Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa

    อภิธมฺมปิฎเก

    Abhidhammapiṭake

    ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา

    Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā

    วีสติคาถาวณฺณนา

    Vīsatigāthāvaṇṇanā

    . อภิธมฺมสํวณฺณนาย อตฺถํ สํวเณฺณตุกาโม ตสฺสา อาทิคาถาย ตาว ปโยชนสมฺพนฺธาภิธานปุพฺพงฺคมํ อตฺถํ นิทฺธาเรโนฺต อุฬารชฺฌาสยานํ นิสมฺมการีนํ ปฎิปตฺติ ปเรสํ วิวิธหิตสุขนิปฺผาทนปฺปโยชนาติ อาจริยสฺสาปิ ธมฺมสํวณฺณนาย อาทิมฺหิ สตฺถริ นิปจฺจการสฺส อนฺตรายวิโสสนตฺถตา วิย สตฺถริ ธเมฺม จ ปเรสํ อจฺจนฺตสุขปฺปฎิลาภสํวตฺตนิยสทฺธารตนุปฺปาทนตฺถตาปิ สิยาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ธมฺมสํวณฺณนาย’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชมาเน อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตีติ ธโมฺมติ สามญฺญวจโนปิ ธมฺม-สโทฺท สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนน อิธ ปริยตฺติวิเสสวิสโยฯ สํวณฺณียติ อโตฺถ เอตายาติ สํวณฺณนา, อฎฺฐกถาฯ

    1. Abhidhammasaṃvaṇṇanāya atthaṃ saṃvaṇṇetukāmo tassā ādigāthāya tāva payojanasambandhābhidhānapubbaṅgamaṃ atthaṃ niddhārento uḷārajjhāsayānaṃ nisammakārīnaṃ paṭipatti paresaṃ vividhahitasukhanipphādanappayojanāti ācariyassāpi dhammasaṃvaṇṇanāya ādimhi satthari nipaccakārassa antarāyavisosanatthatā viya satthari dhamme ca paresaṃ accantasukhappaṭilābhasaṃvattaniyasaddhāratanuppādanatthatāpi siyāti dassetuṃ ‘‘dhammasaṃvaṇṇanāya’’ntiādimāha. Tattha yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjamāne apāyesu apatamāne dhāretīti dhammoti sāmaññavacanopi dhamma-saddo saddantarasannidhānena idha pariyattivisesavisayo. Saṃvaṇṇīyati attho etāyāti saṃvaṇṇanā, aṭṭhakathā.

    ติวิธยานมุเขน วิมุตฺติธมฺมํ ยถารหมนุสาสตีติ สตฺถาฯ ปณมนํ ปณาโม, กายวาจาจิเตฺตหิ สตฺถุ คุณนินฺนตาฯ กิริยา กรณํ, ปณามสฺส กรณํ ปณามกรณํ, วนฺทนาปโยโคฯ โส จ กิญฺจาปิ ‘‘อิทานิ อธิเปฺปตํ ปณามํ กโรโนฺต’’ติอาทินา ‘‘ตสฺส ปาเท นมสฺสิตฺวา’’ติอาทิกสฺส อธิเปฺปตปณามภาวํ ทเสฺสสฺสติ, ‘‘กรุณา วิยา’’ติอาทิกสฺส ปน สพฺพสฺส โถมนาวเสน วุตฺตสฺสปิ วเสน เวทิตโพฺพฯ โส หิ สตฺถุ มหากรุณาทิคุณวิเสสกิตฺตนวเสน ปวโตฺต มหากรุณาทิคุณวิเสสาวินาภาวินา สํวณฺณิยมานสํวณฺณนาธมฺมวิภาวิเตน ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตภาเวน สฺวากฺขาตธเมฺม สตฺถริ อนุปฺปนฺนสทฺธานํ สทฺธาชนนาย, อุปฺปนฺนสทฺธานญฺจ ภิโยฺยภาวาย โหติฯ สตฺถุโน จ อวิปรีตธมฺมเทสนภาเวน อวิตถเทสนาภูเต ธเมฺมติ เอเตน สตฺถุโน มหากรุณาทิคุณานํเยว จ ผลวิเสสนิปฺผาทนสมตฺถตาย ปสาทาวหตํ อาหฯ ธเมฺมน หิ สตฺถุสิทฺธิ, สตฺถารา จ ธมฺมสิทฺธิ, ธมฺมสมฺปตฺติยาปิ สตฺถุคุณตาย สตฺถุคุณวิภาวเนน สมฺปชฺชตีติฯ

    Tividhayānamukhena vimuttidhammaṃ yathārahamanusāsatīti satthā. Paṇamanaṃ paṇāmo, kāyavācācittehi satthu guṇaninnatā. Kiriyā karaṇaṃ, paṇāmassa karaṇaṃ paṇāmakaraṇaṃ, vandanāpayogo. So ca kiñcāpi ‘‘idāni adhippetaṃ paṇāmaṃ karonto’’tiādinā ‘‘tassa pāde namassitvā’’tiādikassa adhippetapaṇāmabhāvaṃ dassessati, ‘‘karuṇā viyā’’tiādikassa pana sabbassa thomanāvasena vuttassapi vasena veditabbo. So hi satthu mahākaruṇādiguṇavisesakittanavasena pavatto mahākaruṇādiguṇavisesāvinābhāvinā saṃvaṇṇiyamānasaṃvaṇṇanādhammavibhāvitena dhammassa svākkhātabhāvena svākkhātadhamme satthari anuppannasaddhānaṃ saddhājananāya, uppannasaddhānañca bhiyyobhāvāya hoti. Satthuno ca aviparītadhammadesanabhāvena avitathadesanābhūte dhammeti etena satthuno mahākaruṇādiguṇānaṃyeva ca phalavisesanipphādanasamatthatāya pasādāvahataṃ āha. Dhammena hi satthusiddhi, satthārā ca dhammasiddhi, dhammasampattiyāpi satthuguṇatāya satthuguṇavibhāvanena sampajjatīti.

    เอวํ สตฺถริ ปณามกรณสฺส เอกํ ปโยชนํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สมฺพนฺธํ วิภาเวติ ‘‘ตทุภยปฺปสาทา หี’’ติอาทินาฯ น หิ สตฺถริ ธเมฺม วา อปฺปสโนฺน สํวณฺณิยมาเน ตทธิคนฺตเพฺพ จ ธเมฺม สมฺมา ปฎิปชฺชติ, นาปิ สีลาทิอนุปาทาปรินิพฺพานนฺตํ มหนฺตํ อตฺถํ สาเธติ, ตสฺมา ธมฺมสํวณฺณนาสุ ปเรสํ สมฺมาปฎิปตฺติอากงฺขาย ตถารูปธมฺมปฎิคฺคาหเกหิ จ วินิโยชิเตน สตฺถริ ธเมฺม จ ปสาทุปฺปาทนํ สตฺถริ ปณามกรณํ วิหิตนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    Evaṃ satthari paṇāmakaraṇassa ekaṃ payojanaṃ dassetvā idāni sambandhaṃ vibhāveti ‘‘tadubhayappasādā hī’’tiādinā. Na hi satthari dhamme vā appasanno saṃvaṇṇiyamāne tadadhigantabbe ca dhamme sammā paṭipajjati, nāpi sīlādianupādāparinibbānantaṃ mahantaṃ atthaṃ sādheti, tasmā dhammasaṃvaṇṇanāsu paresaṃ sammāpaṭipattiākaṅkhāya tathārūpadhammapaṭiggāhakehi ca viniyojitena satthari dhamme ca pasāduppādanaṃ satthari paṇāmakaraṇaṃ vihitanti adhippāyo.

    ภควโต คุณสํกิตฺตนํ ตสฺส ธมฺมสงฺฆานมฺปิ โถมนา โหติเยวาติ วุตฺตํ ‘‘รตนตฺตยปณามวจน’’นฺติฯ ตถา จ วกฺขติ ‘‘ภควโต โถมเนเนวา’’ติอาทิ (ธ. ส. มูลฎี. ๖)ฯ วกฺขมานํ วา ‘‘สทฺธมฺมญฺจสฺส ปูเชตฺวา’’ติอาทิํ สนฺธาย วุตฺตํฯ วิญฺญาปนตฺถํ ปเรสํ วิญฺญูนนฺติ วา สมฺพนฺธนียํฯ อวิญฺญูนํ อปฺปมาณตาย อภาชนตาย จ วิญฺญูนํ คหณํฯ เต หิ พุทฺธาทีสุ สคารวสฺส ปมาณภูตตํ ชานนฺตา ตสฺส วจนํ โสตพฺพํ สทฺธาตพฺพํ มญฺญนฺติ, สมฺมเทว จ นํ อนุติฎฺฐนฺตา ตทธิปฺปายํ ปูเรนฺติฯ อิธาปิ ปุริมนเยเนว สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพ ปสาทวิญฺญาปนาทิมุเขนปิ สมฺมาปฎิปตฺติอากงฺขาย ปเวทิตตฺตาฯ

    Bhagavato guṇasaṃkittanaṃ tassa dhammasaṅghānampi thomanā hotiyevāti vuttaṃ ‘‘ratanattayapaṇāmavacana’’nti. Tathā ca vakkhati ‘‘bhagavato thomanenevā’’tiādi (dha. sa. mūlaṭī. 6). Vakkhamānaṃ vā ‘‘saddhammañcassa pūjetvā’’tiādiṃ sandhāya vuttaṃ. Viññāpanatthaṃ paresaṃ viññūnanti vā sambandhanīyaṃ. Aviññūnaṃ appamāṇatāya abhājanatāya ca viññūnaṃ gahaṇaṃ. Te hi buddhādīsu sagāravassa pamāṇabhūtataṃ jānantā tassa vacanaṃ sotabbaṃ saddhātabbaṃ maññanti, sammadeva ca naṃ anutiṭṭhantā tadadhippāyaṃ pūrenti. Idhāpi purimanayeneva sambandho veditabbo pasādaviññāpanādimukhenapi sammāpaṭipattiākaṅkhāya paveditattā.

    เอตฺถ จ ปฐโม อตฺถวิกโปฺป สทฺธานุสารีนํ ปุคฺคลานํ วเสน วุโตฺต, ทุติโย ธมฺมานุสารีนํฯ ปฐโม วา อสํสิทฺธสตฺถุธมฺมานํ วเสน วุโตฺต, ทุติโย สํสิทฺธสตฺถุธมฺมานํฯ ตถา ปฐโม ปฐเม รตเน ปณามกิริยาทสฺสนปโร, ทุติโย อิตเรสุปีติ อยํ วิเสโส เวทิตโพฺพฯ

    Ettha ca paṭhamo atthavikappo saddhānusārīnaṃ puggalānaṃ vasena vutto, dutiyo dhammānusārīnaṃ. Paṭhamo vā asaṃsiddhasatthudhammānaṃ vasena vutto, dutiyo saṃsiddhasatthudhammānaṃ. Tathā paṭhamo paṭhame ratane paṇāmakiriyādassanaparo, dutiyo itaresupīti ayaṃ viseso veditabbo.

    ปณาโม กรียติ เอตายาติ ปณามกรณํ, ปณามกิริยาภินิปฺผาทิกา เจตนาฯ สา หิ เขตฺตสมฺปตฺติยา อาจริยสฺส จ อชฺฌาสยสมฺปตฺติยา ทิฎฺฐธมฺมเวทนียภูตา ยถาลทฺธสมฺปตฺตินิมิตฺตกสฺส กมฺมสฺส พลานุปฺปทานวเสน ปุริมกมฺมนิปฺผนฺนสฺส วิปากสนฺตานสฺส อนฺตรา เวมเชฺฌ อายนฺติ อาปตนฺตีติ อนฺตรายาติ ลทฺธนามานํ โรคาทิอนตฺถานํ วิธายกสฺส อุปปีฬกสฺส อุปเจฺฉทกสฺส วา กมฺมสฺส วิทฺธํสนสมโตฺถ ปุญฺญาติสโยติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘รตนตฺตยปณาม…เป.… วิเสสภาวโต’’ติฯ เอวญฺจ กตฺวา ราคาทิปริยุฎฺฐานาภาววจเนน อนฺตรายสฺส การณภูตาย ปโยควิปตฺติยา อภาวสฺส, อตฺถลาภาทิวจเนน อนนฺตรายตาเหตุภูตาย ปโยคสมฺปตฺติยา สพฺภาวสฺส, ‘‘สพฺยาปชฺฌาย ปชาย อพฺยาปโชฺฌ วิหรตี’’ติ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑) วจเนน ทิเฎฺฐว ธเมฺม สุขวิหาริตาย จ ปกาสนํ มหานามสุตฺตํเยว อุทาหฎํฯ

    Paṇāmo karīyati etāyāti paṇāmakaraṇaṃ, paṇāmakiriyābhinipphādikā cetanā. Sā hi khettasampattiyā ācariyassa ca ajjhāsayasampattiyā diṭṭhadhammavedanīyabhūtā yathāladdhasampattinimittakassa kammassa balānuppadānavasena purimakammanipphannassa vipākasantānassa antarā vemajjhe āyanti āpatantīti antarāyāti laddhanāmānaṃ rogādianatthānaṃ vidhāyakassa upapīḷakassa upacchedakassa vā kammassa viddhaṃsanasamattho puññātisayoti imamatthaṃ dasseti ‘‘ratanattayapaṇāma…pe… visesabhāvato’’ti. Evañca katvā rāgādipariyuṭṭhānābhāvavacanena antarāyassa kāraṇabhūtāya payogavipattiyā abhāvassa, atthalābhādivacanena anantarāyatāhetubhūtāya payogasampattiyā sabbhāvassa, ‘‘sabyāpajjhāya pajāya abyāpajjho viharatī’’ti (a. ni. 6.10; 11.11) vacanena diṭṭheva dhamme sukhavihāritāya ca pakāsanaṃ mahānāmasuttaṃyeva udāhaṭaṃ.

    คุณวิเสสทสฺสนตฺถนฺติ เอเตน สติปิ กายมโนปณามานํ อนฺตรายวิโสสนสมตฺถภาเว เตหิ ปณามวิสยสฺส ปณามารหภาววิภาวเนน สาติสโย วจีปณาโม วิหิโตติ ทเสฺสติฯ คุณวิเสสวา หีติอาทินา อาจริยสฺส ยุตฺตปตฺตการิตํ ทเสฺสติฯ เทสนา วินยปิฎเกติ เอตฺถ นนุ วินยปิฎกสฺสปิ เทสนาภาวโต เทสนาวินยปิฎกานํ เภทวจนํ น ยุตฺตนฺติ? โน น ยุตฺตํ ‘‘ตีสุปิ เจเตสุ เอเต ธมฺมตฺถเทสนาปฎิเวธา’’ติ (ธ. ส. อฎฺฐ. นิทานกถา; ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.ปฐมมหาสงฺคีติกถา; ปารา. อฎฺฐ. ๑.ปฐมมหาสงฺคีติกถา) เอตฺถ วิย สมุทายเทสนาย อวยวเทสนานํ อาธารภาวโตฯ เทสนากาเล วา มนสา ววตฺถาปิตาย วินยตนฺติยา วินยปิฎกภาวโต ตทตฺถปญฺญาปนสฺส จ เทสนาภาวโต เภทวจนํฯ อถ วา เทสียติ เอเตนาติ เทสนา, เทสนาสมุฎฺฐาปโก จิตฺตุปฺปาโท, ตสฺส จ วินยปิฎกวิสโย กรุณาปุพฺพงฺคโม จ โสติ เอวเมตฺถ เภทวจโนปปตฺติ ทฎฺฐพฺพาฯ สุตฺตนฺตปิฎเกติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    Guṇavisesadassanatthanti etena satipi kāyamanopaṇāmānaṃ antarāyavisosanasamatthabhāve tehi paṇāmavisayassa paṇāmārahabhāvavibhāvanena sātisayo vacīpaṇāmo vihitoti dasseti. Guṇavisesavā hītiādinā ācariyassa yuttapattakāritaṃ dasseti. Desanā vinayapiṭaketi ettha nanu vinayapiṭakassapi desanābhāvato desanāvinayapiṭakānaṃ bhedavacanaṃ na yuttanti? No na yuttaṃ ‘‘tīsupi cetesu ete dhammatthadesanāpaṭivedhā’’ti (dha. sa. aṭṭha. nidānakathā; dī. ni. aṭṭha. 1.paṭhamamahāsaṅgītikathā; pārā. aṭṭha. 1.paṭhamamahāsaṅgītikathā) ettha viya samudāyadesanāya avayavadesanānaṃ ādhārabhāvato. Desanākāle vā manasā vavatthāpitāya vinayatantiyā vinayapiṭakabhāvato tadatthapaññāpanassa ca desanābhāvato bhedavacanaṃ. Atha vā desīyati etenāti desanā, desanāsamuṭṭhāpako cittuppādo, tassa ca vinayapiṭakavisayo karuṇāpubbaṅgamo ca soti evamettha bhedavacanopapatti daṭṭhabbā. Suttantapiṭaketiādīsupi eseva nayo.

    กถํ ปน ภควโต เทสนา วินยปิฎเก กรุณาปฺปธานา, สุตฺตาภิธมฺมปิฎเกสุ จ ปญฺญากรุณาปญฺญาปฺปธานาติ วิญฺญายตีติ? ยโต อุกฺกํสปริยนฺตคตหิโรตฺตโปฺปปิ ภควา โลกิยสาธุชเนหิปิ ปริหริตพฺพานิ ‘‘สิขรณี’’ติอาทีนิ วจนานิ ยถาปราธญฺจ ครหวจนานิ วินยปิฎกเทสนายํ มหากรุณาสโญฺจทิตมานโส มหาปริสมเชฺฌ อภาสิ, ตํตํสิกฺขาปทปญฺญตฺติการณาเปกฺขาย เวรญฺชาทีสุ สารีริกญฺจ เขทมนุโภสิ, ตสฺมา กิญฺจาปิ ภูมนฺตรปจฺจยาการสมยนฺตรกถานํ วิย วินยปญฺญตฺติยาปิ สมุฎฺฐาปิกา ปญฺญา อนญฺญสาธารณตาย อติสยกิจฺจวตี, ตโตปิ กรุณาย กิจฺจํ อธิกนฺติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ ‘‘วินยปิฎเก กรุณาปฺปธานา’’ติฯ กรุณาพฺยาปาราธิกตาย หิ เทสนาย กรุณาปฺปธานตา, สุตฺตนฺตเทสนาย มหากรุณาสมาปตฺติพหุโล เวเนยฺยสนฺตาเนสุ ตทชฺฌาสยานุโลเมน คมฺภีรมตฺถปทํ ปติฎฺฐเปสีติ กรุณาปญฺญาปฺปธานตา, อภิธมฺมเทสนาย ปน สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส วิสยภาวปฺปโหนโก รูปารูปปริเจฺฉโท ธมฺมสภาวานุโรเธน ปวตฺติโตติ ปญฺญาปฺปธานตาฯ เตเนว จ การเณนาติอาทินา เทสนานุรูปตํตํสํวณฺณนาย โถมนา อาจริยสฺส ปกตีติ ทเสฺสติฯ

    Kathaṃ pana bhagavato desanā vinayapiṭake karuṇāppadhānā, suttābhidhammapiṭakesu ca paññākaruṇāpaññāppadhānāti viññāyatīti? Yato ukkaṃsapariyantagatahirottappopi bhagavā lokiyasādhujanehipi pariharitabbāni ‘‘sikharaṇī’’tiādīni vacanāni yathāparādhañca garahavacanāni vinayapiṭakadesanāyaṃ mahākaruṇāsañcoditamānaso mahāparisamajjhe abhāsi, taṃtaṃsikkhāpadapaññattikāraṇāpekkhāya verañjādīsu sārīrikañca khedamanubhosi, tasmā kiñcāpi bhūmantarapaccayākārasamayantarakathānaṃ viya vinayapaññattiyāpi samuṭṭhāpikā paññā anaññasādhāraṇatāya atisayakiccavatī, tatopi karuṇāya kiccaṃ adhikanti adhippāyena vuttaṃ ‘‘vinayapiṭake karuṇāppadhānā’’ti. Karuṇābyāpārādhikatāya hi desanāya karuṇāppadhānatā, suttantadesanāya mahākaruṇāsamāpattibahulo veneyyasantānesu tadajjhāsayānulomena gambhīramatthapadaṃ patiṭṭhapesīti karuṇāpaññāppadhānatā, abhidhammadesanāya pana sabbaññutaññāṇassa visayabhāvappahonako rūpārūpaparicchedo dhammasabhāvānurodhena pavattitoti paññāppadhānatā. Teneva ca kāraṇenātiādinā desanānurūpataṃtaṃsaṃvaṇṇanāya thomanā ācariyassa pakatīti dasseti.

    กุสลา รูปํ จกฺขุมา ทส ทาฬิมาทิ สมูหวเสน อตฺถานวโพธนโตฺถ วิย อตฺถาวโพธนโตฺถ หิ สทฺทปฺปโยโค อตฺตปราธีโน เกวโล อตฺถปทตฺถโก, โส ปทตฺถวิปริเยสการินา อิติ-สเทฺทน สทฺทปทตฺถโก ชายตีติ อาห ‘‘กรุณา วิยาติ นิทสฺสนวจน’’นฺติฯ นิทสฺสนญฺหิ นาม นิทสฺสิตพฺพธเมฺม เตน จ สมฺพเนฺธ สติ โหติ, นาญฺญถาติ ตสฺส นิทสฺสนภาวํ วิภาเวโนฺต อาห ‘‘ยสฺส ยถา…เป.… ปวตฺติตฺถาติ อโตฺถ’’ติฯ

    Kusalā rūpaṃ cakkhumā dasa dāḷimādi samūhavasena atthānavabodhanattho viya atthāvabodhanattho hi saddappayogo attaparādhīno kevalo atthapadatthako, so padatthavipariyesakārinā iti-saddena saddapadatthako jāyatīti āha ‘‘karuṇā viyāti nidassanavacana’’nti. Nidassanañhi nāma nidassitabbadhamme tena ca sambandhe sati hoti, nāññathāti tassa nidassanabhāvaṃ vibhāvento āha ‘‘yassa yathā…pe… pavattitthāti attho’’ti.

    ‘‘ตตฺถ กรุณา วิยาติ นิทสฺสนวจน’’นฺติอาทินา นิทสฺสนนิทสฺสิตพฺพธมฺมานํ อาธารวิสยพฺยาปาเรหิ สวิเสสเนหิ สห ปกาสนวเสน คาถาย อตฺถตตฺวํ ทเสฺสตฺวา อวยวเภทวเสน อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘กิรตีติ กรุณา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ นิจฺฉนฺทราคานํ ภูตปุพฺพคติยา วา สตฺตตา เวทิตพฺพาฯ เอกสฺสปิ ธมฺมสฺส อเนกสามญฺญาการวนฺตตาย ‘‘ยถาสภาวํ ปกาเรหี’’ติ วุตฺตํฯ ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘สเพฺพ ธมฺมา สพฺพากาเรนา’’ติ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๘๕; ปฎิ. ม. ๓.๕) ธมฺมานํ อเญฺญยฺยตฺตํ ปฎิกฺขิปติ ญาตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตาภาวโตฯ เอเตน ตสฺสา ปญฺญาย อกิจฺฉวุตฺติตํ อาหฯ ยเถว หิ ‘‘เญเยฺยสุ สเพฺพสุ ปวตฺติตฺถา’’ติ เอตฺตาวตา อธิเปฺปตเตฺถ สิเทฺธ เตสํ อตฺตตฺตนิยตาวิรหสํสูจนตฺถํ ปเรสํ สตฺตาทิมิจฺฉาคาหปฎิเสธเนน ธมฺม-สเทฺทน เญยฺยา วิเสสิตพฺพา, เอวํ ‘‘ธเมฺมสุ สเพฺพสุ ปวตฺติตฺถา’’ติ เอตฺตาวตา จ อธิเปฺปตเตฺถ สิเทฺธ ธเมฺมสุ ตสฺสา ปญฺญาย อากงฺขปฺปฎิพทฺธตาย อกิจฺฉวุตฺติตํ ทเสฺสตุํ อเญฺญยฺยตฺตปฎิเสธเนน เญยฺย-สเทฺทน ธมฺมา วิเสสิตาติฯ เญยฺยธมฺม-สทฺทา นีลุปฺปลสทฺทา วิย อญฺญมญฺญํ เภทาเภทยุตฺตาติ ‘‘เญยฺยา จ เต ธมฺมา จา’’ติ วุตฺตํฯ ยา ยาติ ยถา-สทฺทสฺสตฺถํ ทเสฺสติฯ พฺยาปนิจฺฉายญฺหิ อยํ ยถา-สโทฺท, ตปฺปเภทา ปญฺญา ปวตฺติตฺถาติ สมฺพโนฺธติฯ

    ‘‘Tattha karuṇā viyāti nidassanavacana’’ntiādinā nidassananidassitabbadhammānaṃ ādhāravisayabyāpārehi savisesanehi saha pakāsanavasena gāthāya atthatatvaṃ dassetvā avayavabhedavasena atthaṃ dassetuṃ ‘‘kiratīti karuṇā’’tiādi vuttaṃ. Tattha nicchandarāgānaṃ bhūtapubbagatiyā vā sattatā veditabbā. Ekassapi dhammassa anekasāmaññākāravantatāya ‘‘yathāsabhāvaṃ pakārehī’’ti vuttaṃ. Tathā hi vuttaṃ – ‘‘sabbe dhammā sabbākārenā’’ti (mahāni. 156; cūḷani. mogharājamāṇavapucchāniddesa 85; paṭi. ma. 3.5) dhammānaṃ aññeyyattaṃ paṭikkhipati ñātuṃ asakkuṇeyyattābhāvato. Etena tassā paññāya akicchavuttitaṃ āha. Yatheva hi ‘‘ñeyyesu sabbesu pavattitthā’’ti ettāvatā adhippetatthe siddhe tesaṃ attattaniyatāvirahasaṃsūcanatthaṃ paresaṃ sattādimicchāgāhapaṭisedhanena dhamma-saddena ñeyyā visesitabbā, evaṃ ‘‘dhammesu sabbesu pavattitthā’’ti ettāvatā ca adhippetatthe siddhe dhammesu tassā paññāya ākaṅkhappaṭibaddhatāya akicchavuttitaṃ dassetuṃ aññeyyattapaṭisedhanena ñeyya-saddena dhammā visesitāti. Ñeyyadhamma-saddā nīluppalasaddā viya aññamaññaṃ bhedābhedayuttāti ‘‘ñeyyā ca te dhammā cā’’ti vuttaṃ. Yā yāti yathā-saddassatthaṃ dasseti. Byāpanicchāyañhi ayaṃ yathā-saddo, tappabhedā paññā pavattitthāti sambandhoti.

    ภควติ ปวตฺตาวาติ อิทํ เยภุเยฺยน อุปมาโนปเมยฺยตฺถานํ ภินฺนาธารตาย ภินฺนาธารสฺส จ อุปมานตฺถสฺส อิธ อสมฺภวโต วุตฺตํฯ ภควโต กรุณาย อเญฺญหิ อสาธารณภาโว สเตฺต สํสารทุกฺขโต อุทฺธริตฺวา อจฺจนฺตสุเข นิพฺพาเน ปติฎฺฐเปตุํ อตฺตโน สรีรชีวิตปริจฺจาเคนปิ เอกนฺตหิตชฺฌาสยตาวเสน เวทิตโพฺพ, ยโต วิเนยฺยานํ โกโสหิตวตฺถคุยฺหปหูตชิวฺหาวิทํสนมฺปิ กตํ, ยญฺจ ยทิเม สตฺตา ชาเนยฺยุํ, ภควโต สาสเนน รหทมิว สีตลํ สมฺปชฺชลิตํ อคฺคิกฺขนฺธมฺปิ สโมคาเหยฺยฯ อเญฺญสํ ปสฺสนฺตานนฺติ สมฺพโนฺธฯ อุทฺธฎาติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา มโหฆปกฺขนฺทานํ สตฺตานนฺติ กมฺมเตฺถ สามิวจนํฯ อยเญฺหตฺถ สเงฺขปโตฺถ – กามาทิมโหฆปกฺขเนฺท สเตฺต ตโต อุทฺธฎา นตฺถโญฺญ โกจิ มํ ฐเปตฺวาติ ปสฺสโต ยถา ภควโต กรุณาย อาวิสนํ โหติ, น เอวํ อเญฺญสํ ตถาทสฺสนเสฺสว อภาวโตฯ อถ วา อเญฺญสํ ปสฺสนฺตานนฺติ ยทิปิ ปเร ปเสฺสยฺยุํ, ตถาปิ น เตสํ ภควโต วิย กรุโณกฺกมนํ อตฺถิ อปฺปฎิปตฺติโต อตฺตหิตมตฺตปฎิปตฺติโต จาติ อโตฺถฯ

    Bhagavati pavattāvāti idaṃ yebhuyyena upamānopameyyatthānaṃ bhinnādhāratāya bhinnādhārassa ca upamānatthassa idha asambhavato vuttaṃ. Bhagavato karuṇāya aññehi asādhāraṇabhāvo satte saṃsāradukkhato uddharitvā accantasukhe nibbāne patiṭṭhapetuṃ attano sarīrajīvitapariccāgenapi ekantahitajjhāsayatāvasena veditabbo, yato vineyyānaṃ kosohitavatthaguyhapahūtajivhāvidaṃsanampi kataṃ, yañca yadime sattā jāneyyuṃ, bhagavato sāsanena rahadamiva sītalaṃ sampajjalitaṃ aggikkhandhampi samogāheyya. Aññesaṃ passantānanti sambandho. Uddhaṭāti padaṃ apekkhitvā mahoghapakkhandānaṃ sattānanti kammatthe sāmivacanaṃ. Ayañhettha saṅkhepattho – kāmādimahoghapakkhande satte tato uddhaṭā natthañño koci maṃ ṭhapetvāti passato yathā bhagavato karuṇāya āvisanaṃ hoti, na evaṃ aññesaṃ tathādassanasseva abhāvato. Atha vā aññesaṃ passantānanti yadipi pare passeyyuṃ, tathāpi na tesaṃ bhagavato viya karuṇokkamanaṃ atthi appaṭipattito attahitamattapaṭipattito cāti attho.

    อนาวรณา ตีสุ กาเลสุ สพฺพตฺถ อปฺปฎิหตวุตฺติตาย, อสาธารณา สพฺพธมฺมานํ นิรวเสสเหตุปจฺจยปริคฺคหวเสน เตสญฺจ สภาวกิจฺจาทิอวตฺถาวิเสสาทิปริชานเนน อายูหนเวลายเมว ตํตํกมฺมานํ ตํตํผลวิเสสหีนมชฺฌิมปณีตาทิวิภาคสฺส อินฺทฺริยพเทฺธสุ อนินฺทฺริยพเทฺธสุ จ อติสุขุมติโรหิตวิทูรวุตฺติอตีตานาคตาทิเภทภินฺนานํ รูปธมฺมานํ ตํตํการณสมวายวิภาวเนเนว ตํตํผเลสุ วณฺณสณฺฐานคนฺธรสผสฺสาทิวิเสสสฺส นิรวเสสโต ปฎิวิชฺฌเนน เวทิตพฺพาฯ อยญฺจ อโตฺถ ภควโต อเนกธาตุนานาธาตุโลกํ ยถาภูตํ ญาณาทิวเสน เวทิตโพฺพฯ ยถา จ ปสฺสนฺตสฺสาติ อิทํ ราคคฺคิอาทีหิ โลกสนฺนิวาสสฺส อาทิตฺตตาทิอาการทสฺสนํ ภควโต มหากรุโณกฺกมนุปายํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตํ ปน พหุเกหิ อากาเรหิ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สเตฺตสุ มหากรุณา โอกฺกมติฯ ‘‘อาทิโตฺต โลกสนฺนิวาโส…เป.… อุยฺยุโตฺต…เป.… ปยาโต…เป.… กุมฺมคฺคปฺปฎิปโนฺน…เป.… อุปนียติ โลโก อธุโว…เป.… อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร…เป.… อสฺสโก โลโก สพฺพํ ปหาย คมนียํ…เป.… อูโน โลโก อติโตฺต ตณฺหาทาโสติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สเตฺตสุ มหากรุณา โอกฺกมตี’’ติอาทินา (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๗) ปฎิสมฺภิทามเคฺค ปโรสตํ อากาเรหิ ทสฺสิตนฺติ คนฺถวิตฺถารํ ปริหริตุํ สํวณฺณยิตุญฺจ อุปายํ ทเสฺสตุํ อาห ‘‘ตํ สพฺพํ ปฎิสมฺภิทามเคฺค มหากรุณาญาณวิภงฺควเสน ชานิตพฺพ’’นฺติฯ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตอาสยานุสย ยมกปาฎิหาริย สพฺพญฺญุตานาวรณญาณานิ เสสาสาธารณญาณานิฯ เตสมฺปิ หิ วิภโงฺค ‘‘อิธ ตถาคโต สเตฺต ปสฺสติ อปฺปรชเกฺข’’ติอาทินา (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๑) ปฎิสมฺภิทามเคฺค นานปฺปกาเรน ทสฺสิโตติ ปุริมนเยเนว อติทิสติฯ อาทิ-สเทฺทน ตตฺถ วิภตฺตานํ ปฎิสมฺภิทาสจฺจญาณาทีนํ สงฺคโห กโตติ เวทิตโพฺพฯ

    Anāvaraṇā tīsu kālesu sabbattha appaṭihatavuttitāya, asādhāraṇā sabbadhammānaṃ niravasesahetupaccayapariggahavasena tesañca sabhāvakiccādiavatthāvisesādiparijānanena āyūhanavelāyameva taṃtaṃkammānaṃ taṃtaṃphalavisesahīnamajjhimapaṇītādivibhāgassa indriyabaddhesu anindriyabaddhesu ca atisukhumatirohitavidūravuttiatītānāgatādibhedabhinnānaṃ rūpadhammānaṃ taṃtaṃkāraṇasamavāyavibhāvaneneva taṃtaṃphalesu vaṇṇasaṇṭhānagandharasaphassādivisesassa niravasesato paṭivijjhanena veditabbā. Ayañca attho bhagavato anekadhātunānādhātulokaṃ yathābhūtaṃ ñāṇādivasena veditabbo. Yathā ca passantassāti idaṃ rāgaggiādīhi lokasannivāsassa ādittatādiākāradassanaṃ bhagavato mahākaruṇokkamanupāyaṃ sandhāya vuttaṃ. Taṃ pana bahukehi ākārehi passantānaṃ buddhānaṃ bhagavantānaṃ sattesu mahākaruṇā okkamati. ‘‘Āditto lokasannivāso…pe… uyyutto…pe… payāto…pe… kummaggappaṭipanno…pe… upanīyati loko adhuvo…pe… atāṇo loko anabhissaro…pe… assako loko sabbaṃ pahāya gamanīyaṃ…pe… ūno loko atitto taṇhādāsoti passantānaṃ buddhānaṃ bhagavantānaṃ sattesu mahākaruṇā okkamatī’’tiādinā (paṭi. ma. 1.117) paṭisambhidāmagge parosataṃ ākārehi dassitanti ganthavitthāraṃ pariharituṃ saṃvaṇṇayituñca upāyaṃ dassetuṃ āha ‘‘taṃ sabbaṃ paṭisambhidāmagge mahākaruṇāñāṇavibhaṅgavasena jānitabba’’nti. Indriyaparopariyattaāsayānusaya yamakapāṭihāriya sabbaññutānāvaraṇañāṇāni sesāsādhāraṇañāṇāni. Tesampi hi vibhaṅgo ‘‘idha tathāgato satte passati apparajakkhe’’tiādinā (paṭi. ma. 1.111) paṭisambhidāmagge nānappakārena dassitoti purimanayeneva atidisati. Ādi-saddena tattha vibhattānaṃ paṭisambhidāsaccañāṇādīnaṃ saṅgaho katoti veditabbo.

    นิปฺปเทสสปฺปเทสวิสยา กรุณา วิย ภควโต ปญฺญาปิ อิธ นิปฺปเทสสปฺปเทสวิสยา นิรวเสสา อธิเปฺปตาติ ตสฺสา กติปยเภททสฺสเนน นยโต ตทวสิฎฺฐเภทา คเหตพฺพาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปญฺญาคฺคหเณน จา’’ติอาทิมาหฯ เต ปน สีลสมาธิ ปญฺญาวิมุตฺติวิมุตฺติญาณทสฺสน, ทฺวาจตฺตาลีสสตทุกธมฺม, พาวีสติติกธมฺม, จตุสติปฎฺฐาน สมฺมปฺปธาน อิทฺธิปาท สามญฺญผล อริยวํสาทิ, ปญฺจคติ ปญฺจปธานิยงฺคปญฺจงฺคิกสมาธิ อินฺทฺริย พล นิสฺสารณียธาตุ วิมุตฺตายตน วิมุตฺติปริปาจนียธมฺมสญฺญาทิ, ฉสารณียธมฺม อนุสฺสติฎฺฐาน อคารวคารว นิสฺสารณิยธาตุ สตตวิหาร อนุตฺตริย นิเพฺพธภาคิยปญฺญาทิ, สตฺตอปริหานิยธมฺม อริยธน โพชฺฌงฺค สปฺปุริสธมฺมนิชฺชรวตฺถุ สญฺญา ทกฺขิเณยฺยปุคฺคลขีณาสวพลาทิ, อฎฺฐปญฺญาปฎิลาภเหตุ มิจฺฉตฺต สมฺมตฺต โลกธมฺม อริยานริยโวหาร อารมฺภวตฺถุ กุสีตวตฺถุ อกฺขณ มหาปุริสวิตกฺก อภิภายตน วิโมกฺขาทิ, นวโยนิโสมนสิการมูลธมฺมปาริสุทฺธิปธานิยงฺค สตฺตาวาส อาฆาตวตฺถุ อาฆาตปฎิวินย สญฺญานานตฺต อนุปุพฺพวิหาราทิ, ทสนาถกรธมฺม กสิณายตน อกุสลกมฺมปถ กุสลกมฺมปถ มิจฺฉตฺต สมฺมตฺต อริยวาส ทสพลญาณ อเสกฺขธมฺมาทิ, เอกาทสเมตฺตานิสํส สีลานิสํส ธมฺมตา พุทฺธิเหตุ, ทฺวาทสายตนปฎิจฺจสมุปฺปาท ธมฺมจกฺกาการ, เตรสธุตคุณ, จุทฺทสพุทฺธญาณ, ปญฺจทสจรณวิมุตฺติปริปาจนียธมฺม, โสฬสอานาปานสฺสติ สจฺจาการ สุตฺตนฺตปฎฺฐาน, อฎฺฐารส พุทฺธธมฺมธาตุ เภทกรวตฺถุ, เอกูนวีสติปจฺจเวกฺขณ, จตุวีสติปจฺจย, อฎฺฐวีสติสุตฺตนฺตปฎฺฐาน, ปณฺณาสอุทยพฺพยทสฺสน, ปโรปณฺณาสกุสลธมฺม, ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐิคต, อฎฺฐสตตณฺหาวิจริตาทิเภทานํ ธมฺมานํ ปฎิวิชฺฌนเทสนาการปฺปวตฺตา, เย จ จตุวีสติโกฎิสตสหสฺสสมาปตฺติสญฺจาริมหาวชิรญาณปฺปเภทา, เย จ อนนฺตนยสมนฺตปฎฺฐานปวิจยเทสนาการปฺปวตฺตา, เย จ อนนฺตาสุ โลกธาตูสุ อนนฺตานํ สตฺตานํ อาสยานุสยจริตาทิวิภาวนาการปฺปวตฺตาติ เอวํปการา ภควโต ปญฺญาปเภทา, สเพฺพปิ อิธ อาทิ-สเทฺทน นยโต สงฺคยฺหนฺตีติ เวทิตพฺพํฯ โก หิ สมโตฺถ ภควโต ปญฺญาย ปเภเท อนุปทํ นิรวเสสโต ทเสฺสตุํฯ เตเนว ภควนฺตํ ฐเปตฺวา ปญฺญวนฺตานํ อคฺคภูโต ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตเตฺถโรปิ พุทฺธคุณปริเจฺฉทนํ ปติอนุยุโตฺต ‘‘อปิจ เม, ภเนฺต, ธมฺมนฺวโย วิทิโต’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๔๖) อาหาติฯ

    Nippadesasappadesavisayā karuṇā viya bhagavato paññāpi idha nippadesasappadesavisayā niravasesā adhippetāti tassā katipayabhedadassanena nayato tadavasiṭṭhabhedā gahetabbāti dassento ‘‘paññāggahaṇena cā’’tiādimāha. Te pana sīlasamādhi paññāvimuttivimuttiñāṇadassana, dvācattālīsasatadukadhamma, bāvīsatitikadhamma, catusatipaṭṭhāna sammappadhāna iddhipāda sāmaññaphala ariyavaṃsādi, pañcagati pañcapadhāniyaṅgapañcaṅgikasamādhi indriya bala nissāraṇīyadhātu vimuttāyatana vimuttiparipācanīyadhammasaññādi, chasāraṇīyadhamma anussatiṭṭhāna agāravagārava nissāraṇiyadhātu satatavihāra anuttariya nibbedhabhāgiyapaññādi, sattaaparihāniyadhamma ariyadhana bojjhaṅga sappurisadhammanijjaravatthu saññā dakkhiṇeyyapuggalakhīṇāsavabalādi, aṭṭhapaññāpaṭilābhahetu micchatta sammatta lokadhamma ariyānariyavohāra ārambhavatthu kusītavatthu akkhaṇa mahāpurisavitakka abhibhāyatana vimokkhādi, navayonisomanasikāramūladhammapārisuddhipadhāniyaṅga sattāvāsa āghātavatthu āghātapaṭivinaya saññānānatta anupubbavihārādi, dasanāthakaradhamma kasiṇāyatana akusalakammapatha kusalakammapatha micchatta sammatta ariyavāsa dasabalañāṇa asekkhadhammādi, ekādasamettānisaṃsa sīlānisaṃsa dhammatā buddhihetu, dvādasāyatanapaṭiccasamuppāda dhammacakkākāra, terasadhutaguṇa, cuddasabuddhañāṇa, pañcadasacaraṇavimuttiparipācanīyadhamma, soḷasaānāpānassati saccākāra suttantapaṭṭhāna, aṭṭhārasa buddhadhammadhātu bhedakaravatthu, ekūnavīsatipaccavekkhaṇa, catuvīsatipaccaya, aṭṭhavīsatisuttantapaṭṭhāna, paṇṇāsaudayabbayadassana, paropaṇṇāsakusaladhamma, dvāsaṭṭhidiṭṭhigata, aṭṭhasatataṇhāvicaritādibhedānaṃ dhammānaṃ paṭivijjhanadesanākārappavattā, ye ca catuvīsatikoṭisatasahassasamāpattisañcārimahāvajirañāṇappabhedā, ye ca anantanayasamantapaṭṭhānapavicayadesanākārappavattā, ye ca anantāsu lokadhātūsu anantānaṃ sattānaṃ āsayānusayacaritādivibhāvanākārappavattāti evaṃpakārā bhagavato paññāpabhedā, sabbepi idha ādi-saddena nayato saṅgayhantīti veditabbaṃ. Ko hi samattho bhagavato paññāya pabhede anupadaṃ niravasesato dassetuṃ. Teneva bhagavantaṃ ṭhapetvā paññavantānaṃ aggabhūto dhammasenāpatisāriputtattheropi buddhaguṇaparicchedanaṃ patianuyutto ‘‘apica me, bhante, dhammanvayo vidito’’ti (dī. ni. 2.146) āhāti.

    สํสารมโหฆปกฺขนฺทานํ สตฺตานํ ตโต สนฺตารณตฺถํ ปฎิปโนฺน เตหิ ปโยชิโต นาม โหติ อสติปิ เตสํ ตถาวิเธ อภิสนฺธิยนฺติ วุตฺตํ ‘‘สตฺตา หิ มหาโพธิํ ปโยเชนฺตี’’ติฯ เอเตน สเพฺพนาติ มหาโพธิมูลาทิทสฺสเนนฯ อปคมนํ นิรุปกฺกิเลสนฺติ โยเชตพฺพํฯ ชาตสํวทฺธภาวทสฺสเนน ‘‘อนาทิ อนิธโน จ สโตฺต’’ติ เอวํปการา มิจฺฉาวาทา ปฎิเสธิตา โหนฺติฯ สมญฺญา…เป.… ทเสฺสติ สเตฺต ปรมตฺถโต อสติปิ สตฺตปญฺญตฺติโวหารสูจนโตฯ กรุณา อาทิปญฺญา ปริโยสานนฺติ อิทํ สมฺภรณนิปฺผตฺติกาลาเปกฺขาย วุตฺตํ, น ปริเจฺฉทวนฺตตายฯ เตเนวาห ‘‘ตนฺนิทานภาวโต ตโต อุตฺตริกรณียาภาวโต’’ติฯ สเพฺพ พุทฺธคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ นยโต ทสฺสิตตฺตาฯ เอโส เอว หิ อนวเสสโต พุทฺธคุณทสฺสนุปาโย ยทิทํ นยคฺคาหณํฯ ปรธนหรณาทิโตปิ วิรติ ปเรสํ อนตฺถปริหรณวสปฺปวตฺติยา สิยา กรุณูปนิสฺสยาติ กรุณานิทานํ สีลํฯ ตโต เอว ‘‘ตโต ปาณาติปาตาทิวิรติปฺปวตฺติโต’’ติ วุตฺตํฯ

    Saṃsāramahoghapakkhandānaṃ sattānaṃ tato santāraṇatthaṃ paṭipanno tehi payojito nāma hoti asatipi tesaṃ tathāvidhe abhisandhiyanti vuttaṃ ‘‘sattā hi mahābodhiṃ payojentī’’ti. Etena sabbenāti mahābodhimūlādidassanena. Apagamanaṃ nirupakkilesanti yojetabbaṃ. Jātasaṃvaddhabhāvadassanena ‘‘anādi anidhano ca satto’’ti evaṃpakārā micchāvādā paṭisedhitā honti. Samaññā…pe… dasseti satte paramatthato asatipi sattapaññattivohārasūcanato. Karuṇā ādipaññā pariyosānanti idaṃ sambharaṇanipphattikālāpekkhāya vuttaṃ, na paricchedavantatāya. Tenevāha ‘‘tannidānabhāvato tato uttarikaraṇīyābhāvato’’ti. Sabbe buddhaguṇā dassitā honti nayato dassitattā. Eso eva hi anavasesato buddhaguṇadassanupāyo yadidaṃ nayaggāhaṇaṃ. Paradhanaharaṇāditopi virati paresaṃ anatthapariharaṇavasappavattiyā siyā karuṇūpanissayāti karuṇānidānaṃ sīlaṃ. Tato eva ‘‘tato pāṇātipātādiviratippavattito’’ti vuttaṃ.

    . ยสฺสา สํวณฺณนนฺติอาทินา ‘‘ทยายา’’ติอาทิโถมนาย สมฺพนฺธํ ทเสฺสติฯ ปโยชนํ ปน วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํฯ อพฺภนฺตรํ นิยกชฺฌตฺตํ, ตโต พหิภูตํ พาหิรํทยาติ กรุณา อธิเปฺปตาติ ทยา-สทฺทสฺส เมตฺตากรุณานํ วาจกตฺตา วกฺขมานญฺจ อนุโยคํ มนสิ กตฺวา วุตฺตํฯ ตาย หิ สมุสฺสาหิโต, น เมตฺตายาติ อธิปฺปาโยฯ ปุเพฺพ วุตฺตสฺส ปฎินิเทฺทโส โหตีติ -สทฺทสฺส อตฺถํ อาหฯ นฺติ ปญฺญํ วิเสเสตฺวา อุปมาภาเวน วินิวตฺตา จริตตฺถตายฯ ปฎินิเทฺทสํ นารหติ ปธานาปธาเนสุ ปธาเน กิจฺจทสฺสนโตฯ ทฺวินฺนํ ปทานํ…เป.… วโตติ กรุณาวาจินา ทยา-สเทฺทน เอกาธิกรณภาเวน วุจฺจมาโน -สโทฺท ตโต อญฺญธมฺมวิสโย ภวิตุํ น ยุโตฺตติ อธิปฺปาโยฯ อปริยายสทฺทานํ สมานาธิกรณภาโว วิเสสนวิเสสิตพฺพภาเว สติ โหติ, นาญฺญถาติ อาห ‘‘สมานา…เป.… โหตี’’ติฯ สมานาธิกรณภาเวน เหตฺถ วิเสสนวิเสสิตพฺพภาโว สาธียติ, สา จ สมานาธิกรณตา วิสิฎฺฐวิภตฺติกานํ น โหตีติ สมานวิภตฺติตายปิ ตเมว สาธียตีติ ‘‘ทยา…เป.… จิท’’นฺติ อิทํ ทยาย วิเสสิตพฺพภาเว การณวจนํฯ ปธานตาย หิ สามญฺญตาย จ สา วิเสสิตพฺพา ชาตาฯ ตตฺถ ภควโต ตทเญฺญสญฺจ กรุณานํ วาจกตฺตา สามญฺญตา เวทิตพฺพาฯ ตสฺส จาติ ทยา-สทฺทสฺสฯ ‘‘ปธานญฺจ ปญฺญ’’นฺติอาทินา กิญฺจาปิ ปุริมคาถาย ปญฺญาปฺปธานา, ‘‘ตายา’’ติ ปน เกวลํ อวตฺวา ทยาวิเสสนภาเวน วุตฺตตฺตา อปฺปธานายปิ กรุณาย ปฎินิเทฺทโส ยุโตฺตติ ทเสฺสติฯ อปฺปธานตา จ กรุณาย ปุริมคาถาย วเสน วุตฺตา, อิธ ปน ปธานา เอวฯ ตถา จ วุตฺตํ ‘‘ทยาสมุสฺสาหินีติ ปธานา’’ติ (ธ. ส. มูลฎี. ๒)ฯ

    2. Yassā saṃvaṇṇanantiādinā ‘‘dayāyā’’tiādithomanāya sambandhaṃ dasseti. Payojanaṃ pana vuttanayena veditabbaṃ. Abbhantaraṃ niyakajjhattaṃ, tato bahibhūtaṃ bāhiraṃ. Dayāti karuṇā adhippetāti dayā-saddassa mettākaruṇānaṃ vācakattā vakkhamānañca anuyogaṃ manasi katvā vuttaṃ. Tāya hi samussāhito, na mettāyāti adhippāyo. Pubbe vuttassa paṭiniddeso hotīti ta-saddassa atthaṃ āha. Tanti paññaṃ visesetvā upamābhāvena vinivattā caritatthatāya. Paṭiniddesaṃ nārahati padhānāpadhānesu padhāne kiccadassanato. Dvinnaṃ padānaṃ…pe… vatoti karuṇāvācinā dayā-saddena ekādhikaraṇabhāvena vuccamāno ta-saddo tato aññadhammavisayo bhavituṃ na yuttoti adhippāyo. Apariyāyasaddānaṃ samānādhikaraṇabhāvo visesanavisesitabbabhāve sati hoti, nāññathāti āha ‘‘samānā…pe… hotī’’ti. Samānādhikaraṇabhāvena hettha visesanavisesitabbabhāvo sādhīyati, sā ca samānādhikaraṇatā visiṭṭhavibhattikānaṃ na hotīti samānavibhattitāyapi tameva sādhīyatīti ‘‘dayā…pe… cida’’nti idaṃ dayāya visesitabbabhāve kāraṇavacanaṃ. Padhānatāya hi sāmaññatāya ca sā visesitabbā jātā. Tattha bhagavato tadaññesañca karuṇānaṃ vācakattā sāmaññatā veditabbā. Tassa cāti dayā-saddassa. ‘‘Padhānañca pañña’’ntiādinā kiñcāpi purimagāthāya paññāppadhānā, ‘‘tāyā’’ti pana kevalaṃ avatvā dayāvisesanabhāvena vuttattā appadhānāyapi karuṇāya paṭiniddeso yuttoti dasseti. Appadhānatā ca karuṇāya purimagāthāya vasena vuttā, idha pana padhānā eva. Tathā ca vuttaṃ ‘‘dayāsamussāhinīti padhānā’’ti (dha. sa. mūlaṭī. 2).

    กถํ ปน…เป.… ญาตพฺพาติ วกฺขมานเญฺญว อตฺถํ หทเย ฐเปตฺวา โจเทติฯ ยทิ เอวนฺติ ยทิ อฎฺฐกถาย อธิปฺปายํ อคฺคเหตฺวา วจนมตฺตเมว คณฺหสิฯ เมตฺตาติ จ น ยุเชฺชยฺยาติ ยถา ‘‘เมตฺตจิตฺตตํ อาปโนฺน’’ติ เอติสฺสา อฎฺฐกถาย วเสน น ทยา กรุณา , เอวํ ‘‘นิกฺกรุณตํ อาปโนฺน’’ติ เอติสฺสา อฎฺฐกถาย วเสน น ทยา เมตฺตาติ วจนมตฺตคฺคหเณ อฎฺฐกถานมฺปิ วิโรธํ ทเสฺสติฯ ‘‘อธิปฺปายวเสน โยเชตโพฺพ’’ติ วตฺวา ตเมว อธิปฺปายํ ทยา-สโทฺท หีติอาทินา วิวรติฯ อกฺขรจินฺตกา หิ ทยา-สทฺทํ ทานคติรกฺขเณสุ ปฐนฺติฯ อนุรกฺขณญฺจ เมตฺตากรุณานํ หิตูปสํหารทุกฺขาปนยนาการวุตฺตีนํ สมานกิจฺจํ, ตสฺมา อุภยตฺถ ทยา-สโทฺท ปวตฺตตีติ วุตฺตํฯ อโนฺตนีตนฺติ อโนฺตคธํ, รุกฺขโตฺถ วิย ธวขทิราทีนํ อนุรกฺขณโตฺถ เมตฺตากรุณานํ สามญฺญนฺติ อโตฺถ, อธิปฺปาโย ปน ‘‘ทยาปโนฺน’’ติ เอตฺถ สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปีติ อนนฺตรํ กรุณาย วุตฺตตฺตา ทยา-สโทฺท เมตฺตาปริยาโยติ วิญฺญายติฯ เมตฺตาปิ หิ กรุณา วิย ปาณาติปาตวิรติยา การณนฺติฯ ‘‘อทยาปโนฺน’’ติ เอตฺถ ปน การุณิโก อวิหิํ สชฺฌาสยตฺตา ปเรสํ วิเหสามตฺตมฺปิ น กโรติ, โก ปน วาโท ปาณาติปาตเนติ นิกฺกรุณตาย ปาณาติปาติตา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพาฯ เอตเมวตฺถํ สนฺธาย ‘‘เอวญฺหิ อฎฺฐกถานํ อวิโรโธ โหตี’’ติ อาหฯ ยทิ ทยา-สโทฺท เมตฺตากรุณานํ วาจโก, เอวมฺปิกถํ ปน กรุณา ‘‘ทยา’’ติ ชานิตพฺพาติ อนุโยโค ตทวโตฺถ เอวาติ โจทนํ มนสิ กตฺวา กรุณา จ เทสนายาติอาทินา กรุณาย เอว คหเณ การณมาหฯ

    Kathaṃ pana…pe… ñātabbāti vakkhamānaññeva atthaṃ hadaye ṭhapetvā codeti. Yadi evanti yadi aṭṭhakathāya adhippāyaṃ aggahetvā vacanamattameva gaṇhasi. Mettāti ca na yujjeyyāti yathā ‘‘mettacittataṃ āpanno’’ti etissā aṭṭhakathāya vasena na dayā karuṇā , evaṃ ‘‘nikkaruṇataṃ āpanno’’ti etissā aṭṭhakathāya vasena na dayā mettāti vacanamattaggahaṇe aṭṭhakathānampi virodhaṃ dasseti. ‘‘Adhippāyavasena yojetabbo’’ti vatvā tameva adhippāyaṃ dayā-saddo hītiādinā vivarati. Akkharacintakā hi dayā-saddaṃ dānagatirakkhaṇesu paṭhanti. Anurakkhaṇañca mettākaruṇānaṃ hitūpasaṃhāradukkhāpanayanākāravuttīnaṃ samānakiccaṃ, tasmā ubhayattha dayā-saddo pavattatīti vuttaṃ. Antonītanti antogadhaṃ, rukkhattho viya dhavakhadirādīnaṃ anurakkhaṇattho mettākaruṇānaṃ sāmaññanti attho, adhippāyo pana ‘‘dayāpanno’’ti ettha sabbapāṇabhūtahitānukampīti anantaraṃ karuṇāya vuttattā dayā-saddo mettāpariyāyoti viññāyati. Mettāpi hi karuṇā viya pāṇātipātaviratiyā kāraṇanti. ‘‘Adayāpanno’’ti ettha pana kāruṇiko avihiṃ sajjhāsayattā paresaṃ vihesāmattampi na karoti, ko pana vādo pāṇātipātaneti nikkaruṇatāya pāṇātipātitā dassitāti veditabbā. Etamevatthaṃ sandhāya ‘‘evañhi aṭṭhakathānaṃ avirodho hotī’’ti āha. Yadi dayā-saddo mettākaruṇānaṃ vācako, evampikathaṃ pana karuṇā ‘‘dayā’’ti jānitabbāti anuyogo tadavattho evāti codanaṃ manasi katvā karuṇā ca desanāyātiādinā karuṇāya eva gahaṇe kāraṇamāha.

    นนุ ตายาติอาทินา สามตฺถิยโตปิ ปกรณํ พลวนฺติ ปกรณวเสเนว กรุณาวิสยสฺส ญาตตํ ทเสฺสติฯ ยถารุจิ ปวตฺติตฺถาติ เอตํ ปุริมคาถาย สปฺปเทสนิปฺปเทสสตฺตวิสยาย กรุณาย คหิตภาวสฺส การณวจนํฯ ยถารุจิปวตฺติ หิ เอกสฺมิํ อเนเกสุ จ อิจฺฉานุรูปปฺปวตฺตีติฯ ‘‘อิธ ปน นิปฺปเทสสตฺตวิสยตํ คเหตุ’’นฺติ เอเตน สิเทฺธ สติ อารโมฺภ ญาปกโตฺถ โหตีติ ปุน ‘‘สเตฺตสู’’ติ วจนํ อิมมตฺถวิเสสํ โพเธตีติ ทเสฺสติฯ น เทเวสุเยวาติอาทินาปิ ทยาสาธนสฺส สมุสฺสาหนสฺส สตฺตวิสยภาเว สามตฺถิยลเทฺธปิ ‘‘สเตฺตสู’’ติ วจนํ ตสฺส นิปฺปเทสสตฺตวิสยภาโว อธิเปฺปโตติ อิมํ วิเสสํ ญาเปตีติ ทเสฺสติฯ

    Nanu tāyātiādinā sāmatthiyatopi pakaraṇaṃ balavanti pakaraṇavaseneva karuṇāvisayassa ñātataṃ dasseti. Yathāruci pavattitthāti etaṃ purimagāthāya sappadesanippadesasattavisayāya karuṇāya gahitabhāvassa kāraṇavacanaṃ. Yathārucipavatti hi ekasmiṃ anekesu ca icchānurūpappavattīti. ‘‘Idha pana nippadesasattavisayataṃ gahetu’’nti etena siddhe sati ārambho ñāpakattho hotīti puna ‘‘sattesū’’ti vacanaṃ imamatthavisesaṃ bodhetīti dasseti. Na devesuyevātiādināpi dayāsādhanassa samussāhanassa sattavisayabhāve sāmatthiyaladdhepi ‘‘sattesū’’ti vacanaṃ tassa nippadesasattavisayabhāvo adhippetoti imaṃ visesaṃ ñāpetīti dasseti.

    กาลเทสเทสกปริสาทิปริทีปนํ พาหิรนิทานนฺติ กาลาทีนิ นิทฺธาเรโนฺต ‘‘ยสฺมิํ กาเล’’ติอาทิมาหฯ อวสานมฺหิ วสโนฺต ติทสาลเยติ วจนโตติ เอเตน ตสฺส ปาฎิหาริยสฺส สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนน อวจฺฉินฺนตํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ ปวตฺตโวหาเรน จ น สกฺกาติ ปุถุชฺชนสนฺตาเนปิ ราคาทิปฎิปกฺขหรณสฺส อภาวโต นิจฺฉนฺทราเคสุ สตฺตโวหาโร วิย ปุถุชฺชนสนฺตาเน ราคาทิปฎิปกฺขหรณวเสน ปวตฺตํ ตทภาเวปิ ภควโต สนฺตาเน รุฬฺหีวเสน ปาฎิหาริยเนฺตฺวว วุจฺจตีติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ อธิปฺปาโยฯ ทิฎฺฐิหรณวเสน เย สมฺมาทิฎฺฐิกา ชาตา อเจลกกสฺสปาทโย วิย, ทิฎฺฐิปฺปกาสเน อสมตฺถภาเวน อปฺปฎิภานภาวาทิปฺปตฺติยา สจฺจกาทโย วิยฯ

    Kāladesadesakaparisādiparidīpanaṃ bāhiranidānanti kālādīni niddhārento ‘‘yasmiṃ kāle’’tiādimāha. Avasānamhi vasanto tidasālayeti vacanatoti etena tassa pāṭihāriyassa saddantarasannidhānena avacchinnataṃ dasseti. Tattha pavattavohārena ca na sakkāti puthujjanasantānepi rāgādipaṭipakkhaharaṇassa abhāvato nicchandarāgesu sattavohāro viya puthujjanasantāne rāgādipaṭipakkhaharaṇavasena pavattaṃ tadabhāvepi bhagavato santāne ruḷhīvasena pāṭihāriyantveva vuccatīti na sakkā vattunti adhippāyo. Diṭṭhiharaṇavasena ye sammādiṭṭhikā jātā acelakakassapādayo viya, diṭṭhippakāsane asamatthabhāvena appaṭibhānabhāvādippattiyā saccakādayo viya.

    . สีตปพฺพตา นาม ‘‘สิเนรุํ ปริวาเรตฺวา ฐิตา ยุคนฺธโร…เป.… คิริ พฺรหา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๗; ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑ เวรญฺชกณฺฑวณฺณนา) เอวํ วุตฺตปพฺพตาฯ

    3. Sītapabbatā nāma ‘‘sineruṃ parivāretvā ṭhitā yugandharo…pe… giri brahā’’ti (visuddhi. 1.137; pārā. aṭṭha. 1.1 verañjakaṇḍavaṇṇanā) evaṃ vuttapabbatā.

    ๔-๕. สพฺพโส จกฺกวาฬสหเสฺสหิ สพฺพโส อาคมฺม สพฺพโส สนฺนิสิเนฺนนาติ สมฺพนฺธวเสน ตโย วิกปฺปา ยุตฺตา, สพฺพโส จกฺกวาฬสหเสฺสหิ ทสหิ ทสหีติ ปน อนิฎฺฐสาธนโต ปฎิเสธิโตฯ วชฺชิตเพฺพติ เย วเชฺชตุํ สกฺกา ‘‘อติสมฺมุขา อติสมีปํ อุนฺนตปฺปเทโส’’ติ, เอเตฯ อิตเร ปน ตสฺสา ปริสาย มหนฺตภาเวน น สกฺกา ปริหริตุํฯ

    4-5. Sabbaso cakkavāḷasahassehi sabbaso āgamma sabbaso sannisinnenāti sambandhavasena tayo vikappā yuttā, sabbaso cakkavāḷasahassehi dasahi dasahīti pana aniṭṭhasādhanato paṭisedhito. Vajjitabbeti ye vajjetuṃ sakkā ‘‘atisammukhā atisamīpaṃ unnatappadeso’’ti, ete. Itare pana tassā parisāya mahantabhāvena na sakkā pariharituṃ.

    ‘‘สพฺพเญยฺย…เป.… สมตฺถา’’ติ วตฺวา เตสํ เทเสตพฺพปฺปการชานนสมตฺถาติ วจนํ อตฺตนา ปฎิวิทฺธาการสฺส ธมฺมสามินาปิ ปเรสํ เทเสตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา วุตฺตํฯ อญฺญถา สเพฺพปิ สตฺตา ทิฎฺฐสจฺจา เอว ภเวยฺยุํฯ สพฺพเญยฺยธมฺมานํ ยถาสภาวชานนสมตฺถตาทิเยว ยถาวุตฺตพลํฯ เตสํ คหณสมตฺถตํ ทีเปติ, อธิกวจนมญฺญมตฺถํ โพเธตีติ อธิปฺปาโยฯ

    ‘‘Sabbañeyya…pe… samatthā’’ti vatvā tesaṃ desetabbappakārajānanasamatthāti vacanaṃ attanā paṭividdhākārassa dhammasāmināpi paresaṃ desetuṃ asakkuṇeyyattā vuttaṃ. Aññathā sabbepi sattā diṭṭhasaccā eva bhaveyyuṃ. Sabbañeyyadhammānaṃ yathāsabhāvajānanasamatthatādiyeva yathāvuttabalaṃ. Tesaṃ gahaṇasamatthataṃ dīpeti, adhikavacanamaññamatthaṃ bodhetīti adhippāyo.

    . ตถาคโต วนฺทนีโยติอาทินา ‘‘นมสฺสิตฺวา’’ติอาทิกิริยาวิเสสานํ ตํตํสุตฺตานุโรเธน ปวตฺติตมาหฯ สรีรโสภคฺคาทีติ อาทิ-สเทฺทน กลฺยาณวากฺกรณตาอาธิปจฺจปริวารสมฺปตฺติอาทิ สงฺคยฺหติฯ

    6. Tathāgato vandanīyotiādinā ‘‘namassitvā’’tiādikiriyāvisesānaṃ taṃtaṃsuttānurodhena pavattitamāha. Sarīrasobhaggādīti ādi-saddena kalyāṇavākkaraṇatāādhipaccaparivārasampattiādi saṅgayhati.

    . อนฺตรธาเปตฺวาติ นิโรเธตฺวาฯ นิโรธนเญฺจตฺถ อุปฺปาทกเหตุปริหรณวเสน เตสํ อนุปฺปตฺติกรณนฺติ เวทิตพฺพํฯ อตฺถํ ปกาสยิสฺสามีติ สมฺพโนฺธติ ‘‘โสเสตฺวา’’ติ ปุพฺพกาลกิริยาย อปรกาลกิริยาเปกฺขตาย วุตฺตํฯ

    7. Antaradhāpetvāti nirodhetvā. Nirodhanañcettha uppādakahetupariharaṇavasena tesaṃ anuppattikaraṇanti veditabbaṃ. Atthaṃ pakāsayissāmīti sambandhoti ‘‘sosetvā’’ti pubbakālakiriyāya aparakālakiriyāpekkhatāya vuttaṃ.

    . ทุกฺกรภาวํ ทีเปตุนฺติ อทุกฺกรสฺส ตถาอภิยาเจตพฺพตาภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ ปาราชิกสงฺฆาทิเสสานํ สีลวิปตฺติภาวโต ถุลฺลจฺจยาทีนญฺจ เยภุเยฺยน อาจารวิปตฺติภาวโต อาจารสีลานํ ตถา โยชนา กตา, ตถา จาริตฺตสีลสฺส อาจารสภาวตฺตา อิตรํ สภาเวเนว คเหตฺวา ทุติยาฯ อสกฺกุเณยฺยนฺติ วิสุทฺธาจาราทิคุณสมนฺนาคเตน สพฺรหฺมจารินา สทฺธมฺมจิรฎฺฐิตตฺถํ สาทรํ อภิยาจิเตน เตน จ อภิธมฺมตฺถปฺปกาสเน สมโตฺถติ ยาถาวโต ปมาณิเตน ตพฺพิมุขภาโว น สุกโรติ อธิปฺปาโยฯ

    8. Dukkarabhāvaṃdīpetunti adukkarassa tathāabhiyācetabbatābhāvatoti adhippāyo. Pārājikasaṅghādisesānaṃ sīlavipattibhāvato thullaccayādīnañca yebhuyyena ācāravipattibhāvato ācārasīlānaṃ tathā yojanā katā, tathā cārittasīlassa ācārasabhāvattā itaraṃ sabhāveneva gahetvā dutiyā. Asakkuṇeyyanti visuddhācārādiguṇasamannāgatena sabrahmacārinā saddhammaciraṭṭhitatthaṃ sādaraṃ abhiyācitena tena ca abhidhammatthappakāsane samatthoti yāthāvato pamāṇitena tabbimukhabhāvo na sukaroti adhippāyo.

    . เทวเทว-สทฺทสฺส อโตฺถ ปฎฺฐานสํวณฺณนาฎีกายํ วิปญฺจิโตติ น วิตฺถารยิมฺหฯ

    9. Devadeva-saddassa attho paṭṭhānasaṃvaṇṇanāṭīkāyaṃ vipañcitoti na vitthārayimha.

    ๑๓. ปฐมสงฺคีติยํ ยา อฎฺฐกถา สงฺคีตาติ วจเนน สา ภควโต ธรมานกาเลปิ อฎฺฐกถา สํวิชฺชติ, เตน ปาโฐ วิย ภควํมูลิกาวาติ วิญฺญายติฯ ‘‘อภิธมฺมสฺสา’’ติ ปทํ ‘‘อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ เอตทเปกฺขนฺติ ‘‘กสฺส ปน สา อฎฺฐกถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา อธิการวเสน ตเมว อภิธมฺมปทํ อากฑฺฒติฯ อาวุตฺติอาทิวเสน วา อยมโตฺถ วิภาเวตโพฺพฯ

    13. Paṭhamasaṅgītiyaṃ yā aṭṭhakathā saṅgītāti vacanena sā bhagavato dharamānakālepi aṭṭhakathā saṃvijjati, tena pāṭho viya bhagavaṃmūlikāvāti viññāyati. ‘‘Abhidhammassā’’ti padaṃ ‘‘atthaṃ pakāsayissāmī’’ti etadapekkhanti ‘‘kassa pana sā aṭṭhakathā’’ti pucchitvā adhikāravasena tameva abhidhammapadaṃ ākaḍḍhati. Āvuttiādivasena vā ayamattho vibhāvetabbo.

    ๑๖. อริยมคฺคสฺส โพชฺฌงฺคมคฺคงฺคฌานงฺควิเสสํ ปาทกชฺฌานเมว นิยเมตีติอาทินยปฺปวโตฺต ติปิฎกจูฬนาคเตฺถรวาโท อาทิ-สเทฺทน วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธา นิยเมนฺติ, ปุคฺคลชฺฌาสโย นิยเมตีติ เอวมาทโย โมรวาปิวาสิมหาทตฺตเตฺถรติปิฎกจูฬาภยเตฺถรวาทาทโย สงฺคยฺหนฺติฯ ตปฺปกาสเนเนวาติ อภิธมฺมสฺส อตฺถปฺปกาสเนเนวฯ โสติ มหาวิหารวาสีนํ วินิจฺฉโยฯ ตถาติ อสมฺมิสฺสานากุลภาเวนฯ อสมฺมิสฺสานากุลภูโต วา วินิจฺฉโย มหาวิหารวาสีนํ สนฺตกภาเวน, เอเตน อภิธมฺมสฺส อตฺถปฺปกาสเนเนว มหาวิหารวาสีนํ วินิจฺฉโย อิธ อภินิปฺผาทียตีติ ทเสฺสติฯ อถ วา ตปฺปกาสเนเนวาติ อสมฺมิสฺสานากุลภาวปฺปกาสเนเนว ฯ โสติ ปกาสิยมาโน อภิธมฺมโตฺถฯ ตถาติ มหาวิหารวาสีนํ วินิจฺฉยภาเวนฯ อิมสฺมิํ อตฺถวิกเปฺป ‘‘อสมฺมิสฺสํ อนากุลํ อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ สมฺพนฺธนียํฯ

    16. Ariyamaggassa bojjhaṅgamaggaṅgajhānaṅgavisesaṃ pādakajjhānameva niyametītiādinayappavatto tipiṭakacūḷanāgattheravādo ādi-saddena vipassanāya ārammaṇabhūtā khandhā niyamenti, puggalajjhāsayo niyametīti evamādayo moravāpivāsimahādattattheratipiṭakacūḷābhayattheravādādayo saṅgayhanti. Tappakāsanenevāti abhidhammassa atthappakāsaneneva. Soti mahāvihāravāsīnaṃ vinicchayo. Tathāti asammissānākulabhāvena. Asammissānākulabhūto vā vinicchayo mahāvihāravāsīnaṃ santakabhāvena, etena abhidhammassa atthappakāsaneneva mahāvihāravāsīnaṃ vinicchayo idha abhinipphādīyatīti dasseti. Atha vā tappakāsanenevāti asammissānākulabhāvappakāsaneneva . Soti pakāsiyamāno abhidhammattho. Tathāti mahāvihāravāsīnaṃ vinicchayabhāvena. Imasmiṃ atthavikappe ‘‘asammissaṃ anākulaṃ atthaṃ pakāsayissāmī’’ti sambandhanīyaṃ.

    ๑๗. อญฺญญฺจ สพฺพํ อตฺถปฺปกาสนํ โหตีติ โตสนํ โหตีติ อโตฺถฯ เตเนวาห ‘‘สเพฺพน เตน โตสนํ กตํ โหตี’’ติฯ ยุตฺตรูปา โยชนาฯ

    17. Aññañcasabbaṃ atthappakāsanaṃ hotīti tosanaṃ hotīti attho. Tenevāha ‘‘sabbena tena tosanaṃ kataṃ hotī’’ti. Yuttarūpā yojanā.

    วีสติคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vīsatigāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / วีสติคาถาวณฺณนา • Vīsatigāthāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact