Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๔. วิปสฺสีสุตฺตวณฺณนา

    4. Vipassīsuttavaṇṇanā

    . วิปฺผนฺทนฺตีติ นิมิสนวเสนฯ อนิมิเสหีติ วิคตนิมิเสหิ อุมฺมีลเนฺตเหวฯ เตน วุตฺตํ มหาปทาเนฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ ‘‘วิปสฺสี’’ติ ปเท, เอตสฺมิํ วา ‘‘อนิมิเสหี’’ติอาทิเก ยถาคเต สุตฺตเนฺตฯ

    4.Vipphandantīti nimisanavasena. Animisehīti vigatanimisehi ummīlanteheva. Tena vuttaṃ mahāpadāne. Etthāti etasmiṃ ‘‘vipassī’’ti pade, etasmiṃ vā ‘‘animisehī’’tiādike yathāgate suttante.

    มหาปุริสสฺส อนิมิสโลจนโต ‘‘วิปสฺสี’’ติ สมญฺญาปฎิลาภสฺส การณํ วุตฺตํ, ตํ อการณํ อเญฺญสมฺปิ มหาสตฺตานํ จริมภเว อนิมิสโลจนตฺตาติ โจทนํ สนฺธาย ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิํ วตฺวา ตโต ปน อญฺญเมว การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปลาฬยมานสฺสาติ โตเสนฺตสฺสฯ อนาทเร เจตํ สามิวจนํฯ อฎฺฎสฺสาติ อตฺถสฺสฯ

    Mahāpurisassa animisalocanato ‘‘vipassī’’ti samaññāpaṭilābhassa kāraṇaṃ vuttaṃ, taṃ akāraṇaṃ aññesampi mahāsattānaṃ carimabhave animisalocanattāti codanaṃ sandhāya ‘‘ettha cā’’tiādiṃ vatvā tato pana aññameva kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Palāḷayamānassāti tosentassa. Anādare cetaṃ sāmivacanaṃ. Aṭṭassāti atthassa.

    ปุญฺญุสฺสยสงฺขาโต ภโค อสฺส อติสเยน อตฺถีติ ภควาติ ‘‘ภาคฺยสมฺปนฺนสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ สมฺมาติ สมฺมเทว ยาถาวโต, ญาเยน การเณนาติ วุตฺตํ โหตีติ อาห ‘‘นเยน เหตุนา’’ติฯ สํ-สโทฺท ‘‘สาม’’นฺติ อิมินา สมานโตฺถติ อาห ‘‘สามํ ปจฺจตฺตปุริสกาเรนา’’ติ, สยมฺภุญาเณนาติ อโตฺถฯ สมฺมา, สามํ พุชฺฌิ เอเตนาติ สโมฺพโธ วุจฺจติ มคฺคญาณํ, ‘‘พุชฺฌติ เอเตนา’’ติ กตฺวา อิธ สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺสปิ สงฺคโหฯ โพธิมา สโตฺต โพธิสโตฺต, ปุริมปเท อุตฺตรปทโลโป ยถา ‘‘สากปตฺถโว’’ติฯ พุชฺฌนกสโตฺตติ เอตฺถ มหาโพธิยานปฎิปทาย พุชฺฌตีติ โพธิ จ โส สตฺตวิเสสโยคโต สโตฺต จาติ โพธิสโตฺตฯ ปตฺถยมาโน ปวตฺตตีติ ‘‘กุทาสฺสุ นาม มหนฺตํ โพธิํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ สญฺชาตจฺฉโนฺท ปฎิปชฺชติฯ ทุกฺขนฺติ ชาติอาทิมูลกํ ทุกฺขํฯ กามํ จุตุปปาตาปิ มรณชาติโย, ‘‘ชายติ มียตี’’ติ ปน วตฺวา ‘‘จวติ อุปปชฺชตี’’ติ วจนํ น เอกภวปริยาปนฺนานํ เตสํ คหณํ, อถ โข นานาภวปริยาปนฺนานํ เอกชฺฌํ คหณนฺติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อิทํ…เป.… วุตฺต’’นฺติฯ ตสฺส นิสฺสรณนฺติ ตสฺส ชรามรณสฺส นิสฺสรณนฺติ วุจฺจติฯ ยสฺมา มหาสโตฺต ชิณฺณพฺยาธิมเต ทิสฺวา ปพฺพชิโต, ตสฺมาสฺส ชรามรณเมว อาทิโต อุปฎฺฐาสิฯ

    Puññussayasaṅkhāto bhago assa atisayena atthīti bhagavāti ‘‘bhāgyasampannassā’’ti vuttaṃ. Sammāti sammadeva yāthāvato, ñāyena kāraṇenāti vuttaṃ hotīti āha ‘‘nayena hetunā’’ti. Saṃ-saddo ‘‘sāma’’nti iminā samānatthoti āha ‘‘sāmaṃ paccattapurisakārenā’’ti, sayambhuñāṇenāti attho. Sammā, sāmaṃ bujjhi etenāti sambodho vuccati maggañāṇaṃ, ‘‘bujjhati etenā’’ti katvā idha sabbaññutaññāṇassapi saṅgaho. Bodhimā satto bodhisatto, purimapade uttarapadalopo yathā ‘‘sākapatthavo’’ti. Bujjhanakasattoti ettha mahābodhiyānapaṭipadāya bujjhatīti bodhi ca so sattavisesayogato satto cāti bodhisatto. Patthayamāno pavattatīti ‘‘kudāssu nāma mahantaṃ bodhiṃ pāpuṇissāmī’’ti sañjātacchando paṭipajjati. Dukkhanti jātiādimūlakaṃ dukkhaṃ. Kāmaṃ cutupapātāpi maraṇajātiyo, ‘‘jāyati mīyatī’’ti pana vatvā ‘‘cavati upapajjatī’’ti vacanaṃ na ekabhavapariyāpannānaṃ tesaṃ gahaṇaṃ, atha kho nānābhavapariyāpannānaṃ ekajjhaṃ gahaṇanti dassento āha ‘‘idaṃ…pe… vutta’’nti. Tassa nissaraṇanti tassa jarāmaraṇassa nissaraṇanti vuccati. Yasmā mahāsatto jiṇṇabyādhimate disvā pabbajito, tasmāssa jarāmaraṇameva ādito upaṭṭhāsi.

    อุปายมนสิกาเรนาติ อุปาเยน วิธินา ญาเยน มนสิกาเรน ปเถน มนสิการสฺส ปวตฺตนโตฯ สมาโยโค อโหสีติ ยาถาวโต ปฎิวิชฺฌนวเสน สมาคโม อโหสิฯ โยนิโส มนสิการาติ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนนฺติ ตสฺส ‘‘โยนิโส มนสิกาเรนา’’ติ เหตุมฺหิ กรณวจเนน อาหฯ ชาติยา โข สติ ชรามรณนฺติ ‘‘กิมฺหิ นุ โข สติ ชรามรณํ โหติ, กิํ ปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ ชรามรเณ การณํ ปริคฺคณฺหนฺตสฺส โพธิสตฺตสฺส ‘‘ยสฺมิํ สติ ยํ โหติ, อสติ จ น โหติ, ตํ ตสฺส การณ’’นฺติ เอวํ อพฺยภิจารชาติการณปริคฺคณฺหเนน ‘‘ชาติยา โข สติ ชรามรณํ โหติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ ยา ชรามรณสฺส การณปริคฺคาหิกา ปญฺญา อุปฺปชฺชิ, ตาย อุปฺปชฺชนฺติยา จสฺส อภิสมโย ปฎิเวโธ อโหสีติ อโตฺถฯ

    Upāyamanasikārenāti upāyena vidhinā ñāyena manasikārena pathena manasikārassa pavattanato. Samāyogo ahosīti yāthāvato paṭivijjhanavasena samāgamo ahosi. Yoniso manasikārāti hetumhi nissakkavacananti tassa ‘‘yoniso manasikārenā’’ti hetumhi karaṇavacanena āha. Jātiyā kho sati jarāmaraṇanti ‘‘kimhi nu kho sati jarāmaraṇaṃ hoti, kiṃ paccayā jarāmaraṇa’’nti jarāmaraṇe kāraṇaṃ pariggaṇhantassa bodhisattassa ‘‘yasmiṃ sati yaṃ hoti, asati ca na hoti, taṃ tassa kāraṇa’’nti evaṃ abyabhicārajātikāraṇapariggaṇhanena ‘‘jātiyā kho sati jarāmaraṇaṃ hoti, jātipaccayā jarāmaraṇa’’nti yā jarāmaraṇassa kāraṇapariggāhikā paññā uppajji, tāya uppajjantiyā cassa abhisamayo paṭivedho ahosīti attho.

    อิตีติ วุตฺตปฺปการปรามสนํฯ หีติ นิปาตมตฺตํฯ อิทนฺติ ยถาวุตฺตสฺส วฎฺฎสฺส ปจฺจกฺขโต คหณํฯ เตนาห ‘‘เอวมิท’’นฺติฯ อิธ อวิชฺชาย สมุทยสฺส อาคตตฺตา ‘‘เอกาทสสุ ฐาเนสู’’ติ วุตฺตํฯ สมุทยํ สมฺปิเณฺฑตฺวาติ สงฺขาราทีนํ สมุทยํ เอกชฺฌํ คเหตฺวาฯ อเนกวารญฺหิ สมุทยทสฺสนวเสน ญาณสฺส ปวตฺตตฺตา ‘‘สมุทโย สมุทโย’’ติ อาเมฑิตวจนํฯ อถ วา ‘‘เอวํ สมุทโย โหตี’’ติ อิทํ น เกวลํ นิพฺพตฺติทสฺสนปรํ, อถ โข ปฎิจฺจสมุปฺปาทสโทฺท วิย ปฎิจฺจสมุปฺปาทมุเขน อิธ สมุทยสโทฺท นิพฺพตฺติมุเขน ปจฺจยตฺตํ วทติฯ วิญฺญาณาทโย จ ยาวโนฺต อิธ ปจฺจยธมฺมา นิทฺทิฎฺฐา, เต สามญฺญรูเปน พฺยาปนิจฺฉาวเสน คณฺหโนฺต ‘‘สมุทโย สมุทโย’’ติ อโวจฯ เตนาห ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารานํ สมุทโย โหตี’’ติฯ ทสฺสนเฎฺฐน จกฺขูติ สมุทยสฺส ปจฺจกฺขโต ทสฺสนภาโว จกฺขุฯ ญาตเฎฺฐนาติ ญาตภาเวนฯ ปชานนเฎฺฐนาติ ‘‘อวิชฺชาสงฺขาราทิตํตํปจฺจยธมฺมปวตฺติยา เอตสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย’’ติ ปการโต วา ชานนเฎฺฐนฯ ปฎิเวธนเฎฺฐนาติ ‘‘อยํ อวิชฺชาทิ ปจฺจยธโมฺม อิมสฺส สงฺขาราทิกสฺส ปจฺจยภาวโต สมุทโย’’ติ ปฎิวิชฺฌนเฎฺฐนฯ โอภาสนเฎฺฐนาติ สมุทยภาวปฎิจฺฉาทกสฺส โมหนฺธการสฺส กิเลสนฺธการสฺส วิธมนวเสน อวภาสนวเสนฯ ตํ ปเนตํ ‘‘จกฺขุ’’นฺติอาทินา วุตฺตํ ญาณํฯ นิโรธวาเรติ ปฎิโลมวาเรฯ โส หิ ‘‘กิสฺส นิโรธา ชรามรณนิโรโธ’’ติ นิโรธกิตฺตนวเสน อาคโตฯ

    Itīti vuttappakāraparāmasanaṃ. ti nipātamattaṃ. Idanti yathāvuttassa vaṭṭassa paccakkhato gahaṇaṃ. Tenāha ‘‘evamida’’nti. Idha avijjāya samudayassa āgatattā ‘‘ekādasasu ṭhānesū’’ti vuttaṃ. Samudayaṃ sampiṇḍetvāti saṅkhārādīnaṃ samudayaṃ ekajjhaṃ gahetvā. Anekavārañhi samudayadassanavasena ñāṇassa pavattattā ‘‘samudayo samudayo’’ti āmeḍitavacanaṃ. Atha vā ‘‘evaṃ samudayo hotī’’ti idaṃ na kevalaṃ nibbattidassanaparaṃ, atha kho paṭiccasamuppādasaddo viya paṭiccasamuppādamukhena idha samudayasaddo nibbattimukhena paccayattaṃ vadati. Viññāṇādayo ca yāvanto idha paccayadhammā niddiṭṭhā, te sāmaññarūpena byāpanicchāvasena gaṇhanto ‘‘samudayo samudayo’’ti avoca. Tenāha ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārānaṃ samudayo hotī’’ti. Dassanaṭṭhena cakkhūti samudayassa paccakkhato dassanabhāvo cakkhu. Ñātaṭṭhenāti ñātabhāvena. Pajānanaṭṭhenāti ‘‘avijjāsaṅkhārāditaṃtaṃpaccayadhammapavattiyā etassa dukkhakkhandhassa samudayo’’ti pakārato vā jānanaṭṭhena. Paṭivedhanaṭṭhenāti ‘‘ayaṃ avijjādi paccayadhammo imassa saṅkhārādikassa paccayabhāvato samudayo’’ti paṭivijjhanaṭṭhena. Obhāsanaṭṭhenāti samudayabhāvapaṭicchādakassa mohandhakārassa kilesandhakārassa vidhamanavasena avabhāsanavasena. Taṃ panetaṃ ‘‘cakkhu’’ntiādinā vuttaṃ ñāṇaṃ. Nirodhavāreti paṭilomavāre. So hi ‘‘kissa nirodhā jarāmaraṇanirodho’’ti nirodhakittanavasena āgato.

    วิปสฺสีสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vipassīsuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๔. วิปสฺสีสุตฺตํ • 4. Vipassīsuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. วิปสฺสีสุตฺตวณฺณนา • 4. Vipassīsuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact