Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā |
๔. โวทานญาณนิเทฺทสวณฺณนา
4. Vodānañāṇaniddesavaṇṇanā
๑๕๘. โวทาเน ญาณานีติ วิสุทฺธญาณานิฯ ตํ วิวชฺชยิตฺวาติ ยํ ปุเพฺพ วุตฺตํ อตีตานุธาวนํ จิตฺตํ วิเกฺขปานุปติตํ, ตํ วิวชฺชยิตฺวาติ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ เอกฎฺฐาเน สมาทหตีติ อสฺสาสปสฺสาสานํ ผุสนฎฺฐาเน สมํ อาทหติ ปติฎฺฐาเปติฯ ตเตฺถว อธิโมเจตีติ เอกฎฺฐาเนติ วุเตฺต อสฺสาสปสฺสาสานํ ผุสนฎฺฐาเนเยว สนฺนิฎฺฐเปติ สนฺนิฎฺฐานํ กโรติฯ ปคฺคณฺหิตฺวาติ ธมฺมวิจยปีติสโมฺพชฺฌงฺคภาวนาย ปคฺคเหตฺวาฯ วินิคฺคณฺหิตฺวาติ ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคภาวนาย วินิคฺคณฺหิตฺวาฯ ‘‘สตินฺทฺริยวีริยินฺทฺริเยหิ ปคฺคเหตฺวา, สตินฺทฺริยสมาธินฺทฺริเยหิ วินิคฺคเหตฺวา’’ติปิ วทนฺติฯ สมฺปชาโน หุตฺวาติ อสุภภาวนาทีหิฯ ปุน สมฺปชาโน หุตฺวาติ เมตฺตาภาวนาทีหิฯ เยน ราเคน อนุปติตํ, เยน พฺยาปาเทน อนุปติตํ, ตํ ปชหตีติ สมฺพโนฺธฯ ตํ จิตฺตํ อีทิสนฺติ สมฺปชานโนฺต ตปฺปฎิปเกฺขน ราคํ ปชหติ, พฺยาปาทํ ปชหตีติ วา อโตฺถฯ ปริสุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํฯ ปริโยทาตนฺติ ปภสฺสรํฯ เอกตฺตคตํ โหตีติ ตํ ตํ วิเสสํ ปตฺตสฺส ตํ ตํ เอกตฺตํ คตํ โหติฯ
158.Vodāne ñāṇānīti visuddhañāṇāni. Taṃ vivajjayitvāti yaṃ pubbe vuttaṃ atītānudhāvanaṃ cittaṃ vikkhepānupatitaṃ, taṃ vivajjayitvāti sambandhitabbaṃ. Ekaṭṭhāne samādahatīti assāsapassāsānaṃ phusanaṭṭhāne samaṃ ādahati patiṭṭhāpeti. Tattheva adhimocetīti ekaṭṭhāneti vutte assāsapassāsānaṃ phusanaṭṭhāneyeva sanniṭṭhapeti sanniṭṭhānaṃ karoti. Paggaṇhitvāti dhammavicayapītisambojjhaṅgabhāvanāya paggahetvā. Viniggaṇhitvāti passaddhisamādhiupekkhāsambojjhaṅgabhāvanāya viniggaṇhitvā. ‘‘Satindriyavīriyindriyehi paggahetvā, satindriyasamādhindriyehi viniggahetvā’’tipi vadanti. Sampajāno hutvāti asubhabhāvanādīhi. Puna sampajāno hutvāti mettābhāvanādīhi. Yena rāgena anupatitaṃ, yena byāpādena anupatitaṃ, taṃ pajahatīti sambandho. Taṃ cittaṃ īdisanti sampajānanto tappaṭipakkhena rāgaṃ pajahati, byāpādaṃ pajahatīti vā attho. Parisuddhanti nirupakkilesaṃ. Pariyodātanti pabhassaraṃ. Ekattagataṃ hotīti taṃ taṃ visesaṃ pattassa taṃ taṃ ekattaṃ gataṃ hoti.
กตเม เต เอกตฺตาติ อิธ ยุชฺชมานายุชฺชมาเนปิ เอกเตฺต เอกโต กตฺวา ปุจฺฉติฯ ทานูปสคฺคุปฎฺฐาเนกตฺตนฺติ ทานวตฺถุสงฺขาตสฺส ทานสฺส อุปสโคฺค โวสชฺชนํ ทานูปสโคฺค, ทานวตฺถุปริจฺจาคเจตนาฯ ตสฺส อุปฎฺฐานํ อารมฺมณกรณวเสน อุปคนฺตฺวา ฐานํ ทานูปสคฺคุปฎฺฐานํ, ตเทว เอกตฺตํ, เตน วา เอกตฺตํ เอกคฺคภาโว ทานูปสคฺคุปฎฺฐาเนกตฺตํฯ ทานโวสคฺคุปฎฺฐาเนกตฺตนฺติ ปาโฐ สุนฺทรตโร, โส เอวโตฺถฯ เอเตน ปทุทฺธารวเสน จาคานุสฺสติสมาธิ วุโตฺตฯ ปทุทฺธารวเสน วุโตฺตปิ เจส อิตเรสํ ติณฺณมฺปิ เอกตฺตานํ อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติ, ตสฺมา อิธ นิทฺทิฎฺฐนฺติ วทนฺติฯ วิสาขาปิ หิ มหาอุปาสิกา อาห – ‘‘อิธ, ภเนฺต, ทิสาสุ วสฺสํวุฎฺฐา ภิกฺขู สาวตฺถิํ อาคจฺฉิสฺสนฺติ ภควนฺตํ ทสฺสนาย, เต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสนฺติ ‘อิตฺถนฺนาโม, ภเนฺต, ภิกฺขุ กาลงฺกโต, ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’ติ? ตํ ภควา พฺยากริสฺสติ โสตาปตฺติผเล วา สกทาคามิผเล วา อนาคามิผเล วา อรหเตฺต วาฯ ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสามิ ‘อาคตปุพฺพา นุ โข, ภเนฺต, เตน อเยฺยน สาวตฺถี’ติ? สเจ เม วกฺขนฺติ ‘อาคตปุพฺพา เตน ภิกฺขุนา สาวตฺถี’ติฯ นิฎฺฐเมตฺถ คจฺฉิสฺสามิ นิสฺสํสยํ ปริภุตฺตํ เตน อเยฺยน วสฺสิกสาฎิกา วา อาคนฺตุกภตฺตํ วา คมิกภตฺตํ วา คิลานภตฺตํ วา คิลานุปฎฺฐากภตฺตํ วา คิลานเภสชฺชํ วา ธุวยาคุ วาติฯ ตสฺสา เม ตทนุสฺสรนฺติยา ปาโมชฺชํ ชายิสฺสติ, ปมุทิตาย ปีติ ชายิสฺสติ, ปีติมนาย กาโย ปสฺสมฺภิสฺสติ, ปสฺสทฺธกายา สุขํ เวทยิสฺสามิ, สุขินิยา จิตฺตํ สมาธิยิสฺสติ, สา เม ภวิสฺสติ อินฺทฺริยภาวนา พลภาวนา โพชฺฌงฺคภาวนา’’ติ (มหาว. ๓๕๑)ฯ อถ วา เอกเตฺตสุ ปฐมํ อุปจารสมาธิวเสน วุตฺตํ, ทุติยํ อปฺปนาสมาธิวเสน, ตติยํ วิปสฺสนาวเสน, จตุตฺถํ มคฺคผลวเสนาติ เวทิตพฺพํฯ สมถสฺส นิมิตฺตํ สมถนิมิตฺตํฯ วโย ภโงฺค เอว ลกฺขณํ วยลกฺขณํฯ นิโรโธ นิพฺพานํฯ เสสเมเตสุ ตีสุ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํฯ
Katame te ekattāti idha yujjamānāyujjamānepi ekatte ekato katvā pucchati. Dānūpasaggupaṭṭhānekattanti dānavatthusaṅkhātassa dānassa upasaggo vosajjanaṃ dānūpasaggo, dānavatthupariccāgacetanā. Tassa upaṭṭhānaṃ ārammaṇakaraṇavasena upagantvā ṭhānaṃ dānūpasaggupaṭṭhānaṃ, tadeva ekattaṃ, tena vā ekattaṃ ekaggabhāvo dānūpasaggupaṭṭhānekattaṃ. Dānavosaggupaṭṭhānekattanti pāṭho sundarataro, so evattho. Etena paduddhāravasena cāgānussatisamādhi vutto. Paduddhāravasena vuttopi cesa itaresaṃ tiṇṇampi ekattānaṃ upanissayapaccayo hoti, tasmā idha niddiṭṭhanti vadanti. Visākhāpi hi mahāupāsikā āha – ‘‘idha, bhante, disāsu vassaṃvuṭṭhā bhikkhū sāvatthiṃ āgacchissanti bhagavantaṃ dassanāya, te bhagavantaṃ upasaṅkamitvā pucchissanti ‘itthannāmo, bhante, bhikkhu kālaṅkato, tassa kā gati, ko abhisamparāyo’ti? Taṃ bhagavā byākarissati sotāpattiphale vā sakadāgāmiphale vā anāgāmiphale vā arahatte vā. Tyāhaṃ upasaṅkamitvā pucchissāmi ‘āgatapubbā nu kho, bhante, tena ayyena sāvatthī’ti? Sace me vakkhanti ‘āgatapubbā tena bhikkhunā sāvatthī’ti. Niṭṭhamettha gacchissāmi nissaṃsayaṃ paribhuttaṃ tena ayyena vassikasāṭikā vā āgantukabhattaṃ vā gamikabhattaṃ vā gilānabhattaṃ vā gilānupaṭṭhākabhattaṃ vā gilānabhesajjaṃ vā dhuvayāgu vāti. Tassā me tadanussarantiyā pāmojjaṃ jāyissati, pamuditāya pīti jāyissati, pītimanāya kāyo passambhissati, passaddhakāyā sukhaṃ vedayissāmi, sukhiniyā cittaṃ samādhiyissati, sā me bhavissati indriyabhāvanā balabhāvanā bojjhaṅgabhāvanā’’ti (mahāva. 351). Atha vā ekattesu paṭhamaṃ upacārasamādhivasena vuttaṃ, dutiyaṃ appanāsamādhivasena, tatiyaṃ vipassanāvasena, catutthaṃ maggaphalavasenāti veditabbaṃ. Samathassa nimittaṃ samathanimittaṃ. Vayo bhaṅgo eva lakkhaṇaṃ vayalakkhaṇaṃ. Nirodho nibbānaṃ. Sesametesu tīsu vuttanayeneva yojetabbaṃ.
จาคาธิมุตฺตานนฺติ ทาเน อธิมุตฺตานํฯ อธิจิตฺตนฺติ วิปสฺสนาปาทกสมาธิฯ วิปสฺสกานนฺติ ภงฺคานุปสฺสนโต ปฎฺฐาย ตีหิ อนุปสฺสนาหิ สงฺขาเร วิปสฺสนฺตานํฯ อริยปุคฺคลานนฺติ อฎฺฐนฺนํฯ ทุติยาทีนิ ตีณิ เอกตฺตานิ อานาปานสฺสติวเสน เสสกมฺมฎฺฐานวเสน จ ยุชฺชนฺติฯ จตูหิ ฐาเนหีติ จตูหิ การเณหิฯ สมาธิวิปสฺสนามคฺคผลานํ วเสน ‘‘เอกตฺตคตํ จิตฺตํ ปฎิปทาวิสุทฺธิปกฺขนฺทเญฺจว โหติ อุเปกฺขานุพฺรูหิตญฺจ ญาเณน จ สมฺปหํสิต’’นฺติ อุเทฺทสปทานิฯ ‘‘ปฐมสฺส ฌานสฺส โก อาที’’ติอาทีนิ เตสํ อุเทฺทสปทานํ วิตฺถาเรตุกมฺยตาปุจฺฉาปุพฺพงฺคมานิ นิเทฺทสปทานิฯ ตตฺถ ปฎิปทาวิสุทฺธิปกฺขนฺทนฺติ ปฎิปทา เอว นีวรณมลวิโสธนโต วิสุทฺธิ, ตํ ปฎิปทาวิสุทฺธิํ ปกฺขนฺทํ ปวิฎฺฐํฯ อุเปกฺขานุพฺรูหิตนฺติ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย พฺรูหิตํ วฑฺฒิตํฯ ญาเณน จ สมฺปหํสิตนฺติ ปริโยทาปเกน ญาเณน สมฺปหํสิตํ ปริโยทาปิตํ วิโสธิตํฯ ปฎิปทาวิสุทฺธิ นาม สสมฺภาริโก อุปจาโร, อุเปกฺขานุพฺรูหนา นาม อปฺปนา, สมฺปหํสนา นาม ปจฺจเวกฺขณาติ เอวเมเก วณฺณยนฺติฯ ยสฺมา ปน ‘‘เอกตฺตคตํ จิตฺตํ ปฎิปทาวิสุทฺธิปกฺขนฺทเญฺจว โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺมา อโนฺตอปฺปนายเมว อาคมนวเสน ปฎิปทาวิสุทฺธิ, ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย กิจฺจวเสน อุเปกฺขานุพฺรูหนา, ธมฺมานํ อนติวตฺตนาทิภาวสาธเนน ปริโยทาปกสฺส ญาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติวเสน สมฺปหํสนา เวทิตพฺพาฯ กถํ? ยสฺมิญฺหิ วาเร อปฺปนา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมิํ โย นีวรณสงฺขาโต กิเลสคโณ ตสฺส ฌานสฺส ปริปโนฺถ, ตโต จิตฺตํ วิสุชฺฌติ, วิสุทฺธตฺตา อาวรณวิรหิตํ หุตฺวา มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ ปฎิปชฺชติฯ มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ นาม สมปฺปวโตฺต อปฺปนาสมาธิเยวฯ ตทนนฺตรํ ปน ปุริมจิตฺตํ เอกสนฺตติปริณามนเยน ตถตฺตํ อุปคจฺฉมานํ มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ ปฎิปชฺชติ นามฯ เอวํ ปฎิปนฺนตฺตา ตถตฺตุปคมเนน ตตฺถ ปกฺขนฺทติ นามฯ เอวํ ตาว ปุริมจิเตฺต วิชฺชมานาการนิปฺผาทิกา ปฐมสฺส ฌานสฺส อุปฺปาทกฺขเณเยว อาคมนวเสน ปฎิปทาวิสุทฺธิ เวทิตพฺพาฯ เอวํ วิสุทฺธสฺส ปน ตสฺส ปุน วิโสเธตพฺพาภาวโต วิโสธเน พฺยาปารํ อกโรโนฺต วิสุทฺธํ จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขติ นามฯ สมถภาวูปคมเนน สมถปฎิปนฺนสฺส ปุน สมาทาเน พฺยาปารํ อกโรโนฺต สมถปฎิปนฺนํ อชฺฌุเปกฺขติ นามฯ สมถปฎิปนฺนภาวโต เอว จสฺส กิเลสสํสคฺคํ ปหาย เอกเตฺตน อุปฎฺฐิตสฺส ปุน เอกตฺตุปฎฺฐาเน พฺยาปารํ อกโรโนฺต เอกตฺตุปฎฺฐานํ อชฺฌุเปกฺขติ นามฯ เอวํ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย กิจฺจวเสน อุเปกฺขานุพฺรูหนา เวทิตพฺพาฯ
Cāgādhimuttānanti dāne adhimuttānaṃ. Adhicittanti vipassanāpādakasamādhi. Vipassakānanti bhaṅgānupassanato paṭṭhāya tīhi anupassanāhi saṅkhāre vipassantānaṃ. Ariyapuggalānanti aṭṭhannaṃ. Dutiyādīni tīṇi ekattāni ānāpānassativasena sesakammaṭṭhānavasena ca yujjanti. Catūhi ṭhānehīti catūhi kāraṇehi. Samādhivipassanāmaggaphalānaṃ vasena ‘‘ekattagataṃ cittaṃ paṭipadāvisuddhipakkhandañceva hoti upekkhānubrūhitañca ñāṇena ca sampahaṃsita’’nti uddesapadāni. ‘‘Paṭhamassa jhānassa ko ādī’’tiādīni tesaṃ uddesapadānaṃ vitthāretukamyatāpucchāpubbaṅgamāni niddesapadāni. Tattha paṭipadāvisuddhipakkhandanti paṭipadā eva nīvaraṇamalavisodhanato visuddhi, taṃ paṭipadāvisuddhiṃ pakkhandaṃ paviṭṭhaṃ. Upekkhānubrūhitanti tatramajjhattupekkhāya brūhitaṃ vaḍḍhitaṃ. Ñāṇena ca sampahaṃsitanti pariyodāpakena ñāṇena sampahaṃsitaṃ pariyodāpitaṃ visodhitaṃ. Paṭipadāvisuddhi nāma sasambhāriko upacāro, upekkhānubrūhanā nāma appanā, sampahaṃsanā nāma paccavekkhaṇāti evameke vaṇṇayanti. Yasmā pana ‘‘ekattagataṃ cittaṃ paṭipadāvisuddhipakkhandañceva hotī’’tiādi vuttaṃ, tasmā antoappanāyameva āgamanavasena paṭipadāvisuddhi, tatramajjhattupekkhāya kiccavasena upekkhānubrūhanā, dhammānaṃ anativattanādibhāvasādhanena pariyodāpakassa ñāṇassa kiccanipphattivasena sampahaṃsanā veditabbā. Kathaṃ? Yasmiñhi vāre appanā uppajjati, tasmiṃ yo nīvaraṇasaṅkhāto kilesagaṇo tassa jhānassa paripantho, tato cittaṃ visujjhati, visuddhattā āvaraṇavirahitaṃ hutvā majjhimaṃ samathanimittaṃ paṭipajjati. Majjhimaṃ samathanimittaṃ nāma samappavatto appanāsamādhiyeva. Tadanantaraṃ pana purimacittaṃ ekasantatipariṇāmanayena tathattaṃ upagacchamānaṃ majjhimaṃ samathanimittaṃ paṭipajjati nāma. Evaṃ paṭipannattā tathattupagamanena tattha pakkhandati nāma. Evaṃ tāva purimacitte vijjamānākāranipphādikā paṭhamassa jhānassa uppādakkhaṇeyeva āgamanavasena paṭipadāvisuddhi veditabbā. Evaṃ visuddhassa pana tassa puna visodhetabbābhāvato visodhane byāpāraṃ akaronto visuddhaṃ cittaṃ ajjhupekkhati nāma. Samathabhāvūpagamanena samathapaṭipannassa puna samādāne byāpāraṃ akaronto samathapaṭipannaṃ ajjhupekkhati nāma. Samathapaṭipannabhāvato eva cassa kilesasaṃsaggaṃ pahāya ekattena upaṭṭhitassa puna ekattupaṭṭhāne byāpāraṃ akaronto ekattupaṭṭhānaṃ ajjhupekkhati nāma. Evaṃ tatramajjhattupekkhāya kiccavasena upekkhānubrūhanā veditabbā.
เย ปเนเต เอวํ อุเปกฺขานุพฺรูหิเต ตตฺถ ชาตา สมาธิปญฺญาสงฺขาตา ยุคนทฺธธมฺมา อญฺญมญฺญํ อนติวตฺตมานา หุตฺวา ปวตฺตา, ยานิ จ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ นานากิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา วิมุตฺติรเสน เอกรสานิ หุตฺวา ปวตฺตานิ, ยํ เจส ตทุปคํ เตสํ อนติวตฺตนเอกรสภาวานํ อนุจฺฉวิกํ วีริยํ วาหยติ, ยา จสฺส ตสฺมิํ ขเณ ปวตฺตา อาเสวนา, สเพฺพปิ เต อาการา ยสฺมา ญาเณน สํกิเลสโวทาเนสุ ตํ ตํ อาทีนวญฺจ อานิสํสญฺจ ทิสฺวา ตถา ตถา สมฺปหํสิตตฺตา วิโสธิตตฺตา ปริโยทาปิตตฺตา นิปฺผนฺนา, ตสฺมา ธมฺมานํ อนติวตฺตนาทิภาวสาธเนน ปริโยทาปกสฺส ญาณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติวเสน สมฺปหํสนา เวทิตพฺพาติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยสฺมา อุเปกฺขาวเสน ญาณํ ปากฎํ โหติ, ยถาห – ‘‘ตถาปคฺคหิตํ จิตฺตํ สาธุกํ อชฺฌุเปกฺขติ, อุเปกฺขาวเสน ปญฺญาวเสน ปญฺญินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติฯ อุเปกฺขาวเสน นานตฺตกิเลเสหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, วิโมกฺขวเสน ปญฺญาวเสน ปญฺญินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติฯ วิมุตฺตตฺตา เต ธมฺมา เอกรสา โหนฺติ, เอกรสเฎฺฐน ภาวนา’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๒๐๑)ฯ ตสฺมา ญาณกิจฺจภูตา สมฺปหํสนา ปริโยสานนฺติ วุตฺตาฯ
Ye panete evaṃ upekkhānubrūhite tattha jātā samādhipaññāsaṅkhātā yuganaddhadhammā aññamaññaṃ anativattamānā hutvā pavattā, yāni ca saddhādīni indriyāni nānākilesehi vimuttattā vimuttirasena ekarasāni hutvā pavattāni, yaṃ cesa tadupagaṃ tesaṃ anativattanaekarasabhāvānaṃ anucchavikaṃ vīriyaṃ vāhayati, yā cassa tasmiṃ khaṇe pavattā āsevanā, sabbepi te ākārā yasmā ñāṇena saṃkilesavodānesu taṃ taṃ ādīnavañca ānisaṃsañca disvā tathā tathā sampahaṃsitattā visodhitattā pariyodāpitattā nipphannā, tasmā dhammānaṃ anativattanādibhāvasādhanena pariyodāpakassa ñāṇassa kiccanipphattivasena sampahaṃsanā veditabbāti vuttaṃ. Tattha yasmā upekkhāvasena ñāṇaṃ pākaṭaṃ hoti, yathāha – ‘‘tathāpaggahitaṃ cittaṃ sādhukaṃ ajjhupekkhati, upekkhāvasena paññāvasena paññindriyaṃ adhimattaṃ hoti. Upekkhāvasena nānattakilesehi cittaṃ vimuccati, vimokkhavasena paññāvasena paññindriyaṃ adhimattaṃ hoti. Vimuttattā te dhammā ekarasā honti, ekarasaṭṭhena bhāvanā’’ti (paṭi. ma. 1.201). Tasmā ñāṇakiccabhūtā sampahaṃsanā pariyosānanti vuttā.
เอวํ ติวตฺตคตนฺติอาทีนิ ตเสฺสว จิตฺตสฺส โถมนวจนานิฯ ตตฺถ เอวํ ติวตฺตคตนฺติ เอวํ ยถาวุเตฺตน วิธินา ปฎิปทาวิสุทฺธิปกฺขนฺทนอุเปกฺขานุพฺรูหนาญาณสมฺปหํสนาวเสน ติวิธภาวํ คตํฯ วิตกฺกสมฺปนฺนนฺติ กิเลสโกฺขภวิรหิตตฺตา วิตเกฺกน สุนฺทรภาวํ ปนฺนํ คตํฯ จิตฺตสฺส อธิฎฺฐานสมฺปนฺนนฺติ ตสฺมิํเยว อารมฺมเณ จิตฺตสฺส นิรนฺตรปฺปวตฺติสงฺขาเตน อธิฎฺฐาเนน สมฺปนฺนํ อนูนํฯ ยถา อธิฎฺฐานวสิยํ อธิฎฺฐานนฺติ ฌานปฺปวตฺติ, ตถา อิธาปิ จิตฺตสฺส อธิฎฺฐานนฺติ จิเตฺตกคฺคตาปิ ยุชฺชติฯ เตน หิ เอกสฺมิํเยว อารมฺมเณ จิตฺตํ อธิฎฺฐาติ, น เอตฺถ วิกฺขิปตีติฯ ‘‘สมาธิสมฺปนฺน’’นฺติ วิสุํ วุตฺตตฺตา ปน วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํฯ อถ วา สมาธิเสฺสว ฌานสงฺคหิตตฺตา จิตฺตสฺส อธิฎฺฐานสมฺปนฺนนฺติ ฌานงฺคปญฺจกวเสน วุตฺตํฯ สมาธิสมฺปนฺนนฺติ อินฺทฺริยสงฺคหิตตฺตา อินฺทฺริยปญฺจกวเสน, ทุติยชฺฌานาทีสุ ปน อลพฺภมานานิ ปทานิ ปหาย ลพฺภมานกวเสน ปีติสมฺปนฺนนฺติอาทิ วุตฺตํฯ
Evaṃ tivattagatantiādīni tasseva cittassa thomanavacanāni. Tattha evaṃ tivattagatanti evaṃ yathāvuttena vidhinā paṭipadāvisuddhipakkhandanaupekkhānubrūhanāñāṇasampahaṃsanāvasena tividhabhāvaṃ gataṃ. Vitakkasampannanti kilesakkhobhavirahitattā vitakkena sundarabhāvaṃ pannaṃ gataṃ. Cittassa adhiṭṭhānasampannanti tasmiṃyeva ārammaṇe cittassa nirantarappavattisaṅkhātena adhiṭṭhānena sampannaṃ anūnaṃ. Yathā adhiṭṭhānavasiyaṃ adhiṭṭhānanti jhānappavatti, tathā idhāpi cittassa adhiṭṭhānanti cittekaggatāpi yujjati. Tena hi ekasmiṃyeva ārammaṇe cittaṃ adhiṭṭhāti, na ettha vikkhipatīti. ‘‘Samādhisampanna’’nti visuṃ vuttattā pana vuttanayeneva gahetabbaṃ. Atha vā samādhisseva jhānasaṅgahitattā cittassa adhiṭṭhānasampannanti jhānaṅgapañcakavasena vuttaṃ. Samādhisampannanti indriyasaṅgahitattā indriyapañcakavasena, dutiyajjhānādīsu pana alabbhamānāni padāni pahāya labbhamānakavasena pītisampannantiādi vuttaṃ.
อนิจฺจานุปสฺสนาทีสุ อฎฺฐารสสุ มหาวิปสฺสนาสุ วิตกฺกาทโย ปริปุณฺณาเยว ตาสํ กามาวจรตฺตาฯ เอตาสุ จ อปฺปนาย อภาวโต ปฎิปทาวิสุทฺธิอาทโย ขณิกสมาธิวเสน โยเชตพฺพาฯ จตูสุ มเคฺคสุ ปฐมชฺฌานิกวเสน วิตกฺกาทีนํ ลพฺภนโต ลพฺภมานกวเสเนว วิตกฺกาทโย ปริปุณฺณา วุตฺตาฯ ทุติยชฺฌานิกาทีสุ หิ มเคฺคสุ วิตกฺกาทโย ฌาเนสุ วิย ปริหายนฺตีติฯ เอตฺตาวตา เตรส โวทานญาณานิ วิตฺถารโต นิทฺทิฎฺฐานิ โหนฺติฯ กถํ? เอกฎฺฐาเน สมาทหเนน ตเตฺถว อธิมุจฺจเนน โกสชฺชปฺปชหเนน อุทฺธจฺจปฺปชหเนน ราคปฺปชหเนน พฺยาปาทปฺปชหเนน สมฺปยุตฺตานิ ฉ ญาณานิ, จตูหิ เอกเตฺตหิ สมฺปยุตฺตานิ จตฺตาริ ญาณานิ, ปฎิปทาวิสุทฺธิอุเปกฺขานุพฺรูหนาสมฺปหํสนาหิ สมฺปยุตฺตานิ ตีณิ ญาณานีติ เอวํ เตรส ญาณานิ นิทฺทิฎฺฐานิฯ
Aniccānupassanādīsu aṭṭhārasasu mahāvipassanāsu vitakkādayo paripuṇṇāyeva tāsaṃ kāmāvacarattā. Etāsu ca appanāya abhāvato paṭipadāvisuddhiādayo khaṇikasamādhivasena yojetabbā. Catūsu maggesu paṭhamajjhānikavasena vitakkādīnaṃ labbhanato labbhamānakavaseneva vitakkādayo paripuṇṇā vuttā. Dutiyajjhānikādīsu hi maggesu vitakkādayo jhānesu viya parihāyantīti. Ettāvatā terasa vodānañāṇāni vitthārato niddiṭṭhāni honti. Kathaṃ? Ekaṭṭhāne samādahanena tattheva adhimuccanena kosajjappajahanena uddhaccappajahanena rāgappajahanena byāpādappajahanena sampayuttāni cha ñāṇāni, catūhi ekattehi sampayuttāni cattāri ñāṇāni, paṭipadāvisuddhiupekkhānubrūhanāsampahaṃsanāhi sampayuttāni tīṇi ñāṇānīti evaṃ terasa ñāṇāni niddiṭṭhāni.
๑๕๙. เอวํ สเนฺตปิ อานาปานสฺสติสมาธิภาวนาวเสน เตสํ นิปฺผตฺติํ ทเสฺสตุกาโม ตานิ ญาณานิ อนิคเมตฺวาว นิมิตฺตํ อสฺสาสปสฺสาสาติอาทินา นเยน โจทนาปุพฺพงฺคมํ อานาปานสฺสติสมาธิภาวนาวิธิํ ทเสฺสตฺวา อเนฺต ตานิ ญาณานิ นิคเมตฺวา ทเสฺสสิฯ ตตฺถ นิมิตฺตํ วุตฺตเมวฯ อนารมฺมณาเมกจิตฺตสฺสาติ อนารมฺมณา เอกจิตฺตสฺสฯ ม-กาโร ปเนตฺถ ปทสนฺธิกโรฯ อนารมฺมณเมกจิตฺตสฺสาติปิ ปาโฐ, เอกสฺส จิตฺตสฺส อารมฺมณํ น ภวนฺตีติ อโตฺถฯ ตโย ธเมฺมติ นิมิตฺตาทโย ตโย ธเมฺมฯ ภาวนาติ อานาปานสฺสติสมาธิภาวนาฯ กถนฺติ ปฐมํ วุตฺตาย โจทนาคาถาย อนนฺตรํ วุตฺตาย ปริหารคาถาย อตฺถํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาฯ น จิเมติ น จ อิเมฯ น จเมติปิ ปาโฐ, โสเยว ปทเจฺฉโทฯ กถํ น จ อวิทิตา โหนฺติ, กถํ น จ จิตฺตํ วิเกฺขปํ คจฺฉตีติ เอวํ กถํ สโทฺท เสเสหิ ปญฺจหิ โยเชตโพฺพฯ ปธานญฺจ ปญฺญายตีติ อานาปานสฺสติสมาธิภาวนารมฺภกํ วีริยํ สนฺทิสฺสติฯ วีริยญฺหิ ปทหนฺติ เตนาติ ปธานนฺติ วุจฺจติฯ ปโยคญฺจ สาเธตีติ นีวรณวิกฺขมฺภกํ ฌานญฺจ โยคี นิปฺผาเทติฯ ฌานญฺหิ นีวรณวิกฺขมฺภนาย ปยุญฺชียตีติ ปโยโคติ วุตฺตํฯ วิเสสมธิคจฺฉตีติ สํโยชนปฺปหานกรํ มคฺคญฺจ ปฎิลภติฯ มโคฺค หิ สมถวิปสฺสนานํ อานิสํสตฺตา วิเสโสติ วุโตฺตฯ วิเสสสฺส จ ปมุขภูตตฺตา จ-กาเรน สมุจฺจโย น กโตฯ
159. Evaṃ santepi ānāpānassatisamādhibhāvanāvasena tesaṃ nipphattiṃ dassetukāmo tāni ñāṇāni anigametvāva nimittaṃ assāsapassāsātiādinā nayena codanāpubbaṅgamaṃ ānāpānassatisamādhibhāvanāvidhiṃ dassetvā ante tāni ñāṇāni nigametvā dassesi. Tattha nimittaṃ vuttameva. Anārammaṇāmekacittassāti anārammaṇā ekacittassa. Ma-kāro panettha padasandhikaro. Anārammaṇamekacittassātipi pāṭho, ekassa cittassa ārammaṇaṃ na bhavantīti attho. Tayo dhammeti nimittādayo tayo dhamme. Bhāvanāti ānāpānassatisamādhibhāvanā. Kathanti paṭhamaṃ vuttāya codanāgāthāya anantaraṃ vuttāya parihāragāthāya atthaṃ kathetukamyatāpucchā. Na cimeti na ca ime. Na cametipi pāṭho, soyeva padacchedo. Kathaṃ na ca aviditā honti, kathaṃ na ca cittaṃ vikkhepaṃ gacchatīti evaṃ kathaṃ saddo sesehi pañcahi yojetabbo. Padhānañca paññāyatīti ānāpānassatisamādhibhāvanārambhakaṃ vīriyaṃ sandissati. Vīriyañhi padahanti tenāti padhānanti vuccati. Payogañca sādhetīti nīvaraṇavikkhambhakaṃ jhānañca yogī nipphādeti. Jhānañhi nīvaraṇavikkhambhanāya payuñjīyatīti payogoti vuttaṃ. Visesamadhigacchatīti saṃyojanappahānakaraṃ maggañca paṭilabhati. Maggo hi samathavipassanānaṃ ānisaṃsattā visesoti vutto. Visesassa ca pamukhabhūtattā ca-kārena samuccayo na kato.
อิทานิ ตํ ปุจฺฉิตมตฺถํ อุปมาย สาเธโนฺต เสยฺยถาปิ รุโกฺขติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ยถา นาม กกเจน ผาลนตฺถํ วาสิยา ตจฺฉิตฺวา รุโกฺข ผาลนกาเล นิจฺจลภาวตฺถํ สเม ภูมิปเทเส ปโยคกฺขมํ กตฺวา ฐปิโตฯ กกเจนาติ หตฺถกกเจนฯ อาคเตติ รุกฺขํ ผุสิตฺวา อตฺตโน สมีปภาคํ อาคเตฯ คเตติ รุกฺขํ ผุสิตฺวา ปรภาคํ คเตฯ วา-สโทฺท สมุจฺจยโตฺถฯ น อวิทิตา โหนฺตีติ รุเกฺข กกจทเนฺตหิ ผุฎฺฐํ ปุริเสน เปกฺขมานํ ฐานํ อปฺปตฺวา เตสํ อาคมนคมนาภาวโต สเพฺพปิ กกจทนฺตา วิทิตาว โหนฺติฯ ปธานนฺติ รุกฺขเจฺฉทนวีริยํฯ ปโยคนฺติ รุกฺขเจฺฉทนกิริยํฯ ‘‘วิเสสมธิคจฺฉตี’’ติ วจนํ อุปมาย นตฺถิฯ อุปนิพนฺธนา นิมิตฺตนฺติ อุปนิพนฺธนาย สติยา นิมิตฺตภูตํ การณภูตํ นาสิกคฺคํ วา มุขนิมิตฺตํ วาฯ อุปนิพนฺธติ เอตาย อารมฺมเณ จิตฺตนฺติ อุปนิพนฺธนา นาม สติฯ นาสิกเคฺค วาติ ทีฆนาสิโก นาสิกเคฺคฯ มุขนิมิเตฺต วาติ รสฺสนาสิโก อุตฺตโรเฎฺฐฯ อุตฺตโรโฎฺฐ หิ มุเข สติยา นิมิตฺตนฺติ มุขนิมิตฺตนฺติ วุโตฺตฯ อาคเตติ ผุฎฺฐฎฺฐานโต อพฺภนฺตรํ อาคเตฯ คเตติ ผุฎฺฐฎฺฐานโต พหิทฺธา คเตฯ น อวิทิตา โหนฺตีติ ผุสนฎฺฐานํ อปฺปตฺวา อสฺสาสปสฺสาสานํ อาคมนคมนาภาวโต สเพฺพปิ เต วิทิตา เอว โหนฺติฯ กมฺมนิยํ โหตีติ เยน วีริเยน กาโยปิ จิตฺตมฺปิ กมฺมนิยํ ภาวนากมฺมกฺขมํ ภาวนากมฺมโยคฺคํ โหติฯ อิทํ วีริยํ ปธานํ นามาติ ผเลน การณํ วุตฺตํ โหติฯ อุปกฺกิเลสา ปหียนฺตีติ วิกฺขมฺภนวเสน นีวรณานิ ปหียนฺติฯ วิตกฺกา วูปสมฺมนฺตีติ นานารมฺมณจาริโน อนวฎฺฐิตา วิตกฺกา อุปสมํ คจฺฉนฺติฯ เยน ฌาเนน อุปกฺกิเลสา ปหียนฺติ, วิตกฺกา วูปสมฺมนฺติฯ อยํ ปโยโคติ ปโยคมเปกฺขิตฺวา ปุลฺลิงฺคนิเทฺทโส กโตฯ สโญฺญชนา ปหียนฺตีติ ตํตํมคฺควชฺฌา สโญฺญชนา สมุเจฺฉทปฺปหาเนน ปหียนฺติฯ อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺตีติ ปหีนานํ ปุน อนุปฺปตฺติธมฺมกตฺตา วิคโต อุปฺปาทโนฺต วา วยโนฺต วา เอเตสนฺติ พฺยนฺตา, ปุเพฺพ อพฺยนฺตา พฺยนฺตา โหนฺตีติ พฺยนฺตีโหนฺติ, วินสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ สโญฺญชนปฺปหานํ อนุสยปฺปหาเนน โหติ, น อญฺญถาติ ทสฺสนตฺถํ อนุสยปฺปหานมาหฯ เยน มเคฺคน สโญฺญชนา ปหียนฺติ อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺติ, อยํ วิเสโสติ อโตฺถฯ จตุตฺถจตุเกฺก อริยมคฺคสฺสาปิ นิทฺทิฎฺฐตฺตา อิธ อริยมโคฺค วุโตฺตฯ เอกจิตฺตสฺส อารมฺมณทฺวยาภาวสฺส อวุเตฺตปิ สิทฺธตฺตา ตํ อวิสฺสเชฺชตฺวาว เอวํ อิเม ตโย ธมฺมา เอกจิตฺตสฺส อารมฺมณา น โหนฺตีติ นิคมนํ กตํฯ
Idāni taṃ pucchitamatthaṃ upamāya sādhento seyyathāpi rukkhotiādimāha. Tassattho – yathā nāma kakacena phālanatthaṃ vāsiyā tacchitvā rukkho phālanakāle niccalabhāvatthaṃ same bhūmipadese payogakkhamaṃ katvā ṭhapito. Kakacenāti hatthakakacena. Āgateti rukkhaṃ phusitvā attano samīpabhāgaṃ āgate. Gateti rukkhaṃ phusitvā parabhāgaṃ gate. Vā-saddo samuccayattho. Na aviditā hontīti rukkhe