Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๑๖๐] ๑๐. วินีลชาตกวณฺณนา
[160] 10. Vinīlajātakavaṇṇanā
เอวเมว นูน ราชานนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตสฺส สุคตาลยํ อารพฺภ กเถสิฯ เทวทเตฺต หิ คยาสีสคตานํ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ สุคตาลยํ ทเสฺสตฺวา นิปเนฺน อุโภปิ เถรา ธมฺมํ เทเสตฺวา อตฺตโน นิสฺสิตเก อาทาย เวฬุวนํ อคมิํสุฯ เต สตฺถารา ‘‘สาริปุตฺต, เทวทโตฺต ตุเมฺห ทิสฺวา กิํ อกาสี’’ติ ปุฎฺฐา ‘‘ภเนฺต, สุคตาลยํ ทเสฺสตฺวา มหาวินาสํ ปาปุณี’’ติ อาโรเจสุํฯ สตฺถา ‘‘น โข, สาริปุตฺต, เทวทโตฺต อิทาเนว มม อนุกิริยํ กโรโนฺต วินาสํ ปโตฺต, ปุเพฺพปิ ปาปุณิเยวา’’ติ วตฺวา เถเรหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Evameva nūna rājānanti idaṃ satthā veḷuvane viharanto devadattassa sugatālayaṃ ārabbha kathesi. Devadatte hi gayāsīsagatānaṃ dvinnaṃ aggasāvakānaṃ sugatālayaṃ dassetvā nipanne ubhopi therā dhammaṃ desetvā attano nissitake ādāya veḷuvanaṃ agamiṃsu. Te satthārā ‘‘sāriputta, devadatto tumhe disvā kiṃ akāsī’’ti puṭṭhā ‘‘bhante, sugatālayaṃ dassetvā mahāvināsaṃ pāpuṇī’’ti ārocesuṃ. Satthā ‘‘na kho, sāriputta, devadatto idāneva mama anukiriyaṃ karonto vināsaṃ patto, pubbepi pāpuṇiyevā’’ti vatvā therehi yācito atītaṃ āhari.
อตีเต วิเทหรเฎฺฐ มิถิลายํ วิเทหราเช รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติฯ โส วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รเชฺช ปติฎฺฐาสิฯ ตทา เอกสฺส สุวณฺณหํสราชสฺส โคจรภูมิยํ กากิยา สทฺธิํ สํวาโส อโหสิฯ สา ปุตฺตํ วิชายิฯ โส เนว มาตุปติรูปโก อโหสิ, น ปิตุฯ อถสฺส วินีลกธาตุกตฺตา ‘‘วินีลโก’’เตฺวว นามํ อกํสุฯ หํสราชา อภิณฺหํ คนฺตฺวา ปุตฺตํ ปสฺสติฯ อปเร ปนสฺส เทฺว หํสโปตกา ปุตฺตา อเหสุํฯ เต ปิตรํ อภิณฺหํ มนุสฺสปถํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปุจฺฉิํสุ – ‘‘ตาต, ตุเมฺห กสฺมา อภิณฺหํ มนุสฺสปถํ คจฺฉถา’’ติ? ‘‘ตาตา, เอกาย เม กากิยา สทฺธิํ สํวาสมนฺวาย เอโก ปุโตฺต ชาโต, ‘วินีลโก’ติสฺส นามํ, ตมหํ ทฎฺฐุํ คจฺฉามี’’ติฯ ‘‘กหํ ปเนเต วสนฺตี’’ติ? ‘‘วิเทหรเฎฺฐ มิถิลาย อวิทูเร อสุกสฺมิํ นาม ฐาเน เอกสฺมิํ ตาลเคฺค วสนฺตี’’ติฯ ‘‘ตาต, มนุสฺสปโถ นาม สาสโงฺก สปฺปฎิภโย, ตุเมฺห มา คจฺฉถ, มยํ คนฺตฺวา ตํ อาเนสฺสามา’’ติ เทฺว หํสโปตกา ปิตรา อาจิกฺขิตสญฺญาย ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ วินีลกํ เอกสฺมิํ ทณฺฑเก นิสีทาเปตฺวา มุขตุณฺฑเกน ทณฺฑโกฎิยํ ฑํสิตฺวา มิถิลานครมตฺถเกน ปายิํสุฯ ตสฺมิํ ขเณ วิเทหราชา สพฺพเสตจตุสินฺธวยุตฺตรถวเร นิสีทิตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กโรติฯ วินีลโก ตํ ทิสฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘มยฺหํ วิเทหรญฺญา กิํ นานาการณํ, เอส จตุสินฺธวยุตฺตรเถ นิสีทิตฺวา นครํ อนุสญฺจรติ, อหํ ปน หํสยุตฺตรเถ นิสีทิตฺวา คจฺฉามี’’ติฯ โส อากาเสน คจฺฉโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Atīte videharaṭṭhe mithilāyaṃ videharāje rajjaṃ kārente bodhisatto tassa aggamahesiyā kucchimhi nibbatti. So vayappatto takkasilāyaṃ sabbasippāni uggaṇhitvā pitu accayena rajje patiṭṭhāsi. Tadā ekassa suvaṇṇahaṃsarājassa gocarabhūmiyaṃ kākiyā saddhiṃ saṃvāso ahosi. Sā puttaṃ vijāyi. So neva mātupatirūpako ahosi, na pitu. Athassa vinīlakadhātukattā ‘‘vinīlako’’tveva nāmaṃ akaṃsu. Haṃsarājā abhiṇhaṃ gantvā puttaṃ passati. Apare panassa dve haṃsapotakā puttā ahesuṃ. Te pitaraṃ abhiṇhaṃ manussapathaṃ gacchantaṃ disvā pucchiṃsu – ‘‘tāta, tumhe kasmā abhiṇhaṃ manussapathaṃ gacchathā’’ti? ‘‘Tātā, ekāya me kākiyā saddhiṃ saṃvāsamanvāya eko putto jāto, ‘vinīlako’tissa nāmaṃ, tamahaṃ daṭṭhuṃ gacchāmī’’ti. ‘‘Kahaṃ panete vasantī’’ti? ‘‘Videharaṭṭhe mithilāya avidūre asukasmiṃ nāma ṭhāne ekasmiṃ tālagge vasantī’’ti. ‘‘Tāta, manussapatho nāma sāsaṅko sappaṭibhayo, tumhe mā gacchatha, mayaṃ gantvā taṃ ānessāmā’’ti dve haṃsapotakā pitarā ācikkhitasaññāya tattha gantvā taṃ vinīlakaṃ ekasmiṃ daṇḍake nisīdāpetvā mukhatuṇḍakena daṇḍakoṭiyaṃ ḍaṃsitvā mithilānagaramatthakena pāyiṃsu. Tasmiṃ khaṇe videharājā sabbasetacatusindhavayuttarathavare nisīditvā nagaraṃ padakkhiṇaṃ karoti. Vinīlako taṃ disvā cintesi – ‘‘mayhaṃ videharaññā kiṃ nānākāraṇaṃ, esa catusindhavayuttarathe nisīditvā nagaraṃ anusañcarati, ahaṃ pana haṃsayuttarathe nisīditvā gacchāmī’’ti. So ākāsena gacchanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๙.
19.
‘‘เอวเมว นูน ราชานํ, เวเทหํ มิถิลคฺคหํ;
‘‘Evameva nūna rājānaṃ, vedehaṃ mithilaggahaṃ;
อสฺสา วหนฺติ อาชญฺญา, ยถา หํสา วินีลก’’นฺติฯ
Assā vahanti ājaññā, yathā haṃsā vinīlaka’’nti.
ตตฺถ เอวเมวาติ เอวํ เอว, นูนาติ ปริวิตเกฺก นิปาโตฯ เอกํเสปิ วฎฺฎติเยวฯ เวเทหนฺติ วิเทหรฎฺฐสามิกํฯ มิถิลคฺคหนฺติ มิถิลเคหํ, มิถิลายํ ฆรํ ปริคฺคเหตฺวา วสมานนฺติ อโตฺถฯ อาชญฺญาติ การณาการณาชานนกาฯ ยถา หํสา วินีลกนฺติ ยถา อิเม หํสา มํ วินีลกํ วหนฺติ, เอวเมว วหนฺตีติฯ
Tattha evamevāti evaṃ eva, nūnāti parivitakke nipāto. Ekaṃsepi vaṭṭatiyeva. Vedehanti videharaṭṭhasāmikaṃ. Mithilaggahanti mithilagehaṃ, mithilāyaṃ gharaṃ pariggahetvā vasamānanti attho. Ājaññāti kāraṇākāraṇājānanakā. Yathā haṃsā vinīlakanti yathā ime haṃsā maṃ vinīlakaṃ vahanti, evameva vahantīti.
หํสโปตกา ตสฺส วจนํ สุตฺวา กุชฺฌิตฺวา ‘‘อิเธว นํ ปาเตตฺวา คมิสฺสามา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวาปิ ‘‘เอวํ กเต ปิตา โน กิํ วกฺขตี’’ติ ครหภเยน ปิตุ สนฺติกํ เนตฺวา เตน กตกิริยํ ปิตุ อาจิกฺขิํสุฯ อถ นํ ปิตา กุชฺฌิตฺวา ‘‘กิํ ตฺวํ มม ปุเตฺตหิ อธิกตโรสิ, โย มม ปุเตฺต อภิภวิตฺวา รเถ ยุตฺตสินฺธเว วิย กโรสิ, อตฺตโน ปมาณํ น ชานาสิฯ อิมํ ฐานํ ตว อโคจโร, อตฺตโน มาตุ วสนฎฺฐานเมว คจฺฉาหี’’ติ ตเชฺชตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
Haṃsapotakā tassa vacanaṃ sutvā kujjhitvā ‘‘idheva naṃ pātetvā gamissāmā’’ti cittaṃ uppādetvāpi ‘‘evaṃ kate pitā no kiṃ vakkhatī’’ti garahabhayena pitu santikaṃ netvā tena katakiriyaṃ pitu ācikkhiṃsu. Atha naṃ pitā kujjhitvā ‘‘kiṃ tvaṃ mama puttehi adhikatarosi, yo mama putte abhibhavitvā rathe yuttasindhave viya karosi, attano pamāṇaṃ na jānāsi. Imaṃ ṭhānaṃ tava agocaro, attano mātu vasanaṭṭhānameva gacchāhī’’ti tajjetvā dutiyaṃ gāthamāha –
๒๐.
20.
‘‘วินีล ทุคฺคํ ภชสิ, อภูมิํ ตาต เสวสิ;
‘‘Vinīla duggaṃ bhajasi, abhūmiṃ tāta sevasi;
คามนฺตกานิ เสวสฺสุ, เอตํ มาตาลยํ ตวา’’ติฯ
Gāmantakāni sevassu, etaṃ mātālayaṃ tavā’’ti.
ตตฺถ วินีลาติ ตํ นาเมนาลปติฯ ทุคฺคํ ภชสีติ อิเมสํ วเสน คิริทุคฺคํ ภชสิฯ อภูมิํ, ตาต, เสวสีติ, ตาต, คิริวิสมํ นาม ตว อภูมิ , ตํ เสวสิ อุปคจฺฉสิฯ เอตํ มาตาลยํ ตวาติ เอตํ คามนฺตํ อุกฺการฎฺฐานํ อามกสุสานฎฺฐานญฺจ ตว มาตุ อาลยํ เคหํ วสนฎฺฐานํ, ตตฺถ คจฺฉาหีติฯ เอวํ ตํ ตเชฺชตฺวา ‘‘คจฺฉถ, นํ มิถิลนครสฺส อุกฺการภูมิยเญฺญว โอตาเรตฺวา เอถา’’ติ ปุเตฺต อาณาเปสิ, เต ตถา อกํสุฯ
Tattha vinīlāti taṃ nāmenālapati. Duggaṃ bhajasīti imesaṃ vasena giriduggaṃ bhajasi. Abhūmiṃ, tāta, sevasīti, tāta, girivisamaṃ nāma tava abhūmi , taṃ sevasi upagacchasi. Etaṃ mātālayaṃ tavāti etaṃ gāmantaṃ ukkāraṭṭhānaṃ āmakasusānaṭṭhānañca tava mātu ālayaṃ gehaṃ vasanaṭṭhānaṃ, tattha gacchāhīti. Evaṃ taṃ tajjetvā ‘‘gacchatha, naṃ mithilanagarassa ukkārabhūmiyaññeva otāretvā ethā’’ti putte āṇāpesi, te tathā akaṃsu.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา วินีลโก เทวทโตฺต อโหสิ, เทฺว หํสโปตกา เทฺว อคฺคสาวกา อเหสุํ, ปิตา อานโนฺท อโหสิ, วิเทหราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā vinīlako devadatto ahosi, dve haṃsapotakā dve aggasāvakā ahesuṃ, pitā ānando ahosi, videharājā pana ahameva ahosi’’nti.
วินีลชาตกวณฺณนา ทสมาฯ
Vinīlajātakavaṇṇanā dasamā.
ทฬฺหวโคฺค ปฐโมฯ
Daḷhavaggo paṭhamo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
ราโชวาทญฺจ สิงฺคาลํ, สูกรํ อุรคํ ภคฺคํ;
Rājovādañca siṅgālaṃ, sūkaraṃ uragaṃ bhaggaṃ;
อลีนจิตฺตคุณญฺจ, สุหนุ โมรวินีลํฯ
Alīnacittaguṇañca, suhanu moravinīlaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๖๐. วินีลชาตกํ • 160. Vinīlajātakaṃ