Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā

    วินีตวตฺถุวณฺณนา

    Vinītavatthuvaṇṇanā

    ๑๘๐. มรณตฺถิกาว หุตฺวาติ อิมสฺส กายสฺส เภเทน สคฺคปาปนาธิปฺปายตฺตา อตฺถโต มรณตฺถิกาว หุตฺวา เอวํอธิปฺปายิโน มรณตฺถิกา นาม โหนฺตีติ อตฺตโน มรณตฺถิกภาวํ อชานนฺตา อาปนฺนา ปาราชิกํฯ น หิ เต ‘‘อตฺตโน จิตฺตปฺปวตฺติํ น ชานนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติฯ โวหารวเสนาติ ปุพฺพภาคโวหารวเสนฯ สนฺนิฎฺฐาเน ปเนตํ นตฺถิฯ ปาเส พทฺธสูกรโมจเน วิย น โหติฯ ยถานุสนฺธินาติ อนฺตรา อมริตฺวาติ อโตฺถฯ อปฺปฎิเวกฺขิตฺวาติ อวิจาเรตฺวาฯ เหฎฺฐิมภาเค หิ กิสฺมิญฺจิ วิชฺชมาเน วลิ ปญฺญายติฯ ทสฺสิเตติ อุทฺธริตฺวา ฐปิเตฯ ปฎิพนฺธนฺติ ตยา ปฎิพนฺธํ, ปริโภคนฺตรายํ สงฺฆสฺส มา อกาสีติ อโตฺถฯ

    180.Maraṇatthikāva hutvāti imassa kāyassa bhedena saggapāpanādhippāyattā atthato maraṇatthikāva hutvā evaṃadhippāyino maraṇatthikā nāma hontīti attano maraṇatthikabhāvaṃ ajānantā āpannā pārājikaṃ. Na hi te ‘‘attano cittappavattiṃ na jānantī’’ti vuccanti. Vohāravasenāti pubbabhāgavohāravasena. Sanniṭṭhāne panetaṃ natthi. Pāse baddhasūkaramocane viya na hoti. Yathānusandhināti antarā amaritvāti attho. Appaṭivekkhitvāti avicāretvā. Heṭṭhimabhāge hi kismiñci vijjamāne vali paññāyati. Dassiteti uddharitvā ṭhapite. Paṭibandhanti tayā paṭibandhaṃ, paribhogantarāyaṃ saṅghassa mā akāsīti attho.

    ๑๘๑-๒. ยสฺมา กิริยํ ทาตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ‘‘ปฐมํ ลทฺธ’’นฺติ วุตฺตํฯ ปุเพฺพปิ อตฺตนา ลทฺธปิณฺฑปาตโต ปณีตปณีตํ เทโนฺต ตตฺถปิ อตฺตการิยํ อทาสิฯ อสญฺจิจฺจาติ เอตฺถ อญฺญํ อากฑฺฒนฺตสฺส อญฺญสฺส ปตเน สเพฺพน สพฺพํ อภิสนฺธิ นตฺถิฯ น มรณาธิปฺปายสฺสาติ ปฎิโฆ จ ปโยโค จ อตฺถิ, วธกเจตนา นตฺถิฯ อชานนฺตสฺสาติ เอตฺถ ‘‘วตฺถุอชานนวเสน อชานนฺตสฺส โทโส นตฺถิ, อิทํ กิร เตสํ นานตฺตํฯ ‘อสญฺจิโจฺจ อห’นฺติ ปาฬิยํ น ทิสฺสติฯ อฎฺฐกถายํ วุตฺตตฺตา ตถารูปาย ปาฬิยา ภวิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติฯ โน เจ, ถุลฺลจฺจยนฺติ เอตฺถ ‘‘ทุกฺขเวทนา เจ นุปฺปชฺชติ, ทุกฺกฎเมวา’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํฯ ‘‘มุคฺครา นาม ขาทนทณฺฑกาฯ เวมา นาม เตสํ ขาทนทณฺฑกานํ เหฎฺฐา จ อุปริ จ ติริยํ พนฺธิตพฺพทณฺฑา’’ติ ลิขิตํฯ เหฎฺฐาว ทุวิธาปิ ปฐนฺติฯ หตฺถปฺปโตฺต วิย ทิสฺสติ ‘‘ตสฺส วิเกฺขโป มา โหตู’’ติ อุปจฺฉินฺทติวิเสสาธิคมํ พฺยากริตฺวา ตปฺปภวํ สกฺการํ ลชฺชียโนฺต อาหารํ อุปจฺฉินฺทติ สภาคานํ พฺยากตตฺตาฯ เต หิ กปฺปิยเขตฺตํ อาโรเจนฺติฯ

    181-2. Yasmā kiriyaṃ dātuṃ na sakkā, tasmā ‘‘paṭhamaṃ laddha’’nti vuttaṃ. Pubbepi attanā laddhapiṇḍapātato paṇītapaṇītaṃ dento tatthapi attakāriyaṃ adāsi. Asañciccāti ettha aññaṃ ākaḍḍhantassa aññassa patane sabbena sabbaṃ abhisandhi natthi. Na maraṇādhippāyassāti paṭigho ca payogo ca atthi, vadhakacetanā natthi. Ajānantassāti ettha ‘‘vatthuajānanavasena ajānantassa doso natthi, idaṃ kira tesaṃ nānattaṃ. ‘Asañcicco aha’nti pāḷiyaṃ na dissati. Aṭṭhakathāyaṃ vuttattā tathārūpāya pāḷiyā bhavitabba’’nti vadanti. No ce, thullaccayanti ettha ‘‘dukkhavedanā ce nuppajjati, dukkaṭamevā’’ti vadanti, vīmaṃsitabbaṃ. ‘‘Muggarā nāma khādanadaṇḍakā. Vemā nāma tesaṃ khādanadaṇḍakānaṃ heṭṭhā ca upari ca tiriyaṃ bandhitabbadaṇḍā’’ti likhitaṃ. Heṭṭhāva duvidhāpi paṭhanti. Hatthappatto viya dissati ‘‘tassa vikkhepo mā hotū’’ti upacchindati. Visesādhigamaṃ byākaritvā tappabhavaṃ sakkāraṃ lajjīyanto āhāraṃ upacchindati sabhāgānaṃ byākatattā. Te hi kappiyakhettaṃ ārocenti.

    ๑๘๖. อกตวิญฺญตฺติยาติ น วิญฺญตฺติยาฯ สา หิ อนุญฺญาตตฺตา กตาปิ อกตา วิยาติ อกตวิญฺญตฺติฯ ‘‘‘วเทยฺยาถ, ภเนฺต เยนโตฺถ’ติ เอวํ อกตฎฺฐาเน วิญฺญตฺติ อกตวิญฺญตฺตี’’ติ ลิขิตํฯ ติตฺถิยภูตานํ มาตาปิตูนํ สหตฺถา ทาตุํ น วฎฺฎตีติฯ ปิตุจฺฉา นาม ปิตุภคินีฯ สเจปิ น ยาจนฺติ ‘‘ยาจิตุํ ทุกฺข’’นฺติ, สยํ วา เอวํ วตฺตุมสโกฺกนฺตาฯ ‘‘ยทา เตสํ อโตฺถ ภวิสฺสตี’’ติ อาโภคํ กตฺวา วาฯ ‘‘‘เวชฺชกมฺมํ วา น โหตี’ติ วจนโต ยาว สตฺตโม กุลปริวโฎฺฎ, ตาว เภสชฺชํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ สพฺพปเทสูติ มหามาตุยาจูฬมาตุยาติอาทีนํฯ

    186.Akataviññattiyāti na viññattiyā. Sā hi anuññātattā katāpi akatā viyāti akataviññatti. ‘‘‘Vadeyyātha, bhante yenattho’ti evaṃ akataṭṭhāne viññatti akataviññattī’’ti likhitaṃ. Titthiyabhūtānaṃ mātāpitūnaṃ sahatthā dātuṃ na vaṭṭatīti. Pitucchā nāma pitubhaginī. Sacepi na yācanti ‘‘yācituṃ dukkha’’nti, sayaṃ vā evaṃ vattumasakkontā. ‘‘Yadā tesaṃ attho bhavissatī’’ti ābhogaṃ katvā vā. ‘‘‘Vejjakammaṃ vā na hotī’ti vacanato yāva sattamo kulaparivaṭṭo, tāva bhesajjaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti vadanti. Sabbapadesūti mahāmātuyācūḷamātuyātiādīnaṃ.

    วุตฺตนเยน ปริเยสิตฺวาติ ‘‘สามเณเรหิ วา’’ติอาทินาฯ ‘‘น อกตวิญฺญตฺติยา’’ติ วทนฺติฯ ‘‘ปจฺจาสีสติ สเจ, ทุกฺกฎ’’นฺติ วทนฺติฯ กปฺปิยวเสนาติ ปุปฺผํ อาเนถาติอาทินาฯ ‘‘ปูชํ อกาสี’ติ วุตฺตตฺตา สยํ คเหตุํ น วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ

    Vuttanayena pariyesitvāti ‘‘sāmaṇerehi vā’’tiādinā. ‘‘Na akataviññattiyā’’ti vadanti. ‘‘Paccāsīsati sace, dukkaṭa’’nti vadanti. Kappiyavasenāti pupphaṃ ānethātiādinā. ‘‘Pūjaṃ akāsī’ti vuttattā sayaṃ gahetuṃ na vaṭṭatī’’ti vadanti.

    ‘‘ภณถา’’ติ วุเตฺต ปน กาตพฺพํฯ ธมฺมญฺหิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ โน เจ ชานนฺติ, น ปาทา อปเนตพฺพาฯ อวมงฺคลนฺติ หิ คณฺหนฺติฯ

    ‘‘Bhaṇathā’’ti vutte pana kātabbaṃ. Dhammañhi vattuṃ vaṭṭati. No ce jānanti, na pādā apanetabbā. Avamaṅgalanti hi gaṇhanti.

    โจรนาคสฺส หิ อามฎฺฐํ ทิเนฺน กุชฺฌิสฺสติ, อนามฎฺฐํ น วฎฺฎตีติ องฺคุลนฺตเร โถกํ ภตฺตํ คเหตฺวา ปเตฺต ภตฺตํ สพฺพํ อทาสิ, โส เตน ตุสฺสิฯ วรโปตฺถกจิตฺตตฺถรณนฺติ สิพฺพิตฺวา กาตพฺพตฺถรณวิกติฯ ปิตุราชา ทมิฬสฺส ปราชิโต โรหเณ โสฬสวสฺสานิ วสิตฺวา มิตฺตามจฺจปริวุโต ‘‘รชฺชํ คณฺหามี’’ติ อาคนฺตฺวา อนฺตรามเคฺค อปฺปมตฺตกสฺส การณา เอกํ อมจฺจํ ฆาตาเปสิฯ เสสา ภเยน ปลายนฺตา อรเญฺญ อนฺตรามเคฺค โจเรหิ วิลุตฺตา หมฺพุคลฺลกวิหารํ คนฺตฺวา ตตฺถ จาตุนิกายิกติสฺสเตฺถโร เตสํ สงฺคหํ กตฺวา ปุน อาเนตฺวา รโญฺญ ทเสฺสสิ, เตหิ สทฺธิํ รชฺชํ คเหตฺวา ราชา หมฺพุคลฺลกติสฺสเตฺถรสฺส อภยคิริวิหารํ อกาสิฯ เสสาปิ เอเกกวิหารํ การาเปสุํ กิรฯ

    Coranāgassa hi āmaṭṭhaṃ dinne kujjhissati, anāmaṭṭhaṃ na vaṭṭatīti aṅgulantare thokaṃ bhattaṃ gahetvā patte bhattaṃ sabbaṃ adāsi, so tena tussi. Varapotthakacittattharaṇanti sibbitvā kātabbattharaṇavikati. Piturājā damiḷassa parājito rohaṇe soḷasavassāni vasitvā mittāmaccaparivuto ‘‘rajjaṃ gaṇhāmī’’ti āgantvā antarāmagge appamattakassa kāraṇā ekaṃ amaccaṃ ghātāpesi. Sesā bhayena palāyantā araññe antarāmagge corehi viluttā hambugallakavihāraṃ gantvā tattha cātunikāyikatissatthero tesaṃ saṅgahaṃ katvā puna ānetvā rañño dassesi, tehi saddhiṃ rajjaṃ gahetvā rājā hambugallakatissattherassa abhayagirivihāraṃ akāsi. Sesāpi ekekavihāraṃ kārāpesuṃ kira.

    ๑๘๗. โจรสมีปํ เปเสโนฺต ‘‘วาฬยกฺขวิหารํ เปเสตี’’ติ อิมินา สทิโสฯ กสฺมา? มรณาธิปฺปายตฺตาฯ ตฬากาทีสุ มจฺฉาทิคฺคหณตฺถํ เกวฎฺฎํ อญฺญาปเทเสน ‘‘ตฬากตีรํ คจฺฉา’’ติ ปหิณนฺตสฺส ปาณาติปาเตน ภวิตพฺพํ, ‘‘วาฬยกฺขวิหารํ ปาเหสี’’ติ อิมสฺส สทิโสฯ กสฺมา? ‘‘มรณาธิปฺปายตฺตา’’ติ วจนสฺสานุโลมโต, อฎฺฐกถายมฺปิ ‘‘เอวํ วาฬยกฺขมฺปี’’ติ วุตฺตตฺตาฯ

    187. Corasamīpaṃ pesento ‘‘vāḷayakkhavihāraṃ pesetī’’ti iminā sadiso. Kasmā? Maraṇādhippāyattā. Taḷākādīsu macchādiggahaṇatthaṃ kevaṭṭaṃ aññāpadesena ‘‘taḷākatīraṃ gacchā’’ti pahiṇantassa pāṇātipātena bhavitabbaṃ, ‘‘vāḷayakkhavihāraṃ pāhesī’’ti imassa sadiso. Kasmā? ‘‘Maraṇādhippāyattā’’ti vacanassānulomato, aṭṭhakathāyampi ‘‘evaṃ vāḷayakkhampī’’ti vuttattā.

    ๑๘๙. ตํ ตตฺรฎฺฐิตํ ฉินฺทนฺตนฺติ ตํ-สโทฺท เอกเจฺจสุ นตฺถิฯ อิตเรสุ ปาราชิกถุลฺลจฺจยํ อาปนฺนาติ อโตฺถฯ ‘‘อิมํ ฉินฺทิตฺวา สีฆํ คนฺตฺวา สงฺฆสฺส ปตฺตจีวรํ ทสฺสามี’’ติ กุสลจิเตฺตนปิ ฉินฺทิตุํ น วฎฺฎติ อนนุญฺญาตตฺตาฯ อญฺญสฺส ปน ภิกฺขุโน วฎฺฎติ อนุญฺญาตตฺตาฯ

    189.Taṃ tatraṭṭhitaṃ chindantanti taṃ-saddo ekaccesu natthi. Itaresu pārājikathullaccayaṃ āpannāti attho. ‘‘Imaṃ chinditvā sīghaṃ gantvā saṅghassa pattacīvaraṃ dassāmī’’ti kusalacittenapi chindituṃ na vaṭṭati ananuññātattā. Aññassa pana bhikkhuno vaṭṭati anuññātattā.

    ๑๙๐. กถํ? กุฎิรกฺขณตฺถญฺหิ ภควตา ปฎคฺคิทานาทิ อนุญฺญาตํ, กุฎิ นาเมสา ภิกฺขูนํ อตฺถายฯ ตสฺมา ‘‘ภิกฺขุรกฺขณตฺถํ อญฺญสฺส ภิกฺขุสฺส วฎฺฎตี’ติ วตฺตพฺพเมตฺถ นตฺถี’’ติ วุตฺตํฯ ยทิ เอวํ อจฺฉินฺนจีวรสฺส นคฺคภาวปฺปฎิจฺฉาทนตฺถํ ภูตคามปาตพฺยตา ภควตา อนุญฺญาตา, ชีวิตรกฺขณตฺถญฺจ สปฺปทฎฺฐกาเล อนุญฺญาตํ, ตสฺมา ‘‘อปิ ชีวิตํ ปริจฺจชิตพฺพํ, น จ รุโกฺข วา ฉินฺทิตโพฺพ’’ติอาทิ น วตฺตพฺพํ สิยา, ตสฺมา ตํ นิทสฺสนํ อปฺปมาณํ, อฎฺฐกถาจริโย เอเวตฺถ ปมาณํฯ เอตฺถ ปนายํ อาจริยสฺส ตโกฺก – อริยปุคฺคเลสุปิ สตฺตา นคฺคิยํ ปสฺสิตฺวา อปฺปสาทํ กตฺวา นิรยูปคา ภวิสฺสนฺติ , ตถา สปฺปา จ ฑํสิตฺวา, เตสํ ปาปวิโมจนตฺถํ ภูตคามปาตพฺยตา อนุญฺญาตาฯ ทานปตีนํ จิตฺตรกฺขณตฺถํ ปฎคฺคิทานาทิฯ อญฺญถา โลกสฺส ปุญฺญนฺตราโย, สงฺฆสฺส จ ลาภนฺตราโย โหติฯ วธกสฺส ปน จิตฺตหิตกรณํ นตฺถิ, ตํ ปน อวีติกฺกมํ, ชีวิตปริจฺจชนํ ปสฺสิตฺวา วา ‘‘อโห ทุกฺกรํ กต’’นฺติ ปสาทเมว ลเภยฺยุนฺติ อตฺตโน น วฎฺฎติ, อญฺญสฺส วฎฺฎติฯ อญฺญถา ติตฺถิยานํ อสทฺธมฺมสิทฺธิยาติฯ คณฺฐิปเท ปน ‘‘ชีวิตตฺถาย รุกฺขํ ฉินฺทนฺตสฺส อตฺตสิเนหวเสน ฉินฺทนโต อกุสลตฺตา น วฎฺฎติ, อญฺญสฺส วฎฺฎตี’’ติ ลิขิตํฯ อเนเกสุ รุเกฺขน โอตฺถเตสุ, โอปาเต วา ปติเตสุ อเญฺญน อญฺญสฺสตฺถาย รุกฺขเฉทนาทิ กาตุํ วฎฺฎติ, กสฺมา? ปรปริตฺตาณาธิปฺปายโตติฯ ปริตฺตนฺติ รกฺขณํ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สมนฺตา ภูมิตจฺฉน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ

    190. Kathaṃ? Kuṭirakkhaṇatthañhi bhagavatā paṭaggidānādi anuññātaṃ, kuṭi nāmesā bhikkhūnaṃ atthāya. Tasmā ‘‘bhikkhurakkhaṇatthaṃ aññassa bhikkhussa vaṭṭatī’ti vattabbamettha natthī’’ti vuttaṃ. Yadi evaṃ acchinnacīvarassa naggabhāvappaṭicchādanatthaṃ bhūtagāmapātabyatā bhagavatā anuññātā, jīvitarakkhaṇatthañca sappadaṭṭhakāle anuññātaṃ, tasmā ‘‘api jīvitaṃ pariccajitabbaṃ, na ca rukkho vā chinditabbo’’tiādi na vattabbaṃ siyā, tasmā taṃ nidassanaṃ appamāṇaṃ, aṭṭhakathācariyo evettha pamāṇaṃ. Ettha panāyaṃ ācariyassa takko – ariyapuggalesupi sattā naggiyaṃ passitvā appasādaṃ katvā nirayūpagā bhavissanti , tathā sappā ca ḍaṃsitvā, tesaṃ pāpavimocanatthaṃ bhūtagāmapātabyatā anuññātā. Dānapatīnaṃ cittarakkhaṇatthaṃ paṭaggidānādi. Aññathā lokassa puññantarāyo, saṅghassa ca lābhantarāyo hoti. Vadhakassa pana cittahitakaraṇaṃ natthi, taṃ pana avītikkamaṃ, jīvitapariccajanaṃ passitvā vā ‘‘aho dukkaraṃ kata’’nti pasādameva labheyyunti attano na vaṭṭati, aññassa vaṭṭati. Aññathā titthiyānaṃ asaddhammasiddhiyāti. Gaṇṭhipade pana ‘‘jīvitatthāya rukkhaṃ chindantassa attasinehavasena chindanato akusalattā na vaṭṭati, aññassa vaṭṭatī’’ti likhitaṃ. Anekesu rukkhena otthatesu, opāte vā patitesu aññena aññassatthāya rukkhachedanādi kātuṃ vaṭṭati, kasmā? Paraparittāṇādhippāyatoti. Parittanti rakkhaṇaṃ, taṃ dassetuṃ ‘‘samantā bhūmitacchana’’ntiādi vuttaṃ.

    ๑๙๑. ตีหิ มาริเต ปน วิสเงฺกตนฺติ เอตฺถ ตีสุ เอเกน มาริเตปิ ‘‘เขตฺตเมว โอติณฺณตฺตา ปาราชิก’’นฺติ วุตฺตตฺตา ตโยปิ เอกโต หุตฺวา มาเรนฺติ เจ, อาปชฺชติ, เตเนว วุตฺตํ ‘‘ปริเจฺฉทพฺภนฺตเร วา อวิสเงฺกต’’นฺติฯ ‘‘ปริเจฺฉทาติกฺกเม ปน สพฺพตฺถ วิสเงฺกตํ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา ทฺวินฺนํ พลํ คเหตฺวา ตติโย เจ มาเรติ อาปชฺชติ วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตพฺพํฯ ‘‘เทฺว มาเรนฺตู’’ติ วุเตฺต เอเกน วา ทฺวีหิ วา มาริเต ปาราชิกนฺติ ‘‘ทฺวินฺนํ ปหารานํ มรเณ สติ เทฺว มาริตา นาม โหนฺติ, อสติ เอโกว โหติ, ตสฺมา วิชานิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติฯ

    191.Tīhi mārite pana visaṅketanti ettha tīsu ekena māritepi ‘‘khettameva otiṇṇattā pārājika’’nti vuttattā tayopi ekato hutvā mārenti ce, āpajjati, teneva vuttaṃ ‘‘paricchedabbhantare vā avisaṅketa’’nti. ‘‘Paricchedātikkame pana sabbattha visaṅketaṃ hotī’’ti vuttattā dvinnaṃ balaṃ gahetvā tatiyo ce māreti āpajjati viya dissati, vīmaṃsitabbaṃ. ‘‘Dve mārentū’’ti vutte ekena vā dvīhi vā mārite pārājikanti ‘‘dvinnaṃ pahārānaṃ maraṇe sati dve māritā nāma honti, asati ekova hoti, tasmā vijānitabba’’nti vadanti.

    ตติยปาราชิกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tatiyapārājikavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact