Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā |
๘. วิสาขาสุตฺตวณฺณนา
8. Visākhāsuttavaṇṇanā
๗๘. อฎฺฐเม วิสาขาย มิคารมาตุยา นตฺตา กาลงฺกตา โหตีติ วิสาขาย มหาอุปาสิกาย ปุตฺตสฺส ธีตา กุมาริกา กาลงฺกตา โหติฯ สา กิร วตฺตสมฺปนฺนา สาสเน อภิปฺปสนฺนา มหาอุปาสิกาย เคหํ ปวิฎฺฐานํ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนญฺจ อตฺตนา กาตพฺพเวยฺยาวจฺจํ ปุเรภตฺตํ ปจฺฉาภตฺตญฺจ อปฺปมตฺตา อกาสิ, อตฺตโน ปิตามหิยา จิตฺตานุกูลํ ปฎิปชฺชิฯ เตน วิสาขา เคหโต พหิ คจฺฉนฺตี สพฺพํ ตสฺสาเยว ภารํ กตฺวา คจฺฉติ, รูเปน จ ทสฺสนียา ปาสาทิกา, อิติ สา ตสฺสา วิเสสโต ปิยา มนาปา อโหสิฯ สา โรคาภิภูตา กาลมกาสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน วิสาขาย มิคารมาตุยา นตฺตา กาลงฺกตา โหติ ปิยา มนาปา’’ติฯ อถ มหาอุปาสิกา ตสฺสา มรเณน โสกํ สนฺธาเรตุํ อสโกฺกนฺตี ทุกฺขี ทุมฺมนา สรีรนิเกฺขปํ กาเรตฺวา ‘‘อปิ นาม สตฺถุ สนฺติกํ คตกาเล จิตฺตสฺสาทํ ลเภยฺย’’นฺติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข วิสาขา มิคารมาตา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสสฺสาปิ ทิวา, มชฺฌนฺหิเก กาเลติ อโตฺถฯ
78. Aṭṭhame visākhāya migāramātuyā nattā kālaṅkatā hotīti visākhāya mahāupāsikāya puttassa dhītā kumārikā kālaṅkatā hoti. Sā kira vattasampannā sāsane abhippasannā mahāupāsikāya gehaṃ paviṭṭhānaṃ bhikkhūnaṃ bhikkhunīnañca attanā kātabbaveyyāvaccaṃ purebhattaṃ pacchābhattañca appamattā akāsi, attano pitāmahiyā cittānukūlaṃ paṭipajji. Tena visākhā gehato bahi gacchantī sabbaṃ tassāyeva bhāraṃ katvā gacchati, rūpena ca dassanīyā pāsādikā, iti sā tassā visesato piyā manāpā ahosi. Sā rogābhibhūtā kālamakāsi. Tena vuttaṃ – ‘‘tena kho pana samayena visākhāya migāramātuyā nattā kālaṅkatā hoti piyā manāpā’’ti. Atha mahāupāsikā tassā maraṇena sokaṃ sandhāretuṃ asakkontī dukkhī dummanā sarīranikkhepaṃ kāretvā ‘‘api nāma satthu santikaṃ gatakāle cittassādaṃ labheyya’’nti bhagavantaṃ upasaṅkami. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho visākhā migāramātā’’tiādi. Tattha divā divassāti divasassāpi divā, majjhanhike kāleti attho.
ภควา วิสาขาย วฎฺฎาภิรติํ ชานโนฺต อุปาเยน โสกตนุกรณตฺถํ ‘‘อิเจฺฉยฺยาสิ ตฺวํ วิสาเข’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยาวติกาติ ยตฺตกาฯ ตทา กิร สตฺต ชนโกฎิโย สาวตฺถิยํ ปฎิวสนฺติ ฯ ตํ สนฺธาย ภควา ‘‘กีวพหุกา ปน วิสาเข สาวตฺถิยา มนุสฺสา เทวสิกํ กาลํ กโรนฺตี’’ติ ปุจฺฉิฯ วิสาขา ‘‘ทสปิ, ภเนฺต’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตีณีติ ตโยฯ อยเมว วา ปาโฐฯ อวิวิตฺตาติ อสุญฺญาฯ
Bhagavā visākhāya vaṭṭābhiratiṃ jānanto upāyena sokatanukaraṇatthaṃ ‘‘iccheyyāsi tvaṃ visākhe’’tiādimāha. Tattha yāvatikāti yattakā. Tadā kira satta janakoṭiyo sāvatthiyaṃ paṭivasanti . Taṃ sandhāya bhagavā ‘‘kīvabahukā pana visākhe sāvatthiyā manussā devasikaṃ kālaṃ karontī’’ti pucchi. Visākhā ‘‘dasapi, bhante’’tiādimāha. Tattha tīṇīti tayo. Ayameva vā pāṭho. Avivittāti asuññā.
อถ ภควา อตฺตโน อธิปฺปายํ ปกาเสโนฺต ‘‘อปิ นุ ตฺวํ กทาจิ กรหจิ อนลฺลวตฺถา วา ภเวยฺยาสิ อนลฺลเกสา วา’’ติ อาหฯ นนุ เอวํ สเนฺต ตยา สพฺพกาลํ โสกาภิภูตาย มตานํ ปุตฺตาทีนํ อมงฺคลูปจารวเสน อุทโกโรหเณน อลฺลวตฺถาย อลฺลเกสาย เอว ภวิตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ ตํ สุตฺวา อุปาสิกา สํเวคชาตา ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ติ ปฎิกฺขิปิตฺวา ปิยวตฺถุํ วิปฺปฎิสารโต อตฺตโน จิตฺตสฺส นิวตฺตภาวํ สตฺถุ อาโรเจนฺตี ‘‘อลํ เม, ภเนฺต, ตาวพหุเกหิ ปุเตฺตหิ จ นตฺตาเรหิ จา’’ติ อาหฯ
Atha bhagavā attano adhippāyaṃ pakāsento ‘‘api nu tvaṃ kadāci karahaci anallavatthā vā bhaveyyāsi anallakesā vā’’ti āha. Nanu evaṃ sante tayā sabbakālaṃ sokābhibhūtāya matānaṃ puttādīnaṃ amaṅgalūpacāravasena udakorohaṇena allavatthāya allakesāya eva bhavitabbanti dasseti. Taṃ sutvā upāsikā saṃvegajātā ‘‘no hetaṃ, bhante’’ti paṭikkhipitvā piyavatthuṃ vippaṭisārato attano cittassa nivattabhāvaṃ satthu ārocentī ‘‘alaṃ me, bhante, tāvabahukehi puttehi ca nattārehi cā’’ti āha.
อถสฺสา ภควา ‘‘ทุกฺขํ นาเมตํ ปิยวตฺถุนิมิตฺตํ, ยตฺตกานิ ปิยวตฺถูนิ, ตตฺตกานิ ทุกฺขานิฯ ตสฺมา สุขกาเมน ทุกฺขปฺปฎิกูเลน สพฺพโส ปิยวตฺถุโต จิตฺตํ วิเวเจตพฺพ’’นฺติ ธมฺมํ เทเสโนฺต ‘‘เยสํ โข วิสาเข สตํ ปิยานิ, สตํ เตสํ ทุกฺขานี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สตํ ปิยานีติ สตํ ปิยายิตพฺพวตฺถูนิฯ ‘‘สตํ ปิย’’นฺติปิ เกจิ ปฐนฺติฯ เอตฺถ จ ยสฺมา เอกโต ปฎฺฐาย ยาว ทส, ตาว สงฺขฺยา สเงฺขฺยยฺยปฺปธานา, ตสฺมา ‘‘เยสํ ทส ปิยานิ, ทส เตสํ ทุกฺขานี’’ติอาทินา ปาฬิ อาคตาฯ เกจิ ปน ‘‘เยสํ ทส ปิยานํ, ทส เนสํ ทุกฺขาน’’นฺติอาทินา ปฐนฺติ, ตํ น สุนฺทรํฯ ยสฺมา ปน วีสติโต ปฎฺฐาย ยาว สตํ, ตาว สงฺขฺยา สเงฺขฺยยฺยปฺปธานาว, ตสฺมา ตตฺถาปิ สเงฺขฺยยฺยปฺปธานตํเยว คเหตฺวา ‘‘เยสํ โข วิสาเข สตํ ปิยานิ, สตํ เตสํ ทุกฺขานี’’ติอาทินา ปาฬิ อาคตาฯ สเพฺพสมฺปิ จ ‘‘เยสํ เอกํ ปิยํ, เอกํ เตสํ ทุกฺข’’นฺติ ปาโฐ, น ปน ทุกฺขสฺสาติฯ เอตสฺมิญฺหิ ปเกฺข เอกรสา เอกชฺฌาสยา จ ภควโต เทสนา โหติฯ ตสฺมา ยถาวุตฺตนยาว ปาฬิ เวทิตพฺพาฯ
Athassā bhagavā ‘‘dukkhaṃ nāmetaṃ piyavatthunimittaṃ, yattakāni piyavatthūni, tattakāni dukkhāni. Tasmā sukhakāmena dukkhappaṭikūlena sabbaso piyavatthuto cittaṃ vivecetabba’’nti dhammaṃ desento ‘‘yesaṃ kho visākhe sataṃ piyāni, sataṃ tesaṃ dukkhānī’’tiādimāha. Tattha sataṃ piyānīti sataṃ piyāyitabbavatthūni. ‘‘Sataṃ piya’’ntipi keci paṭhanti. Ettha ca yasmā ekato paṭṭhāya yāva dasa, tāva saṅkhyā saṅkhyeyyappadhānā, tasmā ‘‘yesaṃ dasa piyāni, dasa tesaṃ dukkhānī’’tiādinā pāḷi āgatā. Keci pana ‘‘yesaṃ dasa piyānaṃ, dasa nesaṃ dukkhāna’’ntiādinā paṭhanti, taṃ na sundaraṃ. Yasmā pana vīsatito paṭṭhāya yāva sataṃ, tāva saṅkhyā saṅkhyeyyappadhānāva, tasmā tatthāpi saṅkhyeyyappadhānataṃyeva gahetvā ‘‘yesaṃ kho visākhe sataṃ piyāni, sataṃ tesaṃ dukkhānī’’tiādinā pāḷi āgatā. Sabbesampi ca ‘‘yesaṃ ekaṃ piyaṃ, ekaṃ tesaṃ dukkha’’nti pāṭho, na pana dukkhassāti. Etasmiñhi pakkhe ekarasā ekajjhāsayā ca bhagavato desanā hoti. Tasmā yathāvuttanayāva pāḷi veditabbā.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวา โสกปริเทวาทิกํ เจตสิกํ กายิกญฺจ ทุกฺขํ ปิยวตฺถุนิมิตฺตํ ปิยวตฺถุมฺหิ สติ โหติ, อสติ น โหตีติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต ชานิตฺวา ตทตฺถปริทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ
Etamatthaṃviditvā sokaparidevādikaṃ cetasikaṃ kāyikañca dukkhaṃ piyavatthunimittaṃ piyavatthumhi sati hoti, asati na hotīti etamatthaṃ sabbākārato jānitvā tadatthaparidīpanaṃ imaṃ udānaṃ udānesi.
ตสฺสโตฺถ – ญาติโภคโรคสีลทิฎฺฐิพฺยสเนหิ ผุฎฺฐสฺส อโนฺต นิชฺฌายนฺตสฺส พาลสฺส จิตฺตสนฺตาปลกฺขณา เย เกจิ มุทุมชฺฌาทิเภเทน ยาทิสา ตาทิสา โสกา วา เตหิเยว ผุฎฺฐสฺส โสกุเทฺทหกสมุฎฺฐาปิตวจีวิปฺปลาปลกฺขณา ปริเทวิตา วา อนิฎฺฐโผฎฺฐพฺพปฎิหตกายสฺส กายปีฬนลกฺขณา ทุกฺขา วา ตถา อวุตฺตตฺถสฺส วิกปฺปนเตฺถน วาสเทฺทน คหิตา โทมนสฺสูปายาสาทโย วา นิสฺสยเภเทน จ อเนกรูปา นานาวิธา อิมสฺมิํ สตฺตโลเก ทิสฺสนฺติ อุปลพฺภนฺติ, สเพฺพปิ เอเต ปิยํ ปิยชาติกํ สตฺตํ สงฺขารญฺจ ปฎิจฺจ นิสฺสาย อาคมฺม ปจฺจยํ กตฺวา ปภวนฺติ นิพฺพตฺตนฺติฯ ตสฺมิํ ปน ยถาวุเตฺต ปิยวตฺถุมฺหิ ปิเย อสเนฺต ปิยภาวกเร ฉนฺทราเค ปหีเน น กทาจิปิ เอเต ภวนฺติฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘ปิยโต ชายตี โสโก…เป.… เปมโต ชายตี โสโก’’ติ จ อาทิ (ธ. ป. ๒๑๒-๒๑๓)ฯ ตถา ‘‘ปิยปฺปภูตา กลหา วิวาทา, ปริเทวโสกา สหมจฺฉเรหี’’ติ จ อาทิ (สุ. นิ. ๘๖๙)ฯ เอตฺถ จ ‘‘ปริเทวิตา วา ทุกฺขา วา’’ติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, ‘‘ปริเทวิตานิ วา ทุกฺขานิ วา’’ติ วตฺตเพฺพ วิภตฺติโลโป วา กโตติ เวทิตโพฺพฯ
Tassattho – ñātibhogarogasīladiṭṭhibyasanehi phuṭṭhassa anto nijjhāyantassa bālassa cittasantāpalakkhaṇā ye keci mudumajjhādibhedena yādisā tādisā sokā vā tehiyeva phuṭṭhassa sokuddehakasamuṭṭhāpitavacīvippalāpalakkhaṇā paridevitā vā aniṭṭhaphoṭṭhabbapaṭihatakāyassa kāyapīḷanalakkhaṇā dukkhā vā tathā avuttatthassa vikappanatthena vāsaddena gahitā domanassūpāyāsādayo vā nissayabhedena ca anekarūpā nānāvidhā imasmiṃ sattaloke dissanti upalabbhanti, sabbepi ete piyaṃ piyajātikaṃ sattaṃ saṅkhārañca paṭicca nissāya āgamma paccayaṃ katvā pabhavanti nibbattanti. Tasmiṃ pana yathāvutte piyavatthumhi piye asante piyabhāvakare chandarāge pahīne na kadācipi ete bhavanti. Vuttañhetaṃ – ‘‘piyato jāyatī soko…pe… pemato jāyatī soko’’ti ca ādi (dha. pa. 212-213). Tathā ‘‘piyappabhūtā kalahā vivādā, paridevasokā sahamaccharehī’’ti ca ādi (su. ni. 869). Ettha ca ‘‘paridevitā vā dukkhā vā’’ti liṅgavipallāsena vuttaṃ, ‘‘paridevitāni vā dukkhāni vā’’ti vattabbe vibhattilopo vā katoti veditabbo.
ตสฺมา หิ เต สุขิโน วีตโสกาติ ยสฺมา ปิยปฺปภูตา โสกาทโย เยสํ นตฺถิ, ตสฺมา เต เอว สุขิโน วีตโสกา นามฯ เก ปน เต? เยสํ ปิยํ นตฺถิ กุหิญฺจิ โลเก เยสํ อริยานํ สพฺพโส วีตราคตฺตา กตฺถจิปิ สตฺตโลเก สงฺขารโลเก จ ปิยํ ปิยภาโว ‘‘ปุโตฺต’’ติ วา ‘‘ภาตา’’ติ วา ‘‘ภคินี’’ติ วา ‘‘ภริยา’’ติ วา ปิยํ ปิยายนํ ปิยภาโว นตฺถิ, สงฺขารโลเกปิ ‘‘เอตํ มม สนฺตกํ, อิมินาหํ อิมํ นาม สุขํ ลภามิ ลภิสฺสามี’’ติ ปิยํ ปิยายนํ ปิยภาโว นตฺถิฯ ตสฺมา อโสกํ วิรชํ ปตฺถยาโน, ปิยํ น กยิราถ กุหิญฺจิ โลเกติ ยสฺมา จ สุขิโน นาม วีตโสกา, วีตโสกตฺตาว กตฺถจิปิ วิสเย ปิยภาโว นตฺถิ, ตสฺมา อตฺตโน ยถาวุตฺตโสกาภาเวน จ อโสกํ อโสกภาวํ ราครชาทิวิคมเนน วิรชํ วิรชภาวํ อรหตฺตํ, โสกสฺส ราครชาทีนญฺจ อภาวเหตุภาวโต วา ‘‘อโสกํ วิรช’’นฺติ ลทฺธนามํ นิพฺพานํ ปตฺถยาโน กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺทสฺส วเสน ฉนฺทชาโต กตฺถจิ โลเก รูปาทิธเมฺม อนฺตมโส สมถวิปสฺสนาธเมฺมปิ ปิยํ ปิยภาวํ วิยายนํ น กยิราถ น อุปฺปาเทยฺยฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘ธมฺมาปิ โว, ภิกฺขเว, ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๐)ฯ
Tasmā hi te sukhino vītasokāti yasmā piyappabhūtā sokādayo yesaṃ natthi, tasmā te eva sukhino vītasokā nāma. Ke pana te? Yesaṃ piyaṃ natthi kuhiñci loke yesaṃ ariyānaṃ sabbaso vītarāgattā katthacipi sattaloke saṅkhāraloke ca piyaṃ piyabhāvo ‘‘putto’’ti vā ‘‘bhātā’’ti vā ‘‘bhaginī’’ti vā ‘‘bhariyā’’ti vā piyaṃ piyāyanaṃ piyabhāvo natthi, saṅkhāralokepi ‘‘etaṃ mama santakaṃ, imināhaṃ imaṃ nāma sukhaṃ labhāmi labhissāmī’’ti piyaṃ piyāyanaṃ piyabhāvo natthi. Tasmā asokaṃ virajaṃ patthayāno, piyaṃ na kayirātha kuhiñci loketi yasmā ca sukhino nāma vītasokā, vītasokattāva katthacipi visaye piyabhāvo natthi, tasmā attano yathāvuttasokābhāvena ca asokaṃ asokabhāvaṃ rāgarajādivigamanena virajaṃ virajabhāvaṃ arahattaṃ, sokassa rāgarajādīnañca abhāvahetubhāvato vā ‘‘asokaṃ viraja’’nti laddhanāmaṃ nibbānaṃ patthayāno kattukamyatākusalacchandassa vasena chandajāto katthaci loke rūpādidhamme antamaso samathavipassanādhammepi piyaṃ piyabhāvaṃ viyāyanaṃ na kayirātha na uppādeyya. Vuttañhetaṃ – ‘‘dhammāpi vo, bhikkhave, pahātabbā, pageva adhammā’’ti (ma. ni. 1.240).
อฎฺฐมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Aṭṭhamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๘. วิสาขาสุตฺตํ • 8. Visākhāsuttaṃ