Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
วินีตวตฺถุวณฺณนา
Vinītavatthuvaṇṇanā
๑๘๐. โวหารวเสนาติ ปุพฺพภาคโวหารวเสน, มรณาธิปฺปายสฺส สนฺนิฎฺฐาปกเจตนากฺขเณ กรุณาย อภาวโต การุเญฺญน ปาเส พทฺธสูกรโมจนํ (ปารา. ๑๕๓) วิย น โหตีติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘ยถายุนา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ ‘‘ยถานุสนฺธินา’’ติ ปริยายนฺตเรน วุตฺตํฯ เหฎฺฐา กิสฺมิญฺจิ วิชฺชมาเน สาฎกํ วลิํ คณฺหาตีติ อาห ‘‘ยสฺมิํ วลิ น ปญฺญายตี’’ติฯ ปฎิเวกฺขณเญฺจตํ คิหีนํ สนฺตเก เอวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปาฬิยํ มุสเล อุสฺสิเตติ อญฺญมญฺญํ อุปตฺถเมฺภตฺวา ทฺวีสุ มุสเลสุ ภิตฺติํ อปสฺสาย ฐปิเตสูติ อโตฺถฯ อุทุกฺขลภณฺฑิกนฺติ อุทุกฺขลตฺถาย อานีตํ ทารุภณฺฑํฯ ปริพนฺธนฺติ โภชนปริพนฺธํ, โภชนนฺตรายนฺติ วุตฺตํ โหติฯ
180.Vohāravasenāti pubbabhāgavohāravasena, maraṇādhippāyassa sanniṭṭhāpakacetanākkhaṇe karuṇāya abhāvato kāruññena pāse baddhasūkaramocanaṃ (pārā. 153) viya na hotīti adhippāyo. ‘‘Yathāyunā’’ti vuttamevatthaṃ ‘‘yathānusandhinā’’ti pariyāyantarena vuttaṃ. Heṭṭhā kismiñci vijjamāne sāṭakaṃ valiṃ gaṇhātīti āha ‘‘yasmiṃ vali na paññāyatī’’ti. Paṭivekkhaṇañcetaṃ gihīnaṃ santake evāti daṭṭhabbaṃ. Pāḷiyaṃ musale ussiteti aññamaññaṃ upatthambhetvā dvīsu musalesu bhittiṃ apassāya ṭhapitesūti attho. Udukkhalabhaṇḍikanti udukkhalatthāya ānītaṃ dārubhaṇḍaṃ. Paribandhanti bhojanaparibandhaṃ, bhojanantarāyanti vuttaṃ hoti.
๑๘๑. อคฺคการิกนฺติ เอตฺถ การิก-สทฺทสฺส ภาววจนตฺตา ‘‘อคฺคกิริย’’นฺติ อตฺถํ วตฺวาปิ ยสฺมา กิริยํ ทาตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ทานสงฺขาตาย อคฺคกิริยาย ยุตฺตปิณฺฑปาตเมว อิธ อุปจารยุตฺติยา อคฺคกิริยาติ คเหตพฺพนฺติ อาห ปฐมํ ลทฺธปิณฺฑปาตนฺติอาทิฯ
181. Aggakārikanti ettha kārika-saddassa bhāvavacanattā ‘‘aggakiriya’’nti atthaṃ vatvāpi yasmā kiriyaṃ dātuṃ na sakkā, tasmā dānasaṅkhātāya aggakiriyāya yuttapiṇḍapātameva idha upacārayuttiyā aggakiriyāti gahetabbanti āha paṭhamaṃ laddhapiṇḍapātantiādi.
๑๘๒-๓. ทณฺฑมุคฺครนิขาทนเวมาทีนํ วเสนาติ เอตฺถ ทโณฺฑ นาม ทีฆทโณฺฑฯ มุคฺคโร นาม รโสฺสฯ เวมํ นาม ตนฺตวายานํ วตฺถวายนอุปกรณํ, เยน วีตํ ตนฺตํ ฆเฎฺฎนฺติฯ วิภตฺติพฺยตฺตเยนาติ วิภตฺติวิปริณาเมนฯ วิเสสาธิคโมติ สมาธิ วิปสฺสนา จฯ วิเสสาธิคมนฺติ โลกุตฺตรธมฺมปฎิลาภํฯ พฺยากริตฺวาติ อาโรเจตฺวา, อิทญฺจ วิเสสสฺส อธิคตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ อธิคตวิเสสา หิ ทิฎฺฐานุคติอาปชฺชนตฺถํ ลชฺชีภิกฺขูนํ อวสฺสํ อธิคมํ พฺยากโรนฺติ, อธิคตวิเสเสน ปน อพฺยากริตฺวาปิ อาหารํ อุปจฺฉินฺทิตุํ น วฎฺฎติ, อธิคมนฺตรายวิโนทนตฺถเมว อาหารูปเจฺฉทสฺส อนุญฺญาตตฺตา ตทธิคเม โส น กาตโพฺพวฯ กิํ ปนาธิคมํ อาโรเจตุํ วฎฺฎตีติ อาห สภาคานนฺติอาทิฯ ภณฺฑกํ วา โธวนฺตาติ จีวรํ วา โธวนฺตาฯ โธวนทณฺฑกนฺติ จีวรโธวนทณฺฑํฯ
182-3.Daṇḍamuggaranikhādanavemādīnaṃ vasenāti ettha daṇḍo nāma dīghadaṇḍo. Muggaro nāma rasso. Vemaṃ nāma tantavāyānaṃ vatthavāyanaupakaraṇaṃ, yena vītaṃ tantaṃ ghaṭṭenti. Vibhattibyattayenāti vibhattivipariṇāmena. Visesādhigamoti samādhi vipassanā ca. Visesādhigamanti lokuttaradhammapaṭilābhaṃ. Byākaritvāti ārocetvā, idañca visesassa adhigatabhāvadassanatthaṃ vuttaṃ. Adhigatavisesā hi diṭṭhānugatiāpajjanatthaṃ lajjībhikkhūnaṃ avassaṃ adhigamaṃ byākaronti, adhigatavisesena pana abyākaritvāpi āhāraṃ upacchindituṃ na vaṭṭati, adhigamantarāyavinodanatthameva āhārūpacchedassa anuññātattā tadadhigame so na kātabbova. Kiṃ panādhigamaṃ ārocetuṃ vaṭṭatīti āha sabhāgānantiādi. Bhaṇḍakaṃ vā dhovantāti cīvaraṃ vā dhovantā. Dhovanadaṇḍakanti cīvaradhovanadaṇḍaṃ.
๑๘๕. มทฺทาเปตฺวา ปาเตติ, วิสเงฺกโตติ ยถาณตฺติยา อกตตฺตา วุตฺตํ, ยทิ ปน อาณาปโก มทฺทนมฺปิ มทฺทาปนมฺปิ สนฺธาย โวหารวเสน ‘‘มทฺทิตฺวา ปาเตหี’’ติ วทติ, วิสเงฺกโต นตฺถีติ เวทิตพฺพํฯ ‘‘มรณวณฺณํ วา สํวเณฺณยฺยา’’ติ (ปารา. ๑๗๑) วุตฺตตฺตา อาห ‘‘ปริยาโย นาม นตฺถี’’ติ, ปริยาเยน อาปตฺติโมโกฺข น โหตีติ อธิปฺปาโยฯ อวิชายนตฺถาย คพฺภคฺคหณโต ปุเรตรเมว เภสชฺชํ เทนฺตสฺส กุจฺฉิยํ อุปฺปชฺชิตฺวา คโพฺภ วินสฺสตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน ทิเนฺน ตถามรนฺตานํ วเสน กมฺมพโทฺธ, กุจฺฉิยํ น อุปฺปชฺชิสฺสตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน ทิเนฺน อุปฺปชฺชิตฺวา มรตุ วา มา วา, เนวตฺถิ กมฺมพโทฺธฯ
185.Maddāpetvā pāteti, visaṅketoti yathāṇattiyā akatattā vuttaṃ, yadi pana āṇāpako maddanampi maddāpanampi sandhāya vohāravasena ‘‘madditvā pātehī’’ti vadati, visaṅketo natthīti veditabbaṃ. ‘‘Maraṇavaṇṇaṃ vā saṃvaṇṇeyyā’’ti (pārā. 171) vuttattā āha ‘‘pariyāyo nāma natthī’’ti, pariyāyena āpattimokkho na hotīti adhippāyo. Avijāyanatthāya gabbhaggahaṇato puretarameva bhesajjaṃ dentassa kucchiyaṃ uppajjitvā gabbho vinassatīti iminā adhippāyena dinne tathāmarantānaṃ vasena kammabaddho, kucchiyaṃ na uppajjissatīti iminā adhippāyena dinne uppajjitvā maratu vā mā vā, nevatthi kammabaddho.
สหธมฺมิกานนฺติ เอกสฺส สตฺถุ สาสเน สหสิกฺขมานธมฺมานํ, สหธเมฺม วา สิกฺขาปเท สิกฺขนภาเวน นิยุตฺตานํฯ สมสีลสทฺธานนฺติอาทินา ทุสฺสีลานํ ภินฺนลทฺธิกานญฺจ อกาตุมฺปิ ลพฺภตีติ ทเสฺสติฯ ญาตกปวาริตฎฺฐานโตติ อตฺตโน เตสํ วา ญาตกปวาริตฎฺฐานโตฯ อริเยหิ อกตา อยุตฺตวเสน อกตปุพฺพา วิญฺญตฺติ อกตวิญฺญตฺติฯ
Sahadhammikānanti ekassa satthu sāsane sahasikkhamānadhammānaṃ, sahadhamme vā sikkhāpade sikkhanabhāvena niyuttānaṃ. Samasīlasaddhānantiādinā dussīlānaṃ bhinnaladdhikānañca akātumpi labbhatīti dasseti. Ñātakapavāritaṭṭhānatoti attano tesaṃ vā ñātakapavāritaṭṭhānato. Ariyehi akatā ayuttavasena akatapubbā viññatti akataviññatti.
ปฎิยาทิยตีติ สมฺปาทิยติฯ อกาตุํ น วฎฺฎตีติ เอตฺถ ทุกฺกฎํ วทนฺติ, อยุตฺตตาวเสเนว ปเนตฺถ อกรณปฎิเกฺขโป ยุโตฺต, น อาปตฺติวเสนาติ คเหตพฺพํฯ ยาว ญาตกา ปสฺสนฺตีติ ยาว ตสฺส ญาตกา ปสฺสนฺติฯ
Paṭiyādiyatīti sampādiyati. Akātuṃ na vaṭṭatīti ettha dukkaṭaṃ vadanti, ayuttatāvaseneva panettha akaraṇapaṭikkhepo yutto, na āpattivasenāti gahetabbaṃ. Yāva ñātakā passantīti yāva tassa ñātakā passanti.
