Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    วินีตวตฺถุวณฺณนา

    Vinītavatthuvaṇṇanā

    ๒๒๓. เสกฺขภูมิยนฺติ อิมินา ฌานภูมิมฺปิ สงฺคณฺหาติฯ ติณฺณํ วิเวกานนฺติ กายจิตฺตอุปธิวิเวกานํฯ

    223.Sekkhabhūmiyanti iminā jhānabhūmimpi saṅgaṇhāti. Tiṇṇaṃ vivekānanti kāyacittaupadhivivekānaṃ.

    ปิณฺฑาย จรณสฺส โภชนปริโยสานตฺตา วุตฺตํ ‘‘ยาว โภชนปริโยสาน’’นฺติฯ ภุตฺวา อาคจฺฉนฺตสฺสปิ ปุน วุตฺตนเยเนว สมฺภาวนิจฺฉาย จีวรสณฺฐปนาทีนิ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฎเมวฯ

    Piṇḍāya caraṇassa bhojanapariyosānattā vuttaṃ ‘‘yāva bhojanapariyosāna’’nti. Bhutvā āgacchantassapi puna vuttanayeneva sambhāvanicchāya cīvarasaṇṭhapanādīni karontassa dukkaṭameva.

    ๒๒๕. อาราธนีโย, อาวุโส, ธโมฺม อารทฺธวีริเยนาติ วตฺถุทฺวยํ เอกสทิสมฺปิ ทฺวีหิ ภิกฺขูหิ วิสุํ วิสุํ อาโรจิตตฺตา ภควตา วินิจฺฉินิตํ สพฺพมฺปิ วินีตวตฺถูสุ อาโรเปตพฺพนฺติ ปาฬิยํ อาโรปิตํฯ

    225.Ārādhanīyo, āvuso, dhammo āraddhavīriyenāti vatthudvayaṃ ekasadisampi dvīhi bhikkhūhi visuṃ visuṃ ārocitattā bhagavatā vinicchinitaṃ sabbampi vinītavatthūsu āropetabbanti pāḷiyaṃ āropitaṃ.

    ๒๒๖. ปสาทภญฺญนฺติ เกวลํ ปสาทมเตฺตน ภณนํ, น ปน ‘‘สภาวโต เอเต อรหโนฺตเยวา’’ติ จิเนฺตตฺวาฯ เตเนเวตฺถ อนาปตฺติ วุตฺตาฯ ยทิ ปน ‘‘เอเต สภาวโต อรหโนฺตเยวา’’ติ มญฺญมาโน ‘‘อายนฺตุ โภโนฺต อรหโนฺต’’ติอาทีนิ วทติ, น สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํฯ

    226.Pasādabhaññanti kevalaṃ pasādamattena bhaṇanaṃ, na pana ‘‘sabhāvato ete arahantoyevā’’ti cintetvā. Tenevettha anāpatti vuttā. Yadi pana ‘‘ete sabhāvato arahantoyevā’’ti maññamāno ‘‘āyantu bhonto arahanto’’tiādīni vadati, na sampaṭicchitabbaṃ.

    ๒๒๗. ปทสา คมนํ สนฺธาย กติกาย กตตฺตา ‘‘ยาเนน วา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ วิชฺชามยิทฺธิํ สนฺธาย ‘‘อิทฺธิยา’’ติ วุตฺตํฯ อญฺญมญฺญํ รกฺขนฺตีติ ‘‘โย อิมมฺหา อาวาสา ปฐมํ ปกฺกมิสฺสติ, ตํ มยํ ‘อรหา’ติ ชานิสฺสามา’’ติ เอวํ กติกาย กตตฺตา อปุพฺพาจริมํ อสุทฺธจิเตฺตน คจฺฉนฺตาปิ สห นิกฺขนฺตภาวโต อญฺญมญฺญํ รกฺขนฺติฯ เกจิ ปน ‘‘หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวา อญฺญมญฺญสฺส หตฺถํ คณฺหโนฺต วิย คจฺฉโนฺตปิ ‘อุเฎฺฐถ คจฺฉาม, เอถ คจฺฉามา’ติ เอวํ สํวิทหิตฺวา คมเน ปุพฺพาปรํ คจฺฉโนฺตปิ นาปชฺชตี’’ติ วทนฺติฯ เอตํ ปน อธมฺมิกํ กติกวตฺตนฺติ ‘‘อิธ อรหโนฺตเยว วสนฺตูติ ยทิ ภิกฺขู กติกํ กโรนฺติ, เอตํ อธมฺมิกํ กติกวตฺต’’นฺติ จูฬคณฺฐิปเท วุตฺตํฯ เหฎฺฐา วุตฺตํ ปน สพฺพมฺปิ กติกวตฺตํ สนฺธาย เอตํ วุตฺตนฺติ อมฺหากํ ขนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํฯ นานาเวรชฺชกาติ นานาชนปทวาสิโนฯ สงฺฆลาโภติ ยถาวุฑฺฒํ อตฺตโน ปาปุณนโกฎฺฐาโสฯ อยญฺจ ปฎิเกฺขโป อิมินาว นีหาเรน พหิสีมฎฺฐานํ อวิเสเสน สงฺฆลาภสฺส สามิภาวาปาทนํ สนฺธาย กโตฯ วิเสสโต ปน พหิสีมฎฺฐานมฺปิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา เอเกกโกฎฺฐาสโต ‘‘เอตฺตกํ ทาตุํ, อีทิสํ วา ทาตุํ, เอตฺตกานํ วา ทาตุํ, อีทิสสฺส วา ทาตุํ รุจฺจติ สงฺฆสฺสา’’ติ อปโลกนกมฺมํ กตฺวา ทาตุํ วฎฺฎติฯ

    227. Padasā gamanaṃ sandhāya katikāya katattā ‘‘yānena vā’’tiādimāha. Tattha vijjāmayiddhiṃ sandhāya ‘‘iddhiyā’’ti vuttaṃ. Aññamaññaṃ rakkhantīti ‘‘yo imamhā āvāsā paṭhamaṃ pakkamissati, taṃ mayaṃ ‘arahā’ti jānissāmā’’ti evaṃ katikāya katattā apubbācarimaṃ asuddhacittena gacchantāpi saha nikkhantabhāvato aññamaññaṃ rakkhanti. Keci pana ‘‘hatthapāsaṃ avijahitvā aññamaññassa hatthaṃ gaṇhanto viya gacchantopi ‘uṭṭhetha gacchāma, etha gacchāmā’ti evaṃ saṃvidahitvā gamane pubbāparaṃ gacchantopi nāpajjatī’’ti vadanti. Etaṃ pana adhammikaṃ katikavattanti ‘‘idha arahantoyeva vasantūti yadi bhikkhū katikaṃ karonti, etaṃ adhammikaṃ katikavatta’’nti cūḷagaṇṭhipade vuttaṃ. Heṭṭhā vuttaṃ pana sabbampi katikavattaṃ sandhāya etaṃ vuttanti amhākaṃ khanti, vīmaṃsitvā gahetabbaṃ. Nānāverajjakāti nānājanapadavāsino. Saṅghalābhoti yathāvuḍḍhaṃ attano pāpuṇanakoṭṭhāso. Ayañca paṭikkhepo imināva nīhārena bahisīmaṭṭhānaṃ avisesena saṅghalābhassa sāmibhāvāpādanaṃ sandhāya kato. Visesato pana bahisīmaṭṭhānampi paricchinditvā ekekakoṭṭhāsato ‘‘ettakaṃ dātuṃ, īdisaṃ vā dātuṃ, ettakānaṃ vā dātuṃ, īdisassa vā dātuṃ ruccati saṅghassā’’ti apalokanakammaṃ katvā dātuṃ vaṭṭati.

    ๒๒๘. อายสฺมา จ ลกฺขโณติอาทีสุ โก ปนายสฺมา ลกฺขโณ, กสฺมา จสฺส ลกฺขโณติ นามํ อโหสิ, โก จายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน, กสฺมา จ สิตํ ปาตฺวากาสีติ ตํ สพฺพํ ปกาเสตุํ ‘‘ยฺวาย’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ ลกฺขณสมฺปเนฺนนาติ ปุริสลกฺขณสมฺปเนฺนนฯ พฺรหฺมสเมนาติ พฺรหฺมตฺตภาวสเมนฯ อีสกํ หสิตํ สิตนฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘มนฺทหสิต’’นฺติฯ อฎฺฐิกสงฺขลิกนฺติ นยิทํ อวิญฺญาณกํ อฎฺฐิสงฺขลิกมตฺตํ, อถ โข เอโก เปโตติ อาห ‘‘เปตโลเก นิพฺพตฺตํ สตฺต’’นฺติฯ เอเต อตฺตภาวาติ เปตตฺตภาวาฯ น อาปาถํ อาคจฺฉนฺตีติ เทวตฺตภาวา วิย ปกติยา อาปาถํ น อาคจฺฉนฺติฯ เตสํ ปน รุจิยา อาปาถํ อาคเจฺฉยฺยุํฯ มนุสฺสานํ ทุกฺขาภิภูตานํ อนาถภาวทสฺสนปทฎฺฐานา กรุณาติ อาห ‘‘การุเญฺญ กตฺตเพฺพ’’ติฯ อตฺตโน จ สมฺปตฺติํ พุทฺธญาณสฺส จ สมฺปตฺตินฺติ ปเจฺจกํ สมฺปตฺติ-สโทฺท โยเชตโพฺพฯ ตทุภยํ วิภาเวตุํ ‘‘ตญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘อตฺตโน จ สมฺปตฺติํ อนุสฺสริตฺวา สิตํ ปาตฺวากาสี’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ ธมฺมธาตูติ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ สนฺธาย วทติ, ธมฺมธาตูติ วา ธมฺมานํ สภาโวฯ อุปปตฺตีติ ชาติฯ อุปปตฺติสีเสน หิ ตถารูปํ อตฺตภาวํ วทติฯ ทุสฺสทฺธาปยา โหนฺติ, ตทสฺส เตสํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายฯ ทุสฺสทฺธาปยาติ อิทญฺจ น ลกฺขณเตฺถรํ สนฺธาย วุตฺตํ, เย ปน สุณนฺติ ‘‘เอวํ กิร วุตฺต’’นฺติ, เต สนฺธายฯ อถ ลกฺขณเตฺถโร กสฺมา น อทฺทส, กิมสฺส ทิพฺพจกฺขุ นตฺถีติ? โน นตฺถิ, มหาโมคฺคลฺลาโน ปน อาวเชฺชโนฺต อทฺทส, อิตโร อนาวชฺชเนน น อทฺทสฯ

    228.Āyasmā ca lakkhaṇotiādīsu ko panāyasmā lakkhaṇo, kasmā cassa lakkhaṇoti nāmaṃ ahosi, ko cāyasmā mahāmoggallāno, kasmā ca sitaṃ pātvākāsīti taṃ sabbaṃ pakāsetuṃ ‘‘yvāya’’ntiādi āraddhaṃ. Lakkhaṇasampannenāti purisalakkhaṇasampannena. Brahmasamenāti brahmattabhāvasamena. Īsakaṃ hasitaṃ sitanti vuccatīti āha ‘‘mandahasita’’nti. Aṭṭhikasaṅkhalikanti nayidaṃ aviññāṇakaṃ aṭṭhisaṅkhalikamattaṃ, atha kho eko petoti āha ‘‘petaloke nibbattaṃ satta’’nti. Ete attabhāvāti petattabhāvā. Na āpāthaṃ āgacchantīti devattabhāvā viya pakatiyā āpāthaṃ na āgacchanti. Tesaṃ pana ruciyā āpāthaṃ āgaccheyyuṃ. Manussānaṃ dukkhābhibhūtānaṃ anāthabhāvadassanapadaṭṭhānā karuṇāti āha ‘‘kāruññe kattabbe’’ti. Attano ca sampattiṃ buddhañāṇassa ca sampattinti paccekaṃ sampatti-saddo yojetabbo. Tadubhayaṃ vibhāvetuṃ ‘‘tañhī’’tiādi vuttaṃ. Tattha ‘‘attano ca sampattiṃ anussaritvā sitaṃ pātvākāsī’’ti padaṃ ānetvā sambandhitabbaṃ. Dhammadhātūti sabbaññutaññāṇaṃ sandhāya vadati, dhammadhātūti vā dhammānaṃ sabhāvo. Upapattīti jāti. Upapattisīsena hi tathārūpaṃ attabhāvaṃ vadati. Dussaddhāpayā honti, tadassa tesaṃ dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya. Dussaddhāpayāti idañca na lakkhaṇattheraṃ sandhāya vuttaṃ, ye pana suṇanti ‘‘evaṃ kira vutta’’nti, te sandhāya. Atha lakkhaṇatthero kasmā na addasa, kimassa dibbacakkhu natthīti? No natthi, mahāmoggallāno pana āvajjento addasa, itaro anāvajjanena na addasa.

    วิตุเฑนฺตีติ วินิวิชฺฌิตฺวา เฑนฺติ, อสิธารูปเมหิ ติขิเณหิ โลหตุณฺฑเกหิ วิชฺฌิตฺวา วิชฺฌิตฺวา อิโต จิโต จ คจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘วินิวิชฺฌิตฺวา คจฺฉนฺตี’’ติฯ ‘‘วิตุทนฺตี’’ติ วา ปาโฐฯ ผาสุฬนฺตริกาหีติ ภุมฺมเตฺถ นิสฺสกฺกวจนํฯ โลหตุณฺฑเกหีติ โลหสลากาสทิเสหิ, กาฬโลหมเยเหว วา ตุณฺฑเกหิฯ ปสาทุสฺสทาติ อิมินา อฎฺฐิสงฺฆาตมตฺตํ หุตฺวา ปญฺญายมานานมฺปิ กายปฺปสาทสฺส พลวภาวํ ทเสฺสติฯ ปกฺกคณฺฑสทิสาติ อิมินา ปน อติวิย มุทุสภาวตํ ทเสฺสติฯ อจฺฉริยํ วตาติ ครหนจฺฉริยํ นาเมตํฯ

    Vituḍentīti vinivijjhitvā ḍenti, asidhārūpamehi tikhiṇehi lohatuṇḍakehi vijjhitvā vijjhitvā ito cito ca gacchantīti attho. Tenāha ‘‘vinivijjhitvā gacchantī’’ti. ‘‘Vitudantī’’ti vā pāṭho. Phāsuḷantarikāhīti bhummatthe nissakkavacanaṃ. Lohatuṇḍakehīti lohasalākāsadisehi, kāḷalohamayeheva vā tuṇḍakehi. Pasādussadāti iminā aṭṭhisaṅghātamattaṃ hutvā paññāyamānānampi kāyappasādassa balavabhāvaṃ dasseti. Pakkagaṇḍasadisāti iminā pana ativiya mudusabhāvataṃ dasseti. Acchariyaṃ vatāti garahanacchariyaṃ nāmetaṃ.

    จกฺขุภูตาติ สมฺปตฺตทิพฺพจกฺขุกา, โลกสฺส จกฺขุภูตาติ เอวํ วา เอตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ยตฺราติ เหตุอเตฺถ นิปาโตติ อาห ‘‘ยตฺราติ การณวจน’’นฺติฯ อปฺปมาเณ สตฺตนิกาเย, เต จ โข วิภาเคน กามภวาทิเภเท ภเว, นิรยาทิเภทา คติโย, นานตฺตกายนานตฺตสญฺญีอาทิวิญฺญาณฎฺฐิติโย, ตถารูเป สตฺตาวาเส จ สพฺพญฺญุตญฺญาณญฺจ เม อุปเนตุํ ปจฺจกฺขํ กโรเนฺตนฯ

    Cakkhubhūtāti sampattadibbacakkhukā, lokassa cakkhubhūtāti evaṃ vā ettha attho daṭṭhabbo. Yatrāti hetuatthe nipātoti āha ‘‘yatrāti kāraṇavacana’’nti. Appamāṇe sattanikāye, te ca kho vibhāgena kāmabhavādibhede bhave, nirayādibhedā gatiyo, nānattakāyanānattasaññīādiviññāṇaṭṭhitiyo, tathārūpe sattāvāse ca sabbaññutaññāṇañca me upanetuṃ paccakkhaṃ karontena.

    โคฆาตโกติ คุนฺนํ อภิณฺหํ หนนโกฯ เตนาห ‘‘วธิตฺวา วธิตฺวา’’ติฯ ตสฺสาติ คุนฺนํ หนนกมฺมสฺสฯ อปราปริยกมฺมสฺสาติ อปราปริยเวทนียกมฺมสฺสฯ พลวตา โคฆาตกกเมฺมน วิปาเก ทียมาเน อลโทฺธกาสํ อปราปริยเวทนียํ, ตสฺมิํ วิปกฺกวิปาเก อิทานิ ลโทฺธกาสํ ‘‘อวเสสกมฺม’’นฺติ วุตฺตํฯ กมฺมสภาคตายาติ กมฺมสฺส สภาคภาเวน สทิสภาเวนฯ อารมฺมณสภาคตายาติ อารมฺมณสฺส สภาคภาเวน สทิสภาเวนฯ ยาทิเส หิ อารมฺมเณ ปุเพฺพ ตํ กมฺมํ ตสฺส จ วิปาโก ปวโตฺต, ตาทิเสเยว อารมฺมเณ อิทํ กมฺมํ อิมสฺส วิปาโก จ ปวโตฺตติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ตเสฺสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสนา’’ติฯ ภวติ หิ ตํสทิเสปิ ตโพฺพหาโร ยถา โส เอว ติตฺติโร, ตานิเยว โอสธานีติฯ ยสฺมา กมฺมสริกฺขกวิสเย ‘‘กมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา’’ติ ทฺวยเมว วุตฺตํ, ยสฺมา จ คตินิมิตฺตํ วิย กมฺมํ กมฺมนิมิตฺตญฺจ กมฺมโต ภินฺนํ วิสุํ หุตฺวา น ติฎฺฐติ, ตสฺมา สริกฺขกวิปากทานสฺส การณภาวโต ยตฺถ กมฺมสริกฺขเกน วิปาเกน ภวิตพฺพํ, ตตฺถ กมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา คเหตฺวา ปฎิสนฺธิ โหตีติ วทนฺติฯ เตเนวาห – ‘‘ตสฺส กิร…เป.… นิมิตฺตํ อโหสี’’ติฯ ตตฺถ นิมิตฺตํ อโหสีติ ปุเพฺพ กตูปจิตสฺส เปตูปปตฺตินิพฺพตฺตนวเสน กโตกาสสฺส ตสฺส กมฺมสฺส นิมิตฺตภูตํ อิทานิ ตถา อุปฎฺฐหนฺตํ ตสฺส วิปากสฺส นิมิตฺตํ อารมฺมณํ อโหสิฯ โสติ โคฆาตโกฯ อฎฺฐิกสงฺขลิกเปโต ชาโต กมฺมสริกฺขกวิปากวเสนฯ

    Goghātakoti gunnaṃ abhiṇhaṃ hananako. Tenāha ‘‘vadhitvā vadhitvā’’ti. Tassāti gunnaṃ hananakammassa. Aparāpariyakammassāti aparāpariyavedanīyakammassa. Balavatā goghātakakammena vipāke dīyamāne aladdhokāsaṃ aparāpariyavedanīyaṃ, tasmiṃ vipakkavipāke idāni laddhokāsaṃ ‘‘avasesakamma’’nti vuttaṃ. Kammasabhāgatāyāti kammassa sabhāgabhāvena sadisabhāvena. Ārammaṇasabhāgatāyāti ārammaṇassa sabhāgabhāvena sadisabhāvena. Yādise hi ārammaṇe pubbe taṃ kammaṃ tassa ca vipāko pavatto, tādiseyeva ārammaṇe idaṃ kammaṃ imassa vipāko ca pavattoti katvā vuttaṃ ‘‘tasseva kammassa vipākāvasesenā’’ti. Bhavati hi taṃsadisepi tabbohāro yathā so eva tittiro, tāniyeva osadhānīti. Yasmā kammasarikkhakavisaye ‘‘kammaṃ vā kammanimittaṃ vā’’ti dvayameva vuttaṃ, yasmā ca gatinimittaṃ viya kammaṃ kammanimittañca kammato bhinnaṃ visuṃ hutvā na tiṭṭhati, tasmā sarikkhakavipākadānassa kāraṇabhāvato yattha kammasarikkhakena vipākena bhavitabbaṃ, tattha kammaṃ vā kammanimittaṃ vā gahetvā paṭisandhi hotīti vadanti. Tenevāha – ‘‘tassa kira…pe… nimittaṃ ahosī’’ti. Tattha nimittaṃ ahosīti pubbe katūpacitassa petūpapattinibbattanavasena katokāsassa tassa kammassa nimittabhūtaṃ idāni tathā upaṭṭhahantaṃ tassa vipākassa nimittaṃ ārammaṇaṃ ahosi. Soti goghātako. Aṭṭhikasaṅkhalikapeto jāto kammasarikkhakavipākavasena.

    ๒๒๙. เปสิโย กตฺวาติ คาวิํ วธิตฺวา วธิตฺวา โคมํสํ ผาเลตฺวา เปสิโย กตฺวาฯ สุกฺขาเปตฺวาติ กาลนฺตรํ ฐปนตฺถํ สุกฺขาเปตฺวาฯ สุกฺขาปิตมํสเปสีนญฺหิ วลฺลูรสมญฺญาติฯ นิปฺปกฺขจเมฺมติ วิคตปกฺขจเมฺมฯ อุรเพฺภ หนฺตีติ โอรพฺภิโกเอฬเกติ อเชฯ นิวาปปุเฎฺฐติ อตฺตนา ทินฺนนิวาเปน โปสิเต อสินา วธิตฺวา วธิตฺวา วิกฺกิณโนฺตฯ เอกํ มิคนฺติ ทีปกมิคํฯ การณาหีติ ยาตนาหิฯ ญตฺวาติ กมฺมฎฺฐานํ ญตฺวาฯ เปสุญฺญุปสํหารวเสน อิโต สุตํ อมุตฺร, อมุตฺร วา สุตํ อิธ สูเจตีติ สูจโกฯ อนยพฺยสนํ ปาเปสิ มนุเสฺสติ สมฺพโนฺธฯ

    229.Pesiyo katvāti gāviṃ vadhitvā vadhitvā gomaṃsaṃ phāletvā pesiyo katvā. Sukkhāpetvāti kālantaraṃ ṭhapanatthaṃ sukkhāpetvā. Sukkhāpitamaṃsapesīnañhi vallūrasamaññāti. Nippakkhacammeti vigatapakkhacamme. Urabbhe hantīti orabbhiko. Eḷaketi aje. Nivāpapuṭṭheti attanā dinnanivāpena posite asinā vadhitvā vadhitvā vikkiṇanto. Ekaṃ miganti dīpakamigaṃ. Kāraṇāhīti yātanāhi. Ñatvāti kammaṭṭhānaṃ ñatvā. Pesuññupasaṃhāravasena ito sutaṃ amutra, amutra vā sutaṃ idha sūcetīti sūcako. Anayabyasanaṃ pāpesi manusseti sambandho.

    วินิจฺฉยามโจฺจติ รญฺญา อฑฺฑกรเณ ฐปิโต วินิจฺฉยมหามโตฺตฯ โส หิ คามชนกายํ กูฎเฎฺฐน วเญฺจตีติ ‘‘คามกูโฎ’’ติ วุจฺจติฯ เกจิ ‘‘ตาทิโสเยว คามเชฎฺฐโก คามกูโฎ’’ติ วทนฺติฯ สเมน ภวิตพฺพํ ธมฺมโฎฺฐติ วตฺตพฺพโตฯ รหสฺสเงฺค นิสีทนวเสน วิสมา นิสชฺชา อโหสิฯ ผุสโนฺตติ เถยฺยาย ผุสโนฺตฯ

    Vinicchayāmaccoti raññā aḍḍakaraṇe ṭhapito vinicchayamahāmatto. So hi gāmajanakāyaṃ kūṭaṭṭhena vañcetīti ‘‘gāmakūṭo’’ti vuccati. Keci ‘‘tādisoyeva gāmajeṭṭhako gāmakūṭo’’ti vadanti. Samena bhavitabbaṃ dhammaṭṭhoti vattabbato. Rahassaṅge nisīdanavasena visamā nisajjā ahosi. Phusantoti theyyāya phusanto.

    ๒๓๐. อนิสฺสโรติ มาตุคาโม สสามิโก อตฺตโน ผเสฺส อนิสฺสโรฯ ธํสิตฺวาติ ภสฺสิตฺวา อปคนฺตฺวาฯ มงฺคนวเสน อุลตีติ มงฺคุลิ, วิรูปพีภจฺฉภาเวน ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘วิรูปํ ทุทฺทสิกํ พีภจฺฉ’’นฺติฯ

    230.Anissaroti mātugāmo sasāmiko attano phasse anissaro. Dhaṃsitvāti bhassitvā apagantvā. Maṅganavasena ulatīti maṅguli, virūpabībhacchabhāvena pavattatīti attho. Tenāha ‘‘virūpaṃ duddasikaṃ bībhaccha’’nti.

    อุทฺธํ อุทฺธํ อคฺคินา ปกฺกสรีรตาย อุปฺปกฺกํ, เหฎฺฐโต ปคฺฆรณวเสน กิลินฺนสรีรตาย โอกิลินี, อิโต จิโต จ องฺคารสมฺปริกิณฺณตาย โอกิรินีฯ เตนาห ‘‘สา กิรา’’ติอาทิฯ องฺคารจิตเกติ องฺคารสญฺจเยฯ สรีรโต ปคฺฆรนฺติ อสุจิทุคฺคนฺธเชคุจฺฉานิ เสทคตานิฯ ตสฺส กิร รโญฺญติ กาลิงฺคสฺส รโญฺญฯ นาฎกินีติ นจฺจนกิเจฺจ อธิคตา อิตฺถีฯ เสทนฺติ เสทนํ, ตาปนนฺติ อโตฺถฯ

    Uddhaṃ uddhaṃ agginā pakkasarīratāya uppakkaṃ, heṭṭhato paggharaṇavasena kilinnasarīratāya okilinī, ito cito ca aṅgārasamparikiṇṇatāya okirinī. Tenāha ‘‘sā kirā’’tiādi. Aṅgāracitaketi aṅgārasañcaye. Sarīrato paggharanti asuciduggandhajegucchāni sedagatāni. Tassa kira raññoti kāliṅgassa rañño. Nāṭakinīti naccanakicce adhigatā itthī. Sedanti sedanaṃ, tāpananti attho.

    อสีสกํ กพนฺธํ หุตฺวา นิพฺพตฺติ กมฺมายูหนกาเล ตถา นิมิตฺตคฺคหณปริจยโตฯ ลามกภิกฺขูติ หีนาจารตาย ลามโก, ภิกฺขุเวสตาย ภิกฺขาหาเรน ชีวนโต จ ภิกฺขุฯ จิตฺตเกฬินฺติ จิตฺตรุจิยํ ตํ ตํ กีฬโนฺตฯ อยเมวาติ ภิกฺขุวตฺถุสฺมิํ วุตฺตนโย เอวฯ

    Asīsakaṃ kabandhaṃ hutvā nibbatti kammāyūhanakāle tathā nimittaggahaṇaparicayato. Lāmakabhikkhūti hīnācāratāya lāmako, bhikkhuvesatāya bhikkhāhārena jīvanato ca bhikkhu. Cittakeḷinti cittaruciyaṃ taṃ taṃ kīḷanto. Ayamevāti bhikkhuvatthusmiṃ vuttanayo eva.

    ๒๓๑. นิเสฺสวาลปณกกทฺทโมติ ติลพีชกาทิเภเทน เสวาเลน นีลมณฺฑูกปิฎฺฐิวเณฺณน อุทกปิฎฺฐํ ฉาเทตฺวา นิพฺพตฺตปณเกน กทฺทเมน จ วิรหิโตฯ สุนฺทเรหิ ติเตฺถหีติ สุขาวคาหณฎฺฐานตาย กทฺทมาทิโทสวิรหโต จ สุนฺทเรหิ ติเตฺถหิฯ ตโต อุทกทหโต ตํเหตุ, ตํ อุปนิสฺสายาติ อโตฺถฯ นาคภวนคโตปิ หิ โส รหโท ตโต อุปริมนุสฺสโลเก ชลาสเยน สมฺพโนฺธ โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตโต อยํ ตโปทา สนฺทตี’’ติฯ อถ วา ตโตติ นาคภวเน อุทกทหโต อยํ ตโปทา สนฺทติฯ ตญฺหิ อุปริภูมิตลํ อาโรหติ, อุณฺหภาเวน ตปนโต ตปํ อุทกํ เอติสฺสาติ อนฺวตฺถนามวเสน ตโปทาติ วุจฺจติฯ เปตโลโกติ เปตานํ อาวาสฎฺฐานํฯ เกจิ ปน ‘‘เปตโลโกติ โลหกุมฺภีนิรยา อิธาธิเปฺปตา’’ติ วทนฺติ, นครสฺส ปน ปริโต ปพฺพตปาทวนนฺตเรสุ พหู เปตาวาสาปิ สเนฺตวฯ สฺวายมโตฺถ เปตวตฺถุปาฬิยา ลกฺขณสํยุเตฺตน อิมาย จ วินีตวตฺถุปาฬิยา ทีเปตโพฺพฯ

    231.Nissevālapaṇakakaddamoti tilabījakādibhedena sevālena nīlamaṇḍūkapiṭṭhivaṇṇena udakapiṭṭhaṃ chādetvā nibbattapaṇakena kaddamena ca virahito. Sundarehi titthehīti sukhāvagāhaṇaṭṭhānatāya kaddamādidosavirahato ca sundarehi titthehi. Tato udakadahato taṃhetu, taṃ upanissāyāti attho. Nāgabhavanagatopi hi so rahado tato uparimanussaloke jalāsayena sambandho hoti. Tena vuttaṃ ‘‘tato ayaṃ tapodā sandatī’’ti. Atha vā tatoti nāgabhavane udakadahato ayaṃ tapodā sandati. Tañhi uparibhūmitalaṃ ārohati, uṇhabhāvena tapanato tapaṃ udakaṃ etissāti anvatthanāmavasena tapodāti vuccati. Petalokoti petānaṃ āvāsaṭṭhānaṃ. Keci pana ‘‘petalokoti lohakumbhīnirayā idhādhippetā’’ti vadanti, nagarassa pana parito pabbatapādavanantaresu bahū petāvāsāpi santeva. Svāyamattho petavatthupāḷiyā lakkhaṇasaṃyuttena imāya ca vinītavatthupāḷiyā dīpetabbo.

    กตหตฺถาติ ถิรตรํ ลเกฺขสุ อวิรชฺฌนสรเกฺขปาฯ อีทิสา ปน ตตฺถ วสีภูตา กตหตฺถา นาม โหนฺติ, ตสฺมา โย สิปฺปเมว อุคฺคณฺหาติ, โส กตหโตฺถ นาม น โหติ, อิเม ปน กตหตฺถา, จิณฺณวสีภาวาติ วุตฺตํ โหติฯ สิปฺปทสฺสนวเสน กตํ ราชกุลานิ อุเปจฺจ อสนํ สรเกฺขโป เอเตหีติ กตุปาสนา, ราชกุลาทีสุ ทสฺสิตสิปฺปาติ วุตฺตํ โหติฯ ปภโคฺคติ ปราชิโตฯ

    Katahatthāti thirataraṃ lakkhesu avirajjhanasarakkhepā. Īdisā pana tattha vasībhūtā katahatthā nāma honti, tasmā yo sippameva uggaṇhāti, so katahattho nāma na hoti, ime pana katahatthā, ciṇṇavasībhāvāti vuttaṃ hoti. Sippadassanavasena kataṃ rājakulāni upecca asanaṃ sarakkhepo etehīti katupāsanā, rājakulādīsu dassitasippāti vuttaṃ hoti. Pabhaggoti parājito.

    ๒๓๒. โทสทสฺสน ปุพฺพก รูป วิราค ภาวนา สงฺขาต ปฎิปกฺข ภาวนาวเสน ปฎิฆสญฺญานํ สุปฺปหีนตฺตา มหตาปิ สเทฺทน อรูปสมาปตฺติโต น วุฎฺฐาติ, ตถา ปน น สุปฺปหีนตฺตา สพฺพรูปาวจรสมาปตฺติโต วุฎฺฐานํ สิยาติ อิธ อาเนญฺชสมาธีติ จตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติ อธิเปฺปตาติ อาห ‘‘อเนชํ อจลํ กายวาจาวิปฺผนฺทวิรหิตํ จตุตฺถชฺฌานสมาธิ’’นฺติฯ อญฺญตฺถ ปน สมาธิปจฺจนีกานํ อติทูรตาย น อิญฺชตีติ อาเนโญฺชติ อรูปาวจรสมาธิ วุจฺจติฯ สมาธิปริปนฺถเก ธเมฺมติ วิตกฺกวิจาราทิเก สนฺธาย วทติฯ วิตกฺกาทีสุ อาทีนวสลฺลกฺขณสฺส น สุฎฺฐุกตภาวํ สนฺธายาห ‘‘น สุฎฺฐุ ปริโสเธตฺวา’’ติฯ

    232. Dosadassana pubbaka rūpa virāga bhāvanā saṅkhāta paṭipakkha bhāvanāvasena paṭighasaññānaṃ suppahīnattā mahatāpi saddena arūpasamāpattito na vuṭṭhāti, tathā pana na suppahīnattā sabbarūpāvacarasamāpattito vuṭṭhānaṃ siyāti idha āneñjasamādhīti catutthajjhānasamāpatti adhippetāti āha ‘‘anejaṃ acalaṃ kāyavācāvipphandavirahitaṃ catutthajjhānasamādhi’’nti. Aññattha pana samādhipaccanīkānaṃ atidūratāya na iñjatīti āneñjoti arūpāvacarasamādhi vuccati. Samādhiparipanthake dhammeti vitakkavicārādike sandhāya vadati. Vitakkādīsu ādīnavasallakkhaṇassa na suṭṭhukatabhāvaṃ sandhāyāha ‘‘na suṭṭhu parisodhetvā’’ti.

    นนุ จายมายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควโต ปฐมวเสฺสว อภินวปฺปตฺตอรหโตฺต, อิทญฺจ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมปาราชิกํ วีสติมวสฺสโต อุปริ ปญฺญตฺตํ, กถํ อิมสฺส วตฺถุโน อิมสฺมิํ ปาราชิเก ภควตา วินิจฺฉิตภาโว วุโตฺตติ? นายํ โทโสฯ อยเญฺหตฺถ อาจริยานํ กถามโคฺค – อปญฺญเตฺตปิ สิกฺขาปเท เถรสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อตฺตโน อปฺปติรูปํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ เอส วทตี’’ติ มญฺญมานา ภิกฺขู เถรสฺส โทสํ อาโรเปนฺตา อุชฺฌายิํสุฯ ภควา จ เถรสฺส ตถาวจเน การณํ ทเสฺสตฺวา นิโทฺทสภาวํ กโรโนฺต ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, โมคฺคลฺลานสฺสา’’ติ อาหฯ สงฺคีติการกา ปน อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาธิการตฺตา ตมฺปิ วตฺถุํ อาเนตฺวา อิธ อาโรเปสุนฺติฯ

    Nanu cāyamāyasmā mahāmoggallāno bhagavato paṭhamavasseva abhinavappattaarahatto, idañca uttarimanussadhammapārājikaṃ vīsatimavassato upari paññattaṃ, kathaṃ imassa vatthuno imasmiṃ pārājike bhagavatā vinicchitabhāvo vuttoti? Nāyaṃ doso. Ayañhettha ācariyānaṃ kathāmaggo – apaññattepi sikkhāpade therassa vacanaṃ sutvā ‘‘attano appatirūpaṃ uttarimanussadhammaṃ esa vadatī’’ti maññamānā bhikkhū therassa dosaṃ āropentā ujjhāyiṃsu. Bhagavā ca therassa tathāvacane kāraṇaṃ dassetvā niddosabhāvaṃ karonto ‘‘anāpatti, bhikkhave, moggallānassā’’ti āha. Saṅgītikārakā pana uttarimanussadhammādhikārattā tampi vatthuṃ ānetvā idha āropesunti.

    สาวกานํ อุปฺปฎิปาฎิยา อนุสฺสรณํ นตฺถีติ ทเสฺสตุํ ‘‘น อุปฺปฎิปาฎิยา’’ติ อาหฯ อสญฺญสมาปตฺตินฺติ สญฺญาวิราคภาวนาย วาโยกสิณนิพฺพตฺติตํ จตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติํ วทติฯ ปุเพฺพนิวาสญาณํ จุติปฎิสนฺธิํ คณฺหนฺตมฺปิ อนนฺตรปจฺจยกฺกมวนฺตานํ อรูปธมฺมานํ วเสเนว คณฺหาตีติ อาห – ‘‘ตติเย อตฺตภาเว จุติเมว อทฺทสา’’ติฯ นยโต สลฺลเกฺขสีติ วเฎฺฎ สํสรณกสตฺตานํ ขนฺธานํ อภาวกาโล นาม นตฺถิ, อสญฺญภเว ปน อจิตฺตกา หุตฺวา ปญฺจ กปฺปสตานิ ปวตฺตนฺติ, อิมินา นเยน สลฺลเกฺขสิฯ ทุกฺกรํ กตนฺติ ขนฺธวิกลสฺส ปุเพฺพนิวาสสฺส อนุสฺสรณํ ฐเปตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธํ น สกฺกา อเญฺญหิ กาตุนฺติ นยโต สลฺลเกฺขเนฺตนปิ ทุกฺกรํ กตนฺติ อธิปฺปาโยฯ ปฎิวิทฺธาติ ปฎิวิทฺธสทิสาฯ ยถา นาม โกจิ ธนุสิเปฺป กตหโตฺถ เอกํ เกสสงฺขาตํ วาลํ สตกฺขตฺตุํ วิทาเลตฺวา ตโต เอกํ อํสุํ คเหตฺวา วาติงฺคณผลสฺส มชฺฌฎฺฐาเน พนฺธิตฺวา อปรํ อํสุํ กณฺฑสฺส อคฺคโกฎิยํ ยถา ตสฺส อํสุสฺส อูกามตฺตํ วา ลิกฺขามตฺตํ วา กณฺฑสฺส อคฺคโกฎิโต อธิกํ หุตฺวา ติฎฺฐติ, เอวํ พนฺธิตฺวา อุสภมเตฺต ฐาเน ฐิโต กณฺฑพทฺธาย วาลโกฎิยา วาติงฺคณพทฺธํ วาลสฺส โกฎิํ ปฎิวิเชฺฌยฺย , เอวเมว อิมินาปิ กตํ ทุกฺกรนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เอตทคฺคนฺติ เอโส อโคฺคฯ ยทิทนฺติ โย อยํฯ ลิงฺควิปลฺลาสวเสเนตํ วุตฺตํฯ

    Sāvakānaṃ uppaṭipāṭiyā anussaraṇaṃ natthīti dassetuṃ ‘‘na uppaṭipāṭiyā’’ti āha. Asaññasamāpattinti saññāvirāgabhāvanāya vāyokasiṇanibbattitaṃ catutthajjhānasamāpattiṃ vadati. Pubbenivāsañāṇaṃ cutipaṭisandhiṃ gaṇhantampi anantarapaccayakkamavantānaṃ arūpadhammānaṃ vaseneva gaṇhātīti āha – ‘‘tatiye attabhāve cutimeva addasā’’ti. Nayato sallakkhesīti vaṭṭe saṃsaraṇakasattānaṃ khandhānaṃ abhāvakālo nāma natthi, asaññabhave pana acittakā hutvā pañca kappasatāni pavattanti, iminā nayena sallakkhesi. Dukkaraṃ katanti khandhavikalassa pubbenivāsassa anussaraṇaṃ ṭhapetvā sammāsambuddhaṃ na sakkā aññehi kātunti nayato sallakkhentenapi dukkaraṃ katanti adhippāyo. Paṭividdhāti paṭividdhasadisā. Yathā nāma koci dhanusippe katahattho ekaṃ kesasaṅkhātaṃ vālaṃ satakkhattuṃ vidāletvā tato ekaṃ aṃsuṃ gahetvā vātiṅgaṇaphalassa majjhaṭṭhāne bandhitvā aparaṃ aṃsuṃ kaṇḍassa aggakoṭiyaṃ yathā tassa aṃsussa ūkāmattaṃ vā likkhāmattaṃ vā kaṇḍassa aggakoṭito adhikaṃ hutvā tiṭṭhati, evaṃ bandhitvā usabhamatte ṭhāne ṭhito kaṇḍabaddhāya vālakoṭiyā vātiṅgaṇabaddhaṃ vālassa koṭiṃ paṭivijjheyya , evameva imināpi kataṃ dukkaranti vuttaṃ hoti. Etadagganti eso aggo. Yadidanti yo ayaṃ. Liṅgavipallāsavasenetaṃ vuttaṃ.

    วินีตวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vinītavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๔. จตุตฺถปาราชิกํ • 4. Catutthapārājikaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๔. จตุตฺถปาราชิกํ • 4. Catutthapārājikaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact