Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๐๔] ๔. วีรกชาตกวณฺณนา
[204] 4. Vīrakajātakavaṇṇanā
อปิ วีรก ปเสฺสสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต สุคตาลยํ อารพฺภ กเถสิฯ เทวทตฺตสฺส ปริสํ คเหตฺวา อาคเตสุ หิ เถเรสุ สตฺถา ‘‘สาริปุตฺต, เทวทโตฺต ตุเมฺห ทิสฺวา กิํ อกาสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สุคตาลยํ, ภเนฺต, ทเสฺสสี’’ติ วุเตฺต ‘‘น โข, สาริปุตฺต, อิทาเนว เทวทโตฺต มม อนุกิริยํ กโรโนฺต วินาสํ ปโตฺต, ปุเพฺพปิ วินาสํ ปาปุณี’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Api vīraka passesīti idaṃ satthā jetavane viharanto sugatālayaṃ ārabbha kathesi. Devadattassa parisaṃ gahetvā āgatesu hi theresu satthā ‘‘sāriputta, devadatto tumhe disvā kiṃ akāsī’’ti pucchitvā ‘‘sugatālayaṃ, bhante, dassesī’’ti vutte ‘‘na kho, sāriputta, idāneva devadatto mama anukiriyaṃ karonto vināsaṃ patto, pubbepi vināsaṃ pāpuṇī’’ti vatvā therena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต หิมวนฺตปเทเส อุทกกากโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ สรํ อุปนิสฺสาย วสิ, ‘‘วีรโก’’ติสฺส นามํ อโหสิฯ ตทา กาสิรเฎฺฐ ทุพฺภิกฺขํ อโหสิ, มนุสฺสา กากภตฺตํ วา ทาตุํ ยกฺขนาคพลิกมฺมํ วา กาตุํ นาสกฺขิํสุฯ ฉาตกรฎฺฐโต กากา เยภุเยฺยน อรญฺญํ ปวิสิํสุฯ ตเตฺถโก พาราณสิวาสี สวิฎฺฐโก นาม กาโก กากิํ อาทาย วีรกสฺส วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา ตํ สรํ นิสฺสาย เอกมเนฺต วาสํ กเปฺปสิฯ โส เอกทิวสํ ตสฺมิํ สเร โคจรํ คณฺหโนฺต วีรกํ สรํ โอตริตฺวา มเจฺฉ ขาทิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา สรีรํ สุกฺขาเปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ อุทกกากํ นิสฺสาย สกฺกา พหู มเจฺฉ ลทฺธุํ, อิมํ อุปฎฺฐหิสฺสามี’’ติ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กิํ, สมฺมา’’ติ วุเตฺต ‘‘อิจฺฉามิ ตํ สามิ อุปฎฺฐหิตุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘สาธู’’ติ เตน สมฺปฎิจฺฉิโต ตโต ปฎฺฐาย อุปฎฺฐาสิฯ วีรโกปิ ตโต ปฎฺฐาย อตฺตโน ยาปนมตฺตํ ขาทิตฺวา มเจฺฉ อุทฺธริตฺวา สวิฎฺฐกสฺส เทติฯ โสปิ อตฺตโน ยาปนมตฺตํ ขาทิตฺวา เสสํ กากิยา เทติฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto himavantapadese udakakākayoniyaṃ nibbattitvā ekaṃ saraṃ upanissāya vasi, ‘‘vīrako’’tissa nāmaṃ ahosi. Tadā kāsiraṭṭhe dubbhikkhaṃ ahosi, manussā kākabhattaṃ vā dātuṃ yakkhanāgabalikammaṃ vā kātuṃ nāsakkhiṃsu. Chātakaraṭṭhato kākā yebhuyyena araññaṃ pavisiṃsu. Tattheko bārāṇasivāsī saviṭṭhako nāma kāko kākiṃ ādāya vīrakassa vasanaṭṭhānaṃ gantvā taṃ saraṃ nissāya ekamante vāsaṃ kappesi. So ekadivasaṃ tasmiṃ sare gocaraṃ gaṇhanto vīrakaṃ saraṃ otaritvā macche khāditvā paccuttaritvā sarīraṃ sukkhāpentaṃ disvā ‘‘imaṃ udakakākaṃ nissāya sakkā bahū macche laddhuṃ, imaṃ upaṭṭhahissāmī’’ti taṃ upasaṅkamitvā ‘‘kiṃ, sammā’’ti vutte ‘‘icchāmi taṃ sāmi upaṭṭhahitu’’nti vatvā ‘‘sādhū’’ti tena sampaṭicchito tato paṭṭhāya upaṭṭhāsi. Vīrakopi tato paṭṭhāya attano yāpanamattaṃ khāditvā macche uddharitvā saviṭṭhakassa deti. Sopi attano yāpanamattaṃ khāditvā sesaṃ kākiyā deti.
ตสฺส อปรภาเค มาโน อุปฺปชฺชิ – ‘‘อยมฺปิ อุทกกาโก กาฬโก, อหมฺปิ กาฬโก, อกฺขิตุณฺฑปาเทหิปิ เอตสฺส จ มยฺหญฺจ นานากรณํ นตฺถิ, อิโต ปฎฺฐาย อิมินา คหิตมเจฺฉหิ มยฺหํ กมฺมํ นตฺถิ, อหเมว คณฺหิสฺสามี’’ติฯ โส วีรกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สมฺม, อิโต ปฎฺฐาย อหเมว สรํ โอตริตฺวา มเจฺฉ คณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘น ตฺวํ, สมฺม, อุทกํ โอตริตฺวา มเจฺฉ คณฺหนกกุเล นิพฺพโตฺต, มา นสฺสี’’ติ เตน วาริยมาโนปิ วจนํ อนาทิยิตฺวา สรํ โอรุยฺห อุทกํ ปวิสิตฺวา อุมฺมุชฺชมาโน เสวาลํ ฉินฺทิตฺวา นิกฺขมิตุํ นาสกฺขิ, เสวาลนฺตเร ลคฺคิ, อคฺคตุณฺฑเมว ปญฺญายิฯ โส นิรสฺสาโส อโนฺตอุทเกเยว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิฯ อถสฺส ภริยา อาคมนํ อปสฺสมานา ตํ ปวตฺติํ ชานนตฺถํ วีรกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สามิ, สวิฎฺฐโก น ปญฺญายติ, กหํ นุ โข โส’’ติ ปุจฺฉมานา ปฐมํ คาถมาห –
Tassa aparabhāge māno uppajji – ‘‘ayampi udakakāko kāḷako, ahampi kāḷako, akkhituṇḍapādehipi etassa ca mayhañca nānākaraṇaṃ natthi, ito paṭṭhāya iminā gahitamacchehi mayhaṃ kammaṃ natthi, ahameva gaṇhissāmī’’ti. So vīrakaṃ upasaṅkamitvā ‘‘samma, ito paṭṭhāya ahameva saraṃ otaritvā macche gaṇhissāmī’’ti vatvā ‘‘na tvaṃ, samma, udakaṃ otaritvā macche gaṇhanakakule nibbatto, mā nassī’’ti tena vāriyamānopi vacanaṃ anādiyitvā saraṃ oruyha udakaṃ pavisitvā ummujjamāno sevālaṃ chinditvā nikkhamituṃ nāsakkhi, sevālantare laggi, aggatuṇḍameva paññāyi. So nirassāso antoudakeyeva jīvitakkhayaṃ pāpuṇi. Athassa bhariyā āgamanaṃ apassamānā taṃ pavattiṃ jānanatthaṃ vīrakassa santikaṃ gantvā ‘‘sāmi, saviṭṭhako na paññāyati, kahaṃ nu kho so’’ti pucchamānā paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๐๗.
107.
‘‘อปิ วีรก ปเสฺสสิ, สกุณํ มญฺชุภาณกํ;
‘‘Api vīraka passesi, sakuṇaṃ mañjubhāṇakaṃ;
มยูรคีวสงฺกาสํ, ปติํ มยฺหํ สวิฎฺฐก’’นฺติฯ
Mayūragīvasaṅkāsaṃ, patiṃ mayhaṃ saviṭṭhaka’’nti.
ตตฺถ อปิ, วีรก, ปเสฺสสีติ, สามิ วีรก, อปิ ปสฺสสิฯ มญฺชุภาณกนฺติ มญฺชุภาณินํฯ สา หิ ราควเสน ‘‘มธุรสฺสโร เม ปตี’’ติ มญฺญติ, ตสฺมา เอวมาหฯ มยูรคีวสงฺกาสนฺติ โมรคีวสมานวณฺณํฯ
Tattha api, vīraka, passesīti, sāmi vīraka, api passasi. Mañjubhāṇakanti mañjubhāṇinaṃ. Sā hi rāgavasena ‘‘madhurassaro me patī’’ti maññati, tasmā evamāha. Mayūragīvasaṅkāsanti moragīvasamānavaṇṇaṃ.
ตํ สุตฺวา วีรโก ‘‘อาม, ชานามิ เต สามิกสฺส คตฎฺฐาน’’นฺติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā vīrako ‘‘āma, jānāmi te sāmikassa gataṭṭhāna’’nti vatvā dutiyaṃ gāthamāha –
๑๐๘.
108.
‘‘อุทกถลจรสฺส ปกฺขิโน, นิจฺจํ อามกมจฺฉโภชิโน;
‘‘Udakathalacarassa pakkhino, niccaṃ āmakamacchabhojino;
ตสฺสานุกรํ สวิฎฺฐโก, เสวาเล ปลิคุณฺฐิโต มโต’’ติฯ
Tassānukaraṃ saviṭṭhako, sevāle paliguṇṭhito mato’’ti.
ตตฺถ อุทกถลจรสฺสาติ อุทเก จ ถเล จ จริตุํ สมตฺถสฺสฯ ปกฺขิโนติ อตฺตานํ สนฺธาย วทติฯ ตสฺสานุกรนฺติ ตสฺส อนุกโรโนฺตฯ เสวาเล ปลิคุณฺฐิโต มโตติ อุทกํ ปวิสิตฺวา เสวาลํ ฉินฺทิตฺวา นิกฺขมิตุํ อสโกฺกโนฺต เสวาลปริโยนโทฺธ อโนฺตอุทเกเยว มโต, ปสฺส, เอตสฺส ตุณฺฑํ ทิสฺสตีติฯ ตํ สุตฺวา กากี ปริเทวิตฺวา พาราณสิเมว อคมาสิฯ
Tattha udakathalacarassāti udake ca thale ca carituṃ samatthassa. Pakkhinoti attānaṃ sandhāya vadati. Tassānukaranti tassa anukaronto. Sevāle paliguṇṭhito matoti udakaṃ pavisitvā sevālaṃ chinditvā nikkhamituṃ asakkonto sevālapariyonaddho antoudakeyeva mato, passa, etassa tuṇḍaṃ dissatīti. Taṃ sutvā kākī paridevitvā bārāṇasimeva agamāsi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สวิฎฺฐโก เทวทโตฺต อโหสิ, วีรโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā saviṭṭhako devadatto ahosi, vīrako pana ahameva ahosi’’nti.
วีรกชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ
Vīrakajātakavaṇṇanā catutthā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๐๔. วีรกชาตกํ • 204. Vīrakajātakaṃ