Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    วินีตวตฺถุวณฺณนา

    Vinītavatthuvaṇṇanā

    ๑๘๐. มรณตฺถิกาว หุตฺวาติ อิมสฺส กายสฺส เภเทน สคฺคปาปนาธิปฺปายตฺตา อตฺถโต มรณตฺถิกาว หุตฺวาฯ มรณตฺถิกภาวํ อชานนฺตาติ เอวํ อธิปฺปายิโน มรณตฺถิกา นาม โหนฺตีติ อตฺตโน มรณตฺถิกภาวํ อชานนฺตาฯ น หิ เต อตฺตโน จิตฺตปฺปวตฺติํ น ชานนฺติฯ โวหารวเสนาติ ปุพฺพภาคโวหารวเสน, มรณาธิปฺปายสฺส สนฺนิฎฺฐาปกเจตนากฺขเณ กรุณาย อภาวโต การุเญฺญน ปาเส พทฺธสูกรโมจนํ วิย น โหตีติ อธิปฺปาโยฯ ยถายุนาติ วุตฺตเมวตฺถํ ยถานุสนฺธินาติ ปริยายนฺตเรน วุตฺตํ, ยถานุสนฺธินา ยถายุปริเจฺฉเทนาติ วุตฺตํ โหติฯ อถ วา ยถานุสนฺธินาติ ยถานุปฺปพเนฺธน, ยาว ตสฺมิํ ภเว สนฺตานสฺส อนุปฺปพโนฺธ อวิจฺฉินฺนปฺปวตฺติ โหติ, ตาว ฐตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ

    180.Maraṇatthikāva hutvāti imassa kāyassa bhedena saggapāpanādhippāyattā atthato maraṇatthikāva hutvā. Maraṇatthikabhāvaṃ ajānantāti evaṃ adhippāyino maraṇatthikā nāma hontīti attano maraṇatthikabhāvaṃ ajānantā. Na hi te attano cittappavattiṃ na jānanti. Vohāravasenāti pubbabhāgavohāravasena, maraṇādhippāyassa sanniṭṭhāpakacetanākkhaṇe karuṇāya abhāvato kāruññena pāse baddhasūkaramocanaṃ viya na hotīti adhippāyo. Yathāyunāti vuttamevatthaṃ yathānusandhināti pariyāyantarena vuttaṃ, yathānusandhinā yathāyuparicchedenāti vuttaṃ hoti. Atha vā yathānusandhināti yathānuppabandhena, yāva tasmiṃ bhave santānassa anuppabandho avicchinnappavatti hoti, tāva ṭhatvāti vuttaṃ hoti.

    อปฺปฎิเวกฺขิตฺวาติ อนุปปริกฺขิตฺวาฯ อุทฺธํ วา อโธ วา สงฺกมนฺตีติ ปจฺฉา อาคตานํ โอกาสทานตฺถํ นิสินฺนปาฬิยา อุทฺธํ วา อโธ วา คจฺฉนฺติฯ ปจฺจเวกฺขณกิจฺจํ นตฺถีติ ปจฺฉา อาคเตหิ อุปปริกฺขณกิจฺจํ นตฺถิฯ เหฎฺฐา กิสฺมิญฺจิ วิชฺชมาเน สาฎกํ วลิ น คณฺหาตีติ อาห ‘‘ตสฺมิํ วลิ น ปญฺญายตี’’ติฯ ปฎิเวกฺขณเญฺจทํ คิหีนํ สนฺตเกเยวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Appaṭivekkhitvāti anupaparikkhitvā. Uddhaṃ vā adho vā saṅkamantīti pacchā āgatānaṃ okāsadānatthaṃ nisinnapāḷiyā uddhaṃ vā adho vā gacchanti. Paccavekkhaṇakiccaṃ natthīti pacchā āgatehi upaparikkhaṇakiccaṃ natthi. Heṭṭhā kismiñci vijjamāne sāṭakaṃ vali na gaṇhātīti āha ‘‘tasmiṃ vali na paññāyatī’’ti. Paṭivekkhaṇañcedaṃ gihīnaṃ santakeyevāti daṭṭhabbaṃ.

    ปาฬิยํ มุสเล อุสฺสิเตติ อญฺญมญฺญํ อุปตฺถเมฺภตฺวา ทฺวีสุ มุสเลสุ อุสฺสิเตสูติ อโตฺถฯ อุทุกฺขลภณฺฑิกนฺติ อุทุกฺขลตฺถาย อานีตํ ทารุภณฺฑํฯ ปฎิพทฺธนฺติ โภชนปฎิพทฺธํ, โภชนนฺตรายนฺติ วุตฺตํ โหติฯ

    Pāḷiyaṃ musale ussiteti aññamaññaṃ upatthambhetvā dvīsu musalesu ussitesūti attho. Udukkhalabhaṇḍikanti udukkhalatthāya ānītaṃ dārubhaṇḍaṃ. Paṭibaddhanti bhojanapaṭibaddhaṃ, bhojanantarāyanti vuttaṃ hoti.