ปิตุภคินี ปิตุจฺฉาฯ มาตุภาตา มาตุโลฯ นปฺปโหนฺตีติ กาตุํ น สโกฺกนฺติฯ น ยาจนฺตีติ ลชฺชาย น ยาจนฺติฯ ‘‘อาโภคํ กตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา อญฺญถา เทนฺตสฺส อาปตฺติเยวฯ เกจิ ปน ‘‘อาโภคํ อกตฺวาปิ ทาตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ เภสชฺชกรณสฺส ปาฬิยํ ‘‘อนาปตฺติ ภิกฺขุ ปาราชิกสฺส, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (ปารา. ๑๘๗) เอวํ อนฺตราปตฺติทสฺสนวเสน สามญฺญโต ปฎิกฺขิตฺตตฺตา, อฎฺฐกถายํ อวุตฺตปฺปกาเรน กโรนฺตสฺส สุเตฺตเนว อาปตฺติ สิทฺธาติ ทฎฺฐพฺพา, เตเนว อฎฺฐกถายมฺปิ ‘‘เตสเญฺญว สนฺตก’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อเญฺญสนฺติ อสาโลหิตานํ, เตนาห เอเตสํ ปุตฺตปรมฺปรายาติอาทิฯ กุลปริวโฎฺฎติ กุลสฺมิํ ญาติปรมฺปราฯ เภสชฺชํ กโรนฺตสฺสาติ ยถาวุตฺตวิธินา กโรนฺตสฺส, ‘‘ตาวกาลิกํ ทสฺสามี’’ติ อาโภคํ อกตฺวา เทนฺตสฺสาปิ ปน อนฺตราปตฺติ ทุกฺกฎํ วินา มิจฺฉาชีวํ วา กุลทูสนํ วา น โหติเยว, เตนาห – ‘‘เวชฺชกมฺมํ วา กุลทูสกาปตฺติ วา น โหตี’’ติฯ ญาตกานญฺหิ สนฺตกํ ยาจิตฺวาปิ คเหตุํ วฎฺฎติ, ตสฺมา ตตฺถ กุลทูสนาทิ น สิยาฯ สพฺพปเทสูติ ‘‘จูฬมาตุยา’’ติอาทีสุ สพฺพปเทสุฯ
Pitubhaginī pitucchā. Mātubhātā mātulo. Nappahontīti kātuṃ na sakkonti. Na yācantīti lajjāya na yācanti. ‘‘Ābhogaṃ katvā’’ti vuttattā aññathā dentassa āpattiyeva. Keci pana ‘‘ābhogaṃ akatvāpi dātuṃ vaṭṭatī’’ti vadanti, taṃ na yuttaṃ bhesajjakaraṇassa pāḷiyaṃ ‘‘anāpatti bhikkhu pārājikassa, āpatti dukkaṭassā’’ti (pārā. 187) evaṃ antarāpattidassanavasena sāmaññato paṭikkhittattā, aṭṭhakathāyaṃ avuttappakārena karontassa sutteneva āpatti siddhāti daṭṭhabbā, teneva aṭṭhakathāyampi ‘‘tesaññeva santaka’’ntiādi vuttaṃ. Aññesanti asālohitānaṃ, tenāha etesaṃ puttaparamparāyātiādi. Kulaparivaṭṭoti kulasmiṃ ñātiparamparā. Bhesajjaṃ karontassāti yathāvuttavidhinā karontassa, ‘‘tāvakālikaṃ dassāmī’’ti ābhogaṃ akatvā dentassāpi pana antarāpatti dukkaṭaṃ vinā micchājīvaṃ vā kuladūsanaṃ vā na hotiyeva, tenāha – ‘‘vejjakammaṃ vā kuladūsakāpatti vā na hotī’’ti. Ñātakānañhi santakaṃ yācitvāpi gahetuṃ vaṭṭati, tasmā tattha kuladūsanādi na siyā. Sabbapadesūti ‘‘cūḷamātuyā’’tiādīsu sabbapadesu.
อุปชฺฌายสฺส อาหรามาติ อิทํ อุปชฺฌาเยน ‘‘มม ญาตกานํ เภสชฺชํ อาหรถา’’ติ อาณเตฺตหิ กตฺตพฺพวิธิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อิมินา จ สามเณราทีนํ อปจฺจาสายปิ ปรชนสฺส เภสชฺชกรณํ น วฎฺฎตีติ ทเสฺสติฯ วุตฺตนเยน ปริเยสิตฺวาติ อิมินา ‘‘ภิกฺขาจารวเตฺตน วา’’ติ อิมินา, ‘‘ญาติสามเณเรหี’’ติ อิมินา จ วุตฺตมตฺถํ อติทิสติฯ อปจฺจาสีสเนฺตนาติ อาคนฺตุกโจราทีนํ กโรเนฺตนาปิ ‘‘มนุสฺสา นาม อุปการกา โหนฺตี’’ติ อตฺตโน เตหิ ลาภํ อปตฺถยเนฺตนฯ ปจฺจาสาย กโรนฺตสฺส ปน เวชฺชกมฺมกุลทูสนาทิโทโส โหตีติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘เอวํ อุปกาเร กเต สาสนคุณํ ญตฺวา ปสีทนฺติ, สงฺฆสฺส วา อุปการกา โหนฺตี’’ติ กรเณ ปน โทโส นตฺถิฯ เกจิ ปน ‘‘อปจฺจาสีสเนฺตน อาคนฺตุกาทีนํ ปฎิกฺขิตฺตปุคฺคลาทีนมฺปิ ทาตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ กตฺตพฺพากตฺตพฺพฎฺฐานวิภาคสฺสนิรตฺถกตฺตปฺปสงฺคโต ‘‘อปจฺจาสีสเนฺตน สเพฺพสํ ทาตุํ กาตุญฺจ วฎฺฎตี’’ติ เอตฺตกมตฺตเสฺสว วตฺตพฺพโตฯ อปจฺจาสีสนญฺจ มิจฺฉาชีวกุลทูสนาทิโทสนิเสธนตฺถเมว วุตฺตํ เภสชฺชกรณสงฺขตาย อิมิสฺสา อนฺตราปตฺติยา มุจฺจนตฺถํ อาคนฺตุกโจราทีนํ อนุญฺญาตานํ ทาเนเนว ตาย อาปตฺติยา มุจฺจนโตติ คเหตพฺพํฯ เตเนว อปจฺจาสีสเนฺตนาปิ อกาตพฺพฎฺฐานํ ทเสฺสตุํ สทฺธํ กุลนฺติอาทิ วุตฺตํฯ ปุจฺฉนฺตีติ อิมินา ทิฎฺฐทิฎฺฐโรคีนํ ปริยาเยนาปิ วตฺวา วิจรณํ อยุตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ ปุจฺฉิตสฺสาปิ ปน ปจฺจาสีสนฺตสฺส ปริยายกถาปิ น วฎฺฎตีติ วทนฺติฯ
Upajjhāyassaāharāmāti idaṃ upajjhāyena ‘‘mama ñātakānaṃ bhesajjaṃ āharathā’’ti āṇattehi kattabbavidhidassanatthaṃ vuttaṃ, iminā ca sāmaṇerādīnaṃ apaccāsāyapi parajanassa bhesajjakaraṇaṃ na vaṭṭatīti dasseti. Vuttanayena pariyesitvāti iminā ‘‘bhikkhācāravattena vā’’ti iminā, ‘‘ñātisāmaṇerehī’’ti iminā ca vuttamatthaṃ atidisati. Apaccāsīsantenāti āgantukacorādīnaṃ karontenāpi ‘‘manussā nāma upakārakā hontī’’ti attano tehi lābhaṃ apatthayantena. Paccāsāya karontassa pana vejjakammakuladūsanādidoso hotīti adhippāyo. ‘‘Evaṃ upakāre kate sāsanaguṇaṃ ñatvā pasīdanti, saṅghassa vā upakārakā hontī’’ti karaṇe pana doso natthi. Keci pana ‘‘apaccāsīsantena āgantukādīnaṃ paṭikkhittapuggalādīnampi dātuṃ vaṭṭatī’’ti vadanti, taṃ na yuttaṃ kattabbākattabbaṭṭhānavibhāgassaniratthakattappasaṅgato ‘‘apaccāsīsantena sabbesaṃ dātuṃ kātuñca vaṭṭatī’’ti ettakamattasseva vattabbato. Apaccāsīsanañca micchājīvakuladūsanādidosanisedhanatthameva vuttaṃ bhesajjakaraṇasaṅkhatāya imissā antarāpattiyā muccanatthaṃ āgantukacorādīnaṃ anuññātānaṃ dāneneva tāya āpattiyā muccanatoti gahetabbaṃ. Teneva apaccāsīsantenāpi akātabbaṭṭhānaṃ dassetuṃ saddhaṃ kulantiādi vuttaṃ. Pucchantīti iminā diṭṭhadiṭṭharogīnaṃ pariyāyenāpi vatvā vicaraṇaṃ ayuttanti dasseti. Pucchitassāpi pana paccāsīsantassa pariyāyakathāpi na vaṭṭatīti vadanti.
สมุลฺลเปสีติ อปจฺจาสีสโนฺต เอวํ อญฺญมญฺญํ กถํ สมุฎฺฐาเปสิฯ อาจริยภาโคติ วินยาจารํ อโกเปตฺวา เภสชฺชาจิกฺขเณน เวชฺชาจริยภาโคติ อโตฺถฯ ปุปฺผปูชนตฺถาย สมฺปฎิจฺฉิยมานํ รูปิยํ อตฺตโน สนฺตกตฺตภชเนน นิสฺสคฺคิยเมวาติ อาห ‘‘กปฺปิยวเสน คาหาเปตฺวา’’ติ, ‘‘อมฺหากํ รูปิยํ น วฎฺฎติ, ปุปฺผปูชนตฺถํ ปุปฺผํ วฎฺฎตี’’ติอาทินา ปฎิกฺขิปิตฺวา กปฺปิเยน กเมฺมน คาหาเปตฺวาติ อโตฺถฯ
Samullapesīti apaccāsīsanto evaṃ aññamaññaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesi. Ācariyabhāgoti vinayācāraṃ akopetvā bhesajjācikkhaṇena vejjācariyabhāgoti attho. Pupphapūjanatthāya sampaṭicchiyamānaṃ rūpiyaṃ attano santakattabhajanena nissaggiyamevāti āha ‘‘kappiyavasena gāhāpetvā’’ti, ‘‘amhākaṃ rūpiyaṃ na vaṭṭati, pupphapūjanatthaṃ pupphaṃ vaṭṭatī’’tiādinā paṭikkhipitvā kappiyena kammena gāhāpetvāti attho.
ยทิ ‘‘ปริตฺตํ กโรถา’’ติ วุเตฺต กโรนฺติ, เภสชฺชกรณํ วิย คิหิกมฺมํ วิย โหตีติ ‘‘น กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘ปริตฺตํ ภณถา’’ติ วุเตฺต ปน ธมฺมเชฺฌสนตฺตา อนชฺฌิเฎฺฐนปิ ภณิตโพฺพ ธโมฺม, ปเคว อชฺฌิเฎฺฐนาปีติ ‘‘กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ จาเลตฺวา สุตฺตํ ปริมชฺชิตฺวาติ อิทํ ‘‘ปริตฺตาณํ เอตฺถ ปเวเสมี’’ติ จิเตฺตน เอวํ กเต ปริตฺตาณา ตตฺถ ปเวสิตา นาม โหตีติ วุตฺตํฯ วิหารโต…เป.… ทุกฺกฎนฺติ อิทํ อญฺญาตกคหเฎฺฐ สนฺธาย วุตฺตนฺติ วทนฺติฯ ปาเทสุ อุทกํ อากิริตฺวาติ อิทํ ตสฺมิํ เทเส จาริตฺตวเสน วุตฺตํฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘ตตฺถ ปาฬิยา นิสินฺนานํ ภิกฺขูนํ ปาเทสุ โรควูปสมนาทิอตฺถาย อุทกํ สิญฺจิตฺวา ปริตฺตํ กาตุํ สุตฺตญฺจ ฐเปตฺวา ‘ปริตฺตํ ภณถา’ติ วตฺวา คจฺฉนฺติฯ เอวญฺหิ กริยมาเน ยทิ ปาเท อปเนนฺติ, มนุสฺสา ตํ อวมงฺคลนฺติ มญฺญนฺติ, โรโค วา น วูปสมิสฺสตี’’ติฯ เตนาห ‘‘น ปาทา อปเนตพฺพา’’ติฯ มตสรีรทสฺสเน วิย เกวลํ สุสานทสฺสเนปิ ‘‘อิทํ ชาตานํ สตฺตานํ ขยคมนฎฺฐาน’’นฺติ มรณสญฺญา อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘สีวถิกทสฺสเน…เป.… ‘มรณสฺสติํ ปฎิลภิสฺสามา’ติ กมฺมฎฺฐานสีเสน คนฺตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ เลสกปฺปํ อกตฺวา สมุปฺปนฺนสุทฺธจิเตฺตน ‘‘ปริวารตฺถาย อาคจฺฉนฺตู’’ติ วุเตฺตปิ คนฺตุํ วฎฺฎติฯ
Yadi ‘‘parittaṃ karothā’’ti vutte karonti, bhesajjakaraṇaṃ viya gihikammaṃ viya hotīti ‘‘na kātabba’’nti vuttaṃ. ‘‘Parittaṃ bhaṇathā’’ti vutte pana dhammajjhesanattā anajjhiṭṭhenapi bhaṇitabbo dhammo, pageva ajjhiṭṭhenāpīti ‘‘kātabba’’nti vuttaṃ. Cāletvā suttaṃ parimajjitvāti idaṃ ‘‘parittāṇaṃ ettha pavesemī’’ti cittena evaṃ kate parittāṇā tattha pavesitā nāma hotīti vuttaṃ. Vihārato…pe… dukkaṭanti idaṃ aññātakagahaṭṭhe sandhāya vuttanti vadanti. Pādesu udakaṃ ākiritvāti idaṃ tasmiṃ dese cārittavasena vuttaṃ. Vuttañhi ‘‘tattha pāḷiyā nisinnānaṃ bhikkhūnaṃ pādesu rogavūpasamanādiatthāya udakaṃ siñcitvā parittaṃ kātuṃ suttañca ṭhapetvā ‘parittaṃ bhaṇathā’ti vatvā gacchanti. Evañhi kariyamāne yadi pāde apanenti, manussā taṃ avamaṅgalanti maññanti, rogo vā na vūpasamissatī’’ti. Tenāha ‘‘na pādā apanetabbā’’ti. Matasarīradassane viya kevalaṃ susānadassanepi ‘‘idaṃ jātānaṃ sattānaṃ khayagamanaṭṭhāna’’nti maraṇasaññā uppajjatīti āha ‘‘sīvathikadassane…pe… ‘maraṇassatiṃ paṭilabhissāmā’ti kammaṭṭhānasīsena gantuṃ vaṭṭatī’’ti. Lesakappaṃ akatvā samuppannasuddhacittena ‘‘parivāratthāya āgacchantū’’ti vuttepi gantuṃ vaṭṭati.
อนามฎฺฐปิณฺฑปาโตติ อคฺคหิตอโคฺค, อปริภุโตฺตติ อโตฺถฯ กหาปณคฺฆนโก โหตีติ อิมินา ทายเกหิ พหุพฺยญฺชเนน สมฺปาเทตฺวา สกฺกจฺจํ ทินฺนภาวํ ทีเปติฯ ถาลเกติ สงฺฆิเก กํสาทิมเย ถาลเก, ปโตฺตปิ เอตฺถ สงฺคยฺหติฯ น วฎฺฎตีติ อิมินา ทุกฺกฎนฺติ ทเสฺสติฯ ทามริกโจรสฺสาติ รชฺชํ ปเตฺถนฺตสฺส ปากฎโจรสฺสฯ อทียมาเนปิ ‘‘น เทนฺตี’’ติ กุชฺฌนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ อามิสสฺส ธมฺมสฺส จ อลาเภน อตฺตโน ปรสฺส จ อนฺตเร สมฺภวนฺตสฺส ฉิทฺทสฺส จ วิวรสฺส ปฎิสนฺถรณํ ปิทหนํ ปฎิสนฺถาโร, โส ปน ธมฺมามิสวเสน ทุวิโธฯ ตตฺถ อามิสปฎิสนฺถารํ สนฺธาย ‘‘กสฺส กาตโพฺพ, กสฺส น กาตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อาคนฺตุกสฺส วา…เป.… กตฺตโพฺพ เยวา’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ ปากฎํ กาตุํ อาคนฺตุกํ ตาวาติอาทิมาหฯ ขีณปริพฺพยนฺติ อิมินา อคติภาวํ การุญฺญภาชนตญฺจ ทเสฺสติ, เตน จ ตพฺพิธุรานํ สมิทฺธานํ ทายกาทีนํ อาคนฺตุกเตฺตปิ ทาตุํ น วฎฺฎตีติ สิทฺธํ โหติฯ ตณฺฑุลาทิมฺหิ ทาตเพฺพ สติ ‘‘อเวลายํ…เป.… น วตฺตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘อปจฺจาสีสเนฺตนา’’ติ วตฺวา ปจฺจาสีสนปฺปการํ ทเสฺสตุํ มนุสฺสา นามาติอาทิ วุตฺตํฯ อนนุญฺญาตานํ ปน อปจฺจาสีสเนฺตนาปิ ทาตุํ น วฎฺฎติ สทฺธาเทยฺยวินิปาตตฺตา, ปจฺจาสีสาย ปน สติ กุลทูสนมฺปิ โหติฯ
Anāmaṭṭhapiṇḍapātoti aggahitaaggo, aparibhuttoti attho. Kahāpaṇagghanako hotīti iminā dāyakehi bahubyañjanena sampādetvā sakkaccaṃ dinnabhāvaṃ dīpeti. Thālaketi saṅghike kaṃsādimaye thālake, pattopi ettha saṅgayhati. Na vaṭṭatīti iminā dukkaṭanti dasseti. Dāmarikacorassāti rajjaṃ patthentassa pākaṭacorassa. Adīyamānepi ‘‘na dentī’’ti kujjhantīti sambandho. Āmisassa dhammassa ca alābhena attano parassa ca antare sambhavantassa chiddassa ca vivarassa paṭisantharaṇaṃ pidahanaṃ paṭisanthāro, so pana dhammāmisavasena duvidho. Tattha āmisapaṭisanthāraṃ sandhāya ‘‘kassa kātabbo, kassa na kātabbo’’ti vuttaṃ. ‘‘Āgantukassa vā…pe… kattabbo yevā’’ti saṅkhepato vuttamatthaṃ pākaṭaṃ kātuṃ āgantukaṃ tāvātiādimāha. Khīṇaparibbayanti iminā agatibhāvaṃ kāruññabhājanatañca dasseti, tena ca tabbidhurānaṃ samiddhānaṃ dāyakādīnaṃ āgantukattepi dātuṃ na vaṭṭatīti siddhaṃ hoti. Taṇḍulādimhi dātabbe sati ‘‘avelāyaṃ…pe… na vattabbo’’ti vuttaṃ. ‘‘Apaccāsīsantenā’’ti vatvā paccāsīsanappakāraṃ dassetuṃ manussā nāmātiādi vuttaṃ. Ananuññātānaṃ pana apaccāsīsantenāpi dātuṃ na vaṭṭati saddhādeyyavinipātattā, paccāsīsāya pana sati kuladūsanampi hoti.
อุพฺพาเสตฺวาติ สมนฺตโต ติโยชนํ วิลุมฺปเนฺต มนุเสฺส ปลาเปตฺวาฯ วรโปตฺถกจิตฺตตฺถรณนฺติ อเนกปฺปการอิตฺถิปุริสาทิอุตฺตมรูปวิจิตฺตํ อตฺถรณํฯ
Ubbāsetvāti samantato tiyojanaṃ vilumpante manusse palāpetvā. Varapotthakacittattharaṇanti anekappakāraitthipurisādiuttamarūpavicittaṃ attharaṇaṃ.
๑๘๗. สตฺตรสวคฺคิเยสุ ปุเพฺพ เอกสฺส องฺคุลิปโตทเกน มาริตตฺตา เสเสสุ โสฬสชเนสุ อุทรํ อารุหิตฺวา นิสินฺนเมกํ ฐเปตฺวา ‘‘เสสาปิ ปนฺนรส ชนา’’ติ วุตฺตํฯ อทูหลปาสาณา วิยาติ อทูหเล อาโรปิตปาสาณา วิยฯ กมฺมาธิปฺปายาติ ตชฺชนียาทิกมฺมกรณาธิปฺปายาฯ
187. Sattarasavaggiyesu pubbe ekassa aṅgulipatodakena māritattā sesesu soḷasajanesu udaraṃ āruhitvā nisinnamekaṃ ṭhapetvā ‘‘sesāpi pannarasa janā’’ti vuttaṃ. Adūhalapāsāṇā viyāti adūhale āropitapāsāṇā viya. Kammādhippāyāti tajjanīyādikammakaraṇādhippāyā.
อาวาเหตฺวาติ อาวิสาเปตฺวาฯ รูปํ กตฺวา หตฺถปาทาทีนิ ฉินฺทนฺตีติ ตสฺมิํ ปิฎฺฐาทิมเย รูเป อมนุสฺสํ อาวาเหตฺวา ตสฺส หตฺถปาทาทีนิ ฉินฺทนฺติฯ สกฺกํ เทวราชานํ มาเรยฺยาติ อิทํ สมฺภาวนวเสน วุตฺตํฯ น หิ ตาทิสา มหานุภาวา ยกฺขา สตฺถฆาตารหา โหนฺติ เทวาสุรยุเทฺธปิ เตสํ สตฺถปฺปหาเรน มรณาภาวาฯ
Āvāhetvāti āvisāpetvā. Rūpaṃ katvā hatthapādādīni chindantīti tasmiṃ piṭṭhādimaye rūpe amanussaṃ āvāhetvā tassa hatthapādādīni chindanti. Sakkaṃ devarājānaṃ māreyyāti idaṃ sambhāvanavasena vuttaṃ. Na hi tādisā mahānubhāvā yakkhā satthaghātārahā honti devāsurayuddhepi tesaṃ satthappahārena maraṇābhāvā.
๑๘๘. ปหาโร น ทาตโพฺพติ สมฺพโนฺธฯ อมนุสฺสํ โกธจิเตฺตน ปหรนฺตสฺส ทุกฺกฎเมวฯ จิกิจฺฉาธิปฺปาเยน ปหรนฺตสฺส อนาจาโรติ คเหตโพฺพฯ ตาลปณฺณํ…เป.… พนฺธิตพฺพนฺติ อมนุสฺสา ตาลปณฺณพนฺธเนน ปลายนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํ, อิทญฺจ คิหีนํ เวชฺชกมฺมวเสน กาตุํ น วฎฺฎติฯ
188. Pahāro na dātabboti sambandho. Amanussaṃ kodhacittena paharantassa dukkaṭameva. Cikicchādhippāyena paharantassa anācāroti gahetabbo. Tālapaṇṇaṃ…pe… bandhitabbanti amanussā tālapaṇṇabandhanena palāyantīti katvā vuttaṃ, idañca gihīnaṃ vejjakammavasena kātuṃ na vaṭṭati.
๑๘๙. โย รุเกฺขน โอตฺถโตปิ น มรตีติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ภูตคามสิกฺขาปทฎฺฐกถายํ สยเมว วกฺขติ, ตํ ตเตฺถว คเหตพฺพํฯ
189.Yo rukkhena otthatopi na maratītiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ bhūtagāmasikkhāpadaṭṭhakathāyaṃ sayameva vakkhati, taṃ tattheva gahetabbaṃ.
๑๙๐. ทพฺพูปกรณานีติ เกหิจิ ฉินฺทิตฺวา ฐปิตานิ สปริคฺคหิตานิ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตตฺถ หิ ฐานาจาวนาภาเวน วินาสาธิปฺปายสฺส ทุกฺกฎํ วุตฺตํฯ ขิฑฺฑาธิปฺปาเยนาปิ ทุกฺกฎนฺติ สุกฺขติณาทีสุ อคฺคิกรณํ สนฺธาย วุตฺตํ, อเลฺลสุ ปน กีฬาธิปฺปาเยนปิ กโรนฺตสฺส ปาจิตฺติยเมวฯ ปฎิปกฺขภูโต, ปฎิมุขํ คจฺฉโนฺต วา อคฺคิ ปฎคฺคิ, ตสฺส อลฺลติณาทีสุปิ ทานํ อนุญฺญาตํ, ตํ เทเนฺตน ทูรโต อาคจฺฉนฺตํ ทาวคฺคิํ ทิสฺวา วิหารสฺส สมนฺตโต เอกกฺขเณ อทตฺวา เอกเทสโต ปฎฺฐาย วิหารสฺส สมนฺตโต สณิกํ ฌาเปตฺวา ยถา มหโนฺตปิ อคฺคิ วิหารํ ปาปุณิตุํ น สโกฺกติ, เอวํ วิหารสฺส สมนฺตา อโพฺภกาสํ กตฺวา ปฎคฺคิ ทาตโพฺพ, โส ทาวคฺคิโน ปฎิปถํ คนฺตฺวา เอกโต หุตฺวา เตน สห นิพฺพาติฯ ปริตฺตกรณนฺติ สมนฺตา รุกฺขติณาทิเจฺฉทนปริขาขณนาทิอารกฺขกรณํ, เตนาห ติณกุฎิกานํ สมนฺตา ภูมิตจฺฉนนฺติอาทิฯ
190.Dabbūpakaraṇānīti kehici chinditvā ṭhapitāni sapariggahitāni sandhāya vuttaṃ. Tattha hi ṭhānācāvanābhāvena vināsādhippāyassa dukkaṭaṃ vuttaṃ. Khiḍḍādhippāyenāpi dukkaṭanti sukkhatiṇādīsu aggikaraṇaṃ sandhāya vuttaṃ, allesu pana kīḷādhippāyenapi karontassa pācittiyameva. Paṭipakkhabhūto, paṭimukhaṃ gacchanto vā aggi paṭaggi, tassa allatiṇādīsupi dānaṃ anuññātaṃ, taṃ dentena dūrato āgacchantaṃ dāvaggiṃ disvā vihārassa samantato ekakkhaṇe adatvā ekadesato paṭṭhāya vihārassa samantato saṇikaṃ jhāpetvā yathā mahantopi aggi vihāraṃ pāpuṇituṃ na sakkoti, evaṃ vihārassa samantā abbhokāsaṃ katvā paṭaggi dātabbo, so dāvaggino paṭipathaṃ gantvā ekato hutvā tena saha nibbāti. Parittakaraṇanti samantā rukkhatiṇādicchedanaparikhākhaṇanādiārakkhakaraṇaṃ, tenāha tiṇakuṭikānaṃ samantā bhūmitacchanantiādi.
๑๙๑. เขตฺตเมว โอติณฺณตฺตา ปาราชิกนฺติ ทฺวีสุ เอกสฺสาปิ อโนฺตคธตฺตา ‘‘ทฺวีหี’’ติ วุตฺตเขเตฺต เอกสฺสาปิ โอติณฺณตฺตา ปาราชิกํ, ‘‘ทฺวีหิ เอว มาเรหิ น เอเกนา’’ติ นิยมิเต ปน เอเกเนว มาริเต นตฺถิ ปาราชิกนฺติ วทนฺติ, เอวํ เทฺว เอว ปุริสาติอาทีสุปิฯ ปุเพฺพ กตสีสเจฺฉทปโยคโต อโญฺญ ปโยโค ชีวิตินฺทฺริยุปเจฺฉทโก น อุปลพฺภติ, ปฐเมน ปโยเคนสฺส ชีวิตินฺทฺริยํ อุปจฺฉิชฺชตีติ ‘‘สีสเจฺฉทกสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ยํ ปน สารตฺถทีปนิยํ ‘‘ชีวิตินฺทฺริยสฺส อวิชฺชมานตฺตา’’ติ การณํ วุตฺตํ, ตํ อการณํ ชีวิตินฺทฺริยสนฺนิสฺสิตจิตฺตสนฺตติํ วินา อุกฺขิปนสนฺนิรุชฺฌนาทิวสปฺปวตฺตสฺส คมนสฺส อสมฺภวโตฯ น หิ วายุเวเคน ปณฺณปฎาทโย วิย กาโย คจฺฉติ, น จ อุกฺขิปเน ปวตฺตาว จิตฺตชวิญฺญตฺติอาทโยว นิกฺขิปนาทิโนปิ เหตุภูตาติ สกฺกา วตฺตุํ วิจฺฉินฺทิตฺวา ปวตฺตนโตฯ ปุเพฺพ อนาหิตเวคาปิ หิ กาจิ สรีสปชาติ ทฺวิธา ฉินฺนา เฉทนมตฺตา ทฺวีหิ วิภาเคหิ กติปยกฺขณํ ทฺวีสุ ทิสาสุ คจฺฉติ, ตตฺถ จ ยสฺมิํ ภาเค หทยวตฺถุ ติฎฺฐติ, ตตฺรฎฺฐํ ปญฺจทฺวาราวชฺชนจิตฺตํ ทฺวีสุปิ ภาเคสุ กายปฺปสาเท ฆฎฺฎิตํ โผฎฺฐพฺพํ อาลมฺพิตฺวา อุปฺปชฺชติ, ตโต ตทารมฺมณเมว ยถารหเมกสฺมิํ ภาเค เอกทา อญฺญสฺมิํ อญฺญทาติ เอวํ ปริยาเยน กายวิญฺญาณํ อุปฺปชฺชติ, ตโต หทยวตฺถุสฺมิํเยว สมฺปฎิจฺฉนาทิวีถิจิตฺตานิ ภวงฺคนฺตริตานิ มโนทฺวารวีถิวิญฺญาณานิ จ วิญฺญตฺติชนกานิ อุปฺปชฺชนฺติ, เย หิ อุภยภาคา คจฺฉนฺติ วา จลนฺติ วา ผนฺทนฺติ วาฯ จิตฺตสฺส ปน ลหุปริวตฺติยา เอกกฺขเณ อุภยภาคาปิ จลนฺตา วิย อุปฎฺฐหนฺติ, เสยฺยถาปิ นาม กุกฺกุฬาทินรเกสุ นิมุคฺคสกลสรีรสฺส สตฺตสฺส เอกสฺมิํ ขเณ สกลสรีเรปิ กายวิญฺญาณทุกฺขํ อุปฺปชฺชมานํ วิย อุปฎฺฐาติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฎฺฐพฺพํ, ตโต ปน ยสฺมิํ ภาเค ชีวิตินฺทฺริยํ สเสสกมฺมชรูปํ นิรุชฺฌติ, ตตฺถ กายวิญฺญาณํ นปฺปวตฺตติ, หทยวตฺถุสหิตภาเคเยว ยาว ชีวิตินฺทฺริยนิโรธา ปวตฺตติฯ
191.Khettameva otiṇṇattā pārājikanti dvīsu ekassāpi antogadhattā ‘‘dvīhī’’ti vuttakhette ekassāpi otiṇṇattā pārājikaṃ, ‘‘dvīhi eva mārehi na ekenā’’ti niyamite pana ekeneva mārite natthi pārājikanti vadanti, evaṃ dve eva purisātiādīsupi. Pubbe katasīsacchedapayogato añño payogo jīvitindriyupacchedako na upalabbhati, paṭhamena payogenassa jīvitindriyaṃ upacchijjatīti ‘‘sīsacchedakassā’’ti vuttaṃ, yaṃ pana sāratthadīpaniyaṃ ‘‘jīvitindriyassa avijjamānattā’’ti kāraṇaṃ vuttaṃ, taṃ akāraṇaṃ jīvitindriyasannissitacittasantatiṃ vinā ukkhipanasannirujjhanādivasappavattassa gamanassa asambhavato. Na hi vāyuvegena paṇṇapaṭādayo viya kāyo gacchati, na ca ukkhipane pavattāva cittajaviññattiādayova nikkhipanādinopi hetubhūtāti sakkā vattuṃ vicchinditvā pavattanato. Pubbe anāhitavegāpi hi kāci sarīsapajāti dvidhā chinnā chedanamattā dvīhi vibhāgehi katipayakkhaṇaṃ dvīsu disāsu gacchati, tattha ca yasmiṃ bhāge hadayavatthu tiṭṭhati, tatraṭṭhaṃ pañcadvārāvajjanacittaṃ dvīsupi bhāgesu kāyappasāde ghaṭṭitaṃ phoṭṭhabbaṃ ālambitvā uppajjati, tato tadārammaṇameva yathārahamekasmiṃ bhāge ekadā aññasmiṃ aññadāti evaṃ pariyāyena kāyaviññāṇaṃ uppajjati, tato hadayavatthusmiṃyeva sampaṭicchanādivīthicittāni bhavaṅgantaritāni manodvāravīthiviññāṇāni ca viññattijanakāni uppajjanti, ye hi ubhayabhāgā gacchanti vā calanti vā phandanti vā. Cittassa pana lahuparivattiyā ekakkhaṇe ubhayabhāgāpi calantā viya upaṭṭhahanti, seyyathāpi nāma kukkuḷādinarakesu nimuggasakalasarīrassa sattassa ekasmiṃ khaṇe sakalasarīrepi kāyaviññāṇadukkhaṃ uppajjamānaṃ viya upaṭṭhāti, evaṃsampadamidaṃ daṭṭhabbaṃ, tato pana yasmiṃ bhāge jīvitindriyaṃ sasesakammajarūpaṃ nirujjhati, tattha kāyaviññāṇaṃ nappavattati, hadayavatthusahitabhāgeyeva yāva jīvitindriyanirodhā pavattati.
นนุ นรกาทีสุ เอกาพเทฺธ สรีเร สพฺพตฺถ ปริยาเยน กายวิญฺญาณสมุปฺปตฺติ ยุตฺตา โหตุ, ทฺวิธา หุตฺวา วิจฺฉิเนฺน ปน ภาคทฺวเย กถนฺติ? นายํ โทโสฯ สรีเร หิ เอกาพทฺธตา นาม ปรมตฺถธมฺมพฺยติริตฺตา กาจิ นตฺถิ ปรวาทีนํ อวยวีอาทิ วิย, กมฺมาทิเอกการณปุญฺชายตฺตตาย พหูนํ สหุปฺปตฺติเยว เอกาพทฺธตาฯ ตตฺถ จ สตฺถปฺปหาราทิวิรุทฺธปจฺจโยปนิปาเตน วิภินฺนานมฺปิ กมฺมาทิเอกการณานํ ปุญฺชายตฺตตา น วิคจฺฉติ, ยาว สา น วิคจฺฉติ, ตาว อวิจฺฉินฺนาว ตตฺถ วิญฺญาณปฺปวตฺติฯ วิภินฺนานํ ปน กมฺมชรูปานํ อเญฺญสญฺจ เสสติสนฺตติรูปานญฺจ อุปตฺถมฺภนภาเวน จิรํ ปวตฺติตุํ น สโกฺกนฺติ, ยาว จ ธรนฺติ, ตาว วิญฺญาณปจฺจยา โหนฺติ, วิญฺญาเณน จ เตสํ จลนคมนาทิเทสนฺตรุปฺปตฺติฯ ตสฺมา กพนฺธสฺสปิ ธาวกฺขเณ สวิญฺญาณชีวิตินฺทฺริยํ อเตฺถว, ตญฺจ สีสเจฺฉทกปฺปโยเคเนว สีฆํ ปตติ, ตโต อญฺญปฺปโยคสฺส สรีเร วิเสสุปฺปาทนโต ปุเรตรเมว ปฐเมเนว กิจฺจนิปฺผตฺติโต สีสเจฺฉทกเสฺสว กมฺมพโทฺธติ คเหตโพฺพฯ เอวรูปานีติ กพนฺธวตฺถุสทิสานิฯ อิมสฺส วตฺถุสฺสาติ อาฆาตนวตฺถุสฺสฯ อตฺถทีปเนติ เอเกน ปุริเสน ปโยเคน วา มาริตตาสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส ทีปเนฯ
Nanu narakādīsu ekābaddhe sarīre sabbattha pariyāyena kāyaviññāṇasamuppatti yuttā hotu, dvidhā hutvā vicchinne pana bhāgadvaye kathanti? Nāyaṃ doso. Sarīre hi ekābaddhatā nāma paramatthadhammabyatirittā kāci natthi paravādīnaṃ avayavīādi viya, kammādiekakāraṇapuñjāyattatāya bahūnaṃ sahuppattiyeva ekābaddhatā. Tattha ca satthappahārādiviruddhapaccayopanipātena vibhinnānampi kammādiekakāraṇānaṃ puñjāyattatā na vigacchati, yāva sā na vigacchati, tāva avicchinnāva tattha viññāṇappavatti. Vibhinnānaṃ pana kammajarūpānaṃ aññesañca sesatisantatirūpānañca upatthambhanabhāvena ciraṃ pavattituṃ na sakkonti, yāva ca dharanti, tāva viññāṇapaccayā honti, viññāṇena ca tesaṃ calanagamanādidesantaruppatti. Tasmā kabandhassapi dhāvakkhaṇe saviññāṇajīvitindriyaṃ attheva, tañca sīsacchedakappayogeneva sīghaṃ patati, tato aññappayogassa sarīre visesuppādanato puretarameva paṭhameneva kiccanipphattito sīsacchedakasseva kammabaddhoti gahetabbo. Evarūpānīti kabandhavatthusadisāni. Imassa vatthussāti āghātanavatthussa. Atthadīpaneti ekena purisena payogena vā māritatāsaṅkhātassa atthassa dīpane.
๑๙๒. ปานปริโภเคน วฎฺฎตีติ สมฺพโนฺธฯ เอวํ ปน วุตฺตตฺตา ‘‘โลณโสวีรกํ ยามกาลิก’’นฺติ เกจิ วทนฺติ, เกจิ ปน ‘‘คิลานานํ ปากติกเมว, อคิลานานํ ปน อุทกสมฺภินฺน’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘คุฬํ วิย สตฺตาหกาลิก’’นฺติฯ
192. Pānaparibhogena vaṭṭatīti sambandho. Evaṃ pana vuttattā ‘‘loṇasovīrakaṃ yāmakālika’’nti keci vadanti, keci pana ‘‘gilānānaṃ pākatikameva, agilānānaṃ pana udakasambhinna’’nti vuttattā ‘‘guḷaṃ viya sattāhakālika’’nti.
อิติ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฎฺฐกถาย วิมติวิโนทนิยํ
Iti samantapāsādikāya vinayaṭṭhakathāya vimativinodaniyaṃ
ตติยปาราชิกวณฺณนานโย นิฎฺฐิโตฯ
Tatiyapārājikavaṇṇanānayo niṭṭhito.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā