Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๗. วีริยารมฺภาทิวคฺควณฺณนา
7. Vīriyārambhādivaggavaṇṇanā
๖๑. สตฺตมสฺส ปฐเม วีรานํ กมฺมนฺติ วีริยํ, วิธินา วา อีรยิตพฺพํ ปวเตฺตตพฺพนฺติ วีริยํ, ตเทว กุสลกิริยาย ปธานเฎฺฐน อารโมฺภ วีริยารโมฺภฯ อารทฺธวีริยตา ปคฺคหิตวีริยตา ปริปุณฺณวีริยตาติ ปเจฺจกํ วีริยตาสโทฺท โยเชตโพฺพฯ
61. Sattamassa paṭhame vīrānaṃ kammanti vīriyaṃ, vidhinā vā īrayitabbaṃ pavattetabbanti vīriyaṃ, tadeva kusalakiriyāya padhānaṭṭhena ārambho vīriyārambho. Āraddhavīriyatā paggahitavīriyatā paripuṇṇavīriyatāti paccekaṃ vīriyatāsaddo yojetabbo.
๖๒. ทุติเย มหตี อิจฺฉา เอตสฺสาติ มหิโจฺฉ, ตสฺส ภาโว มหิจฺฉตาฯ มหาวิสโย โลโภ มหาโลโภ มหนฺตานํ วตฺถูนํ พหูนญฺจ อภิคิชฺฌนโตฯ อิตรีตราติอาทินา ปพฺพชิตานํ อุปฺปชฺชนมหิจฺฉตา วุตฺตาฯ ปญฺจหิ กามคุเณหีติอาทิ คหฎฺฐานํ วเสน วุตฺตํฯ อิจฺฉาติ สภาวนิเทฺทโสฯ อิจฺฉาคตาติ อิจฺฉาปวตฺตาฯ มหิจฺฉตาติ มหาอิจฺฉตาฯ อตฺถโต ปนายํ ราโค เอวาติ วุตฺตํ – ‘‘ราโค สาราโค’’ติอาทิฯ
62. Dutiye mahatī icchā etassāti mahiccho, tassa bhāvo mahicchatā. Mahāvisayo lobho mahālobho mahantānaṃ vatthūnaṃ bahūnañca abhigijjhanato. Itarītarātiādinā pabbajitānaṃ uppajjanamahicchatā vuttā. Pañcahi kāmaguṇehītiādi gahaṭṭhānaṃ vasena vuttaṃ. Icchāti sabhāvaniddeso. Icchāgatāti icchāpavattā. Mahicchatāti mahāicchatā. Atthato panāyaṃ rāgo evāti vuttaṃ – ‘‘rāgo sārāgo’’tiādi.
๖๓. ตติเย อปฺปิจฺฉสฺสาติ เอตฺถ อปฺป-สโทฺท อภาวโตฺถ ‘‘อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตโงฺก’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๐๔) วิยาติ อาห – ‘‘อนิจฺฉสฺสา’’ติฯ โลเก ปากฎสฺส หิ อกฺขิโรคกุจฺฉิโรคาทิเภทสฺส อาพาธสฺส อภาวํ สนฺธาย ‘‘อปฺปาพาโธ’’ติ วุตฺตํฯ อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปากฎตรํ กาตุํ ‘‘เอตฺถ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ พฺยญฺชนํ สาวเสสํ วิย ปริตฺตเกปิ อปฺปสทฺทสฺส ทิสฺสมานตฺตาฯ อโตฺถ ปน นิรวเสโส สพฺพโส ปจฺจยิจฺฉาย อภาวสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ เตนาห – ‘‘น หี’’ติอาทิฯ
63. Tatiye appicchassāti ettha appa-saddo abhāvattho ‘‘appābādho hoti appātaṅko’’tiādīsu (ma. ni. 2.304) viyāti āha – ‘‘anicchassā’’ti. Loke pākaṭassa hi akkhirogakucchirogādibhedassa ābādhassa abhāvaṃ sandhāya ‘‘appābādho’’ti vuttaṃ. Idāni vuttamevatthaṃ pākaṭataraṃ kātuṃ ‘‘ettha hī’’tiādi vuttaṃ. Byañjanaṃ sāvasesaṃ viya parittakepi appasaddassa dissamānattā. Attho pana niravaseso sabbaso paccayicchāya abhāvassa adhippetattā. Tenāha – ‘‘na hī’’tiādi.
อิจฺฉาย อภาเวเนว อปฺปิโจฺฉ นาม โหตีติ อิมมตฺถํ ปการนฺตเรน ทีเปตุํ – ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อตฺริจฺฉตา นาม อตฺร อตฺร อิจฺฉาฯ อสนฺตคุณสมฺภาวนตาย ปาปา ลามิกา นิหีนา อิจฺฉา ปาปิจฺฉตาฯ ยาย ปจฺจยุปฺปาทนตฺถํ อตฺตนิ วิชฺชมานคุเณ สมฺภาเวติ, ปจฺจยานํ ปฎิคฺคหเณ จ น มตฺตํ ชานาติ, อยํ มหิจฺฉตาฯ อสนฺตคุณสมฺภาวนตาติ อตฺตนิ อวิชฺชมานานํ คุณานํ วิชฺชมานานํ วิย ปเรสํ ปกาสนาฯ สนฺตคุณสมฺภาวนตาติ อิจฺฉาจาเร ฐตฺวา อตฺตนิ วิชฺชมานสีลธุตธมฺมาทิคุณวิภาวนาฯ ตาทิสสฺสปิ ปฎิคฺคหเณ อมตฺตญฺญุตาปิ โหติ, สาปิ อภิธเมฺม อาคตาเยวาติ สมฺพโนฺธฯ ทุสฺสนฺตปฺปโยติ ทุตฺตปฺปโยฯ
Icchāya abhāveneva appiccho nāma hotīti imamatthaṃ pakārantarena dīpetuṃ – ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Atricchatā nāma atra atra icchā. Asantaguṇasambhāvanatāya pāpā lāmikā nihīnā icchā pāpicchatā. Yāya paccayuppādanatthaṃ attani vijjamānaguṇe sambhāveti, paccayānaṃ paṭiggahaṇe ca na mattaṃ jānāti, ayaṃ mahicchatā. Asantaguṇasambhāvanatāti attani avijjamānānaṃ guṇānaṃ vijjamānānaṃ viya paresaṃ pakāsanā. Santaguṇasambhāvanatāti icchācāre ṭhatvā attani vijjamānasīladhutadhammādiguṇavibhāvanā. Tādisassapi paṭiggahaṇe amattaññutāpi hoti, sāpi abhidhamme āgatāyevāti sambandho. Dussantappayoti duttappayo.
อติลูขภาวนฺติ ปตฺตจีวรวเสน อติวิย ลูขภาวํฯ ตทสฺส ทิสฺวา มนุสฺสา ‘‘อยํ อมงฺคลทิวโส , สุมฺภกสินิทฺธปตฺตจีวโร อโยฺย ปุพฺพงฺคโม กาตโพฺพ’’ติ จิเนฺตตฺวา, ‘‘ภเนฺต, โถกํ พหิ โหถา’’ติ อาหํสุฯ อุมฺมุชฺชีติ มนุสฺสานํ อชานนฺตานํเยว ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา คณฺหโนฺตเยว อุมฺมุชฺชิฯ ยทิ เถโร ‘‘ขีณาสวภาวํ ชานนฺตู’’ติ อิเจฺฉยฺย, น นํ มนุสฺสา ‘‘พหิ โหถา’’ติ วเทยฺยุํ, ขีณาสวานํ ปน ตถาจิตฺตเมว น อุปฺปเชฺชยฺยฯ
Atilūkhabhāvanti pattacīvaravasena ativiya lūkhabhāvaṃ. Tadassa disvā manussā ‘‘ayaṃ amaṅgaladivaso , sumbhakasiniddhapattacīvaro ayyo pubbaṅgamo kātabbo’’ti cintetvā, ‘‘bhante, thokaṃ bahi hothā’’ti āhaṃsu. Ummujjīti manussānaṃ ajānantānaṃyeva pathaviyaṃ nimujjitvā gaṇhantoyeva ummujji. Yadi thero ‘‘khīṇāsavabhāvaṃ jānantū’’ti iccheyya, na naṃ manussā ‘‘bahi hothā’’ti vadeyyuṃ, khīṇāsavānaṃ pana tathācittameva na uppajjeyya.
อปฺปิจฺฉตาปธานํ ปุคฺคลาธิฎฺฐานํ จตุพฺพิธอิจฺฉาปเภทํ ทเสฺสตฺวา ปุนปิ ปุคฺคลาธิฎฺฐาเนน จตุพฺพิธํ อิจฺฉาเภทํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อปโรปิ จตุพฺพิโธ อปฺปิโจฺฉ’’ติอาทิมาหฯ ปจฺจยอปฺปิโจฺฉติ ปจฺจเยสุ อิจฺฉารหิโตฯ ธุตงฺคอปฺปิโจฺฉติ ธุตคุณสมฺภาวนาย อิจฺฉารหิโตฯ ปริยตฺติอปฺปิโจฺฉติ พหุสฺสุตสมฺภาวนาย อิจฺฉารหิโตฯ อธิคมอปฺปิโจฺฉติ ‘‘อริโย’’ติ สมฺภาวนาย อิจฺฉารหิโตฯ ทายกสฺส วสนฺติ อปฺปํ วา ยํ ทาตุกาโม พหุํ วาติ ทายกสฺส จิตฺตสฺส วสํ, อชฺฌาสยนฺติ อโตฺถฯ เทยฺยธมฺมสฺส วสนฺติ เทยฺยธมฺมสฺส อพหุภาวํฯ อตฺตโน ถามนฺติ อตฺตโน ปมาณํฯ ยตฺตเกน อตฺตา ยาเปติ, ตตฺตกเสฺสว คหณํฯ ยทิ หีติอาทิ สเงฺขปโต วุตฺตสฺส อตฺถสฺส วิวรณํฯ ปมาเณเนวาติ ยาปนปฺปมาเณเนวฯ
Appicchatāpadhānaṃ puggalādhiṭṭhānaṃ catubbidhaicchāpabhedaṃ dassetvā punapi puggalādhiṭṭhānena catubbidhaṃ icchābhedaṃ dassento ‘‘aparopi catubbidho appiccho’’tiādimāha. Paccayaappicchoti paccayesu icchārahito. Dhutaṅgaappicchoti dhutaguṇasambhāvanāya icchārahito. Pariyattiappicchoti bahussutasambhāvanāya icchārahito. Adhigamaappicchoti ‘‘ariyo’’ti sambhāvanāya icchārahito. Dāyakassa vasanti appaṃ vā yaṃ dātukāmo bahuṃ vāti dāyakassa cittassa vasaṃ, ajjhāsayanti attho. Deyyadhammassa vasanti deyyadhammassa abahubhāvaṃ. Attano thāmanti attano pamāṇaṃ. Yattakena attā yāpeti, tattakasseva gahaṇaṃ. Yadi hītiādi saṅkhepato vuttassa atthassa vivaraṇaṃ. Pamāṇenevāti yāpanappamāṇeneva.
เอกภิกฺขุปิ นาญฺญาสีติ โสสานิกวเตฺต สมฺมเทว วตฺติตตฺตา เอโกปิ ภิกฺขุ น อญฺญาสิฯ อโพฺพกิณฺณนฺติ อวิเจฺฉทํฯ ทุติโย มํ ชาเนยฺยาติ ทุติโย สหายภูโตปิ ยถา มํ ชานิตุํ น สกฺกุเณยฺย, ตถา สฎฺฐิ วสฺสานิ นิรนฺตรํ สุสาเน วสามิ, ตสฺมา อหํ อโห โสสานิกุตฺตโมฯ อุปกาโร หุตฺวาติ อุคฺคหปริปุจฺฉาทีหิ ปริยตฺติธมฺมวเสน อุปกาโร หุตฺวาฯ ธมฺมกถาย ชนปทํ โขเภตฺวาติ โลมหํสนสาธุการทานเจลุเกฺขปาทิวเสน สนฺนิปติตํ อิตรญฺจ ‘‘กถํ นุ โข อปฺปํ อยฺยสฺส สนฺติเก ธมฺมํ โสสฺสามา’’ติ โกลาหลวเสน มหาชนํ โขเภตฺวา? ยทิ เถโร พหุสฺสุตภาวํ ชานาเปตุํ อิเจฺฉยฺย, ปุเพฺพว ชนปทํ โขเภโนฺต ธมฺมํ กเถยฺยฯ คโตติ ‘‘อยํ โส, เยน รตฺติยํ ธมฺมกถา กตา’’ติ ชานนภาเวน ปริยตฺติอปฺปิจฺฉตาย ปุรารุณาว คโตฯ
Ekabhikkhupi nāññāsīti sosānikavatte sammadeva vattitattā ekopi bhikkhu na aññāsi. Abbokiṇṇanti avicchedaṃ. Dutiyo maṃ jāneyyāti dutiyo sahāyabhūtopi yathā maṃ jānituṃ na sakkuṇeyya, tathā saṭṭhi vassāni nirantaraṃ susāne vasāmi, tasmā ahaṃ aho sosānikuttamo. Upakāro hutvāti uggahaparipucchādīhi pariyattidhammavasena upakāro hutvā. Dhammakathāya janapadaṃ khobhetvāti lomahaṃsanasādhukāradānacelukkhepādivasena sannipatitaṃ itarañca ‘‘kathaṃ nu kho appaṃ ayyassa santike dhammaṃ sossāmā’’ti kolāhalavasena mahājanaṃ khobhetvā? Yadi thero bahussutabhāvaṃ jānāpetuṃ iccheyya, pubbeva janapadaṃ khobhento dhammaṃ katheyya. Gatoti ‘‘ayaṃ so, yena rattiyaṃ dhammakathā katā’’ti jānanabhāvena pariyattiappicchatāya purāruṇāva gato.
ตโย กุลปุตฺตา วิยาติ ปาจีนวํสทาเย สามคฺคิวาสํวุฎฺฐา อนุรุโทฺธ, นนฺทิโย, กิมิโลติ อิเม ตโย กุลปุตฺตา วิยฯ เอเตสุปิ หิ อนุรุทฺธเตฺถเรน ภควตา ‘‘อตฺถิ ปน โว อนุรุทฺธา เอวํ อปฺปมตฺตานํ อาตาปีนํ ปหิตตฺตานํ วิหรนฺตานํ อุตฺตริมนุสฺสธโมฺม อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๒๘) ปุเฎฺฐน ‘‘อิธ ปน มยํ, ภเนฺต, ยาวเทว อากงฺขาม, วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๒๘) อนุปุพฺพวิหารสมาปตฺตีสุ อาโรจิตาสุ อิตเร เถรา น อิจฺฉิํสุฯ ตถา หิ เต ปกฺกเนฺต ภควติ อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจุํ – ‘‘กินฺนุ มยํ อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส เอวมาโรจิมฺห ‘อิมาสญฺจ อิมาสญฺจ วิหารสมาปตฺตีนํ มยํ ลาภิโน’ติ? ยํ โน อายสฺมา อนุรุโทฺธ ภควโต สมฺมุขาปิ อาสวานํ ขยํ ปกาเสตี’’ติ? ฆฎีกาโรปิ อตฺตโน อริยภาเว กิกิสฺส รโญฺญ ภควตา อาโรจิเต น อตฺตมโน อโหสิ? เตนาห – ‘‘ฆฎีการกุมฺภกาโร วิยา’’ติฯ อิมสฺมิํ ปนเตฺถติ ‘‘ยถยิทํ, ภิกฺขเว, อปฺปิจฺฉตา’’ติ วุเตฺต อปฺปิจฺฉตาสงฺขาเต อเตฺถฯ พลวอโลเภนาติ ทฬฺหตรปฺปวตฺติเกน อโลเภนฯ
Tayokulaputtā viyāti pācīnavaṃsadāye sāmaggivāsaṃvuṭṭhā anuruddho, nandiyo, kimiloti ime tayo kulaputtā viya. Etesupi hi anuruddhattherena bhagavatā ‘‘atthi pana vo anuruddhā evaṃ appamattānaṃ ātāpīnaṃ pahitattānaṃ viharantānaṃ uttarimanussadhammo alamariyañāṇadassanaviseso adhigato phāsuvihāro’’ti (ma. ni. 1.328) puṭṭhena ‘‘idha pana mayaṃ, bhante, yāvadeva ākaṅkhāma, vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharāmā’’tiādinā (ma. ni. 1.328) anupubbavihārasamāpattīsu ārocitāsu itare therā na icchiṃsu. Tathā hi te pakkante bhagavati āyasmantaṃ anuruddhaṃ etadavocuṃ – ‘‘kinnu mayaṃ āyasmato anuruddhassa evamārocimha ‘imāsañca imāsañca vihārasamāpattīnaṃ mayaṃ lābhino’ti? Yaṃ no āyasmā anuruddho bhagavato sammukhāpi āsavānaṃ khayaṃ pakāsetī’’ti? Ghaṭīkāropi attano ariyabhāve kikissa rañño bhagavatā ārocite na attamano ahosi? Tenāha – ‘‘ghaṭīkārakumbhakāro viyā’’ti. Imasmiṃ panattheti ‘‘yathayidaṃ, bhikkhave, appicchatā’’ti vutte appicchatāsaṅkhāte atthe. Balavaalobhenāti daḷhatarappavattikena alobhena.
๖๔. จตุเตฺถ นตฺถิ เอตสฺส สนฺตุฎฺฐีติ อสนฺตุฎฺฐิ, ตสฺส ภาโว อสนฺตุฎฺฐิตาฯ ตํ ปน สรูปโต ทเสฺสโนฺต ‘‘อสนฺตุเฎฺฐ ปุคฺคเล…เป.… โลโภ’’ติ อาหฯ เสวนฺตสฺสาติอาทีนิ อญฺญมญฺญเววจนานิฯ
64. Catutthe natthi etassa santuṭṭhīti asantuṭṭhi, tassa bhāvo asantuṭṭhitā. Taṃ pana sarūpato dassento ‘‘asantuṭṭhe puggale…pe… lobho’’ti āha. Sevantassātiādīni aññamaññavevacanāni.
๖๕-๖๗. ปญฺจเม ตุสฺสนํ ตุฎฺฐิ, สมํ, สเกน, สเนฺตน วา ตุฎฺฐิ เอตสฺสาติ สนฺตุฎฺฐิ, ตสฺส ภาโว สนฺตุฎฺฐิตาฯ ยสฺส สโนฺตสสฺส อตฺถิตาย ภิกฺขุ ‘‘สนฺตุโฎฺฐ’’ติ วุจฺจติ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อิตรีตรปจฺจยสโนฺตเสน สมนฺนาคตสฺสา’’ติ อาห – จีวราทิเก ยตฺถ กตฺถจิ กปฺปิเย ปจฺจเย สนฺตุสฺสเนน สมงฺคีภูตสฺสาติ อโตฺถฯ อถ วา อิตรํ วุจฺจติ หีนํ ปณีตโต อญฺญตฺตา, ตถา ปณีตมฺปิ อิตรํ หีนโต อญฺญตฺตาฯ อเปกฺขาสิทฺธา หิ อิตรตาฯ อิติ เยน ธเมฺมน หีเนน วา ปณีเตน วา จีวราทิปจฺจเยน สนฺตุสฺสติ, โส ตถา ปวโตฺต อโลโภ อิตรีตรปจฺจยสโนฺตโส, เตน สมนฺนาคตสฺส ฯ ยถาลาภํ อตฺตโน ลาภานุรูปํ สโนฺตโส ยถาลาภสโนฺตโสฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ลพฺภตีติ วา ลาโภ, โย โย ลาโภ ยถาลาโภ, เตน สโนฺตโส ยถาลาภสโนฺตโสฯ พลนฺติ กายพลํฯ สารุปฺปนฺติ ภิกฺขุโน อนุจฺฉวิกตาฯ
65-67. Pañcame tussanaṃ tuṭṭhi, samaṃ, sakena, santena vā tuṭṭhi etassāti santuṭṭhi, tassa bhāvo santuṭṭhitā. Yassa santosassa atthitāya bhikkhu ‘‘santuṭṭho’’ti vuccati, taṃ dassento ‘‘itarītarapaccayasantosena samannāgatassā’’ti āha – cīvarādike yattha katthaci kappiye paccaye santussanena samaṅgībhūtassāti attho. Atha vā itaraṃ vuccati hīnaṃ paṇītato aññattā, tathā paṇītampi itaraṃ hīnato aññattā. Apekkhāsiddhā hi itaratā. Iti yena dhammena hīnena vā paṇītena vā cīvarādipaccayena santussati, so tathā pavatto alobho itarītarapaccayasantoso, tena samannāgatassa . Yathālābhaṃ attano lābhānurūpaṃ santoso yathālābhasantoso. Sesapadadvayepi eseva nayo. Labbhatīti vā lābho, yo yo lābho yathālābho, tena santoso yathālābhasantoso. Balanti kāyabalaṃ. Sāruppanti bhikkhuno anucchavikatā.
ยถาลทฺธโต อญฺญสฺส อปตฺถนา นาม สิยา อปฺปิจฺฉตาปิ ปวตฺติอากาโรติ ตโต วินิเวจิตเมว สโนฺตสสฺส สรูปํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ลภโนฺตปิ น คณฺหาตี’’ติ อาหฯ ตํ ปริวเตฺตตฺวา ปกติทุพฺพลาทีนํ ครุจีวรํ อผาสุภาวาวหํ สรีรเขทาวหญฺจ โหตีติ ปโยชนวเสน น อตฺริจฺฉตาทิวเสน ตํ ปริวเตฺตตฺวา ลหุกจีวรปริโภโค สโนฺตสวิโรธิ น โหตีติ อาห – ‘‘ลหุเกน ยาเปโนฺตปิ สนฺตุโฎฺฐว โหตี’’ติฯ มหคฺฆจีวรํ พหูนิ วา จีวรานิ ลภิตฺวา ตานิ วิสฺสเชฺชตฺวา ตทญฺญสฺส คหณํ ยถาสารุปฺปนเย ฐิตตฺตา น สโนฺตสวิโรธีติ อาห – ‘‘เตสํ…เป.… ธาเรโนฺตปิ สนฺตุโฎฺฐว โหตี’’ติฯ เอวํ เสสปจฺจเยสุปิ ยถาสารุปฺปนิเทฺทเส อปิ-สทฺทคฺคหเณ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ มุตฺตหรีตกนฺติ โคมุตฺตปริภาวิตํ, ปูติภาเวน วา ฉฑฺฑิตํ หรีตกํฯ พุทฺธาทีหิ วณฺณิตนฺติ อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฎฺฐีสุ ภิกฺขู นิโยเชตุํ ‘‘ปูติมุตฺตเภสชฺชํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา’’ติอาทินา (มหาว. ๗๓, ๑๒๘) พุทฺธาทีหิ ปสตฺถํฯ ปรมสนฺตุโฎฺฐว โหติ ปรเมน อุกฺกํสคเตน สโนฺตเสน สมนฺนาคตตฺตาฯ ยถาสารุปฺปสโนฺตโสว อโคฺคติ ตตฺถ ตตฺถ ภิกฺขุ สารุปฺปํเยว นิสฺสาย สนฺตุสฺสนวเสน ปวตฺตนโต อโคฺคฯ ฉฎฺฐสตฺตเมสุ นตฺถิ วตฺตพฺพํฯ
Yathāladdhato aññassa apatthanā nāma siyā appicchatāpi pavattiākāroti tato vinivecitameva santosassa sarūpaṃ dassento ‘‘labhantopi na gaṇhātī’’ti āha. Taṃ parivattetvā pakatidubbalādīnaṃ garucīvaraṃ aphāsubhāvāvahaṃ sarīrakhedāvahañca hotīti payojanavasena na atricchatādivasena taṃ parivattetvā lahukacīvaraparibhogo santosavirodhi na hotīti āha – ‘‘lahukena yāpentopi santuṭṭhova hotī’’ti. Mahagghacīvaraṃ bahūni vā cīvarāni labhitvā tāni vissajjetvā tadaññassa gahaṇaṃ yathāsāruppanaye ṭhitattā na santosavirodhīti āha – ‘‘tesaṃ…pe… dhārentopi santuṭṭhova hotī’’ti. Evaṃ sesapaccayesupi yathāsāruppaniddese api-saddaggahaṇe adhippāyo veditabbo. Muttaharītakanti gomuttaparibhāvitaṃ, pūtibhāvena vā chaḍḍitaṃ harītakaṃ. Buddhādīhi vaṇṇitanti appicchatāsantuṭṭhīsu bhikkhū niyojetuṃ ‘‘pūtimuttabhesajjaṃ nissāya pabbajjā’’tiādinā (mahāva. 73, 128) buddhādīhi pasatthaṃ. Paramasantuṭṭhova hoti paramena ukkaṃsagatena santosena samannāgatattā. Yathāsāruppasantosova aggoti tattha tattha bhikkhu sāruppaṃyeva nissāya santussanavasena pavattanato aggo. Chaṭṭhasattamesu natthi vattabbaṃ.
๖๘-๖๙. อฎฺฐมนวเมสุ น สมฺปชานาตีติ อสมฺปชาโน, ตสฺส ภาโว อสมฺปชญฺญํฯ วุตฺตปฺปฎิปเกฺขน สมฺปชญฺญํ เวทิตพฺพํฯ
68-69. Aṭṭhamanavamesu na sampajānātīti asampajāno, tassa bhāvo asampajaññaṃ. Vuttappaṭipakkhena sampajaññaṃ veditabbaṃ.
๗๐. ทสเม ปาปมิตฺตา เทวทตฺตสทิสาฯ เต หิ หีนาจารตาย, ทุกฺขสฺส วา สมฺปาปกตาย ‘‘ปาปา’’ติ วุจฺจนฺติฯ เตนากาเรน ปวตฺตานนฺติ โย ปาปมิตฺตสฺส ขนฺติ รุจิ อธิมุตฺติ ตนฺนินฺนตาตํสมฺปวงฺกตาทิอากาโร, เตนากาเรน ปวตฺตานํฯ จตุนฺนํ ขนฺธานเมเวตํ นามนฺติ จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานํ ‘‘ปาปมิตฺตตา’’ติ เอตํ นามํฯ ยสฺมา อสฺสทฺธิยาทิปาปธมฺมสมนฺนาคตา ปุคฺคลา วิเสสโต ปาปา ปุญฺญธมฺมวิโมกฺขตาย, เต ยสฺส มิตฺตา สหายา, โส ปาปมิโตฺต, ตสฺส ภาโว ปาปมิตฺตตาฯ เตนาห – ‘‘เย เต ปุคฺคลา อสฺสทฺธา’’ติอาทิฯ
70. Dasame pāpamittā devadattasadisā. Te hi hīnācāratāya, dukkhassa vā sampāpakatāya ‘‘pāpā’’ti vuccanti. Tenākārena pavattānanti yo pāpamittassa khanti ruci adhimutti tanninnatātaṃsampavaṅkatādiākāro, tenākārena pavattānaṃ. Catunnaṃ khandhānamevetaṃ nāmanti catunnaṃ arūpakkhandhānaṃ ‘‘pāpamittatā’’ti etaṃ nāmaṃ. Yasmā assaddhiyādipāpadhammasamannāgatā puggalā visesato pāpā puññadhammavimokkhatāya, te yassa mittā sahāyā, so pāpamitto, tassa bhāvo pāpamittatā. Tenāha – ‘‘ye te puggalā assaddhā’’tiādi.
วีริยารมฺภาทิวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vīriyārambhādivaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๗. วีริยารมฺภาทิวโคฺค • 7. Vīriyārambhādivaggo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๗. วีริยารมฺภาทิวคฺควณฺณนา • 7. Vīriyārambhādivaggavaṇṇanā