    ๑๘๑. อคฺคการิกนฺติ เอตฺถ การิกา-สทฺทสฺส ภาววจนตฺตา ‘‘อคฺคกิริย’’นฺติ อตฺถํ วตฺวาปิ ยสฺมา กิริยํ ทาตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ทานสงฺขาตาย อคฺคกิริยาย ยุตฺตํ ปิณฺฑปาตเมว อิธ อุปจารวุตฺติยา ‘‘อคฺคกิริยา’’ติ คเหตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปฐมํ ลทฺธปิณฺฑปาต’’นฺติอาทิฯ

    181.Aggakārikanti ettha kārikā-saddassa bhāvavacanattā ‘‘aggakiriya’’nti atthaṃ vatvāpi yasmā kiriyaṃ dātuṃ na sakkā, tasmā dānasaṅkhātāya aggakiriyāya yuttaṃ piṇḍapātameva idha upacāravuttiyā ‘‘aggakiriyā’’ti gahetabbanti āha ‘‘paṭhamaṃ laddhapiṇḍapāta’’ntiādi.

    ๑๘๒-๑๘๓. ทณฺฑมุคฺครนฺติ นิขาทนมุคฺครํฯ วิภตฺติพฺยตฺตเยนาติ วิภตฺติวิปริณาเมนฯ วิเสสาธิคโมติ สมาธิ วิปสฺสนา จ อติวิย ปากฎตฺตา ‘‘หตฺถปฺปโตฺต วิย ทิสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ อุปจฺฉินฺทตีติ ‘‘วิเสสาธิคมสฺส วิเกฺขโป มา โหตู’’ติ อาหารํ อุปจฺฉินฺทติฯ วิเสสาธิคมนฺติ โลกุตฺตรธมฺมปฎิลาภํฯ พฺยากริตฺวาติ อาโรเจตฺวาฯ อุปจฺฉินฺทติ, น วฎฺฎตีติ ยสฺมา สภาคานํ ลชฺชิภิกฺขูนํเยว อริยา อตฺตนา อธิคตวิเสสํ ตาทิเส การเณ สติ อาโรเจนฺติ, เต จ ภิกฺขู อปฺปติรูปาย อเนสนาย ปจฺจยํ น ปริเยสนฺติ, ตสฺมา เตหิ ปริเยสิตปจฺจเย กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทตฺวา อาหารํ อุปจฺฉินฺทิตุํ น วฎฺฎตีติ อโตฺถฯ สภาคานญฺหิ พฺยากตตฺตา อุปจฺฉินฺทิตุํ น ลภติฯ เต หิ กปฺปิยเขตฺตํฯ เตเนว ‘‘สภาคานญฺหิ ลชฺชิภิกฺขูนํ กเถตุํ วฎฺฎตี’’ติ อิทํ ‘‘อุปจฺฉินฺทติ, น วฎฺฎตี’’ติ อิมสฺส การณํ ทเสฺสเนฺตน วุตฺตนฺติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ

    182-183.Daṇḍamuggaranti nikhādanamuggaraṃ. Vibhattibyattayenāti vibhattivipariṇāmena. Visesādhigamoti samādhi vipassanā ca ativiya pākaṭattā ‘‘hatthappatto viya dissatī’’ti vuttaṃ. Upacchindatīti ‘‘visesādhigamassa vikkhepo mā hotū’’ti āhāraṃ upacchindati. Visesādhigamanti lokuttaradhammapaṭilābhaṃ. Byākaritvāti ārocetvā. Upacchindati, na vaṭṭatīti yasmā sabhāgānaṃ lajjibhikkhūnaṃyeva ariyā attanā adhigatavisesaṃ tādise kāraṇe sati ārocenti, te ca bhikkhū appatirūpāya anesanāya paccayaṃ na pariyesanti, tasmā tehi pariyesitapaccaye kukkuccaṃ uppādetvā āhāraṃ upacchindituṃ na vaṭṭatīti attho. Sabhāgānañhi byākatattā upacchindituṃ na labhati. Te hi kappiyakhettaṃ. Teneva ‘‘sabhāgānañhi lajjibhikkhūnaṃ kathetuṃ vaṭṭatī’’ti idaṃ ‘‘upacchindati, na vaṭṭatī’’ti imassa kāraṇaṃ dassentena vuttanti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ.

    อถ วา วิเสสาธิคมํ พฺยากริตฺวาติ อิทํ วิเสสสฺส อธิคตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ อธิคมนฺตรายํ อสงฺกเนฺตเนว จ อาหารุปเจฺฉโท กาตโพฺพติ อนุญฺญาตตฺตา อธิคเตน น กาตโพฺพติ ทเสฺสตุํ ‘‘วิเสสาธิคมํ พฺยากริตฺวา อาหารํ อุปจฺฉินฺทติ, น วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ กิํ ปน อริยา อตฺตนา อธิคตวิเสสํ อเญฺญสํ อาโรเจนฺตีติ อิมิสฺสา โจทนาย ‘‘สภาคานญฺหิ ลชฺชิภิกฺขูนํ กเถตุํ วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ อยเมตฺถ ยุตฺตตโรติ อมฺหากํ ขนฺติ, คณฺฐิปเทปิ อยมโตฺถ ทสฺสิโตเยวาติฯ ภณฺฑกํ โธวนฺตาติ จีวรํ โธวนฺตาฯ โธวนทณฺฑกนฺติ ภณฺฑโธวนทณฺฑํฯ

    Atha vā visesādhigamaṃ byākaritvāti idaṃ visesassa adhigatabhāvadassanatthaṃ vuttaṃ. Adhigamantarāyaṃ asaṅkanteneva ca āhārupacchedo kātabboti anuññātattā adhigatena na kātabboti dassetuṃ ‘‘visesādhigamaṃ byākaritvā āhāraṃ upacchindati, na vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. Kiṃ pana ariyā attanā adhigatavisesaṃ aññesaṃ ārocentīti imissā codanāya ‘‘sabhāgānañhi lajjibhikkhūnaṃ kathetuṃ vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. Ayamettha yuttataroti amhākaṃ khanti, gaṇṭhipadepi ayamattho dassitoyevāti. Bhaṇḍakaṃ dhovantāti cīvaraṃ dhovantā. Dhovanadaṇḍakanti bhaṇḍadhovanadaṇḍaṃ.

    ๑๘๔. อหํ กุกฺกุจฺจโกติ ‘‘มม กิริยาย มเรยฺย นุ โข, โน วา’’ติ เอวํ ชาตกุกฺกุจฺจโกฯ สพฺพตฺถาปิ ปเนตฺถ เอวรูเปสุ วตฺถูสุ อมเต ถุลฺลจฺจยสฺส วุตฺตตฺตา เตน กตปฺปโยเคน ทุกฺขเวทนา อุปฺปชฺชตุ วา มา วา, ปาราชิกาย อภาวโต ภควโต วจเนน ถุลฺลจฺจยเมวาติ วทนฺติฯ

    184.Ahaṃ kukkuccakoti ‘‘mama kiriyāya mareyya nu kho, no vā’’ti evaṃ jātakukkuccako. Sabbatthāpi panettha evarūpesu vatthūsu amate thullaccayassa vuttattā tena katappayogena dukkhavedanā uppajjatu vā mā vā, pārājikāya abhāvato bhagavato vacanena thullaccayamevāti vadanti.

    ๑๘๕. คโพฺภ ปตติ เอเตนาติ คพฺภปาตนํ, ตาทิสํ เภสชฺชํฯ เตนาห ‘‘เยน ปริภุเตฺตนา’’ติอาทิ ฯ ‘‘มรณวณฺณํ วา สํวเณฺณยฺยา’’ติ วุตฺตตฺตา ปริยายโต อาปตฺติโมโกฺข น โหตีติ อาห ‘‘ปริยาโย นาม นตฺถี’’ติฯ

    185. Gabbho patati etenāti gabbhapātanaṃ, tādisaṃ bhesajjaṃ. Tenāha ‘‘yena paribhuttenā’’tiādi . ‘‘Maraṇavaṇṇaṃ vā saṃvaṇṇeyyā’’ti vuttattā pariyāyato āpattimokkho na hotīti āha ‘‘pariyāyo nāma natthī’’ti.

    คพฺภํ น คณฺหาตีติ คพฺภํ น ธาเรติฯ วาเตน ปาณเกหิ วา คโพฺภ วินสฺสโนฺต กมฺมํ วินา น นสฺสตีติ อธิปฺปาเยน ‘‘ทฺวีหากาเรหี’’ติ วุตฺตํฯ ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๖) ปน ‘‘คโพฺภ หิ วาเตน ปาณเกหิ กมฺมุนา จาติ ตีหิ การเณหิ วินสฺสตี’’ติ วตฺวา ‘‘กมฺมุนา วินสฺสเนฺต ปน พุทฺธาปิ ปฎิพาหิตุํ น สโกฺกนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ วาเตน ปาณเกหิ วา คเพฺภ วินสฺสเนฺต น ปุริมกมฺมุนา โอกาโส กโต, อปิจ ตปฺปจฺจยา กมฺมํ วิปจฺจติ, สยเมว ปน กมฺมุนา โอกาเส กเต น เอกเนฺตน วาโต ปาณกา วา อเปกฺขิตพฺพาติ อิมินา อธิปฺปาเยน กมฺมสฺส วิสุํ การณภาโว วุโตฺตติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปาณกา ขาทิตฺวา อนฺตรธาเปนฺตีติ โยเชตพฺพํฯ อวิชายนตฺถาย เภสชฺชํ เทนฺตสฺส กุจฺฉิยํ อุปฺปชฺชิตฺวา วินสฺสิสฺสนฺตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน ทิเนฺน โอปาตกฺขณนาทีสุ วิย กมฺมพโทฺธ, กุจฺฉิยํ น อุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ อิมินา ปน อธิปฺปาเยน ทิเนฺน เนวตฺถิ กมฺมพโทฺธฯ

    Gabbhaṃ na gaṇhātīti gabbhaṃ na dhāreti. Vātena pāṇakehi vā gabbho vinassanto kammaṃ vinā na nassatīti adhippāyena ‘‘dvīhākārehī’’ti vuttaṃ. Dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 1.26) pana ‘‘gabbho hi vātena pāṇakehi kammunā cāti tīhi kāraṇehi vinassatī’’ti vatvā ‘‘kammunā vinassante pana buddhāpi paṭibāhituṃ na sakkontī’’ti vuttaṃ. Tattha vātena pāṇakehi vā gabbhe vinassante na purimakammunā okāso kato, apica tappaccayā kammaṃ vipaccati, sayameva pana kammunā okāse kate na ekantena vāto pāṇakā vā apekkhitabbāti iminā adhippāyena kammassa visuṃ kāraṇabhāvo vuttoti daṭṭhabbaṃ. Pāṇakā khāditvā antaradhāpentīti yojetabbaṃ. Avijāyanatthāya bhesajjaṃ dentassa kucchiyaṃ uppajjitvā vinassissantīti iminā adhippāyena dinne opātakkhaṇanādīsu viya kammabaddho, kucchiyaṃ na uppajjissantīti iminā pana adhippāyena dinne nevatthi kammabaddho.

    สหธมฺมิกานนฺติ เอกสฺส สตฺถุโน สาสเน สหสิกฺขมานธมฺมานํฯ ปญฺจนฺนมฺปิ วิวฎฺฎนิสฺสิตสีลตฺตา ‘‘สมสีลสทฺธาปญฺญาน’’นฺติ วุตฺตํฯ ญาตกปวาริตฎฺฐานโตติ อตฺตโน เตสํ วา ญาตกปวาริตฎฺฐานโตฯ คิลานสฺสตฺถาย อปฺปวาริตฎฺฐานโตปิ วิญฺญตฺติยา อนุญฺญาตตฺตา กตาปิ อกตา วิยาติ อกตวิญฺญตฺติ, ‘‘วท, ภเนฺต, ปจฺจเยนา’’ติ เอวํ อกตปวารณฎฺฐาเน จ วิญฺญตฺติ อกตวิญฺญตฺติ

    Sahadhammikānanti ekassa satthuno sāsane sahasikkhamānadhammānaṃ. Pañcannampi vivaṭṭanissitasīlattā ‘‘samasīlasaddhāpaññāna’’nti vuttaṃ. Ñātakapavāritaṭṭhānatoti attano tesaṃ vā ñātakapavāritaṭṭhānato. Gilānassatthāya appavāritaṭṭhānatopi viññattiyā anuññātattā katāpi akatā viyāti akataviññatti, ‘‘vada, bhante, paccayenā’’ti evaṃ akatapavāraṇaṭṭhāne ca viññatti akataviññatti.

    ปฎิยาทิยตีติ สมฺปาเทติฯ อกาตุํ น วฎฺฎตีติ เอตฺถ ทุกฺกฎํ วทนฺติฯ สหธมฺมิเกสุ วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘อิเมสมฺปิ ปญฺจนฺนํ อกตวิญฺญตฺติยาปิ เภสชฺชํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ กุรุนฺทฎฺฐกถายํ วุตฺตตฺตา กถิตํฯ ยาว ญาตกา ปสฺสนฺตีติ ยาว ตสฺส ญาตกา ปสฺสนฺติฯ ปิตุ ภคินี ปิตุจฺฉาฯ มาตุ ภาตา มาตุโลนปฺปโหนฺตีติ กาตุํ น สโกฺกนฺติฯ สเจปิ น ยาจนฺตีติ ‘‘ยาจิตุํ ทุกฺข’’นฺติ อธิปฺปาเยน ยทิ น ยาจนฺติฯ อาโภคํ กตฺวาติ อิทํ กตฺตพฺพตาทสฺสนวเสน วุตฺตํ, ‘‘อาโภคํ ปน อกตฺวาปิ ทาตุํ วฎฺฎตี’’ติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ ลิขิตํฯ เอเต ทส ญาตเก ฐเปตฺวาติ เตสํ ปุตฺตนตฺตาทโยปิ ตปฺปฎิพทฺธตฺตา ญาตกา เอวาติ เตปิ เอเตฺถว สงฺคหิตาฯ เตน อเญฺญสนฺติ อิมินา อญฺญาตกานํ คหณํ เวทิตพฺพํฯ เตเนวาห ‘‘เอเตสํ ปุตฺตปรมฺปรายา’’ติอาทิฯ กุลปริวโฎฺฎติ กุลานํ ปฎิปาฎิ, กุลปรมฺปราติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘มยฺหํ ทสฺสนฺติ กริสฺสนฺตี’’ติ ปจฺจาสาย กโรนฺตสฺสปิ ยาจิตฺวาปิ คเหตพฺพฎฺฐานตาย ญาตเกสุ เวชฺชกมฺมํ วา กุลทูสกาปตฺติ วา น โหตีติ วทนฺติฯ สพฺพปเทสุปิ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพติ จูฬมาตุยาติอาทีสุ สพฺพปเทสุ ‘‘จูฬมาตุยา สามิโก’’ติอาทินา โยเชตฺวา เหฎฺฐา วุตฺตนเยน วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ

    Paṭiyādiyatīti sampādeti. Akātuṃ na vaṭṭatīti ettha dukkaṭaṃ vadanti. Sahadhammikesu vuttanayenevāti ‘‘imesampi pañcannaṃ akataviññattiyāpi bhesajjaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti kurundaṭṭhakathāyaṃ vuttattā kathitaṃ. Yāva ñātakā passantīti yāva tassa ñātakā passanti. Pitu bhaginī pitucchā. Mātu bhātā mātulo. Nappahontīti kātuṃ na sakkonti. Sacepi na yācantīti ‘‘yācituṃ dukkha’’nti adhippāyena yadi na yācanti. Ābhogaṃ katvāti idaṃ kattabbatādassanavasena vuttaṃ, ‘‘ābhogaṃ pana akatvāpi dātuṃ vaṭṭatī’’ti tīsupi gaṇṭhipadesu likhitaṃ. Ete dasa ñātake ṭhapetvāti tesaṃ puttanattādayopi tappaṭibaddhattā ñātakā evāti tepi ettheva saṅgahitā. Tena aññesanti iminā aññātakānaṃ gahaṇaṃ veditabbaṃ. Tenevāha ‘‘etesaṃ puttaparamparāyā’’tiādi. Kulaparivaṭṭoti kulānaṃ paṭipāṭi, kulaparamparāti vuttaṃ hoti. ‘‘Mayhaṃ dassanti karissantī’’ti paccāsāya karontassapi yācitvāpi gahetabbaṭṭhānatāya ñātakesu vejjakammaṃ vā kuladūsakāpatti vā na hotīti vadanti. Sabbapadesupi vinicchayo veditabboti cūḷamātuyātiādīsu sabbapadesu ‘‘cūḷamātuyā sāmiko’’tiādinā yojetvā heṭṭhā vuttanayena vinicchayo veditabbo.

    วุตฺตนเยน ปริเยสิตฺวาติ อิมินา ‘‘ญาติสามเณเรหิ วา’’ติอาทินา วุตฺตมตฺถํ อติทิสฺสติฯ อปจฺจาสีสเนฺตนาติ ‘‘มยฺหํ ทสฺสนฺติ กริสฺสนฺตี’’ติ เอวํ อตฺตโน อตฺถาย อปจฺจาสีสเนฺตนฯ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปน อุปการกตฺตํ ปจฺจาสีสเนฺตน กาตุํ วฎฺฎติฯ ‘‘เภสชฺชํ อาจิกฺขถา’’ติ วุเตฺตปิ ยถา ‘‘อญฺญมญฺญํ ปน กถา กาตพฺพา’’ติ อิทํ ปริยายตฺตา วฎฺฎติ, เอวํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยน ‘‘อิทญฺจิทญฺจ คเหตฺวา กโรนฺตี’’ติ อิมินา ปริยาเยน กเถนฺตสฺสปิ เนวตฺถิ โทโสติ อาจริยาฯ

    Vuttanayena pariyesitvāti iminā ‘‘ñātisāmaṇerehi vā’’tiādinā vuttamatthaṃ atidissati. Apaccāsīsantenāti ‘‘mayhaṃ dassanti karissantī’’ti evaṃ attano atthāya apaccāsīsantena. Bhikkhusaṅghassa pana upakārakattaṃ paccāsīsantena kātuṃ vaṭṭati. ‘‘Bhesajjaṃ ācikkhathā’’ti vuttepi yathā ‘‘aññamaññaṃ pana kathā kātabbā’’ti idaṃ pariyāyattā vaṭṭati, evaṃ heṭṭhā vuttanayena ‘‘idañcidañca gahetvā karontī’’ti iminā pariyāyena kathentassapi nevatthi dosoti ācariyā.

    วินยลกฺขณํ อชานนฺตสฺส อนาจริยสฺส ตทนุรูปโวหาราสมฺภวโต อีทิสสฺส ลาภสฺส อุปฺปตฺติ นาม นตฺถีติ ‘‘อาจริยภาโค นามาย’’นฺติ วุตฺตํ, วินเย ปกตญฺญุนา อาจริเยน ลภิตพฺพภาโค อยนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ปุปฺผปูชนตฺถาย ทิเนฺนปิ อกปฺปิยโวหาเรน วิธานสฺส อยุตฺตตฺตา ‘‘กปฺปิยวเสนา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ปุปฺผํ อาหรถา’’ติอาทินา กปฺปิยโวหารวเสนาติ อโตฺถฯ

    Vinayalakkhaṇaṃ ajānantassa anācariyassa tadanurūpavohārāsambhavato īdisassa lābhassa uppatti nāma natthīti ‘‘ācariyabhāgo nāmāya’’nti vuttaṃ, vinaye pakataññunā ācariyena labhitabbabhāgo ayanti vuttaṃ hoti. Pupphapūjanatthāya dinnepi akappiyavohārena vidhānassa ayuttattā ‘‘kappiyavasenā’’ti vuttaṃ, ‘‘pupphaṃ āharathā’’tiādinā kappiyavohāravasenāti attho.

    ยทิ ‘‘ปริตฺตํ กโรถา’’ติ วุเตฺต กโรนฺติ, คิหิเวยฺยาวจฺจกรณฎฺฐาเน ติฎฺฐตีติ ‘‘ปริตฺตํ กโรถ, ภเนฺตติ วุเตฺต น กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ‘‘ภณถา’’ติ วุเตฺต ปน ธมฺมกถาย อเชฺฌสนฎฺฐาเน ฐิตตฺตา ‘‘กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ ธมฺมญฺหิ อนชฺฌิเฎฺฐนปิ กเถตุํ วฎฺฎติ, ปเคว อชฺฌิเฎฺฐนฯ จาเลตฺวา สุตฺตํ ปริมชฺชิตฺวาติ ปริตฺตํ กโรเนฺตน กาตพฺพวิธิํ ทเสฺสติฯ วิหารโต…เป.… ทุกฺกฎนฺติ อญฺญาตกานํเยว ททโต ทุกฺกฎํฯ โน เจ ชานนฺตีติ ยทิ เอวํ วตฺตุํ น ชานนฺติฯ อุทกนฺติ ทกฺขิโณทกํฯ ปาเทสุ อปนีเตสุ อวมงฺคลสญฺญิโน โหนฺตีติ อาห ‘‘น ปาทา อปเนตพฺพา’’ติ ฯ คนฺตุํ วฎฺฎตีติ ‘‘ปริวารตฺถาย อาคจฺฉนฺตู’’ติ วุเตฺตปิ เอวํ สลฺลเกฺขตฺวา คนฺตุํ วฎฺฎติฯ

    Yadi ‘‘parittaṃ karothā’’ti vutte karonti, gihiveyyāvaccakaraṇaṭṭhāne tiṭṭhatīti ‘‘parittaṃ karotha, bhanteti vutte na kātabba’’nti vuttaṃ, ‘‘bhaṇathā’’ti vutte pana dhammakathāya ajjhesanaṭṭhāne ṭhitattā ‘‘kātabba’’nti vuttaṃ. Dhammañhi anajjhiṭṭhenapi kathetuṃ vaṭṭati, pageva ajjhiṭṭhena. Cāletvā suttaṃ parimajjitvāti parittaṃ karontena kātabbavidhiṃ dasseti. Vihārato…pe… dukkaṭanti aññātakānaṃyeva dadato dukkaṭaṃ. No ce jānantīti yadi evaṃ vattuṃ na jānanti. Udakanti dakkhiṇodakaṃ. Pādesu apanītesu avamaṅgalasaññino hontīti āha ‘‘na pādā apanetabbā’’ti . Gantuṃ vaṭṭatīti ‘‘parivāratthāya āgacchantū’’ti vuttepi evaṃ sallakkhetvā gantuṃ vaṭṭati.

    อนามฎฺฐปิณฺฑปาโตติ อปพฺพชิตสฺส หตฺถโต ลโทฺธ อตฺตนา อเญฺญน วา ปพฺพชิเตน อคฺคหิตอโคฺค ปิณฺฑปาโตฯ ถาลเกติ อิมินา ปโตฺตปิ คหิโตเยวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ทามริกโจรสฺสาติ รชฺชํ ปตฺถยมานสฺส ปากฎโจรสฺสฯ โจรนาควตฺถูติ เอตฺถ ‘‘โจรนาคสฺส กิร อามฎฺฐํ เทโนฺต กุชฺฌิสฺสติ, อนามฎฺฐํ น วฎฺฎตีติ เถโร ปตฺตคฺคหณหเตฺถเนว อคฺคํ คเหตฺวา ปเตฺต ภตฺตํ สพฺพมทาสิ, โส เตน ตุสฺสิฯ ‘เอตฺตกํ มยฺห’นฺติ ภตฺตสฺส เอกปเสฺสเยว โถกํ ฐเปตฺวาปิ ปุน เตน สทฺธิํ สพฺพมฺปิ ทาตุํ วฎฺฎตี’’ติ จูฬคณฺฐิปเท วุตฺตํฯ

    Anāmaṭṭhapiṇḍapātoti apabbajitassa hatthato laddho attanā aññena vā pabbajitena aggahitaaggo piṇḍapāto. Thālaketi iminā pattopi gahitoyevāti daṭṭhabbaṃ. Dāmarikacorassāti rajjaṃ patthayamānassa pākaṭacorassa. Coranāgavatthūti ettha ‘‘coranāgassa kira āmaṭṭhaṃ dento kujjhissati, anāmaṭṭhaṃ na vaṭṭatīti thero pattaggahaṇahattheneva aggaṃ gahetvā patte bhattaṃ sabbamadāsi, so tena tussi. ‘Ettakaṃ mayha’nti bhattassa ekapasseyeva thokaṃ ṭhapetvāpi puna tena saddhiṃ sabbampi dātuṃ vaṭṭatī’’ti cūḷagaṇṭhipade vuttaṃ.

    อามิสสฺส ธมฺมสฺส จ อลาเภน อตฺตโน ปรสฺส จ อนฺตเร สมฺภวนฺตสฺส ฉิทฺทสฺส วิวรสฺส เภทสฺส ปฎิสนฺถรณํ ปิทหนํ คณฺหนํ ปฎิสนฺถาโรฯ อยญฺหิ โลกสนฺนิวาโส อลพฺภมาเนน อามิเสน จ ธเมฺมน จาติ ทฺวีหิ ฉิโทฺท, ตสฺส ตํ ฉิทฺทํ ยถา น ปญฺญายติ, เอวํ ปีฐสฺส วิย ปจฺจตฺถรเณน อามิเสน จ ธเมฺมน จ ปฎิสนฺถรณํ อามิสปฎิสนฺถาโร ธมฺมปฎิสนฺถาโร จาติ วุจฺจติฯ ตตฺถ ธมฺมปฎิสนฺถาโร กสฺสจิ น กาตโพฺพ นตฺถิฯ ยสฺส กสฺสจิ หิ คหฎฺฐสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา ธเมฺมน สงฺคโห กาตโพฺพเยวฯ ‘‘ปฎิสนฺถาโร ปน กสฺส กาตโพฺพ, กสฺส น กาตโพฺพ’’ติ อิทํ ปน อามิสปฎิสนฺถารํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อุพฺพาเสตฺวาติ สมนฺตโต ติโยชนํ วิลุมฺปโนฺต มนุเสฺส ปลาเปตฺวา อเญฺญสํ อวาสํ กตฺวาฯ สงฺฆสฺสตฺถาย อาหฎาติ ปากวฎฺฎโต ตํทิวสสฺสตฺถาย อาหฎาฯ วรโปตฺถจิตฺตตฺถรณนฺติ อเนกปฺปการอุตฺตมรูปวิจิตฺตตฺถรณํฯ

    Āmisassa dhammassa ca alābhena attano parassa ca antare sambhavantassa chiddassa vivarassa bhedassa paṭisantharaṇaṃ pidahanaṃ gaṇhanaṃ paṭisanthāro. Ayañhi lokasannivāso alabbhamānena āmisena ca dhammena cāti dvīhi chiddo, tassa taṃ chiddaṃ yathā na paññāyati, evaṃ pīṭhassa viya paccattharaṇena āmisena ca dhammena ca paṭisantharaṇaṃ āmisapaṭisanthāro dhammapaṭisanthāro cāti vuccati. Tattha dhammapaṭisanthāro kassaci na kātabbo natthi. Yassa kassaci hi gahaṭṭhassa vā pabbajitassa vā dhammena saṅgaho kātabboyeva. ‘‘Paṭisanthāro pana kassa kātabbo, kassa na kātabbo’’ti idaṃ pana āmisapaṭisanthāraṃ sandhāya vuttaṃ. Ubbāsetvāti samantato tiyojanaṃ vilumpanto manusse palāpetvā aññesaṃ avāsaṃ katvā. Saṅghassatthāya āhaṭāti pākavaṭṭato taṃdivasassatthāya āhaṭā. Varapotthacittattharaṇanti anekappakārauttamarūpavicittattharaṇaṃ.

    ๑๘๗. สตฺตรสวคฺคิเยสุ ปุเพฺพ เอกสฺส องฺคุลิปโตเทน มาริตตฺตา เสสโสฬสชเนสุ อุทรํ อารุหิตฺวา นิสินฺนเมกํ ฐเปตฺวา ‘‘เสสาปิ ปนฺนรส ชนา’’ติ วุตฺตํฯ อทูหลปาสาณา วิยาติ อทูหเล อาโรปิตปาสาณา วิยฯ กมฺมาธิปฺปายาติ ตชฺชนียาทิกมฺมกรณาธิปฺปายาฯ อาวาเหตฺวาติ อาวิสาเปตฺวาฯ วาฬวิหารนฺติ จณฺฑสเตฺตหิ อธิฎฺฐิตวิหารํฯ

    187. Sattarasavaggiyesu pubbe ekassa aṅgulipatodena māritattā sesasoḷasajanesu udaraṃ āruhitvā nisinnamekaṃ ṭhapetvā ‘‘sesāpi pannarasa janā’’ti vuttaṃ. Adūhalapāsāṇā viyāti adūhale āropitapāsāṇā viya. Kammādhippāyāti tajjanīyādikammakaraṇādhippāyā. Āvāhetvāti āvisāpetvā. Vāḷavihāranti caṇḍasattehi adhiṭṭhitavihāraṃ.

    ๑๘๙. โย รุเกฺขน โอตฺถโตปิ น มรตีติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ภูตคามสิกฺขาปทฎฺฐกถายํ สยเมว วกฺขติฯ เอวญฺหิ ตตฺถ วุตฺตํ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๙๒) –

    189.Yorukkhena otthatopi na maratītiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ bhūtagāmasikkhāpadaṭṭhakathāyaṃ sayameva vakkhati. Evañhi tattha vuttaṃ (pāci. aṭṭha. 92) –

    ‘‘มนุสฺสวิคฺคหปาราชิกวณฺณนายํ ปน สพฺพอฎฺฐกถาสุ ‘สเจ ภิกฺขุ รุเกฺขน วา อโชฺฌตฺถโต โหติ โอปาเต วา ปติโต, สกฺกา จ โหติ เอเกน ปเสฺสน รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา ภูมิํ วา ขณิตฺวา นิกฺขมิตุํ, ชีวิตเหตุปิ อตฺตนา น กาตพฺพํ, อเญฺญน ปน ภิกฺขุนา ภูมิํ วา ขณิตฺวา รุกฺขํ วา ฉินฺทิตฺวา อลฺลรุกฺขโต วา ทณฺฑกํ ฉินฺทิตฺวา ตํ รุกฺขํ ปวเฎฺฎตฺวา นิกฺขมาเปตุํ วฎฺฎติ, อนาปตฺตี’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ การณํ น ทิสฺสติ, ‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทวฑาเห ฑยฺหมาเน ปฎคฺคิํ ทาตุํ ปริตฺตํ กาตุ’นฺติ (จูฬว. ๒๘๓) อิทํ ปน เอกเมว สุตฺตํ ทิสฺสติฯ สเจ เอตสฺส อนุโลมํ, อตฺตโน น วฎฺฎติ, อญฺญสฺส วฎฺฎตีติ อิทํ นานากรณํ น สกฺกา ลทฺธุํฯ อตฺตโน อตฺถาย กโรโนฺต อตฺตสิเนเหน อกุสลจิเตฺตเนว กโรติ, ปโร ปน การุเญฺญนฯ ตสฺมา อนาปตฺตีติ เจ, เอตมฺปิ อการณํฯ กุสลจิเตฺตนปิ หิ อิมํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ, สพฺพฎฺฐกถาสุ ปน วุตฺตตฺตา น สกฺกา ปฎิเสเธตุํ, คเวสิตพฺพา เอตฺถ ยุตฺติ, อฎฺฐกถาจริยานํ วา สทฺธาย คนฺตพฺพ’’นฺติฯ

    ‘‘Manussaviggahapārājikavaṇṇanāyaṃ pana sabbaaṭṭhakathāsu ‘sace bhikkhu rukkhena vā ajjhotthato hoti opāte vā patito, sakkā ca hoti ekena passena rukkhaṃ chinditvā bhūmiṃ vā khaṇitvā nikkhamituṃ, jīvitahetupi attanā na kātabbaṃ, aññena pana bhikkhunā bhūmiṃ vā khaṇitvā rukkhaṃ vā chinditvā allarukkhato vā daṇḍakaṃ chinditvā taṃ rukkhaṃ pavaṭṭetvā nikkhamāpetuṃ vaṭṭati, anāpattī’ti vuttaṃ. Tattha kāraṇaṃ na dissati, ‘anujānāmi, bhikkhave, davaḍāhe ḍayhamāne paṭaggiṃ dātuṃ parittaṃ kātu’nti (cūḷava. 283) idaṃ pana ekameva suttaṃ dissati. Sace etassa anulomaṃ, attano na vaṭṭati, aññassa vaṭṭatīti idaṃ nānākaraṇaṃ na sakkā laddhuṃ. Attano atthāya karonto attasinehena akusalacitteneva karoti, paro pana kāruññena. Tasmā anāpattīti ce, etampi akāraṇaṃ. Kusalacittenapi hi imaṃ āpattiṃ āpajjati, sabbaṭṭhakathāsu pana vuttattā na sakkā paṭisedhetuṃ, gavesitabbā ettha yutti, aṭṭhakathācariyānaṃ vā saddhāya gantabba’’nti.

    ตสฺมา ยํ เอตฺถ อิโต อญฺญถา เกนจิ ปปญฺจิตํ, คณฺฐิปเทสุ จ การณํ วุตฺตํ, ตํ น สารโต ปเจฺจตพฺพํฯ

    Tasmā yaṃ ettha ito aññathā kenaci papañcitaṃ, gaṇṭhipadesu ca kāraṇaṃ vuttaṃ, taṃ na sārato paccetabbaṃ.

    ๑๙๐. อลฺล…เป.… ปาจิตฺติยนฺติ สุกฺขฎฺฐาเนปิ อคฺคิํ ปาเตตฺวา อิมินา อธิปฺปาเยน อาลิเมฺปนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมวฯ ทุกฺกฎนฺติ สุกฺขฎฺฐาเน วา สุกฺขํ ‘‘อสุกฺข’’นฺติ อววตฺถเปตฺวา วา อคฺคิํ ปาเตนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ กีฬาธิปฺปาเยปิ เอเสว นโยฯ กีฬาธิปฺปาโย จ ปฎปฎายมานสทฺทสฺสาทวเสเนว เวทิตโพฺพฯ ปฎิปกฺขภูโต อคฺคิ ปฎคฺคิปริตฺตกรณนฺติ อารกฺขกรณํฯ สยํ วา อุฎฺฐิตนฺติ วาเตริตานํ เวฬุอาทีนํ อญฺญมญฺญสงฺฆฎฺฎเนน สมุฎฺฐิตํฯ นิรุปาทาโนติ อินฺธนรหิโตฯ

    190.Alla…pe… pācittiyanti sukkhaṭṭhānepi aggiṃ pātetvā iminā adhippāyena ālimpentassa pācittiyameva. Dukkaṭanti sukkhaṭṭhāne vā sukkhaṃ ‘‘asukkha’’nti avavatthapetvā vā aggiṃ pātentassa dukkaṭaṃ. Kīḷādhippāyepi eseva nayo. Kīḷādhippāyo ca paṭapaṭāyamānasaddassādavaseneva veditabbo. Paṭipakkhabhūto aggi paṭaggi. Parittakaraṇanti ārakkhakaraṇaṃ. Sayaṃ vā uṭṭhitanti vāteritānaṃ veḷuādīnaṃ aññamaññasaṅghaṭṭanena samuṭṭhitaṃ. Nirupādānoti indhanarahito.

    ๑๙๑-๑๙๒. เขตฺตเมว โอติณฺณตฺตา ปาราชิกนฺติ ‘‘ทฺวีหี’’ติ วุเตฺต ทฺวีหิปิ ปหาเรหิ มรณสฺส ปจฺจาสีสนโต เอเกน วินา ทฺวินฺนํ อภาวโต จ ปาราชิกํฯ ‘‘ทฺวีหิเยวาติ นิยมิเต ปน เอเกน ปหาเรน มาริเต นตฺถิ ปาราชิก’’นฺติ วทนฺติฯ ปฐมํ อาหิตพลเวคสฺส ปุพฺพานุจิณฺณวเสน ธมฺมานํ เทสนฺตรุปฺปตฺติยา คมนมตฺตํ ฐเปตฺวา ชีวิตินฺทฺริยสฺส ตตฺถ อวิชฺชมานตฺตา ‘‘สีสเจฺฉทกสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ อิมสฺส วตฺถุสฺสาติ อาฆาตนวตฺถุสฺสฯ ‘‘ปานปริโภเคนาติ วุตฺตตฺตา โลณโสวีรกํ ยามกาลิก’’นฺติ วทนฺติฯ

    191-192.Khettameva otiṇṇattā pārājikanti ‘‘dvīhī’’ti vutte dvīhipi pahārehi maraṇassa paccāsīsanato ekena vinā dvinnaṃ abhāvato ca pārājikaṃ. ‘‘Dvīhiyevāti niyamite pana ekena pahārena mārite natthi pārājika’’nti vadanti. Paṭhamaṃ āhitabalavegassa pubbānuciṇṇavasena dhammānaṃ desantaruppattiyā gamanamattaṃ ṭhapetvā jīvitindriyassa tattha avijjamānattā ‘‘sīsacchedakassā’’ti vuttaṃ. Imassa vatthussāti āghātanavatthussa. ‘‘Pānaparibhogenāti vuttattā loṇasovīrakaṃ yāmakālika’’nti vadanti.

    วินีตวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vinītavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.

    อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฎฺฐกถาย สารตฺถทีปนิยํ

    Iti samantapāsādikāya vinayaṭṭhakathāya sāratthadīpaniyaṃ

    ตติยปาราชิกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tatiyapārājikavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact