Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā

    วินีตวตฺถุวณฺณนา

    Vinītavatthuvaṇṇanā

    ๒๒๓. เสกฺขภูมิยนฺติ อิมินา ฌานภูมิมฺปิ สงฺคณฺหาติฯ ติณฺณํ วิเวกานนฺติ กายจิตฺตอุปธิวิเวกานํฯ ปิณฺฑาย จรณสฺส โภชนปริโยสานตาย วุตฺตํ ‘‘ยาว โภชนปอโยสาน’’นฺติฯ อนฺตรฆเร ภุตฺวา อาคจฺฉนฺตสฺสาปิ วุตฺตนเยเนว สมฺภาวนิจฺฉาย จีวรสณฺฐาปนาทีนิ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฎเมว, ปาฬิยํ ปน ทุกฺกราทิวตฺถูสุ ‘‘อนาปตฺติ อนุลฺลปนาธิปฺปายสฺสา’’ติ อิทํ ถุลฺลจฺจเยนาปิ อนาปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ อุลฺลปนาธิปฺปายสฺสาปิ หิ ‘‘นาวุโส, ทุกฺกรํ อญฺญํ พฺยากาตุ’’นฺติ วุเตฺต ถุลฺลจฺจยเมว อตฺตุปนายิกตฺตาภาวโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    223.Sekkhabhūmiyanti iminā jhānabhūmimpi saṅgaṇhāti. Tiṇṇaṃ vivekānanti kāyacittaupadhivivekānaṃ. Piṇḍāya caraṇassa bhojanapariyosānatāya vuttaṃ ‘‘yāva bhojanapaayosāna’’nti. Antaraghare bhutvā āgacchantassāpi vuttanayeneva sambhāvanicchāya cīvarasaṇṭhāpanādīni karontassa dukkaṭameva, pāḷiyaṃ pana dukkarādivatthūsu ‘‘anāpatti anullapanādhippāyassā’’ti idaṃ thullaccayenāpi anāpattidassanatthaṃ vuttaṃ. Ullapanādhippāyassāpi hi ‘‘nāvuso, dukkaraṃ aññaṃ byākātu’’nti vutte thullaccayameva attupanāyikattābhāvatoti daṭṭhabbaṃ.

    ๒๒๗. น ทานาหํ ตตฺถ คมิสฺสามีติ ปุน ตตฺถ วสิตฎฺฐาเน น คมิสฺสามิ, เอวํ สติ ปฐมํ คโต อยํ ปุน จ นาคโต, ตสฺมา อรหาติ มญฺญิสฺสนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ ตํ ฐานนฺติ อาวาสํ วาติอาทินา ปุเพฺพ ปริจฺฉินฺนฎฺฐานํฯ ปทสา คมนํ สนฺธาย กติกาย กตตฺตา ยาเนนาติอาทิ วุตฺตํฯ วิชฺชามยิทฺธิํ สนฺธาย ‘‘อิทฺธิยา’’ติ วุตฺตํ อุลฺลปนาธิปฺปายสฺส อภิญฺญิทฺธิยา อสมฺภวโตฯ อญฺญมญฺญํ รกฺขนฺตีติ อุลฺลปนาธิปฺปาเย สติปิ เอกสฺสาปิ ปฐมคมนาภาวา รกฺขนฺติฯ สเจ ปน กติกํ กตฺวา นิสิเนฺนสุ เอกํ เทฺว ฐเปตฺวา อวเสสา อุลฺลปนาธิปฺปาเยน เอกโต คจฺฉนฺติ, คตานํ สเพฺพสํ ปาราชิกเมวฯ เตสุ ยสฺส อุลฺลปนาธิปฺปาโย นตฺถิ, ตสฺส อนาปตฺติฯ เอตนฺติ เหฎฺฐา วุตฺตํ สพฺพํ กติกวตฺตํฯ นานาเวรชฺชกาติ นานาชนปทวาสิโนฯ สงฺฆลาโภติ ยถาวุฑฺฒํ ปาปุณนกโกฎฺฐาโสฯ อยญฺจ ปฎิเกฺขโป อวิเสเสตฺวา กรณํ สนฺธาย กโต, วิเสเสตฺวา ปน ‘‘เอตฺตโก อสุกสฺสา’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา อปโลเกตฺวา ทาตุํ วฎฺฎติฯ

    227.Na dānāhaṃ tattha gamissāmīti puna tattha vasitaṭṭhāne na gamissāmi, evaṃ sati paṭhamaṃ gato ayaṃ puna ca nāgato, tasmā arahāti maññissantīti adhippāyo. Taṃ ṭhānanti āvāsaṃ vātiādinā pubbe paricchinnaṭṭhānaṃ. Padasā gamanaṃ sandhāya katikāya katattā yānenātiādi vuttaṃ. Vijjāmayiddhiṃ sandhāya ‘‘iddhiyā’’ti vuttaṃ ullapanādhippāyassa abhiññiddhiyā asambhavato. Aññamaññaṃ rakkhantīti ullapanādhippāye satipi ekassāpi paṭhamagamanābhāvā rakkhanti. Sace pana katikaṃ katvā nisinnesu ekaṃ dve ṭhapetvā avasesā ullapanādhippāyena ekato gacchanti, gatānaṃ sabbesaṃ pārājikameva. Tesu yassa ullapanādhippāyo natthi, tassa anāpatti. Etanti heṭṭhā vuttaṃ sabbaṃ katikavattaṃ. Nānāverajjakāti nānājanapadavāsino. Saṅghalābhoti yathāvuḍḍhaṃ pāpuṇanakakoṭṭhāso. Ayañca paṭikkhepo avisesetvā karaṇaṃ sandhāya kato, visesetvā pana ‘‘ettako asukassā’’ti paricchinditvā apaloketvā dātuṃ vaṭṭati.

    ๒๒๘. ธมฺมธาตูติ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ, ธมฺมานํ สภาโว วาฯ อุปปตฺตีติ อตฺตภาวํ สนฺธาย วทติฯ ทุสฺสทฺธาปยา โหนฺตีติ ปุถุชฺชเน สนฺธาย วุตฺตํ, น ลกฺขณเตฺถราทิเก อริยปุคฺคเล ฯ วิตุเฑนฺตีติ วินิวิชฺฌิตฺวา เฑนฺติ คจฺฉนฺติ, ผาสุฬนฺตริกาโย ฉิทฺทาวฉิทฺทํ กตฺวา ตาหิ คจฺฉนฺตีติ นิสฺสกฺกวเสน อโตฺถฯ วิตุเทนฺตีติ ปาเฐ ผาสุฬนฺตริกาหีติ อาธารเตฺถ นิสฺสกฺกวจนํฯ โลหตุเณฺฑหีติ กาฬโลหมเยหิ ตุเณฺฑหิฯ อจฺฉริยํ วตาติ ครหิตพฺพตาย อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตรูปํฯ จกฺขุภูตาติ โลกสฺส จกฺขุ วิย ภูตา สญฺชาตา, จกฺขุสทิสาติปิ อโตฺถฯ ตเสฺสว กมฺมสฺสาติ เยน โคฆาตกกเมฺมเนว นิรเย นิพฺพโตฺต, ตเสฺสวาติ อเตฺถ คยฺหมาเน เอกาย เจตนาย พหุปฎิสนฺธิโย โหนฺตีติ อาปชฺชติ, น เจตํ ยุตฺตํ เอกสฺส อมฺพาทิพีชสฺส อเนกงฺกุรุปฺปตฺติ วิยาติ ตํ ปริหรโนฺต อาห ตสฺส นานาเจตนาหิ อายูหิตสฺสาติอาทิ, เตน โคฆาตกกมฺมกฺขเณ ปุพฺพเจตนา อปรเจตนา สนฺนิฎฺฐาปกเจตนาติ เอกสฺมิมฺปิ ปาณาติปาเต พหู เจตนา โหนฺติ, นานาปาณาติปาเตสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ ตตฺถ เอกาย เจตนาย นรเก ปจิตฺวา ตทญฺญเจตนาสุ เอกาย อปราปริยเจตนาย อิมสฺมิํ เปตตฺตภาเว นิพฺพโตฺตติ ทเสฺสติ, เตนาห ‘‘อวเสสกมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา’’ติฯ เอตฺถ จ กมฺมสริกฺขวิปากุปฺปตฺติํ สนฺธาย กมฺมกมฺมนิมิตฺตานเมว คหณํ กตํ, น คตินิมิตฺตสฺส, เตนาห ‘‘อฎฺฐิราสิเยว นิมิตฺตํ อโหสี’’ติฯ ปาฬิยํ วิตเจฺฉนฺตีติ ตุเณฺฑหิ ตเจฺฉโนฺต วิย ลุญฺจนฺติฯ วิราเชนฺตีติ วิลิขนฺติฯ

    228.Dhammadhātūti sabbaññutaññāṇaṃ, dhammānaṃ sabhāvo vā. Upapattīti attabhāvaṃ sandhāya vadati. Dussaddhāpayā hontīti puthujjane sandhāya vuttaṃ, na lakkhaṇattherādike ariyapuggale . Vituḍentīti vinivijjhitvā ḍenti gacchanti, phāsuḷantarikāyo chiddāvachiddaṃ katvā tāhi gacchantīti nissakkavasena attho. Vitudentīti pāṭhe phāsuḷantarikāhīti ādhāratthe nissakkavacanaṃ. Lohatuṇḍehīti kāḷalohamayehi tuṇḍehi. Acchariyaṃ vatāti garahitabbatāya accharaṃ paharituṃ yuttarūpaṃ. Cakkhubhūtāti lokassa cakkhu viya bhūtā sañjātā, cakkhusadisātipi attho. Tasseva kammassāti yena goghātakakammeneva niraye nibbatto, tassevāti atthe gayhamāne ekāya cetanāya bahupaṭisandhiyo hontīti āpajjati, na cetaṃ yuttaṃ ekassa ambādibījassa anekaṅkuruppatti viyāti taṃ pariharanto āha tassa nānācetanāhi āyūhitassātiādi, tena goghātakakammakkhaṇe pubbacetanā aparacetanā sanniṭṭhāpakacetanāti ekasmimpi pāṇātipāte bahū cetanā honti, nānāpāṇātipātesu vattabbameva natthi. Tattha ekāya cetanāya narake pacitvā tadaññacetanāsu ekāya aparāpariyacetanāya imasmiṃ petattabhāve nibbattoti dasseti, tenāha ‘‘avasesakammaṃ vā kammanimittaṃ vā’’ti. Ettha ca kammasarikkhavipākuppattiṃ sandhāya kammakammanimittānameva gahaṇaṃ kataṃ, na gatinimittassa, tenāha ‘‘aṭṭhirāsiyeva nimittaṃ ahosī’’ti. Pāḷiyaṃ vitacchentīti tuṇḍehi tacchento viya luñcanti. Virājentīti vilikhanti.

    ๒๒๙. วลฺลูรวิกฺกเยนาติ สุกฺขาปิตมํสวิกฺกเยนฯ นิปฺปกฺขจเมฺมติ วิคตปกฺขโลมจเมฺมฯ เอกํ มิคนฺติ ทีปกมิคํฯ การณาหีติ ฆาตนาหิฯ ญตฺวาติ กมฺมฎฺฐานํ ญตฺวาฯ

    229.Vallūravikkayenāti sukkhāpitamaṃsavikkayena. Nippakkhacammeti vigatapakkhalomacamme. Ekaṃ miganti dīpakamigaṃ. Kāraṇāhīti ghātanāhi. Ñatvāti kammaṭṭhānaṃ ñatvā.

    ๒๓๐. มงฺคนวเสน อุลตีติ มงฺคุลิ, วิรูปพีภจฺฉภาเวน ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ จิตฺตเกฬินฺติ จิตฺตรุจิยํ อนาจารกีฬํฯ

    230. Maṅganavasena ulatīti maṅguli, virūpabībhacchabhāvena pavattatīti attho. Cittakeḷinti cittaruciyaṃ anācārakīḷaṃ.

    ๒๓๑. นิเสฺสวาลปณกกทฺทโมติ ติลพีชกาทิเสวาเลน นีลมณฺฑูกปิฎฺฐิวเณฺณน อุทกปิเฎฺฐ อุทกํ นีลวณฺณํ กุรุมาเนน ปณเกน กทฺทเมน จ วิรหิโตฯ อุณฺหภาเวน ตปนโต ตปํ อุทกํ อสฺสาติ ตโปทกาติ วตฺตเพฺพ ก-การโลปํ กตฺวา ‘‘ตโปทา’’ติ วุจฺจติฯ เปตโลโกติ ปกเฎฺฐน อกุสลกเมฺมน สุคติโต ทุคฺคติํ อิตานํ คตานํ โลโก สมูโห, นิวาสฎฺฐานํ วาฯ กตหตฺถาติ ธนุสิเปฺป สุฎฺฐุ สิกฺขิตหตฺถา, อวิรชฺฌนลกฺขเวธาติ อโตฺถฯ สิปฺปทสฺสนวเสน ราชกุลาทีสุ ราชสมูหํ อุเปจฺจ กตํ อสนํ สรเกฺขโป เอเตสนฺติ กตุปาสนา, สพฺพตฺถ ทสฺสิตสิปฺปาติ อโตฺถฯ ปภโคฺคติ ปภญฺชิโต, ปราชิโตติ อโตฺถฯ

    231.Nissevālapaṇakakaddamoti tilabījakādisevālena nīlamaṇḍūkapiṭṭhivaṇṇena udakapiṭṭhe udakaṃ nīlavaṇṇaṃ kurumānena paṇakena kaddamena ca virahito. Uṇhabhāvena tapanato tapaṃ udakaṃ assāti tapodakāti vattabbe ka-kāralopaṃ katvā ‘‘tapodā’’ti vuccati. Petalokoti pakaṭṭhena akusalakammena sugatito duggatiṃ itānaṃ gatānaṃ loko samūho, nivāsaṭṭhānaṃ vā. Katahatthāti dhanusippe suṭṭhu sikkhitahatthā, avirajjhanalakkhavedhāti attho. Sippadassanavasena rājakulādīsu rājasamūhaṃ upecca kataṃ asanaṃ sarakkhepo etesanti katupāsanā, sabbattha dassitasippāti attho. Pabhaggoti pabhañjito, parājitoti attho.

    ๒๓๒. อาเนญฺชสมาธินฺติ อรูปสมาปตฺติยํ นิรุเทฺธ สติปิ สทฺทกณฺฎเกน อุฎฺฐานารโห รูปาวจรสมาธิเยว อิธ วตฺตโพฺพติ อาห อเนชํ อจลนฺติอาทิฯ สมาธิปริปนฺถเกติ วิตกฺกาทิเก สนฺธาย วทติ, อิทํ ปน ปฐมโพธิยํ อุปฺปนฺนมฺปิ วตฺถุํ อนาจารมตฺตวเสน ภิกฺขูหิ โจทิเตปิ ภควตา ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, โมคฺคลฺลานสฺสา’’ติ (ปารา. ๒๒๘) เอวํ อายติํ อตฺตนา ปญฺญปิยมานปาราชิกานุคุณํ ตทา เอว วินีตนฺติ ธมฺมสงฺคาหกเตฺถเรหิ ปจฺฉา ปญฺญตฺตสฺส อิมสฺส สิกฺขาปทสฺส วินีตวตฺถุภาเวน สงฺคหมาโรปิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ สาวกานํ อุปฺปฎิปาฎิยา อนุสฺสรณาภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘น อุปฺปฎิปาฎิยา’’ติ วุตฺตํฯ ทุกฺกรํ กตนฺติ อนนฺตเร ปญฺจกปฺปสติเก กาเล วิญฺญาณสนฺตติํ อทิสฺวาปิ อสมฺมุยฺหิตฺวา ปรโต ตติยตฺตภาเว ทิฎฺฐจุติจิเตฺตน สทฺธิํ วตฺตมานภวปฎิสนฺธิยา อนุมาเนนาปิ การิยการณาภาวคหณํ นาม สาวกานํ ทุกฺกรตฺตา วุตฺตํฯ ปฎิวิทฺธาติ ปฎิวิทฺธสทิสาฯ ยถา นาม สตฺตธา ผาลิตสฺส จามรวาลโลมสฺส เอกาย อคฺคโกฎิยา อปรสฺส วาลโลมํสุโน โกฎิํ ทูเร ฐตฺวา วิเชฺฌยฺย อาวุนโนฺต วิย ปฎิปาเทยฺย, เอวเมว อิมินาปิ ทุกฺกรํ กตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เอตทคฺคนฺติ เอโส อโคฺคฯ ยทิทนฺติ โย อยํฯ

    232.Āneñjasamādhinti arūpasamāpattiyaṃ niruddhe satipi saddakaṇṭakena uṭṭhānāraho rūpāvacarasamādhiyeva idha vattabboti āha anejaṃ acalantiādi. Samādhiparipanthaketi vitakkādike sandhāya vadati, idaṃ pana paṭhamabodhiyaṃ uppannampi vatthuṃ anācāramattavasena bhikkhūhi coditepi bhagavatā ‘‘anāpatti, bhikkhave, moggallānassā’’ti (pārā. 228) evaṃ āyatiṃ attanā paññapiyamānapārājikānuguṇaṃ tadā eva vinītanti dhammasaṅgāhakattherehi pacchā paññattassa imassa sikkhāpadassa vinītavatthubhāvena saṅgahamāropitanti daṭṭhabbaṃ. Sāvakānaṃ uppaṭipāṭiyā anussaraṇābhāvaṃ dassetuṃ ‘‘na uppaṭipāṭiyā’’ti vuttaṃ. Dukkaraṃ katanti anantare pañcakappasatike kāle viññāṇasantatiṃ adisvāpi asammuyhitvā parato tatiyattabhāve diṭṭhacuticittena saddhiṃ vattamānabhavapaṭisandhiyā anumānenāpi kāriyakāraṇābhāvagahaṇaṃ nāma sāvakānaṃ dukkarattā vuttaṃ. Paṭividdhāti paṭividdhasadisā. Yathā nāma sattadhā phālitassa cāmaravālalomassa ekāya aggakoṭiyā aparassa vālalomaṃsuno koṭiṃ dūre ṭhatvā vijjheyya āvunanto viya paṭipādeyya, evameva imināpi dukkaraṃ katanti vuttaṃ hoti. Etadagganti eso aggo. Yadidanti yo ayaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๔. จตุตฺถปาราชิกํ • 4. Catutthapārājikaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๔. จตุตฺถปาราชิกํ • 4. Catutthapārājikaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact