Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā |
วิปากุทฺธารกถาวณฺณนา
Vipākuddhārakathāvaṇṇanā
ยโต ยตฺตโก จ วิปาโก โหติ, ยสฺมิญฺจ ฐาเน วิปจฺจติ, ตํ ทเสฺสตุํ วิปากุทฺธารกถา อารทฺธาฯ เอเตฺถวาติ เอกาย เจตนาย กเมฺม อายูหิเตเยวฯ ทุเหตุกปฎิสนฺธิวเสน ทฺวาทสกมโคฺคปิ โหติ , ทฺวาทสกปฺปกาโรปีติ อโตฺถฯ อเหตุกปฎิสนฺธิวเสน อเหตุกฎฺฐกมฺปิฯ อสงฺขาริกสสงฺขาริกานํ สสงฺขาริกอสงฺขาริกวิปากสงฺกรํ อนิจฺฉโนฺต ทุติยเตฺถโร ‘‘ทฺวาทสา’’ติอาทิมาหฯ ปุริมสฺส หิ ปจฺจยโตสสงฺขาริกอสงฺขาริกภาโว, อิตเรสํ กมฺมโตฯ ตติโย ติเหตุกโต ทุเหตุกมฺปิ อนิจฺฉโนฺต ‘‘ทสา’’ติอาทิมาหฯ
Yato yattako ca vipāko hoti, yasmiñca ṭhāne vipaccati, taṃ dassetuṃ vipākuddhārakathā āraddhā. Etthevāti ekāya cetanāya kamme āyūhiteyeva. Duhetukapaṭisandhivasena dvādasakamaggopi hoti , dvādasakappakāropīti attho. Ahetukapaṭisandhivasena ahetukaṭṭhakampi. Asaṅkhārikasasaṅkhārikānaṃ sasaṅkhārikaasaṅkhārikavipākasaṅkaraṃ anicchanto dutiyatthero ‘‘dvādasā’’tiādimāha. Purimassa hi paccayatosasaṅkhārikaasaṅkhārikabhāvo, itaresaṃ kammato. Tatiyo tihetukato duhetukampi anicchanto ‘‘dasā’’tiādimāha.
อิมสฺมิํ วิปากุทฺธารฎฺฐาเน กมฺมปฎิสนฺธิววตฺถานตฺถํ สาเกตปญฺหํ คณฺหิํสุฯ กมฺมวเสน วิปากสฺส ตํตํคุณโทสุสฺสทนิมิตฺตตํ ทเสฺสตุํ อุสฺสทกิตฺตนํ คณฺหิํสุฯ เหตุกิตฺตนํ อิธ ปฐมเตฺถรสฺส อธิปฺปาเยน วุตฺตํฯ ทุติยเตฺถรวาทาทีสุ วิเสสํ ตตฺถ ตเตฺถว วกฺขามิฯ ญาณสฺส ชจฺจนฺธาทิวิปตฺตินิมิตฺตปฎิปกฺขภาวโต ติเหตุกํ อติทุพฺพลมฺปิ สมานํ ปฎิสนฺธิํ อากฑฺฒนฺตํ ทุเหตุกํ อากเฑฺฒยฺยาติ ‘‘อเหตุกา น โหตี’’ติ อาหฯ ยํ ปน ปฎิสมฺภิทามเคฺค สุคติยํ ชจฺจนฺธพธิราทิวิปตฺติยา อเหตุกอุปปตฺติํ วเชฺชตฺวา คติสมฺปตฺติยา สเหตุโกปปตฺติํ ทเสฺสเนฺตน ‘‘คติสมฺปตฺติยา ญาณสมฺปยุเตฺต กตเมสํ อฎฺฐนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหติ’’เจฺจว (ปฎิ. ม. ๑.๒๓๒) วุตฺตํฯ เตน ญาณวิปฺปยุเตฺตน กมฺมุนา ญาณสมฺปยุตฺตปฎิสนฺธิ น โหตีติ ทีปิตํ โหติฯ อญฺญถา ‘‘สตฺตนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหตี’’ติ อิทมฺปิ วุเจฺจยฺยฯ ตถา หิ ‘‘คติสมฺปตฺติยา ญาณสมฺปยุเตฺต กตเมสํ อฎฺฐนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหติ? กุสลสฺส กมฺมสฺส ชวนกฺขเณ ตโย เหตู กุสลา ตสฺมิํ ขเณ ชาตเจตนาย สหชาตปจฺจยา โหนฺติฯ เตน วุจฺจติ กุสลมูลปจฺจยาปิ สงฺขาราฯ นิกนฺติกฺขเณ เทฺว เหตู อกุสลา ตสฺมิํ ขเณ ชาตเจตนาย สหชาตปจฺจยา โหนฺติฯ เตน วุจฺจติ อกุสลมูลปจฺจยาปิ สงฺขาราฯ ปฎิสนฺธิกฺขเณ ตโย เหตู อพฺยากตา ตสฺมิํ ขเณ ชาตเจตนาย สหชาตปจฺจยา โหนฺติฯ เตน วุจฺจติ นามรูปปจฺจยาปิ วิญฺญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยาปิ นามรูป’’นฺติ วิสฺสชฺชิตํ ญาณสมฺปยุโตฺตปปตฺติยํฯ
Imasmiṃ vipākuddhāraṭṭhāne kammapaṭisandhivavatthānatthaṃ sāketapañhaṃ gaṇhiṃsu. Kammavasena vipākassa taṃtaṃguṇadosussadanimittataṃ dassetuṃ ussadakittanaṃ gaṇhiṃsu. Hetukittanaṃ idha paṭhamattherassa adhippāyena vuttaṃ. Dutiyattheravādādīsu visesaṃ tattha tattheva vakkhāmi. Ñāṇassa jaccandhādivipattinimittapaṭipakkhabhāvato tihetukaṃ atidubbalampi samānaṃ paṭisandhiṃ ākaḍḍhantaṃ duhetukaṃ ākaḍḍheyyāti ‘‘ahetukā na hotī’’ti āha. Yaṃ pana paṭisambhidāmagge sugatiyaṃ jaccandhabadhirādivipattiyā ahetukaupapattiṃ vajjetvā gatisampattiyā sahetukopapattiṃ dassentena ‘‘gatisampattiyā ñāṇasampayutte katamesaṃ aṭṭhannaṃ hetūnaṃ paccayā upapatti hoti’’cceva (paṭi. ma. 1.232) vuttaṃ. Tena ñāṇavippayuttena kammunā ñāṇasampayuttapaṭisandhi na hotīti dīpitaṃ hoti. Aññathā ‘‘sattannaṃ hetūnaṃ paccayā upapatti hotī’’ti idampi vucceyya. Tathā hi ‘‘gatisampattiyā ñāṇasampayutte katamesaṃ aṭṭhannaṃ hetūnaṃ paccayā upapatti hoti? Kusalassa kammassa javanakkhaṇe tayo hetū kusalā tasmiṃ khaṇe jātacetanāya sahajātapaccayā honti. Tena vuccati kusalamūlapaccayāpi saṅkhārā. Nikantikkhaṇe dve hetū akusalā tasmiṃ khaṇe jātacetanāya sahajātapaccayā honti. Tena vuccati akusalamūlapaccayāpi saṅkhārā. Paṭisandhikkhaṇe tayo hetū abyākatā tasmiṃ khaṇe jātacetanāya sahajātapaccayā honti. Tena vuccati nāmarūpapaccayāpi viññāṇaṃ, viññāṇapaccayāpi nāmarūpa’’nti vissajjitaṃ ñāṇasampayuttopapattiyaṃ.
เอวํ ญาณวิปฺปยุตฺตโต ญาณสมฺปยุตฺตุปปตฺติยา จ วิชฺชมานาย ‘‘คติสมฺปตฺติยา ญาณสมฺปยุเตฺต กตเมสํ สตฺตนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหติ? กุสลสฺส กมฺมสฺส ชวนกฺขเณ เทฺว เหตู กุสลา’’ติ วตฺวา อญฺญตฺถ จ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว สกฺกา วิสฺสชฺชนํ กาตุนฺติฯ ยถา ปน ‘‘ญาณสมฺปยุเตฺต สตฺตนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา’’ติ อวจนโต ญาณวิปฺปยุตฺตโต ญาณสมฺปยุตฺตา ปฎิสนฺธิ น โหติ, เอวํ ‘‘คติสมฺปตฺติยา ญาณวิปฺปยุเตฺต ฉนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหติ’’เจฺจว (ปฎิ. ม. ๑.๒๓๓) วตฺวา ‘‘สตฺตนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา’’ติ อวจนโต ญาณสมฺปยุตฺตโต ญาณวิปฺปยุตฺตาปิ ปฎิสนฺธิ น โหตีติ อาปนฺนํฯ เอตฺถาปิ หิ น น สกฺกา กมฺมนิกนฺติกฺขเณสุ ตโย จ เทฺว จ เหตู โยเชตฺวา ปฎิสนฺธิกฺขเณ เทฺว โยเชตุนฺติฯ อิมสฺส ปน เถรสฺส อยมธิปฺปาโย สิยา ‘‘กมฺมสริกฺขกวิปากทสฺสนวเสน อิธ ปาโฐ สาวเสโส กถิโต’’ติฯ ‘‘ญาณสมฺปยุเตฺต อฎฺฐนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา’’ติ เอตฺถาปิ ปาฐสฺส สาวเสสตาปตฺตีติ เจ? น, ทุพฺพลสฺส ทุเหตุกกมฺมสฺส ญาณสมฺปยุตฺตวิปากทาเน อสมตฺถตฺตาฯ ติเหตุกสฺส ปน อเหตุกวิปจฺจเน วิย ทุเหตุกวิปจฺจเนปิ นตฺถิ สมตฺถตาวิฆาโตติฯ อารมฺมเณน เวทนา ปริวเตฺตตพฺพาติ สนฺตีรณตทารมฺมเณ สนฺธาย วุตฺตํฯ วิภาคคฺคหณสมตฺถตาภาวโต หิ จกฺขุวิญฺญาณาทีนิ อิฎฺฐอิฎฺฐมชฺฌเตฺตสุ อุเปกฺขาสหคตาเนว โหนฺติ, กายวิญฺญาณญฺจ สุขสหคตเมว ปฎิฆฎฺฎนาวิเสเสนาติฯ
Evaṃ ñāṇavippayuttato ñāṇasampayuttupapattiyā ca vijjamānāya ‘‘gatisampattiyā ñāṇasampayutte katamesaṃ sattannaṃ hetūnaṃ paccayā upapatti hoti? Kusalassa kammassa javanakkhaṇe dve hetū kusalā’’ti vatvā aññattha ca pubbe vuttanayeneva sakkā vissajjanaṃ kātunti. Yathā pana ‘‘ñāṇasampayutte sattannaṃ hetūnaṃ paccayā’’ti avacanato ñāṇavippayuttato ñāṇasampayuttā paṭisandhi na hoti, evaṃ ‘‘gatisampattiyā ñāṇavippayutte channaṃ hetūnaṃ paccayā upapatti hoti’’cceva (paṭi. ma. 1.233) vatvā ‘‘sattannaṃ hetūnaṃ paccayā’’ti avacanato ñāṇasampayuttato ñāṇavippayuttāpi paṭisandhi na hotīti āpannaṃ. Etthāpi hi na na sakkā kammanikantikkhaṇesu tayo ca dve ca hetū yojetvā paṭisandhikkhaṇe dve yojetunti. Imassa pana therassa ayamadhippāyo siyā ‘‘kammasarikkhakavipākadassanavasena idha pāṭho sāvaseso kathito’’ti. ‘‘Ñāṇasampayutte aṭṭhannaṃ hetūnaṃ paccayā’’ti etthāpi pāṭhassa sāvasesatāpattīti ce? Na, dubbalassa duhetukakammassa ñāṇasampayuttavipākadāne asamatthattā. Tihetukassa pana ahetukavipaccane viya duhetukavipaccanepi natthi samatthatāvighātoti. Ārammaṇena vedanā parivattetabbāti santīraṇatadārammaṇe sandhāya vuttaṃ. Vibhāgaggahaṇasamatthatābhāvato hi cakkhuviññāṇādīni iṭṭhaiṭṭhamajjhattesu upekkhāsahagatāneva honti, kāyaviññāṇañca sukhasahagatameva paṭighaṭṭanāvisesenāti.
วิเสสวตา กาเลน ตทารมฺมณปจฺจยสพฺพชวนวตา วิปากปฺปวตฺติํ ทเสฺสตุํ ‘‘สํวราสํวเร…เป.… อุปคตสฺสา’’ติ วุตฺตํ อญฺญกาเล ปญฺจวิญฺญาณาทิปริปุณฺณวิปากปฺปวตฺติอภาวาฯ กกฺกฎก…เป.… ภวโงฺคตรณนฺติ เอเตน อิทํ ทเสฺสติ – เกทาเร ปูเรตฺวา นทีปเวสนมคฺคภูตํ มาติกํ อปฺปวิสิตฺวา กกฺกฎกมคฺคาทินา อมเคฺคน นทีโอตรณํ วิย จิตฺตสฺส ชวิตฺวา ภวงฺคปฺปเวสนมคฺคภูเต ตทารมฺมเณ อนุปฺปเนฺน มเคฺคน วินา ภวโงฺคตรณนฺติฯ
Visesavatā kālena tadārammaṇapaccayasabbajavanavatā vipākappavattiṃ dassetuṃ ‘‘saṃvarāsaṃvare…pe… upagatassā’’ti vuttaṃ aññakāle pañcaviññāṇādiparipuṇṇavipākappavattiabhāvā. Kakkaṭaka…pe… bhavaṅgotaraṇanti etena idaṃ dasseti – kedāre pūretvā nadīpavesanamaggabhūtaṃ mātikaṃ appavisitvā kakkaṭakamaggādinā amaggena nadīotaraṇaṃ viya cittassa javitvā bhavaṅgappavesanamaggabhūte tadārammaṇe anuppanne maggena vinā bhavaṅgotaraṇanti.
เอเตสุ ตีสุ โมฆวาเรสุ ทุติโย อุปปริกฺขิตฺวา คเหตโพฺพฯ ยทิ หิ อนุโลเม เวทนาตฺติเก ปฎิจฺจวาราทีสุ ‘‘อาเสวนปจฺจยา น มเคฺค เทฺว’’ติ ‘‘น มคฺคปจฺจยา อาเสวเน เทฺว’’ติ จ วุตฺตํ สิยา, โสปิ โมฆวาโร ลเพฺภยฺยฯ ยทิ ปน โวฎฺฐพฺพนมฺปิ อาเสวนปจฺจโย สิยา, กุสลากุสลานมฺปิ สิยาฯ น หิ อาเสวนปจฺจยํ ลทฺธุํ ยุตฺตสฺส อาเสวนปจฺจยภาวี ธโมฺม อาเสวนปจฺจโยติ อวุโตฺต อตฺถิฯ โวฎฺฐพฺพนสฺส ปน กุสลากุสลานํ อาเสวนปจฺจยภาโว อวุโตฺตฯ ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ กุสโล ธโมฺม อุปฺปชฺชติ นาเสวนปจฺจยาฯ อกุสลํ ธมฺมํ…เป.… นาเสวนปจฺจยา’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๙๓) วจนโต ปฎิกฺขิโตฺตวฯ อถาปิ สิยา ‘‘อสมานเวทนานํ วเสน เอวํ วุตฺต’’นฺติ, เอวมปิ ยถา ‘‘อาวชฺชนา กุสลานํ ขนฺธานํ อกุสลานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๑๗) วุตฺตํ, เอวํ ‘‘อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโยติ’’ปิ วตฺตพฺพํ สิยา, ชาติเภทา น วุตฺตนฺติ เจ? ภูมิภินฺนสฺส กามาวจรสฺส รูปาวจราทีนํ อาเสวนปจฺจยภาโว วิย ชาติภินฺนสฺสปิ ภเวยฺยาติ วตฺตโพฺพ เอว สิยาฯ อภินฺนชาติกสฺส จ วเสน ยถา ‘‘อาวชฺชนา สเหตุกานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ วตฺตพฺพํ สิยา, น ตุ วุตฺตํฯ ตสฺมา เวทนาตฺติเกปิ สงฺขิตฺตาย คณนาย ‘‘อาเสวนปจฺจยา น มเคฺค เอกํ, น มคฺคปจฺจยา อาเสวเน เอก’’นฺติ เอวํ คณนาย นิทฺธาริยมานาย โวฎฺฐพฺพนสฺส อาเสวนปจฺจยตฺตสฺส อภาวา ยถาวุตฺตปฺปกาโร ทุติโย โมฆวาโร วีมํสิตโพฺพฯ
Etesu tīsu moghavāresu dutiyo upaparikkhitvā gahetabbo. Yadi hi anulome vedanāttike paṭiccavārādīsu ‘‘āsevanapaccayā na magge dve’’ti ‘‘na maggapaccayā āsevane dve’’ti ca vuttaṃ siyā, sopi moghavāro labbheyya. Yadi pana voṭṭhabbanampi āsevanapaccayo siyā, kusalākusalānampi siyā. Na hi āsevanapaccayaṃ laddhuṃ yuttassa āsevanapaccayabhāvī dhammo āsevanapaccayoti avutto atthi. Voṭṭhabbanassa pana kusalākusalānaṃ āsevanapaccayabhāvo avutto. ‘‘Kusalaṃ dhammaṃ paṭicca kusalo dhammo uppajjati nāsevanapaccayā. Akusalaṃ dhammaṃ…pe… nāsevanapaccayā’’ti (paṭṭhā. 1.1.93) vacanato paṭikkhittova. Athāpi siyā ‘‘asamānavedanānaṃ vasena evaṃ vutta’’nti, evamapi yathā ‘‘āvajjanā kusalānaṃ khandhānaṃ akusalānaṃ khandhānaṃ anantarapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.1.417) vuttaṃ, evaṃ ‘‘āsevanapaccayena paccayoti’’pi vattabbaṃ siyā, jātibhedā na vuttanti ce? Bhūmibhinnassa kāmāvacarassa rūpāvacarādīnaṃ āsevanapaccayabhāvo viya jātibhinnassapi bhaveyyāti vattabbo eva siyā. Abhinnajātikassa ca vasena yathā ‘‘āvajjanā sahetukānaṃ khandhānaṃ anantarapaccayena paccayo’’ti vuttaṃ, evaṃ ‘‘āsevanapaccayena paccayo’’tipi vattabbaṃ siyā, na tu vuttaṃ. Tasmā vedanāttikepi saṅkhittāya gaṇanāya ‘‘āsevanapaccayā na magge ekaṃ, na maggapaccayā āsevane eka’’nti evaṃ gaṇanāya niddhāriyamānāya voṭṭhabbanassa āsevanapaccayattassa abhāvā yathāvuttappakāro dutiyo moghavāro vīmaṃsitabbo.
โวฎฺฐพฺพนํ ปน วีถิวิปากสนฺตติยา อาวฎฺฎนโต อาวชฺชนา, ตโต วิสทิสสฺส ชวนสฺส กรณโต มนสิกาโร จฯ เอวญฺจ กตฺวา ปฎฺฐาเน ‘‘โวฎฺฐพฺพนํ กุสลานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิ น วุตฺตํ, ‘‘อาวชฺชนา’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ ตสฺมา โวฎฺฐพฺพนโต จตุนฺนํ วา ปญฺจนฺนํ วา ชวนานํ อารมฺมณปุเรชาตํ ภวิตุํ อสโกฺกนฺตํ รูปาทิอาวชฺชนาทีนํ ปจฺจโย ภวิตุํ น สโกฺกติ, อยเมตสฺส สภาโวติ ชวนาปาริปูริยา ทุติโย โมฆวาโร ทเสฺสตุํ ยุโตฺต สิยา, อยมฺปิ อฎฺฐกถายํ อนาคตตฺตา สุฎฺฐุ วิจาเรตโพฺพฯ ภวงฺคสฺส ชวนานุพนฺธนภูตตฺตา ‘‘ตทารมฺมณํ ภวงฺค’’นฺติ วุตฺตํฯ ปฎฺฐาเน (ปฎฺฐา. ๓.๑.๑๐๒) จ วุตฺตํ ‘‘สเหตุกํ ภวงฺคํ อเหตุกสฺส ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ, ‘‘อเหตุกํ ภวงฺคํ สเหตุกสฺส ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ จฯ กุสลากุสลานํ สุขทุกฺขวิปากมโตฺต วิปาโก น อิฎฺฐานิฎฺฐานํ วิภาคํ กโรติ, ชวนํ ปน รชฺชนวิรชฺชนาทิวเสน อิฎฺฐานิฎฺฐวิภาคํ กโรตีติ ‘‘อารมฺมณรสํ ชวนเมว อนุภวตี’’ติ วุตฺตํฯ
Voṭṭhabbanaṃ pana vīthivipākasantatiyā āvaṭṭanato āvajjanā, tato visadisassa javanassa karaṇato manasikāro ca. Evañca katvā paṭṭhāne ‘‘voṭṭhabbanaṃ kusalānaṃ khandhānaṃ anantarapaccayena paccayo’’tiādi na vuttaṃ, ‘‘āvajjanā’’icceva vuttaṃ. Tasmā voṭṭhabbanato catunnaṃ vā pañcannaṃ vā javanānaṃ ārammaṇapurejātaṃ bhavituṃ asakkontaṃ rūpādiāvajjanādīnaṃ paccayo bhavituṃ na sakkoti, ayametassa sabhāvoti javanāpāripūriyā dutiyo moghavāro dassetuṃ yutto siyā, ayampi aṭṭhakathāyaṃ anāgatattā suṭṭhu vicāretabbo. Bhavaṅgassa javanānubandhanabhūtattā ‘‘tadārammaṇaṃ bhavaṅga’’nti vuttaṃ. Paṭṭhāne (paṭṭhā. 3.1.102) ca vuttaṃ ‘‘sahetukaṃ bhavaṅgaṃ ahetukassa bhavaṅgassa anantarapaccayena paccayo’’ti, ‘‘ahetukaṃ bhavaṅgaṃ sahetukassa bhavaṅgassa anantarapaccayena paccayo’’ti ca. Kusalākusalānaṃ sukhadukkhavipākamatto vipāko na iṭṭhāniṭṭhānaṃ vibhāgaṃ karoti, javanaṃ pana rajjanavirajjanādivasena iṭṭhāniṭṭhavibhāgaṃ karotīti ‘‘ārammaṇarasaṃ javanameva anubhavatī’’ti vuttaṃ.
อวิชฺชมาเน การเก กถํ อาวชฺชนาทิภาเวน ปวตฺติ โหตีติ ตํ ทเสฺสตุํ ปญฺจวิธํ นิยามํ นาม คณฺหิํสุฯ นิยาโม จ ธมฺมานํ สภาวกิจฺจปจฺจยภาววิเสโสวฯ ตํตํสทิสผลทานนฺติ ตสฺส ตสฺส อตฺตโน อนุรูปผลสฺส ทานํฯ สทิสวิปากทานนฺติ จ อนุรูปวิปากทานนฺติ อโตฺถฯ อิทํ วตฺถุนฺติ เอกวจนนิเทฺทโส เอกคาถาวตฺถุภาเวน กโตฯ ชคติปฺปเทโสติ ยถาวุตฺตโต อโญฺญปิ โลกปฺปเทโสฯ กาลคติอุปธิปโยคปฎิพาฬฺหญฺหิ ปาปํ น วิปเจฺจยฺย, น ปเทสปฎิพาฬฺหนฺติฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณปทฎฺฐานปฎิสนฺธิยาทิธมฺมานํ นิยาโม ทสสหสฺสิกมฺปนปจฺจยภาโว ธมฺมนิยาโมฯ อยํ อิธ อธิเปฺปโตติ เอเตน นิยามวเสน อาวชฺชนาทิภาโว, น การกวเสนาติ เอตมตฺถํ ทเสฺสติฯ
Avijjamāne kārake kathaṃ āvajjanādibhāvena pavatti hotīti taṃ dassetuṃ pañcavidhaṃ niyāmaṃ nāma gaṇhiṃsu. Niyāmo ca dhammānaṃ sabhāvakiccapaccayabhāvavisesova. Taṃtaṃsadisaphaladānanti tassa tassa attano anurūpaphalassa dānaṃ. Sadisavipākadānanti ca anurūpavipākadānanti attho. Idaṃ vatthunti ekavacananiddeso ekagāthāvatthubhāvena kato. Jagatippadesoti yathāvuttato aññopi lokappadeso. Kālagatiupadhipayogapaṭibāḷhañhi pāpaṃ na vipacceyya, na padesapaṭibāḷhanti. Sabbaññutaññāṇapadaṭṭhānapaṭisandhiyādidhammānaṃ niyāmo dasasahassikampanapaccayabhāvo dhammaniyāmo. Ayaṃ idha adhippetoti etena niyāmavasena āvajjanādibhāvo, na kārakavasenāti etamatthaṃ dasseti.
อิมสฺมิํ ฐาเนติ โสฬสวิปากกถาฐาเนฯ ทฺวาทสหิ วาเหตพฺพา นาฬิยโนฺตปมา น ทฺวาทสนฺนํ จิตฺตานํ เอกสฺมิํ ทฺวาเร เอการมฺมเณ สห กิจฺจกรณวเสน วุตฺตา, อถ โข ทฺวาทสนฺนํ เอกสฺมิํ ทฺวาเร สกิจฺจกรณมตฺตวเสนฯ อเหตุกปฎิสนฺธิชนกสทิสชวนานนฺตรํ อเหตุกตทารมฺมณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘จตุนฺนํ ปน ทุเหตุกกุสลจิตฺตานํ อญฺญตรชวนสฺส…เป.… ปติฎฺฐาตี’’ติ อาหฯ อเหตุกปฎิสนฺธิกสฺส ปน ติเหตุกชวเน ชวิเต ปฎิสนฺธิทายเกน กเมฺมน อเหตุกสฺส ตทารมฺมณสฺส นิพฺพตฺติ น ปฎิเสธิตาฯ เอวํ ทุเหตุกปฎิสนฺธิกสฺสปิ ติเหตุกานนฺตรํ ทุเหตุกตทารมฺมณํ อปฺปฎิสิทฺธํ ทฎฺฐพฺพํฯ ปริปุณฺณวิปากสฺส จ ปฎิสนฺธิชนกกมฺมสฺส วเสนายํ วิปากวิภาวนา ตสฺสา มุขนิทสฺสนมตฺตเมวาติ ปวตฺติวิปากสฺส จ เอกสฺส ติเหตุกาทิกมฺมสฺส โสฬสวิปากจิตฺตาทีนิ วุตฺตนเยน โยเชตพฺพานิฯ ตสฺมา เยน เกนจิ กมฺมุนา เอเกน อเนกํ ตทารมฺมณํ ปวตฺตมานํ กมฺมวิเสสาภาวา เยสํ ตํ อนุพนฺธภูตํ, เตสํ ชวนสงฺขาตานํ ปจฺจยานํ วิเสเสน วิสิฎฺฐํ โหตีติ ชวเนนายํ ตทารมฺมณนิยาโม วุโตฺต, น นานากมฺมุนา นิพฺพตฺตมานสฺส วเสนฯ เอวญฺจ กตฺวา ปฎฺฐาเน (ปฎฺฐา. ๓.๑.๙๘) ‘‘สเหตุเก ขเนฺธ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสติฯ กุสลากุสเล นิรุเทฺธ อเหตุโก วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชตี’’ติ ญาณานนฺตรํ อเหตุกตทารมฺมณํ, ‘‘กุสลากุสเล นิรุเทฺธ สเหตุโก วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชตี’’ติ อกุสลานนฺตรญฺจ สเหตุกตทารมฺมณํ วุตฺตํ, น จ ‘‘ตํ เอเตน เถเรน อทสฺสิต’’นฺติ กตฺวา ตสฺส ปฎิเสโธ กโต โหตีติฯ
Imasmiṃ ṭhāneti soḷasavipākakathāṭhāne. Dvādasahi vāhetabbā nāḷiyantopamā na dvādasannaṃ cittānaṃ ekasmiṃ dvāre ekārammaṇe saha kiccakaraṇavasena vuttā, atha kho dvādasannaṃ ekasmiṃ dvāre sakiccakaraṇamattavasena. Ahetukapaṭisandhijanakasadisajavanānantaraṃ ahetukatadārammaṇaṃ dassento ‘‘catunnaṃ pana duhetukakusalacittānaṃ aññatarajavanassa…pe… patiṭṭhātī’’ti āha. Ahetukapaṭisandhikassa pana tihetukajavane javite paṭisandhidāyakena kammena ahetukassa tadārammaṇassa nibbatti na paṭisedhitā. Evaṃ duhetukapaṭisandhikassapi tihetukānantaraṃ duhetukatadārammaṇaṃ appaṭisiddhaṃ daṭṭhabbaṃ. Paripuṇṇavipākassa ca paṭisandhijanakakammassa vasenāyaṃ vipākavibhāvanā tassā mukhanidassanamattamevāti pavattivipākassa ca ekassa tihetukādikammassa soḷasavipākacittādīni vuttanayena yojetabbāni. Tasmā yena kenaci kammunā ekena anekaṃ tadārammaṇaṃ pavattamānaṃ kammavisesābhāvā yesaṃ taṃ anubandhabhūtaṃ, tesaṃ javanasaṅkhātānaṃ paccayānaṃ visesena visiṭṭhaṃ hotīti javanenāyaṃ tadārammaṇaniyāmo vutto, na nānākammunā nibbattamānassa vasena. Evañca katvā paṭṭhāne (paṭṭhā. 3.1.98) ‘‘sahetuke khandhe aniccato dukkhato anattato vipassati. Kusalākusale niruddhe ahetuko vipāko tadārammaṇatā uppajjatī’’ti ñāṇānantaraṃ ahetukatadārammaṇaṃ, ‘‘kusalākusale niruddhe sahetuko vipāko tadārammaṇatā uppajjatī’’ti akusalānantarañca sahetukatadārammaṇaṃ vuttaṃ, na ca ‘‘taṃ etena therena adassita’’nti katvā tassa paṭisedho kato hotīti.
ยํ ปน ชวเนน…เป.… ตํ กุสลํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อิทํ กุสลสฺส วิย อกุสลสฺส สทิโส วิปาโก นตฺถีติ กตฺวา วุตฺตํฯ สสงฺขาริกาสงฺขาริกนิยมนํ ปน สนฺธาย ตสฺมิํ วุเตฺต อกุสเลปิ น ตํ น ยุชฺชตีติฯ อฎฺฐานเมตนฺติ อิทํ นิยมิตาทิวเสน โยนิโส อโยนิโส วา อาวฎฺฎิเต อโยนิโส โยนิโส วา ววตฺถาปนสฺส อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํฯ
Yaṃpana javanena…pe… taṃ kusalaṃ sandhāya vuttanti idaṃ kusalassa viya akusalassa sadiso vipāko natthīti katvā vuttaṃ. Sasaṅkhārikāsaṅkhārikaniyamanaṃ pana sandhāya tasmiṃ vutte akusalepi na taṃ na yujjatīti. Aṭṭhānametanti idaṃ niyamitādivasena yoniso ayoniso vā āvaṭṭite ayoniso yoniso vā vavatthāpanassa abhāvaṃ sandhāya vuttaṃ.
ปฎิสิทฺธนฺติ อวจนเมว ปฎิเสโธติ กตฺวา วุตฺตํฯ กามตณฺหานิพฺพเตฺตน กมฺมุนา มหคฺคตโลกุตฺตรานุภวนวิปาโก น โหตีติ ตตฺถ ตทารมฺมณาภาโว เวทิตโพฺพฯ อาปาถคเต วิสเย ตนฺนินฺนํ ภวงฺคํ อาวชฺชนํ อุปฺปาเทตีติ อาวชฺชนํ วิสเย นินฺนตฺตา อุปฺปชฺชติฯ ภวงฺคํ ปน สพฺพทา สวิสเย นินฺนเมวาติ วิสยนฺตรวิญฺญาณสฺส ปจฺจโย หุตฺวาปิ ตทภาวา วินา อาวชฺชเนน สวิสเย นินฺนตฺตาว อุปฺปชฺชติฯ จิณฺณตฺตาติ อาวชฺชเนน วินา พหุลํ อุปฺปนฺนปุพฺพตฺตาฯ สมุทาจารตฺตาติ อาปาถคเต วิสเย ปฎิสนฺธิวิสเย จ พหุลํ อุปฺปาทิตปุพฺพตฺตาฯ จิณฺณตฺตาติ วา ปุคฺคเลน อาเสวิตภาโว วุโตฺตฯ สมุทาจารตฺตาติ สยํ พหุลํ ปวตฺตภาโวฯ นิโรธสฺส อนนฺตรปจฺจยํ เนวสญฺญานาสญฺญายตนนฺติ อิทํ ตทนนฺตรเมว นิโรธผุสนํ สนฺธาย วุตฺตํ, น อรูปกฺขนฺธานํ วิย นิโรธสฺส อนนฺตรปจฺจยภาวํฯ เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ ปน กิญฺจิ ปริกเมฺมน วินา อุปฺปชฺชมานํ นตฺถิฯ ปริกมฺมาวชฺชนเมว ตสฺส อาวชฺชนนฺติ อญฺญสฺส วิย เอตสฺสปิ สาวชฺชนตาย ภวิตพฺพํฯ
Paṭisiddhanti avacanameva paṭisedhoti katvā vuttaṃ. Kāmataṇhānibbattena kammunā mahaggatalokuttarānubhavanavipāko na hotīti tattha tadārammaṇābhāvo veditabbo. Āpāthagate visaye tanninnaṃ bhavaṅgaṃ āvajjanaṃ uppādetīti āvajjanaṃ visaye ninnattā uppajjati. Bhavaṅgaṃ pana sabbadā savisaye ninnamevāti visayantaraviññāṇassa paccayo hutvāpi tadabhāvā vinā āvajjanena savisaye ninnattāva uppajjati. Ciṇṇattāti āvajjanena vinā bahulaṃ uppannapubbattā. Samudācārattāti āpāthagate visaye paṭisandhivisaye ca bahulaṃ uppāditapubbattā. Ciṇṇattāti vā puggalena āsevitabhāvo vutto. Samudācārattāti sayaṃ bahulaṃ pavattabhāvo. Nirodhassa anantarapaccayaṃ nevasaññānāsaññāyatananti idaṃ tadanantarameva nirodhaphusanaṃ sandhāya vuttaṃ, na arūpakkhandhānaṃ viya nirodhassa anantarapaccayabhāvaṃ. Nevasaññānāsaññāyatanaṃ pana kiñci parikammena vinā uppajjamānaṃ natthi. Parikammāvajjanameva tassa āvajjananti aññassa viya etassapi sāvajjanatāya bhavitabbaṃ.
อยํ ปเนตฺถาธิปฺปาโย ทฎฺฐโพฺพ – เนวสญฺญานาสญฺญายตนสฺส น นิโรธสฺส อนนฺตรปจฺจยภาเว นินฺนาทิตา อญฺญตฺถ ทิฎฺฐา อตทตฺถปริกมฺมภาเว จ อุปฺปตฺติยา, อถ จ ตํ ตสฺส อนนฺตรปจฺจโย โหติ, ตถา จ อุปฺปชฺชติฯ เอวํ ยถาวุตฺตา มโนวิญฺญาณธาตุ อสติปิ นิราวชฺชนุปฺปตฺติยํ นินฺนาทิภาเว นิราวชฺชนา อุปฺปชฺชตีติฯ เอวญฺจ กตฺวา ‘‘อริยมคฺคจิตฺตํ มคฺคานนฺตรานิ ผลจิตฺตานี’’ติ อิทํ วุตฺตํฯ ยทิ หิ นิพฺพานารมฺมณาวชฺชนาภาวํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ สิยา, โคตฺรภุโวทานานิ นิทสฺสนานิ สิยุํ เตเหว เอเตสํ นิราวชฺชนตาสิทฺธิโตฯ ผลสมาปตฺติกาเล จ ‘‘ปริตฺตารมฺมณํ มหคฺคตารมฺมณํ อนุโลมํ ผลสมาปตฺติยา อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วจนโต สมานารมฺมณาวชฺชนรหิตตฺตา ‘‘มคฺคานนฺตรานิ ผลจิตฺตานี’’ติ เอวํ ผลสมาปตฺติจิตฺตานิ น วเชฺชตพฺพานิ สิยุํ, โคตฺรภุโวทานานิ ปน ยทิปิ นิพฺพาเน จิณฺณานิ สมุทาจารานิ จ น โหนฺติ, อารมฺมณนฺตเร จิณฺณสมุทาจาราเนวฯ ผลสมาปตฺติจิตฺตานิ จ มคฺควีถิโต อุทฺธํ ตทตฺถปริกมฺมสพฺภาวาติ เตสํ คหณํ น กตํ, อนุโลมานนฺตรญฺจ ผลสมาปตฺติจิตฺตํ จิณฺณํ สมุทาจารํ, น เนวสญฺญานาสญฺญายตนานนฺตรํ มคฺคานนฺตรสฺส วิย ตทตฺถปริกมฺมาภาวาติ ‘‘นิโรธา วุฎฺฐหนฺตสฺสา’’ติ ตญฺจ นิทสฺสนํฯ อารมฺมเณน ปน วินา นุปฺปชฺชตีติ อิทํ เอตสฺส มหคฺคตารมฺมณตฺตาภาวา ปุจฺฉํ กาเรตฺวา อารมฺมณนิทฺธารณตฺถํ วุตฺตํฯ
Ayaṃ panetthādhippāyo daṭṭhabbo – nevasaññānāsaññāyatanassa na nirodhassa anantarapaccayabhāve ninnāditā aññattha diṭṭhā atadatthaparikammabhāve ca uppattiyā, atha ca taṃ tassa anantarapaccayo hoti, tathā ca uppajjati. Evaṃ yathāvuttā manoviññāṇadhātu asatipi nirāvajjanuppattiyaṃ ninnādibhāve nirāvajjanā uppajjatīti. Evañca katvā ‘‘ariyamaggacittaṃ maggānantarāni phalacittānī’’ti idaṃ vuttaṃ. Yadi hi nibbānārammaṇāvajjanābhāvaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ siyā, gotrabhuvodānāni nidassanāni siyuṃ teheva etesaṃ nirāvajjanatāsiddhito. Phalasamāpattikāle ca ‘‘parittārammaṇaṃ mahaggatārammaṇaṃ anulomaṃ phalasamāpattiyā anantarapaccayena paccayo’’ti vacanato samānārammaṇāvajjanarahitattā ‘‘maggānantarāni phalacittānī’’ti evaṃ phalasamāpatticittāni na vajjetabbāni siyuṃ, gotrabhuvodānāni pana yadipi nibbāne ciṇṇāni samudācārāni ca na honti, ārammaṇantare ciṇṇasamudācārāneva. Phalasamāpatticittāni ca maggavīthito uddhaṃ tadatthaparikammasabbhāvāti tesaṃ gahaṇaṃ na kataṃ, anulomānantarañca phalasamāpatticittaṃ ciṇṇaṃ samudācāraṃ, na nevasaññānāsaññāyatanānantaraṃ maggānantarassa viya tadatthaparikammābhāvāti ‘‘nirodhā vuṭṭhahantassā’’ti tañca nidassanaṃ. Ārammaṇena pana vinā nuppajjatīti idaṃ etassa mahaggatārammaṇattābhāvā pucchaṃ kāretvā ārammaṇaniddhāraṇatthaṃ vuttaṃ.
ตตฺถาติ วิปากกถายํฯ ชจฺจนฺธปีฐสปฺปิอุปมานิทสฺสนํ วิปากสฺส นิสฺสเยน วินา อปฺปวตฺติทสฺสนตฺถํฯ วิสยคฺคาโหติ อิทํ จกฺขาทีนํ สวิสยคฺคหเณน จกฺขุวิญฺญาณาทิวิปากสฺส ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ อุปนิสฺสยโต จกฺขาทีนํ ทสฺสนาทิอตฺถโต จ ตเสฺสว วิปากสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘อุปนิสฺสยมตฺถโส’’ติ วุตฺตํฯ หทยวตฺถุเมวาติ ยถา ปุริมจิตฺตานิ หทยวตฺถุนิสฺสิตานิ จ ปสาทวตฺถุอนุคตานิ จ อญฺญารมฺมณานิ โหนฺติ, น เอวํ ภวงฺคํ, ตํ ปเนตํ วตฺถารมฺมณนฺตรรหิตํ เกวลํ หทยวตฺถุเมว นิสฺสาย ปวตฺตตีติ วุตฺตํ โหติฯ หทยรูปวตฺถุกนฺติ อิธาปิ อญฺญวตฺถานุคตนฺติ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ มกฺกฎกสฺส หิ สุตฺตาโรหณํ วิย ปสาทวตฺถุกํ จิตฺตํ, สุเตฺตน คมนาทีนิ วิย ตทนุคตานิ เสสจิตฺตานีติฯ สุตฺตฆฎฺฎนมกฺกฎกจลนานิ วิย ปสาทฆฎฺฎนภวงฺคจลนานิ สห โหนฺตีติ ทีปนโต ‘‘เอเกกํ…เป.… อาคจฺฉตี’’ติปิ ทีเปติฯ
Tatthāti vipākakathāyaṃ. Jaccandhapīṭhasappiupamānidassanaṃ vipākassa nissayena vinā appavattidassanatthaṃ. Visayaggāhoti idaṃ cakkhādīnaṃ savisayaggahaṇena cakkhuviññāṇādivipākassa dassanatthaṃ vuttaṃ. Upanissayato cakkhādīnaṃ dassanādiatthato ca tasseva vipākassa dassanatthaṃ ‘‘upanissayamatthaso’’ti vuttaṃ. Hadayavatthumevāti yathā purimacittāni hadayavatthunissitāni ca pasādavatthuanugatāni ca aññārammaṇāni honti, na evaṃ bhavaṅgaṃ, taṃ panetaṃ vatthārammaṇantararahitaṃ kevalaṃ hadayavatthumeva nissāya pavattatīti vuttaṃ hoti. Hadayarūpavatthukanti idhāpi aññavatthānugatanti adhippāyo veditabbo. Makkaṭakassa hi suttārohaṇaṃ viya pasādavatthukaṃ cittaṃ, suttena gamanādīni viya tadanugatāni sesacittānīti. Suttaghaṭṭanamakkaṭakacalanāni viya pasādaghaṭṭanabhavaṅgacalanāni saha hontīti dīpanato ‘‘ekekaṃ…pe… āgacchatī’’tipi dīpeti.
ภวงฺคสฺส อาวฎฺฎิตกาโลติ อิทํ โทวาริกสทิสานํ จกฺขุวิญฺญาณาทีนํ ปาทปริมชฺชกสทิสสฺส อาวชฺชนสฺส สญฺญาทานสทิโส อนนฺตรปจฺจยภาโว เอว ภวงฺคาวฎฺฎนนฺติ กตฺวา วุตฺตํฯ วิปากมโนธาตุอาทีนํ อทิสฺวาว สมฺปฎิจฺฉนาทิกรณํ คาฬฺหคฺคหณมตฺตปุถุลจตุรสฺสภาววิชานนมตฺตกหาปณภาววิชานนมตฺตกโมฺมปนยนมตฺตสามญฺญวเสน วุตฺตํ, น คาฬฺหคฺคาหกาทีนํ กหาปณทสฺสนสฺส อภาโว ตํสมานภาโว จ สมฺปฎิจฺฉนาทีนํ อธิเปฺปโตติ เวทิตโพฺพฯ
Bhavaṅgassa āvaṭṭitakāloti idaṃ dovārikasadisānaṃ cakkhuviññāṇādīnaṃ pādaparimajjakasadisassa āvajjanassa saññādānasadiso anantarapaccayabhāvo eva bhavaṅgāvaṭṭananti katvā vuttaṃ. Vipākamanodhātuādīnaṃ adisvāva sampaṭicchanādikaraṇaṃ gāḷhaggahaṇamattaputhulacaturassabhāvavijānanamattakahāpaṇabhāvavijānanamattakammopanayanamattasāmaññavasena vuttaṃ, na gāḷhaggāhakādīnaṃ kahāpaṇadassanassa abhāvo taṃsamānabhāvo ca sampaṭicchanādīnaṃ adhippetoti veditabbo.
ปณฺฑรํ เอตนฺติ ปณฺฑรรูปทสฺสนสามญฺญโต จกฺขุวิญฺญาณเมว ทสฺสนกิจฺจํ สาเธตีติ ทีปนํ เวทิตพฺพํฯ เอวํ โสตทฺวาราทีสุปิ โยเชตพฺพํ สวนาทิวเสนฯ สนฺตาปนวเสน คุฬสีโล คุฬปฺปโยชโน วา โคฬิยโกฯ อุปนิสฺสยโตติ น อุปนิสฺสยปจฺจยํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ยสฺมิํ ปน อสติ โย น โหติ, โส อิธ ‘‘อุปนิสฺสโย’’ติ อธิเปฺปโตฯ อาโลกสนฺนิสฺสิตนฺติ อิทมฺปิ อาโลเก สติ สพฺภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, น อุปนิสฺสยปจฺจยตํฯ มนฺทถามคตํ นาม กิริยจิตฺตสฺส ปจฺจยภาวํ อนุปคนฺตฺวา สยเมว ปวตฺตมานํฯ
Paṇḍaraṃetanti paṇḍararūpadassanasāmaññato cakkhuviññāṇameva dassanakiccaṃ sādhetīti dīpanaṃ veditabbaṃ. Evaṃ sotadvārādīsupi yojetabbaṃ savanādivasena. Santāpanavasena guḷasīlo guḷappayojano vā goḷiyako. Upanissayatoti na upanissayapaccayaṃ sandhāya vuttaṃ. Yasmiṃ pana asati yo na hoti, so idha ‘‘upanissayo’’ti adhippeto. Ālokasannissitanti idampi āloke sati sabbhāvaṃ sandhāya vuttaṃ, na upanissayapaccayataṃ. Mandathāmagataṃ nāma kiriyacittassa paccayabhāvaṃ anupagantvā sayameva pavattamānaṃ.
อสงฺขาริกสสงฺขาริเกสุ โทสํ ทิสฺวาติ น กมฺมสฺส วิรุทฺธสภาเวน วิปาเกน ภวิตพฺพนฺติ อสงฺขาริกกมฺมสฺส สสงฺขาริกวิปาเกสุ, สสงฺขาริกกมฺมสฺส จ อสงฺขาริกวิปาเกสุ โทสํ ทิสฺวาฯ อเหตุกานํ ปน รูปาทีสุ อภินิปาตมตฺตาทิกิจฺจานํ น สสงฺขาริกวิรุโทฺธ สภาโวติ อสงฺขาริกตา นตฺถิ, อสงฺขาริกวิรุทฺธสภาวาภาวา นาปิ สสงฺขาริกตาติ อุภยาวิโรธา อุภเยนปิ เตสํ นิพฺพตฺติํ อนุชานาติฯ จิตฺตนิยามนฺติ ตทารมฺมณนิยามํฯ กิริยโต ปญฺจาติ อิเมสํ…เป.… ปติฎฺฐาตีติ กิริยชวนานนฺตรญฺจ ตทารมฺมณํ วุตฺตํฯ ปฎฺฐาเน (ปฎฺฐา. ๑.๓.๙๔) ปน ‘‘กุสลากุสเล นิรุเทฺธ วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชตี’’ติ วิปากธมฺมธมฺมานเมว อนนฺตรา ตทารมฺมณํ วุตฺตํฯ กุสลตฺติเก จ ‘‘เสกฺขา วา ปุถุชฺชนา วา กุสลํ อนิจฺจโต’’ติอาทินา (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๐๖) กุสลากุสลชวนเมว วตฺวา ตทนนฺตรํ ตทารมฺมณํ วุตฺตํ, น อพฺยากตานนฺตรํ, น จ กตฺถจิ กิริยานนฺตรํ ตทารมฺมณสฺส วุตฺตฎฺฐานํ ทิสฺสติฯ วิชฺชมาเน จ ตสฺมิํ อวจเน การณํ นตฺถิ, ตสฺมา อุปปริกฺขิตโพฺพ เอโส เถรวาโทฯ วิปฺผาริกญฺหิ ชวนํ นาวํ วิย นทีโสโต ภวงฺคํ อนุพนฺธตีติ ยุตฺตํ, น ปน ฉฬงฺคุเปกฺขวโต สนฺตวุตฺติํ กิริยชวนํ ปณฺณปุฎํ วิย นทีโสโตติฯ
Asaṅkhārikasasaṅkhārikesudosaṃ disvāti na kammassa viruddhasabhāvena vipākena bhavitabbanti asaṅkhārikakammassa sasaṅkhārikavipākesu, sasaṅkhārikakammassa ca asaṅkhārikavipākesu dosaṃ disvā. Ahetukānaṃ pana rūpādīsu abhinipātamattādikiccānaṃ na sasaṅkhārikaviruddho sabhāvoti asaṅkhārikatā natthi, asaṅkhārikaviruddhasabhāvābhāvā nāpi sasaṅkhārikatāti ubhayāvirodhā ubhayenapi tesaṃ nibbattiṃ anujānāti. Cittaniyāmanti tadārammaṇaniyāmaṃ. Kiriyato pañcāti imesaṃ…pe… patiṭṭhātīti kiriyajavanānantarañca tadārammaṇaṃ vuttaṃ. Paṭṭhāne (paṭṭhā. 1.3.94) pana ‘‘kusalākusale niruddhe vipāko tadārammaṇatā uppajjatī’’ti vipākadhammadhammānameva anantarā tadārammaṇaṃ vuttaṃ. Kusalattike ca ‘‘sekkhā vā puthujjanā vā kusalaṃ aniccato’’tiādinā (paṭṭhā. 1.1.406) kusalākusalajavanameva vatvā tadanantaraṃ tadārammaṇaṃ vuttaṃ, na abyākatānantaraṃ, na ca katthaci kiriyānantaraṃ tadārammaṇassa vuttaṭṭhānaṃ dissati. Vijjamāne ca tasmiṃ avacane kāraṇaṃ natthi, tasmā upaparikkhitabbo eso theravādo. Vipphārikañhi javanaṃ nāvaṃ viya nadīsoto bhavaṅgaṃ anubandhatīti yuttaṃ, na pana chaḷaṅgupekkhavato santavuttiṃ kiriyajavanaṃ paṇṇapuṭaṃ viya nadīsototi.
ปิณฺฑชวนํ ชวตีติ กุสลากุสลกิริยชวนานิ ปิเณฺฑตฺวา กถิตานีติ ตถา กถิตานิ ชวนานิ ปิณฺฑิตานิ วิย วุตฺตานิ, เอกสฺมิํ วา ตทารมฺมเณ ปิเณฺฑตฺวา ทสฺสิตานิ หุตฺวา ชวิตาเนว วุตฺตานิฯ อิมญฺจ ปน ปิณฺฑชวนํ วทเนฺตน อกุสลโต จตฺตาริเยว อุเปกฺขาสหคตานิ คเหตฺวา ทฺวาทสุเปกฺขาสหคตชวนานิ ปิณฺฑิตานิ วิย วุตฺตานิฯ ปฎฺฐาเน ปน ‘‘กุสลํ อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ อารพฺภ ราโค อุปฺปชฺชติฯ ทิฎฺฐิ, วิจิกิจฺฉา , อุทฺธจฺจํ, โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชติฯ อกุสเล นิรุเทฺธ วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตตฺตา อิตรานิ เทฺว อิฎฺฐารมฺมเณ ปวตฺตวิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหคตานิปิ กุสลวิปาเก ตทารมฺมเณ ปิเณฺฑตพฺพานิ สิยุํฯ เตสํ ปน อนนฺตรํ อเหตุกวิปาเกเนว ตทารมฺมเณน ภวิตพฺพํ, โส จ สนฺตีรณภาเวเนว คหิโตติ อปุพฺพํ คเหตพฺพํ นตฺถิฯ อเหตุเก จ ปิเณฺฑตพฺพํ นารหนฺตีติ อธิปฺปาเยน น ปิเณฺฑตีติฯ
Piṇḍajavanaṃ javatīti kusalākusalakiriyajavanāni piṇḍetvā kathitānīti tathā kathitāni javanāni piṇḍitāni viya vuttāni, ekasmiṃ vā tadārammaṇe piṇḍetvā dassitāni hutvā javitāneva vuttāni. Imañca pana piṇḍajavanaṃ vadantena akusalato cattāriyeva upekkhāsahagatāni gahetvā dvādasupekkhāsahagatajavanāni piṇḍitāni viya vuttāni. Paṭṭhāne pana ‘‘kusalaṃ assādeti abhinandati, taṃ ārabbha rāgo uppajjati. Diṭṭhi, vicikicchā , uddhaccaṃ, domanassaṃ uppajjati. Akusale niruddhe vipāko tadārammaṇatā uppajjatī’’ti vuttattā itarāni dve iṭṭhārammaṇe pavattavicikicchuddhaccasahagatānipi kusalavipāke tadārammaṇe piṇḍetabbāni siyuṃ. Tesaṃ pana anantaraṃ ahetukavipākeneva tadārammaṇena bhavitabbaṃ, so ca santīraṇabhāveneva gahitoti apubbaṃ gahetabbaṃ natthi. Ahetuke ca piṇḍetabbaṃ nārahantīti adhippāyena na piṇḍetīti.
ติเหตุกชวนาวสาเน ปเนตฺถาติ เอตสฺมิํ ทุติยวาเท ติเหตุกชวนาวสาเน ติเหตุกตทารมฺมณํ ยุตฺตนฺติ ทเสฺสตุํ ยุตฺตํ วทติ ชวนสมานตฺตา, นาลพฺภมานตฺตา อญฺญสฺสฯ ปฐมเตฺถเรน อกุสลานนฺตรํ วุตฺตสฺส อเหตุกตทารมฺมณสฺส, กุสลานนฺตรํ วุตฺตสฺส จ สเหตุกตทารมฺมณสฺส อกุสลานนฺตรํ อุปฺปตฺติํ วทนฺตสฺส หิ ปฎิสนฺธิชนกํ ติเหตุกกมฺมํ ทุเหตุกาเหตุกํ วิปากํ ชนยนฺตมฺปิ ติเหตุกชวนานนฺตรํ น ชเนตีติ น เอตฺถ การณํ ทิสฺสตีติ เอวํ ยุตฺตํ คเหตพฺพํ อวุตฺตมฺปีติ อธิปฺปาโยฯ อถ วา ตสฺมิํ ตสฺมิํ เถรวาเท เยน อธิปฺปาเยน สสงฺขาราสงฺขารวิธานาทิ วุตฺตํ, ตํ เตเนว อธิปฺปาเยน ยุตฺตํ คเหตพฺพํ, น อธิปฺปายนฺตรํ อธิปฺปายนฺตเรน อาโลเฬตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เหตุสทิสเมวาติ ชนกกมฺมเหตุสทิสเมวฯ มหาปกรเณ อาวิ ภวิสฺสตีติ มหาปกรเณ อาคตปาฬิยา ปากฎํ อุปฺปตฺติวิธานํ อาวิ ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาเยน วทติฯ
Tihetukajavanāvasāne panetthāti etasmiṃ dutiyavāde tihetukajavanāvasāne tihetukatadārammaṇaṃ yuttanti dassetuṃ yuttaṃ vadati javanasamānattā, nālabbhamānattā aññassa. Paṭhamattherena akusalānantaraṃ vuttassa ahetukatadārammaṇassa, kusalānantaraṃ vuttassa ca sahetukatadārammaṇassa akusalānantaraṃ uppattiṃ vadantassa hi paṭisandhijanakaṃ tihetukakammaṃ duhetukāhetukaṃ vipākaṃ janayantampi tihetukajavanānantaraṃ na janetīti na ettha kāraṇaṃ dissatīti evaṃ yuttaṃ gahetabbaṃ avuttampīti adhippāyo. Atha vā tasmiṃ tasmiṃ theravāde yena adhippāyena sasaṅkhārāsaṅkhāravidhānādi vuttaṃ, taṃ teneva adhippāyena yuttaṃ gahetabbaṃ, na adhippāyantaraṃ adhippāyantarena āloḷetabbanti attho. Hetusadisamevāti janakakammahetusadisameva. Mahāpakaraṇe āvi bhavissatīti mahāpakaraṇe āgatapāḷiyā pākaṭaṃ uppattividhānaṃ āvi bhavissatīti adhippāyena vadati.
กามาวจรกุสลวิปากกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kāmāvacarakusalavipākakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.