Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā

    วิปากุทฺธารกถา

    Vipākuddhārakathā

    อิทานิ วิปากุทฺธารกถาย มาติกา ฐเปตพฺพา – ติปิฎกจูฬนาคเตฺถโร ตาว อาห – เอกาย กุสลเจตนาย โสฬส วิปากจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ เอเตฺถว ทฺวาทสกมโคฺคปิ อเหตุกฎฺฐกมฺปีติฯ โมรวาปิวาสี มหาทตฺตเตฺถโร ปนาห – เอกาย กุสลเจตนาย ทฺวาทส วิปากจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ เอเตฺถว ทสกมโคฺคปิ อเหตุกฎฺฐกมฺปีติฯ ติปิฎกมหาธมฺมรกฺขิตเตฺถโร อาห – เอกาย กุสลเจตนาย ทส วิปากจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ, เอเตฺถว อเหตุกฎฺฐกนฺติฯ

    Idāni vipākuddhārakathāya mātikā ṭhapetabbā – tipiṭakacūḷanāgatthero tāva āha – ekāya kusalacetanāya soḷasa vipākacittāni uppajjanti. Ettheva dvādasakamaggopi ahetukaṭṭhakampīti. Moravāpivāsī mahādattatthero panāha – ekāya kusalacetanāya dvādasa vipākacittāni uppajjanti. Ettheva dasakamaggopi ahetukaṭṭhakampīti. Tipiṭakamahādhammarakkhitatthero āha – ekāya kusalacetanāya dasa vipākacittāni uppajjanti, ettheva ahetukaṭṭhakanti.

    อิมสฺมิํ ฐาเน สาเกตปญฺหํ นาม คณฺหิํสุฯ สาเกเต กิร อุปาสกา สาลายํ นิสีทิตฺวา ‘กิํ นุ โข เอกาย เจตนาย กเมฺม อายูหิเต เอกา ปฎิสนฺธิ โหติ อุทาหุ นานา’ติ? ปญฺหํ นาม สมุฎฺฐาเปตฺวา นิเจฺฉตุํ อสโกฺกนฺตา อาภิธมฺมิกเตฺถเร อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิํสุฯ เถรา ‘ยถา เอกสฺมา อมฺพพีชา เอโกว องฺกุโร นิกฺขมติ, เอวํ เอกาว ปฎิสนฺธิ โหตี’ติ สญฺญาเปสุํฯ อเถกทิวสํ ‘กิํ นุ โข นานาเจตนาหิ กเมฺม อายูหิเต ปฎิสนฺธิโย นานา โหนฺติ อุทาหุ เอกา’ติ? ปญฺหํ สมุฎฺฐาเปตฺวา นิเจฺฉตุํ อสโกฺกนฺตา เถเร ปุจฺฉิํสุฯ เถรา ‘ยถา พหูสุ อมฺพพีเชสุ โรปิเตสุ พหู องฺกุรา นิกฺขมนฺติ, เอวํ พหุกาว ปฎิสนฺธิโย โหนฺตี’ติ สญฺญาเปสุํฯ

    Imasmiṃ ṭhāne sāketapañhaṃ nāma gaṇhiṃsu. Sākete kira upāsakā sālāyaṃ nisīditvā ‘kiṃ nu kho ekāya cetanāya kamme āyūhite ekā paṭisandhi hoti udāhu nānā’ti? Pañhaṃ nāma samuṭṭhāpetvā nicchetuṃ asakkontā ābhidhammikatthere upasaṅkamitvā pucchiṃsu. Therā ‘yathā ekasmā ambabījā ekova aṅkuro nikkhamati, evaṃ ekāva paṭisandhi hotī’ti saññāpesuṃ. Athekadivasaṃ ‘kiṃ nu kho nānācetanāhi kamme āyūhite paṭisandhiyo nānā honti udāhu ekā’ti? Pañhaṃ samuṭṭhāpetvā nicchetuṃ asakkontā there pucchiṃsu. Therā ‘yathā bahūsu ambabījesu ropitesu bahū aṅkurā nikkhamanti, evaṃ bahukāva paṭisandhiyo hontī’ti saññāpesuṃ.

    อปรมฺปิ อิมสฺมิํ ฐาเน อุสฺสทกิตฺตนํ นาม คหิตํฯ อิเมสญฺหิ สตฺตานํ โลโภปิ อุสฺสโนฺน โหติ, โทโสปิ โมโหปิ; อโลโภปิ อโทโสปิ อโมโหปิฯ ตํ เนสํ อุสฺสนฺนภาวํ โก นิยาเมตีติ? ปุพฺพเหตุ นิยาเมติฯ กมฺมายูหนกฺขเณเยว นานตฺตํ โหติฯ กถํ? ‘‘ยสฺส หิ กมฺมายูหนกฺขเณ โลโภ พลวา โหติ อโลโภ มโนฺท, อโทสาโมหา พลวโนฺต โทสโมหา มนฺทา, ตสฺส มโนฺท อโลโภ โลภํ ปริยาทาตุํ น สโกฺกติ, อโทสาโมหา ปน พลวโนฺต โทสโมเห ปริยาทาตุํ สโกฺกนฺติฯ ตสฺมา โส เตน กเมฺมน ทินฺนปฎิสนฺธิวเสน นิพฺพโตฺต ลุโทฺธ โหติ, สุขสีโล อโกฺกธโน, ปญฺญวา ปน โหติ วชิรูปมญาโณ’’ติฯ

    Aparampi imasmiṃ ṭhāne ussadakittanaṃ nāma gahitaṃ. Imesañhi sattānaṃ lobhopi ussanno hoti, dosopi mohopi; alobhopi adosopi amohopi. Taṃ nesaṃ ussannabhāvaṃ ko niyāmetīti? Pubbahetu niyāmeti. Kammāyūhanakkhaṇeyeva nānattaṃ hoti. Kathaṃ? ‘‘Yassa hi kammāyūhanakkhaṇe lobho balavā hoti alobho mando, adosāmohā balavanto dosamohā mandā, tassa mando alobho lobhaṃ pariyādātuṃ na sakkoti, adosāmohā pana balavanto dosamohe pariyādātuṃ sakkonti. Tasmā so tena kammena dinnapaṭisandhivasena nibbatto luddho hoti, sukhasīlo akkodhano, paññavā pana hoti vajirūpamañāṇo’’ti.

    ‘ยสฺส ปน กมฺมายูหนกฺขเณ โลภโทสา พลวโนฺต โหนฺติ อโลภาโทสา มนฺทา, อโมโห พลวา โมโห มโนฺท, โส ปุริมนเยเนว ลุโทฺธ เจว โหติ ทุโฎฺฐ จ, ปญฺญวา ปน โหติ วชิรูปมญาโณ ทตฺตาภยเตฺถโร วิยฯ

    ‘Yassa pana kammāyūhanakkhaṇe lobhadosā balavanto honti alobhādosā mandā, amoho balavā moho mando, so purimanayeneva luddho ceva hoti duṭṭho ca, paññavā pana hoti vajirūpamañāṇo dattābhayatthero viya.

    ‘ยสฺส ปน กมฺมายูหนกฺขเณ โลภาโทสโมหา พลวโนฺต โหนฺติ อิตเร มนฺทา, โส ปุริมนเยเนว ลุโทฺธ เจว โหติ ทโนฺธ จ, สุขสีลโก ปน โหติ อโกฺกธโนฯ

    ‘Yassa pana kammāyūhanakkhaṇe lobhādosamohā balavanto honti itare mandā, so purimanayeneva luddho ceva hoti dandho ca, sukhasīlako pana hoti akkodhano.

    ‘ตถา ยสฺส กมฺมายูหนกฺขเณ ตโยปิ โลภโทสโมหา พลวโนฺต โหนฺติ อโลภาทโย มนฺทา, โส ปุริมนเยเนว ลุโทฺธ เจว โหติ ทุโฎฺฐ จ มูโฬฺห จฯ

    ‘Tathā yassa kammāyūhanakkhaṇe tayopi lobhadosamohā balavanto honti alobhādayo mandā, so purimanayeneva luddho ceva hoti duṭṭho ca mūḷho ca.

    ‘ยสฺส ปน กมฺมายูหนกฺขเณ อโลภโทสโมหา พลวโนฺต โหนฺติ อิตเร มนฺทา, โส ปุริมนเยเนว อปฺปกิเลโส โหติ, ทิพฺพารมฺมณมฺปิ ทิสฺวา นิจฺจโล, ทุโฎฺฐ ปน โหติ ทนฺธปโญฺญ จาติฯ

    ‘Yassa pana kammāyūhanakkhaṇe alobhadosamohā balavanto honti itare mandā, so purimanayeneva appakileso hoti, dibbārammaṇampi disvā niccalo, duṭṭho pana hoti dandhapañño cāti.

    ‘ยสฺส ปน กมฺมายูหนกฺขเณ อโลภาโทสโมหา พลวโนฺต โหนฺติ อิตเร มนฺทา, โส ปุริมนเยเนว อลุโทฺธ เจว โหติ, สุขสีลโก จ, ทโนฺธ ปน โหติฯ

    ‘Yassa pana kammāyūhanakkhaṇe alobhādosamohā balavanto honti itare mandā, so purimanayeneva aluddho ceva hoti, sukhasīlako ca, dandho pana hoti.

    ‘ตถา ยสฺส กมฺมายูหนกฺขเณ อโลภโทสาโมหา พลวโนฺต โหนฺติ อิตเร มนฺทา, โส ปุริมนเยเนว อลุโทฺธ เจว โหติ ปญฺญวา จ, ทุโฎฺฐ จ ปน โหติ โกธโนฯ

    ‘Tathā yassa kammāyūhanakkhaṇe alobhadosāmohā balavanto honti itare mandā, so purimanayeneva aluddho ceva hoti paññavā ca, duṭṭho ca pana hoti kodhano.

    ‘ยสฺส ปน กมฺมายูหนกฺขเณ ตโยปิ อโลภาทโย พลวโนฺต โหนฺติ โลภาทโย มนฺทา, โส มหาสงฺฆรกฺขิตเตฺถโร วิย อลุโทฺธ อทุโฎฺฐ ปญฺญวา จ โหตี’ติฯ

    ‘Yassa pana kammāyūhanakkhaṇe tayopi alobhādayo balavanto honti lobhādayo mandā, so mahāsaṅgharakkhitatthero viya aluddho aduṭṭho paññavā ca hotī’ti.

    อปรมฺปิ อิมสฺมิํ ฐาเน เหตุกิตฺตนํ นาม คหิตํฯ ติเหตุกกมฺมญฺหิ ติเหตุกมฺปิ ทุเหตุกมฺปิ อเหตุกมฺปิ วิปากํ เทติฯ ทุเหตุกกมฺมํ ติเหตุกวิปากํ น เทติ, อิตรํ เทติฯ ติเหตุกกเมฺมน ปฎิสนฺธิ ติเหตุกาปิ โหติ, ทุเหตุกาปิ; อเหตุกา น โหติฯ ทุเหตุเกน ทุเหตุกาปิ โหติ อเหตุกาปิ; ติเหตุกา น โหติฯ อสงฺขาริกํ กุสลํ อสงฺขาริกมฺปิ สสงฺขาริกมฺปิ วิปากํ เทติฯ สสงฺขาริกํ สสงฺขาริกมฺปิ อสงฺขาริกมฺปิ วิปากํ เทติฯ อารมฺมเณน เวทนา ปริวเตฺตตพฺพาฯ ชวเนน ตทารมฺมณํ นิยาเมตพฺพํฯ

    Aparampi imasmiṃ ṭhāne hetukittanaṃ nāma gahitaṃ. Tihetukakammañhi tihetukampi duhetukampi ahetukampi vipākaṃ deti. Duhetukakammaṃ tihetukavipākaṃ na deti, itaraṃ deti. Tihetukakammena paṭisandhi tihetukāpi hoti, duhetukāpi; ahetukā na hoti. Duhetukena duhetukāpi hoti ahetukāpi; tihetukā na hoti. Asaṅkhārikaṃ kusalaṃ asaṅkhārikampi sasaṅkhārikampi vipākaṃ deti. Sasaṅkhārikaṃ sasaṅkhārikampi asaṅkhārikampi vipākaṃ deti. Ārammaṇena vedanā parivattetabbā. Javanena tadārammaṇaṃ niyāmetabbaṃ.

    อิทานิ ตสฺส ตสฺส เถรสฺส วาเท โสฬสมคฺคาทโย เวทิตพฺพาฯ ปฐมกามาวจรกุสลสทิเสน หิ ปฐมมหาวิปากจิเตฺตน คหิตปฎิสนฺธิกสฺส คพฺภาวาสโต นิกฺขมิตฺวา สํวราสํวเร ปฎฺฐเปตุํ สมตฺถภาวํ อุปคตสฺส จกฺขุทฺวารสฺมิํ ‘อิฎฺฐารมฺมเณ’ อาปาถมาคเต กิริยมโนธาตุยา ภวเงฺค อนาวฎฺฎิเตเยว อติกฺกมนอารมฺมณานํ ปมาณํ นตฺถิฯ กสฺมา เอวํ โหติ? อารมฺมณทุพฺพลตายฯ อยํ ตาว เอโก โมฆวาโรฯ

    Idāni tassa tassa therassa vāde soḷasamaggādayo veditabbā. Paṭhamakāmāvacarakusalasadisena hi paṭhamamahāvipākacittena gahitapaṭisandhikassa gabbhāvāsato nikkhamitvā saṃvarāsaṃvare paṭṭhapetuṃ samatthabhāvaṃ upagatassa cakkhudvārasmiṃ ‘iṭṭhārammaṇe’ āpāthamāgate kiriyamanodhātuyā bhavaṅge anāvaṭṭiteyeva atikkamanaārammaṇānaṃ pamāṇaṃ natthi. Kasmā evaṃ hoti? Ārammaṇadubbalatāya. Ayaṃ tāva eko moghavāro.

    สเจ ปน ภวงฺคํ อาวเฎฺฎติ, กิริยมโนธาตุยา ภวเงฺค อาวฎฺฎิเต, โวฎฺฐพฺพนํ อปาเปตฺวาว อนฺตรา, จกฺขุวิญฺญาเณ วา สมฺปฎิจฺฉเน วา สนฺตีรเณ วา ฐตฺวา นิวตฺติสฺสตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ โวฎฺฐพฺพนวเสน ปน ฐตฺวา เอกํ วา เทฺว วา จิตฺตานิ ปวตฺตนฺติฯ ตโต อาเสวนํ ลภิตฺวา ชวนฎฺฐาเน ฐตฺวา ปุน ภวงฺคํ โอตรติ อิทมฺปิ อารมฺมณทุพฺพลตาย เอว โหติฯ อยํ ปน วาโร ‘ทิฎฺฐํ วิย เม, สุตํ วิย เม’ติอาทีนิ วทนกาเล ลพฺภติฯ อยมฺปิ ทุติโย โมฆวาโรฯ

    Sace pana bhavaṅgaṃ āvaṭṭeti, kiriyamanodhātuyā bhavaṅge āvaṭṭite, voṭṭhabbanaṃ apāpetvāva antarā, cakkhuviññāṇe vā sampaṭicchane vā santīraṇe vā ṭhatvā nivattissatīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Voṭṭhabbanavasena pana ṭhatvā ekaṃ vā dve vā cittāni pavattanti. Tato āsevanaṃ labhitvā javanaṭṭhāne ṭhatvā puna bhavaṅgaṃ otarati idampi ārammaṇadubbalatāya eva hoti. Ayaṃ pana vāro ‘diṭṭhaṃ viya me, sutaṃ viya me’tiādīni vadanakāle labbhati. Ayampi dutiyo moghavāro.

    อปรสฺส กิริยมโนธาตุยา ภวเงฺค อาวฎฺฎิเต วีถิจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ชวนํ ชวติฯ ชวนปริโยสาเน ปน ตทารมฺมณสฺส วาโรฯ ตสฺมิํ อนุปฺปเนฺนเยว ภวงฺคํ โอตรติฯ ตตฺรายํ อุปมา – ยถา หิ นทิยา อาวรณํ พนฺธิตฺวา มหามาติกาภิมุเข อุทเก กเต อุทกํ คนฺตฺวา อุโภสุ ตีเรสุ เกทาเร ปูเรตฺวา อติเรกํ กกฺกฎกมคฺคาทีหิ ปลายิตฺวา ปุน นทิํเยว โอตรติ, เอวเมตํ ทฎฺฐพฺพํฯ เอตฺถ หิ นทิยํ อุทกปฺปวตฺตนกาโล วิย ภวงฺควีถิปฺปวตฺตนกาโล ฯ อาวรณพนฺธนกาโล วิย กิริยมโนธาตุยา ภวงฺคสฺส อาวฎฺฎนกาโลฯ มหามาติกาย อุทกปฺปวตฺตนกาโล วิย วีถิจิตฺตปฺปวตฺติฯ อุโภสุ ตีเรสุ เกทารปูรณํ วิย ชวนํฯ กกฺกฎกมคฺคาทีหิ ปลายิตฺวา ปุน อุทกสฺส นทีโอตรณํ วิย ชวนํ ชวิตฺวา ตทารมฺมเณ อนุปฺปเนฺนเยว ปุน ภวโงฺคตรณํฯ เอวํ ภวงฺคํ โอตรณจิตฺตานมฺปิ คณนปโถ นตฺถิฯ อิทญฺจาปิ อารมฺมณทุพฺพลตาย เอว โหติฯ อยํ ตติโย โมฆวาโรฯ

    Aparassa kiriyamanodhātuyā bhavaṅge āvaṭṭite vīthicittāni uppajjanti, javanaṃ javati. Javanapariyosāne pana tadārammaṇassa vāro. Tasmiṃ anuppanneyeva bhavaṅgaṃ otarati. Tatrāyaṃ upamā – yathā hi nadiyā āvaraṇaṃ bandhitvā mahāmātikābhimukhe udake kate udakaṃ gantvā ubhosu tīresu kedāre pūretvā atirekaṃ kakkaṭakamaggādīhi palāyitvā puna nadiṃyeva otarati, evametaṃ daṭṭhabbaṃ. Ettha hi nadiyaṃ udakappavattanakālo viya bhavaṅgavīthippavattanakālo . Āvaraṇabandhanakālo viya kiriyamanodhātuyā bhavaṅgassa āvaṭṭanakālo. Mahāmātikāya udakappavattanakālo viya vīthicittappavatti. Ubhosu tīresu kedārapūraṇaṃ viya javanaṃ. Kakkaṭakamaggādīhi palāyitvā puna udakassa nadīotaraṇaṃ viya javanaṃ javitvā tadārammaṇe anuppanneyeva puna bhavaṅgotaraṇaṃ. Evaṃ bhavaṅgaṃ otaraṇacittānampi gaṇanapatho natthi. Idañcāpi ārammaṇadubbalatāya eva hoti. Ayaṃ tatiyo moghavāro.

    สเจ ปน พลวารมฺมณํ อาปาถคตํ โหติ กิริยมโนธาตุยา ภวเงฺค อาวฎฺฎิเต จกฺขุวิญฺญาณาทีนิ อุปฺปชฺชนฺติฯ ชวนฎฺฐาเน ปน ปฐมกามาวจรกุสลจิตฺตํ ชวนํ หุตฺวา ฉสตฺตวาเร ชวิตฺวา ตทารมฺมณสฺส วารํ เทติฯ ตทารมฺมณํ ปติฎฺฐหมานํ ตํสทิสเมว มหาวิปากจิตฺตํ ปติฎฺฐาติฯ อิทํ เทฺว นามานิ ลภติ – ปฎิสนฺธิจิตฺตสทิสตฺตา ‘มูลภวงฺค’นฺติ จ, ยํ ชวเนน คหิตํ อารมฺมณํ ตสฺส คหิตตฺตา ‘ตทารมฺมณ’นฺติ จฯ อิมสฺมิํ ฐาเน จกฺขุวิญฺญาณํ สมฺปฎิจฺฉนํ สนฺตีรณํ ตทารมฺมณนฺติ จตฺตาริ วิปากจิตฺตานิ คณนูปคานิ โหนฺติฯ

    Sace pana balavārammaṇaṃ āpāthagataṃ hoti kiriyamanodhātuyā bhavaṅge āvaṭṭite cakkhuviññāṇādīni uppajjanti. Javanaṭṭhāne pana paṭhamakāmāvacarakusalacittaṃ javanaṃ hutvā chasattavāre javitvā tadārammaṇassa vāraṃ deti. Tadārammaṇaṃ patiṭṭhahamānaṃ taṃsadisameva mahāvipākacittaṃ patiṭṭhāti. Idaṃ dve nāmāni labhati – paṭisandhicittasadisattā ‘mūlabhavaṅga’nti ca, yaṃ javanena gahitaṃ ārammaṇaṃ tassa gahitattā ‘tadārammaṇa’nti ca. Imasmiṃ ṭhāne cakkhuviññāṇaṃ sampaṭicchanaṃ santīraṇaṃ tadārammaṇanti cattāri vipākacittāni gaṇanūpagāni honti.

    ยทา ปน ทุติยกุสลจิตฺตํ ชวนํ โหติ, ตทา ตํสทิสํ ทุติยวิปากจิตฺตเมว ตทารมฺมณํ หุตฺวา ปติฎฺฐาติฯ อิทญฺจ เทฺว นามานิ ลภติ ฯ ปฎิสนฺธิจิเตฺตน อสทิสตฺตา ‘อาคนฺตุกภวงฺค’นฺติ จ ปุริมนเยเนว ‘ตทารมฺมณ’นฺติ จฯ อิมินา สทฺธิํ ปุริมานิ จตฺตาริ ปญฺจ โหนฺติฯ

    Yadā pana dutiyakusalacittaṃ javanaṃ hoti, tadā taṃsadisaṃ dutiyavipākacittameva tadārammaṇaṃ hutvā patiṭṭhāti. Idañca dve nāmāni labhati . Paṭisandhicittena asadisattā ‘āgantukabhavaṅga’nti ca purimanayeneva ‘tadārammaṇa’nti ca. Iminā saddhiṃ purimāni cattāri pañca honti.

    ยทา ปน ตติยกุสลจิตฺตํ ชวนํ โหติ, ตทา ตํสทิสํ ตติยวิปากจิตฺตํ ตทารมฺมณํ หุตฺวา ปติฎฺฐาติฯ อิทมฺปิ วุตฺตนเยเนว ‘อาคนฺตุกภวงฺคํ’‘ตทารมฺมณ’นฺติ จ เทฺว นามานิ ลภติฯ อิมินา สทฺธิํ ปุริมานิ ปญฺจ ฉ โหนฺติฯ

    Yadā pana tatiyakusalacittaṃ javanaṃ hoti, tadā taṃsadisaṃ tatiyavipākacittaṃ tadārammaṇaṃ hutvā patiṭṭhāti. Idampi vuttanayeneva ‘āgantukabhavaṅgaṃ’‘tadārammaṇa’nti ca dve nāmāni labhati. Iminā saddhiṃ purimāni pañca cha honti.

    ยทา ปน จตุตฺถกุสลจิตฺตํ ชวนํ โหติ, ตทา ตํสทิสํ จตุตฺถวิปากจิตฺตํ ตทารมฺมณํ หุตฺวา ปติฎฺฐาติฯ อิทมฺปิ วุตฺตนเยเนว ‘อาคนฺตุกภวงฺคํ’‘ตทารมฺมณ’นฺติ จ เทฺว นามานิ ลภติฯ อิมินา สทฺธิํ ปุริมานิ ฉ สตฺต โหนฺติฯ

    Yadā pana catutthakusalacittaṃ javanaṃ hoti, tadā taṃsadisaṃ catutthavipākacittaṃ tadārammaṇaṃ hutvā patiṭṭhāti. Idampi vuttanayeneva ‘āgantukabhavaṅgaṃ’‘tadārammaṇa’nti ca dve nāmāni labhati. Iminā saddhiṃ purimāni cha satta honti.

    ยทา ปน ตสฺมิํ ทฺวาเร ‘อิฎฺฐมชฺฌตฺตารมฺมณํ’ อาปาถมาคจฺฉติ, ตตฺราปิ วุตฺตนเยเนว ตโย โมฆวารา ลพฺภนฺติฯ ยสฺมา ปน อารมฺมเณน เวทนา ปริวตฺตติ ตสฺมา ตตฺถ อุเปกฺขาสหคตสนฺตีรณํฯ จตุนฺนญฺจ อุเปกฺขาสหคตมหากุสลชวนานํ ปริโยสาเน จตฺตาริ อุเปกฺขาสหคตมหาวิปากจิตฺตาเนว ตทารมฺมณภาเวน ปติฎฺฐหนฺติฯ ตานิปิ วุตฺตนเยเนว ‘อาคนฺตุกภวงฺคํ’‘ตทารมฺมณ’นฺติ จ เทฺว นามานิ ลภนฺติฯ ‘ปิฎฺฐิภวงฺคานี’ติปิ วุจฺจนฺติ เอวฯ อิติ อิมานิ ปญฺจ ปุริเมหิ สตฺตหิ สทฺธิํ ทฺวาทส โหนฺติฯ เอวํ จกฺขุทฺวาเร ทฺวาทส, โสตทฺวาราทีสุ ทฺวาทส ทฺวาทสาติ, สมสฎฺฐิ โหนฺติฯ เอวํ เอกาย เจตนาย กเมฺม อายูหิเต สมสฎฺฐิ วิปากจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ อคฺคหิตคฺคหเณน ปน จกฺขุทฺวาเร ทฺวาทส, โสตฆานชิวฺหากายวิญฺญาณานิ จตฺตารีติ โสฬส โหนฺติฯ

    Yadā pana tasmiṃ dvāre ‘iṭṭhamajjhattārammaṇaṃ’ āpāthamāgacchati, tatrāpi vuttanayeneva tayo moghavārā labbhanti. Yasmā pana ārammaṇena vedanā parivattati tasmā tattha upekkhāsahagatasantīraṇaṃ. Catunnañca upekkhāsahagatamahākusalajavanānaṃ pariyosāne cattāri upekkhāsahagatamahāvipākacittāneva tadārammaṇabhāvena patiṭṭhahanti. Tānipi vuttanayeneva ‘āgantukabhavaṅgaṃ’‘tadārammaṇa’nti ca dve nāmāni labhanti. ‘Piṭṭhibhavaṅgānī’tipi vuccanti eva. Iti imāni pañca purimehi sattahi saddhiṃ dvādasa honti. Evaṃ cakkhudvāre dvādasa, sotadvārādīsu dvādasa dvādasāti, samasaṭṭhi honti. Evaṃ ekāya cetanāya kamme āyūhite samasaṭṭhi vipākacittāni uppajjanti. Aggahitaggahaṇena pana cakkhudvāre dvādasa, sotaghānajivhākāyaviññāṇāni cattārīti soḷasa honti.

    อิมสฺมิํ ฐาเน อโมฺพปมํ นาม คณฺหิํสุ – เอโก กิร ปุริโส ผลิตมฺพรุกฺขมูเล สสีสํ ปารุปิตฺวา นิปโนฺน นิทฺทายติฯ อเถกํ อมฺพปกฺกํ วณฺฎโต มุจฺจิตฺวา ตสฺส กณฺณสกฺขลิํ ปุญฺฉมานํ วิย ‘ถ’นฺติ ภูมิยํ ปติฯ โส ตสฺส สเทฺทน ปพุชฺฌิตฺวา อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกสิฯ ตโต หตฺถํ ปสาเรตฺวา ผลํ คเหตฺวา มทฺทิตฺวา อุปสิงฺฆิตฺวา ปริภุญฺชิฯ

    Imasmiṃ ṭhāne ambopamaṃ nāma gaṇhiṃsu – eko kira puriso phalitambarukkhamūle sasīsaṃ pārupitvā nipanno niddāyati. Athekaṃ ambapakkaṃ vaṇṭato muccitvā tassa kaṇṇasakkhaliṃ puñchamānaṃ viya ‘tha’nti bhūmiyaṃ pati. So tassa saddena pabujjhitvā ummīletvā olokesi. Tato hatthaṃ pasāretvā phalaṃ gahetvā madditvā upasiṅghitvā paribhuñji.

    ตตฺถ, ตสฺส ปุริสสฺส อมฺพรุกฺขมูเล นิทฺทายนกาโล วิย ภวงฺคสมงฺคิกาโลฯ อมฺพปกฺกสฺส วณฺฎโต มุจฺจิตฺวา กณฺณสกฺขลิํ ปุญฺฉมานสฺส ปตนกาโล วิย อารมฺมณสฺส ปสาทฆฎฺฎนกาโลฯ เตน สเทฺทน ปพุทฺธกาโล วิย กิริยมโนธาตุยา ภวงฺคสฺส อาวฎฺฎิตกาโลฯ อุมฺมีเลตฺวา โอโลกิตกาโล วิย จกฺขุวิญฺญาณสฺส ทสฺสนกิจฺจสาธนกาโลฯ หตฺถํ ปสาเรตฺวา คหิตกาโล วิย วิปากมโนธาตุยา อารมฺมณสฺส สมฺปฎิจฺฉิตกาโลฯ คเหตฺวา มทฺทิตกาโล วิย วิปากมโนวิญฺญาณธาตุยา อารมฺมณสฺส สนฺตีรณกาโลฯ อุปสิงฺฆิตกาโล วิย กิริยมโนวิญฺญาณธาตุยา อารมฺมณสฺส ววตฺถาปิตกาโล ฯ ปริภุตฺตกาโล วิย ชวนสฺส อารมฺมณรสํ อนุภวิตกาโลฯ อยํ อุปมา กิํ ทีเปติ? อารมฺมณสฺส ปสาทฆฎฺฎนเมว กิจฺจํฯ เตน ปสาเท ฆฎฺฎิเต กิริยมโนธาตุยา ภวงฺคาวฎฺฎนเมว, จกฺขุวิญฺญาณสฺส ทสฺสนมตฺตกเมว, วิปากมโนธาตุยา อารมฺมณสมฺปฎิจฺฉนมตฺตกเมว, วิปากมโนวิญฺญาณธาตุยา อารมฺมณสนฺตีรณมตฺตกเมว, กิริยมโนวิญฺญาณธาตุยา อารมฺมณววตฺถาปนมตฺตกเมว กิจฺจํฯ เอกเนฺตน ปน อารมฺมณรสํ ชวนเมว อนุภวตีติ ทีเปติฯ

    Tattha, tassa purisassa ambarukkhamūle niddāyanakālo viya bhavaṅgasamaṅgikālo. Ambapakkassa vaṇṭato muccitvā kaṇṇasakkhaliṃ puñchamānassa patanakālo viya ārammaṇassa pasādaghaṭṭanakālo. Tena saddena pabuddhakālo viya kiriyamanodhātuyā bhavaṅgassa āvaṭṭitakālo. Ummīletvā olokitakālo viya cakkhuviññāṇassa dassanakiccasādhanakālo. Hatthaṃ pasāretvā gahitakālo viya vipākamanodhātuyā ārammaṇassa sampaṭicchitakālo. Gahetvā madditakālo viya vipākamanoviññāṇadhātuyā ārammaṇassa santīraṇakālo. Upasiṅghitakālo viya kiriyamanoviññāṇadhātuyā ārammaṇassa vavatthāpitakālo . Paribhuttakālo viya javanassa ārammaṇarasaṃ anubhavitakālo. Ayaṃ upamā kiṃ dīpeti? Ārammaṇassa pasādaghaṭṭanameva kiccaṃ. Tena pasāde ghaṭṭite kiriyamanodhātuyā bhavaṅgāvaṭṭanameva, cakkhuviññāṇassa dassanamattakameva, vipākamanodhātuyā ārammaṇasampaṭicchanamattakameva, vipākamanoviññāṇadhātuyā ārammaṇasantīraṇamattakameva, kiriyamanoviññāṇadhātuyā ārammaṇavavatthāpanamattakameva kiccaṃ. Ekantena pana ārammaṇarasaṃ javanameva anubhavatīti dīpeti.

    เอตฺถ จ ‘ตฺวํ ภวงฺคํ นาม โหหิ, ตฺวํ อาวชฺชนํ นาม, ตฺวํ ทสฺสนํ นาม, ตฺวํ สมฺปฎิจฺฉนํ นาม, ตฺวํ สนฺตีรณํ นาม, ตฺวํ โวฎฺฐพฺพนํ นาม, ตฺวํ ชวนํ นาม, โหหี’ติ โกจิ กตฺตา วา กาเรตา วา นตฺถิฯ

    Ettha ca ‘tvaṃ bhavaṅgaṃ nāma hohi, tvaṃ āvajjanaṃ nāma, tvaṃ dassanaṃ nāma, tvaṃ sampaṭicchanaṃ nāma, tvaṃ santīraṇaṃ nāma, tvaṃ voṭṭhabbanaṃ nāma, tvaṃ javanaṃ nāma, hohī’ti koci kattā vā kāretā vā natthi.

    อิมสฺมิํ ปน ฐาเน ปญฺจวิธํ นิยามํ นาม คณฺหิํสุ – พีชนิยามํ อุตุนิยามํ กมฺมนิยามํ ธมฺมนิยามํ จิตฺตนิยามนฺติฯ ตตฺถ กุลตฺถคจฺฉสฺส อุตฺตรคฺคภาโว, ทกฺขิณวลฺลิยา ทกฺขิณโต รุกฺขปริหรณํ, สูริยาวฎฺฎปุปฺผานํ สูริยาภิมุขภาโว, มาลุวลตาย รุกฺขาภิมุขคมนเมว, นาฬิเกรสฺส มตฺถเก ฉิทฺทสพฺภาโวติ เตสํ เตสํ พีชานํ ตํตํสทิสผลทานํ พีชนิยาโม นามฯ ตสฺมิํ ตสฺมิํ สมเย เตสํ เตสํ รุกฺขานํ เอกปฺปหาเรเนว ปุปฺผผลปลฺลวคฺคหณํ อุตุนิยาโม นามฯ ติเหตุกกมฺมํ ติเหตุกทุเหตุกาเหตุกวิปากํ เทติฯ ทุเหตุกกมฺมํ ทุเหตุกาเหตุกวิปากํ เทติ, ติเหตุกํ น เทตีติ, เอวํ ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส ตํตํสทิสวิปากทานเมว กมฺมนิยาโม นามฯ

    Imasmiṃ pana ṭhāne pañcavidhaṃ niyāmaṃ nāma gaṇhiṃsu – bījaniyāmaṃ utuniyāmaṃ kammaniyāmaṃ dhammaniyāmaṃ cittaniyāmanti. Tattha kulatthagacchassa uttaraggabhāvo, dakkhiṇavalliyā dakkhiṇato rukkhapariharaṇaṃ, sūriyāvaṭṭapupphānaṃ sūriyābhimukhabhāvo, māluvalatāya rukkhābhimukhagamanameva, nāḷikerassa matthake chiddasabbhāvoti tesaṃ tesaṃ bījānaṃ taṃtaṃsadisaphaladānaṃ bījaniyāmo nāma. Tasmiṃ tasmiṃ samaye tesaṃ tesaṃ rukkhānaṃ ekappahāreneva pupphaphalapallavaggahaṇaṃ utuniyāmo nāma. Tihetukakammaṃ tihetukaduhetukāhetukavipākaṃ deti. Duhetukakammaṃ duhetukāhetukavipākaṃ deti, tihetukaṃ na detīti, evaṃ tassa tassa kammassa taṃtaṃsadisavipākadānameva kammaniyāmo nāma.

    อปโรปิ กมฺมสริกฺขกวิปากวเสเนว กมฺมนิยาโม โหติฯ ตสฺส ทีปนตฺถมิทํ วตฺถุํ กเถนฺติ – สมฺมาสมฺพุทฺธกาเล สาวตฺถิยา ทฺวารคาโม ฌายิ ฯ ตโต ปชฺชลิตํ ติณกรฬํ อุฎฺฐหิตฺวา อากาเสน คจฺฉโต กากสฺส คีวาย ปฎิมุญฺจิฯ โส วิรวโนฺต ภูมิยํ ปติตฺวา กาลมกาสิฯ มหาสมุเทฺทปิ เอกา นาวา นิจฺจลา อฎฺฐาสิฯ เหฎฺฐา เกนจิ นิรุทฺธภาวํ อปสฺสนฺตา กาฬกณฺณิสลากํ วิจาเรสุํฯ สา นาวิกเสฺสว อุปาสิกาย หเตฺถ ปติฯ ตโต เอกิสฺสา การณา มา สเพฺพ นสฺสนฺตุ, อุทเก นํ ขิปามาติ อาหํสุฯ นาวิโก ‘น สกฺขิสฺสามิ เอตํ อุทเก อุปฺปิลวมานํ ปสฺสิตุ’นฺติ วาลิกาฆฎํ คีวายํ พนฺธาเปตฺวา ขิปาเปสิฯ ตงฺขณเญฺญว นาวา ขิตฺตสโร วิย ปกฺขนฺทิฯ เอโก ภิกฺขุ เลเณ วสติฯ มหนฺตํ ปพฺพตกูฎํ ปติตฺวา ทฺวารํ ปิทหิฯ ตํ สตฺตเม ทิวเส สยเมว อปคตํฯ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เชตวเน นิสีทิตฺวา ธมฺมํ กเถนฺตสฺส อิมานิ ตีณิ วตฺถูนิ เอกปฺปหาเรเนว อาโรเจสุํฯ สตฺถา ‘น เอตํ อเญฺญหิ กตํ, เตหิ กตกมฺมเมว ต’นฺติ อตีตํ อาหริตฺวา ทเสฺสโนฺต อาห –

    Aparopi kammasarikkhakavipākavaseneva kammaniyāmo hoti. Tassa dīpanatthamidaṃ vatthuṃ kathenti – sammāsambuddhakāle sāvatthiyā dvāragāmo jhāyi . Tato pajjalitaṃ tiṇakaraḷaṃ uṭṭhahitvā ākāsena gacchato kākassa gīvāya paṭimuñci. So viravanto bhūmiyaṃ patitvā kālamakāsi. Mahāsamuddepi ekā nāvā niccalā aṭṭhāsi. Heṭṭhā kenaci niruddhabhāvaṃ apassantā kāḷakaṇṇisalākaṃ vicāresuṃ. Sā nāvikasseva upāsikāya hatthe pati. Tato ekissā kāraṇā mā sabbe nassantu, udake naṃ khipāmāti āhaṃsu. Nāviko ‘na sakkhissāmi etaṃ udake uppilavamānaṃ passitu’nti vālikāghaṭaṃ gīvāyaṃ bandhāpetvā khipāpesi. Taṅkhaṇaññeva nāvā khittasaro viya pakkhandi. Eko bhikkhu leṇe vasati. Mahantaṃ pabbatakūṭaṃ patitvā dvāraṃ pidahi. Taṃ sattame divase sayameva apagataṃ. Sammāsambuddhassa jetavane nisīditvā dhammaṃ kathentassa imāni tīṇi vatthūni ekappahāreneva ārocesuṃ. Satthā ‘na etaṃ aññehi kataṃ, tehi katakammameva ta’nti atītaṃ āharitvā dassento āha –

    กาโก ปุริมตฺตภาเว มนุโสฺส หุตฺวา เอกํ ทุฎฺฐโคณํ ทเมตุํ อสโกฺกโนฺต คีวาย ปลาลเวณิํ พนฺธิตฺวา อคฺคิํ อทาสิฯ โคโณ เตเนว มโตฯ อิทานิ ตํ กมฺมํ เอตสฺส อากาเสน คจฺฉโตปิ น มุจฺจิตุํ อทาสิฯ สาปิ อิตฺถี ปุริมตฺตภาเว เอกา อิตฺถีเยวฯ เอโก กุกฺกุโร ตาย ปริจิโต หุตฺวา อรญฺญํ คจฺฉนฺติยา สทฺธิํ คจฺฉติ, สทฺธิเมวาคจฺฉติฯ มนุสฺสา ‘นิกฺขโนฺต อิทานิ อมฺหากํ สุนขลุทฺทโก’ติ อุปฺปเณฺฑนฺติฯ สา เตน อฎฺฎียมานา กุกฺกุรํ นิวาเรตุํ อสโกฺกนฺตี วาลิกาฆฎํ คีวาย พนฺธิตฺวา อุทเก ขิปิฯ ตํ กมฺมํ ตสฺสา สมุทฺทมเชฺฌ มุจฺจิตุํ นาทาสิฯ โสปิ ภิกฺขุ ปุริมตฺตภาเว โคปาลโก หุตฺวา พิลํ ปวิฎฺฐาย โคธาย สาขาภงฺคมุฎฺฐิยา ทฺวารํ ถเกสิฯ ตโต สตฺตเม ทิวเส สยํ อาคนฺตฺวา วิวริฯ โคธา กมฺปมานา นิกฺขมิฯ กรุณาย ตํ น มาเรสิฯ ตํ กมฺมํ ตสฺส ปพฺพตนฺตรํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนสฺส มุจฺจิตุํ นาทาสีติฯ อิมานิ ตีณิ วตฺถูนิ สโมธาเนตฺวา อิมํ คาถมาห –

    Kāko purimattabhāve manusso hutvā ekaṃ duṭṭhagoṇaṃ dametuṃ asakkonto gīvāya palālaveṇiṃ bandhitvā aggiṃ adāsi. Goṇo teneva mato. Idāni taṃ kammaṃ etassa ākāsena gacchatopi na muccituṃ adāsi. Sāpi itthī purimattabhāve ekā itthīyeva. Eko kukkuro tāya paricito hutvā araññaṃ gacchantiyā saddhiṃ gacchati, saddhimevāgacchati. Manussā ‘nikkhanto idāni amhākaṃ sunakhaluddako’ti uppaṇḍenti. Sā tena aṭṭīyamānā kukkuraṃ nivāretuṃ asakkontī vālikāghaṭaṃ gīvāya bandhitvā udake khipi. Taṃ kammaṃ tassā samuddamajjhe muccituṃ nādāsi. Sopi bhikkhu purimattabhāve gopālako hutvā bilaṃ paviṭṭhāya godhāya sākhābhaṅgamuṭṭhiyā dvāraṃ thakesi. Tato sattame divase sayaṃ āgantvā vivari. Godhā kampamānā nikkhami. Karuṇāya taṃ na māresi. Taṃ kammaṃ tassa pabbatantaraṃ pavisitvā nisinnassa muccituṃ nādāsīti. Imāni tīṇi vatthūni samodhānetvā imaṃ gāthamāha –

    ‘‘น อนฺตลิเกฺข น สมุทฺทมเชฺฌ,

    ‘‘Na antalikkhe na samuddamajjhe,

    น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวิสฺส;

    Na pabbatānaṃ vivaraṃ pavissa;

    น วิชฺชเต โส ชคติปฺปเทโส,

    Na vijjate so jagatippadeso,

    ยตฺถฎฺฐิโต มุเจฺจยฺย ปาปกมฺมา’’ติฯ (ธ. ป. ๑๒๗);

    Yatthaṭṭhito mucceyya pāpakammā’’ti. (dha. pa. 127);

    อยมฺปิ กมฺมนิยาโมเยว นามฯ อญฺญานิปิ เอวรูปานิ วตฺถูนิ กเถตพฺพานิฯ

    Ayampi kammaniyāmoyeva nāma. Aññānipi evarūpāni vatthūni kathetabbāni.

    โพธิสตฺตานํ ปน ปฎิสนฺธิคฺคหเณ, มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมเน, อภิสโมฺพธิยํ ตถาคตสฺส ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน, อายุสงฺขารสฺส โอสฺสชฺชเน, ปรินิพฺพาเน จ ทสสหสฺสจกฺกวาฬกมฺปนํ ธมฺมนิยาโม นามฯ

    Bodhisattānaṃ pana paṭisandhiggahaṇe, mātukucchito nikkhamane, abhisambodhiyaṃ tathāgatassa dhammacakkappavattane, āyusaṅkhārassa ossajjane, parinibbāne ca dasasahassacakkavāḷakampanaṃ dhammaniyāmo nāma.

    อารมฺมเณน ปน ปสาเท ฆฎฺฎิเต ‘ตฺวํ อาวชฺชนํ นาม โหหิ…เป.… ตฺวํ ชวนํ นาม โหหี’ติ โกจิ กตฺตา วา กาเรตา วา นตฺถิ, อตฺตโน อตฺตโน ปน ธมฺมตาย เอว อารมฺมเณน ปสาทสฺส ฆฎฺฎิตกาลโต ปฎฺฐาย กิริยมโนธาตุจิตฺตํ ภวงฺคํ อาวเฎฺฎติ, จกฺขุวิญฺญาณํ ทสฺสนกิจฺจํ สาเธติ, วิปากมโนธาตุ สมฺปฎิจฺฉนกิจฺจํ สาเธติ, วิปากมโนวิญฺญาณธาตุ สนฺตีรณกิจฺจํ สาเธติ, กิริยมโนวิญฺญาณธาตุ โวฎฺฐพฺพนกิจฺจํ สาเธติ, ชวนํ อารมฺมณรสํ อนุภวตีติ อยํ จิตฺตนิยาโม นามฯ อยํ อิธ อธิเปฺปโตฯ

    Ārammaṇena pana pasāde ghaṭṭite ‘tvaṃ āvajjanaṃ nāma hohi…pe… tvaṃ javanaṃ nāma hohī’ti koci kattā vā kāretā vā natthi, attano attano pana dhammatāya eva ārammaṇena pasādassa ghaṭṭitakālato paṭṭhāya kiriyamanodhātucittaṃ bhavaṅgaṃ āvaṭṭeti, cakkhuviññāṇaṃ dassanakiccaṃ sādheti, vipākamanodhātu sampaṭicchanakiccaṃ sādheti, vipākamanoviññāṇadhātu santīraṇakiccaṃ sādheti, kiriyamanoviññāṇadhātu voṭṭhabbanakiccaṃ sādheti, javanaṃ ārammaṇarasaṃ anubhavatīti ayaṃ cittaniyāmo nāma. Ayaṃ idha adhippeto.

    สสงฺขาริกติเหตุกกุสเลนาปิ อุเปกฺขาสหคเตหิ อสงฺขาริกสสงฺขาริกกุสลจิเตฺตหิปิ กเมฺม อายูหิเต ตํสทิสวิปากจิเตฺตหิ อาทินฺนาย ปฎิสนฺธิยา เอเสว นโยฯ อุเปกฺขาสหคตทฺวเย ปน ปฐมํ ‘อิฎฺฐมชฺฌตฺตารมฺมณวเสน’ ปวตฺติํ ทเสฺสตฺวา ปจฺฉา ‘อิฎฺฐารมฺมณวเสน’ ทเสฺสตพฺพาฯ

    Sasaṅkhārikatihetukakusalenāpi upekkhāsahagatehi asaṅkhārikasasaṅkhārikakusalacittehipi kamme āyūhite taṃsadisavipākacittehi ādinnāya paṭisandhiyā eseva nayo. Upekkhāsahagatadvaye pana paṭhamaṃ ‘iṭṭhamajjhattārammaṇavasena’ pavattiṃ dassetvā pacchā ‘iṭṭhārammaṇavasena’ dassetabbā.

    เอวมฺปิ เอเกกสฺมิํ ทฺวาเร ทฺวาทส ทฺวาทส หุตฺวา สมสฎฺฐิ โหนฺติฯ อคฺคหิตคฺคหเณน โสฬส วิปากจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ

    Evampi ekekasmiṃ dvāre dvādasa dvādasa hutvā samasaṭṭhi honti. Aggahitaggahaṇena soḷasa vipākacittāni uppajjanti.

    อิมสฺมิํ ฐาเน ปญฺจอุจฺฉุนาฬิยโนฺตปมํ นาม คณฺหิํสุฯ อุจฺฉุปีฬนสมเย กิร เอกสฺมา คามา เอกาทส ยนฺตวาหา นิกฺขมิตฺวา เอกํ อุจฺฉุวาฎํ ทิสฺวา ตสฺส ปริปกฺกภาวํ ญตฺวา อุจฺฉุสามิกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘ยนฺตวาหา มย’นฺติ อาโรเจสุํฯ โส ‘อหํ ตุเมฺหเยว ปริเยสามี’ติ อุจฺฉุสาลํ เต คเหตฺวา อคมาสิฯ เต ตตฺถ นาฬิยนฺตํ สเชฺชตฺวา ‘มยํ เอกาทส ชนา, อปรมฺปิ เอกํ ลทฺธุํ วฎฺฎติ, เวตเนน คณฺหถา’ติ อาหํสุฯ อุจฺฉุสามิโก ‘อหเมว สหาโย ภวิสฺสามี’ติ อุจฺฉูนํ สาลํ ปูราเปตฺวา เตสํ สหาโย อโหสิฯ เต อตฺตโน อตฺตโน กิจฺจานิ กตฺวา, ผาณิตปาจเกน อุจฺฉุรเส ปเกฺก, คุฬพนฺธเกน พเทฺธ, อุจฺฉุสามิเกน ตุลยิตฺวา ภาเคสุ ทิเนฺนสุ, อตฺตโน อตฺตโน ภาคํ อาทาย อุจฺฉุสาลํ สามิกสฺส ปฎิจฺฉาเปตฺวา, เอเตเนว อุปาเยน อปราสุปิ จตูสุ สาลาสุ กมฺมํ กตฺวา ปกฺกมิํสุฯ

    Imasmiṃ ṭhāne pañcaucchunāḷiyantopamaṃ nāma gaṇhiṃsu. Ucchupīḷanasamaye kira ekasmā gāmā ekādasa yantavāhā nikkhamitvā ekaṃ ucchuvāṭaṃ disvā tassa paripakkabhāvaṃ ñatvā ucchusāmikaṃ upasaṅkamitvā ‘yantavāhā maya’nti ārocesuṃ. So ‘ahaṃ tumheyeva pariyesāmī’ti ucchusālaṃ te gahetvā agamāsi. Te tattha nāḷiyantaṃ sajjetvā ‘mayaṃ ekādasa janā, aparampi ekaṃ laddhuṃ vaṭṭati, vetanena gaṇhathā’ti āhaṃsu. Ucchusāmiko ‘ahameva sahāyo bhavissāmī’ti ucchūnaṃ sālaṃ pūrāpetvā tesaṃ sahāyo ahosi. Te attano attano kiccāni katvā, phāṇitapācakena ucchurase pakke, guḷabandhakena baddhe, ucchusāmikena tulayitvā bhāgesu dinnesu, attano attano bhāgaṃ ādāya ucchusālaṃ sāmikassa paṭicchāpetvā, eteneva upāyena aparāsupi catūsu sālāsu kammaṃ katvā pakkamiṃsu.

    ตตฺถ ปญฺจ ยนฺตสาลา วิย ปญฺจ ปสาทา ทฎฺฐพฺพาฯ ปญฺจ อุจฺฉุวาฎา วิย ปญฺจ อารมฺมณานิฯ เอกาทส วิจรณกยนฺตวาหา วิย เอกาทส วิปากจิตฺตานิฯ ปญฺจ อุจฺฉุสาลาสามิโน วิย ปญฺจวิญฺญาณานิฯ ปฐมกสาลายํ สามิเกน สทฺธิํ ทฺวาทสนฺนํ ชนานํ เอกโตว หุตฺวา กตกมฺมานํ ภาคคฺคหณกาโล วิย เอกาทสนฺนํ วิปากจิตฺตานํ จกฺขุวิญฺญาเณน สทฺธิํ เอกโต หุตฺวา จกฺขุทฺวาเร รูปารมฺมเณ สกสกกิจฺจกรณกาโลฯ สาลาสามิกสฺส สาลาย สมฺปฎิจฺฉนกาโล วิย จกฺขุวิญฺญาณสฺส ทฺวารสงฺกนฺติอกรณํฯ ทุติย ตติย จตุตฺถ ปญฺจมสาลาย ทฺวาทสนฺนํ เอกโต หุตฺวา กตกมฺมานํ ภาคคฺคหณกาโล วิย เอกาทสนฺนํ วิปากจิตฺตานํ กายวิญฺญาเณน สทฺธิํ เอกโต หุตฺวา กายทฺวาเร โผฎฺฐพฺพารมฺมเณ สกสกกิจฺจกรณกาโลฯ สาลาสามิกสฺส สาลาย สมฺปฎิจฺฉนกาโล วิย กายวิญฺญาณสฺส ทฺวารสงฺกนฺติอกรณํ เวทิตพฺพํฯ เอตฺตาวตา ติเหตุกกเมฺมน ปฎิสนฺธิ ติเหตุกา โหตีติ วาโร กถิโตฯ ยา ปน เตน ทุเหตุกปฎิสนฺธิ โหติ, สา ปฎิจฺฉนฺนาว หุตฺวา คตาฯ

    Tattha pañca yantasālā viya pañca pasādā daṭṭhabbā. Pañca ucchuvāṭā viya pañca ārammaṇāni. Ekādasa vicaraṇakayantavāhā viya ekādasa vipākacittāni. Pañca ucchusālāsāmino viya pañcaviññāṇāni. Paṭhamakasālāyaṃ sāmikena saddhiṃ dvādasannaṃ janānaṃ ekatova hutvā katakammānaṃ bhāgaggahaṇakālo viya ekādasannaṃ vipākacittānaṃ cakkhuviññāṇena saddhiṃ ekato hutvā cakkhudvāre rūpārammaṇe sakasakakiccakaraṇakālo. Sālāsāmikassa sālāya sampaṭicchanakālo viya cakkhuviññāṇassa dvārasaṅkantiakaraṇaṃ. Dutiya tatiya catuttha pañcamasālāya dvādasannaṃ ekato hutvā katakammānaṃ bhāgaggahaṇakālo viya ekādasannaṃ vipākacittānaṃ kāyaviññāṇena saddhiṃ ekato hutvā kāyadvāre phoṭṭhabbārammaṇe sakasakakiccakaraṇakālo. Sālāsāmikassa sālāya sampaṭicchanakālo viya kāyaviññāṇassa dvārasaṅkantiakaraṇaṃ veditabbaṃ. Ettāvatā tihetukakammena paṭisandhi tihetukā hotīti vāro kathito. Yā pana tena duhetukapaṭisandhi hoti, sā paṭicchannāva hutvā gatā.

    อิทานิ ทุเหตุกกเมฺมน ทุเหตุกา ปฎิสนฺธิ โหตีติ วาโร กเถตโพฺพฯ ทุเหตุเกน หิ โสมนสฺสสหคตอสงฺขาริกจิเตฺตน กเมฺม อายูหิเต ตํสทิเสเนว ทุเหตุกวิปากจิเตฺตน คหิตปฎิสนฺธิกสฺส วุตฺตนเยเนว จกฺขุทฺวาเร ‘อิฎฺฐารมฺมเณ’ อาปาถมาคเต ตโย โมฆวาราฯ ทุเหตุกโสมนสฺสสหคตอสงฺขาริกชวนาวสาเน ตํสทิสเมว มูลภวงฺคสงฺขาตํ ตทารมฺมณํฯ สสงฺขาริกชวนาวสาเน ตํสทิสเมว อาคนฺตุกภวงฺคสงฺขาตํ ตทารมฺมณํฯ ‘อิฎฺฐมชฺฌตฺตารมฺมเณ’ ทฺวินฺนํ อุเปกฺขาสหคตชวนานํ อวสาเน ตาทิสาเนว เทฺว ตทารมฺมณานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ อิธ เอเกกสฺมิํ ทฺวาเร อฎฺฐ อฎฺฐ กตฺวา สมจตฺตาลีส จิตฺตานิฯ อคฺคหิตคฺคหเณน ปน จกฺขุทฺวาเร อฎฺฐ, โสตฆานชิวฺหากายวิญฺญาณานิ จตฺตารีติ ทฺวาทส โหนฺติฯ เอวํ เอกาย เจตนาย กเมฺม อายูหิเต ทฺวาทส วิปากจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ อโมฺพปมปญฺจนิยามกถา ปากติกา เอวฯ ทุเหตุกเสสจิตฺตตฺตยสทิสวิปาเกน คหิตปฎิสนฺธิเกปิ เอเสว นโยฯ ยนฺตวาโหปมาย ปเนตฺถ สตฺต ยนฺตวาหาฯ เตหิ ตตฺถ ยเนฺต นาม สชฺชิเต สาลาสามิกํ อฎฺฐมํ กตฺวา วุตฺตนยานุสาเรน โยชนา เวทิตพฺพาฯ เอตฺตาวตา ทุเหตุกกเมฺมน ทุเหตุกปฎิสนฺธิ โหตีติ วาโร กถิโตฯ

    Idāni duhetukakammena duhetukā paṭisandhi hotīti vāro kathetabbo. Duhetukena hi somanassasahagataasaṅkhārikacittena kamme āyūhite taṃsadiseneva duhetukavipākacittena gahitapaṭisandhikassa vuttanayeneva cakkhudvāre ‘iṭṭhārammaṇe’ āpāthamāgate tayo moghavārā. Duhetukasomanassasahagataasaṅkhārikajavanāvasāne taṃsadisameva mūlabhavaṅgasaṅkhātaṃ tadārammaṇaṃ. Sasaṅkhārikajavanāvasāne taṃsadisameva āgantukabhavaṅgasaṅkhātaṃ tadārammaṇaṃ. ‘Iṭṭhamajjhattārammaṇe’ dvinnaṃ upekkhāsahagatajavanānaṃ avasāne tādisāneva dve tadārammaṇāni uppajjanti. Idha ekekasmiṃ dvāre aṭṭha aṭṭha katvā samacattālīsa cittāni. Aggahitaggahaṇena pana cakkhudvāre aṭṭha, sotaghānajivhākāyaviññāṇāni cattārīti dvādasa honti. Evaṃ ekāya cetanāya kamme āyūhite dvādasa vipākacittāni uppajjanti. Ambopamapañcaniyāmakathā pākatikā eva. Duhetukasesacittattayasadisavipākena gahitapaṭisandhikepi eseva nayo. Yantavāhopamāya panettha satta yantavāhā. Tehi tattha yante nāma sajjite sālāsāmikaṃ aṭṭhamaṃ katvā vuttanayānusārena yojanā veditabbā. Ettāvatā duhetukakammena duhetukapaṭisandhi hotīti vāro kathito.

    อิทานิ อเหตุกปฎิสนฺธิกถา โหติ – จตุนฺนญฺหิ ทุเหตุกกุสลจิตฺตานํ อญฺญตเรน กเมฺม อายูหิเต กุสลวิปากอุเปกฺขาสหคตาเหตุกมโนวิญฺญาณธาตุจิเตฺตน คหิตปฎิสนฺธิกสฺส ปฎิสนฺธิ กมฺมสทิสาติ น วตฺตพฺพาฯ กมฺมญฺหิ ทุเหตุกํ ปฎิสนฺธิ อเหตุกาฯ ตสฺส วุฑฺฒิปฺปตฺตสฺส จกฺขุทฺวาเร ‘อิฎฺฐมชฺฌตฺตารมฺมเณ’ อาปาถมาคเต ปุริมนเยเนว ตโย โมฆวารา เวทิตพฺพาฯ จตุนฺนํ ปน ทุเหตุกกุสลจิตฺตานํ อญฺญตรชวนสฺส ปริโยสาเน อเหตุกจิตฺตํ ตทารมฺมณภาเวน ปติฎฺฐาติฯ ตํ ‘มูลภวงฺคํ’‘ตทารมฺมณ’นฺติ เทฺว นามานิ ลภติฯ เอวเมตฺถ จกฺขุวิญฺญาณํ สมฺปฎิจฺฉนํ อุเปกฺขาสหคตสนฺตีรณํ ตทารมฺมณมฺปิ อุเปกฺขาสหคตเมวาติ เตสุ เอกํ คเหตฺวา คณนูปคานิ ตีเณว โหนฺติฯ

    Idāni ahetukapaṭisandhikathā hoti – catunnañhi duhetukakusalacittānaṃ aññatarena kamme āyūhite kusalavipākaupekkhāsahagatāhetukamanoviññāṇadhātucittena gahitapaṭisandhikassa paṭisandhi kammasadisāti na vattabbā. Kammañhi duhetukaṃ paṭisandhi ahetukā. Tassa vuḍḍhippattassa cakkhudvāre ‘iṭṭhamajjhattārammaṇe’ āpāthamāgate purimanayeneva tayo moghavārā veditabbā. Catunnaṃ pana duhetukakusalacittānaṃ aññatarajavanassa pariyosāne ahetukacittaṃ tadārammaṇabhāvena patiṭṭhāti. Taṃ ‘mūlabhavaṅgaṃ’‘tadārammaṇa’nti dve nāmāni labhati. Evamettha cakkhuviññāṇaṃ sampaṭicchanaṃ upekkhāsahagatasantīraṇaṃ tadārammaṇampi upekkhāsahagatamevāti tesu ekaṃ gahetvā gaṇanūpagāni tīṇeva honti.

    ‘อิฎฺฐารมฺมเณ’ ปน สนฺตีรณมฺปิ ตทารมฺมณมฺปิ โสมนสฺสสหคตเมวฯ เตสุ เอกํ คเหตฺวา ปุริมานิ ตีณิ จตฺตาริ โหนฺติฯ เอวํ ปญฺจสุ ทฺวาเรสุ จตฺตาริ จตฺตาริ กตฺวา เอกาย เจตนาย กเมฺม อายูหิเต วีสติ วิปากจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ เวทิตพฺพานิฯ อคฺคหิตคฺคหเณน ปน จกฺขุทฺวาเร จตฺตาริ โสตฆานชิวฺหากายวิญฺญาณานิ จตฺตารีติ อฎฺฐ โหนฺติฯ อิทํ ‘อเหตุกฎฺฐกํ’ นามฯ อิทํ มนุสฺสโลเกน คหิตํฯ

    ‘Iṭṭhārammaṇe’ pana santīraṇampi tadārammaṇampi somanassasahagatameva. Tesu ekaṃ gahetvā purimāni tīṇi cattāri honti. Evaṃ pañcasu dvāresu cattāri cattāri katvā ekāya cetanāya kamme āyūhite vīsati vipākacittāni uppajjantīti veditabbāni. Aggahitaggahaṇena pana cakkhudvāre cattāri sotaghānajivhākāyaviññāṇāni cattārīti aṭṭha honti. Idaṃ ‘ahetukaṭṭhakaṃ’ nāma. Idaṃ manussalokena gahitaṃ.

    จตูสุ ปน อปาเยสุ ปวเตฺต ลพฺภติฯ ยทา หิ มหาโมคฺคลฺลานเตฺถโร นิรเย ปทุมํ มาเปตฺวา ปทุมกณฺณิกาย นิสิโนฺน เนรยิกานํ ธมฺมกถํ กเถสิ, ตทา เตสํ เถรํ ปสฺสนฺตานํ กุสลวิปากํ จกฺขุวิญฺญาณํ อุปฺปชฺชติฯ สทฺทํ สุณนฺตานํ โสตวิญฺญาณํ, จนฺทนวเน ทิวาวิหารํ นิสีทิตฺวา คตสฺส จีวรคนฺธฆายนกาเล ฆานวิญฺญาณํ, นิรยคฺคิํ นิพฺพาเปตุํ เทวํ วสฺสาเปตฺวา ปานียทานกาเล ชิวฺหาวิญฺญาณํ, มนฺทมนฺทวาตสมุฎฺฐาปนกาเล กายวิญฺญาณนฺติ เอวํ จกฺขุวิญฺญาณาทีนิ ปญฺจ , เอกํ สมฺปฎิจฺฉนํ, เทฺว สนฺตีรณานีติ อเหตุกฎฺฐกํ ลพฺภติ ฯ นาคสุปณฺณเวมานิกเปตานมฺปิ อกุสเลน ปฎิสนฺธิ โหติฯ ปวเตฺต กุสลํ วิปจฺจติฯ ตถา จกฺกวตฺติโน มงฺคลหตฺถิอสฺสาทีนํฯ อยํ ตาว ‘อิฎฺฐอิฎฺฐมชฺฌตฺตารมฺมเณสุ’ กุสลชวนวเสน กถามโคฺคฯ

    Catūsu pana apāyesu pavatte labbhati. Yadā hi mahāmoggallānatthero niraye padumaṃ māpetvā padumakaṇṇikāya nisinno nerayikānaṃ dhammakathaṃ kathesi, tadā tesaṃ theraṃ passantānaṃ kusalavipākaṃ cakkhuviññāṇaṃ uppajjati. Saddaṃ suṇantānaṃ sotaviññāṇaṃ, candanavane divāvihāraṃ nisīditvā gatassa cīvaragandhaghāyanakāle ghānaviññāṇaṃ, nirayaggiṃ nibbāpetuṃ devaṃ vassāpetvā pānīyadānakāle jivhāviññāṇaṃ, mandamandavātasamuṭṭhāpanakāle kāyaviññāṇanti evaṃ cakkhuviññāṇādīni pañca , ekaṃ sampaṭicchanaṃ, dve santīraṇānīti ahetukaṭṭhakaṃ labbhati . Nāgasupaṇṇavemānikapetānampi akusalena paṭisandhi hoti. Pavatte kusalaṃ vipaccati. Tathā cakkavattino maṅgalahatthiassādīnaṃ. Ayaṃ tāva ‘iṭṭhaiṭṭhamajjhattārammaṇesu’ kusalajavanavasena kathāmaggo.

    ‘อิฎฺฐารมฺมเณ’ ปน จตูสุ โสมนสฺสสหคตากุสลจิเตฺตสุ ชวิเตสุ กุสลวิปากํ โสมนสฺสสหคตาเหตุกจิตฺตํ ตทารมฺมณํ โหติฯ ‘อิฎฺฐมชฺฌตฺตารมฺมเณ’ จตูสุ อุเปกฺขาสหคตโลภสมฺปยุเตฺตสุ ชวิเตสุ กุสลวิปากํ อุเปกฺขาสหคตาเหตุกจิตฺตํ ตทารมฺมณํ โหติฯ ยํ ปน ‘ชวเนน ตทารมฺมณํ นิยเมตพฺพ’นฺติ วุตฺตํ ตํ กุสลํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ โทมนสฺสสหคตชวนานนฺตรํ ตทารมฺมณํ อุปฺปชฺชมานํ กิํ อุปฺปชฺชตีติ? อกุสลวิปากาเหตุกมโนวิญฺญาณธาตุจิตฺตํ อุปฺปชฺชติฯ

    ‘Iṭṭhārammaṇe’ pana catūsu somanassasahagatākusalacittesu javitesu kusalavipākaṃ somanassasahagatāhetukacittaṃ tadārammaṇaṃ hoti. ‘Iṭṭhamajjhattārammaṇe’ catūsu upekkhāsahagatalobhasampayuttesu javitesu kusalavipākaṃ upekkhāsahagatāhetukacittaṃ tadārammaṇaṃ hoti. Yaṃ pana ‘javanena tadārammaṇaṃ niyametabba’nti vuttaṃ taṃ kusalaṃ sandhāya vuttanti veditabbaṃ. Domanassasahagatajavanānantaraṃ tadārammaṇaṃ uppajjamānaṃ kiṃ uppajjatīti? Akusalavipākāhetukamanoviññāṇadhātucittaṃ uppajjati.

    อิทํ ปน ชวนํ กุสลตฺถาย วา อกุสลตฺถาย วา โก นิยาเมตีติ? อาวชฺชนเญฺจว โวฎฺฐพฺพนญฺจฯ อาวชฺชเนน หิ โยนิโส อาวฎฺฎิเต โวฎฺฐพฺพเนน โยนิโส ววตฺถาปิเต ชวนํ อกุสลํ ภวิสฺสตีติ อฎฺฐานเมตํฯ อาวชฺชเนน อโยนิโส อาวฎฺฎิเต โวฎฺฐพฺพเนน อโยนิโส ววตฺถาปิเต ชวนํ กุสลํ ภวิสฺสตีติปิ อฎฺฐานเมตํฯ อุภเยน ปน โยนิโส อาวฎฺฎิเต ววตฺถาปิเต จ ชวนํ กุสลํ โหติ, อโยนิโส อกุสลนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Idaṃ pana javanaṃ kusalatthāya vā akusalatthāya vā ko niyāmetīti? Āvajjanañceva voṭṭhabbanañca. Āvajjanena hi yoniso āvaṭṭite voṭṭhabbanena yoniso vavatthāpite javanaṃ akusalaṃ bhavissatīti aṭṭhānametaṃ. Āvajjanena ayoniso āvaṭṭite voṭṭhabbanena ayoniso vavatthāpite javanaṃ kusalaṃ bhavissatītipi aṭṭhānametaṃ. Ubhayena pana yoniso āvaṭṭite vavatthāpite ca javanaṃ kusalaṃ hoti, ayoniso akusalanti veditabbaṃ.

    ‘อิฎฺฐารมฺมเณ’ ปน กงฺขโต อุทฺธตสฺส จ ตทารมฺมณํ กิํ โหตีติ? อิฎฺฐารมฺมณสฺมิํ กงฺขตุ วา มา วา, อุทฺธโต วา โหตุ มา วา, กุสลวิปากาเหตุกโสมนสฺสจิตฺตเมว ตทารมฺมณํ โหติ, ‘อิฎฺฐมชฺฌตฺตารมฺมเณ’ ‘กุสลวิปากาเหตุกอุเปกฺขาสหคต’นฺติ, อยํ ปเนตฺถ สเงฺขปโต อตฺถทีปโน มหาธมฺมรกฺขิตเตฺถรวาโท นามฯ โสมนสฺสสหคตสฺมิญฺหิ ชวเน ชวิเต ปญฺจ ตทารมฺมณานิ คเวสิตพฺพานีติฯ อุเปกฺขาสหคตสฺมิํ ชวเน ชวิเต ฉ คเวสิตพฺพานีติฯ

    ‘Iṭṭhārammaṇe’ pana kaṅkhato uddhatassa ca tadārammaṇaṃ kiṃ hotīti? Iṭṭhārammaṇasmiṃ kaṅkhatu vā mā vā, uddhato vā hotu mā vā, kusalavipākāhetukasomanassacittameva tadārammaṇaṃ hoti, ‘iṭṭhamajjhattārammaṇe’ ‘kusalavipākāhetukaupekkhāsahagata’nti, ayaṃ panettha saṅkhepato atthadīpano mahādhammarakkhitattheravādo nāma. Somanassasahagatasmiñhi javane javite pañca tadārammaṇāni gavesitabbānīti. Upekkhāsahagatasmiṃ javane javite cha gavesitabbānīti.

    อถ ยทา โสมนสฺสสหคตปฎิสนฺธิกสฺส ปวเตฺต ฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา ปมาเทน ปริหีนชฺฌานสฺส ‘ปณีตธโมฺม เม นโฎฺฐ’ติ ปจฺจเวกฺขโต วิปฺปฎิสารวเสน โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ, ตทา กิํ อุปฺปชฺชติ? ‘โสมนสฺสานนฺตรญฺหิ โทมนสฺสํ โทมนสฺสานนฺตรญฺจ โสมนสฺสํ’ ปฎฺฐาเน ปฎิสิทฺธํฯ มหคฺคตธมฺมํ อารพฺภ ชวเน ชวิเต ตทารมฺมณมฺปิ ตเตฺถว ปฎิสิทฺธนฺติ? กุสลวิปากา วา อกุสลวิปากา วา อุเปกฺขาสหคตาเหตุกมโนวิญฺญาณธาตุ อุปฺปชฺชติ , กิมสฺสา อาวชฺชนนฺติ? ‘ภวงฺคาวชฺชนานํ วิย นตฺถสฺสา อาวชฺชนกิจฺจ’นฺติฯ ‘เอตานิ ตาว อตฺตโน นินฺนตฺตา จ จิณฺณตฺตา จ สมุทาจารตฺตา จ อุปฺปชฺชนฺตุ, อยํ กถํ อุปฺปชฺชตี’ติ? ‘ยถา นิโรธสฺส อนนฺตรปจฺจยํ เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ, นิโรธา วุฎฺฐหนฺตสฺส ผลสมาปตฺติจิตฺตํ, อริยมคฺคจิตฺตํ, มคฺคานนฺตรานิ ผลจิตฺตานิ, เอวํ อสเนฺตปิ อาวชฺชเน, นินฺนจิณฺณสมุทาจารภาเวน อุปฺปชฺชติฯ วินา หิ อาวชฺชเนน จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, อารมฺมเณน ปน วินา นุปฺปชฺชตี’ติฯ ‘อถ กิมสฺสารมฺมณ’นฺติ? ‘รูปาทีสุ ปริตฺตธเมฺมสุ อญฺญตรํฯ เอเตสุ หิ ยเทว ตสฺมิํ สมเย อาปาถมาคตํ โหติ, ตํ อารพฺภ เอตํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตี’ติ เวทิตพฺพํฯ

    Atha yadā somanassasahagatapaṭisandhikassa pavatte jhānaṃ nibbattetvā pamādena parihīnajjhānassa ‘paṇītadhammo me naṭṭho’ti paccavekkhato vippaṭisāravasena domanassaṃ uppajjati, tadā kiṃ uppajjati? ‘Somanassānantarañhi domanassaṃ domanassānantarañca somanassaṃ’ paṭṭhāne paṭisiddhaṃ. Mahaggatadhammaṃ ārabbha javane javite tadārammaṇampi tattheva paṭisiddhanti? Kusalavipākā vā akusalavipākā vā upekkhāsahagatāhetukamanoviññāṇadhātu uppajjati , kimassā āvajjananti? ‘Bhavaṅgāvajjanānaṃ viya natthassā āvajjanakicca’nti. ‘Etāni tāva attano ninnattā ca ciṇṇattā ca samudācārattā ca uppajjantu, ayaṃ kathaṃ uppajjatī’ti? ‘Yathā nirodhassa anantarapaccayaṃ nevasaññānāsaññāyatanaṃ, nirodhā vuṭṭhahantassa phalasamāpatticittaṃ, ariyamaggacittaṃ, maggānantarāni phalacittāni, evaṃ asantepi āvajjane, ninnaciṇṇasamudācārabhāvena uppajjati. Vinā hi āvajjanena cittaṃ uppajjati, ārammaṇena pana vinā nuppajjatī’ti. ‘Atha kimassārammaṇa’nti? ‘Rūpādīsu parittadhammesu aññataraṃ. Etesu hi yadeva tasmiṃ samaye āpāthamāgataṃ hoti, taṃ ārabbha etaṃ cittaṃ uppajjatī’ti veditabbaṃ.

    อิทานิ สเพฺพสมฺปิ เอเตสํ จิตฺตานํ ปากฎภาวตฺถํ อยํ ปกิณฺณกนโย วุโตฺต –

    Idāni sabbesampi etesaṃ cittānaṃ pākaṭabhāvatthaṃ ayaṃ pakiṇṇakanayo vutto –

    สุตฺตํ โทวาริโก จ, คามิโลฺล อโมฺพ โกลิยเกน จ;

    Suttaṃ dovāriko ca, gāmillo ambo koliyakena ca;

    ชจฺจโนฺธ ปีฐสปฺปี จ, วิสยคฺคาโห จ อุปนิสฺสยมตฺถโสติฯ

    Jaccandho pīṭhasappī ca, visayaggāho ca upanissayamatthasoti.

    ตตฺถ ‘สุตฺต’นฺติ, เอโก ปนฺถมกฺกฎโก ปญฺจสุ ทิสาสุ สุตฺตํ ปสาเรตฺวา ชาลํ กตฺวา มเชฺฌ นิปชฺชติฯ ปฐมทิสาย ปสาริตสุเตฺต ปาณเกน วา ปฎเงฺคน วา มกฺขิกาย วา ปหเฎ นิปนฺนฎฺฐานโต จลิตฺวา นิกฺขมิตฺวา สุตฺตานุสาเรน คนฺตฺวา ตสฺส ยูสํ ปิวิตฺวา ปุนอาคนฺตฺวา ตเตฺถว นิปชฺชติฯ ทุติยทิสาทีสุ ปหฎกาเลปิ เอวเมว กโรติฯ

    Tattha ‘sutta’nti, eko panthamakkaṭako pañcasu disāsu suttaṃ pasāretvā jālaṃ katvā majjhe nipajjati. Paṭhamadisāya pasāritasutte pāṇakena vā paṭaṅgena vā makkhikāya vā pahaṭe nipannaṭṭhānato calitvā nikkhamitvā suttānusārena gantvā tassa yūsaṃ pivitvā punaāgantvā tattheva nipajjati. Dutiyadisādīsu pahaṭakālepi evameva karoti.

    ตตฺถ ปญฺจสุ ทิสาสุ ปสาริตสุตฺตํ วิย ปญฺจปสาทาฯ มเชฺฌ นิปนฺนมกฺกฎโก วิย จิตฺตํฯ ปาณกาทีหิ สุตฺตฆฎฺฎนกาโล วิย อารมฺมเณน ปสาทสฺส ฆฎฺฎิตกาโลฯ มเชฺฌ นิปนฺนมกฺกฎกสฺส จลนํ วิย ปสาทฆฎฺฎนกํ อารมฺมณํ คเหตฺวา กิริยมโนธาตุยา ภวงฺคสฺส อาวฎฺฎิตกาโลฯ สุตฺตานุสาเรน คมนกาโล วิย วีถิจิตฺตปฺปวตฺติฯ สีเส วิชฺฌิตฺวา ยูสปิวนํ วิย ชวนสฺส อารมฺมเณ ชวิตกาโลฯ ปุนอาคนฺตฺวา มเชฺฌ นิปชฺชนํ วิย จิตฺตสฺส หทยวตฺถุเมว นิสฺสาย ปวตฺตนํฯ

    Tattha pañcasu disāsu pasāritasuttaṃ viya pañcapasādā. Majjhe nipannamakkaṭako viya cittaṃ. Pāṇakādīhi suttaghaṭṭanakālo viya ārammaṇena pasādassa ghaṭṭitakālo. Majjhe nipannamakkaṭakassa calanaṃ viya pasādaghaṭṭanakaṃ ārammaṇaṃ gahetvā kiriyamanodhātuyā bhavaṅgassa āvaṭṭitakālo. Suttānusārena gamanakālo viya vīthicittappavatti. Sīse vijjhitvā yūsapivanaṃ viya javanassa ārammaṇe javitakālo. Punaāgantvā majjhe nipajjanaṃ viya cittassa hadayavatthumeva nissāya pavattanaṃ.

    อิทํ โอปมฺมํ กิํ ทีเปติ? อารมฺมเณน ปสาเท ฆฎฺฎิเต ปสาทวตฺถุกจิตฺตโต หทยรูปวตฺถุกจิตฺตํ ปฐมตรํ อุปฺปชฺชตีติ ทีเปติฯ เอเกกํ อารมฺมณํ ทฺวีสุ ทฺวีสุ ทฺวาเรสุ อาปาถมาคจฺฉตีติปิฯ

    Idaṃ opammaṃ kiṃ dīpeti? Ārammaṇena pasāde ghaṭṭite pasādavatthukacittato hadayarūpavatthukacittaṃ paṭhamataraṃ uppajjatīti dīpeti. Ekekaṃ ārammaṇaṃ dvīsu dvīsu dvāresu āpāthamāgacchatītipi.

    ‘โทวาริโก’ติ , เอโก ราชา สยนคโต นิทฺทายติฯ ตสฺส ปริจารโก ปาเท ปริมชฺชโนฺต นิสีทิฯ พธิรโทวาริโก ทฺวาเร ฐิโตฯ ตโย ปฎิหารา ปฎิปาฎิยา ฐิตาฯ อเถโก ปจฺจนฺตวาสี มนุโสฺส ปณฺณาการํ อาทาย อาคนฺตฺวา ทฺวารํ อาโกเฎสิฯ พธิรโทวาริโก สทฺทํ น สุณาติฯ ปาทปริมชฺชโก สญฺญํ อทาสิฯ ตาย สญฺญาย ทฺวารํ วิวริตฺวา ปสฺสิฯ ปฐมปฎิหาโร ปณฺณาการํ คเหตฺวา ทุติยสฺส อทาสิ, ทุติโย ตติยสฺส, ตติโย รโญฺญฯ ราชา ปริภุญฺชิฯ

    ‘Dovāriko’ti , eko rājā sayanagato niddāyati. Tassa paricārako pāde parimajjanto nisīdi. Badhiradovāriko dvāre ṭhito. Tayo paṭihārā paṭipāṭiyā ṭhitā. Atheko paccantavāsī manusso paṇṇākāraṃ ādāya āgantvā dvāraṃ ākoṭesi. Badhiradovāriko saddaṃ na suṇāti. Pādaparimajjako saññaṃ adāsi. Tāya saññāya dvāraṃ vivaritvā passi. Paṭhamapaṭihāro paṇṇākāraṃ gahetvā dutiyassa adāsi, dutiyo tatiyassa, tatiyo rañño. Rājā paribhuñji.

    ตตฺถ โส ราชา วิย ชวนํ ทฎฺฐพฺพํฯ ปาทปริมชฺชโก วิย อาวชฺชนํฯ พธิรโทวาริโก วิย จกฺขุวิญฺญาณํฯ ตโย ปฎิหารา วิย สมฺปฎิจฺฉนาทีนิ ตีณิ วีถิจิตฺตานิฯ ปจฺจนฺตวาสิโน ปณฺณาการํ อาทาย อาคนฺตฺวา ทฺวาราโกฎนํ วิย อารมฺมณสฺส ปสาทฆฎฺฎนํฯ ปาทปริมชฺชเกน สญฺญาย ทินฺนกาโล วิย กิริยมโนธาตุยา ภวงฺคสฺส อาวฎฺฎิตกาโลฯ เตน ทินฺนสญฺญาย พธิรโทวาริกสฺส ทฺวารวิวรณกาโล วิย จกฺขุวิญฺญาณสฺส อารมฺมเณ ทสฺสนกิจฺจสาธนกาโลฯ ปฐมปฎิหาเรน ปณฺณาการสฺส คหิตกาโล วิย วิปากมโนธาตุยา อารมฺมณสฺส สมฺปฎิจฺฉิตกาโลฯ ปฐเมน ทุติยสฺส ทินฺนกาโล วิย วิปากมโนวิญฺญาณธาตุยา อารมฺมณสฺส สนฺตีรณกาโลฯ ทุติเยน ตติยสฺส ทินฺนกาโล วิย กิริยมโนวิญฺญาณธาตุยา อารมฺมณสฺส ววตฺถาปิตกาโลฯ ตติเยน รโญฺญ ทินฺนกาโล วิย โวฎฺฐพฺพเนน ชวนสฺส นิยฺยาทิตกาโลฯ รโญฺญ ปริโภคกาโล วิย ชวนสฺส อารมฺมณรสานุภวนกาโลฯ

    Tattha so rājā viya javanaṃ daṭṭhabbaṃ. Pādaparimajjako viya āvajjanaṃ. Badhiradovāriko viya cakkhuviññāṇaṃ. Tayo paṭihārā viya sampaṭicchanādīni tīṇi vīthicittāni. Paccantavāsino paṇṇākāraṃ ādāya āgantvā dvārākoṭanaṃ viya ārammaṇassa pasādaghaṭṭanaṃ. Pādaparimajjakena saññāya dinnakālo viya kiriyamanodhātuyā bhavaṅgassa āvaṭṭitakālo. Tena dinnasaññāya badhiradovārikassa dvāravivaraṇakālo viya cakkhuviññāṇassa ārammaṇe dassanakiccasādhanakālo. Paṭhamapaṭihārena paṇṇākārassa gahitakālo viya vipākamanodhātuyā ārammaṇassa sampaṭicchitakālo. Paṭhamena dutiyassa dinnakālo viya vipākamanoviññāṇadhātuyā ārammaṇassa santīraṇakālo. Dutiyena tatiyassa dinnakālo viya kiriyamanoviññāṇadhātuyā ārammaṇassa vavatthāpitakālo. Tatiyena rañño dinnakālo viya voṭṭhabbanena javanassa niyyāditakālo. Rañño paribhogakālo viya javanassa ārammaṇarasānubhavanakālo.

    อิทํ โอปมฺมํ กิํ ทีเปติ? อารมฺมณสฺส ปสาทฆฎฺฎมตฺตนเมว กิจฺจํ, กิริยมโนธาตุยา ภวงฺคาวฎฺฎนมตฺตเมว, จกฺขุวิญฺญาณาทีนํ ทสฺสนสมฺปฎิจฺฉนสนฺตีรณววตฺถาปนมตฺตาเนว กิจฺจานิฯ เอกเนฺตน ปน ชวนเมว อารมฺมณรสํ อนุโภตีติ ทีเปติฯ

    Idaṃ opammaṃ kiṃ dīpeti? Ārammaṇassa pasādaghaṭṭamattanameva kiccaṃ, kiriyamanodhātuyā bhavaṅgāvaṭṭanamattameva, cakkhuviññāṇādīnaṃ dassanasampaṭicchanasantīraṇavavatthāpanamattāneva kiccāni. Ekantena pana javanameva ārammaṇarasaṃ anubhotīti dīpeti.

    ‘คามิโลฺล’ติ , สมฺพหุลา คามทารกา อนฺตรวีถิยํ ปํสุกีฬํ กีฬนฺติฯ ตเตฺถกสฺส หเตฺถ กหาปโณ ปฎิหญฺญิฯ โส ‘มยฺหํ หเตฺถ ปฎิหตํ, กิํ นุ โข เอต’นฺติ อาหฯ อเถโก ‘ปณฺฑรํ เอต’นฺติ อาหฯ อปโร สห ปํสุนา คาฬฺหํ คณฺหิฯ อโญฺญ ‘ปุถุลํ จตุรสฺสํ เอต’นฺติ อาหฯ อปโร ‘กหาปโณ เอโส’ติ อาหฯ อถ นํ อาหริตฺวา มาตุ อทาสิฯ สา กเมฺม อุปเนสิฯ

    ‘Gāmillo’ti , sambahulā gāmadārakā antaravīthiyaṃ paṃsukīḷaṃ kīḷanti. Tatthekassa hatthe kahāpaṇo paṭihaññi. So ‘mayhaṃ hatthe paṭihataṃ, kiṃ nu kho eta’nti āha. Atheko ‘paṇḍaraṃ eta’nti āha. Aparo saha paṃsunā gāḷhaṃ gaṇhi. Añño ‘puthulaṃ caturassaṃ eta’nti āha. Aparo ‘kahāpaṇo eso’ti āha. Atha naṃ āharitvā mātu adāsi. Sā kamme upanesi.

    ตตฺถ สมฺพหุลานํ ทารกานํ อนฺตรวีถิยํ กีฬนฺตานํ นิสินฺนกาโล วิย ภวงฺคจิตฺตปฺปวตฺติ ทฎฺฐพฺพาฯ กหาปณสฺส หเตฺถ ปฎิหตกาโล วิย อารมฺมเณน ปสาทสฺส ฆฎฺฎิตกาโลฯ ‘กิํ นุ โข เอต’นฺติ วุตฺตกาโล วิย ตํ อารมฺมณํ คเหตฺวา กิริยมโนธาตุยา ภวงฺคสฺส อาวฎฺฎิตกาโลฯ ‘ปณฺฑรํ เอต’นฺติ วุตฺตกาโล วิย จกฺขุวิญฺญาเณน ทสฺสนกิจฺจสฺส สาธิตกาโลฯ สห ปํสุนา คาฬฺหํ คหิตกาโล วิย วิปากมโนธาตุยา อารมฺมณสฺส สมฺปฎิจฺฉิตกาโลฯ ‘ปุถุลํ จตุรสฺสํ เอต’นฺติ วุตฺตกาโล วิย วิปากมโนวิญฺญาณธาตุยา อารมฺมณสฺส สนฺตีรณกาโลฯ ‘เอโส กหาปโณ’ติ วุตฺตกาโล วิย กิริยมโนวิญฺญาณธาตุยา อารมฺมณสฺส ววตฺถาปิตกาโลฯ มาตรา กเมฺม อุปนีตกาโล วิย ชวนสฺส อารมฺมณรสานุภวนํ เวทิตพฺพํฯ

    Tattha sambahulānaṃ dārakānaṃ antaravīthiyaṃ kīḷantānaṃ nisinnakālo viya bhavaṅgacittappavatti daṭṭhabbā. Kahāpaṇassa hatthe paṭihatakālo viya ārammaṇena pasādassa ghaṭṭitakālo. ‘Kiṃ nu kho eta’nti vuttakālo viya taṃ ārammaṇaṃ gahetvā kiriyamanodhātuyā bhavaṅgassa āvaṭṭitakālo. ‘Paṇḍaraṃ eta’nti vuttakālo viya cakkhuviññāṇena dassanakiccassa sādhitakālo. Saha paṃsunā gāḷhaṃ gahitakālo viya vipākamanodhātuyā ārammaṇassa sampaṭicchitakālo. ‘Puthulaṃ caturassaṃ eta’nti vuttakālo viya vipākamanoviññāṇadhātuyā ārammaṇassa santīraṇakālo. ‘Eso kahāpaṇo’ti vuttakālo viya kiriyamanoviññāṇadhātuyā ārammaṇassa vavatthāpitakālo. Mātarā kamme upanītakālo viya javanassa ārammaṇarasānubhavanaṃ veditabbaṃ.

    อิทํ โอปมฺมํ กิํ ทีเปติ? กิริยมโนธาตุ อทิสฺวาว ภวงฺคํ อาวเฎฺฎติ, วิปากมโนธาตุ อทิสฺวาว สมฺปฎิจฺฉติ, วิปากมโนวิญฺญาณธาตุ อทิสฺวาว สนฺตีเรติ, กิริยมโนวิญฺญาณธาตุ อทิสฺวาว ววตฺถาเปติ, ชวนํ อทิสฺวาว อารมฺมณรสํ อนุโภติฯ เอกเนฺตน ปน จกฺขุวิญฺญาณเมว ทสฺสนกิจฺจํ สาเธตีติ ทีเปติฯ

    Idaṃ opammaṃ kiṃ dīpeti? Kiriyamanodhātu adisvāva bhavaṅgaṃ āvaṭṭeti, vipākamanodhātu adisvāva sampaṭicchati, vipākamanoviññāṇadhātu adisvāva santīreti, kiriyamanoviññāṇadhātu adisvāva vavatthāpeti, javanaṃ adisvāva ārammaṇarasaṃ anubhoti. Ekantena pana cakkhuviññāṇameva dassanakiccaṃ sādhetīti dīpeti.

    ‘อโมฺพ โกลิยเกน จา’ติ, อิทํ เหฎฺฐา วุตฺตํ อโมฺพปมญฺจ อุจฺฉุสาลาสามิโกปมญฺจ สนฺธาย วุตฺตํฯ

    ‘Ambo koliyakena cā’ti, idaṃ heṭṭhā vuttaṃ ambopamañca ucchusālāsāmikopamañca sandhāya vuttaṃ.

    ‘ชจฺจโนฺธ ปีฐสปฺปี จา’ติ, อุโภปิ กิร เต นครทฺวาเร สาลายํ นิสีทิํสุฯ ตตฺถ ปีฐสปฺปี อาห – ‘โภ อนฺธก, กสฺมา ตฺวํ อิธ สุสฺสมาโน วิจรสิ, อสุโก ปเทโส สุภิโกฺข พหฺวนฺนปาโน, กิํ ตตฺถ คนฺตฺวา สุเขน ชีวิตุํ น วฎฺฎตี’ติ? ‘มยฺหํ ตาว ตยา อาจิกฺขิตํ, ตุยฺหํ ปน ตตฺถ คนฺตฺวา สุเขน ชีวิตุํ กิํ น วฎฺฎตี’ติ? ‘มยฺหํ คนฺตุํ ปาทา นตฺถี’ติฯ ‘มยฺหมฺปิ ปสฺสิตุํ จกฺขูนิ นตฺถี’ติฯ ‘ยทิ เอวํ, ตว ปาทา โหนฺตุ, มม จกฺขูนี’ติ อุโภปิ ‘สาธู’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ชจฺจโนฺธ ปีฐสปฺปิํ ขนฺธํ อาโรเปสิฯ โส ตสฺส ขเนฺธ นิสีทิตฺวา วามหเตฺถนสฺส สีสํ ปริกฺขิปิตฺวา ทกฺขิณหเตฺถน ‘อิมสฺมิํ ฐาเน มูลํ อาวริตฺวา ฐิตํ, อิมสฺมิํ ปาสาโณ, วามํ มุญฺจ ทกฺขิณํ คณฺห, ทกฺขิณํ มุญฺจ วามํ คณฺหา’ติ มคฺคํ นิยเมตฺวา อาจิกฺขติฯ เอวํ ชจฺจนฺธสฺส ปาทา ปีฐสปฺปิสฺส จกฺขูนีติ อุโภปิ สมฺปโยเคน อิจฺฉิตฎฺฐานํ คนฺตฺวา สุเขน ชีวิํสุฯ

    ‘Jaccandho pīṭhasappī cā’ti, ubhopi kira te nagaradvāre sālāyaṃ nisīdiṃsu. Tattha pīṭhasappī āha – ‘bho andhaka, kasmā tvaṃ idha sussamāno vicarasi, asuko padeso subhikkho bahvannapāno, kiṃ tattha gantvā sukhena jīvituṃ na vaṭṭatī’ti? ‘Mayhaṃ tāva tayā ācikkhitaṃ, tuyhaṃ pana tattha gantvā sukhena jīvituṃ kiṃ na vaṭṭatī’ti? ‘Mayhaṃ gantuṃ pādā natthī’ti. ‘Mayhampi passituṃ cakkhūni natthī’ti. ‘Yadi evaṃ, tava pādā hontu, mama cakkhūnī’ti ubhopi ‘sādhū’ti sampaṭicchitvā jaccandho pīṭhasappiṃ khandhaṃ āropesi. So tassa khandhe nisīditvā vāmahatthenassa sīsaṃ parikkhipitvā dakkhiṇahatthena ‘imasmiṃ ṭhāne mūlaṃ āvaritvā ṭhitaṃ, imasmiṃ pāsāṇo, vāmaṃ muñca dakkhiṇaṃ gaṇha, dakkhiṇaṃ muñca vāmaṃ gaṇhā’ti maggaṃ niyametvā ācikkhati. Evaṃ jaccandhassa pādā pīṭhasappissa cakkhūnīti ubhopi sampayogena icchitaṭṭhānaṃ gantvā sukhena jīviṃsu.

    ตตฺถ ชจฺจโนฺธ วิย รูปกาโย, ปีฐสปฺปี วิย อรูปกาโยฯ ปีฐสปฺปินา วินา ชจฺจนฺธสฺส ทิสํ คนฺตุํ คมนาภิสงฺขารสฺส อนิพฺพตฺติตกาโล วิย รูปสฺส อรูเปน วินา อาทานคหณโจปนํ ปาเปตุํ อสมตฺถตาฯ ชจฺจเนฺธน วินา ปีฐสปฺปิสฺส ทิสํ คนฺตุํ คมนาภิสงฺขารสฺส อปฺปวตฺตนํ วิย ปญฺจโวกาเร รูปํ, วินา อรูปสฺส อปฺปวตฺติฯ ทฺวินฺนมฺปิ สมฺปโยเคน อิจฺฉิตฎฺฐานํ คนฺตฺวา สุเขน ชีวิตกาโล วิย รูปารูปธมฺมานํ อญฺญมญฺญโยเคน สพฺพกิเจฺจสุ ปวตฺติสมฺภาโวติฯ อยํ ปโญฺห ปญฺจโวการภววเสน กถิโตฯ

    Tattha jaccandho viya rūpakāyo, pīṭhasappī viya arūpakāyo. Pīṭhasappinā vinā jaccandhassa disaṃ gantuṃ gamanābhisaṅkhārassa anibbattitakālo viya rūpassa arūpena vinā ādānagahaṇacopanaṃ pāpetuṃ asamatthatā. Jaccandhena vinā pīṭhasappissa disaṃ gantuṃ gamanābhisaṅkhārassa appavattanaṃ viya pañcavokāre rūpaṃ, vinā arūpassa appavatti. Dvinnampi sampayogena icchitaṭṭhānaṃ gantvā sukhena jīvitakālo viya rūpārūpadhammānaṃ aññamaññayogena sabbakiccesu pavattisambhāvoti. Ayaṃ pañho pañcavokārabhavavasena kathito.

    ‘วิสยคฺคาโห’ จาติ, จกฺขุ รูปวิสยํ คณฺหาติฯ โสตาทีนิ สทฺทาทิวิสเยฯ

    ‘Visayaggāho’ cāti, cakkhu rūpavisayaṃ gaṇhāti. Sotādīni saddādivisaye.

    ‘อุปนิสฺสยมตฺถโส’ติ, ‘อุปนิสฺสยโต’ จ ‘อตฺถโต’ จฯ ตตฺถ อสมฺภินฺนตฺตา จกฺขุสฺส, อาปาถคตตฺตา รูปานํ, อาโลกสนฺนิสฺสิตํ, มนสิการเหตุกํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิญฺญาณํ, สทฺธิํ สมฺปยุตฺตธเมฺมหิฯ ตตฺถ มตสฺสาปิ จกฺขุ สมฺภินฺนํ โหติฯ ชีวโต นิรุทฺธมฺปิ, ปิเตฺตน วา เสเมฺหน วา รุหิเรน วา ปลิพุทฺธมฺปิ, จกฺขุวิญฺญาณสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ อสโกฺกนฺตํ ‘สมฺภินฺนํ’ นาม โหติฯ สโกฺกนฺตํ อสมฺภินฺนํ นามฯ โสตาทีสุปิ เอเสว นโยฯ จกฺขุสฺมิํ ปน อสมฺภิเนฺนปิ พหิทฺธา รูปารมฺมเณ อาปาถํ อนาคจฺฉเนฺต จกฺขุวิญฺญาณํ นุปฺปชฺชติฯ ตสฺมิํ ปน อาปาถํ อาคจฺฉเนฺตปิ อาโลกสนฺนิสฺสเย อสติ นุปฺปชฺชติฯ ตสฺมิํ สเนฺตปิ กิริยมโนธาตุยา ภวเงฺค อนาวฎฺฎิเต นุปฺปชฺชติฯ อาวฎฺฎิเตเยว อุปฺปชฺชติฯ เอวํ อุปฺปชฺชมานํ สมฺปยุตฺตธเมฺมหิ สทฺธิํเยว อุปฺปชฺชติฯ อิติ อิเม จตฺตาโร ปจฺจเย ลภิตฺวา อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิญฺญาณํ (ม. นิ. ๑.๓๐๖ โถกํ วิสทิสํ)ฯ

    ‘Upanissayamatthaso’ti, ‘upanissayato’ ca ‘atthato’ ca. Tattha asambhinnattā cakkhussa, āpāthagatattā rūpānaṃ, ālokasannissitaṃ, manasikārahetukaṃ catūhi paccayehi uppajjati cakkhuviññāṇaṃ, saddhiṃ sampayuttadhammehi. Tattha matassāpi cakkhu sambhinnaṃ hoti. Jīvato niruddhampi, pittena vā semhena vā ruhirena vā palibuddhampi, cakkhuviññāṇassa paccayo bhavituṃ asakkontaṃ ‘sambhinnaṃ’ nāma hoti. Sakkontaṃ asambhinnaṃ nāma. Sotādīsupi eseva nayo. Cakkhusmiṃ pana asambhinnepi bahiddhā rūpārammaṇe āpāthaṃ anāgacchante cakkhuviññāṇaṃ nuppajjati. Tasmiṃ pana āpāthaṃ āgacchantepi ālokasannissaye asati nuppajjati. Tasmiṃ santepi kiriyamanodhātuyā bhavaṅge anāvaṭṭite nuppajjati. Āvaṭṭiteyeva uppajjati. Evaṃ uppajjamānaṃ sampayuttadhammehi saddhiṃyeva uppajjati. Iti ime cattāro paccaye labhitvā uppajjati cakkhuviññāṇaṃ (ma. ni. 1.306 thokaṃ visadisaṃ).

    อสมฺภินฺนตฺตา โสตสฺส, อาปาถคตตฺตา สทฺทานํ, อากาสสนฺนิสฺสิตํ, มนสิการเหตุกํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชติ โสตวิญฺญาณํ, สทฺธิํ สมฺปยุตฺตธเมฺมหิฯ ตตฺถ ‘อากาสสนฺนิสฺสิต’นฺติ อากาสสนฺนิสฺสยํ ลทฺธาว อุปฺปชฺชติ, น วินา เตนฯ น หิ ปิหิตกณฺณจฺฉิทฺทสฺส โสตวิญฺญาณํ ปวตฺตติฯ เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํฯ ยถา เจตฺถ เอวํ อิโต ปเรสุปิฯ วิเสสมตฺตํ ปน วกฺขามฯ

    Asambhinnattā sotassa, āpāthagatattā saddānaṃ, ākāsasannissitaṃ, manasikārahetukaṃ catūhi paccayehi uppajjati sotaviññāṇaṃ, saddhiṃ sampayuttadhammehi. Tattha ‘ākāsasannissita’nti ākāsasannissayaṃ laddhāva uppajjati, na vinā tena. Na hi pihitakaṇṇacchiddassa sotaviññāṇaṃ pavattati. Sesaṃ purimanayeneva veditabbaṃ. Yathā cettha evaṃ ito paresupi. Visesamattaṃ pana vakkhāma.

    อสมฺภินฺนตฺตา ฆานสฺส, อาปาถคตตฺตา คนฺธานํ, วาโยสนฺนิสฺสิตํ, มนสิการเหตุกํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชติ ฆานวิญฺญาณํ , สทฺธิํ สมฺปยุตฺตธเมฺมหิฯ ตตฺถ ‘วาโยสนฺนิสฺสิต’นฺติ ฆานพิลํ วายุมฺหิ ปวิสเนฺตเยว อุปฺปชฺชติ, ตสฺมิํ อสติ นุปฺปชฺชตีติ อโตฺถฯ

    Asambhinnattā ghānassa, āpāthagatattā gandhānaṃ, vāyosannissitaṃ, manasikārahetukaṃ catūhi paccayehi uppajjati ghānaviññāṇaṃ , saddhiṃ sampayuttadhammehi. Tattha ‘vāyosannissita’nti ghānabilaṃ vāyumhi pavisanteyeva uppajjati, tasmiṃ asati nuppajjatīti attho.

    อสมฺภินฺนตฺตา ชิวฺหาย, อาปาถคตตฺตา รสานํ, อาโปสนฺนิสฺสิตํ, มนสิการเหตุกํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชติ ชิวฺหาวิญฺญาณํ, สทฺธิํ สมฺปยุตฺตธเมฺมหิฯ ตตฺถ ‘อาโปสนฺนิสฺสิต’นฺติ ชิวฺหาเตมนํ อาปํ ลทฺธาว อุปฺปชฺชติ, น วินา เตนฯ สุกฺขชิวฺหานญฺหิ สุกฺขขาทนีเย ชิวฺหาย ฐปิเตปิ ชิวฺหาวิญฺญาณํ นุปฺปชฺชเตวฯ

    Asambhinnattā jivhāya, āpāthagatattā rasānaṃ, āposannissitaṃ, manasikārahetukaṃ catūhi paccayehi uppajjati jivhāviññāṇaṃ, saddhiṃ sampayuttadhammehi. Tattha ‘āposannissita’nti jivhātemanaṃ āpaṃ laddhāva uppajjati, na vinā tena. Sukkhajivhānañhi sukkhakhādanīye jivhāya ṭhapitepi jivhāviññāṇaṃ nuppajjateva.

    อสมฺภินฺนตฺตา กายสฺส, อาปาถคตตฺตา โผฎฺฐพฺพานํ, ปถวิสนฺนิสฺสิตํ, มนสิการเหตุกํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชติ กายวิญฺญาณํ, สทฺธิํ สมฺปยุตฺตธเมฺมหิฯ ตตฺถ ‘ปถวิสนฺนิสฺสิต’นฺติ กายปสาทปจฺจยํ ปถวิสนฺนิสฺสยํ ลทฺธาว อุปฺปชฺชติ, น เตน วินาฯ กายทฺวารสฺมิญฺหิ พหิทฺธามหาภูตารมฺมณํ อชฺฌตฺติกํ กายปสาทํ ฆเฎฺฎตฺวา ปสาทปจฺจเยสุ มหาภูเตสุ ปฎิหญฺญติฯ

    Asambhinnattā kāyassa, āpāthagatattā phoṭṭhabbānaṃ, pathavisannissitaṃ, manasikārahetukaṃ catūhi paccayehi uppajjati kāyaviññāṇaṃ, saddhiṃ sampayuttadhammehi. Tattha ‘pathavisannissita’nti kāyapasādapaccayaṃ pathavisannissayaṃ laddhāva uppajjati, na tena vinā. Kāyadvārasmiñhi bahiddhāmahābhūtārammaṇaṃ ajjhattikaṃ kāyapasādaṃ ghaṭṭetvā pasādapaccayesu mahābhūtesu paṭihaññati.

    อสมฺภินฺนตฺตา มนสฺส, อาปาถคตตฺตา ธมฺมานํ, วตฺถุสนฺนิสฺสิตํ, มนสิการเหตุกํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชติ มโนวิญฺญาณํ, สทฺธิํ สมฺปยุตฺตธเมฺมหิฯ ตตฺถ ‘มโน’ติ ภวงฺคจิตฺตํฯ ตํ นิรุทฺธมฺปิ, อาวชฺชนจิตฺตสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ อสมตฺถํ มนฺทถามคตเมว ปวตฺตมานมฺปิ, สมฺภินฺนํ นาม โหติฯ อาวชฺชนสฺส ปน ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถํ อสมฺภินฺนํ นามฯ ‘อาปาถคตตฺตา ธมฺมาน’นฺติ ธมฺมารมฺมเณ อาปาถคเตฯ ‘วตฺถุสนฺนิสฺสิต’นฺติ หทยวตฺถุสนฺนิสฺสยํ ลทฺธาว อุปฺปชฺชติ, น เตน วินาฯ อยมฺปิ ปโญฺห ปญฺจโวการภวํ สนฺธาย กถิโตฯ ‘มนสิการเหตุก’นฺติ กิริยมโนวิญฺญาณธาตุยา ภวเงฺค อาวฎฺฎิเตเยว อุปฺปชฺชตีติ อโตฺถฯ อยํ ตาว ‘อุปนิสฺสยมตฺถโส’ติ เอตฺถ อุปนิสฺสยวณฺณนาฯ

    Asambhinnattā manassa, āpāthagatattā dhammānaṃ, vatthusannissitaṃ, manasikārahetukaṃ catūhi paccayehi uppajjati manoviññāṇaṃ, saddhiṃ sampayuttadhammehi. Tattha ‘mano’ti bhavaṅgacittaṃ. Taṃ niruddhampi, āvajjanacittassa paccayo bhavituṃ asamatthaṃ mandathāmagatameva pavattamānampi, sambhinnaṃ nāma hoti. Āvajjanassa pana paccayo bhavituṃ samatthaṃ asambhinnaṃ nāma. ‘Āpāthagatattā dhammāna’nti dhammārammaṇe āpāthagate. ‘Vatthusannissita’nti hadayavatthusannissayaṃ laddhāva uppajjati, na tena vinā. Ayampi pañho pañcavokārabhavaṃ sandhāya kathito. ‘Manasikārahetuka’nti kiriyamanoviññāṇadhātuyā bhavaṅge āvaṭṭiteyeva uppajjatīti attho. Ayaṃ tāva ‘upanissayamatthaso’ti ettha upanissayavaṇṇanā.

    ‘อตฺถโต’ ปน จกฺขุ ทสฺสนตฺถํ, โสตํ สวนตฺถํ, ฆานํ ฆายนตฺถํ, ชิวฺหา สายนตฺถา, กาโย ผุสนโตฺถ , มโน วิชานนโตฺถฯ ตตฺถ ทสฺสนํ อโตฺถ อสฺสฯ ตญฺหิ เตน นิปฺผาเทตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถํฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺตาวตา ติปิฎกจูฬนาคเตฺถรวาเท โสฬสกมโคฺค นิฎฺฐิโต, สทฺธิํ ทฺวาทสกมเคฺคน เจว อเหตุกฎฺฐเกน จาติฯ

    ‘Atthato’ pana cakkhu dassanatthaṃ, sotaṃ savanatthaṃ, ghānaṃ ghāyanatthaṃ, jivhā sāyanatthā, kāyo phusanattho , mano vijānanattho. Tattha dassanaṃ attho assa. Tañhi tena nipphādetabbanti dassanatthaṃ. Sesesupi eseva nayo. Ettāvatā tipiṭakacūḷanāgattheravāde soḷasakamaggo niṭṭhito, saddhiṃ dvādasakamaggena ceva ahetukaṭṭhakena cāti.

    อิทานิ โมรวาปีวาสีมหาทตฺตเตฺถรวาเท ทฺวาทสกมคฺคกถา โหติฯ ตตฺถ สาเกตปญฺหอุสฺสทกิตฺตนเหตุกิตฺตนานิ ปากติกาเนวฯ อยํ ปน เถโร อสงฺขาริกสสงฺขาริเกสุ โทสํ ทิสฺวา ‘อสงฺขาริกํ อสงฺขาริกเมว วิปากํ เทติ, โน สสงฺขาริกํ; สสงฺขาริกมฺปิ สสงฺขาริกเมว โน อสงฺขาริก’นฺติ อาหฯ ชวเนน เจส จิตฺตนิยามํ น กเถติฯ อารมฺมเณน ปน เวทนานิยามํ กเถติฯ เตนสฺส วิปากุทฺธาเร ทฺวาทสกมโคฺค นาม ชาโตฯ ทสกมโคฺคปิ, อเหตุกฎฺฐกมฺปิ เอเตฺถว ปวิฎฺฐํฯ

    Idāni moravāpīvāsīmahādattattheravāde dvādasakamaggakathā hoti. Tattha sāketapañhaussadakittanahetukittanāni pākatikāneva. Ayaṃ pana thero asaṅkhārikasasaṅkhārikesu dosaṃ disvā ‘asaṅkhārikaṃ asaṅkhārikameva vipākaṃ deti, no sasaṅkhārikaṃ; sasaṅkhārikampi sasaṅkhārikameva no asaṅkhārika’nti āha. Javanena cesa cittaniyāmaṃ na katheti. Ārammaṇena pana vedanāniyāmaṃ katheti. Tenassa vipākuddhāre dvādasakamaggo nāma jāto. Dasakamaggopi, ahetukaṭṭhakampi ettheva paviṭṭhaṃ.

    ตตฺรายํ นโย – โสมนสฺสสหคตติเหตุกอสงฺขาริกจิเตฺตน หิ กเมฺม อายูหิเต ตาทิเสเนว วิปากจิเตฺตน คหิตปฎิสนฺธิกสฺส วุฑฺฒิปฺปตฺตสฺส จกฺขุทฺวาเร ‘อิฎฺฐารมฺมเณ’ อาปาถคเต เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว ตโย โมฆวารา โหนฺติฯ ตสฺส กุสลโต จตฺตาริ โสมนสฺสสหคตานิ, อกุสลโต จตฺตาริ, กิริยโต ปญฺจาติ อิเมสํ เตรสนฺนํ จิตฺตานํ อญฺญตเรน ชวิตปริโยสาเน ตทารมฺมณํ ปติฎฺฐหมานํ โสมนสฺสสหคตอสงฺขาริกติเหตุกจิตฺตมฺปิ ทุเหตุกจิตฺตมฺปิ ปติฎฺฐาติฯ เอวมสฺส จกฺขุทฺวาเร จกฺขุวิญฺญาณาทีนิ ตีณิ, ตทารมฺมณานิ เทฺวติ, ปญฺจ คณนูปคจิตฺตานิ โหนฺติฯ

    Tatrāyaṃ nayo – somanassasahagatatihetukaasaṅkhārikacittena hi kamme āyūhite tādiseneva vipākacittena gahitapaṭisandhikassa vuḍḍhippattassa cakkhudvāre ‘iṭṭhārammaṇe’ āpāthagate heṭṭhā vuttanayeneva tayo moghavārā honti. Tassa kusalato cattāri somanassasahagatāni, akusalato cattāri, kiriyato pañcāti imesaṃ terasannaṃ cittānaṃ aññatarena javitapariyosāne tadārammaṇaṃ patiṭṭhahamānaṃ somanassasahagataasaṅkhārikatihetukacittampi duhetukacittampi patiṭṭhāti. Evamassa cakkhudvāre cakkhuviññāṇādīni tīṇi, tadārammaṇāni dveti, pañca gaṇanūpagacittāni honti.

    อารมฺมเณน ปน เวทนํ ปริวเตฺตตฺวา กุสลโต จตุนฺนํ, อกุสลโต จตุนฺนํ, กิริยโต จตุนฺนนฺติ, ทฺวาทสนฺนํ อุเปกฺขาสหคตจิตฺตานํ อญฺญตเรน ชวิตาวสาเน อุเปกฺขาสหคตติเหตุกอสงฺขาริกวิปากมฺปิ ทุเหตุกอสงฺขาริกวิปากมฺปิ ตทารมฺมณํ หุตฺวา อุปฺปชฺชติฯ เอวมสฺส จกฺขุทฺวาเร อุเปกฺขาสหคตสนฺตีรณํ, อิมานิ เทฺว ตทารมฺมณานีติ, ตีณิ คณนูปคจิตฺตานิ โหนฺติฯ ตานิ ปุริเมหิ ปญฺจหิ สทฺธิํ อฎฺฐฯ โสตทฺวาราทีสุปิ อฎฺฐ อฎฺฐาติ เอกาย เจตนาย กเมฺม อายูหิเต สมจตฺตาลีส จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ อคฺคหิตคฺคหเณน ปน จกฺขุทฺวาเร อฎฺฐ, โสตวิญฺญาณาทีนิ จตฺตารีติ, ทฺวาทส โหนฺติฯ ตตฺถ ‘มูลภวงฺคตา’‘อาคนฺตุกภวงฺคตา’‘อโมฺพปมนิยามกถา’ จ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ

    Ārammaṇena pana vedanaṃ parivattetvā kusalato catunnaṃ, akusalato catunnaṃ, kiriyato catunnanti, dvādasannaṃ upekkhāsahagatacittānaṃ aññatarena javitāvasāne upekkhāsahagatatihetukaasaṅkhārikavipākampi duhetukaasaṅkhārikavipākampi tadārammaṇaṃ hutvā uppajjati. Evamassa cakkhudvāre upekkhāsahagatasantīraṇaṃ, imāni dve tadārammaṇānīti, tīṇi gaṇanūpagacittāni honti. Tāni purimehi pañcahi saddhiṃ aṭṭha. Sotadvārādīsupi aṭṭha aṭṭhāti ekāya cetanāya kamme āyūhite samacattālīsa cittāni uppajjanti. Aggahitaggahaṇena pana cakkhudvāre aṭṭha, sotaviññāṇādīni cattārīti, dvādasa honti. Tattha ‘mūlabhavaṅgatā’‘āgantukabhavaṅgatā’‘ambopamaniyāmakathā’ ca vuttanayeneva veditabbā.

    โสมนสฺสสหคตติเหตุกสสงฺขาริกกุสลจิเตฺตน กเมฺม อายูหิเตปิ อุเปกฺขาสหคตติเหตุกอสงฺขาริกสสงฺขาริเกหิ กเมฺม อายูหิเตปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ ยโนฺตปมาปิ เอตฺถ ปากติกา เอวฯ เอตฺตาวตา ติเหตุกกเมฺมน ติเหตุกปฎิสนฺธิ โหตีติ วาโร กถิโตฯ ติเหตุกกเมฺมน ทุเหตุกปฎิสนฺธิ โหตีติ วาโร ปน ปฎิจฺฉโนฺน หุตฺวา คโตฯ

    Somanassasahagatatihetukasasaṅkhārikakusalacittena kamme āyūhitepi upekkhāsahagatatihetukaasaṅkhārikasasaṅkhārikehi kamme āyūhitepi eseva nayo. Tattha yantopamāpi ettha pākatikā eva. Ettāvatā tihetukakammena tihetukapaṭisandhi hotīti vāro kathito. Tihetukakammena duhetukapaṭisandhi hotīti vāro pana paṭicchanno hutvā gato.

    อิทานิ ทุเหตุกกเมฺมน ทุเหตุกปฎิสนฺธิกถา โหติฯ โสมนสฺสสหคตทุเหตุกอสงฺขาริกจิเตฺตน หิ กเมฺม อายูหิเต ตาทิเสเนว วิปากจิเตฺตน คหิตปฎิสนฺธิกสฺส วุฑฺฒิปฺปตฺตสฺส จกฺขุทฺวาเร อิฎฺฐารมฺมเณ อาปาถคเต เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว ตโย โมฆวารา โหนฺติฯ ทุเหตุกสฺส ปน ชวนกิริยา นตฺถิฯ ตสฺมา กุสลโต จตฺตาริ โสมนสฺสสหคตานิ, อกุสลโต จตฺตารีติ อิเมสํ อฎฺฐนฺนํ อญฺญตเรน ชวิตปริโยสาเน ทุเหตุกเมว โสมนสฺสสหคตอสงฺขาริกํ ตทารมฺมณํ โหติฯ เอวมสฺส จกฺขุวิญฺญาณาทีนิ ตีณิ, อิทญฺจ ตทารมฺมณนฺติ, จตฺตาริ คณนูปคจิตฺตานิ โหนฺติฯ ‘อิฎฺฐมชฺฌตฺตารมฺมเณ’ ปน กุสลโต อุเปกฺขาสหคตานํ จตุนฺนํ, อกุสลโต จตุนฺนนฺติ, อฎฺฐนฺนํ อญฺญตเรน ชวิตปริโยสาเน ทุเหตุกเมว อุเปกฺขาสหคตํ อสงฺขาริกํ ตทารมฺมณํ โหติฯ เอวมสฺส อุเปกฺขาสหคตสนฺตีรณํ, อิทญฺจ ตทารมฺมณนฺติ, เทฺว คณนูปคจิตฺตานิ โหนฺติฯ ตานิ ปุริเมหิ จตูหิ สทฺธิํ ฉฯ โสตทฺวาราทีสุปิ ฉ ฉาติ เอกาย เจตนาย กเมฺม อายูหิเต สมติํส จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ อคฺคหิตคฺคหเณน ปน จกฺขุทฺวาเร ฉ, โสตวิญฺญาณาทีนิ จตฺตารีติ ทส โหนฺติฯ อโมฺพปมนิยามกถา ปากติกา เอวฯ ยโนฺตปมา อิธ น ลพฺภตีติ วุตฺตํฯ

    Idāni duhetukakammena duhetukapaṭisandhikathā hoti. Somanassasahagataduhetukaasaṅkhārikacittena hi kamme āyūhite tādiseneva vipākacittena gahitapaṭisandhikassa vuḍḍhippattassa cakkhudvāre iṭṭhārammaṇe āpāthagate heṭṭhā vuttanayeneva tayo moghavārā honti. Duhetukassa pana javanakiriyā natthi. Tasmā kusalato cattāri somanassasahagatāni, akusalato cattārīti imesaṃ aṭṭhannaṃ aññatarena javitapariyosāne duhetukameva somanassasahagataasaṅkhārikaṃ tadārammaṇaṃ hoti. Evamassa cakkhuviññāṇādīni tīṇi, idañca tadārammaṇanti, cattāri gaṇanūpagacittāni honti. ‘Iṭṭhamajjhattārammaṇe’ pana kusalato upekkhāsahagatānaṃ catunnaṃ, akusalato catunnanti, aṭṭhannaṃ aññatarena javitapariyosāne duhetukameva upekkhāsahagataṃ asaṅkhārikaṃ tadārammaṇaṃ hoti. Evamassa upekkhāsahagatasantīraṇaṃ, idañca tadārammaṇanti, dve gaṇanūpagacittāni honti. Tāni purimehi catūhi saddhiṃ cha. Sotadvārādīsupi cha chāti ekāya cetanāya kamme āyūhite samatiṃsa cittāni uppajjanti. Aggahitaggahaṇena pana cakkhudvāre cha, sotaviññāṇādīni cattārīti dasa honti. Ambopamaniyāmakathā pākatikā eva. Yantopamā idha na labbhatīti vuttaṃ.

    โสมนสฺสสหคตทุเหตุกสสงฺขาริกกุสลจิเตฺตน กเมฺม อายูหิเตปิ อุเปกฺขาสหคตทุเหตุกอสงฺขาริกสสงฺขาริเกหิ กเมฺม อายูหิเตปิ เอเสว นโยฯ เอตฺตาวตา ทุเหตุกกเมฺมน ทุเหตุกปฎิสนฺธิ โหตีติ วาโร กถิโตฯ

    Somanassasahagataduhetukasasaṅkhārikakusalacittena kamme āyūhitepi upekkhāsahagataduhetukaasaṅkhārikasasaṅkhārikehi kamme āyūhitepi eseva nayo. Ettāvatā duhetukakammena duhetukapaṭisandhi hotīti vāro kathito.

    อเหตุกปฎิสนฺธิ โหตีติ วาโร ปน เอวํ เวทิตโพฺพ – กุสลโต จตูหิ ญาณวิปฺปยุเตฺตหิ กเมฺม อายูหิเต, กุสลวิปากาเหตุกมโนวิญฺญาณธาตุยา อุเปกฺขาสหคตาย ปฎิสนฺธิยา คหิตาย, กมฺมสทิสา ปฎิสนฺธีติ น วตฺตพฺพาฯ อิโต ปฎฺฐาย เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว กเถตฺวา อิเฎฺฐปิ อิฎฺฐมชฺฌเตฺตปิ จิตฺตปฺปวตฺติ เวทิตพฺพาฯ อิมสฺส หิ เถรสฺส วาเท ปิณฺฑชวนํ ชวติฯ เสสา อิทํ ปน ชวนํ กุสลตฺถาย วา อกุสลตฺถาย วา โก นิยาเมตีติอาทิกถา สพฺพา เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติฯ เอตฺตาวตา โมรวาปีวาสีมหาทตฺตเตฺถรวาเท ทฺวาทสกมโคฺค นิฎฺฐิโต สทฺธิํ ทสกมเคฺคน เจว อเหตุกฎฺฐเกน จฯ

    Ahetukapaṭisandhi hotīti vāro pana evaṃ veditabbo – kusalato catūhi ñāṇavippayuttehi kamme āyūhite, kusalavipākāhetukamanoviññāṇadhātuyā upekkhāsahagatāya paṭisandhiyā gahitāya, kammasadisā paṭisandhīti na vattabbā. Ito paṭṭhāya heṭṭhā vuttanayeneva kathetvā iṭṭhepi iṭṭhamajjhattepi cittappavatti veditabbā. Imassa hi therassa vāde piṇḍajavanaṃ javati. Sesā idaṃ pana javanaṃ kusalatthāya vā akusalatthāya vā ko niyāmetītiādikathā sabbā heṭṭhā vuttanayeneva veditabbāti. Ettāvatā moravāpīvāsīmahādattattheravāde dvādasakamaggo niṭṭhito saddhiṃ dasakamaggena ceva ahetukaṭṭhakena ca.

    อิทานิ มหาธมฺมรกฺขิตเตฺถรวาเท ทสกมคฺคกถา โหติฯ ตตฺถ สาเกตปญฺหอุสฺสทกิตฺตนานิ ปากติกาเนวฯ เหตุกิตฺตเน ปน อยํ วิเสโสฯ ติเหตุกกมฺมํ ติเหตุกวิปากมฺปิ ทุเหตุกวิปากมฺปิ อเหตุกวิปากมฺปิ เทติฯ ทุเหตุกกมฺมํ ติเหตุกเมว น เทติ, อิตรํ เทติฯ ติเหตุกกเมฺมน ปฎิสนฺธิ ติเหตุกาว โหติ; ทุเหตุกาเหตุกา น โหติฯ ทุเหตุกกเมฺมน ทุเหตุกาเหตุกา โหติ, ติเหตุกา น โหติฯ อสงฺขาริกกมฺมํ วิปากํ อสงฺขาริกเมว เทติ, โน สสงฺขาริกํฯ สสงฺขาริกมฺปิ สสงฺขาริกเมว เทติ, โน อสงฺขาริกํฯ อารมฺมเณน เวทนา ปริวเตฺตตพฺพาฯ ชวนํ ปิณฺฑชวนเมว ชวติฯ อาทิโต ปฎฺฐาย จิตฺตานิ กเถตพฺพานิฯ

    Idāni mahādhammarakkhitattheravāde dasakamaggakathā hoti. Tattha sāketapañhaussadakittanāni pākatikāneva. Hetukittane pana ayaṃ viseso. Tihetukakammaṃ tihetukavipākampi duhetukavipākampi ahetukavipākampi deti. Duhetukakammaṃ tihetukameva na deti, itaraṃ deti. Tihetukakammena paṭisandhi tihetukāva hoti; duhetukāhetukā na hoti. Duhetukakammena duhetukāhetukā hoti, tihetukā na hoti. Asaṅkhārikakammaṃ vipākaṃ asaṅkhārikameva deti, no sasaṅkhārikaṃ. Sasaṅkhārikampi sasaṅkhārikameva deti, no asaṅkhārikaṃ. Ārammaṇena vedanā parivattetabbā. Javanaṃ piṇḍajavanameva javati. Ādito paṭṭhāya cittāni kathetabbāni.

    ตตฺรายํ กถา – เอโก ปฐมกุสลจิเตฺตน กมฺมํ อายูหติ, ปฐมวิปากจิเตฺตเนว ปฎิสนฺธิํ คณฺหาติฯ อยํ กมฺมสทิสา ปฎิสนฺธิฯ ตสฺส วุฑฺฒิปฺปตฺตสฺส จกฺขุทฺวาเร ‘อิฎฺฐารมฺมเณ’ อาปาถคเต วุตฺตนเยเนว ตโย โมฆวารา โหนฺติฯ อถสฺส เหฎฺฐา วุตฺตานํ เตรสนฺนํ โสมนสฺสสหคตชวนานํ อญฺญตเรน ชวิตปริโยสาเน ปฐมวิปากจิตฺตเมว ตทารมฺมณํ โหติฯ ตํ ‘มูลภวงฺคํ’ ‘ตทารมฺมณ’นฺติ เทฺว นามานิ ลภติฯ เอวมสฺส จกฺขุวิญฺญาณาทีนิ ตีณิ, อิทญฺจ ตทารมฺมณนฺติ, จตฺตาริ คณนูปคจิตฺตานิ โหนฺติฯ ‘อิฎฺฐมชฺฌตฺตารมฺมเณ’ เหฎฺฐา วุตฺตานํเยว ทฺวาทสนฺนํ อุเปกฺขาสหคตชวนานํ อญฺญตเรน ชวิตปริโยสาเน อุเปกฺขาสหคตํ ติเหตุกํ อสงฺขาริกจิตฺตํ ตทารมฺมณตาย ปวตฺตติฯ ตํ ‘อาคนฺตุกภวงฺคํ’‘ตทารมฺมณ’นฺติ เทฺว นามานิ ลภติฯ เอวมสฺส อุเปกฺขาสหคตสนฺตีรณํ อิทญฺจ ตทารมฺมณนฺติ เทฺว คณนูปคจิตฺตานิฯ ตานิ ปุริเมหิ จตูหิ สทฺธิํ ฉ โหนฺติฯ เอวํ เอกาย เจตนาย กเมฺม อายูหิเต ปญฺจสุ ทฺวาเรสุ สมติํส จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ อคฺคหิตคฺคหเณน ปน จกฺขุทฺวาเร ฉ, โสตวิญฺญาณาทีนิ จตฺตารีติ ทส โหนฺติฯ อโมฺพปมนิยามกถา ปากติกาเยวฯ

    Tatrāyaṃ kathā – eko paṭhamakusalacittena kammaṃ āyūhati, paṭhamavipākacitteneva paṭisandhiṃ gaṇhāti. Ayaṃ kammasadisā paṭisandhi. Tassa vuḍḍhippattassa cakkhudvāre ‘iṭṭhārammaṇe’ āpāthagate vuttanayeneva tayo moghavārā honti. Athassa heṭṭhā vuttānaṃ terasannaṃ somanassasahagatajavanānaṃ aññatarena javitapariyosāne paṭhamavipākacittameva tadārammaṇaṃ hoti. Taṃ ‘mūlabhavaṅgaṃ’ ‘tadārammaṇa’nti dve nāmāni labhati. Evamassa cakkhuviññāṇādīni tīṇi, idañca tadārammaṇanti, cattāri gaṇanūpagacittāni honti. ‘Iṭṭhamajjhattārammaṇe’ heṭṭhā vuttānaṃyeva dvādasannaṃ upekkhāsahagatajavanānaṃ aññatarena javitapariyosāne upekkhāsahagataṃ tihetukaṃ asaṅkhārikacittaṃ tadārammaṇatāya pavattati. Taṃ ‘āgantukabhavaṅgaṃ’‘tadārammaṇa’nti dve nāmāni labhati. Evamassa upekkhāsahagatasantīraṇaṃ idañca tadārammaṇanti dve gaṇanūpagacittāni. Tāni purimehi catūhi saddhiṃ cha honti. Evaṃ ekāya cetanāya kamme āyūhite pañcasu dvāresu samatiṃsa cittāni uppajjanti. Aggahitaggahaṇena pana cakkhudvāre cha, sotaviññāṇādīni cattārīti dasa honti. Ambopamaniyāmakathā pākatikāyeva.

    ทุติยตติยจตุตฺถกุสลจิเตฺตหิ กเมฺม อายูหิเตปิ เอตฺตกาเนว วิปากจิตฺตานิ โหนฺติฯ จตูหิ อุเปกฺขาสหคตจิเตฺตหิ อายูหิเตปิ เอเสว นโยฯ อิธ ปน ปฐมํ อิฎฺฐมชฺฌตฺตารมฺมณํ ทเสฺสตพฺพํฯ ปจฺฉา อิฎฺฐารมฺมเณน เวทนา ปริวเตฺตตพฺพาฯ อโมฺพปมนิยามกถา ปากติกา เอวฯ ยโนฺตปมา น ลพฺภติฯ ‘กุสลโต ปน จตุนฺนํ ญาณวิปฺปยุตฺตานํ อญฺญตเรน กเมฺม อายูหิเต’ติ อิโต ปฎฺฐาย สพฺพํ วิตฺถาเรตฺวา อเหตุกฎฺฐกํ กเถตพฺพํฯ เอตฺตาวตา มหาธมฺมรกฺขิตเตฺถรวาเท ทสกมโคฺค นิฎฺฐิโต โหติ, สทฺธิํ อเหตุกฎฺฐเกนาติฯ

    Dutiyatatiyacatutthakusalacittehi kamme āyūhitepi ettakāneva vipākacittāni honti. Catūhi upekkhāsahagatacittehi āyūhitepi eseva nayo. Idha pana paṭhamaṃ iṭṭhamajjhattārammaṇaṃ dassetabbaṃ. Pacchā iṭṭhārammaṇena vedanā parivattetabbā. Ambopamaniyāmakathā pākatikā eva. Yantopamā na labbhati. ‘Kusalato pana catunnaṃ ñāṇavippayuttānaṃ aññatarena kamme āyūhite’ti ito paṭṭhāya sabbaṃ vitthāretvā ahetukaṭṭhakaṃ kathetabbaṃ. Ettāvatā mahādhammarakkhitattheravāde dasakamaggo niṭṭhito hoti, saddhiṃ ahetukaṭṭhakenāti.

    อิเมสํ ปน ติณฺณํ เถรานํ กตรสฺส วาโท คเหตโพฺพติ? น กสฺสจิ เอกํเสนฯ สเพฺพสํ ปน วาเทสุ ยุตฺตํ คเหตพฺพํฯ ปฐมวาทสฺมิญฺหิ สสงฺขาราสงฺขารวิธานํ ปจฺจยเภทโต อธิเปฺปตํฯ เตเนตฺถ , อสงฺขาริกกุสลสฺส ทุพฺพลปจฺจเยหิ อุปฺปนฺนํ สสงฺขาริกวิปากํ, สสงฺขาริกกุสลสฺส พลวปจฺจเยหิ อุปฺปนฺนํ อสงฺขาริกวิปากญฺจ คเหตฺวา, ลพฺภมานานิปิ กิริยชวนานิ ปหาย, กุสลชวเนน ตทารมฺมณํ อารมฺมเณน จ เวทนํ นิยาเมตฺวา, เสกฺขปุถุชฺชนวเสน โสฬสกมโคฺค กถิโตฯ ยํ ปเนตฺถ อกุสลชวนาวสาเน อเหตุกวิปากเมว ตทารมฺมณํ ทสฺสิตํ, ตํ อิตเรสุ น ทสฺสิตเมวฯ ตสฺมา ตํ ตตฺถ เตสุ วุตฺตํ สเหตุกวิปากญฺจ, เอตฺถาปิ สพฺพมิทํ ลพฺภเตวฯ ตตฺรายํ นโย – ยทา หิ กุสลชวนานํ อนฺตรนฺตรา อกุสลํ ชวติ, ตทา กุสลาวสาเน อาจิณฺณสทิสเมว, อกุสลาวสาเน สเหตุกํ ตทารมฺมณํ ยุตฺตํฯ ยทา นิรนฺตรํ อกุสลเมว ตทา อเหตุกํฯ เอวํ ตาว ปฐมวาเท ยุตฺตํ คเหตพฺพํฯ

    Imesaṃ pana tiṇṇaṃ therānaṃ katarassa vādo gahetabboti? Na kassaci ekaṃsena. Sabbesaṃ pana vādesu yuttaṃ gahetabbaṃ. Paṭhamavādasmiñhi sasaṅkhārāsaṅkhāravidhānaṃ paccayabhedato adhippetaṃ. Tenettha , asaṅkhārikakusalassa dubbalapaccayehi uppannaṃ sasaṅkhārikavipākaṃ, sasaṅkhārikakusalassa balavapaccayehi uppannaṃ asaṅkhārikavipākañca gahetvā, labbhamānānipi kiriyajavanāni pahāya, kusalajavanena tadārammaṇaṃ ārammaṇena ca vedanaṃ niyāmetvā, sekkhaputhujjanavasena soḷasakamaggo kathito. Yaṃ panettha akusalajavanāvasāne ahetukavipākameva tadārammaṇaṃ dassitaṃ, taṃ itaresu na dassitameva. Tasmā taṃ tattha tesu vuttaṃ sahetukavipākañca, etthāpi sabbamidaṃ labbhateva. Tatrāyaṃ nayo – yadā hi kusalajavanānaṃ antarantarā akusalaṃ javati, tadā kusalāvasāne āciṇṇasadisameva, akusalāvasāne sahetukaṃ tadārammaṇaṃ yuttaṃ. Yadā nirantaraṃ akusalameva tadā ahetukaṃ. Evaṃ tāva paṭhamavāde yuttaṃ gahetabbaṃ.

    ทุติยวาเท ปน กุสลโต สสงฺขาราสงฺขารวิธานํ อธิเปฺปตํฯ เตเนตฺถ อสงฺขาริกกุสลสฺส อสงฺขาริกเมว วิปากํ, สสงฺขาริกกุสลสฺส จ สสงฺขาริกเมว คเหตฺวา, ชวเนน ตทารมฺมณนิยามํ อกตฺวา, สเพฺพสมฺปิ เสกฺขาเสกฺขปุถุชฺชนานํ อุปฺปตฺติรโห ปิณฺฑชวนวเสเนว ทฺวาทสกมโคฺค กถิโตฯ ติเหตุกชวนาวสาเน ปเนตฺถ ติเหตุกํ ตทารมฺมณํ ยุตฺตํฯ ทุเหตุกชวนาวสาเน ทุเหตุกํ, อเหตุกชวนาวสาเน อเหตุกํ ภาเชตฺวา ปน น วุตฺตํฯ เอวํ ทุติยวาเท ยุตฺตํ คเหตพฺพํฯ

    Dutiyavāde pana kusalato sasaṅkhārāsaṅkhāravidhānaṃ adhippetaṃ. Tenettha asaṅkhārikakusalassa asaṅkhārikameva vipākaṃ, sasaṅkhārikakusalassa ca sasaṅkhārikameva gahetvā, javanena tadārammaṇaniyāmaṃ akatvā, sabbesampi sekkhāsekkhaputhujjanānaṃ uppattiraho piṇḍajavanavaseneva dvādasakamaggo kathito. Tihetukajavanāvasāne panettha tihetukaṃ tadārammaṇaṃ yuttaṃ. Duhetukajavanāvasāne duhetukaṃ, ahetukajavanāvasāne ahetukaṃ bhājetvā pana na vuttaṃ. Evaṃ dutiyavāde yuttaṃ gahetabbaṃ.

    ตติยวาเทปิ กุสลโตว อสงฺขารสสงฺขารวิธานํ อธิเปฺปตํฯ ‘ติเหตุกกมฺมํ ติเหตุกวิปากมฺปิ ทุเหตุกวิปากมฺปิ อเหตุกวิปากมฺปิ เทตี’ติ ปน วจนโต อสงฺขาริกติเหตุกปฎิสนฺธิกสฺส อสงฺขาริกทุเหตุเกนปิ ตทารมฺมเณน ภวิตพฺพํฯ ตํ อทเสฺสตฺวา เหตุสทิสเมว ตทารมฺมณํ ทสฺสิตํฯ ตํ ปุริมาย เหตุกิตฺตนลทฺธิยา น ยุชฺชติฯ เกวลํ ทสกมคฺควิภาวนตฺถเมว วุตฺตํฯ อิตรมฺปิ ปน ลพฺภเตวฯ เอวํ ตติยวาเทปิ ยุตฺตํ คเหตพฺพํฯ อยญฺจ สพฺพาปิ ปฎิสนฺธิชนกเสฺสว กมฺมสฺส วิปากํ สนฺธาย ตทารมฺมณกถาฯ ‘สเหตุกํ ภวงฺคํ อเหตุกสฺส ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’ติ (ปฎฺฐา. ๓.๑.๑๐๒) วจนโต ปน นานากเมฺมน อเหตุกปฎิสนฺธิกสฺสาปิ สเหตุกวิปากํ ตทารมฺมณํ อุปฺปชฺชติฯ ตสฺส อุปฺปตฺติวิธานํ มหาปกรเณ อาวิ ภวิสฺสตีติฯ

    Tatiyavādepi kusalatova asaṅkhārasasaṅkhāravidhānaṃ adhippetaṃ. ‘Tihetukakammaṃ tihetukavipākampi duhetukavipākampi ahetukavipākampi detī’ti pana vacanato asaṅkhārikatihetukapaṭisandhikassa asaṅkhārikaduhetukenapi tadārammaṇena bhavitabbaṃ. Taṃ adassetvā hetusadisameva tadārammaṇaṃ dassitaṃ. Taṃ purimāya hetukittanaladdhiyā na yujjati. Kevalaṃ dasakamaggavibhāvanatthameva vuttaṃ. Itarampi pana labbhateva. Evaṃ tatiyavādepi yuttaṃ gahetabbaṃ. Ayañca sabbāpi paṭisandhijanakasseva kammassa vipākaṃ sandhāya tadārammaṇakathā. ‘Sahetukaṃ bhavaṅgaṃ ahetukassa bhavaṅgassa anantarapaccayena paccayo’ti (paṭṭhā. 3.1.102) vacanato pana nānākammena ahetukapaṭisandhikassāpi sahetukavipākaṃ tadārammaṇaṃ uppajjati. Tassa uppattividhānaṃ mahāpakaraṇe āvi bhavissatīti.

    กามาวจรกุสลวิปากกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Kāmāvacarakusalavipākakathā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact