Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๑๐. วิตกฺกสณฺฐานสุตฺตวณฺณนา

    10. Vitakkasaṇṭhānasuttavaṇṇanā

    ๒๑๖. เอวํ เม สุตนฺติ วิตกฺกสณฺฐานสุตฺตํฯ ตตฺถ อธิจิตฺตมนุยุเตฺตนาติ ทสกุสลกมฺมปถวเสน อุปฺปนฺนํ จิตฺตํ จิตฺตเมว, วิปสฺสนาปาทกอฎฺฐสมาปตฺติจิตฺตํ ตโต จิตฺตโต อธิกํ จิตฺตนฺติ อธิจิตฺตํฯ อนุยุเตฺตนาติ ตํ อธิจิตฺตํ อนุยุเตฺตน, ตตฺถ ยุตฺตปฺปยุเตฺตนาติ อโตฺถฯ

    216.Evaṃme sutanti vitakkasaṇṭhānasuttaṃ. Tattha adhicittamanuyuttenāti dasakusalakammapathavasena uppannaṃ cittaṃ cittameva, vipassanāpādakaaṭṭhasamāpatticittaṃ tato cittato adhikaṃ cittanti adhicittaṃ. Anuyuttenāti taṃ adhicittaṃ anuyuttena, tattha yuttappayuttenāti attho.

    ตตฺรายํ ภิกฺขุ ปุเรภตฺตํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฎิกฺกโนฺต นิสีทนํ อาทาย อสุกสฺมิํ รุกฺขมูเล วา วนสเณฺฑ วา ปพฺพตปาเท วา ปพฺภาเร วา สมณธมฺมํ กริสฺสามีติ นิกฺขมโนฺตปิ, ตตฺถ คนฺตฺวา หเตฺถหิ วา ปาเทหิ วา นิสชฺชฎฺฐานโต ติณปณฺณานิ อปเนโนฺตปิ อธิจิตฺตํ อนุยุโตฺตเยวฯ นิสีทิตฺวา ปน หตฺถปาเท โธวิตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา มูลกมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา วิหรโนฺตปิ อธิจิตฺตํ อนุยุโตฺตเยวฯ

    Tatrāyaṃ bhikkhu purebhattaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātappaṭikkanto nisīdanaṃ ādāya asukasmiṃ rukkhamūle vā vanasaṇḍe vā pabbatapāde vā pabbhāre vā samaṇadhammaṃ karissāmīti nikkhamantopi, tattha gantvā hatthehi vā pādehi vā nisajjaṭṭhānato tiṇapaṇṇāni apanentopi adhicittaṃ anuyuttoyeva. Nisīditvā pana hatthapāde dhovitvā pallaṅkaṃ ābhujitvā mūlakammaṭṭhānaṃ gahetvā viharantopi adhicittaṃ anuyuttoyeva.

    นิมิตฺตานีติ การณานิฯ กาเลน กาลนฺติ สมเย สมเยฯ น นุ จ กมฺมฎฺฐานํ นาม มุหุตฺตมฺปิ อฉเฑฺฑตฺวา นิรนฺตรํ มนสิกาตพฺพํ, กสฺมา ภควา ‘‘กาเลน กาล’’นฺติ อาหาติฯ ปาฬิยญฺหิ อฎฺฐติํส กมฺมฎฺฐานานิ วิภตฺตานิ, เตสุ ภิกฺขุนา อตฺตโน จิตฺตรุจิตํ กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา นิสิเนฺนน ยาว โกจิเทว อุปกฺกิเลโส นุปฺปชฺชติ, ตาว อิเมสํ นิมิตฺตานํ มนสิการกิจฺจํ นตฺถิฯ ยทา ปน อุปฺปชฺชติ, ตทา อิมานิ คเหตฺวา จิเตฺต อุปฺปนฺนํ อพฺพุทํ นีหริตพฺพนฺติ ทเสฺสโนฺต เอวมาหฯ

    Nimittānīti kāraṇāni. Kālena kālanti samaye samaye. Na nu ca kammaṭṭhānaṃ nāma muhuttampi achaḍḍetvā nirantaraṃ manasikātabbaṃ, kasmā bhagavā ‘‘kālena kāla’’nti āhāti. Pāḷiyañhi aṭṭhatiṃsa kammaṭṭhānāni vibhattāni, tesu bhikkhunā attano cittarucitaṃ kammaṭṭhānaṃ gahetvā nisinnena yāva kocideva upakkileso nuppajjati, tāva imesaṃ nimittānaṃ manasikārakiccaṃ natthi. Yadā pana uppajjati, tadā imāni gahetvā citte uppannaṃ abbudaṃ nīharitabbanti dassento evamāha.

    ฉนฺทูปสํหิตาติ ฉนฺทสหคตา ราคสมฺปยุตฺตาฯ อิเมสํ ปน ติณฺณํ วิตกฺกานํ เขตฺตญฺจ อารมฺมณญฺจ ชานิตพฺพํฯ ตตฺถ ฉนฺทูปสญฺหิตานํ อฎฺฐ โลภสหคตจิตฺตานิ เขตฺตํ, โทสูปสญฺหิตานํ เทฺว โทมนสฺสสหคตานิ, โมหูปสญฺหิตานํ ทฺวาทสปิ อกุสลจิตฺตานิฯ วิจิกิจฺฉาอุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตจิตฺตานิ ปน เทฺว เอเตสํ ปาฎิปุคฺคลิกํ เขตฺตํฯ สเพฺพสมฺปิ สตฺตา เจว สงฺขารา จ อารมฺมณํ, อิฎฺฐานิฎฺฐอสมเปกฺขิเตสุ หิ สเตฺตสุ จ สงฺขาเรสุ จ เต อุปฺปชฺชนฺติ ฯ อญฺญมฺปิ นิมิตฺตํ มนสิกาตพฺพํ กุสลูปสํหิตนฺติ ตโต นิมิตฺตโต อญฺญํ กุสลนิสฺสิตํ นิมิตฺตํ มนสิกาตพฺพํฯ ตตฺถ อญฺญํ นิมิตฺตํ นาม ฉนฺทูปสญฺหิเต วิตเกฺก สเตฺตสุ อุปฺปเนฺน อสุภภาวนา อญฺญํ นิมิตฺตํ นามฯ สงฺขาเรสุ อุปฺปเนฺน อนิจฺจมนสิกาโร อญฺญํ นิมิตฺตํ นามฯ โทสูปสญฺหิเต สเตฺตสุ อุปฺปเนฺน เมตฺตาภาวนา อญฺญํ นิมิตฺตํ นามฯ สงฺขาเรสุ อุปฺปเนฺน ธาตุมนสิกาโร อญฺญํ นิมิตฺตํ นามฯ โมหูปสญฺหิเต ยตฺถ กตฺถจิ อุปฺปเนฺน ปญฺจธมฺมูปนิสฺสโย อญฺญํ นิมิตฺตํ นามฯ

    Chandūpasaṃhitāti chandasahagatā rāgasampayuttā. Imesaṃ pana tiṇṇaṃ vitakkānaṃ khettañca ārammaṇañca jānitabbaṃ. Tattha chandūpasañhitānaṃ aṭṭha lobhasahagatacittāni khettaṃ, dosūpasañhitānaṃ dve domanassasahagatāni, mohūpasañhitānaṃ dvādasapi akusalacittāni. Vicikicchāuddhaccasampayuttacittāni pana dve etesaṃ pāṭipuggalikaṃ khettaṃ. Sabbesampi sattā ceva saṅkhārā ca ārammaṇaṃ, iṭṭhāniṭṭhaasamapekkhitesu hi sattesu ca saṅkhāresu ca te uppajjanti . Aññampi nimittaṃ manasikātabbaṃ kusalūpasaṃhitanti tato nimittato aññaṃ kusalanissitaṃ nimittaṃ manasikātabbaṃ. Tattha aññaṃ nimittaṃ nāma chandūpasañhite vitakke sattesu uppanne asubhabhāvanā aññaṃ nimittaṃ nāma. Saṅkhāresu uppanne aniccamanasikāro aññaṃ nimittaṃ nāma. Dosūpasañhite sattesu uppanne mettābhāvanā aññaṃ nimittaṃ nāma. Saṅkhāresu uppanne dhātumanasikāro aññaṃ nimittaṃ nāma. Mohūpasañhite yattha katthaci uppanne pañcadhammūpanissayo aññaṃ nimittaṃ nāma.

    อิมสฺส หตฺถา วา โสภนา ปาทา วาติอาทินา นเยน หิ สเตฺตสุ โลเภ อุปฺปเนฺน อสุภโต อุปสํหริตพฺพํฯ กิมฺหิ สารโตฺตสิ? เกเสสุ สารโตฺตสิฯ โลเมสุ…เป.… มุเตฺตสุ สารโตฺตสิฯ อยํ อตฺตภาโว นาม ตีหิ อฎฺฐิสเตหิ อุสฺสาปิโต, นวหิ นฺหารุสเตหิ อาพโทฺธ, นวหิ มํสเปสิสเตหิ อนุลิโตฺต, อลฺลจเมฺมน ปริโยนโทฺธ, ฉวิราเคน ปฎิจฺฉโนฺน, นวหิ วณมุเขหิ นวนวุติโลมกูปสหเสฺสหิ จ อสุจิ ปคฺฆรติ, กุณปปูริโต, ทุคฺคโนฺธ, เชคุโจฺฉ, ปฎิกูโล, ทฺวตฺติํสกุณปสญฺจโย, นเตฺถตฺถ สารํ วา วรํ วาติ เอวํ อสุภโต อุปสํหรนฺตสฺส สเตฺตสุ อุปฺปโนฺน โลโภ ปหียติ, เตนสฺส อสุภโต อุปสํหรณํ อญฺญํ นิมิตฺตํ นาม โหติฯ

    Imassa hatthā vā sobhanā pādā vātiādinā nayena hi sattesu lobhe uppanne asubhato upasaṃharitabbaṃ. Kimhi sārattosi? Kesesu sārattosi. Lomesu…pe… muttesu sārattosi. Ayaṃ attabhāvo nāma tīhi aṭṭhisatehi ussāpito, navahi nhārusatehi ābaddho, navahi maṃsapesisatehi anulitto, allacammena pariyonaddho, chavirāgena paṭicchanno, navahi vaṇamukhehi navanavutilomakūpasahassehi ca asuci paggharati, kuṇapapūrito, duggandho, jeguccho, paṭikūlo, dvattiṃsakuṇapasañcayo, natthettha sāraṃ vā varaṃ vāti evaṃ asubhato upasaṃharantassa sattesu uppanno lobho pahīyati, tenassa asubhato upasaṃharaṇaṃ aññaṃ nimittaṃ nāma hoti.

    ปตฺตจีวราทีสุ สงฺขาเรสุ โลเภ อุปฺปเนฺน ทฺวีหากาเรหิ สงฺขารมชฺฌตฺตตํ สมุฎฺฐาเปตีติ สติปฎฺฐานวณฺณนายํ วุตฺตนเยน อสฺสามิกตาวกาลิกภาววเสน มนสิกโรโต โส ปหียติฯ เตนสฺส อนิจฺจโต มนสิกาโร อญฺญํ นิมิตฺตํ นาม โหติฯ สเตฺตสุ โทเส อุปฺปเนฺน ปน อาฆาตวินยกกโจปโมวาทาทีนํ วเสน เมตฺตา ภาเวตพฺพา, ตํ ภาวยโต โทโส ปหียติ, เตนสฺส เมตฺตาภาวนา อญฺญํ นิมิตฺตํ นาม โหติฯ ขาณุกณฺฎกติณปณฺณาทีสุ ปน โทเส อุปฺปเนฺน ตฺวํ กสฺส กุปฺปสิ, กิํ ปถวีธาตุยา, อุทาหุ อาโปธาตุยา, โก วา ปนายํ กุปฺปติ นาม, กิํ ปถวีธาตุ อุทาหุ อาโปธาตูติอาทินา นเยน ธาตุมนสิการํ กโรนฺตสฺส โทโส ปหียติฯ เตนสฺส ธาตุมนสิกาโร อญฺญํ นิมิตฺตํ นาม โหติฯ

    Pattacīvarādīsu saṅkhāresu lobhe uppanne dvīhākārehi saṅkhāramajjhattataṃ samuṭṭhāpetīti satipaṭṭhānavaṇṇanāyaṃ vuttanayena assāmikatāvakālikabhāvavasena manasikaroto so pahīyati. Tenassa aniccato manasikāro aññaṃ nimittaṃ nāma hoti. Sattesu dose uppanne pana āghātavinayakakacopamovādādīnaṃ vasena mettā bhāvetabbā, taṃ bhāvayato doso pahīyati, tenassa mettābhāvanā aññaṃ nimittaṃ nāma hoti. Khāṇukaṇṭakatiṇapaṇṇādīsu pana dose uppanne tvaṃ kassa kuppasi, kiṃ pathavīdhātuyā, udāhu āpodhātuyā, ko vā panāyaṃ kuppati nāma, kiṃ pathavīdhātu udāhu āpodhātūtiādinā nayena dhātumanasikāraṃ karontassa doso pahīyati. Tenassa dhātumanasikāro aññaṃ nimittaṃ nāma hoti.

    โมเห ปน ยตฺถ กตฺถจิ อุปฺปเนฺน –

    Mohe pana yattha katthaci uppanne –

    ‘‘ครูสํวาโส อุเทฺทโส, อุทฺทิฎฺฐปริปุจฺฉนํ;

    ‘‘Garūsaṃvāso uddeso, uddiṭṭhaparipucchanaṃ;

    กาเลน ธมฺมสฺสวนํ, ฐานาฎฺฐานวินิจฺฉโย;

    Kālena dhammassavanaṃ, ṭhānāṭṭhānavinicchayo;

    ปญฺจ ธมฺมูปนิสฺสาย, โมหธาตุ ปหียตี’’ติฯ –

    Pañca dhammūpanissāya, mohadhātu pahīyatī’’ti. –

    อิเม ปญฺจ ธมฺมา อุปนิสฺสิตพฺพาฯ ครุํ อุปนิสฺสาย วิหรโนฺต หิ ภิกฺขุ – ‘‘อาจริโย คามปฺปเวสนํ อนาปุจฺฉนฺตสฺส ปตฺตกาเล วตฺตํ อกโรนฺตสฺส ฆฎสตอุทกาหรณาทิทณฺฑกมฺมํ กโรตี’’ติ ยตฺตปฺปฎิยโตฺต โหติ, อถสฺส โมโห ปหียติฯ อุเทฺทสํ คณฺหโนฺตปิ – ‘‘อาจริโย อุเทฺทสกาเล อุเทฺทสํ อคฺคณฺหนฺตสฺส อสาธุกํ สชฺฌายนฺตสฺส จ ทณฺฑกมฺมํ กโรตี’’ติ ยตฺตปฺปฎิยโตฺต โหติ, เอวมฺปิสฺส โมโห ปหียติฯ ครุภาวนีเย ภิกฺขู อุปสํกมิตฺวา ‘‘อิทํ ภเนฺต กถํ อิมสฺส โก อโตฺถ’’ติ ปริปุจฺฉโนฺต กํขํ วิโนเทติ, เอวมฺปิสฺส โมโห ปหียติฯ กาเลน ธมฺมสวนฎฺฐานํ คนฺตฺวา สกฺกจฺจํ ธมฺมํ สุณนฺตสฺสาปิ เตสุ เตสุ ฐาเนสุ อโตฺถ ปากโฎ โหติฯ เอวมฺปิสฺส โมโห ปหียติฯ อิทมสฺส การณํ, อิทํ น การณนฺติ ฐานาฎฺฐานวินิจฺฉเย เฉโก โหติ, เอวมฺปิสฺส โมโห ปหียติฯ เตนสฺส ปญฺจธมฺมูปนิสฺสโย อญฺญํ นิมิตฺตํ นาม โหติฯ

    Ime pañca dhammā upanissitabbā. Garuṃ upanissāya viharanto hi bhikkhu – ‘‘ācariyo gāmappavesanaṃ anāpucchantassa pattakāle vattaṃ akarontassa ghaṭasataudakāharaṇādidaṇḍakammaṃ karotī’’ti yattappaṭiyatto hoti, athassa moho pahīyati. Uddesaṃ gaṇhantopi – ‘‘ācariyo uddesakāle uddesaṃ aggaṇhantassa asādhukaṃ sajjhāyantassa ca daṇḍakammaṃ karotī’’ti yattappaṭiyatto hoti, evampissa moho pahīyati. Garubhāvanīye bhikkhū upasaṃkamitvā ‘‘idaṃ bhante kathaṃ imassa ko attho’’ti paripucchanto kaṃkhaṃ vinodeti, evampissa moho pahīyati. Kālena dhammasavanaṭṭhānaṃ gantvā sakkaccaṃ dhammaṃ suṇantassāpi tesu tesu ṭhānesu attho pākaṭo hoti. Evampissa moho pahīyati. Idamassa kāraṇaṃ, idaṃ na kāraṇanti ṭhānāṭṭhānavinicchaye cheko hoti, evampissa moho pahīyati. Tenassa pañcadhammūpanissayo aññaṃ nimittaṃ nāma hoti.

    อปิจ อฎฺฐติํสาย อารมฺมเณสุ ยํกิญฺจิ ภาเวนฺตสฺสาปิ อิเม วิตกฺกา ปหียนฺติ เอวฯ อิมานิ ปน นิมิตฺตานิ อุชุวิปจฺจนีกานิ ปฎิปกฺขภูตานิฯ อิเมหิ ปหีนา ราคาทโย สุปฺปหีนา โหนฺติฯ ยถา หิ อคฺคิํ อลฺลกเฎฺฐหิปิ ปํสูหิปิ สาขาทีหิปิ โปเถตฺวา นิพฺพาเปนฺติเยว, อุทกํ ปน อคฺคิสฺส อุชุวิปจฺจนีกํ, เตน นิพฺพุโต สุนิพฺพุโต โหติ, เอวมิเมหิ นิมิเตฺตหิ ปหีนา ราคาทโย สุปฺปหีนา โหนฺติฯ ตสฺมา เอตานิ กถิตานีติ เวทิตพฺพานิฯ

    Apica aṭṭhatiṃsāya ārammaṇesu yaṃkiñci bhāventassāpi ime vitakkā pahīyanti eva. Imāni pana nimittāni ujuvipaccanīkāni paṭipakkhabhūtāni. Imehi pahīnā rāgādayo suppahīnā honti. Yathā hi aggiṃ allakaṭṭhehipi paṃsūhipi sākhādīhipi pothetvā nibbāpentiyeva, udakaṃ pana aggissa ujuvipaccanīkaṃ, tena nibbuto sunibbuto hoti, evamimehi nimittehi pahīnā rāgādayo suppahīnā honti. Tasmā etāni kathitānīti veditabbāni.

    กุสลูปสํหิตนฺติ กุสลนิสฺสิตํ กุสลสฺส ปจฺจยภูตํฯ อชฺฌตฺตเมวาติ โคจรชฺฌตฺตํเยวฯ ปลคโณฺฑติ วฑฺฒกีฯ สุขุมาย อาณิยาติ ยํ อาณิํ นีหริตุกาโม โหติ, ตโต สุขุมตราย สารทารุอาณิยาฯ โอฬาริกํ อาณินฺติ จนฺทผลเก วา สารผลเก วา อาโกฎิตํ วิสมาณิํฯ อภินิหเนยฺยาติ มุคฺคเรน อาโกเฎโนฺต หเนยฺยฯ อภินีหเรยฺยาติ เอวํ อภินิหนโนฺต ผลกโต นีหเรยฺยฯ อภินิวเสยฺยาติ อิทานิ พหุ นิกฺขนฺตาติ ญตฺวา หเตฺถน จาเลตฺวา นิกฺกเฑฺฒยฺย ฯ ตตฺถ ผลกํ วิย จิตฺตํ, ผลเก วิสมาณี วิย อกุสลวิตกฺกา, สุขุมาณี วิย อญฺญํ อสุภภาวนาทิกุสลนิมิตฺตํ, สุขุมาณิยา โอฬาริกาณินีหรณํ วิย อสุภภาวนาทีหิ กุสลนิมิเตฺตหิ เตสํ วิตกฺกานํ นีหรณํฯ

    Kusalūpasaṃhitanti kusalanissitaṃ kusalassa paccayabhūtaṃ. Ajjhattamevāti gocarajjhattaṃyeva. Palagaṇḍoti vaḍḍhakī. Sukhumāya āṇiyāti yaṃ āṇiṃ nīharitukāmo hoti, tato sukhumatarāya sāradāruāṇiyā. Oḷārikaṃ āṇinti candaphalake vā sāraphalake vā ākoṭitaṃ visamāṇiṃ. Abhinihaneyyāti muggarena ākoṭento haneyya. Abhinīhareyyāti evaṃ abhinihananto phalakato nīhareyya. Abhinivaseyyāti idāni bahu nikkhantāti ñatvā hatthena cāletvā nikkaḍḍheyya . Tattha phalakaṃ viya cittaṃ, phalake visamāṇī viya akusalavitakkā, sukhumāṇī viya aññaṃ asubhabhāvanādikusalanimittaṃ, sukhumāṇiyā oḷārikāṇinīharaṇaṃ viya asubhabhāvanādīhi kusalanimittehi tesaṃ vitakkānaṃ nīharaṇaṃ.

    ๒๑๗. อหิกุณเปนาติอาทิ อติเชคุจฺฉปฎิกูลกุณปทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ กเณฺฐ อาสเตฺตนาติ เกนจิเทว ปจฺจตฺถิเกน อาเนตฺวา กเณฺฐ พเทฺธน ปฎิมุเกฺกนฯ อฎฺฎิเยยฺยาติ อโฎฺฎ ทุกฺขิโต ภเวยฺยฯ หราเยยฺยาติ ลเชฺชยฺยฯ ชิคุเจฺฉยฺยาติ สญฺชาตชิคุโจฺฉ ภเวยฺยฯ

    217.Ahikuṇapenātiādi atijegucchapaṭikūlakuṇapadassanatthaṃ vuttaṃ. Kaṇṭhe āsattenāti kenacideva paccatthikena ānetvā kaṇṭhe baddhena paṭimukkena. Aṭṭiyeyyāti aṭṭo dukkhito bhaveyya. Harāyeyyāti lajjeyya. Jiguccheyyāti sañjātajiguccho bhaveyya.

    ปหียนฺตีติ เอวํ อิมินาปิ การเณน เอเต อกุสลา ธมฺมา สาวชฺชา ทุกฺขวิปากาติ อตฺตโน ปญฺญาพเลน อุปปริกฺขโต อหิกุณปาทีนิ วิย ชิคุจฺฉนฺตสฺส ปหียนฺติฯ โย ปน อตฺตโน ปญฺญาพเลน อุปปริกฺขิตุํ น สโกฺกติ, เตน อาจริยํ วา อุปชฺฌายํ วา อญฺญตรํ วา ครุฎฺฐานิยํ สพฺรหฺมจาริํ สงฺฆเตฺถรํ วา อุปสงฺกมิตฺวา ฆณฺฑิํ ปหริตฺวา ภิกฺขุสงฺฆเมว วา สนฺนิปาเตตฺวา อาโรเจตพฺพํ, พหุนญฺหิ สนฺนิปาเต ภวิสฺสเตว เอโก ปณฺฑิตมนุโสฺส, สฺวายํ เอวํ เอเตสุ อาทีนโว ทฎฺฐโพฺพติ กเถสฺสติ, กายวิจฺฉินฺทนียกถาทีหิ วา ปน เต วิตเกฺก นิคฺคณฺหิสฺสตีติฯ

    Pahīyantīti evaṃ imināpi kāraṇena ete akusalā dhammā sāvajjā dukkhavipākāti attano paññābalena upaparikkhato ahikuṇapādīni viya jigucchantassa pahīyanti. Yo pana attano paññābalena upaparikkhituṃ na sakkoti, tena ācariyaṃ vā upajjhāyaṃ vā aññataraṃ vā garuṭṭhāniyaṃ sabrahmacāriṃ saṅghattheraṃ vā upasaṅkamitvā ghaṇḍiṃ paharitvā bhikkhusaṅghameva vā sannipātetvā ārocetabbaṃ, bahunañhi sannipāte bhavissateva eko paṇḍitamanusso, svāyaṃ evaṃ etesu ādīnavo daṭṭhabboti kathessati, kāyavicchindanīyakathādīhi vā pana te vitakke niggaṇhissatīti.

    ๒๑๘. อสติอมนสิกาโร อาปชฺชิตโพฺพติ เนว โส วิตโกฺก สริตโพฺพ น มนสิกาตโพฺพ, อญฺญวิหิตเกน ภวิตพฺพํฯ ยถา หิ รูปํ อปสฺสิตุกาโม ปุริโส อกฺขีนิ นิมีเลยฺย, เอวเมว มูลกมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา นิสิเนฺนน ภิกฺขุนา จิตฺตมฺหิ วิตเกฺก อุปฺปเนฺน อญฺญวิหิตเกน ภวิตพฺพํฯ เอวมสฺส โส วิตโกฺก ปหียติ, ตสฺมิํ ปหีเน ปุน กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา นิสีทิตพฺพํฯ

    218.Asatiamanasikāro āpajjitabboti neva so vitakko saritabbo na manasikātabbo, aññavihitakena bhavitabbaṃ. Yathā hi rūpaṃ apassitukāmo puriso akkhīni nimīleyya, evameva mūlakammaṭṭhānaṃ gahetvā nisinnena bhikkhunā cittamhi vitakke uppanne aññavihitakena bhavitabbaṃ. Evamassa so vitakko pahīyati, tasmiṃ pahīne puna kammaṭṭhānaṃ gahetvā nisīditabbaṃ.

    สเจ น ปหียติ, อุคฺคหิโต ธมฺมกถาปพโนฺธ โหติ, โส มหาสเทฺทน สชฺฌายิตโพฺพฯ เอวมฺปิ เจ อญฺญวิหิตกสฺส สโต โส น ปหียติฯ ถวิกาย มุฎฺฐิโปตฺถโก โหติ, ยตฺถ จ พุทฺธวณฺณาปิ ธมฺมวณฺณาปิ ลิขิตา โหนฺติ, ตํ นีหริตฺวา วาเจเนฺตน อญฺญวิหิตเกน ภวิตพฺพํฯ เอวมฺปิ เจ น ปหียติ, ถวิกโต อรณิสหิตานิ นีหริตฺวา ‘‘อยํ อุตฺตรารณี อยํ อธรารณี’’ติ อาวเชฺชเนฺตน อญฺญวิหิตเกน ภวิตพฺพํฯ เอวมฺปิ เจ น ปหียติ, สิปาฎิกํ นีหริตฺวา ‘‘อิทํ อารกณฺฎกํ นาม, อยํ ปิปฺผลโก นาม, อิทํ นขเจฺฉทนํ นาม, อยํ สูจิ นามา’’ติ ปริกฺขารํ สมนฺนาเนเนฺตน อญฺญวิหิตเกน ภวิตพฺพํฯ เอวมฺปิ เจ น ปหียติ, สูจิํ คเหตฺวา จีวเร ชิณฺณฎฺฐานํ สิพฺพเนฺตน อญฺญวิหิตเกน ภวิตพฺพํฯ เอวํ ยาว น ปหียติ, ตาว ตํ ตํ กุสลกมฺมํ กโรเนฺตน อญฺญวิหิตเกน ภวิตพฺพํฯ ปหีเน ปุน มูลกมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา นิสีทิตพฺพํ, นวกมฺมํ ปน น ปฎฺฐเปตพฺพํฯ กสฺมา? วิตเกฺก ปจฺฉิเนฺน กมฺมฎฺฐานมนสิการสฺส โอกาโส น โหติฯ

    Sace na pahīyati, uggahito dhammakathāpabandho hoti, so mahāsaddena sajjhāyitabbo. Evampi ce aññavihitakassa sato so na pahīyati. Thavikāya muṭṭhipotthako hoti, yattha ca buddhavaṇṇāpi dhammavaṇṇāpi likhitā honti, taṃ nīharitvā vācentena aññavihitakena bhavitabbaṃ. Evampi ce na pahīyati, thavikato araṇisahitāni nīharitvā ‘‘ayaṃ uttarāraṇī ayaṃ adharāraṇī’’ti āvajjentena aññavihitakena bhavitabbaṃ. Evampi ce na pahīyati, sipāṭikaṃ nīharitvā ‘‘idaṃ ārakaṇṭakaṃ nāma, ayaṃ pipphalako nāma, idaṃ nakhacchedanaṃ nāma, ayaṃ sūci nāmā’’ti parikkhāraṃ samannānentena aññavihitakena bhavitabbaṃ. Evampi ce na pahīyati, sūciṃ gahetvā cīvare jiṇṇaṭṭhānaṃ sibbantena aññavihitakena bhavitabbaṃ. Evaṃ yāva na pahīyati, tāva taṃ taṃ kusalakammaṃ karontena aññavihitakena bhavitabbaṃ. Pahīne puna mūlakammaṭṭhānaṃ gahetvā nisīditabbaṃ, navakammaṃ pana na paṭṭhapetabbaṃ. Kasmā? Vitakke pacchinne kammaṭṭhānamanasikārassa okāso na hoti.

    โปราณกปณฺฑิตา ปน นวกมฺมํ กตฺวาปิ วิตกฺกํ ปจฺฉินฺทิํสุฯ ตตฺริทํ วตฺถุ – ติสฺสสามเณรสฺส กิร อุปชฺฌาโย ติสฺสมหาวิหาเร วสติฯ ติสฺสสามเณโร ‘‘ภเนฺต อุกฺกณฺฐิโตมฺหี’’ติ อาหฯ อถ นํ เถโร ‘‘อิมสฺมิํ วิหาเร นฺหานอุทกํ ทุลฺลภํ, มํ คเหตฺวา จิตฺตลปพฺพตํ คจฺฉาหี’’ติ อาหฯ โส ตถา อกาสิฯ ตตฺถ นํ เถโร อาห ‘‘อยํ วิหาโร อจฺจนฺตสงฺฆิโก, เอกํ ปุคฺคลิกฎฺฐานํ กโรหี’’ติฯ โส สาธุ ภเนฺตติ อาทิโต ปฎฺฐาย สํยุตฺตนิกายํ ปพฺภารโสธนํ เตโชธาตุกสิณปริกมฺมนฺติ ตีณีปิ เอกโต อารภิตฺวา กมฺมฎฺฐานํ อปฺปนํ ปาเปสิ, สํยุตฺตนิกายํ ปริโยสาเปสิ, เลณกมฺมํ นิฎฺฐาเปสิ, สพฺพํ กตฺวา อุปชฺฌายสฺส สญฺญํ อทาสิฯ อุปชฺฌาโย ‘‘ทุเกฺขน เต สามเณร กตํ, อชฺช ตาว ตฺวํเยว วสาหี’’ติ อาหฯ โส ตํ รตฺติํ เลเณ วสโนฺต อุตุสปฺปายํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา ตเตฺถว ปรินิพฺพายิฯ ตสฺส ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ อกํสุฯ อชฺชาปิ ติสฺสเตฺถรเจติยนฺติ ปญฺญายติฯ อิทํ ปพฺพํ อสติปพฺพํ นามฯ

    Porāṇakapaṇḍitā pana navakammaṃ katvāpi vitakkaṃ pacchindiṃsu. Tatridaṃ vatthu – tissasāmaṇerassa kira upajjhāyo tissamahāvihāre vasati. Tissasāmaṇero ‘‘bhante ukkaṇṭhitomhī’’ti āha. Atha naṃ thero ‘‘imasmiṃ vihāre nhānaudakaṃ dullabhaṃ, maṃ gahetvā cittalapabbataṃ gacchāhī’’ti āha. So tathā akāsi. Tattha naṃ thero āha ‘‘ayaṃ vihāro accantasaṅghiko, ekaṃ puggalikaṭṭhānaṃ karohī’’ti. So sādhu bhanteti ādito paṭṭhāya saṃyuttanikāyaṃ pabbhārasodhanaṃ tejodhātukasiṇaparikammanti tīṇīpi ekato ārabhitvā kammaṭṭhānaṃ appanaṃ pāpesi, saṃyuttanikāyaṃ pariyosāpesi, leṇakammaṃ niṭṭhāpesi, sabbaṃ katvā upajjhāyassa saññaṃ adāsi. Upajjhāyo ‘‘dukkhena te sāmaṇera kataṃ, ajja tāva tvaṃyeva vasāhī’’ti āha. So taṃ rattiṃ leṇe vasanto utusappāyaṃ labhitvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ patvā tattheva parinibbāyi. Tassa dhātuyo gahetvā cetiyaṃ akaṃsu. Ajjāpi tissattheracetiyanti paññāyati. Idaṃ pabbaṃ asatipabbaṃ nāma.

    ๒๑๙. อิมสฺมิํ ฐตฺวา วิตเกฺก นิคฺคณฺหิตุํ อสโกฺกโนฺต อิธ ฐตฺวา นิคฺคณฺหิสฺสตีติ วิตกฺกมูลเภทํ ปพฺพํ ทเสฺสโนฺต ปุน ตสฺส เจ ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ วิตกฺกสงฺขารสณฺฐานํ มนสิกาตพฺพนฺติ สงฺขโรตีติ สงฺขาโร, ปจฺจโย, การณํ มูลนฺติ อโตฺถฯ สนฺติฎฺฐติ เอตฺถาติ สณฺฐานํ, วิตกฺกสงฺขารสฺส สณฺฐานํ วิตกฺกสงฺขารสณฺฐานํ, ตํ มนสิกาตพฺพนฺติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ, อยํ วิตโกฺก กิํ เหตุ กิํ ปจฺจยา กิํ การณา อุปฺปโนฺนติ วิตกฺกานํ มูลญฺจ มูลมูลญฺจ มนสิกาตพฺพนฺติฯ กิํ นุ โข อหํ สีฆํ คจฺฉามีติ เกน นุ โข การเณน อหํ สีฆํ คจฺฉามิ? ยํนูนาหํ สณิกํ คเจฺฉยฺยนฺติ กิํ เม อิมินา สีฆคมเนน, สณิกํ คจฺฉิสฺสามีติ จิเนฺตสิฯ โส สณิกํ คเจฺฉยฺยาติ โส เอวํ จิเนฺตตฺวา สณิกํ คเจฺฉยฺยฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ

    219. Imasmiṃ ṭhatvā vitakke niggaṇhituṃ asakkonto idha ṭhatvā niggaṇhissatīti vitakkamūlabhedaṃ pabbaṃ dassento puna tassa ce bhikkhavetiādimāha. Tattha vitakkasaṅkhārasaṇṭhānaṃ manasikātabbanti saṅkharotīti saṅkhāro, paccayo, kāraṇaṃ mūlanti attho. Santiṭṭhati etthāti saṇṭhānaṃ, vitakkasaṅkhārassa saṇṭhānaṃ vitakkasaṅkhārasaṇṭhānaṃ, taṃ manasikātabbanti. Idaṃ vuttaṃ hoti, ayaṃ vitakko kiṃ hetu kiṃ paccayā kiṃ kāraṇā uppannoti vitakkānaṃ mūlañca mūlamūlañca manasikātabbanti. Kiṃ nu kho ahaṃ sīghaṃgacchāmīti kena nu kho kāraṇena ahaṃ sīghaṃ gacchāmi? Yaṃnūnāhaṃ saṇikaṃ gaccheyyanti kiṃ me iminā sīghagamanena, saṇikaṃ gacchissāmīti cintesi. So saṇikaṃ gaccheyyāti so evaṃ cintetvā saṇikaṃ gaccheyya. Esa nayo sabbattha.

    ตตฺถ ตสฺส ปุริสสฺส สีฆคมนกาโล วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน วิตกฺกสมารุฬฺหกาโลฯ ตสฺส สณิกคมนกาโล วิย อิมสฺส วิตกฺกจารปเจฺฉทนกาโลฯ ตสฺส ฐิตกาโล วิย อิมสฺส วิตกฺกจาเร ปจฺฉิเนฺน มูลกมฺมฎฺฐานํ จิโตฺตตรณกาโลฯ ตสฺส นิสินฺนกาโล วิย อิมสฺส วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตปฺปตฺตกาโลฯ ตสฺส นิปนฺนกาโล วิย อิมสฺส นิพฺพานารมฺมณาย ผลสมาปตฺติยา ทิวสํ วีติวตฺตนกาโลฯ ตตฺถ อิเม วิตกฺกา กิํ เหตุกา กิํ ปจฺจยาติ วิตกฺกานํ มูลมูลํ คจฺฉนฺตสฺส วิตกฺกจาโร สิถิโล โหติฯ ตสฺมิํ สิถิลีภูเต มตฺถกํ คจฺฉเนฺต วิตกฺกา สพฺพโส นิรุชฺฌนฺติฯ อยมโตฺถ ทุทฺทุภชาตเกนปิ ทีเปตโพฺพ –

    Tattha tassa purisassa sīghagamanakālo viya imassa bhikkhuno vitakkasamāruḷhakālo. Tassa saṇikagamanakālo viya imassa vitakkacārapacchedanakālo. Tassa ṭhitakālo viya imassa vitakkacāre pacchinne mūlakammaṭṭhānaṃ cittotaraṇakālo. Tassa nisinnakālo viya imassa vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattappattakālo. Tassa nipannakālo viya imassa nibbānārammaṇāya phalasamāpattiyā divasaṃ vītivattanakālo. Tattha ime vitakkā kiṃ hetukā kiṃ paccayāti vitakkānaṃ mūlamūlaṃ gacchantassa vitakkacāro sithilo hoti. Tasmiṃ sithilībhūte matthakaṃ gacchante vitakkā sabbaso nirujjhanti. Ayamattho duddubhajātakenapi dīpetabbo –

    สสกสฺส กิร เพลุวรุกฺขมูเล นิทฺทายนฺตสฺส เพลุวปกฺกํ วณฺฎโต ฉิชฺชิตฺวา กณฺณมูเล ปติตํฯ โส ตสฺส สเทฺทน ‘‘ปถวี ภิชฺชตี’’ติ สญฺญาย อุฎฺฐหิตฺวา เวเคน ปลายิฯ ตํ ทิสฺวา ปุรโต อเญฺญปิ จตุปฺปทา ปลายิํสุฯ ตทา โพธิสโตฺต สีโห โหติฯ โส จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ ปถวี นาม กปฺปวินาเส ภิชฺชติ, อนฺตรา ปถวีเภโท นาม นตฺถิ, ยํนูนาหํ มูลมูลํ คนฺตฺวา อนุวิเชฺชยฺย’’นฺติฯ โส หตฺถินาคโต ปฎฺฐาย ยาว สสกํ ปุจฺฉิ ‘‘ตยา, ตาต, ปถวี ภิชฺชมานา ทิฎฺฐา’’ติฯ สโส ‘‘อาม เทวา’’ติ อาหฯ สีโห ‘‘เอหิ, โภ, ทเสฺสหี’’ติฯ สโส ‘‘น สโกฺกมิ สามี’’ติฯ ‘‘เอหิ, เร, มา ภายี’’ติ สณฺหมุทุเกน คเหตฺวา คโต สโส รุกฺขสฺส อวิทูเร ฐตฺวา –

    Sasakassa kira beluvarukkhamūle niddāyantassa beluvapakkaṃ vaṇṭato chijjitvā kaṇṇamūle patitaṃ. So tassa saddena ‘‘pathavī bhijjatī’’ti saññāya uṭṭhahitvā vegena palāyi. Taṃ disvā purato aññepi catuppadā palāyiṃsu. Tadā bodhisatto sīho hoti. So cintesi – ‘‘ayaṃ pathavī nāma kappavināse bhijjati, antarā pathavībhedo nāma natthi, yaṃnūnāhaṃ mūlamūlaṃ gantvā anuvijjeyya’’nti. So hatthināgato paṭṭhāya yāva sasakaṃ pucchi ‘‘tayā, tāta, pathavī bhijjamānā diṭṭhā’’ti. Saso ‘‘āma devā’’ti āha. Sīho ‘‘ehi, bho, dassehī’’ti. Saso ‘‘na sakkomi sāmī’’ti. ‘‘Ehi, re, mā bhāyī’’ti saṇhamudukena gahetvā gato saso rukkhassa avidūre ṭhatvā –

    ‘‘ทุทฺทุภายติ ภทฺทเนฺต, ยสฺมิํ เทเส วสามหํ;

    ‘‘Duddubhāyati bhaddante, yasmiṃ dese vasāmahaṃ;

    อหเมฺปตํ น ชานามิ, กิเมตํ ทุทฺทุภายตี’’ติฯ (ชา. ๑.๔.๘๕) –

    Ahampetaṃ na jānāmi, kimetaṃ duddubhāyatī’’ti. (jā. 1.4.85) –

    คาถมาหฯ โพธิสโตฺต ‘‘ตฺวํ เอเตฺถว ติฎฺฐา’’ติ รุกฺขมูลํ คนฺตฺวา สสกสฺส นิปนฺนฎฺฐานํ อทฺทส, เพลุวปกฺกํ อทฺทส, อุทฺธํ โอเลเกตฺวา วณฺฎํ อทฺทส, ทิสฺวา ‘‘อยํ สโส เอตฺถ นิปโนฺน, นิทฺทายมาโน อิมสฺส กณฺณมูเล ปติตสฺส สเทฺทน ‘ปถวี ภิชฺชตี’ติ เอวํสญฺญี หุตฺวา ปลายี’’ติ ญตฺวา ตํ การณํ สสํ ปุจฺฉิฯ สโส ‘‘อาม, เทวา’’ติ อาหฯ โพธิสโตฺต อิมํ คาถมาห –

    Gāthamāha. Bodhisatto ‘‘tvaṃ ettheva tiṭṭhā’’ti rukkhamūlaṃ gantvā sasakassa nipannaṭṭhānaṃ addasa, beluvapakkaṃ addasa, uddhaṃ oleketvā vaṇṭaṃ addasa, disvā ‘‘ayaṃ saso ettha nipanno, niddāyamāno imassa kaṇṇamūle patitassa saddena ‘pathavī bhijjatī’ti evaṃsaññī hutvā palāyī’’ti ñatvā taṃ kāraṇaṃ sasaṃ pucchi. Saso ‘‘āma, devā’’ti āha. Bodhisatto imaṃ gāthamāha –

    ‘‘เพลุว ปติตํ สุตฺวา, ทุทฺทุภนฺติ สโส ชวิ;

    ‘‘Beluva patitaṃ sutvā, duddubhanti saso javi;

    สสสฺส วจนํ สุตฺวา, สนฺตตฺตา มิควาหินี’’ติฯ (ชา. ๑.๔.๘๖);

    Sasassa vacanaṃ sutvā, santattā migavāhinī’’ti. (jā. 1.4.86);

    ตโต โพธิสโตฺต ‘‘มา ภายถา’’ติ มิคคเณ อสฺสาเสสิฯ เอวํ วิตกฺกานํ มูลมูลํ คจฺฉนฺตสฺส วิตกฺกา ปหียนฺติฯ

    Tato bodhisatto ‘‘mā bhāyathā’’ti migagaṇe assāsesi. Evaṃ vitakkānaṃ mūlamūlaṃ gacchantassa vitakkā pahīyanti.

    ๒๒๐. อิมสฺมิํ วิตกฺกมูลเภทปเพฺพ ฐตฺวา วิตเกฺก นิคฺคณฺหิตุํ อสโกฺกเนฺตน ปน เอวํ นิคฺคณฺหิตพฺพาติ อปรมฺปิ การณํ ทเสฺสโนฺต ปุน ตสฺส เจ, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ

    220. Imasmiṃ vitakkamūlabhedapabbe ṭhatvā vitakke niggaṇhituṃ asakkontena pana evaṃ niggaṇhitabbāti aparampi kāraṇaṃ dassento puna tassa ce, bhikkhavetiādimāha.

    ทเนฺตภิทนฺตมาธายาติ เหฎฺฐาทเนฺต อุปริทนฺตํ ฐเปตฺวาฯ เจตสา จิตฺตนฺติ กุสลจิเตฺตน อกุสลจิตฺตํ อภินิคฺคณฺหิตพฺพํฯ พลวา ปุริโสติ ยถา ถามสมฺปโนฺน มหาพโล ปุริโส ทุพฺพลํ ปุริสํ สีเส วา คเล วา ขเนฺธ วา คเหตฺวา อภินิคฺคเณฺหยฺย อภินิปฺปีเฬยฺย อภิสนฺตาเปยฺย สนฺตตฺตํ กิลนฺตํ มุจฺฉาปเรตํ วิย กเรยฺย, เอวเมว ภิกฺขุนา วิตเกฺกหิ สทฺธิํ ปฎิมเลฺลน หุตฺวา ‘‘เก จ ตุเมฺห โก จาห’’นฺติ อภิภวิตฺวา – ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ อฎฺฐิ จ อวสิสฺสตุ สรีเร อุปสุสฺสตุ มํสโลหิต’’นฺติ (อ. นิ. ๒.๕) เอวํ มหาวีริยํ ปคฺคยฺห วิตกฺกา นิคฺคณฺหิตพฺพาติ ทเสฺสโนฺต อิม อตฺถทีปิกํ อุปมํ อาหริฯ

    Dantebhidantamādhāyāti heṭṭhādante uparidantaṃ ṭhapetvā. Cetasā cittanti kusalacittena akusalacittaṃ abhiniggaṇhitabbaṃ. Balavā purisoti yathā thāmasampanno mahābalo puriso dubbalaṃ purisaṃ sīse vā gale vā khandhe vā gahetvā abhiniggaṇheyya abhinippīḷeyya abhisantāpeyya santattaṃ kilantaṃ mucchāparetaṃ viya kareyya, evameva bhikkhunā vitakkehi saddhiṃ paṭimallena hutvā ‘‘ke ca tumhe ko cāha’’nti abhibhavitvā – ‘‘kāmaṃ taco ca nhāru ca aṭṭhi ca avasissatu sarīre upasussatu maṃsalohita’’nti (a. ni. 2.5) evaṃ mahāvīriyaṃ paggayha vitakkā niggaṇhitabbāti dassento ima atthadīpikaṃ upamaṃ āhari.

    ๒๒๑. ยโต โข, ภิกฺขเวติ อิทํ ปริยาทานภาชนิยํ นาม, ตํ อุตฺตานตฺถเมวฯ ยถา ปน สตฺถาจริโย ติโรรฎฺฐา อาคตํ ราชปุตฺตํ ปญฺจาวุธสิปฺปํ อุคฺคณฺหาเปตฺวา ‘‘คจฺฉ, อตฺตโน รเฎฺฐ รชฺชํ คณฺหฯ สเจ เต อนฺตรามเคฺค โจรา อุฎฺฐหนฺติ, ธนุนา กมฺมํ กตฺวา คจฺฉฯ สเจ เต ธนุ นสฺสติ วา ภิชฺชติ วา สตฺติยา อสินา’’ติ เอวํ ปญฺจหิปิ อาวุเธหิ กตฺตพฺพํ ทเสฺสตฺวา อุโยฺยเชติฯ โส ตถา กตฺวา สกรฎฺฐํ คนฺตฺวา รชฺชํ คเหตฺวา รชฺชสิริํ อนุโภติฯ เอวเมวํ ภควา อธิจิตฺตมนุยุตฺตํ ภิกฺขุํ อรหตฺตคหณตฺถาย อุโยฺยเชโนฺต – ‘‘สจสฺส อนฺตรา อกุสลวิตกฺกา อุปฺปชฺชนฺติ, อญฺญนิมิตฺตปเพฺพ ฐตฺวา เต นิคฺคณฺหิตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสติฯ ตตฺถ อสโกฺกโนฺต อาทีนวปเพฺพ ฐตฺวา, ตตฺราปิ อสโกฺกโนฺต อสติปเพฺพ ฐตฺวา, ตตฺราปิ อสโกฺกโนฺต วิตกฺกมูลเภทปเพฺพ ฐตฺวา, ตตฺราปิ อสโกฺกโนฺต อภินิคฺคณฺหนปเพฺพ ฐตฺวา วิตเกฺก นิคฺคณฺหิตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ อิมานิ ปญฺจ ปพฺพานิ เทเสสิฯ

    221.Yato kho, bhikkhaveti idaṃ pariyādānabhājaniyaṃ nāma, taṃ uttānatthameva. Yathā pana satthācariyo tiroraṭṭhā āgataṃ rājaputtaṃ pañcāvudhasippaṃ uggaṇhāpetvā ‘‘gaccha, attano raṭṭhe rajjaṃ gaṇha. Sace te antarāmagge corā uṭṭhahanti, dhanunā kammaṃ katvā gaccha. Sace te dhanu nassati vā bhijjati vā sattiyā asinā’’ti evaṃ pañcahipi āvudhehi kattabbaṃ dassetvā uyyojeti. So tathā katvā sakaraṭṭhaṃ gantvā rajjaṃ gahetvā rajjasiriṃ anubhoti. Evamevaṃ bhagavā adhicittamanuyuttaṃ bhikkhuṃ arahattagahaṇatthāya uyyojento – ‘‘sacassa antarā akusalavitakkā uppajjanti, aññanimittapabbe ṭhatvā te niggaṇhitvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇissati. Tattha asakkonto ādīnavapabbe ṭhatvā, tatrāpi asakkonto asatipabbe ṭhatvā, tatrāpi asakkonto vitakkamūlabhedapabbe ṭhatvā, tatrāpi asakkonto abhiniggaṇhanapabbe ṭhatvā vitakke niggaṇhitvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇissatī’’ti imāni pañca pabbāni desesi.

    วสี วิตกฺกปริยายปเถสูติ วิตกฺกจารปเถสุ จิณฺณวสี ปคุณวสีติ วุจฺจติฯ ยํ วิตกฺกํ อากงฺขิสฺสตีติ อิทํ อสฺส วสีภาวาการทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ อยญฺหิ ปุเพฺพ ยํ วิตกฺกํ วิตเกฺกตุกาโม โหติ, ตํ น วิตเกฺกติฯ ยํ น วิตเกฺกตุกาโม โหติ, ตํ วิตเกฺกติฯ อิทานิ ปน วสีภูตตฺตา ยํ วิตกฺกํ วิตเกฺกตุกาโม โหติ, ตํเยว วิตเกฺกติฯ ยํ น วิตเกฺกตุกาโม, น ตํ วิตเกฺกติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยํ วิตกฺกํ อากงฺขิสฺสติ, ตํ วิตกฺกํ วิตเกฺกสฺสติฯ ยํ วิตกฺกํ นากงฺขิสฺสติ, น ตํ วิตกฺกํ วิตเกฺขสฺสตี’’ติฯ อเจฺฉจฺฉิ ตณฺหนฺติอาทิ สพฺพาสวสุเตฺต วุตฺตเมวาติฯ

    Vasī vitakkapariyāyapathesūti vitakkacārapathesu ciṇṇavasī paguṇavasīti vuccati. Yaṃ vitakkaṃ ākaṅkhissatīti idaṃ assa vasībhāvākāradassanatthaṃ vuttaṃ. Ayañhi pubbe yaṃ vitakkaṃ vitakketukāmo hoti, taṃ na vitakketi. Yaṃ na vitakketukāmo hoti, taṃ vitakketi. Idāni pana vasībhūtattā yaṃ vitakkaṃ vitakketukāmo hoti, taṃyeva vitakketi. Yaṃ na vitakketukāmo, na taṃ vitakketi. Tena vuttaṃ ‘‘yaṃ vitakkaṃ ākaṅkhissati, taṃ vitakkaṃ vitakkessati. Yaṃ vitakkaṃ nākaṅkhissati, na taṃ vitakkaṃ vitakkhessatī’’ti. Acchecchi taṇhantiādi sabbāsavasutte vuttamevāti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    วิตกฺกสณฺฐานสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vitakkasaṇṭhānasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ทุติยวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dutiyavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.

    มูลปณฺณาสฎฺฐกถาย ปฐโม ภาโค นิฎฺฐิโตฯ

    Mūlapaṇṇāsaṭṭhakathāya paṭhamo bhāgo niṭṭhito.

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa

    มชฺฌิมนิกาเย

    Majjhimanikāye







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑๐. วิตกฺกสณฺฐานสุตฺตํ • 10. Vitakkasaṇṭhānasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑๐. วิตกฺกสณฺฐานสุตฺตวณฺณนา • 10. Vitakkasaṇṭhānasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact