Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā

    ๙. วิสาลกฺขิวิมานวณฺณนา

    9. Visālakkhivimānavaṇṇanā

    กา นาม ตฺวํ วิสาลกฺขีติ วิสาลกฺขิวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ ปรินิพฺพุเต รญฺญา อชาตสตฺตุนา อตฺตนา ปฎิลทฺธา ภควตา สรีรธาตุโย คเหตฺวา ราชคเห ถูเป จ มเห จ กเต ราชคหวาสินี เอกา มาลาการธีตา สุนนฺทา นาม อุปาสิกา อริยสาวิกา โสตาปนฺนา ปิตุํ เคหโต เปสิตํ พหุํ มาลญฺจ คนฺธญฺจ เปเสตฺวา เทวสิกํ เจติเย ปูชํ กาเรสิ, อุโปสถทิวเสสุ ปน สยเมว คนฺตฺวา ปูชํ อกาสิฯ สา อปรภาเค อญฺญตเรน โรเคน ผุฎฺฐา กาลํ กตฺวา สกฺกสฺส เทวรโญฺญ ปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ อเถกทิวสํ สา สเกฺกน เทวานมิเนฺทน สห จิตฺตลตาวนํ ปาวิสิฯ ตตฺถ จ อญฺญาสํ เทวตานํ ปภา ปุปฺผาทีนํ ปภาหิ ปฎิหตา หุตฺวา วิจิตฺตวณฺณา โหติ, สุนนฺทาย ปน ปภา ตาหิ อนภิภูตา สภาเวเนว อฎฺฐาสิฯ ตํ ทิสฺวา สโกฺก เทวราชา ตาย กตสุจริตํ ญาตุกาโม อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –

    Kā nāma tvaṃ visālakkhīti visālakkhivimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavati parinibbute raññā ajātasattunā attanā paṭiladdhā bhagavatā sarīradhātuyo gahetvā rājagahe thūpe ca mahe ca kate rājagahavāsinī ekā mālākāradhītā sunandā nāma upāsikā ariyasāvikā sotāpannā pituṃ gehato pesitaṃ bahuṃ mālañca gandhañca pesetvā devasikaṃ cetiye pūjaṃ kāresi, uposathadivasesu pana sayameva gantvā pūjaṃ akāsi. Sā aparabhāge aññatarena rogena phuṭṭhā kālaṃ katvā sakkassa devarañño paricārikā hutvā nibbatti. Athekadivasaṃ sā sakkena devānamindena saha cittalatāvanaṃ pāvisi. Tattha ca aññāsaṃ devatānaṃ pabhā pupphādīnaṃ pabhāhi paṭihatā hutvā vicittavaṇṇā hoti, sunandāya pana pabhā tāhi anabhibhūtā sabhāveneva aṭṭhāsi. Taṃ disvā sakko devarājā tāya katasucaritaṃ ñātukāmo imāhi gāthāhi pucchi –

    ๖๖๖.

    666.

    ‘‘กา นาม ตฺวํ วิสาลกฺขิ, รเมฺม จิตฺตลตาวเน;

    ‘‘Kā nāma tvaṃ visālakkhi, ramme cittalatāvane;

    สมนฺตา อนุปริยาสิ, นารีคณปุรกฺขตาฯ

    Samantā anupariyāsi, nārīgaṇapurakkhatā.

    ๖๖๗.

    667.

    ‘‘ยทา เทวา ตาวติํสา, ปวิสนฺติ อิมํ วนํ;

    ‘‘Yadā devā tāvatiṃsā, pavisanti imaṃ vanaṃ;

    สโยคฺคา สรถา สเพฺพ, จิตฺรา โหนฺติ อิธาคตาฯ

    Sayoggā sarathā sabbe, citrā honti idhāgatā.

    ๖๖๘.

    668.

    ‘‘ตุยฺหญฺจ อิธ ปตฺตาย, อุยฺยาเน วิจรนฺติยา;

    ‘‘Tuyhañca idha pattāya, uyyāne vicarantiyā;

    กาเย น ทิสฺสตี จิตฺตํ, เกน รูปํ ตเวทิสํ;

    Kāye na dissatī cittaṃ, kena rūpaṃ tavedisaṃ;

    เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติฯ

    Devate pucchitācikkha, kissa kammassidaṃ phala’’nti.

    ๖๖๖. ตตฺถ กา นาม ตฺวนฺติ ปุริมตฺตภาเว กา นาม กีทิสี นาม ตฺวํ, ยตฺถ กเตน สุจริเตน อยํ เต อีทิสี อานุภาวสมฺปตฺติ อโหสีติ อธิปฺปาโยฯ วิสาลกฺขีติ วิปุลโลจเนฯ

    666. Tattha kā nāma tvanti purimattabhāve kā nāma kīdisī nāma tvaṃ, yattha katena sucaritena ayaṃ te īdisī ānubhāvasampatti ahosīti adhippāyo. Visālakkhīti vipulalocane.

    ๖๖๗. ยทาติ ยสฺมิํ กาเลฯ อิมํ วนนฺติ อิมํ จิตฺตลตานามกํ อุปวนํฯ จิตฺรา โหนฺตีติ อิมสฺมิํ จิตฺตลตาวเน วิจิตฺตปภาสํสเคฺคน อตฺตโน สรีรวตฺถาลงฺการาทีนํ ปกติโอภาสโตปิ วิสิฎฺฐภาวปฺปตฺติยา วิจิตฺราการา โหนฺติฯ อิธาคตาติ อิธ อาคตา สมฺปตฺตา, อิธ วา อาคมนเหตุฯ

    667.Yadāti yasmiṃ kāle. Imaṃ vananti imaṃ cittalatānāmakaṃ upavanaṃ. Citrā hontīti imasmiṃ cittalatāvane vicittapabhāsaṃsaggena attano sarīravatthālaṅkārādīnaṃ pakatiobhāsatopi visiṭṭhabhāvappattiyā vicitrākārā honti. Idhāgatāti idha āgatā sampattā, idha vā āgamanahetu.

    ๖๖๘. อิธ ปตฺตายาติ อิมํ ฐานํ สมฺปตฺตาย อุปคตายฯ เกน รูปํ ตเวทิสนฺติ เกน การเณน ตว รูปํ สรีรํ เอทิสํ เอวรูปํ, จิตฺตลตาวนสฺส ปภํ อภิภวนฺตํ ติฎฺฐตีติ อธิปฺปาโยฯ

    668.Idha pattāyāti imaṃ ṭhānaṃ sampattāya upagatāya. Kenarūpaṃ tavedisanti kena kāraṇena tava rūpaṃ sarīraṃ edisaṃ evarūpaṃ, cittalatāvanassa pabhaṃ abhibhavantaṃ tiṭṭhatīti adhippāyo.

    เอวํ สเกฺกน ปุฎฺฐา สา เทวตา อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

    Evaṃ sakkena puṭṭhā sā devatā imāhi gāthāhi byākāsi –

    ๖๖๙.

    669.

    ‘‘เยน กเมฺมน เทวินฺท, รูปํ มยฺหํ คตี จ เม;

    ‘‘Yena kammena devinda, rūpaṃ mayhaṃ gatī ca me;

    อิทฺธิ จ อานุภาโว จ, ตํ สุโณหิ ปุรินฺททฯ

    Iddhi ca ānubhāvo ca, taṃ suṇohi purindada.

    ๖๗๐.

    670.

    ‘‘อหํ ราชคเห รเมฺม, สุนนฺทา นามุปาสิกา;

    ‘‘Ahaṃ rājagahe ramme, sunandā nāmupāsikā;

    สทฺธา สีเลน สมฺปนฺนา, สํวิภาครตา สทาฯ

    Saddhā sīlena sampannā, saṃvibhāgaratā sadā.

    ๖๗๑.

    671.

    ‘‘อจฺฉาทนญฺจ ภตฺตญฺจ, เสนาสนํ ปทีปิยํ;

    ‘‘Acchādanañca bhattañca, senāsanaṃ padīpiyaṃ;

    อทาสิํ อุชุภูเตสุ, วิปฺปสเนฺนน เจตสาฯ

    Adāsiṃ ujubhūtesu, vippasannena cetasā.

    ๖๗๒.

    672.

    ‘‘จาตุทฺทสิํ ปญฺจทสิํ, ยา จ ปกฺขสฺส อฎฺฐมี;

    ‘‘Cātuddasiṃ pañcadasiṃ, yā ca pakkhassa aṭṭhamī;

    ปาฎิหาริยปกฺขญฺจ, อฎฺฐงฺคสุสมาคตํฯ

    Pāṭihāriyapakkhañca, aṭṭhaṅgasusamāgataṃ.

    ๖๗๓.

    673.

    ‘‘อุโปสถํ อุปวสิสฺสํ, สทา สีเลสุ สํวุตา;

    ‘‘Uposathaṃ upavasissaṃ, sadā sīlesu saṃvutā;

    สญฺญมา สํวิภาคา จ, วิมานํ อาวสามหํฯ

    Saññamā saṃvibhāgā ca, vimānaṃ āvasāmahaṃ.

    ๖๗๔.

    674.

    ‘‘ปาณาติปาตา วิรตา, มุสาวาทา จ สญฺญตา;

    ‘‘Pāṇātipātā viratā, musāvādā ca saññatā;

    เถยฺยา จ อติจารา จ, มชฺชปานา จ อารกาฯ

    Theyyā ca aticārā ca, majjapānā ca ārakā.

    ๖๗๕.

    675.

    ‘‘ปญฺจสิกฺขาปเท รตา, อริยสจฺจาน โกวิทา;

    ‘‘Pañcasikkhāpade ratā, ariyasaccāna kovidā;

    อุปาสิกา จกฺขุมโต, โคตมสฺส ยสสฺสิโนฯ

    Upāsikā cakkhumato, gotamassa yasassino.

    ๖๗๖.

    676.

    ‘‘ตสฺสา เม ญาติกุลา ทาสี, สทา มาลาภิหารติ;

    ‘‘Tassā me ñātikulā dāsī, sadā mālābhihārati;

    ตาหํ ภควโต ถูเป, สพฺพเมวาภิโรปยิํฯ

    Tāhaṃ bhagavato thūpe, sabbamevābhiropayiṃ.

    ๖๗๗.

    677.

    ‘‘อุโปสเถ จหํ คนฺตฺวา, มาลาคนฺธวิเลปนํ;

    ‘‘Uposathe cahaṃ gantvā, mālāgandhavilepanaṃ;

    ถูปสฺมิํ อภิโรเปสิํ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิฯ

    Thūpasmiṃ abhiropesiṃ, pasannā sehi pāṇibhi.

    ๖๗๘.

    678.

    ‘‘เตน กเมฺมน เทวินฺท, รูปํ มยฺหํ คตี จ เม;

    ‘‘Tena kammena devinda, rūpaṃ mayhaṃ gatī ca me;

    อิทฺธิ จ อานุภาโว จ, ยํ มาลํ อภิโรปยิํฯ

    Iddhi ca ānubhāvo ca, yaṃ mālaṃ abhiropayiṃ.

    ๖๗๙.

    679.

    ‘‘ยญฺจ สีลวตี อาสิํ, น ตํ ตาว วิปจฺจติ;

    ‘‘Yañca sīlavatī āsiṃ, na taṃ tāva vipaccati;

    อาสา จ ปน เม เทวินฺท, สกทาคามินี สิย’’นฺติฯ

    Āsā ca pana me devinda, sakadāgāminī siya’’nti.

    ๖๖๙. ตตฺถ คตีติ อยํ เทวคติ, นิพฺพตฺติ วาฯ อิทฺธีติ อยํ เทวิทฺธิ, อธิปฺปายสมิชฺฌนํ วาฯ อานุภาโวติ ปภาโวฯ ปุรินฺททาติ สกฺกํ อาลปติฯ โส หิ ปุเร ทานํ อทาสีติ ‘‘ปุรินฺทโท’’ติ วุจฺจติฯ

    669. Tattha gatīti ayaṃ devagati, nibbatti vā. Iddhīti ayaṃ deviddhi, adhippāyasamijjhanaṃ vā. Ānubhāvoti pabhāvo. Purindadāti sakkaṃ ālapati. So hi pure dānaṃ adāsīti ‘‘purindado’’ti vuccati.

    ๖๗๖. ญาติกุลาติ ปิตุ เคหํ สนฺธาย วทติฯ สทา มาลาภิหารตีติ สทา สพฺพกาลํ ทิวเส ทิวเส ญาติกุลโต ทาสิยา ปุปฺผํ มยฺหํ อภิหรียติฯ สพฺพเมวาภิโรปยินฺติ มยฺหํ ปิฬนฺธนตฺถาย ปิตุเคหโต อาหฎํ มาลํ อญฺญญฺจ คนฺธาทิํ สพฺพเมว อตฺตนา อปริภุญฺชิตฺวา ภควโต ถูเป ปูชนวเสน อภิโรปยิํ ปูชํ กาเรสิํฯ

    676.Ñātikulāti pitu gehaṃ sandhāya vadati. Sadā mālābhihāratīti sadā sabbakālaṃ divase divase ñātikulato dāsiyā pupphaṃ mayhaṃ abhiharīyati. Sabbamevābhiropayinti mayhaṃ piḷandhanatthāya pitugehato āhaṭaṃ mālaṃ aññañca gandhādiṃ sabbameva attanā aparibhuñjitvā bhagavato thūpe pūjanavasena abhiropayiṃ pūjaṃ kāresiṃ.

    ๖๗๗-๘. อุโปสเถ จหํ คนฺตฺวาติ อุโปสถทิวเส อหเมว ถูปฎฺฐานํ คนฺตฺวาฯ ยํ มาลํ อภิโรปยินฺติ ยํ ตทา ภควโต ถูเป มาลาคนฺธาภิโรปนํ กตํ, เตน กเมฺมนาติ โยชนาฯ

    677-8.Uposathe cahaṃ gantvāti uposathadivase ahameva thūpaṭṭhānaṃ gantvā. Yaṃ mālaṃ abhiropayinti yaṃ tadā bhagavato thūpe mālāgandhābhiropanaṃ kataṃ, tena kammenāti yojanā.

    ๖๗๙. น ตํ ตาว วิปจฺจตีติ ยํ สีลวตี อาสิํ, ตํ สีลรกฺขณํ ตํ รกฺขิตํ สีลํ ปูชามยปุญฺญสฺส พลวภาเวน อลโทฺธกาสํ น ตาว วิปจฺจติ , น วิปจฺจิตุํ อารทฺธํ, อปรสฺมิํเยว อตฺตภาเว ตสฺส วิปาโกติ อโตฺถฯ อาสา จ ปน เม เทวินฺท, สกทาคามินี สิยนฺติ ‘‘กถํ นุ โข อหํ สกทาคามินี ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนา จ เม เทวินฺท, อริยธมฺมวิสยาว, น ภววิเสสวิสยาฯ สา ปน สปฺปิมณฺฑํ อิจฺฉโต ทธิโต ปจิตํ วิย อนิปฺผาทินีติ ทเสฺสติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    679.Na taṃ tāva vipaccatīti yaṃ sīlavatī āsiṃ, taṃ sīlarakkhaṇaṃ taṃ rakkhitaṃ sīlaṃ pūjāmayapuññassa balavabhāvena aladdhokāsaṃ na tāva vipaccati , na vipaccituṃ āraddhaṃ, aparasmiṃyeva attabhāve tassa vipākoti attho. Āsā ca pana me devinda, sakadāgāminī siyanti ‘‘kathaṃ nu kho ahaṃ sakadāgāminī bhaveyya’’nti patthanā ca me devinda, ariyadhammavisayāva, na bhavavisesavisayā. Sā pana sappimaṇḍaṃ icchato dadhito pacitaṃ viya anipphādinīti dasseti. Sesaṃ vuttanayameva.

    อิมํ ปน อตฺถํ สโกฺก เทวานมิโนฺท อตฺตนา จ ตาย เทวธีตาย จ วุตฺตนิยาเมเนว อายสฺมโต วงฺคีสเตฺถรสฺส อาโรเจสิฯ อายสฺมา วงฺคีโส สงฺคีติกาเล ธมฺมสงฺคาหกานํ มหาเถรานํ อาโรเจสิ, เต จ ตํ ตเถว สงฺคีติํ อาโรปยิํสูติฯ

    Imaṃ pana atthaṃ sakko devānamindo attanā ca tāya devadhītāya ca vuttaniyāmeneva āyasmato vaṅgīsattherassa ārocesi. Āyasmā vaṅgīso saṅgītikāle dhammasaṅgāhakānaṃ mahātherānaṃ ārocesi, te ca taṃ tatheva saṅgītiṃ āropayiṃsūti.

    วิสาลกฺขิวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Visālakkhivimānavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๙. วิสาลกฺขิวิมานวตฺถุ • 9. Visālakkhivimānavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact