Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
วินีตวตฺถุวณฺณนา
Vinītavatthuvaṇṇanā
๑๓๒. วินีตวตฺถูสุ สนฺธาวตีติ สุฎฺฐุ ธาวติฯ วิธาวตีติ วิวิธา นานปฺปกาเรน ธาวติฯ กายวจีทฺวารเภทํ วินาปีติ กายโจปนํ วจีเภทญฺจ วินาฯ ปฎิสงฺขานพเลนาติ ตถาวิธจิตฺตุปฺปาเท อาทีนวปจฺจเวกฺขณพเลนฯ
132. Vinītavatthūsu sandhāvatīti suṭṭhu dhāvati. Vidhāvatīti vividhā nānappakārena dhāvati. Kāyavacīdvārabhedaṃ vināpīti kāyacopanaṃ vacībhedañca vinā. Paṭisaṅkhānabalenāti tathāvidhacittuppāde ādīnavapaccavekkhaṇabalena.
๑๓๕. ปุจฺฉาสภาเคนาติ ปุจฺฉานุรูเปนฯ นิรุตฺติ เอว ปโถ นิรุตฺติปโถ, ตสฺมิํ นิรุตฺติปเถฯ เตนาห ‘‘โวหารวจนมเตฺต’’ติฯ
135.Pucchāsabhāgenāti pucchānurūpena. Nirutti eva patho niruttipatho, tasmiṃ niruttipathe. Tenāha ‘‘vohāravacanamatte’’ti.
๑๓๗. ยถากมฺมํ คโตติ อิมินา ตสฺส มตภาวํ ทเสฺสติฯ อพฺภุเณฺหติ อิมินาปิ วุตฺตเมว ปริยายนฺตเรน วิภาเวตุํ ‘‘อลฺลสรีเร’’ติ วุตฺตํฯ วิสภาคสรีเรติ อิตฺถิสรีเรฯ วิสภาคสรีรตฺตา อจฺจาสเนฺนน น ภวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สีเส วา’’ติอาทิฯ วฎฺฎตีติ วิสภาคสรีเรปิ อตฺตนาว วุตฺตวิธิํ กาตุํ สาฎกญฺจ คเหตุํ วฎฺฎติฯ เกจิ ปน ‘‘กิญฺจาปิ อิมินา สิกฺขาปเทน อนาปตฺติ, อิตฺถิรูปํ ปน อามสนฺตสฺส ทุกฺกฎ’’นฺติ วทนฺติฯ
137.Yathākammaṃ gatoti iminā tassa matabhāvaṃ dasseti. Abbhuṇheti imināpi vuttameva pariyāyantarena vibhāvetuṃ ‘‘allasarīre’’ti vuttaṃ. Visabhāgasarīreti itthisarīre. Visabhāgasarīrattā accāsannena na bhavitabbanti āha ‘‘sīse vā’’tiādi. Vaṭṭatīti visabhāgasarīrepi attanāva vuttavidhiṃ kātuṃ sāṭakañca gahetuṃ vaṭṭati. Keci pana ‘‘kiñcāpi iminā sikkhāpadena anāpatti, itthirūpaṃ pana āmasantassa dukkaṭa’’nti vadanti.
๑๓๘. กุสํ สงฺกาเมตฺวาติ กุสํ ปริวเตฺตตฺวาฯ กูฎมานกูฎกหาปณาทีหีติ อาทิ-สเทฺทน ตุลากูฎกํสกูฎวญฺจนาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ตตฺถ กูฎมานํ หทยเภทสิขาเภทรชฺชุเภทวเสน ติวิธํ โหติฯ ตตฺถ หทยนฺติ นาฬิอาทิมานภาชนานํ อพฺภนฺตรํ, ตสฺส เภโท ฉิทฺทกรณํ หทยเภโท, โส สปฺปิเตลาทิมินนกาเล ลพฺภติฯ ตานิ หิ คณฺหโนฺต เหฎฺฐาฉิเทฺทน มาเนน ‘‘สณิกํ อาสิญฺจา’’ติ วตฺวา อโนฺตภาชเน พหุํ ปคฺฆราเปตฺวา คณฺหาติ, ททโนฺต ฉิทฺทํ ปิธาย สีฆํ ปูเรตฺวา เทติฯ สิขาเภโท ติลตณฺฑุลาทิมินนกาเล ลพฺภติฯ ตานิ หิ คณฺหโนฺต สณิกํ สิขํ อุสฺสาเปตฺวา คณฺหาติ, เทโนฺต เวเคน ปูเรตฺวา สิขํ ฉินฺทโนฺต เทติฯ รชฺชุเภโท เขตฺตวตฺถุมินนกาเล ลพฺภติฯ เขตฺตาทิํ มินนฺตา หิ อมหนฺตมฺปิ มหนฺตํ กตฺวา มินนฺติ, มหนฺตมฺปิ อมหนฺตํฯ กูฎกหาปโณ ปากโฎเยวฯ
138.Kusaṃ saṅkāmetvāti kusaṃ parivattetvā. Kūṭamānakūṭakahāpaṇādīhīti ādi-saddena tulākūṭakaṃsakūṭavañcanādiṃ saṅgaṇhāti. Tattha kūṭamānaṃ hadayabhedasikhābhedarajjubhedavasena tividhaṃ hoti. Tattha hadayanti nāḷiādimānabhājanānaṃ abbhantaraṃ, tassa bhedo chiddakaraṇaṃ hadayabhedo, so sappitelādiminanakāle labbhati. Tāni hi gaṇhanto heṭṭhāchiddena mānena ‘‘saṇikaṃ āsiñcā’’ti vatvā antobhājane bahuṃ paggharāpetvā gaṇhāti, dadanto chiddaṃ pidhāya sīghaṃ pūretvā deti. Sikhābhedo tilataṇḍulādiminanakāle labbhati. Tāni hi gaṇhanto saṇikaṃ sikhaṃ ussāpetvā gaṇhāti, dento vegena pūretvā sikhaṃ chindanto deti. Rajjubhedo khettavatthuminanakāle labbhati. Khettādiṃ minantā hi amahantampi mahantaṃ katvā minanti, mahantampi amahantaṃ. Kūṭakahāpaṇo pākaṭoyeva.
ตุลากูฎํ ปน รูปกูฎํ องฺคกูฎํ คหณกูฎํ ปฎิจฺฉนฺนกูฎนฺติ จตุพฺพิธํ โหติฯ ตตฺถ รูปกูฎํ นาม เทฺว ตุลา สรูปา กตฺวา คณฺหโนฺต มหติยา คณฺหาติ, ททโนฺต ขุทฺทิกาย เทติฯ องฺคกูฎํ นาม คณฺหโนฺต ปจฺฉาภาเค หเตฺถน ตุลํ อกฺกมติ, ททโนฺต ปุพฺพภาเค อกฺกมติฯ คหณกูฎํ นาม คณฺหโนฺต มูเล รชฺชุํ คณฺหาติ, ททโนฺต อเคฺคฯ ปฎิจฺฉนฺนกูฎํ นาม ตุลํ สุสิรํ กตฺวา อโนฺต อยจุณฺณํ ปกฺขิปิตฺวา คณฺหโนฺต ตํ ปจฺฉาภาเค กโรติ, ททโนฺต อคฺคภาเคฯ
Tulākūṭaṃ pana rūpakūṭaṃ aṅgakūṭaṃ gahaṇakūṭaṃ paṭicchannakūṭanti catubbidhaṃ hoti. Tattha rūpakūṭaṃ nāma dve tulā sarūpā katvā gaṇhanto mahatiyā gaṇhāti, dadanto khuddikāya deti. Aṅgakūṭaṃ nāma gaṇhanto pacchābhāge hatthena tulaṃ akkamati, dadanto pubbabhāge akkamati. Gahaṇakūṭaṃ nāma gaṇhanto mūle rajjuṃ gaṇhāti, dadanto agge. Paṭicchannakūṭaṃ nāma tulaṃ susiraṃ katvā anto ayacuṇṇaṃ pakkhipitvā gaṇhanto taṃ pacchābhāge karoti, dadanto aggabhāge.
กํโส วุจฺจติ สุวณฺณปาติ, ตาย วญฺจนํ กํสกูฎํฯ กถํ? เอกํ สุวณฺณปาติํ กตฺวา อญฺญา เทฺว ติโสฺส โลหปาติโย สุวณฺณวณฺณา กโรนฺติ, ตโต ชนปทํ คนฺตฺวา กิญฺจิเทว อฑฺฒํ กุลํ ปวิสิตฺวา ‘‘สุวณฺณภาชนานิ กิณถา’’ติ วตฺวา อเคฺฆ ปุจฺฉิเต สมคฺฆตรํ ทาตุกามา โหนฺติฯ ตโต เตหิ ‘‘กถํ อิเมสํ สุวณฺณภาโว ชานิตโพฺพ’’ติ วุเตฺต ‘‘วีมํสิตฺวา คณฺหถา’’ติ สุวณฺณปาติํ ปาสาเณ ฆํสิตฺวา สพฺพปาติโย ทตฺวา คจฺฉนฺติฯ
Kaṃso vuccati suvaṇṇapāti, tāya vañcanaṃ kaṃsakūṭaṃ. Kathaṃ? Ekaṃ suvaṇṇapātiṃ katvā aññā dve tisso lohapātiyo suvaṇṇavaṇṇā karonti, tato janapadaṃ gantvā kiñcideva aḍḍhaṃ kulaṃ pavisitvā ‘‘suvaṇṇabhājanāni kiṇathā’’ti vatvā agghe pucchite samagghataraṃ dātukāmā honti. Tato tehi ‘‘kathaṃ imesaṃ suvaṇṇabhāvo jānitabbo’’ti vutte ‘‘vīmaṃsitvā gaṇhathā’’ti suvaṇṇapātiṃ pāsāṇe ghaṃsitvā sabbapātiyo datvā gacchanti.
วญฺจนํ นาม เตหิ เตหิ อุปาเยหิ ปเรสํ วญฺจนํฯ ตตฺริทเมกํ วตฺถุ – เอโก กิร ลุทฺทโก มิคญฺจ มิคโปตกญฺจ คเหตฺวา อาคจฺฉติฯ ตเมโก ธุโตฺต ‘‘กิํ, โภ, มิโค อคฺฆติ, กิํ มิคโปตโก’’ติ อาหฯ ‘‘มิโค เทฺว กหาปเณ, มิคโปตโก เอก’’นฺติ จ วุเตฺต เอกํ กหาปณํ ทตฺวา มิคโปตกํ คเหตฺวา โถกํ คนฺตฺวา นิวโตฺต ‘‘น เม, โภ, มิคโปตเกน อโตฺถ, มิคํ เม เทหี’’ติ อาหฯ เตน หิ เทฺว กหาปเณ เทหีติฯ โส อาห – ‘‘นนุ, โภ, มยา ปฐมํ เอโก กหาปโณ ทิโนฺน’’ติ? ‘‘อาม ทิโนฺน’’ติฯ ‘‘อิมํ มิคโปตกํ คณฺห, เอวํ โส จ กหาปโณ, อยญฺจ กหาปณคฺฆนโก มิคโปตโกติ เทฺว กหาปณา ภวิสฺสนฺตี’’ติฯ โส ‘‘การณํ วทตี’’ติ สลฺลเกฺขตฺวา มิคโปตกํ คเหตฺวา มิคํ อทาสีติฯ
Vañcanaṃ nāma tehi tehi upāyehi paresaṃ vañcanaṃ. Tatridamekaṃ vatthu – eko kira luddako migañca migapotakañca gahetvā āgacchati. Tameko dhutto ‘‘kiṃ, bho, migo agghati, kiṃ migapotako’’ti āha. ‘‘Migo dve kahāpaṇe, migapotako eka’’nti ca vutte ekaṃ kahāpaṇaṃ datvā migapotakaṃ gahetvā thokaṃ gantvā nivatto ‘‘na me, bho, migapotakena attho, migaṃ me dehī’’ti āha. Tena hi dve kahāpaṇe dehīti. So āha – ‘‘nanu, bho, mayā paṭhamaṃ eko kahāpaṇo dinno’’ti? ‘‘Āma dinno’’ti. ‘‘Imaṃ migapotakaṃ gaṇha, evaṃ so ca kahāpaṇo, ayañca kahāpaṇagghanako migapotakoti dve kahāpaṇā bhavissantī’’ti. So ‘‘kāraṇaṃ vadatī’’ti sallakkhetvā migapotakaṃ gahetvā migaṃ adāsīti.
พลสาติ พเลนฯ ปนฺถฆาต-คฺคหเณน หิมวิปราโมสคุมฺพวิปราโมสาปิ สงฺคหิตาฯ ตตฺถ ยํ หิมปาตสมเย หิเมน ปฎิจฺฉนฺนา หุตฺวา มคฺคปฺปฎิปนฺนํ ชนํ มูสนฺติ, อยํ หิมวิปราโมโสฯ ยํ คุมฺมาทีหิ ปฎิจฺฉนฺนา ชนํ มูสนฺติ, อยํ คุมฺพวิปราโมโสฯ
Balasāti balena. Panthaghāta-ggahaṇena himaviparāmosagumbaviparāmosāpi saṅgahitā. Tattha yaṃ himapātasamaye himena paṭicchannā hutvā maggappaṭipannaṃ janaṃ mūsanti, ayaṃ himaviparāmoso. Yaṃ gummādīhi paṭicchannā janaṃ mūsanti, ayaṃ gumbaviparāmoso.
อุทฺธาเรเยว ปาราชิกนฺติ ‘‘สเจ สาฎโก ภวิสฺสติ, คณฺหิสฺสามี’’ติ ปริกปฺปสฺส ปวตฺตตฺตา สาฎกสฺส จ ตตฺถ สพฺภาวโตฯ ปทวาเรน กาเรตโพฺพติ ภูมิยํ อนิกฺขิปิตฺวาว วีมํสิตตฺตา วุตฺตํฯ ปริยุฎฺฐิโตติ อนุพโทฺธฯ ทิสฺวา หฎตฺตา ปริกปฺปาวหาโร น ทิสฺสตีติ อิมินา ปริกปฺปาวหารสฺส อสมฺภวํ ทเสฺสโนฺต มหาปจฺจริอาทีสุ วุตฺตสฺส อยุตฺตภาวํ วิภาเวติฯ มหาอฎฺฐกถายนฺติอาทินา ปน ปริกปฺปาวหารสมฺภวํ ปาฬิยา สํสนฺทนภาวญฺจ วิภาเวโนฺต มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตเมว สุวุตฺตนฺติ ทีเปติฯ เตเนว มาติกาฎฺฐกถายมฺปิ มหาอฎฺฐกถานโยว ทสฺสิโตฯ
Uddhāreyevapārājikanti ‘‘sace sāṭako bhavissati, gaṇhissāmī’’ti parikappassa pavattattā sāṭakassa ca tattha sabbhāvato. Padavārena kāretabboti bhūmiyaṃ anikkhipitvāva vīmaṃsitattā vuttaṃ. Pariyuṭṭhitoti anubaddho. Disvā haṭattā parikappāvahāro na dissatīti iminā parikappāvahārassa asambhavaṃ dassento mahāpaccariādīsu vuttassa ayuttabhāvaṃ vibhāveti. Mahāaṭṭhakathāyantiādinā pana parikappāvahārasambhavaṃ pāḷiyā saṃsandanabhāvañca vibhāvento mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttameva suvuttanti dīpeti. Teneva mātikāṭṭhakathāyampi mahāaṭṭhakathānayova dassito.
เกจีติ มหาอฎฺฐกถายเมว เอกเจฺจ อาจริยาฯ มหาปจฺจริยํ ปนาติ ปน-สโทฺท เกจิวาทโต มหาปจฺจริวาทสฺส วิเสสสนฺทสฺสนโตฺถฯ เตน เกจิวาโท มหาปจฺจริวาเทนปิ น สเมตีติ ทเสฺสติฯ มหาอฎฺฐกถานโย เอว จ มหาปจฺจริวาเทนปิ สํสนฺทนโต ยุตฺตตโรติ วิภาเวติฯ
Kecīti mahāaṭṭhakathāyameva ekacce ācariyā. Mahāpaccariyaṃ panāti pana-saddo kecivādato mahāpaccarivādassa visesasandassanattho. Tena kecivādo mahāpaccarivādenapi na sametīti dasseti. Mahāaṭṭhakathānayo eva ca mahāpaccarivādenapi saṃsandanato yuttataroti vibhāveti.
อลงฺการภณฺฑนฺติ องฺคุลิมุทฺทิกาทิ อลงฺการภณฺฑํฯ กุสํ ปาเตตฺวาติ วิลีวมยํ วา ตาลปณฺณมยํ วา กตสญฺญาณํ ยํ กิญฺจิ กุสํ ปาเตตฺวาฯ สมคฺฆตรนฺติ อปฺปคฺฆตรํฯ ปรโกฎฺฐาสโต กุเส อุทฺธเฎปิ น ตาว กุสสฺส ปริวตฺตนํ ชาตนฺติ วุตฺตํ ‘‘อุทฺธาเร รกฺขตี’’ติฯ สิเวยฺยกนฺติ สิวิรเฎฺฐ ชาตํฯ
Alaṅkārabhaṇḍanti aṅgulimuddikādi alaṅkārabhaṇḍaṃ. Kusaṃ pātetvāti vilīvamayaṃ vā tālapaṇṇamayaṃ vā katasaññāṇaṃ yaṃ kiñci kusaṃ pātetvā. Samagghataranti appagghataraṃ. Parakoṭṭhāsato kuse uddhaṭepi na tāva kusassa parivattanaṃ jātanti vuttaṃ ‘‘uddhāre rakkhatī’’ti. Siveyyakanti siviraṭṭhe jātaṃ.
๑๓๙. ชนฺตาฆรวตฺถุสฺมิํ ยสฺมา อานนฺทเตฺถโร ตตฺถ อนาปตฺติภาวํ ชานาติ, ตสฺมา ‘‘ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสี’’ติ น วุตฺตํฯ ยสฺมา จ สยํ ภควโต นาโรเจสิ, ตสฺมา ‘‘อาโรเจสี’’ติ เอกวจนํ น วุตฺตํฯ
139. Jantāgharavatthusmiṃ yasmā ānandatthero tattha anāpattibhāvaṃ jānāti, tasmā ‘‘tassa kukkuccaṃ ahosī’’ti na vuttaṃ. Yasmā ca sayaṃ bhagavato nārocesi, tasmā ‘‘ārocesī’’ti ekavacanaṃ na vuttaṃ.
๑๔๐. วิฆาสนฺติ ขาทิตาวเสสํ อุจฺฉิฎฺฐํ วาฯ กปฺปิยํ การาเปตฺวาติ ปจาเปตฺวาฯ อตฺตคุตฺตตฺถายาติ ตํนิมิตฺตอุปทฺทวโต อตฺตานํ รกฺขณตฺถายฯ ชิฆจฺฉาภิภูตา หิ สีหาทโย อตฺตนา ขาทิยมานํ คณฺหนฺตานํ อนตฺถมฺปิ กเรยฺยุํฯ ปรานุทฺทยตายาติ สีหาทีสุ ปรสเตฺตสุ อนุกมฺปายฯ ชิฆจฺฉาวิโนทนตฺถญฺหิ เตหิ ขาทิยมานํ เต ปลาเปตฺวา คณฺหโต เตสุ อนุกมฺปา นาม น ภวิสฺสติฯ
140.Vighāsanti khāditāvasesaṃ ucchiṭṭhaṃ vā. Kappiyaṃ kārāpetvāti pacāpetvā. Attaguttatthāyāti taṃnimittaupaddavato attānaṃ rakkhaṇatthāya. Jighacchābhibhūtā hi sīhādayo attanā khādiyamānaṃ gaṇhantānaṃ anatthampi kareyyuṃ. Parānuddayatāyāti sīhādīsu parasattesu anukampāya. Jighacchāvinodanatthañhi tehi khādiyamānaṃ te palāpetvā gaṇhato tesu anukampā nāma na bhavissati.
๑๔๑. เตกฎุลยาคุวตฺถุมฺหิ วิยาติ มุสาวาทสามญฺญโต วุตฺตํฯ อาณเตฺตหีติ สมฺมเตน อาณเตฺตหิฯ อาณเตฺตนาติ สามิเกหิ อาณเตฺตนฯ อปรสฺส ภาคํ เทหีติ อสนฺตํ ปุคฺคลํ ทเสฺสตฺวา คหิตตฺตา ‘‘ภณฺฑเทยฺย’’นฺติ วุตฺตํฯ อเญฺญนาติ ยถาวุเตฺตหิ สมฺมตาทีหิ จตูหิ อเญฺญนฯ ‘‘อปรมฺปิ ภาคํ เทหี’’ติ วุเตฺตปิ สงฺฆสนฺตกตฺตา อมูลกเมว คหิตนฺติ ‘‘อุทฺธาเรเยว ภณฺฑเคฺฆน กาเรตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ อิตเรหิ ทียมานนฺติ สมฺมเตน, เตน อาณเตฺตน วา ทียมานํฯ เอวํ คณฺหโตติ ‘‘อปรมฺปิ ภาคํ เทหี’’ติ วตฺวา วา กูฎวสฺสานิ คเณตฺวา วา คณฺหโตฯ สุทินฺนนฺติ เหฎฺฐา สามิเกน, เตน อาณเตฺตน วา ทียมานํ คิหิสนฺตกํ ‘‘อปรสฺส ภาคํ เทหี’’ติ วตฺวา คณฺหโต อปรสฺส อภาวโต สามิสนฺตกเมว โหตีติ ภณฺฑเทยฺยํ ชาตํฯ อิธ ปน เตหิ เอวํ ทียมานํ ‘‘อปรมฺปิ ภาคํ เทหีติ วตฺวา วา กูฎวสฺสานิ คเณตฺวา วา คณฺหโต เทหี’’ติ วุตฺตตฺตา อญฺญาตกวิญฺญตฺติมตฺตํ ฐเปตฺวา เนว ปาราชิกํ น ภณฺฑเทยฺยนฺติ สุทินฺนเมว โหติฯ
141.Tekaṭulayāguvatthumhi viyāti musāvādasāmaññato vuttaṃ. Āṇattehīti sammatena āṇattehi. Āṇattenāti sāmikehi āṇattena. Aparassa bhāgaṃ dehīti asantaṃ puggalaṃ dassetvā gahitattā ‘‘bhaṇḍadeyya’’nti vuttaṃ. Aññenāti yathāvuttehi sammatādīhi catūhi aññena. ‘‘Aparampi bhāgaṃ dehī’’ti vuttepi saṅghasantakattā amūlakameva gahitanti ‘‘uddhāreyeva bhaṇḍagghena kāretabbo’’ti vuttaṃ. Itarehi dīyamānanti sammatena, tena āṇattena vā dīyamānaṃ. Evaṃ gaṇhatoti ‘‘aparampi bhāgaṃ dehī’’ti vatvā vā kūṭavassāni gaṇetvā vā gaṇhato. Sudinnanti heṭṭhā sāmikena, tena āṇattena vā dīyamānaṃ gihisantakaṃ ‘‘aparassa bhāgaṃ dehī’’ti vatvā gaṇhato aparassa abhāvato sāmisantakameva hotīti bhaṇḍadeyyaṃ jātaṃ. Idha pana tehi evaṃ dīyamānaṃ ‘‘aparampi bhāgaṃ dehīti vatvā vā kūṭavassāni gaṇetvā vā gaṇhato dehī’’ti vuttattā aññātakaviññattimattaṃ ṭhapetvā neva pārājikaṃ na bhaṇḍadeyyanti sudinnameva hoti.
๑๔๒-๓. ปริกฺขารวตฺถูสุ วุตฺตปริกฺขารสฺส เหฎฺฐา วุตฺตภณฺฑสฺส จ โก วิเสโส? ยํ ปริโภคโยคฺคํ อาภรณาทิรูปํ อกตฺวา ยถาสภาวโต ฐปิตํ, ตํ ภณฺฑํฯ ยํ ปน ตถา กตฺวา ปริภุญฺชิตุํ อนุจฺฉวิกากาเรน ฐปิตํ อาภรณาทิกํ, ตํ ปริกฺขารนฺติ เวทิตพฺพํฯ
142-3. Parikkhāravatthūsu vuttaparikkhārassa heṭṭhā vuttabhaṇḍassa ca ko viseso? Yaṃ paribhogayoggaṃ ābharaṇādirūpaṃ akatvā yathāsabhāvato ṭhapitaṃ, taṃ bhaṇḍaṃ. Yaṃ pana tathā katvā paribhuñjituṃ anucchavikākārena ṭhapitaṃ ābharaṇādikaṃ, taṃ parikkhāranti veditabbaṃ.
๑๔๔-๑๔๖. สงฺกาเมตฺวาติ ฐิตฎฺฐานโต อปเนตฺวาฯ ถวิกนฺติ อุปาหนตฺถวิกาทิ ยํกิญฺจิ ถวิกํฯ อาหราเปเนฺตสุ ภณฺฑเทยฺยนฺติ ‘‘คหิเต อตฺตมโน โหตี’’ติ (มหาว. ๓๕๖) วจนโต อนตฺตมนสฺส สนฺตกํ คหิตมฺปิ ปุน ทาตพฺพเมวาติ วุตฺตํฯ ‘‘สมฺมุขีภูเตหิ ภาเชตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๓๗๙) วจนโต ภาชนียภณฺฑํ อุปจารสีมฎฺฐานํเยว ปาปุณาตีติ อาห ‘‘อุปจารสีมายํ ฐิตเสฺสว คเหตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ
144-146.Saṅkāmetvāti ṭhitaṭṭhānato apanetvā. Thavikanti upāhanatthavikādi yaṃkiñci thavikaṃ. Āharāpentesu bhaṇḍadeyyanti ‘‘gahite attamano hotī’’ti (mahāva. 356) vacanato anattamanassa santakaṃ gahitampi puna dātabbamevāti vuttaṃ. ‘‘Sammukhībhūtehi bhājetabba’’nti (mahāva. 379) vacanato bhājanīyabhaṇḍaṃ upacārasīmaṭṭhānaṃyeva pāpuṇātīti āha ‘‘upacārasīmāyaṃ ṭhitasseva gahetuṃ vaṭṭatī’’ti.
๑๔๘-๙. ‘‘ภณฺฑเทยฺยนฺติ อุภินฺนํ สาลยภาเว สติ โจรสฺส วา สามิกสฺส วา สมฺปตฺตสฺส กสฺสจิ ทาตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ เอเสว นโยติ ปํสุกูลสญฺญาย คหิเต ภณฺฑเทยฺยํ, เถยฺยจิเตฺตน ปาราชิกนฺติ อโตฺถฯ คาเมสูติ คามิเกสุ มนุเสฺสสุฯ คาม-คฺคหเณน เหตฺถ คามฎฺฐา วุตฺตาฯ วุฎฺฐหเนฺตสูติ คามํ ฉเฑฺฑตฺวา ปลายเนฺตสุฯ ปุน อาวสเนฺต ชนปเทติ ชานปทิเกสุ ปุน อาคนฺตฺวา วสเนฺตสุฯ
148-9.‘‘Bhaṇḍadeyyanti ubhinnaṃ sālayabhāve sati corassa vā sāmikassa vā sampattassa kassaci dātuṃ vaṭṭatī’’ti vadanti. Eseva nayoti paṃsukūlasaññāya gahite bhaṇḍadeyyaṃ, theyyacittena pārājikanti attho. Gāmesūti gāmikesu manussesu. Gāma-ggahaṇena hettha gāmaṭṭhā vuttā. Vuṭṭhahantesūti gāmaṃ chaḍḍetvā palāyantesu. Puna āvasante janapadeti jānapadikesu puna āgantvā vasantesu.
อวิเสเสน วุตฺตนฺติ ‘‘สอุสฺสาหา วา นิรุสฺสาหา วา’’ติ วิเสสํ อปรามสิตฺวา สามญฺญโต วุตฺตํฯ น หิ กติปยานํ อนุสฺสาเห สติ สงฺฆิกํ อสงฺฆิกํ โหตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ สอุสฺสาหมตฺตเมว ปมาณนฺติ สามิกานํ ปริจฺฉินฺนภาวโต วุตฺตํฯ ตโตติ คณสนฺตกโต ปุคฺคลสนฺตกโต วาฯ เสนาสนตฺถาย นิยมิตนฺติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ, จตูสุ ปจฺจเยสุ ยสฺส กสฺสจิ อตฺถาย นิยมิเตปิ วุตฺตนยเมวฯ อิสฺสรวตายาติ ปรํ อาปุจฺฉิตฺวา วา อนาปุจฺฉิตฺวา วา ทาตพฺพกิจฺจํ นตฺถิ, อยเมเวตฺถ ปมาณนฺติ เอวํ อตฺตโน อิสฺสรภาเวนฯ อเคฺฆน กาเรตโพฺพติ อคฺฆานุรูปํ ทุกฺกเฎน ถุลฺลจฺจเยน วา กาเรตโพฺพฯ อิสฺสรวตาย ปริภุญฺชโต คีวาติ น เกวลํ เอเตฺถว คีวา, เหฎฺฐา กุลสงฺคหตฺถาย อิสฺสรวตาย วา ทิเนฺนปิ คีวาเยวฯ สุขาทิตเมวาติ อโนฺตวิหาเร นิสีทิตฺวา ฆณฺฎิปฺปหรณาทิวุตฺตวิธานสฺส กตตฺตา สุขาทิตํฯ สงฺฆิกญฺหิ เวภงฺคิยภณฺฑํ อโนฺตวิหาเร วา พหิสีมาย วา โหตุ, พหิสีมายํ ฐิเตหิ อปโลเกตฺวา ภาเชตุํ น วฎฺฎติ, อุภยตฺถ ฐิตมฺปิ ปน อโนฺตสีมายํ ฐิเตหิ อปโลเกตฺวา ภาเชตุํ วฎฺฎติเยวฯ เตเนว ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํ ‘‘วิหาเรเยว นิสีทิตฺวา เอวํ กตตฺตา สุขาทิตนฺติ อาหา’’ติฯ อยญฺจ อโตฺถ วสฺสูปนายิกกฺขนฺธกฎฺฐกถายํ อาวิ ภวิสฺสติฯ
Avisesena vuttanti ‘‘saussāhā vā nirussāhā vā’’ti visesaṃ aparāmasitvā sāmaññato vuttaṃ. Na hi katipayānaṃ anussāhe sati saṅghikaṃ asaṅghikaṃ hotīti ayamettha adhippāyo. Saussāhamattameva pamāṇanti sāmikānaṃ paricchinnabhāvato vuttaṃ. Tatoti gaṇasantakato puggalasantakato vā. Senāsanatthāya niyamitanti idaṃ nidassanamattaṃ, catūsu paccayesu yassa kassaci atthāya niyamitepi vuttanayameva. Issaravatāyāti paraṃ āpucchitvā vā anāpucchitvā vā dātabbakiccaṃ natthi, ayamevettha pamāṇanti evaṃ attano issarabhāvena. Agghena kāretabboti agghānurūpaṃ dukkaṭena thullaccayena vā kāretabbo. Issaravatāya paribhuñjato gīvāti na kevalaṃ ettheva gīvā, heṭṭhā kulasaṅgahatthāya issaravatāya vā dinnepi gīvāyeva. Sukhāditamevāti antovihāre nisīditvā ghaṇṭippaharaṇādivuttavidhānassa katattā sukhāditaṃ. Saṅghikañhi vebhaṅgiyabhaṇḍaṃ antovihāre vā bahisīmāya vā hotu, bahisīmāyaṃ ṭhitehi apaloketvā bhājetuṃ na vaṭṭati, ubhayattha ṭhitampi pana antosīmāyaṃ ṭhitehi apaloketvā bhājetuṃ vaṭṭatiyeva. Teneva tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ ‘‘vihāreyeva nisīditvā evaṃ katattā sukhāditanti āhā’’ti. Ayañca attho vassūpanāyikakkhandhakaṭṭhakathāyaṃ āvi bhavissati.
๑๕๐. วุตฺตวาทกวตฺถูสุ ปาฬิยํ ยุคสาฎกนฺติ สาฎกยุคํฯ ตุลนฺติ ปลสตํฯ โทณนฺติ โสฬสนาฬิมตฺตํฯ ปริเจฺฉทํ ปน กตฺวาติ ยตฺตกํ อิจฺฉิตํ, ตตฺตกํ อคฺฆวเสน วา จีวราทิปจฺจยวเสน วา ปริเจฺฉทํ กตฺวาฯ อุปารมฺภาติ ‘‘ภทนฺตา อปริเจฺฉทํ กตฺวา วทนฺตี’’ติ เอวํ โทสาโรปนโตฯ
150. Vuttavādakavatthūsu pāḷiyaṃ yugasāṭakanti sāṭakayugaṃ. Tulanti palasataṃ. Doṇanti soḷasanāḷimattaṃ. Paricchedaṃ pana katvāti yattakaṃ icchitaṃ, tattakaṃ agghavasena vā cīvarādipaccayavasena vā paricchedaṃ katvā. Upārambhāti ‘‘bhadantā aparicchedaṃ katvā vadantī’’ti evaṃ dosāropanato.
๑๕๓. ฉาตชฺฌตฺตนฺติ ชิฆจฺฉาทุเกฺขน ปีฬิตอตฺตสนฺตานํฯ ธนุกนฺติ ขุทฺทกธนุกํฯ พโทฺธ โหตีติ ติริยํ พโทฺธ โหติฯ สุนขทฎฺฐนฺติ สามิเกหิ วิสฺสชฺชิตสุนเขน คหิตํฯ ยฎฺฐิยา สห ปาเตตีติ สูกรสฺส อาคมนโต ปุเรตรเมว ตตฺถ อพชฺฌนตฺถาย ปาเตติฯ มทฺทโนฺต คจฺฉติ, ภณฺฑเทยฺยนฺติ เอกสูกรคฺฆนกํ ภณฺฑํ ทาตพฺพํฯ น หิ เตน มเคฺคน คจฺฉนฺตา สเพฺพว สูกรา เตน ปาเสน พชฺฌนฺติ, เอโกเยว ปฐมตรํ คจฺฉโนฺต พชฺฌติ, ตสฺมา เอกสูกรคฺฆนกํ ภณฺฑํ ทาตพฺพํฯ ปจฺฉา คจฺฉตีติ เตน กตปโยเคน อคนฺตฺวา ปจฺฉา สยเมว คจฺฉติฯ เหฎฺฐา วุเตฺตสุปิ อีทิเสสุ ฐาเนสุ เอเสว นโยฯ อุทฺธริตฺวา ฉเฑฺฑตีติ ปุเรตรเมว อุทฺธริตฺวา ฉเฑฺฑติฯ วิหารภูมิยนฺติ วิหารสามนฺตา อรญฺญปฺปเทเสฯ รกฺขํ ยาจิตฺวาติ ราชราชมหามตฺตาทีนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา อนุทฺทิสฺส รกฺขํ ยาจิตฺวาฯ
153.Chātajjhattanti jighacchādukkhena pīḷitaattasantānaṃ. Dhanukanti khuddakadhanukaṃ. Baddho hotīti tiriyaṃ baddho hoti. Sunakhadaṭṭhanti sāmikehi vissajjitasunakhena gahitaṃ. Yaṭṭhiyā saha pātetīti sūkarassa āgamanato puretarameva tattha abajjhanatthāya pāteti. Maddanto gacchati, bhaṇḍadeyyanti ekasūkaragghanakaṃ bhaṇḍaṃ dātabbaṃ. Na hi tena maggena gacchantā sabbeva sūkarā tena pāsena bajjhanti, ekoyeva paṭhamataraṃ gacchanto bajjhati, tasmā ekasūkaragghanakaṃ bhaṇḍaṃ dātabbaṃ. Pacchā gacchatīti tena katapayogena agantvā pacchā sayameva gacchati. Heṭṭhā vuttesupi īdisesu ṭhānesu eseva nayo. Uddharitvā chaḍḍetīti puretarameva uddharitvā chaḍḍeti. Vihārabhūmiyanti vihārasāmantā araññappadese. Rakkhaṃ yācitvāti rājarājamahāmattādīnaṃ santikaṃ gantvā anuddissa rakkhaṃ yācitvā.
กุมีนมุขนฺติ กุมีนสฺส อโนฺต มจฺฉานํ ปวิสนมุขํฯ คุเมฺพ ขิปติ, ภณฺฑเทยฺยเมวาติ กุมีนสฺส อโนฺต ปวิสิตพฺพานํ มจฺฉานํ อเคฺฆน ภณฺฑเทยฺยํฯ
Kumīnamukhanti kumīnassa anto macchānaṃ pavisanamukhaṃ. Gumbe khipati, bhaṇḍadeyyamevāti kumīnassa anto pavisitabbānaṃ macchānaṃ agghena bhaṇḍadeyyaṃ.
๑๕๖. วีสติํสาทิวเสน ปริจฺฉินฺนา ภิกฺขู เอตฺถาติ ปริจฺฉินฺนภิกฺขุกํฯ เถรานนฺติ อาคนฺตุกเตฺถรานํ ฯ เตสมฺปีติ อาวาสิกภิกฺขูนมฺปิฯ ปริโภคตฺถายาติ สงฺฆิกปริโภควเสน ปริภุญฺชนตฺถายฯ คหเณติ ปาฐเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ ยตฺถาติ ยสฺมิํ อาวาเสฯ อเญฺญสํ อตฺถิภาวนฺติ อเญฺญสํ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ อตฺถิภาวํฯ ตตฺถาติ ตาทิเส อาวาเสฯ ภาเชตฺวา ขาทนฺตีติ อาคนฺตุกานมฺปิ สมฺปตฺตานํ ภาเชตฺวา ขาทนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ จตูสุ ปจฺจเยสุ สมฺมา อุปเนนฺตีติ อมฺพผลาทีนิ วิกฺกิณิตฺวา จีวราทีสุ จตูสุ ปจฺจเยสุ สมฺมา อุปเนนฺติฯ จีวรตฺถาย นิยเมตฺวา ทินฺนาติ ‘‘อิเมสํ รุกฺขานํ ผลานิ วิกฺกิณิตฺวา จีวเรสุเยว อุปเนตพฺพานิ, น ภาเชตฺวา ขาทิตพฺพานี’’ติ เอวํ นิยเมตฺวา ทินฺนาฯ เตสุปิ อาคนฺตุกา อนิสฺสราติ ปจฺจยปริโภคตฺถาย นิยเมตฺวา ทินฺนตฺตา ภาเชตฺวา ขาทิตุํ อนิสฺสราฯ
156. Vīsatiṃsādivasena paricchinnā bhikkhū etthāti paricchinnabhikkhukaṃ. Therānanti āgantukattherānaṃ . Tesampīti āvāsikabhikkhūnampi. Paribhogatthāyāti saṅghikaparibhogavasena paribhuñjanatthāya. Gahaṇeti pāṭhaseso daṭṭhabbo. Yatthāti yasmiṃ āvāse. Aññesaṃ atthibhāvanti aññesaṃ āgantukabhikkhūnaṃ atthibhāvaṃ. Tatthāti tādise āvāse. Bhājetvā khādantīti āgantukānampi sampattānaṃ bhājetvā khādantīti adhippāyo. Catūsu paccayesu sammā upanentīti ambaphalādīni vikkiṇitvā cīvarādīsu catūsu paccayesu sammā upanenti. Cīvaratthāya niyametvā dinnāti ‘‘imesaṃ rukkhānaṃ phalāni vikkiṇitvā cīvaresuyeva upanetabbāni, na bhājetvā khāditabbānī’’ti evaṃ niyametvā dinnā. Tesupi āgantukāanissarāti paccayaparibhogatthāya niyametvā dinnattā bhājetvā khādituṃ anissarā.
น เตสุ…เป.… ฐาตพฺพนฺติ เอตฺถ อาคนฺตุเกหิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยน ภาเชตฺวา ขาทิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ เตสํ กติกาย ฐาตพฺพนฺติ ‘‘ภาเชตฺวา น ขาทิตพฺพ’’นฺติ วา ‘‘เอตฺตเกสุ รุเกฺขสุ ผลานิ คณฺหิสฺสามา’’ติ วา ‘‘เอตฺตกานิ ผลานิ คณฺหิสฺสามา’’ติ วา ‘‘เอตฺตกานํ ทิวสานํ อพฺภนฺตเร คณฺหิสฺสามา’’ติ วา ‘‘น กิญฺจิ คณฺหิสฺสามา’’ติ วา เอวํ กตาย อาวาสิกานํ กติกาย อาคนฺตุเกหิ ฐาตพฺพํฯ มหาอฎฺฐกถายํ ‘‘อนิสฺสรา’’ติ วจเนน ทีปิโตเยว อโตฺถ มหาปจฺจริยํ ‘‘จตุนฺนํ ปจฺจยาน’’นฺติอาทินา วิตฺถาเรตฺวา ทสฺสิโตฯ ปริโภควเสเนวาติ เอตฺถ เอว-สโทฺท อฎฺฐานปฺปยุโตฺตฯ ปริโภควเสน ตเมว ภาเชตฺวาติ โยเชตพฺพํฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ วิหาเร รเฎฺฐ วาฯ เสนาสนปจฺจยนฺติ เสนาสนญฺจ ตทตฺถาย นิยเมตฺวา ฐปิตญฺจฯ
Na tesu…pe… ṭhātabbanti ettha āgantukehi heṭṭhā vuttanayena bhājetvā khāditabbanti adhippāyo. Tesaṃ katikāya ṭhātabbanti ‘‘bhājetvā na khāditabba’’nti vā ‘‘ettakesu rukkhesu phalāni gaṇhissāmā’’ti vā ‘‘ettakāni phalāni gaṇhissāmā’’ti vā ‘‘ettakānaṃ divasānaṃ abbhantare gaṇhissāmā’’ti vā ‘‘na kiñci gaṇhissāmā’’ti vā evaṃ katāya āvāsikānaṃ katikāya āgantukehi ṭhātabbaṃ. Mahāaṭṭhakathāyaṃ ‘‘anissarā’’ti vacanena dīpitoyeva attho mahāpaccariyaṃ ‘‘catunnaṃ paccayāna’’ntiādinā vitthāretvā dassito. Paribhogavasenevāti ettha eva-saddo aṭṭhānappayutto. Paribhogavasena tameva bhājetvāti yojetabbaṃ. Etthāti etasmiṃ vihāre raṭṭhe vā. Senāsanapaccayanti senāsanañca tadatthāya niyametvā ṭhapitañca.
ลามกโกฎิยาติ ลามกํ อาทิํ กตฺวา, ลามกเสนาสนโต ปฎฺฐายาติ วุตฺตํ โหติฯ เสนาสเนปิ ติณาทีนิ ลามกโกฎิยาว วิสฺสเชฺชตพฺพานิ, เสนาสนปริกฺขาราปิ ลามกโกฎิยาว วิสฺสเชฺชตพฺพาฯ มูลวตฺถุเจฺฉทํ ปน กตฺวา น อุปเนตพฺพนฺติ อิมินา กิํ วุตฺตํ โหตีติ? ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ ตาว อิทํ วุตฺตํ ‘‘สพฺพานิ เสนาสนานิ น วิสฺสเชฺชตพฺพานีติ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ ลามกโกฎิยา วิสฺสเชฺชเนฺตหิปิ เสนาสนภูมิโย น วิสฺสเชฺชตพฺพาติ อยมโตฺถ วุโตฺต โหตีติ โน ขนฺติ, วีมํสิตฺวา ยํ รุจฺจติ, ตํ คเหตพฺพํฯ
Lāmakakoṭiyāti lāmakaṃ ādiṃ katvā, lāmakasenāsanato paṭṭhāyāti vuttaṃ hoti. Senāsanepi tiṇādīni lāmakakoṭiyāva vissajjetabbāni, senāsanaparikkhārāpi lāmakakoṭiyāva vissajjetabbā. Mūlavatthucchedaṃ pana katvā na upanetabbanti iminā kiṃ vuttaṃ hotīti? Tīsupi gaṇṭhipadesu tāva idaṃ vuttaṃ ‘‘sabbāni senāsanāni na vissajjetabbānīti vuttaṃ hotī’’ti. Lāmakakoṭiyā vissajjentehipi senāsanabhūmiyo na vissajjetabbāti ayamattho vutto hotīti no khanti, vīmaṃsitvā yaṃ ruccati, taṃ gahetabbaṃ.
ธมฺมสนฺตเกน พุทฺธปูชํ กาตุํ, พุทฺธสนฺตเกน วา ธมฺมปูชํ กาตุํ วฎฺฎติ, น วฎฺฎตีติ? ‘‘ตถาคตสฺส โข เอตํ วาเสฎฺฐ อธิวจนํ ธมฺมกาโย อิติปีติ จ โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗) จ วจนโต วฎฺฎตีติ วทนฺติฯ เกจิ ปน ‘‘เอวํ สเนฺต ‘โย, ภิกฺขเว, มํ อุปฎฺฐเหยฺย, โส คิลานํ อุปฎฺฐเหยฺยา’ติ วจนโต พุทฺธสนฺตเกน คิลานสฺสปิ เภสชฺชํ กาตุํ ยุตฺตนฺติ อาปเชฺชยฺย, ตสฺมา น วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติ, ตํ อการณํฯ น หิ ‘‘โย, ภิกฺขเว, มํ อุปฎฺฐเหยฺย, โส คิลานํ อุปฎฺฐเหยฺยา’’ติ อิมินา อตฺตโน จ คิลานสฺส จ เอกสทิสตา ตทุปฎฺฐานสฺส วา สมผลตา วุตฺตาฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ ‘‘โย มํ โอวาทานุสาสนีกรเณน อุปฎฺฐเหยฺย, โส คิลานํ อุปฎฺฐเหยฺย, มม โอวาทกรเณน คิลาโน อุปฎฺฐาตโพฺพ’’ติฯ ภควโต จ คิลานสฺส จ อุปฎฺฐานํ เอกสทิสนฺติ เอวํ ปเนตฺถ อโตฺถ น คเหตโพฺพฯ ตสฺมา ‘‘โย โว, อานนฺท, มยา ธโมฺม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญโตฺต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’’ติ วจนโต ‘‘อหญฺจ ปนิทานิ เอโก โอวทามิ อนุสาสามิ, มยิ ปรินิพฺพุเต อิมานิ จตุราสีติ พุทฺธสหสฺสานิ ตุเมฺห โอวทิสฺสนฺติ อนุสาสิสฺสนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา จ พหุสฺสุตํ ภิกฺขุํ ปสํสเนฺตน จ ‘‘โย พหุสฺสุโต, น โส ตุมฺหากํ สาวโก นาม, พุโทฺธ นาม เอส จุนฺทา’’ติ วุตฺตตฺตา ธมฺมครุกตฺตา จ ตถาคตสฺส ปุพฺพนโย เอว ปสตฺถตโรติ อมฺหากํ ขนฺติฯ
Dhammasantakena buddhapūjaṃ kātuṃ, buddhasantakena vā dhammapūjaṃ kātuṃ vaṭṭati, na vaṭṭatīti? ‘‘Tathāgatassa kho etaṃ vāseṭṭha adhivacanaṃ dhammakāyo itipīti ca yo kho, vakkali, dhammaṃ passati, so maṃ passatī’’ti (saṃ. ni. 3.87) ca vacanato vaṭṭatīti vadanti. Keci pana ‘‘evaṃ sante ‘yo, bhikkhave, maṃ upaṭṭhaheyya, so gilānaṃ upaṭṭhaheyyā’ti vacanato buddhasantakena gilānassapi bhesajjaṃ kātuṃ yuttanti āpajjeyya, tasmā na vaṭṭatī’’ti vadanti, taṃ akāraṇaṃ. Na hi ‘‘yo, bhikkhave, maṃ upaṭṭhaheyya, so gilānaṃ upaṭṭhaheyyā’’ti iminā attano ca gilānassa ca ekasadisatā tadupaṭṭhānassa vā samaphalatā vuttā. Ayañhettha attho ‘‘yo maṃ ovādānusāsanīkaraṇena upaṭṭhaheyya, so gilānaṃ upaṭṭhaheyya, mama ovādakaraṇena gilāno upaṭṭhātabbo’’ti. Bhagavato ca gilānassa ca upaṭṭhānaṃ ekasadisanti evaṃ panettha attho na gahetabbo. Tasmā ‘‘yo vo, ānanda, mayā dhammo ca vinayo ca desito paññatto, so vo mamaccayena satthā’’ti vacanato ‘‘ahañca panidāni eko ovadāmi anusāsāmi, mayi parinibbute imāni caturāsīti buddhasahassāni tumhe ovadissanti anusāsissantī’’ti vuttattā ca bahussutaṃ bhikkhuṃ pasaṃsantena ca ‘‘yo bahussuto, na so tumhākaṃ sāvako nāma, buddho nāma esa cundā’’ti vuttattā dhammagarukattā ca tathāgatassa pubbanayo eva pasatthataroti amhākaṃ khanti.
ปณฺณํ อาโรเปตฺวาติ ‘‘เอตฺตเกเหว รุเกฺขหิ เอตฺตกเมว คเหตพฺพ’’นฺติ ปณฺณํ อาโรเปตฺวา, ลิขิตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ นิมิตฺตสญฺญํ กตฺวาติ สเงฺกตํ กตฺวาฯ ทารกาติ เตสํ ปุตฺตนตฺตาทโย ทารกาฯ อเญฺญปิ เย เกจิ โคปกา โหนฺติ, เต สเพฺพปิ วุตฺตาฯ สพฺพตฺถาปิ คิหีนํ โคปกทาเน ยตฺตกํ โคปกา เทนฺติ, ตตฺตกํ คเหตพฺพํฯ สงฺฆิเก ปน ยถาปริเจฺฉทเมว คเหตพฺพนฺติ ทีปิตตฺตา ‘‘อตฺถโต เอก’’นฺติ วุตฺตํฯ
Paṇṇaṃ āropetvāti ‘‘ettakeheva rukkhehi ettakameva gahetabba’’nti paṇṇaṃ āropetvā, likhitvāti vuttaṃ hoti. Nimittasaññaṃ katvāti saṅketaṃ katvā. Dārakāti tesaṃ puttanattādayo dārakā. Aññepi ye keci gopakā honti, te sabbepi vuttā. Sabbatthāpi gihīnaṃ gopakadāne yattakaṃ gopakā denti, tattakaṃ gahetabbaṃ. Saṅghike pana yathāparicchedameva gahetabbanti dīpitattā ‘‘atthato eka’’nti vuttaṃ.
ตโตติ ยถาวุตฺตอุโปสถาคาราทิกรณตฺถาย ฐปิตทารุสมฺภารโตฯ อาปุจฺฉิตฺวาติ การกสงฺฆํ อาปุจฺฉิตฺวาฯ ตํ สพฺพมฺปิ อาหริตฺวาติ อนาปุจฺฉิตฺวาปิ ตาวกาลิกํ อาหริตฺวาฯ อาหราเปโนฺตติ เอตฺถ อนาหราเปเนฺตปิ ทาตพฺพเมวฯ อยเมว ภิกฺขุ อิสฺสโรติ เอกสฺส ภิกฺขุโน ปาปุณนฎฺฐานํ, ตโตเยว เสนาสนโต ตสฺส ทาตพฺพํ, น จ โส ตโต อุฎฺฐาเปตโพฺพติ วุตฺตํ โหติฯ
Tatoti yathāvuttauposathāgārādikaraṇatthāya ṭhapitadārusambhārato. Āpucchitvāti kārakasaṅghaṃ āpucchitvā. Taṃ sabbampi āharitvāti anāpucchitvāpi tāvakālikaṃ āharitvā. Āharāpentoti ettha anāharāpentepi dātabbameva. Ayameva bhikkhu issaroti ekassa bhikkhuno pāpuṇanaṭṭhānaṃ, tatoyeva senāsanato tassa dātabbaṃ, na ca so tato uṭṭhāpetabboti vuttaṃ hoti.
‘‘อุทกปูชนฺติ เจติยฎฺฐาเนสุ สิญฺจน’’นฺติ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ วตฺตสีเสนาติ เกวลํ สทฺธาย, น เวตนาทิอตฺถายฯ สวตฺถุกนฺติ สห ภูมิยาฯ ติณมตฺตํ ปน ทาตพฺพนฺติ กสฺมา วุตฺตํ, กิํ ตํ ครุภณฺฑํ น โหตีติ? น โหติฯ อรกฺขิตอโคปิตฎฺฐาเน หิ วินสฺสกภาเวน ฐิตํ ครุภณฺฑํ น โหติ, ตสฺมา ตาทิสํ สนฺธาย ‘‘ติณมตฺตํ ปน ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ ชคฺคิตฺวาติ สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร ชคฺคิตฺวาฯ
‘‘Udakapūjanti cetiyaṭṭhānesu siñcana’’nti gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Vattasīsenāti kevalaṃ saddhāya, na vetanādiatthāya. Savatthukanti saha bhūmiyā. Tiṇamattaṃ pana dātabbanti kasmā vuttaṃ, kiṃ taṃ garubhaṇḍaṃ na hotīti? Na hoti. Arakkhitaagopitaṭṭhāne hi vinassakabhāvena ṭhitaṃ garubhaṇḍaṃ na hoti, tasmā tādisaṃ sandhāya ‘‘tiṇamattaṃ pana dātabba’’nti vuttaṃ. Jaggitvāti saṃvacchare saṃvacchare jaggitvā.
กุฎฺฎนฺติ เคหภิตฺติํฯ ปาการนฺติ ปริเกฺขปปาการํฯ ตโตติ ฉฑฺฑิตวิหารโตฯ ตโต อาหริตฺวา เสนาสนํ กตํ โหตีติ สามนฺตคามวาสีหิ ภิกฺขูหิ ฉฑฺฑิตวิหารโต ทารุสมฺภาราทิํ อาหริตฺวา เสนาสนํ กตํ โหติฯ
Kuṭṭanti gehabhittiṃ. Pākāranti parikkhepapākāraṃ. Tatoti chaḍḍitavihārato. Tatoāharitvā senāsanaṃ kataṃ hotīti sāmantagāmavāsīhi bhikkhūhi chaḍḍitavihārato dārusambhārādiṃ āharitvā senāsanaṃ kataṃ hoti.
๑๕๗. จตุภาคอุทกสมฺภิเนฺนติ จตุตฺถภาเคน อุทเกน สมฺภิเนฺนฯ โอทนภาชนียวตฺถุสฺมินฺติ ‘‘เทหิ อปรสฺส ภาค’’นฺติ อาคตวตฺถุสฺมิํฯ
157.Catubhāgaudakasambhinneti catutthabhāgena udakena sambhinne. Odanabhājanīyavatthusminti ‘‘dehi aparassa bhāga’’nti āgatavatthusmiṃ.
๑๕๙. อยฺยา อตฺตนา กาตุํ ยุตฺตมฺปิ น กโรนฺติ, อติวิย ถทฺธาติ ปสาทํ ภินฺทิตฺวา จิเตฺตน กุปฺปนฺติ, ตสฺมา ‘‘ปสาทานุรกฺขณตฺถายา’’ติ วุตฺตํฯ อิทฺธิํ ปฎิสํหรีติ อิทฺธิํ วิสฺสเชฺชสิฯ สกฎฺฐาเนเยว อฎฺฐาสีติ อิทฺธิยา วิสฺสชฺชิตตฺตา เอว ‘‘ปาสาโท ปุน อาคจฺฉตู’’ติ อนธิฎฺฐิเตปิ สยเมว อาคนฺตฺวา สกฎฺฐาเนเยว อฎฺฐาสิฯ ‘‘ยาว ทารกา ปาสาทํ อาโรหนฺติ, ตาว ปาสาโท เตสํ สนฺติเก โหตู’’ติ ปุเพฺพ อธิฎฺฐิตตฺตา เอว จ กาลปริเจฺฉทํ กตฺวา อธิฎฺฐิเตน ตโต ปรํ อิทฺธิ วิสฺสชฺชิตา นาม โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘เถโร อิทฺธิํ ปฎิสํหรี’’ติฯ ยสฺมา เต ทารกา เอวํ คเหตฺวา คตานํ สนฺตกา น โหนฺติ, ยสฺมา จ อีทิเสน ปโยเคน เถเรน เต อานีตา นาม น โหนฺติ, ตสฺมา เถโร เอวมกาสีติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตเนวาห ‘‘โวหารวเสนา’’ติอาทิฯ อตฺตโน ปกติวณฺณํ อวิชหิตฺวา พหิทฺธา หตฺถิอาทิทสฺสนํ ‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๘; ม. นิ. ๑.๑๔๗; สํ. นิ. ๕.๘๔๒) อาคตญฺจ อธิฎฺฐานวเสน นิปฺผนฺนตฺตา อธิฎฺฐานิทฺธิ นามฯ ‘‘โส ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา กุมารกวณฺณํ วา ทเสฺสติ นาควณฺณํ วา…เป.… วิวิธมฺปิ เสนาพฺยูหํ ทเสฺสตี’’ติ (ปฎิ. ม. ๓.๑๓) เอวํ อาคตา อิทฺธิ ปกติวณฺณวิชหนวิการวเสน ปวตฺตตฺตา วิกุพฺพนิทฺธิ นามฯ อตฺตานํ อทเสฺสตฺวา พหิทฺธา หตฺถิอาทิทสฺสนมฺปิ เอเตฺถว สงฺคหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปกติวณฺณวิชหนญฺหิ นาม อตฺตโน ปกติรูปสฺส อเญฺญสํ อทสฺสนํ, น สเพฺพน สพฺพํ ตสฺส นิโรธนํฯ เอวญฺจ กตฺวา ‘‘อตฺตานํ อทเสฺสตฺวา พหิทฺธา หตฺถิอาทิทสฺสนมฺปิ เอเตฺถว สงฺคหิต’’นฺติ อิทํ ‘‘ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา’’ติ วุตฺตมูลปเทน น วิรุชฺฌติฯ
159. Ayyā attanā kātuṃ yuttampi na karonti, ativiya thaddhāti pasādaṃ bhinditvā cittena kuppanti, tasmā ‘‘pasādānurakkhaṇatthāyā’’ti vuttaṃ. Iddhiṃ paṭisaṃharīti iddhiṃ vissajjesi. Sakaṭṭhāneyeva aṭṭhāsīti iddhiyā vissajjitattā eva ‘‘pāsādo puna āgacchatū’’ti anadhiṭṭhitepi sayameva āgantvā sakaṭṭhāneyeva aṭṭhāsi. ‘‘Yāva dārakā pāsādaṃ ārohanti, tāva pāsādo tesaṃ santike hotū’’ti pubbe adhiṭṭhitattā eva ca kālaparicchedaṃ katvā adhiṭṭhitena tato paraṃ iddhi vissajjitā nāma hotīti katvā vuttaṃ ‘‘thero iddhiṃ paṭisaṃharī’’ti. Yasmā te dārakā evaṃ gahetvā gatānaṃ santakā na honti, yasmā ca īdisena payogena therena te ānītā nāma na honti, tasmā thero evamakāsīti daṭṭhabbaṃ. Tenevāha ‘‘vohāravasenā’’tiādi. Attano pakativaṇṇaṃ avijahitvā bahiddhā hatthiādidassanaṃ ‘‘ekopi hutvā bahudhā hotī’’ti (dī. ni. 1.238; ma. ni. 1.147; saṃ. ni. 5.842) āgatañca adhiṭṭhānavasena nipphannattā adhiṭṭhāniddhi nāma. ‘‘So pakativaṇṇaṃ vijahitvā kumārakavaṇṇaṃ vā dasseti nāgavaṇṇaṃ vā…pe… vividhampi senābyūhaṃ dassetī’’ti (paṭi. ma. 3.13) evaṃ āgatā iddhi pakativaṇṇavijahanavikāravasena pavattattā vikubbaniddhi nāma. Attānaṃ adassetvā bahiddhā hatthiādidassanampi ettheva saṅgahitanti daṭṭhabbaṃ. Pakativaṇṇavijahanañhi nāma attano pakatirūpassa aññesaṃ adassanaṃ, na sabbena sabbaṃ tassa nirodhanaṃ. Evañca katvā ‘‘attānaṃ adassetvā bahiddhā hatthiādidassanampi ettheva saṅgahita’’nti idaṃ ‘‘pakativaṇṇaṃ vijahitvā’’ti vuttamūlapadena na virujjhati.
วินีตวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vinītavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฎฺฐกถาย สารตฺถทีปนิยํ
Iti samantapāsādikāya vinayaṭṭhakathāya sāratthadīpaniyaṃ
ทุติยปาราชิกวณฺณนา สมตฺตาฯ
Dutiyapārājikavaṇṇanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā
วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā
กุสสงฺกามนวตฺถุกถาวณฺณนา • Kusasaṅkāmanavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā
วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā
กุสสงฺกามนวตฺถุกถาวณฺณนา • Kusasaṅkāmanavatthukathāvaṇṇanā