Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā |
๙. วิปสฺสนากถา
9. Vipassanākathā
วิปสฺสนากถาวณฺณนา
Vipassanākathāvaṇṇanā
๓๖. อิทานิ วิปสฺสนาปฎิสํยุตฺตาย สติปฎฺฐานกถาย อนนฺตรํ วิปสฺสนาปเภทํ ทเสฺสเนฺตน กถิตาย สุตฺตนฺตปุพฺพงฺคมาย วิปสฺสนากถาย อปุพฺพตฺถานุวณฺณนาฯ ตตฺถ สุตฺตเนฺต ตาว โสอิติ สพฺพนามตฺตา โย วา โส วา สโพฺพปิ สงฺคหิโต โหติฯ วตาติ เอกํสเตฺถ นิปาโตฯ กญฺจิ สงฺขารนฺติ อปฺปมตฺตกมฺปิ สงฺขารํฯ อนุโลมิกาย ขนฺติยาติ เอตฺถ วิปสฺสนาญาณเมว โลกุตฺตรมคฺคํ อนุโลเมตีติ อนุโลมิกํ, ตเทว ขนฺติมเปกฺขิตฺวา อนุโลมิกาฯ สพฺพสงฺขารา ตสฺส อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต ขมนฺติ รุจฺจนฺตีติ ขนฺติฯ สา มุทุกา มชฺฌิมา ติกฺขาติ ติวิธาฯ กลาปสมฺมสนาทิกา อุทยพฺพยญาณปริโยสานา มุทุกานุโลมิกา ขนฺติฯ ภงฺคานุปสฺสนาทิกา สงฺขารุเปกฺขาญาณปริโยสานา มชฺฌิมานุโลมิกา ขนฺติฯ อนุโลมญาณํ ติกฺขานุโลมิกา ขนฺติฯ สมนฺนาคโตติ อุเปโตฯ เนตํ ฐานํ วิชฺชตีติ ยถาวุตฺตํ เอตํ ฐานํ เอตํ การณํ น วิชฺชติฯ สมฺมตฺตนิยามนฺติ เอตฺถ ‘‘หิตสุขาวโห เม ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ อาสีสโต ตเถว สมฺภวโต อสุภาทีสุ จ อสุภนฺติอาทิอวิปรีตปฺปวตฺติสพฺภาวโต จ สมฺมา สภาโวติ สมฺมโตฺต, อนนฺตรผลทานาย อรหตฺตุปฺปตฺติยา จ นิยามภูตตฺตา นิยาโม, นิจฺฉโยติ อโตฺถฯ สมฺมโตฺต จ โส นิยาโม จาติ สมฺมตฺตนิยาโมฯ โก โส? โลกุตฺตรมโคฺค, วิเสสโต ปน โสตาปตฺติมโคฺคฯ เตน หิ มคฺคนิยาเมน นิยตตฺตา ‘‘นิยโต สโมฺพธิปรายโณ’’ติ (ปารา. ๒๑; ที. นิ. ๑.๓๗๓) วุตฺตํฯ ตํ สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมิสฺสติ ปวิสิสฺสตีติ เอตํ อฎฺฐานนฺติ อโตฺถฯ โคตฺรภุโน ปน มคฺคสฺส อาวชฺชนฎฺฐานิยตฺตา ตํ อนาทิยิตฺวา อนุโลมิกขนฺติยา อนนฺตรํ สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมนํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อถ วา อฎฺฐารสสุ มหาวิปสฺสนาสุ โคตฺรภุ วิวฎฺฎนานุปสฺสนา โหตีติ อนุโลมิกขนฺติยา เอว สงฺคหิตา โหติฯ จตูสุปิ สุตฺตเนฺตสุ อิมินาว นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เอเตหิ อนุโลมิกขนฺติสมฺมตฺตนิยามจตุอริยผลวเสน จ ฉ ธมฺมาติ ฉกฺกนิปาเต (อ. นิ. ๖.๙๘, ๑๐๑) จตฺตาโร สุตฺตนฺตา วุตฺตาฯ กณฺหปกฺขสุกฺกปกฺขทฺวยวเสน หิ จตฺตาโร สุตฺตนฺตาว โหนฺตีติฯ
36. Idāni vipassanāpaṭisaṃyuttāya satipaṭṭhānakathāya anantaraṃ vipassanāpabhedaṃ dassentena kathitāya suttantapubbaṅgamāya vipassanākathāya apubbatthānuvaṇṇanā. Tattha suttante tāva soiti sabbanāmattā yo vā so vā sabbopi saṅgahito hoti. Vatāti ekaṃsatthe nipāto. Kañci saṅkhāranti appamattakampi saṅkhāraṃ. Anulomikāya khantiyāti ettha vipassanāñāṇameva lokuttaramaggaṃ anulometīti anulomikaṃ, tadeva khantimapekkhitvā anulomikā. Sabbasaṅkhārā tassa aniccato dukkhato anattato khamanti ruccantīti khanti. Sā mudukā majjhimā tikkhāti tividhā. Kalāpasammasanādikā udayabbayañāṇapariyosānā mudukānulomikā khanti. Bhaṅgānupassanādikā saṅkhārupekkhāñāṇapariyosānā majjhimānulomikā khanti. Anulomañāṇaṃ tikkhānulomikā khanti. Samannāgatoti upeto. Netaṃ ṭhānaṃ vijjatīti yathāvuttaṃ etaṃ ṭhānaṃ etaṃ kāraṇaṃ na vijjati. Sammattaniyāmanti ettha ‘‘hitasukhāvaho me bhavissatī’’ti evaṃ āsīsato tatheva sambhavato asubhādīsu ca asubhantiādiaviparītappavattisabbhāvato ca sammā sabhāvoti sammatto, anantaraphaladānāya arahattuppattiyā ca niyāmabhūtattā niyāmo, nicchayoti attho. Sammatto ca so niyāmo cāti sammattaniyāmo. Ko so? Lokuttaramaggo, visesato pana sotāpattimaggo. Tena hi magganiyāmena niyatattā ‘‘niyato sambodhiparāyaṇo’’ti (pārā. 21; dī. ni. 1.373) vuttaṃ. Taṃ sammattaniyāmaṃ okkamissati pavisissatīti etaṃ aṭṭhānanti attho. Gotrabhuno pana maggassa āvajjanaṭṭhāniyattā taṃ anādiyitvā anulomikakhantiyā anantaraṃ sammattaniyāmokkamanaṃ vuttanti veditabbaṃ. Atha vā aṭṭhārasasu mahāvipassanāsu gotrabhu vivaṭṭanānupassanā hotīti anulomikakhantiyā eva saṅgahitā hoti. Catūsupi suttantesu imināva nayena attho veditabbo. Etehi anulomikakhantisammattaniyāmacatuariyaphalavasena ca cha dhammāti chakkanipāte (a. ni. 6.98, 101) cattāro suttantā vuttā. Kaṇhapakkhasukkapakkhadvayavasena hi cattāro suttantāva hontīti.
๓๗. กติหากาเรหีติอาทิเก ปุจฺฉาปุพฺพงฺคเม สุตฺตนฺตนิเทฺทเส ปญฺจกฺขเนฺธ อนิจฺจโตติอาทีสุ นามรูปญฺจ นามรูปสฺส ปจฺจเย จ ปริคฺคเหตฺวา กลาปสมฺมสนวเสน อารทฺธวิปสฺสโก โยคาวจโร ปญฺจสุ ขเนฺธสุ เอเกกํ ขนฺธํ อนิจฺจนฺติกตาย อาทิอนฺตวตาย จ อนิจฺจโต ปสฺสติ ฯ อุปฺปาทวยปฎิปีฬนตาย ทุกฺขวตฺถุตาย จ ทุกฺขโตฯ ปจฺจยยาปนียตาย โรคมูลตาย จ โรคโตฯ ทุกฺขตาสูลโยคิตาย กิเลสาสุจิปคฺฆรณตาย อุปฺปาทชราภเงฺคหิ อุทฺธุมาตปริปกฺกปภินฺนตาย จ คณฺฑโตฯ ปีฬาชนกตาย อโนฺตตุทนตาย ทุนฺนีหรณียตาย จ สลฺลโตฯ วิครหณียตาย อวฑฺฒิอาวหนตาย อฆวตฺถุตาย จ อฆโตฯ อเสริภาวชนกตาย อาพาธปทฎฺฐานตาย จ อาพาธโตฯ อวสตาย อวิเธยฺยตาย จ ปรโตฯ พฺยาธิชรามรเณหิ ลุชฺชนปลุชฺชนตาย ปโลกโตฯ อเนกพฺยสนาวหนตาย อีติโตฯ อวิทิตานํเยว วิปุลานํ อนตฺถานํ อาวหนโต สพฺพูปทฺทววตฺถุตาย จ อุปทฺทวโตฯ สพฺพภยานํ อากรตาย จ ทุกฺขวูปสมสงฺขาตสฺส ปรมสฺสาสสฺส ปฎิปกฺขภูตตาย จ ภยโตฯ อเนเกหิ อนเตฺถหิ อนุพทฺธตาย โทสูปสฎฺฐตาย อุปสโคฺค วิย อนธิวาสนารหตาย จ อุปสคฺคโตฯ พฺยาธิชรามรเณหิ เจว โลภาทีหิ จ โลกธเมฺมหิ ปจลิตตาย จลโตฯ อุปกฺกเมน เจว สรเสน จ ปภงฺคุปคมนสีลตาย ปภงฺคุโตฯ สพฺพาวตฺถนิปาติตาย ถิรภาวสฺส จ อภาวตาย อทฺธุวโตฯ อตายนตาย เจว อลพฺภเนยฺยเขมตาย จ อตาณโตฯ อลฺลียิตุํ อนรหตาย อลฺลีนานมฺปิ จ เลณกิจฺจาการิตาย อเลณโต ฯ นิสฺสิตานํ ภยสารกตฺตาภาเวน อสรณโตฯ ยถาปริกปฺปิเตหิ ธุวสุภสุขตฺตภาเวหิ ริตฺตตาย ริตฺตโตฯ ริตฺตตาเยว ตุจฺฉโต, อปฺปกตฺตา วาฯ อปฺปกมฺปิ หิ โลเก ตุจฺฉนฺติ วุจฺจติฯ สามินิวาสิเวทกการกาธิฎฺฐายกวิรหิตตาย สุญฺญโตฯ สยญฺจ อสามิกภาวาทิตาย อนตฺตโตฯ ปวตฺติทุกฺขตาย ทุกฺขสฺส จ อาทีนวตาย อาทีนวโตฯ อถ วา อาทีนํ วาติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อาทีนโวฯ กปณมนุสฺสเสฺสตํ อธิวจนํ, ขนฺธาปิ จ กปณาเยวาติ อาทีนวสทิสตาย อาทีนวโตฯ ชราย เจว มรเณน จาติ เทฺวธา ปริณามปกติตาย วิปริณามธมฺมโตฯ ทุพฺพลตาย เผคฺคุ วิย สุขภญฺชนียตาย จ อสารกโตฯ อฆเหตุตาย อฆมูลโตฯ มิตฺตมุขสปโตฺต วิย วิสฺสาสฆาติตาย วธกโตฯ วิคตภวตาย วิภวสมฺภูตตาย จ วิภวโตฯ อาสวปทฎฺฐานตาย สาสวโตฯ เหตุปจฺจเยหิ อภิสงฺขตตาย สงฺขตโตฯ มจฺจุมารกิเลสมารานํ อามิสภูตตาย มารามิสโตฯ ชาติชราพฺยาธิมรณปกติตาย ชาติชราพฺยาธิมรณธมฺมโตฯ โสกปริเทวอุปายาสเหตุตาย โสกปริเทวอุปายาสธมฺมโตฯ ตณฺหาทิฎฺฐิทุจฺจริตสํกิเลสานํ วิสยธมฺมตาย สํกิเลสิกธมฺมโต ปสฺสติฯ สเพฺพสุ จ อิเมสุ ‘‘ปสฺสตี’’ติ ปาฐเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ
37.Katihākārehītiādike pucchāpubbaṅgame suttantaniddese pañcakkhandhe aniccatotiādīsu nāmarūpañca nāmarūpassa paccaye ca pariggahetvā kalāpasammasanavasena āraddhavipassako yogāvacaro pañcasu khandhesu ekekaṃ khandhaṃ aniccantikatāya ādiantavatāya ca aniccato passati . Uppādavayapaṭipīḷanatāya dukkhavatthutāya ca dukkhato. Paccayayāpanīyatāya rogamūlatāya ca rogato. Dukkhatāsūlayogitāya kilesāsucipaggharaṇatāya uppādajarābhaṅgehi uddhumātaparipakkapabhinnatāya ca gaṇḍato. Pīḷājanakatāya antotudanatāya dunnīharaṇīyatāya ca sallato. Vigarahaṇīyatāya avaḍḍhiāvahanatāya aghavatthutāya ca aghato. Aseribhāvajanakatāya ābādhapadaṭṭhānatāya ca ābādhato. Avasatāya avidheyyatāya ca parato. Byādhijarāmaraṇehi lujjanapalujjanatāya palokato. Anekabyasanāvahanatāya ītito. Aviditānaṃyeva vipulānaṃ anatthānaṃ āvahanato sabbūpaddavavatthutāya ca upaddavato. Sabbabhayānaṃ ākaratāya ca dukkhavūpasamasaṅkhātassa paramassāsassa paṭipakkhabhūtatāya ca bhayato. Anekehi anatthehi anubaddhatāya dosūpasaṭṭhatāya upasaggo viya anadhivāsanārahatāya ca upasaggato. Byādhijarāmaraṇehi ceva lobhādīhi ca lokadhammehi pacalitatāya calato. Upakkamena ceva sarasena ca pabhaṅgupagamanasīlatāya pabhaṅguto. Sabbāvatthanipātitāya thirabhāvassa ca abhāvatāya addhuvato. Atāyanatāya ceva alabbhaneyyakhematāya ca atāṇato. Allīyituṃ anarahatāya allīnānampi ca leṇakiccākāritāya aleṇato. Nissitānaṃ bhayasārakattābhāvena asaraṇato. Yathāparikappitehi dhuvasubhasukhattabhāvehi rittatāya rittato. Rittatāyeva tucchato, appakattā vā. Appakampi hi loke tucchanti vuccati. Sāminivāsivedakakārakādhiṭṭhāyakavirahitatāya suññato. Sayañca asāmikabhāvāditāya anattato. Pavattidukkhatāya dukkhassa ca ādīnavatāya ādīnavato. Atha vā ādīnaṃ vāti gacchati pavattatīti ādīnavo. Kapaṇamanussassetaṃ adhivacanaṃ, khandhāpi ca kapaṇāyevāti ādīnavasadisatāya ādīnavato. Jarāya ceva maraṇena cāti dvedhā pariṇāmapakatitāya vipariṇāmadhammato. Dubbalatāya pheggu viya sukhabhañjanīyatāya ca asārakato. Aghahetutāya aghamūlato. Mittamukhasapatto viya vissāsaghātitāya vadhakato. Vigatabhavatāya vibhavasambhūtatāya ca vibhavato. Āsavapadaṭṭhānatāya sāsavato. Hetupaccayehi abhisaṅkhatatāya saṅkhatato. Maccumārakilesamārānaṃ āmisabhūtatāya mārāmisato. Jātijarābyādhimaraṇapakatitāya jātijarābyādhimaraṇadhammato. Sokaparidevaupāyāsahetutāya sokaparidevaupāyāsadhammato. Taṇhādiṭṭhiduccaritasaṃkilesānaṃ visayadhammatāya saṃkilesikadhammato passati. Sabbesu ca imesu ‘‘passatī’’ti pāṭhaseso daṭṭhabbo.
๓๘. ปญฺจกฺขเนฺธติ สมูหโต วุเตฺตปิ เอเกกขนฺธวเสน อตฺถวณฺณนา กลาปสมฺมสนญาณนิเทฺทเส วิสุํ วิสุํ อาคตตฺตา ปริโยสาเน จ วิสุํ วิสุํ ขนฺธานํ วเสน อนุปสฺสนานํ คณิตตฺตา สมูเห ปวตฺตวจนานํ อวยเวปิ ปวตฺติสมฺภวโต จ กตาติ เวทิตพฺพา, วิสุํ วิสุํ ปวตฺตสมฺมสนานํ เอกโต สงฺขิปิตฺวา วจนวเสน วา ‘‘ปญฺจกฺขเนฺธ’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ‘‘เอกปฺปหาเรน ปญฺจหิ ขเนฺธหิ วุฎฺฐาตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๘๓) อฎฺฐกถาวจนสพฺภาวโต วา ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ เอกโต สมฺมสนํ วา ยุชฺชติเยวาติฯ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ นิโรโธ นิจฺจํ นิพฺพานนฺติ ปสฺสโนฺตติอาทีนวญาณนิเทฺทเส วุตฺตนเยน วิปสฺสนากาเล สนฺติปทญาณวเสน นิจฺจํ นิพฺพานนฺติ ปสฺสโนฺตฯ สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมตีติ มคฺคกฺขเณ โอกฺกมติ, ผลกฺขเณ ปน โอกฺกโนฺต นาม โหติฯ เอเสว นโย สเพฺพสุปิ นิยาโมกฺกมนปริยาเยสุฯ อาโรคฺยนฺติ อาโรคฺยภูตํฯ วิสลฺลนฺติ สลฺลวิรหิตํฯ เอเสว นโย อีทิเสสุฯ อนาพาธนฺติ อาพาธวิรหิตํ, อาพาธปฎิปกฺขภูตํ วาฯ เอส นโย อีทิเสสุฯ อปรปฺปจฺจยนฺติ อญฺญปจฺจยวิรหิตํฯ อุปสฺสคฺคโตติ จ อนุปสฺสคฺคนฺติ จ เกจิ สํโยคํ กตฺวา ปฐนฺติฯ ปรมสุญฺญนฺติ สพฺพสงฺขารสุญฺญตฺตา อุตฺตมตฺตา จ ปรมสุญฺญํฯ ปรมตฺถนฺติ สงฺขตาสงฺขตานํ อคฺคภูตตฺตา อุตฺตมตฺถํ ฯ ลิงฺควิปลฺลาสวเสน นปุํสกวจนํฯ นิพฺพานสฺส จ สุญฺญตฺตา อนตฺตตฺตา จ อิมสฺมิํ ทฺวเย ปฎิโลมปริยาโย น วุโตฺตฯ อนาสวนฺติ อาสววิรหิตํฯ นิรามิสนฺติ อามิสวิรหิตํฯ อชาตนฺติ ชาติวิรหิตตฺตา อนุปฺปนฺนํฯ อมตนฺติ ภงฺคาภาวโต มรณวิรหิตํฯ มรณมฺปิ หิ นปุํสกภาววจนวเสน ‘‘มต’’นฺติ วุจฺจติฯ
38.Pañcakkhandheti samūhato vuttepi ekekakhandhavasena atthavaṇṇanā kalāpasammasanañāṇaniddese visuṃ visuṃ āgatattā pariyosāne ca visuṃ visuṃ khandhānaṃ vasena anupassanānaṃ gaṇitattā samūhe pavattavacanānaṃ avayavepi pavattisambhavato ca katāti veditabbā, visuṃ visuṃ pavattasammasanānaṃ ekato saṅkhipitvā vacanavasena vā ‘‘pañcakkhandhe’’ti vuttanti veditabbaṃ. ‘‘Ekappahārena pañcahi khandhehi vuṭṭhātī’’ti (visuddhi. 2.783) aṭṭhakathāvacanasabbhāvato vā pañcannaṃ khandhānaṃ ekato sammasanaṃ vā yujjatiyevāti. Pañcannaṃ khandhānaṃ nirodho niccaṃ nibbānanti passantotiādīnavañāṇaniddese vuttanayena vipassanākāle santipadañāṇavasena niccaṃ nibbānanti passanto. Sammattaniyāmaṃ okkamatīti maggakkhaṇe okkamati, phalakkhaṇe pana okkanto nāma hoti. Eseva nayo sabbesupi niyāmokkamanapariyāyesu. Ārogyanti ārogyabhūtaṃ. Visallanti sallavirahitaṃ. Eseva nayo īdisesu. Anābādhanti ābādhavirahitaṃ, ābādhapaṭipakkhabhūtaṃ vā. Esa nayo īdisesu. Aparappaccayanti aññapaccayavirahitaṃ. Upassaggatoti ca anupassagganti ca keci saṃyogaṃ katvā paṭhanti. Paramasuññanti sabbasaṅkhārasuññattā uttamattā ca paramasuññaṃ. Paramatthanti saṅkhatāsaṅkhatānaṃ aggabhūtattā uttamatthaṃ . Liṅgavipallāsavasena napuṃsakavacanaṃ. Nibbānassa ca suññattā anattattā ca imasmiṃ dvaye paṭilomapariyāyo na vutto. Anāsavanti āsavavirahitaṃ. Nirāmisanti āmisavirahitaṃ. Ajātanti jātivirahitattā anuppannaṃ. Amatanti bhaṅgābhāvato maraṇavirahitaṃ. Maraṇampi hi napuṃsakabhāvavacanavasena ‘‘mata’’nti vuccati.
๓๙. เอวมิมาย ปฎิปาฎิยา วุตฺตาสุ อาการเภทภินฺนาสุ จตฺตาลีสาย อนุปสฺสนาสุ สภาวสงฺคหวเสน ตีสุเยว อนุปสฺสนาสุ เอกสงฺคหํ กโรโนฺต อนิจฺจโตติ อนิจฺจานุปสฺสนาติอาทิมาหฯ ตาสุ ยถานุรูปํ อนิจฺจทุกฺขานตฺตเตฺต โยชนา กาตพฺพาฯ อวสาเน ปเนตา วิสุํ วิสุํ คณนวเสน ทสฺสิตาฯ คณนาสุ จ คณนปฎิปาฎิวเสน ปฐมํ อนตฺตานุปสฺสนา คณิตาฯ ตตฺถ ปญฺจวีสตีติ ‘‘ปรโต ริตฺตโต ตุจฺฉโต สุญฺญโต อนตฺตโต’’ติ เอเกกสฺมิํ ขเนฺธ ปญฺจ ปญฺจ กตฺวา ปญฺจสุ ขเนฺธสุ ปญฺจวีสติ อนตฺตานุปสฺสนาฯ ปญฺญาสาติ ‘‘อนิจฺจโต ปโลกโต จลโต ปภงฺคุโต อทฺธุวโต วิปริณามธมฺมโต อสารกโต วิภวโต สงฺขตโต มรณธมฺมโต’’ติ เอเกกสฺมิํ ขเนฺธ ทส ทส กตฺวา ปญฺจสุ ขเนฺธสุ ปญฺญาสํ อนิจฺจานุปสฺสนาฯ สตํ ปญฺจวีสติ เจวาติ เสสา ‘‘ทุกฺขโต โรคโต’’ติอาทโย เอเกกสฺมิํ ขเนฺธ ปญฺจวีสติ ปญฺจวีสติ กตฺวา ปญฺจสุ ขเนฺธสุ ปญฺจวีสติสตํ ทุกฺขานุปสฺสนาฯ ยานิ ทุเกฺข ปวุจฺจเรติ ยา อนุปสฺสนา ทุเกฺข ขนฺธปญฺจเก คณนวเสน ปวุจฺจนฺติ, ตา สตํ ปญฺจวีสติ เจวาติ สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ ‘‘ยานี’’ติ เจตฺถ ลิงฺควิปลฺลาโส ทฎฺฐโพฺพติฯ
39. Evamimāya paṭipāṭiyā vuttāsu ākārabhedabhinnāsu cattālīsāya anupassanāsu sabhāvasaṅgahavasena tīsuyeva anupassanāsu ekasaṅgahaṃ karonto aniccatoti aniccānupassanātiādimāha. Tāsu yathānurūpaṃ aniccadukkhānattatte yojanā kātabbā. Avasāne panetā visuṃ visuṃ gaṇanavasena dassitā. Gaṇanāsu ca gaṇanapaṭipāṭivasena paṭhamaṃ anattānupassanā gaṇitā. Tattha pañcavīsatīti ‘‘parato rittato tucchato suññato anattato’’ti ekekasmiṃ khandhe pañca pañca katvā pañcasu khandhesu pañcavīsati anattānupassanā. Paññāsāti ‘‘aniccato palokato calato pabhaṅguto addhuvato vipariṇāmadhammato asārakato vibhavato saṅkhatato maraṇadhammato’’ti ekekasmiṃ khandhe dasa dasa katvā pañcasu khandhesu paññāsaṃ aniccānupassanā. Sataṃ pañcavīsati cevāti sesā ‘‘dukkhato rogato’’tiādayo ekekasmiṃ khandhe pañcavīsati pañcavīsati katvā pañcasu khandhesu pañcavīsatisataṃ dukkhānupassanā. Yāni dukkhe pavuccareti yā anupassanā dukkhe khandhapañcake gaṇanavasena pavuccanti, tā sataṃ pañcavīsati cevāti sambandho veditabbo. ‘‘Yānī’’ti cettha liṅgavipallāso daṭṭhabboti.
วิปสฺสนากถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vipassanākathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๙. วิปสฺสนากถา • 9. Vipassanākathā