Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๙. วีโณปมสุตฺตํ
9. Vīṇopamasuttaṃ
๒๔๖. ‘‘ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา จกฺขุวิเญฺญเยฺยสุ รูเปสุ อุปฺปเชฺชยฺย ฉโนฺท วา ราโค วา โทโส วา โมโห วา ปฎิฆํ วาปิ 1 เจตโส, ตโต จิตฺตํ นิวาเรยฺยฯ สภโย เจโส มโคฺค สปฺปฎิภโย จ สกณฺฎโก จ สคหโน จ อุมฺมโคฺค จ กุมฺมโคฺค จ ทุหิติโก จฯ อสปฺปุริสเสวิโต เจโส มโคฺค, น เจโส มโคฺค สปฺปุริเสหิ เสวิโตฯ น ตฺวํ เอตํ อรหสีติฯ ตโต จิตฺตํ นิวารเย จกฺขุวิเญฺญเยฺยหิ รูเปหิ…เป.… ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา ชิวฺหาวิเญฺญเยฺยสุ รเสสุ…เป.… มโนวิเญฺญเยฺยสุ ธเมฺมสุ อุปฺปเชฺชยฺย ฉโนฺท วา ราโค วา โทโส วา โมโห วา ปฎิฆํ วาปิ เจตโส ตโต จิตฺตํ นิวาเรยฺยฯ สภโย เจโส มโคฺค สปฺปฎิภโย จ สกณฺฎโก จ สคหโน จ อุมฺมโคฺค จ กุมฺมโคฺค จ ทุหิติโก จฯ อสปฺปุริสเสวิโต เจโส มโคฺค, น เจโส มโคฺค สปฺปุริเสหิ เสวิโตฯ น ตฺวํ เอตํ อรหสีติฯ ตโต จิตฺตํ นิวารเย มโนวิเญฺญเยฺยหิ ธเมฺมหิฯ
246. ‘‘Yassa kassaci, bhikkhave, bhikkhussa vā bhikkhuniyā vā cakkhuviññeyyesu rūpesu uppajjeyya chando vā rāgo vā doso vā moho vā paṭighaṃ vāpi 2 cetaso, tato cittaṃ nivāreyya. Sabhayo ceso maggo sappaṭibhayo ca sakaṇṭako ca sagahano ca ummaggo ca kummaggo ca duhitiko ca. Asappurisasevito ceso maggo, na ceso maggo sappurisehi sevito. Na tvaṃ etaṃ arahasīti. Tato cittaṃ nivāraye cakkhuviññeyyehi rūpehi…pe… yassa kassaci, bhikkhave, bhikkhussa vā bhikkhuniyā vā jivhāviññeyyesu rasesu…pe… manoviññeyyesu dhammesu uppajjeyya chando vā rāgo vā doso vā moho vā paṭighaṃ vāpi cetaso tato cittaṃ nivāreyya. Sabhayo ceso maggo sappaṭibhayo ca sakaṇṭako ca sagahano ca ummaggo ca kummaggo ca duhitiko ca. Asappurisasevito ceso maggo, na ceso maggo sappurisehi sevito. Na tvaṃ etaṃ arahasīti. Tato cittaṃ nivāraye manoviññeyyehi dhammehi.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กิฎฺฐํ สมฺปนฺนํฯ กิฎฺฐารโกฺข 3 จ ปมโตฺต, โคโณ จ กิฎฺฐาโท อทุํ กิฎฺฐํ โอตริตฺวา ยาวทตฺถํ มทํ อาปเชฺชยฺย ปมาทํ อาปเชฺชยฺย ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน ฉสุ ผสฺสายตเนสุ อสํวุตการี ปญฺจสุ กามคุเณสุ ยาวทตฺถํ มทํ อาปชฺชติ ปมาทํ อาปชฺชติฯ
‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, kiṭṭhaṃ sampannaṃ. Kiṭṭhārakkho 4 ca pamatto, goṇo ca kiṭṭhādo aduṃ kiṭṭhaṃ otaritvā yāvadatthaṃ madaṃ āpajjeyya pamādaṃ āpajjeyya ; evameva kho, bhikkhave, assutavā puthujjano chasu phassāyatanesu asaṃvutakārī pañcasu kāmaguṇesu yāvadatthaṃ madaṃ āpajjati pamādaṃ āpajjati.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กิฎฺฐํ สมฺปนฺนํ กิฎฺฐารโกฺข จ อปฺปมโตฺต โคโณ จ กิฎฺฐาโท อทุํ กิฎฺฐํ โอตเรยฺยฯ ตเมนํ กิฎฺฐารโกฺข นาสายํ สุคฺคหิตํ คเณฺหยฺยฯ นาสายํ สุคฺคหิตํ คเหตฺวา อุปริฆฎายํ สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเณฺหยฺยฯ อุปริฆฎายํ สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา ทเณฺฑน สุตาฬิตํ ตาเฬยฺยฯ ทเณฺฑน สุตาฬิตํ ตาเฬตฺวา โอสเชฺชยฺยฯ ทุติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว …เป.… ตติยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, โคโณ กิฎฺฐาโท อทุํ กิฎฺฐํ โอตเรยฺยฯ ตเมนํ กิฎฺฐารโกฺข นาสายํ สุคฺคหิตํ คเณฺหยฺยฯ นาสายํ สุคฺคหิตํ คเหตฺวา อุปริฆฎายํ สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเณฺหยฺยฯ อุปริฆฎายํ สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา ทเณฺฑน สุตาฬิตํ ตาเฬยฺยฯ ทเณฺฑน สุตาฬิตํ ตาเฬตฺวา โอสเชฺชยฺยฯ เอวญฺหิ โส, ภิกฺขเว, โคโณ กิฎฺฐาโท คามคโต วา อรญฺญคโต วา, ฐานพหุโล วา อสฺส นิสชฺชพหุโล วา น ตํ กิฎฺฐํ ปุน โอตเรยฺย – ตเมว ปุริมํ ทณฺฑสมฺผสฺสํ สมนุสฺสรโนฺตฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยโต โข ภิกฺขุโน ฉสุ ผสฺสายตเนสุ จิตฺตํ อุทุชิตํ โหติ สุทุชิตํ, อชฺฌตฺตเมว สนฺติฎฺฐติ, สนฺนิสีทติ, เอโกทิ โหติ, สมาธิยติฯ
‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, kiṭṭhaṃ sampannaṃ kiṭṭhārakkho ca appamatto goṇo ca kiṭṭhādo aduṃ kiṭṭhaṃ otareyya. Tamenaṃ kiṭṭhārakkho nāsāyaṃ suggahitaṃ gaṇheyya. Nāsāyaṃ suggahitaṃ gahetvā uparighaṭāyaṃ suniggahitaṃ niggaṇheyya. Uparighaṭāyaṃ suniggahitaṃ niggahetvā daṇḍena sutāḷitaṃ tāḷeyya. Daṇḍena sutāḷitaṃ tāḷetvā osajjeyya. Dutiyampi kho, bhikkhave …pe… tatiyampi kho, bhikkhave, goṇo kiṭṭhādo aduṃ kiṭṭhaṃ otareyya. Tamenaṃ kiṭṭhārakkho nāsāyaṃ suggahitaṃ gaṇheyya. Nāsāyaṃ suggahitaṃ gahetvā uparighaṭāyaṃ suniggahitaṃ niggaṇheyya. Uparighaṭāyaṃ suniggahitaṃ niggahetvā daṇḍena sutāḷitaṃ tāḷeyya. Daṇḍena sutāḷitaṃ tāḷetvā osajjeyya. Evañhi so, bhikkhave, goṇo kiṭṭhādo gāmagato vā araññagato vā, ṭhānabahulo vā assa nisajjabahulo vā na taṃ kiṭṭhaṃ puna otareyya – tameva purimaṃ daṇḍasamphassaṃ samanussaranto. Evameva kho, bhikkhave, yato kho bhikkhuno chasu phassāyatanesu cittaṃ udujitaṃ hoti sudujitaṃ, ajjhattameva santiṭṭhati, sannisīdati, ekodi hoti, samādhiyati.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, รโญฺญ วา ราชมหามตฺตสฺส วา วีณาย สโทฺท อสฺสุตปุโพฺพ อสฺสฯ โส วีณาสทฺทํ สุเณยฺยฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘อโมฺภ, กสฺส 5 นุ โข เอโส สโทฺท เอวํรชนีโย เอวํกมนีโย เอวํมทนีโย เอวํมุจฺฉนีโย เอวํพนฺธนีโย’ติ? ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘เอสา, โข, ภเนฺต, วีณา นาม, ยสฺสา เอโส สโทฺท เอวํรชนีโย เอวํกมนีโย เอวํมทนีโย เอวํมุจฺฉนีโย เอวํพนฺธนีโย’ติฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘คจฺฉถ เม, โภ, ตํ วีณํ อาหรถา’ติฯ ตสฺส ตํ วีณํ อาหเรยฺยุํฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อยํ โข สา, ภเนฺต, วีณา ยสฺสา เอโส สโทฺท เอวํรชนีโย เอวํกมนีโย เอวํมทนีโย เอวํมุจฺฉนีโย เอวํพนฺธนีโย’ติฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘อลํ เม, โภ, ตาย วีณาย, ตเมว เม สทฺทํ อาหรถา’ติฯ ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อยํ โข, ภเนฺต, วีณา นาม อเนกสมฺภารา มหาสมฺภาราฯ อเนเกหิ สมฺภาเรหิ สมารทฺธา วทติ , เสยฺยถิทํ – โทณิญฺจ ปฎิจฺจ จมฺมญฺจ ปฎิจฺจ ทณฺฑญฺจ ปฎิจฺจ อุปธารเณ จ ปฎิจฺจ ตนฺติโย จ ปฎิจฺจ โกณญฺจ ปฎิจฺจ ปุริสสฺส จ ตชฺชํ วายามํ ปฎิจฺจ เอวายํ, ภเนฺต, วีณา นาม อเนกสมฺภารา มหาสมฺภาราฯ อเนเกหิ สมฺภาเรหิ สมารทฺธา วทตี’ติฯ โส ตํ วีณํ ทสธา วา สตธา วา ผาเลยฺย, ทสธา วา สตธา วา ตํ ผาเลตฺวา สกลิกํ สกลิกํ กเรยฺยฯ สกลิกํ สกลิกํ กริตฺวา อคฺคินา ฑเหยฺย, อคฺคินา ฑหิตฺวา มสิํ กเรยฺยฯ มสิํ กริตฺวา มหาวาเต วา โอผุเนยฺย 6, นทิยา วา สีฆโสตาย ปวาเหยฺยฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘อสตี กิรายํ, โภ, วีณา นาม, ยเถวํ ยํ 7 กิญฺจิ วีณา นาม เอตฺถ จ ปนายํ ชโน 8 อติเวลํ ปมโตฺต ปลฬิโต’ติฯ เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ รูปํ สมเนฺวสติ 9 ยาวตา รูปสฺส คติ, เวทนํ สมเนฺวสติ ยาวตา เวทนาย คติ, สญฺญํ สมเนฺวสติ ยาวตา สญฺญาย คติ, สงฺขาเร สมเนฺวสติ ยาวตา สงฺขารานํ คติ, วิญฺญาณํ สมเนฺวสติ ยาวตา วิญฺญาณสฺส คติฯ ตสฺส รูปํ สมเนฺวสโต ยาวตา รูปสฺส คติ, เวทนํ สมเนฺวสโต…เป.… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ สมเนฺวสโต ยาวตา วิญฺญาณสฺส คติฯ ยมฺปิสฺส ตํ โหติ อหนฺติ วา มมนฺติ วา อสฺมีติ วา ตมฺปิ ตสฺส น โหตี’’ติฯ นวมํฯ
‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, rañño vā rājamahāmattassa vā vīṇāya saddo assutapubbo assa. So vīṇāsaddaṃ suṇeyya. So evaṃ vadeyya – ‘ambho, kassa 10 nu kho eso saddo evaṃrajanīyo evaṃkamanīyo evaṃmadanīyo evaṃmucchanīyo evaṃbandhanīyo’ti? Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘esā, kho, bhante, vīṇā nāma, yassā eso saddo evaṃrajanīyo evaṃkamanīyo evaṃmadanīyo evaṃmucchanīyo evaṃbandhanīyo’ti. So evaṃ vadeyya – ‘gacchatha me, bho, taṃ vīṇaṃ āharathā’ti. Tassa taṃ vīṇaṃ āhareyyuṃ. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ayaṃ kho sā, bhante, vīṇā yassā eso saddo evaṃrajanīyo evaṃkamanīyo evaṃmadanīyo evaṃmucchanīyo evaṃbandhanīyo’ti. So evaṃ vadeyya – ‘alaṃ me, bho, tāya vīṇāya, tameva me saddaṃ āharathā’ti. Tamenaṃ evaṃ vadeyyuṃ – ‘ayaṃ kho, bhante, vīṇā nāma anekasambhārā mahāsambhārā. Anekehi sambhārehi samāraddhā vadati , seyyathidaṃ – doṇiñca paṭicca cammañca paṭicca daṇḍañca paṭicca upadhāraṇe ca paṭicca tantiyo ca paṭicca koṇañca paṭicca purisassa ca tajjaṃ vāyāmaṃ paṭicca evāyaṃ, bhante, vīṇā nāma anekasambhārā mahāsambhārā. Anekehi sambhārehi samāraddhā vadatī’ti. So taṃ vīṇaṃ dasadhā vā satadhā vā phāleyya, dasadhā vā satadhā vā taṃ phāletvā sakalikaṃ sakalikaṃ kareyya. Sakalikaṃ sakalikaṃ karitvā agginā ḍaheyya, agginā ḍahitvā masiṃ kareyya. Masiṃ karitvā mahāvāte vā ophuneyya 11, nadiyā vā sīghasotāya pavāheyya. So evaṃ vadeyya – ‘asatī kirāyaṃ, bho, vīṇā nāma, yathevaṃ yaṃ 12 kiñci vīṇā nāma ettha ca panāyaṃ jano 13 ativelaṃ pamatto palaḷito’ti. Evameva kho, bhikkhave, bhikkhu rūpaṃ samanvesati 14 yāvatā rūpassa gati, vedanaṃ samanvesati yāvatā vedanāya gati, saññaṃ samanvesati yāvatā saññāya gati, saṅkhāre samanvesati yāvatā saṅkhārānaṃ gati, viññāṇaṃ samanvesati yāvatā viññāṇassa gati. Tassa rūpaṃ samanvesato yāvatā rūpassa gati, vedanaṃ samanvesato…pe… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ samanvesato yāvatā viññāṇassa gati. Yampissa taṃ hoti ahanti vā mamanti vā asmīti vā tampi tassa na hotī’’ti. Navamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๙. วีโณปมสุตฺตวณฺณนา • 9. Vīṇopamasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๙. วีโณปมสุตฺตวณฺณนา • 9. Vīṇopamasuttavaṇṇanā