Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā

    วินีตวตฺถุวณฺณนา

    Vinītavatthuvaṇṇanā

    อิทํ กินฺติ กเถตุกามตาปุจฺฉาฯ อิมาติอาทิ วิสฺสชฺชนํฯ วินีตานิ อาปตฺติํ ตฺวํ ภิกฺขุ อาปโนฺนติอาทินา (ปารา. ๖๗) ภควตา วินิจฺฉินิตานิ วตฺถูนิ วินีตวตฺถูนิฯ ตํ ตํ วตฺถุํ อุทฺธริตฺวา ทานโต ทสฺสนโต อุทฺทานภูตา คาถา อุทฺทานคาถา, สงฺคหคาถา, อุเทฺทสคาถาติ วุตฺตํ โหติฯ วตฺถุ คาถาติ เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขูติอาทิกา วินีตวตฺถุปาฬิเยว เตสํ เตสํ วินีตวตฺถูนํ คนฺถนโต ‘‘วตฺถุคาถา’’ติ วุตฺตา , น ฉโนฺทวิจิติลกฺขเณนฯ อุทฺทานคาถานํ วตฺถุ วตฺถุคาถาติ เอวํ วา เอตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เอตฺถาติ วินีตวตฺถูสุฯ ทุติยาทีนนฺติ ทุติยปาราชิกาทีนํฯ ยํ ปสฺสิตฺวา จิตฺตการาทโย สิปฺปิกา จิตฺตกมฺมาทีนิ สิกฺขนฺติ, ตํ ปฎิจฺฉนฺนกรูปํ, ปฎิมารูปนฺติ อโตฺถฯ

    Idaṃkinti kathetukāmatāpucchā. Imātiādi vissajjanaṃ. Vinītāni āpattiṃ tvaṃ bhikkhu āpannotiādinā (pārā. 67) bhagavatā vinicchinitāni vatthūni vinītavatthūni. Taṃ taṃ vatthuṃ uddharitvā dānato dassanato uddānabhūtā gāthā uddānagāthā, saṅgahagāthā, uddesagāthāti vuttaṃ hoti. Vatthu gāthāti tena kho pana samayena aññataro bhikkhūtiādikā vinītavatthupāḷiyeva tesaṃ tesaṃ vinītavatthūnaṃ ganthanato ‘‘vatthugāthā’’ti vuttā , na chandovicitilakkhaṇena. Uddānagāthānaṃ vatthu vatthugāthāti evaṃ vā ettha attho daṭṭhabbo. Etthāti vinītavatthūsu. Dutiyādīnanti dutiyapārājikādīnaṃ. Yaṃ passitvā cittakārādayo sippikā cittakammādīni sikkhanti, taṃ paṭicchannakarūpaṃ, paṭimārūpanti attho.

    ๖๗. ปุริมานิ เทฺวติ มกฺกฎีวชฺชิปุตฺตกวตฺถูนิ เทฺวฯ ตานิปิ ภควตา วินีตภาเวน ปุน วินีตวตฺถูสุ ปกฺขิตฺตานิฯ ตตฺถ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสีติอาทิ ปน กิญฺจาปิ เตสํ ปฐมํ กุกฺกุจฺจํ น อุปฺปนฺนํ, ภิกฺขูหิ ปน ภควตา จ ครหิตฺวา วุตฺตวจนํ สนฺธาย ปจฺฉา อุปฺปนฺนตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุนฺติอาทิ จ ภิกฺขูหิ อานนฺทเตฺถเรน จ ปฐมํ ภควโต อาโรจิเต, ภควตา จ เตสํ ปาราชิกเตฺต ปกาสิเต ภีตา เต สยมฺปิ คนฺตฺวา อตฺตโน กุกฺกุจฺจํ ปจฺฉา อาโรเจนฺติ เอวฯ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺว’’นฺติอาทินา ภควตา ปุฎฺฐา ปน ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ ปฎิชานนวเสนาปิ อาโรเจนฺติฯ ภควาปิ อาปตฺติํ ตฺวนฺติอาทินา เตสํ ปาราชิกตฺตํ วินิจฺฉิโนติ เอวฯ อนุปญฺญตฺติกถายํ ปน ตํ สพฺพํ อวตฺวา อนุปญฺญตฺติยา อนุคุณเมว กิญฺจิมตฺตํ วุตฺตํ, อิธาปิ เตสํ วตฺถูนํ ภควตา วินีตภาวทสฺสนตฺถํ เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เกจิ อิมํ อธิปฺปายํ อมนสิกตฺวา ‘‘อญฺญาเนเวตานิ วตฺถูนี’’ติ วทนฺติฯ กุเสติ กุสติณานิฯ เกเสหีติ มนุสฺสเกเสหิฯ

    67.Purimāni dveti makkaṭīvajjiputtakavatthūni dve. Tānipi bhagavatā vinītabhāvena puna vinītavatthūsu pakkhittāni. Tattha tassa kukkuccaṃ ahosītiādi pana kiñcāpi tesaṃ paṭhamaṃ kukkuccaṃ na uppannaṃ, bhikkhūhi pana bhagavatā ca garahitvā vuttavacanaṃ sandhāya pacchā uppannattaṃ sandhāya vuttaṃ. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuntiādi ca bhikkhūhi ānandattherena ca paṭhamaṃ bhagavato ārocite, bhagavatā ca tesaṃ pārājikatte pakāsite bhītā te sayampi gantvā attano kukkuccaṃ pacchā ārocenti eva. ‘‘Saccaṃ kira tva’’ntiādinā bhagavatā puṭṭhā pana ‘‘saccaṃ bhagavā’’ti paṭijānanavasenāpi ārocenti. Bhagavāpi āpattiṃ tvantiādinā tesaṃ pārājikattaṃ vinicchinoti eva. Anupaññattikathāyaṃ pana taṃ sabbaṃ avatvā anupaññattiyā anuguṇameva kiñcimattaṃ vuttaṃ, idhāpi tesaṃ vatthūnaṃ bhagavatā vinītabhāvadassanatthaṃ evaṃ vuttanti veditabbaṃ. Keci imaṃ adhippāyaṃ amanasikatvā ‘‘aññānevetāni vatthūnī’’ti vadanti. Kuseti kusatiṇāni. Kesehīti manussakesehi.

    ๖๘. วณฺณโปกฺขรตายาติ เอตฺถ โปกฺขลํ นาม สมิทฺธํ สุนฺทรญฺจ, ตสฺส ภาโว ‘‘โปกฺขรตา’’ติ ร-การํ กตฺวา วุโตฺต, สมิทฺธตา สุนฺทรตาติ อโตฺถฯ ปธํเสสีติ อภิภวิฯ น ลิมฺปตีติ น อลฺลียติฯ

    68.Vaṇṇapokkharatāyāti ettha pokkhalaṃ nāma samiddhaṃ sundarañca, tassa bhāvo ‘‘pokkharatā’’ti ra-kāraṃ katvā vutto, samiddhatā sundaratāti attho. Padhaṃsesīti abhibhavi. Na limpatīti na allīyati.

    ๖๙. เอวรูปา ปริวตฺตลิงฺคา ภิกฺขุนิโย อตฺถโต เอกโต อุปสมฺปนฺนาปิ อุภโตสเงฺฆ อุปสมฺปนฺนาสุเยว สงฺคยฺหนฺติ ภิกฺขูปสมฺปทาย ภิกฺขุนีอุปสมฺปทโตปิ อุกฺกฎฺฐตฺตาฯ ปาฬิยํ ‘‘ตาหิ อาปตฺตีหิ อนาปตฺติ’’นฺติ อุปโยควจนํ กตฺวา อนุชานามีติ ปเทน สมฺพนฺธิตพฺพํฯ อิตฺถิลิงฺคนฺติ ถนาทิกํ อิตฺถิสณฺฐานํ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘ปุริส…เป.… อิตฺถิสณฺฐานํ อุปฺปนฺน’’นฺติฯ ตํ นานนฺตริกโต ปน ‘‘ปุริสินฺทฺริยมฺปิ อนฺตรหิตํ, อิตฺถินฺทฺริยญฺจ อุปฺปนฺน’’นฺติ วุตฺตเมว โหติ, เอวํ อุปริปิ ลิงฺคคฺคหเณเนว อิตฺถินฺทฺริยาทิคฺคหณํ เวทิตพฺพํฯ ตาติ อาปตฺติโย, ตสฺส วุฎฺฐาตุนฺติ อิมินา สมฺพโนฺธ, ตาหิ อาปตฺตีหิ วุฎฺฐาเปตุนฺติ อโตฺถฯ กถนฺติ อาห ตา สพฺพาปิ ภิกฺขุนีหิ กาตพฺพนฺติอาทิฯ เตน ปฎิจฺฉนฺนายปิ อปฺปฎิจฺฉนฺนายปิ ครุกาปตฺติยา ปกฺขมานตฺตจรณาทิกํ วิธิํ ทเสฺสติฯ

    69. Evarūpā parivattaliṅgā bhikkhuniyo atthato ekato upasampannāpi ubhatosaṅghe upasampannāsuyeva saṅgayhanti bhikkhūpasampadāya bhikkhunīupasampadatopi ukkaṭṭhattā. Pāḷiyaṃ ‘‘tāhi āpattīhi anāpatti’’nti upayogavacanaṃ katvā anujānāmīti padena sambandhitabbaṃ. Itthiliṅganti thanādikaṃ itthisaṇṭhānaṃ vuttanti āha – ‘‘purisa…pe… itthisaṇṭhānaṃ uppanna’’nti. Taṃ nānantarikato pana ‘‘purisindriyampi antarahitaṃ, itthindriyañca uppanna’’nti vuttameva hoti, evaṃ uparipi liṅgaggahaṇeneva itthindriyādiggahaṇaṃ veditabbaṃ. ti āpattiyo, tassa vuṭṭhātunti iminā sambandho, tāhi āpattīhi vuṭṭhāpetunti attho. Kathanti āha tā sabbāpi bhikkhunīhi kātabbantiādi. Tena paṭicchannāyapi appaṭicchannāyapi garukāpattiyā pakkhamānattacaraṇādikaṃ vidhiṃ dasseti.

    โอกฺกนฺติกวินิจฺฉโยติ ปสงฺคานุคุณํ โอตรณกวินิจฺฉโยฯ พลวอกุสเลนาติ ปรทาริกกมฺมาทินาฯ ทุพฺพลกุสเลนาติ ยถาวุตฺตพลวากุสโลปหตสตฺตินา ตโต เอว ทุพฺพลภูเตน กุสเลนฯ ทุพฺพลอกุสเลนาติ ปุริสภาวุปฺปาทกพฺรหฺมจริยาทิพลวกุสโลปหตสตฺตินา ตโต เอว ทุพฺพลภูเตน ปรทาริกาทิอกุสเลนฯ สุคติยํ ภาวทฺวยสฺส กุสลกมฺมชตฺตา อกุสเลเนว วินาโส กุสเลเนว อุปฺปตฺตีติ อาห อุภยมฺปีติอาทิฯ ทุคฺคติยํ ปน อกุสเลเนว อุภินฺนมฺปิ อุปฺปตฺติ จ วินาโส จ, ตตฺถ ทุพฺพลพลวภาโวว วิเสโสฯ

    Okkantikavinicchayoti pasaṅgānuguṇaṃ otaraṇakavinicchayo. Balavaakusalenāti paradārikakammādinā. Dubbalakusalenāti yathāvuttabalavākusalopahatasattinā tato eva dubbalabhūtena kusalena. Dubbalaakusalenāti purisabhāvuppādakabrahmacariyādibalavakusalopahatasattinā tato eva dubbalabhūtena paradārikādiakusalena. Sugatiyaṃ bhāvadvayassa kusalakammajattā akusaleneva vināso kusaleneva uppattīti āha ubhayampītiādi. Duggatiyaṃ pana akusaleneva ubhinnampi uppatti ca vināso ca, tattha dubbalabalavabhāvova viseso.

    ‘‘เอหิ มยํ คมิสฺสามา’’ติ ภิกฺขุนิยา สทฺธิํ สํวิธาย เอกทฺธานคมเน ปาจิตฺติยาปตฺติปริหารตฺถํ วุตฺตํ ‘‘สํวิทหนํ ปริโมเจตฺวา’’ติฯ เตน เอกคามเกฺขเตฺตปิ พหิคามโต อนฺตรฆรํ สํวิธาย คมนมฺปิ อาปตฺติกรเมวาติ ทเสฺสติฯ ปริโมจนวิธิํ ทเสฺสโนฺต อาห มยนฺติอาทิฯ พหิคาเมติ คามนฺตเรฯ ทุติยิกา ภิกฺขุนี ปกฺกนฺตา วา โหตีติอาทินา (ปาจิ. ๖๙๓) วุตฺตอนาปตฺติลกฺขณํ อนุโลเมตีติ วุตฺตํ ‘‘คามนฺตร…เป.… อนาปตฺตี’’ติฯ โกเปตฺวาติ ปริจฺจชิตฺวาฯ ลชฺชินิโย…เป.… ลพฺภตีติ ลิงฺคปริวตฺตนทุกฺขปีฬิตสฺส สงฺคเหปิ อสติ หีนายาวตฺตนมฺปิ ภเวยฺยาติ ‘‘อาปทาสู’’ติ วุตฺตอนาปตฺติอนุโลเมน วุตฺตํฯ ตาย ทุติยิกํ คเหตฺวาว คนฺตพฺพํฯ อลชฺชินิโย…เป.… ลพฺภตีติ อลชฺชินีหิ สทฺธิํ เอกกมฺมาทิสํวาเส อาปตฺติสมฺภวโต ตา อสนฺตปกฺขํ ภชนฺตีติ วุตฺตํ, อิมินาเปตํ เวทิตพฺพํ ‘‘อลชฺชินีหิ สทฺธิํ ปริโภโค น วฎฺฎตี’’ติฯ ยทิ หิ วเฎฺฎยฺย, ตโตปิ ทุติยิกํ วินา คามนฺตรคมนาทีสุ อาปตฺติ เอว สิยา สงฺคาหิกตฺตา ตาสํ สงฺคาหิกลชฺชินิคณโต วิยฯ ญาติกา น โหนฺติ…เป.… วฎฺฎตีติ วทนฺตีติ อิมินา อฎฺฐกถาสุ อนาคตภาวํ ทีเปติฯ ตตฺถาปิ วิสฺสาสิกญาติกภิกฺขุนิโย วินา ภิกฺขุนิภาเว อรมนฺตสฺส มานปกติกสฺส อาปทาฎฺฐานสมฺภเวน ตํ วจนํ อปฺปฎิกฺขิตฺตมฺปิ ตทเญฺญสํ น วฎฺฎติเยวาติ คเหตพฺพํฯ ภิกฺขุภาเวปีติ ภิกฺขุกาเลปิ ฯ ตํ นิสฺสายาติ ตํ นิสฺสยาจริยํ กตฺวาฯ อุปชฺฌา คเหตพฺพาติ อุปสมฺปทาคหณตฺถํ อุปชฺฌา คเหตพฺพาฯ

    ‘‘Ehi mayaṃ gamissāmā’’ti bhikkhuniyā saddhiṃ saṃvidhāya ekaddhānagamane pācittiyāpattiparihāratthaṃ vuttaṃ ‘‘saṃvidahanaṃ parimocetvā’’ti. Tena ekagāmakkhettepi bahigāmato antaragharaṃ saṃvidhāya gamanampi āpattikaramevāti dasseti. Parimocanavidhiṃ dassento āha mayantiādi. Bahigāmeti gāmantare. Dutiyikā bhikkhunī pakkantā vā hotītiādinā (pāci. 693) vuttaanāpattilakkhaṇaṃ anulometīti vuttaṃ ‘‘gāmantara…pe… anāpattī’’ti. Kopetvāti pariccajitvā. Lajjiniyo…pe… labbhatīti liṅgaparivattanadukkhapīḷitassa saṅgahepi asati hīnāyāvattanampi bhaveyyāti ‘‘āpadāsū’’ti vuttaanāpattianulomena vuttaṃ. Tāya dutiyikaṃ gahetvāva gantabbaṃ. Alajjiniyo…pe… labbhatīti alajjinīhi saddhiṃ ekakammādisaṃvāse āpattisambhavato tā asantapakkhaṃ bhajantīti vuttaṃ, imināpetaṃ veditabbaṃ ‘‘alajjinīhi saddhiṃ paribhogo na vaṭṭatī’’ti. Yadi hi vaṭṭeyya, tatopi dutiyikaṃ vinā gāmantaragamanādīsu āpatti eva siyā saṅgāhikattā tāsaṃ saṅgāhikalajjinigaṇato viya. Ñātikā na honti…pe… vaṭṭatīti vadantīti iminā aṭṭhakathāsu anāgatabhāvaṃ dīpeti. Tatthāpi vissāsikañātikabhikkhuniyo vinā bhikkhunibhāve aramantassa mānapakatikassa āpadāṭṭhānasambhavena taṃ vacanaṃ appaṭikkhittampi tadaññesaṃ na vaṭṭatiyevāti gahetabbaṃ. Bhikkhubhāvepīti bhikkhukālepi . Taṃ nissāyāti taṃ nissayācariyaṃ katvā. Upajjhā gahetabbāti upasampadāgahaṇatthaṃ upajjhā gahetabbā.

    วินยกมฺมนฺติ วิกปฺปนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ปุน กาตพฺพนฺติ ปุน วิกเปฺปตพฺพํฯ ปุน ปฎิคฺคเหตฺวา สตฺตาหํ วฎฺฎตีติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนีนํ สนฺนิธิํ ภิกฺขูหิ, ภิกฺขูนํ สนฺนิธิํ ภิกฺขุนีหิ จ ปฎิคฺคาหาเปตฺวา ปริภุญฺชิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๔๒๑) วจนโต ปุน ปฎิคฺคเหตฺวา ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ สตฺตเม ทิวเสติ อิทญฺจ นิสฺสคฺคิยํ อนาปชฺชิตฺวาว ปุนปิ สตฺตาหํ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ปกตโตฺตติ อปริวตฺตลิโงฺคฯ รกฺขตีติ ตํ ปฎิคฺคหณวิชหนโต รกฺขติ, อวิภตฺตตาย ปฎิคฺคหณํ น วิชหตีติ อธิปฺปาโยฯ

    Vinayakammanti vikappanaṃ sandhāya vuttaṃ. Puna kātabbanti puna vikappetabbaṃ. Puna paṭiggahetvā sattāhaṃ vaṭṭatīti ‘‘anujānāmi, bhikkhave, bhikkhunīnaṃ sannidhiṃ bhikkhūhi, bhikkhūnaṃ sannidhiṃ bhikkhunīhi ca paṭiggāhāpetvā paribhuñjitu’’nti (cūḷava. 421) vacanato puna paṭiggahetvā paribhuñjituṃ vaṭṭatīti dassanatthaṃ vuttaṃ. Sattame divaseti idañca nissaggiyaṃ anāpajjitvāva punapi sattāhaṃ paribhuñjituṃ vaṭṭatīti dassanatthaṃ vuttaṃ. Pakatattoti aparivattaliṅgo. Rakkhatīti taṃ paṭiggahaṇavijahanato rakkhati, avibhattatāya paṭiggahaṇaṃ na vijahatīti adhippāyo.

    สามํ คเหตฺวาน นิกฺขิเปยฺยาติ สหเตฺถน ปฎิคฺคเหตฺวาน นิกฺขิเปยฺยฯ ปริภุญฺชนฺตสฺส อาปตฺตีติ ลิงฺคปริวเตฺต ชาเต ปุน อปฺปฎิคฺคเหตฺวา ปริภุญฺชนฺตสฺส อาปตฺติฯ

    Sāmaṃ gahetvāna nikkhipeyyāti sahatthena paṭiggahetvāna nikkhipeyya. Paribhuñjantassa āpattīti liṅgaparivatte jāte puna appaṭiggahetvā paribhuñjantassa āpatti.

    หีนายาวตฺตเนนาติ เอตฺถ เกจิ ‘‘ปกตตฺตสฺส ภิกฺขุโน สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย ‘คิหี ภวิสฺสามี’ติ คิหิลิงฺคคฺคหณํ หีนายาวตฺตน’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ ตตฺตเกน ภิกฺขุภาวสฺส อวิชหนโตฯ อเญฺญ ปน ‘‘ปาราชิกํ อาปนฺนสฺส ภิกฺขุปฎิญฺญํ ปหาย คิหิลิงฺคภาวูปคมนมฺปิ หีนายาวตฺตน’’นฺติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตเมวฯ ปาราชิกํ อาปโนฺน หิ ตํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ยาว ภิกฺขุปฎิโญฺญ โหติ, ตาว ภิกฺขุ เอว โหติ ภิกฺขูนเมว ปาราชิกสฺส ปญฺญตฺตตฺตาฯ ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติ หิ วุตฺตํฯ ตถา หิ โส สํวาสํ สาทิยโนฺตปิ เถยฺยสํวาสโก น โหติ, สหเสยฺยาทิอาปตฺติญฺจ น ชเนติ, อตฺตานํ โอมสนฺตสฺส ปาจิตฺติยญฺจ ชเนติฯ วุตฺตญฺหิ –

    Hīnāyāvattanenāti ettha keci ‘‘pakatattassa bhikkhuno sikkhaṃ appaccakkhāya ‘gihī bhavissāmī’ti gihiliṅgaggahaṇaṃ hīnāyāvattana’’nti vadanti, taṃ na yuttaṃ tattakena bhikkhubhāvassa avijahanato. Aññe pana ‘‘pārājikaṃ āpannassa bhikkhupaṭiññaṃ pahāya gihiliṅgabhāvūpagamanampi hīnāyāvattana’’nti vadanti, taṃ yuttameva. Pārājikaṃ āpanno hi taṃ paṭicchādetvā yāva bhikkhupaṭiñño hoti, tāva bhikkhu eva hoti bhikkhūnameva pārājikassa paññattattā. ‘‘Yo pana bhikkhū’’ti hi vuttaṃ. Tathā hi so saṃvāsaṃ sādiyantopi theyyasaṃvāsako na hoti, sahaseyyādiāpattiñca na janeti, attānaṃ omasantassa pācittiyañca janeti. Vuttañhi –

    ‘‘อสุโทฺธ โหติ ปุคฺคโล อญฺญตรํ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปโนฺน, ตเญฺจ สุทฺธทิฎฺฐิ สมาโน โอกาสํ การาเปตฺวา อโกฺกสาธิปฺปาโย วเทติ, อาปตฺติ โอมสวาทสฺสา’’ติ (ปารา. ๓๘๙)ฯ

    ‘‘Asuddho hoti puggalo aññataraṃ pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpanno, tañce suddhadiṭṭhi samāno okāsaṃ kārāpetvā akkosādhippāyo vadeti, āpatti omasavādassā’’ti (pārā. 389).

    เอเก ปน ‘‘ปาราชิกํ อาปนฺนานํ โทสํ ปฎิชานิตฺวา คิหิลิงฺคคฺคหณํ นาม สิกฺขาปจฺจกฺขาเน สโมธานํ คจฺฉติ เตนาปิ ปฎิญฺญาย ภิกฺขุภาวสฺส วิชหนโตฯ เตเนว วินยวินิจฺฉยาทีสุ หีนายาวตฺตนํ สิกฺขาปจฺจกฺขาเน สโมธาเนตฺวา วิสุํ ตํ น วุตฺตํฯ ตสฺมา ภิกฺขุนีนํ วิพฺภมิตุกามตาย คิหิลิงฺคคฺคหณํ อิธ หีนายาวตฺตนํ ตาสํ สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส อภาวโตฯ ตาสํ ปฎิคฺคหณวิชหนสฺสาปิ สพฺพโส วตฺตพฺพตฺตา’’ติ วทนฺติ, ตมฺปิ อปฺปฎิพาหิยเมวฯ ตสฺมา ปาราชิกานํ ภิกฺขุนีนญฺจ ‘‘อุปฺปพฺพชิสฺสามี’’ติ คิหิลิงฺคคฺคหณํ หีนายาวตฺตนนฺติ คเหตพฺพํฯ วิพฺภโมติปิ เอตเสฺสว นามํ, เตเนว ตํ ขุทฺทสิกฺขายํ ‘‘อเจฺฉทวิสฺสชฺชนคาหวิพฺภมา’’ติ อธิฎฺฐานวิชหเน วิพฺภมนาเมน วุตฺตํฯ

    Eke pana ‘‘pārājikaṃ āpannānaṃ dosaṃ paṭijānitvā gihiliṅgaggahaṇaṃ nāma sikkhāpaccakkhāne samodhānaṃ gacchati tenāpi paṭiññāya bhikkhubhāvassa vijahanato. Teneva vinayavinicchayādīsu hīnāyāvattanaṃ sikkhāpaccakkhāne samodhānetvā visuṃ taṃ na vuttaṃ. Tasmā bhikkhunīnaṃ vibbhamitukāmatāya gihiliṅgaggahaṇaṃ idha hīnāyāvattanaṃ tāsaṃ sikkhāpaccakkhānassa abhāvato. Tāsaṃ paṭiggahaṇavijahanassāpi sabbaso vattabbattā’’ti vadanti, tampi appaṭibāhiyameva. Tasmā pārājikānaṃ bhikkhunīnañca ‘‘uppabbajissāmī’’ti gihiliṅgaggahaṇaṃ hīnāyāvattananti gahetabbaṃ. Vibbhamotipi etasseva nāmaṃ, teneva taṃ khuddasikkhāyaṃ ‘‘acchedavissajjanagāhavibbhamā’’ti adhiṭṭhānavijahane vibbhamanāmena vuttaṃ.

    อนเปกฺขวิสฺสชฺชเนนาติ อญฺญสฺส อทตฺวาว อนตฺถิกเสฺสว ปฎิคฺคหิตวตฺถูนํ พหิ ฉฑฺฑเนนฯ เกจิ ‘‘ปฎิคฺคหิตวตฺถูสุ สาเปกฺขสฺส ปุเร ปฎิคฺคหิตภาวโต ปริโมจนตฺถํ ตตฺถ ปฎิคฺคหมตฺตสฺส วิสฺสชฺชนมฺปิ อนเปกฺขวิสฺสชฺชนเมว จีวราทิอธิฎฺฐานปจฺจุทฺธาโร วิยา’’ติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ ตถาวจนาภาวาฯ ยเถว หิ จีวราทีสุ อนเปกฺขวิสฺสชฺชเนน อธิฎฺฐานวิชหนํ วตฺวาปิ วิสุํ ปจฺจุทฺธาโร จ วุโตฺต, เอวมิธาปิ วตฺตพฺพํ, ยถา จ จีวราทีสุ กายปฎิพเทฺธสุปิ ปจฺจุทฺธาเรน อธิฎฺฐานํ วิคจฺฉติ, น เอวมิธฯ อิธ ปน ปฎิคฺคหิตวตฺถุสฺมิํ อนเปกฺขสฺสาปิ กายโต มุเตฺตเยว ตสฺมิํ ปฎิคฺคหณํ วิชหติฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สตกฺขตฺตุมฺปิ ปริจฺจชตุ, ยาว อตฺตโน หตฺถคตํ ปฎิคฺคหิตเมวา’’ติฯ อนเปกฺขวิสฺสชฺชเนนาติ เอตฺถ จ ‘‘อนเปกฺขายา’’ติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ อนเปกฺขตํ มุญฺจิตฺวา อิธ วิสุํ วิสฺสชฺชนสฺส อภาวาฯ น เหตฺถ ปจฺจุทฺธาเร วิย วิสฺสชฺชนวิธานมตฺถิฯ อปิจ ปฎิคฺคหณมตฺตวิสฺสชฺชเน สติ ปุเร ปฎิคฺคหิโตปิ อาหาโร ภุญฺชิตุกมฺยตาย อุปฺปนฺนาย ปฎิคฺคหณมตฺตํ วิสฺสเชฺชตฺวา ปุน ปฎิคฺคเหตฺวา ยถาสุขํ ภุญฺชิตโพฺพ สิยาติ, ตถา จ สนฺนิธิการกสิกฺขาปเท วุตฺตา สพฺพาปิ วินิจฺฉยเภทา นิรตฺถกา เอว สิยุํฯ วุตฺตญฺหิ ตตฺถ –

    Anapekkhavissajjanenāti aññassa adatvāva anatthikasseva paṭiggahitavatthūnaṃ bahi chaḍḍanena. Keci ‘‘paṭiggahitavatthūsu sāpekkhassa pure paṭiggahitabhāvato parimocanatthaṃ tattha paṭiggahamattassa vissajjanampi anapekkhavissajjanameva cīvarādiadhiṭṭhānapaccuddhāro viyā’’ti vadanti, taṃ na sundaraṃ tathāvacanābhāvā. Yatheva hi cīvarādīsu anapekkhavissajjanena adhiṭṭhānavijahanaṃ vatvāpi visuṃ paccuddhāro ca vutto, evamidhāpi vattabbaṃ, yathā ca cīvarādīsu kāyapaṭibaddhesupi paccuddhārena adhiṭṭhānaṃ vigacchati, na evamidha. Idha pana paṭiggahitavatthusmiṃ anapekkhassāpi kāyato mutteyeva tasmiṃ paṭiggahaṇaṃ vijahati. Tathā hi vuttaṃ ‘‘satakkhattumpi pariccajatu, yāva attano hatthagataṃ paṭiggahitamevā’’ti. Anapekkhavissajjanenāti ettha ca ‘‘anapekkhāyā’’ti ettakameva vattabbaṃ anapekkhataṃ muñcitvā idha visuṃ vissajjanassa abhāvā. Na hettha paccuddhāre viya vissajjanavidhānamatthi. Apica paṭiggahaṇamattavissajjane sati pure paṭiggahitopi āhāro bhuñjitukamyatāya uppannāya paṭiggahaṇamattaṃ vissajjetvā puna paṭiggahetvā yathāsukhaṃ bhuñjitabbo siyāti, tathā ca sannidhikārakasikkhāpade vuttā sabbāpi vinicchayabhedā niratthakā eva siyuṃ. Vuttañhi tattha –

    ‘‘คณฺฐิกปตฺตสฺส วา คณฺฐิกนฺตเร เสฺนโห ปวิโฎฺฐ โหติ…เป.… ตาทิเส ปเตฺตปิ ปุนทิวเส ภุญฺชนฺตสฺส ปาจิตฺติย’’นฺติอาทิ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๒๕๓)ฯ

    ‘‘Gaṇṭhikapattassa vā gaṇṭhikantare sneho paviṭṭho hoti…pe… tādise pattepi punadivase bhuñjantassa pācittiya’’ntiādi (pāci. aṭṭha. 253).

    ตตฺถ ปน ‘‘ปฎิคฺคหณํ อนเปกฺขจิเตฺตน วิสฺสเชฺชตฺวา ภุญฺชิตพฺพ’’นฺติ เอตฺตกเมว วตฺตพฺพํ, น จ วุตฺตํฯ กตฺถจิ อีทิเสสุ จ คณฺฐิกปตฺตาทีสุ ปฎิคฺคหเณ อเปกฺขา กสฺสจิปิ นเตฺถว ตปฺปหานาย วายามโต, ตถาปิ ตตฺถคตอามิเส ปฎิคฺคหณํ น วิคจฺฉติฯ กสฺมา? ภิกฺขุสฺส ปเตฺต ปุน ภุญฺชิตุกามตาเปกฺขาย วิชฺชมานตฺตา ปตฺตคติเก อาหาเรปิ ตสฺสา วตฺตนโตฯ น หิ ปตฺตํ อวิสฺสเชฺชตฺวา ตคฺคติกํ อาหารํ วิสฺสเชฺชตุํ สกฺกา, นาปิ อาหารํ อวิสฺสเชฺชตฺวา ตคฺคติกํ ปฎิคฺคหณํ วิสฺสเชฺชตุํฯ ตสฺมา วตฺถุโน วิสฺสชฺชนเมว อนเปกฺขวิสฺสชฺชนํ, น ปฎิคฺคหณสฺสาติ นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํฯ เตเนว สนฺนิธิสิกฺขาปทสฺส อนาปตฺติวาเร

    Tattha pana ‘‘paṭiggahaṇaṃ anapekkhacittena vissajjetvā bhuñjitabba’’nti ettakameva vattabbaṃ, na ca vuttaṃ. Katthaci īdisesu ca gaṇṭhikapattādīsu paṭiggahaṇe apekkhā kassacipi nattheva tappahānāya vāyāmato, tathāpi tatthagataāmise paṭiggahaṇaṃ na vigacchati. Kasmā? Bhikkhussa patte puna bhuñjitukāmatāpekkhāya vijjamānattā pattagatike āhārepi tassā vattanato. Na hi pattaṃ avissajjetvā taggatikaṃ āhāraṃ vissajjetuṃ sakkā, nāpi āhāraṃ avissajjetvā taggatikaṃ paṭiggahaṇaṃ vissajjetuṃ. Tasmā vatthuno vissajjanameva anapekkhavissajjanaṃ, na paṭiggahaṇassāti niṭṭhamettha gantabbaṃ. Teneva sannidhisikkhāpadassa anāpattivāre

    ‘‘อโนฺตสตฺตาหํ อธิเฎฺฐติ, วิสฺสเชฺชติ, นสฺสติ, วินสฺสติ, ฑยฺหติ, อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหนฺติ, วิสฺสาสํ คณฺหนฺติ, อนุปสมฺปนฺนสฺส จเตฺตน วเนฺตน มุเตฺตน อนเปโกฺข ทตฺวา ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชตี’’ติ –

    ‘‘Antosattāhaṃ adhiṭṭheti, vissajjeti, nassati, vinassati, ḍayhati, acchinditvā gaṇhanti, vissāsaṃ gaṇhanti, anupasampannassa cattena vantena muttena anapekkho datvā paṭilabhitvā paribhuñjatī’’ti –

    เอวํ สพฺพตฺถ วตฺถุวิสฺสชฺชนเมว วุตฺตํฯ เอตฺถ จ ‘‘อโนฺตสตฺตาหํ อธิเฎฺฐตี’’ติ พาหิรปริโภคาย อธิฎฺฐานวจนโต วตฺถุํ อวิสฺสเชฺชตฺวาปิ เกวลํ อนโชฺฌหริตุกามตาย สุทฺธจิเตฺตน พาหิรปริโภคตฺถาย นิยมนมฺปิ วิสุํ เอกํ ปฎิคฺคหณวิชหนการณเมว, อิทญฺจ สนฺธาย ปฎิคฺคหณมตฺตวิสฺสชฺชนํ วุตฺตํ สิยา, สุวุตฺตเมว สิยา, ตถา จ ‘‘ปุน ปฎิคฺคเหตฺวา ปริภุญฺชิสฺสามี’’ติ ปฎิคฺคหณวิสฺสชฺชนํ น วตฺตพฺพํ สิยา พาหิรปริโภคาธิฎฺฐานสฺส อิธาธิเปฺปตตฺตาฯ

    Evaṃ sabbattha vatthuvissajjanameva vuttaṃ. Ettha ca ‘‘antosattāhaṃ adhiṭṭhetī’’ti bāhiraparibhogāya adhiṭṭhānavacanato vatthuṃ avissajjetvāpi kevalaṃ anajjhoharitukāmatāya suddhacittena bāhiraparibhogatthāya niyamanampi visuṃ ekaṃ paṭiggahaṇavijahanakāraṇameva, idañca sandhāya paṭiggahaṇamattavissajjanaṃ vuttaṃ siyā, suvuttameva siyā, tathā ca ‘‘puna paṭiggahetvā paribhuñjissāmī’’ti paṭiggahaṇavissajjanaṃ na vattabbaṃ siyā bāhiraparibhogādhiṭṭhānassa idhādhippetattā.

    สารตฺถทีปนิยญฺหิ (สารตฺถ. ที. ปาราชิกกณฺฑ ๒.๖๙) ‘‘อนเปกฺขวิสฺสชฺชเนนาติ เอตฺถ อญฺญสฺส อทตฺวาว อนตฺถิกตาย ‘นตฺถิ อิมินา กมฺมํ น ทานิ นํ ปริภุญฺชิสฺสามี’ติ วตฺถูสุ วา, ‘ปุน ปฎิคฺคเหตฺวา ปฎิภุญฺชิสฺสามี’ติ ปฎิคฺคหเณ วา อนเปกฺขวิสฺสชฺชเนนา’’ติ เอวํ ปริภุญฺชิตุกามเสฺสว ปฎิคฺคหณมตฺตวิสฺสชฺชนมฺปิ ปฎิคฺคหณวิชหนการณํ วุตฺตํ, ตํ น คเหตพฺพํฯ ปุริมเมว ปน พาหิรปริโภคาธิฎฺฐานํ คเหตพฺพํฯ อิทํ ปน อฎฺฐกถาสุ ‘‘อนเปกฺขวิสฺสชฺชนสงฺขาเต วิสฺสเชฺชตี’’ติ วุตฺตปาฬิปทเตฺถ สงฺคเหตฺวา วิสุํ น วุตฺตํฯ นสฺสติ, วินสฺสติ, ฑยฺหติ, วิสฺสาสํ วา คณฺหนฺตีติ อิมานิ ปน ปทานิ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหนฺตีติ อิมสฺมิํ ปเท สงฺคหิตานีติ เวทิตพฺพํฯ

    Sāratthadīpaniyañhi (sārattha. dī. pārājikakaṇḍa 2.69) ‘‘anapekkhavissajjanenāti ettha aññassa adatvāva anatthikatāya ‘natthi iminā kammaṃ na dāni naṃ paribhuñjissāmī’ti vatthūsu vā, ‘puna paṭiggahetvā paṭibhuñjissāmī’ti paṭiggahaṇe vā anapekkhavissajjanenā’’ti evaṃ paribhuñjitukāmasseva paṭiggahaṇamattavissajjanampi paṭiggahaṇavijahanakāraṇaṃ vuttaṃ, taṃ na gahetabbaṃ. Purimameva pana bāhiraparibhogādhiṭṭhānaṃ gahetabbaṃ. Idaṃ pana aṭṭhakathāsu ‘‘anapekkhavissajjanasaṅkhāte vissajjetī’’ti vuttapāḷipadatthe saṅgahetvā visuṃ na vuttaṃ. Nassati, vinassati, ḍayhati, vissāsaṃ vā gaṇhantīti imāni pana padāni acchinditvā gaṇhantīti imasmiṃ pade saṅgahitānīti veditabbaṃ.

    อจฺฉินฺทิตฺวา คหเณนาติ อนุปสมฺปนฺนานํ พลกฺการาทินา อจฺฉินฺทิตฺวา คหเณนฯ อุปสมฺปนฺนานญฺหิ อจฺฉินฺทนวิสฺสาสคฺคาเหสุ ปฎิคฺคหณํ น วิชหติฯ เอตฺถาติ ภิกฺขุวิหาเรฯ อุปโรปกาติ เตน โรปิตา รุกฺขคจฺฉาฯ เตรสสุ สมฺมุตีสูติ ภตฺตุเทฺทสกเสนาสนปญฺญาปกภณฺฑาคาริกจีวรปฎิคฺคาหกจีวรภาชกยาคุภาชกผลภาชกขชฺชภาชกอปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชกสาทิยคาหาปกปตฺตคาหาปกอารามิกเปสกสามเณรเปสกสมฺมุติสงฺขาตาสุ เตรสสุ สมฺมุตีสุฯ

    Acchinditvā gahaṇenāti anupasampannānaṃ balakkārādinā acchinditvā gahaṇena. Upasampannānañhi acchindanavissāsaggāhesu paṭiggahaṇaṃ na vijahati. Etthāti bhikkhuvihāre. Uparopakāti tena ropitā rukkhagacchā. Terasasusammutīsūti bhattuddesakasenāsanapaññāpakabhaṇḍāgārikacīvarapaṭiggāhakacīvarabhājakayāgubhājakaphalabhājakakhajjabhājakaappamattakavissajjakasādiyagāhāpakapattagāhāpakaārāmikapesakasāmaṇerapesakasammutisaṅkhātāsu terasasu sammutīsu.

    ปจฺฉิมิกาย เสนาสนคฺคาเห ปฎิปฺปสฺสเทฺธปิ อปฺปฎิปฺปสฺสเทฺธปิ กถินตฺถารสฺส, ตมฺมูลกานํ ปญฺจานิสํสานญฺจ อภาวสฺส สมานตฺตา ตตฺถ วิชฺชมานมฺปิ เสนาสนคฺคาหปฎิปฺปสฺสทฺธิํ อทเสฺสตฺวา ตตฺถ ภิกฺขูหิ กตฺตพฺพํ สงฺคหเมว ทเสฺสตุํ สเจ ปจฺฉิมิกายาติอาทิ วุตฺตํฯ สเจ อกุสลวิปาเก …เป.… ฉารตฺตํ มานตฺตเมว ทาตพฺพนฺติ อิทํ ปฎิจฺฉนฺนาย สาธารณาปตฺติยา ปริวสนฺตสฺส อสมาทินฺนปริวาสสฺส วา ลิเงฺค ปริวเตฺต ปกฺขมานตฺตํ จรนฺตสฺส วเสน วุตฺตํฯ สเจ ปนสฺส ปกฺขมานเตฺต อสมาทิเนฺน เอว ปุน ลิงฺคํ ปริวตฺตติ, ปริวาสํ ทตฺวา ปริวุตฺถปริวาสเสฺสว ฉารตฺตํ มานตฺตํ ทาตพฺพํฯ ปริวาสทานํ นตฺถิ ภิกฺขุกาเล อปฺปฎิจฺฉนฺนภาวโตฯ สเจ ปน ภิกฺขุกาเลปิ สญฺจิจฺจ นาโรเจติ, อาปตฺติ ปฎิจฺฉนฺนาว โหติ, อาปตฺติปฎิจฺฉนฺนภาวโต ปริวาโส จ ทาตโพฺพติ วทนฺติฯ ปาราชิกํ อาปนฺนานํ อิตฺถิปุริสานํ ลิเงฺค ปริวเตฺตปิ ปาราชิกตฺตสฺส เอกสฺมิํ อตฺตภาเว อวิชหนโต ปุน อุปสมฺปทา น ทาตพฺพาติ คเหตพฺพํฯ เตเนว เตสํ สีสจฺฉินฺนปุริสาทโย นิทสฺสิตาฯ

    Pacchimikāya senāsanaggāhe paṭippassaddhepi appaṭippassaddhepi kathinatthārassa, tammūlakānaṃ pañcānisaṃsānañca abhāvassa samānattā tattha vijjamānampi senāsanaggāhapaṭippassaddhiṃ adassetvā tattha bhikkhūhi kattabbaṃ saṅgahameva dassetuṃ sace pacchimikāyātiādi vuttaṃ. Sace akusalavipāke …pe… chārattaṃ mānattameva dātabbanti idaṃ paṭicchannāya sādhāraṇāpattiyā parivasantassa asamādinnaparivāsassa vā liṅge parivatte pakkhamānattaṃ carantassa vasena vuttaṃ. Sace panassa pakkhamānatte asamādinne eva puna liṅgaṃ parivattati, parivāsaṃ datvā parivutthaparivāsasseva chārattaṃ mānattaṃ dātabbaṃ. Parivāsadānaṃ natthi bhikkhukāle appaṭicchannabhāvato. Sace pana bhikkhukālepi sañcicca nāroceti, āpatti paṭicchannāva hoti, āpattipaṭicchannabhāvato parivāso ca dātabboti vadanti. Pārājikaṃ āpannānaṃ itthipurisānaṃ liṅge parivattepi pārājikattassa ekasmiṃ attabhāve avijahanato puna upasampadā na dātabbāti gahetabbaṃ. Teneva tesaṃ sīsacchinnapurisādayo nidassitā.

    ๗๑. ตเถวาติ มุจฺจตุ วา มา วาติ อิมมตฺถํ อติทิสติฯ อเญฺญสนฺติ ปุถุชฺชเน สนฺธาย วุตฺตํฯ เตสญฺหิ อีทิเส ฐาเน อสาทิยนํ ทุกฺกรํ โสตาปนฺนาทิอริยานํ ตตฺถ ทุกฺกรตฺตาภาวาฯ น หิ อริยา ปาราชิกาทิโลกวชฺชาปตฺติํ อาปชฺชนฺติฯ

    71.Tathevāti muccatu vā mā vāti imamatthaṃ atidisati. Aññesanti puthujjane sandhāya vuttaṃ. Tesañhi īdise ṭhāne asādiyanaṃ dukkaraṃ sotāpannādiariyānaṃ tattha dukkarattābhāvā. Na hi ariyā pārājikādilokavajjāpattiṃ āpajjanti.

    ๗๓. สุผุสิตาติ อุปริมาย ทนฺตปนฺติยา เหฎฺฐิมา ทนฺตปนฺติ อาหจฺจ ฐิตา, อวิวฎาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อโนฺตมุเข โอกาโส นตฺถี’’ติฯ อุปฺปาฎิเต ปน โอฎฺฐมํเส ทเนฺต สุเยว อุปกฺกมนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยนฺติ นิมิเตฺตน พหินิมิเตฺต ฉุปนตฺตา วุตฺตํฯ พหินิกฺขนฺตทนฺตชิวฺหาสุปิ เอเสว นโยฯ นิชฺฌามตณฺหิกา นาม โลมกูเปหิ สมุฎฺฐิตอคฺคิชาลาหิ ทฑฺฒสรีรตาย อติวิย ตสิตรูปาฯ อาทิ-สเทฺทน ขุปฺปิปาสาสุรา อฎฺฐิจมฺมาวสิฎฺฐา ภยานกสรีรา เปติโย สงฺคหิตาฯ วิสญฺญํ กตฺวาติ ยถา โส กตมฺปิ อุปกฺกมํ น ชานาติ, เอวํ กตฺวาฯ เตน จ วิสญฺญี อหุตฺวา สาทิยนฺตสฺส ปาราชิกเมวาติ ทเสฺสติฯ อุปหตกายปฺปสาโทติ วาตปิตฺตาทิโทเสหิ กายวิญฺญาณานุปฺปาทกภาเวน ทูสิตกายปฺปสาโท, น ปน วินฎฺฐกายปฺปสาโทฯ สีเส ปเตฺตติ มเคฺคน มคฺคปฺปฎิปาทเน ชาเตฯ อปฺปเวเสตุกามตาย เอว นิมิเตฺตน นิมิตฺตฉุปเน ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํ, เสเวตุกามสฺส ปน ตตฺถาปิ ทุกฺกฎเมวาติ อาห ‘‘ทุกฺขฎเมว สามนฺต’’นฺติฯ

    73.Suphusitāti uparimāya dantapantiyā heṭṭhimā dantapanti āhacca ṭhitā, avivaṭāti attho. Tenāha ‘‘antomukhe okāso natthī’’ti. Uppāṭite pana oṭṭhamaṃse dante suyeva upakkamantassa thullaccayanti nimittena bahinimitte chupanattā vuttaṃ. Bahinikkhantadantajivhāsupi eseva nayo. Nijjhāmataṇhikā nāma lomakūpehi samuṭṭhitaaggijālāhi daḍḍhasarīratāya ativiya tasitarūpā. Ādi-saddena khuppipāsāsurā aṭṭhicammāvasiṭṭhā bhayānakasarīrā petiyo saṅgahitā. Visaññaṃ katvāti yathā so katampi upakkamaṃ na jānāti, evaṃ katvā. Tena ca visaññī ahutvā sādiyantassa pārājikamevāti dasseti. Upahatakāyappasādoti vātapittādidosehi kāyaviññāṇānuppādakabhāvena dūsitakāyappasādo, na pana vinaṭṭhakāyappasādo. Sīse patteti maggena maggappaṭipādane jāte. Appavesetukāmatāya eva nimittena nimittachupane thullaccayaṃ vuttaṃ, sevetukāmassa pana tatthāpi dukkaṭamevāti āha ‘‘dukkhaṭameva sāmanta’’nti.

    ๗๔. ชาติ-สเทฺทน สุมนปุปฺผปริยาเยน ตนฺนิสฺสโย คุโมฺพ อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘ชาติปุปฺผคุมฺพาน’’นฺติฯ เตน จ ชาติยา อุปลกฺขิตํ วนํ ชาติยาวนนฺติ อลุตฺตสมาโสติ ทเสฺสติฯ เอกรสนฺติ วีถิจิเตฺตหิ อสมฺมิสฺสํฯ

    74. Jāti-saddena sumanapupphapariyāyena tannissayo gumbo adhippetoti āha ‘‘jātipupphagumbāna’’nti. Tena ca jātiyā upalakkhitaṃ vanaṃ jātiyāvananti aluttasamāsoti dasseti. Ekarasanti vīthicittehi asammissaṃ.

    ๗๗. อุปฺปเนฺน วตฺถุมฺหีติ อิตฺถีหิ กตอชฺฌาจารวตฺถุสฺมิํฯ รุกฺขสูจิกณฺฎกทฺวารนฺติ รุกฺขสูจิทฺวารํ กณฺฎกทฺวารํ, เอวเมว วา ปาโฐฯ ตตฺถ ยํ อุโภสุ ปเสฺสสุ รุกฺขถเมฺภ นิขนิตฺวา ตตฺถ มเชฺฌ วิชฺฌิตฺวา เทฺว ติโสฺส รุกฺขสูจิโย ปเวเสตฺวา กโรนฺติ, ตํ รุกฺขสูจิทฺวารํ นามฯ ปเวสนนิกฺขมนกาเล ปน อปเนตฺวา ถกนกโยเคฺคน กณฺฎกสาขาปฎเลน ยุตฺตํ ทฺวารํ กณฺฎกทฺวารํ นามฯ คามทฺวารสฺส ปิธานตฺถํ ปทเรน กณฺฎกสาขาทีหิ วา กตสฺส กวาฎสฺส อุทุกฺขลปาสรหิตตาย เอเกน สํวริตุํ วิวริตุญฺจ อสกฺกุเณยฺยสฺส เหฎฺฐา เอกํ จกฺกํ โยเชนฺติ, เยน ปริวตฺตมาเนน ตํ กวาฎํ สุขถกนํ โหติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จกฺกลกยุตฺตทฺวาร’’นฺติฯ จกฺกเมว หิ ลาตพฺพเฎฺฐน สํวรณวิวรณตฺถาย คเหตพฺพเฎฺฐน จกฺกลกํ, เตน ยุตฺตมฺปิ กวาฎํ จกฺกลกํ นาม, เตน ยุตฺตํ ทฺวารํ จกฺกลกยุตฺตทฺวารํฯ มหาทฺวาเรสุ ปน เทฺว ตีณิปิ จกฺกลกานิ โยเชนฺตีติ อาห ผลเกสูติอาทิฯ กิฎิกาสูติ เวฬุเปสิกาหิ กณฺฎกสาขาทีหิ จ กตถกนเกสุฯ สํสรณกิฎิกทฺวารนฺติ จกฺกลกยเนฺตน สํสรณกิฎิกายุตฺตมหาทฺวารํฯ โคเปฺผตฺวาติ อาวุณิตฺวา, รชฺชูหิ คเนฺถตฺวา วาฯ เอกํ ทุสฺสสาณิทฺวารเมวาติ เอตฺถ กิลญฺชสาณิทฺวารมฺปิ สงฺคหํ คจฺฉติ ตคฺคติกตฺตาฯ อถ ภิกฺขู…เป.… นิสินฺนา โหนฺตีติ อิทํ ภิกฺขูนํ สนฺนิหิตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ นิปเนฺนปิ อาโภคํ กาตุํ วฎฺฎติ, นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายเนฺต ปน อาโภคํ กาตุํ น วฎฺฎติ อสนฺตปเกฺข ฐิตตฺตาฯ รโห นิสชฺชาย วิย ทฺวารสํวรณํ นาม มาตุคามานํ ปเวสนนิวารณตฺถํ อนุญฺญาตนฺติ อาห ภิกฺขุนิํ วาติอาทิฯ นิเสฺสณิํ อาโรเปตฺวาติ อิทํ เหฎฺฐิมตลสฺส สทฺวารพนฺธตาย วุตฺตํฯ จตูสุ ทิสาสุ ปริกฺขิตฺตสฺส กุฎฺฎสฺส เอกาพทฺธตาย ‘‘เอกกุฎฺฎเก’’ติ วุตฺตํฯ ปจฺฉิมานํ ภาโรติ ปาฬิยา อาคจฺฉเนฺต สนฺธาย วุตฺตํฯ เยน เกนจิ ปริกฺขิเตฺตติ เอตฺถ ปริเกฺขปสฺส อุเพฺพธโต ปมาณํ สหเสยฺยปฺปโหนเก วุตฺตสทิสเมวฯ

    77.Uppanne vatthumhīti itthīhi kataajjhācāravatthusmiṃ. Rukkhasūcikaṇṭakadvāranti rukkhasūcidvāraṃ kaṇṭakadvāraṃ, evameva vā pāṭho. Tattha yaṃ ubhosu passesu rukkhathambhe nikhanitvā tattha majjhe vijjhitvā dve tisso rukkhasūciyo pavesetvā karonti, taṃ rukkhasūcidvāraṃ nāma. Pavesananikkhamanakāle pana apanetvā thakanakayoggena kaṇṭakasākhāpaṭalena yuttaṃ dvāraṃ kaṇṭakadvāraṃ nāma. Gāmadvārassa pidhānatthaṃ padarena kaṇṭakasākhādīhi vā katassa kavāṭassa udukkhalapāsarahitatāya ekena saṃvarituṃ vivarituñca asakkuṇeyyassa heṭṭhā ekaṃ cakkaṃ yojenti, yena parivattamānena taṃ kavāṭaṃ sukhathakanaṃ hoti, taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘cakkalakayuttadvāra’’nti. Cakkameva hi lātabbaṭṭhena saṃvaraṇavivaraṇatthāya gahetabbaṭṭhena cakkalakaṃ, tena yuttampi kavāṭaṃ cakkalakaṃ nāma, tena yuttaṃ dvāraṃ cakkalakayuttadvāraṃ. Mahādvāresu pana dve tīṇipi cakkalakāni yojentīti āha phalakesūtiādi. Kiṭikāsūti veḷupesikāhi kaṇṭakasākhādīhi ca katathakanakesu. Saṃsaraṇakiṭikadvāranti cakkalakayantena saṃsaraṇakiṭikāyuttamahādvāraṃ. Gopphetvāti āvuṇitvā, rajjūhi ganthetvā vā. Ekaṃ dussasāṇidvāramevāti ettha kilañjasāṇidvārampi saṅgahaṃ gacchati taggatikattā. Atha bhikkhū…pe… nisinnā hontīti idaṃ bhikkhūnaṃ sannihitabhāvadassanatthaṃ vuttaṃ. Nipannepi ābhogaṃ kātuṃ vaṭṭati, nipajjitvā niddāyante pana ābhogaṃ kātuṃ na vaṭṭati asantapakkhe ṭhitattā. Raho nisajjāya viya dvārasaṃvaraṇaṃ nāma mātugāmānaṃ pavesananivāraṇatthaṃ anuññātanti āha bhikkhuniṃ vātiādi. Nisseṇiṃ āropetvāti idaṃ heṭṭhimatalassa sadvārabandhatāya vuttaṃ. Catūsu disāsu parikkhittassa kuṭṭassa ekābaddhatāya ‘‘ekakuṭṭake’’ti vuttaṃ. Pacchimānaṃ bhāroti pāḷiyā āgacchante sandhāya vuttaṃ. Yena kenaci parikkhitteti ettha parikkhepassa ubbedhato pamāṇaṃ sahaseyyappahonake vuttasadisameva.

    มหาปริเวณนฺติ มหนฺตํ องฺคณํ, เตน จ พหุชนสญฺจารํ ทเสฺสติ, เตนาห มหาโพธีติอาทิฯ อรุเณ อุคฺคเต วุฎฺฐหติ, อนาปตฺติ อนาปตฺติเขตฺตภูตาย รตฺติยา สุทฺธจิเตฺตน นิปนฺนตฺตาฯ ปพุชฺฌิตฺวา ปุน สุปติ อาปตฺตีติ อรุเณ อุคฺคเต ปพุชฺฌิตฺวา อรุณุคฺคมนํ ญตฺวา วา อญตฺวา วา อนุฎฺฐหิตฺวา สยิตสนฺตาเนน สุปติ อุฎฺฐหิตฺวา กตฺตพฺพสฺส ทฺวารสํวรณาทิโน อกตตฺตา อกิริยสมุฎฺฐานา อาปตฺติ โหติ อนาปตฺติเขเตฺต กตนิปชฺชนกิริยาย อนงฺคตฺตาฯ อยญฺหิ อาปตฺติ อีทิเส ฐาเน อกิริยา, ทิวา อสํวริตฺวา นิปชฺชนกฺขเณ กิริยา จ อจิตฺตกา จาติ เวทิตพฺพาฯ ปุรารุณา ปพุชฺฌิตฺวาปิ ยาว อรุณุคฺคมนา สยนฺตสฺสาปิ ปุริมนเยน อาปตฺติเยวฯ อรุเณ อุคฺคเต วุฎฺฐหิสฺสามีติ…เป.… อาปตฺติเยวาติ เอตฺถ กทา ตสฺส อาปตฺตีติ? วุจฺจเต – น ตาว รตฺติยํ ‘‘ทิวา อาปชฺชติ โน รตฺติ’’นฺติ (ปริ. ๓๒๓) วุตฺตตฺตาฯ ‘‘อนาทริยทุกฺกฎา น มุจฺจตี’’ติ วุตฺตทุกฺกฎํ ปน ทิวาสยนทุกฺกฎเมว น โหติ อนาทริยทุกฺกฎตฺตาฯ เอวํ อรุณุคฺคมเน ปน อจิตฺตกํ อกิริยสมุฎฺฐานํ อาปตฺติํ อาปชฺชตีติ เวทิตพฺพํฯ โส สเจ ทฺวารํ สํวริตฺวา ‘‘อรุเณ อุคฺคเต วุฎฺฐหิสฺสามี’’ติ นิปชฺชติ, ทฺวาเร จ อเญฺญหิ อรุณุคฺคมนกาเล วิวเฎปิ ตสฺส อนาปตฺติเยว ทฺวารปิทหนสฺส รตฺติทิวาภาเคสุ วิเสสาภาวาฯ อาปตฺติอาปชฺชนเสฺสว กาลวิเสโส อิจฺฉิตโพฺพ, น ตปฺปริหารสฺสาติ คเหตพฺพํ, ‘‘ทฺวารํ อสํวริตฺวา รตฺติํ นิปชฺชตี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๗๗) หิ วุตฺตํฯ ทิวา สํวริตฺวา นิปนฺนสฺส เกนจิ วิวเฎปิ ทฺวาเร อนาปตฺติเยวฯ อตฺตนาปิ อนุฎฺฐหิตฺวาว สติ ปจฺจเย วิวเฎปิ อนาปตฺตีติ วทนฺติฯ ยถาปริเจฺฉทเมว จ น วุฎฺฐาตีติ อรุเณ อุคฺคเตเยว อุฎฺฐาติฯ อาปตฺติเยวาติ มูลาปตฺติํเยว สนฺธาย วุตฺตํ, อนาทริยอาปตฺติ ปน ปุรารุณา อุฎฺฐิตสฺสาปิ ตสฺส โหเตว ‘‘ทุกฺกฎา น มุจฺจตี’’ติ วุตฺตตฺตา, ทุกฺกฎา น มุจฺจตีติ จ ปุรารุณา อุฎฺฐหิตฺวา มูลาปตฺติยา มุโตฺตปิ อนาทริยทุกฺกฎา น มุจฺจตีติ อธิปฺปาโยฯ

    Mahāpariveṇanti mahantaṃ aṅgaṇaṃ, tena ca bahujanasañcāraṃ dasseti, tenāha mahābodhītiādi. Aruṇe uggate vuṭṭhahati, anāpatti anāpattikhettabhūtāya rattiyā suddhacittena nipannattā. Pabujjhitvā puna supati āpattīti aruṇe uggate pabujjhitvā aruṇuggamanaṃ ñatvā vā añatvā vā anuṭṭhahitvā sayitasantānena supati uṭṭhahitvā kattabbassa dvārasaṃvaraṇādino akatattā akiriyasamuṭṭhānā āpatti hoti anāpattikhette katanipajjanakiriyāya anaṅgattā. Ayañhi āpatti īdise ṭhāne akiriyā, divā asaṃvaritvā nipajjanakkhaṇe kiriyā ca acittakā cāti veditabbā. Purāruṇā pabujjhitvāpi yāva aruṇuggamanā sayantassāpi purimanayena āpattiyeva. Aruṇe uggate vuṭṭhahissāmīti…pe… āpattiyevāti ettha kadā tassa āpattīti? Vuccate – na tāva rattiyaṃ ‘‘divā āpajjati no ratti’’nti (pari. 323) vuttattā. ‘‘Anādariyadukkaṭā na muccatī’’ti vuttadukkaṭaṃ pana divāsayanadukkaṭameva na hoti anādariyadukkaṭattā. Evaṃ aruṇuggamane pana acittakaṃ akiriyasamuṭṭhānaṃ āpattiṃ āpajjatīti veditabbaṃ. So sace dvāraṃ saṃvaritvā ‘‘aruṇe uggate vuṭṭhahissāmī’’ti nipajjati, dvāre ca aññehi aruṇuggamanakāle vivaṭepi tassa anāpattiyeva dvārapidahanassa rattidivābhāgesu visesābhāvā. Āpattiāpajjanasseva kālaviseso icchitabbo, na tapparihārassāti gahetabbaṃ, ‘‘dvāraṃ asaṃvaritvā rattiṃ nipajjatī’’ti (pārā. aṭṭha. 1.77) hi vuttaṃ. Divā saṃvaritvā nipannassa kenaci vivaṭepi dvāre anāpattiyeva. Attanāpi anuṭṭhahitvāva sati paccaye vivaṭepi anāpattīti vadanti. Yathāparicchedameva ca na vuṭṭhātīti aruṇe uggateyeva uṭṭhāti. Āpattiyevāti mūlāpattiṃyeva sandhāya vuttaṃ, anādariyaāpatti pana purāruṇā uṭṭhitassāpi tassa hoteva ‘‘dukkaṭā na muccatī’’ti vuttattā, dukkaṭā na muccatīti ca purāruṇā uṭṭhahitvā mūlāpattiyā muttopi anādariyadukkaṭā na muccatīti adhippāyo.

    นิทฺทาวเสน นิปชฺชตีติ โวหารวเสน วุตฺตํ, ปาทานํ ปน ภูมิโต อโมจิตตฺตา อยํ นิปโนฺน นาม น โหติ, เตเนว อนาปตฺติ วุตฺตาฯ อปสฺสาย สุปนฺตสฺสาติ กฎิฎฺฐิโต อุทฺธํ ปิฎฺฐิกณฺฎเก อปฺปมตฺตกมฺปิ ปเทสํ ภูมิํ อผุสาเปตฺวา ถมฺภาทิํ อปสฺสาย สุปนฺตสฺสฯ กฎิฎฺฐิํ ปน ภูมิํ ผุสาเปนฺตสฺส สยนํ นาม โหติฯ ปิฎฺฐิปสารณลกฺขณา หิ เสยฺยาฯ ทีฆวนฺทนาทีสุปิ ติริยํ ปิฎฺฐิกณฺฎกานํ ปสาริตตฺตา นิปชฺชนเมวาติ อาปตฺติ ปริหริตพฺพาว ‘‘วนฺทามีติ ปาทมูเล นิปชฺชี’’ติอาทีสุ นิปชฺชนเสฺสว วุตฺตตฺตาฯ ตสฺสาปิ อนาปตฺติ ปตนกฺขเณ อวิสยตฺตา, วิสเย ชาเต สหสา วุฎฺฐิตตฺตา จฯ ยสฺส ปน วิสญฺญิตาย ปจฺฉาปิ อวิสโย, เอตสฺส อนาปตฺติเยว ปติตกฺขเณ วิยฯ ตเตฺถว สยติ น วุฎฺฐาตีติ อิมินา วิสเยปิ อกรณํ ทเสฺสติ, เตเนว ‘‘ตสฺส อาปตฺตี’’ติ วุตฺตํฯ

    Niddāvasena nipajjatīti vohāravasena vuttaṃ, pādānaṃ pana bhūmito amocitattā ayaṃ nipanno nāma na hoti, teneva anāpatti vuttā. Apassāya supantassāti kaṭiṭṭhito uddhaṃ piṭṭhikaṇṭake appamattakampi padesaṃ bhūmiṃ aphusāpetvā thambhādiṃ apassāya supantassa. Kaṭiṭṭhiṃ pana bhūmiṃ phusāpentassa sayanaṃ nāma hoti. Piṭṭhipasāraṇalakkhaṇā hi seyyā. Dīghavandanādīsupi tiriyaṃ piṭṭhikaṇṭakānaṃ pasāritattā nipajjanamevāti āpatti pariharitabbāva ‘‘vandāmīti pādamūle nipajjī’’tiādīsu nipajjanasseva vuttattā. Tassāpi anāpatti patanakkhaṇe avisayattā, visaye jāte sahasā vuṭṭhitattā ca. Yassa pana visaññitāya pacchāpi avisayo, etassa anāpattiyeva patitakkhaṇe viya. Tattheva sayati na vuṭṭhātīti iminā visayepi akaraṇaṃ dasseti, teneva ‘‘tassa āpattī’’ti vuttaṃ.

    เอกภเงฺคนาติ อุโภ ปาเท ภูมิโต อโมเจตฺวาว เอกปเสฺสน สรีรํ ภญฺชิตฺวา นิปโนฺนฯ มหาอฎฺฐกถายํ ปน มหาปทุมเตฺถเรน วุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธ, เตน ‘‘มหาอฎฺฐกถาย ลิขิตมหาปทุมเตฺถรวาโท อย’’นฺติ ทเสฺสติฯ ตตฺถ สุปนฺตสฺสาปิ อวิสยตฺตมตฺถีติ มหาปทุมเตฺถเรน ‘‘อวิสยตฺตา ปน อาปตฺติ น ทิสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ อาจริยา ปน สุปนฺตสฺส วิสญฺญตฺตาภาเวน วิสยตฺตา อนาปตฺติํ น กถยนฺติฯ วิสญฺญเตฺต สติ อนาปตฺติเยวฯ เทฺว ปน ชนาติอาทิปิ มหาอฎฺฐกถายเมว วจนํ, ตเทว ปจฺฉา วุตฺตตฺตา ปมาณํฯ ยกฺขคหิตคฺคหเณเนว เจตฺถ วิสญฺญีภูโตปิ สงฺคหิโตฯ เอกภเงฺคน นิปโนฺน ปน อนิปนฺนตฺตา อาปตฺติโต มุจฺจติเยวาติ คเหตพฺพํฯ

    Ekabhaṅgenāti ubho pāde bhūmito amocetvāva ekapassena sarīraṃ bhañjitvā nipanno. Mahāaṭṭhakathāyaṃ pana mahāpadumattherena vuttanti sambandho, tena ‘‘mahāaṭṭhakathāya likhitamahāpadumattheravādo aya’’nti dasseti. Tattha supantassāpi avisayattamatthīti mahāpadumattherena ‘‘avisayattā pana āpatti na dissatī’’ti vuttaṃ. Ācariyā pana supantassa visaññattābhāvena visayattā anāpattiṃ na kathayanti. Visaññatte sati anāpattiyeva. Dve pana janātiādipi mahāaṭṭhakathāyameva vacanaṃ, tadeva pacchā vuttattā pamāṇaṃ. Yakkhagahitaggahaṇeneva cettha visaññībhūtopi saṅgahito. Ekabhaṅgena nipanno pana anipannattā āpattito muccatiyevāti gahetabbaṃ.

    ๗๘. อปเทติ อากาเสฯ ปทนฺติ ปทวฬญฺชํ, เตนาห ‘‘อากาเส ปท’’นฺติฯ เอตทคฺคนฺติ เอโส อโคฺคฯ ยทิทนฺติ โย อยํฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ

    78.Apadeti ākāse. Padanti padavaḷañjaṃ, tenāha ‘‘ākāse pada’’nti. Etadagganti eso aggo. Yadidanti yo ayaṃ. Sesaṃ uttānameva.

    อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฎฺฐกถาย วิมติวิโนทนิยํ

    Iti samantapāsādikāya vinayaṭṭhakathāya vimativinodaniyaṃ

    ปฐมปาราชิกวณฺณนานโย นิฎฺฐิโตฯ

    Paṭhamapārājikavaṇṇanānayo niṭṭhito.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. ปฐมปาราชิกํ • 1. Paṭhamapārājikaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑. ปฐมปาราชิกํ • 1. Paṭhamapārājikaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact