว วฑฺฒนาฯ พหุลีกมฺมนฺติ ตเสฺสว วสิปฺปตฺติยา ปุนปฺปุนํ กรณํฯ มคฺคสฺส ปน เอกกฺขเณเยว กิจฺจสาธนวเสน อาเสวนาทีนิ เวทิตพฺพานิฯ ปฎิลาโภ วา วิปาโก วาติอาทีนิ เหฎฺฐา วุตฺตตฺถาเนวาติฯ
230.Tattha jātāti anantare vipassanāvimokkhepi sati imissā kathāya maggavimokkhādhikārattā tasmiṃ maggavimokkhe jātāti vuttaṃ hoti. Anavajjakusalāti rāgādivajjavirahitā kusalā. Vicchedaṃ katvā vā pāṭho. Bodhipakkhiyā dhammāti ‘‘cattāro satipaṭṭhānā, cattāro sammappadhānā, cattāro iddhipādā, pañcindriyāni, pañca balāni, satta bojjhaṅgā , ariyo aṭṭhaṅgiko maggo’’ti (ma. ni. 3.35, 43; cūḷani. mettagūmāṇavapucchāniddesa 22; mi. pa. 5.4.1) vuttā sattatiṃsa bodhipakkhiyadhammā. Idaṃ mukhanti idaṃ vuttappakāraṃ dhammajātaṃ ārammaṇato nibbānapavesāya mukhattā mukhaṃ nāmāti vuttaṃ hoti. Tesaṃ dhammānanti tesaṃ bodhipakkhiyānaṃ dhammānaṃ. Idaṃ vimokkhamukhanti nibbānaṃ vikkhambhanatadaṅgasamucchedapaṭippassaddhinissaraṇavimokkhesu nissaraṇavimokkhova, ‘‘yāvatā, bhikkhave , dhammā saṅkhatā vā asaṅkhatā vā, virāgo tesaṃ dhammānaṃ aggamakkhāyatī’’ti (itivu. 90; a. ni. 4.34) vuttattā uttamaṭṭhena mukhañcāti vimokkhamukhaṃ. Vimokkhañca taṃ mukhañca vimokkhamukhanti kammadhārayasamāsavasena ayameva attho vutto. Vimokkhañcāti ettha liṅgavipallāso kato. Tīṇi akusalamūlānīti lobhadosamohā. Tīṇi duccaritānīti kāyavacīmanoduccaritāni. Sabbepi akusalā dhammāti akusalamūlehi sampayuttā duccaritehi sampayuttā ca asampayuttā ca sevitabbadomanassādīni ṭhapetvā sabbepi akusalā dhammā. Kusalamūlasucaritāni vuttapaṭipakkhena veditabbāni. Sabbepi kusalā dhammāti vuttanayeneva sampayuttā asampayuttā ca vimokkhassa upanissayabhūtā sabbepi kusalā dhammā. Vivaṭṭakathā heṭṭhā vuttā. Vimokkhavivaṭṭasambandhena panettha sesavivaṭṭāpi vuttā. Āsevanāti ādito sevanā. Bhāvanāti tasseva vaḍḍhanā. Bahulīkammanti tasseva vasippattiyā punappunaṃ karaṇaṃ. Maggassa pana ekakkhaṇeyeva kiccasādhanavasena āsevanādīni veditabbāni. Paṭilābho vā vipāko vātiādīni heṭṭhā vuttatthānevāti.
วิโมกฺขนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vimokkhaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
สทฺธมฺมปฺปกาสินิยา ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถาย
Saddhammappakāsiniyā paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathāya
วิโมกฺขกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vimokkhakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๒. นิเทฺทโส • 2. Niddeso