kakacadantehi phuṭṭhaṃ purisena pekkhamānaṃ ṭhānaṃ appatvā tesaṃ āgamanagamanābhāvato sabbepi kakacadantā viditāva honti. Padhānanti rukkhacchedanavīriyaṃ. Payoganti rukkhacchedanakiriyaṃ. ‘‘Visesamadhigacchatī’’ti vacanaṃ upamāya natthi. Upanibandhanā nimittanti upanibandhanāya satiyā nimittabhūtaṃ kāraṇabhūtaṃ nāsikaggaṃ vā mukhanimittaṃ vā. Upanibandhati etāya ārammaṇe cittanti upanibandhanā nāma sati. Nāsikagge vāti dīghanāsiko nāsikagge. Mukhanimitte vāti rassanāsiko uttaroṭṭhe. Uttaroṭṭho hi mukhe satiyā nimittanti mukhanimittanti vutto. Āgateti phuṭṭhaṭṭhānato abbhantaraṃ āgate. Gateti phuṭṭhaṭṭhānato bahiddhā gate. Na aviditā hontīti phusanaṭṭhānaṃ appatvā assāsapassāsānaṃ āgamanagamanābhāvato sabbepi te viditā eva honti. Kammaniyaṃ hotīti yena vīriyena kāyopi cittampi kammaniyaṃ bhāvanākammakkhamaṃ bhāvanākammayoggaṃ hoti. Idaṃ vīriyaṃ padhānaṃ nāmāti phalena kāraṇaṃ vuttaṃ hoti. Upakkilesā pahīyantīti vikkhambhanavasena nīvaraṇāni pahīyanti. Vitakkā vūpasammantīti nānārammaṇacārino anavaṭṭhitā vitakkā upasamaṃ gacchanti. Yena jhānena upakkilesā pahīyanti, vitakkā vūpasammanti. Ayaṃ payogoti payogamapekkhitvā pulliṅganiddeso kato. Saññojanā pahīyantīti taṃtaṃmaggavajjhā saññojanā samucchedappahānena pahīyanti. Anusayā byantīhontīti pahīnānaṃ puna anuppattidhammakattā vigato uppādanto vā vayanto vā etesanti byantā, pubbe abyantā byantā hontīti byantīhonti, vinassantīti attho. Saññojanappahānaṃ anusayappahānena hoti, na aññathāti dassanatthaṃ anusayappahānamāha. Yena maggena saññojanā pahīyanti anusayā byantīhonti, ayaṃ visesoti attho. Catutthacatukke ariyamaggassāpi niddiṭṭhattā idha ariyamaggo vutto. Ekacittassa ārammaṇadvayābhāvassa avuttepi siddhattā taṃ avissajjetvāva evaṃ ime tayo dhammā ekacittassa ārammaṇā na hontīti nigamanaṃ kataṃ.
๑๖๐. อิทานิ ตํ ภาวนาสิทฺธิสาธกํ โยคาวจรํ ถุนโนฺต อานาปานสฺสติ ยสฺสาติ คาถํ วตฺวา ตสฺสา นิเทฺทสมาหฯ ตตฺถ อานาปานสฺสติโย ยถา พุเทฺธน เทสิตา, ตถา ปริปุณฺณา สุภาวิตา อนุปุพฺพํ ปริจิตา ยสฺส อตฺถิ สํวิชฺชนฺติฯ โส อิมํ โลกํ ปภาเสติฯ กิํ วิย? อพฺภา มุโตฺตว จนฺทิมา ยถา อพฺภาทีหิ มุโตฺต จนฺทิมา อิมํ โอกาสโลกํ ปภาเสติ, ตถา โส โยคาวจโร อิมํ ขนฺธาทิโลกํ ปภาเสตีติ คาถาย สมฺพโนฺธฯ ‘‘อพฺภา มุโตฺตว จนฺทิมา’’ติ จ ปทสฺส นิเทฺทเส มหิกาทีนมฺปิ วุตฺตตฺตา เอตฺถ อาทิสทฺทโลโป กโตติ เวทิตโพฺพฯ คาถานิเทฺทเส โน ปสฺสาโส โน อสฺสาโสติ โส โสเยว อโตฺถ ปฎิเสเธน วิเสเสตฺวา วุโตฺตฯ อุปฎฺฐานํ สตีติ อสมฺมุสฺสนตาย ตเมว อสฺสาสํ อุปคนฺตฺวา ฐานํ สติ นามาติ อโตฺถฯ ตถา ปสฺสาสํฯ เอตฺตาวตา อานาปาเนสุ สติ อานาปานสฺสตีติ อโตฺถ วุโตฺต โหติฯ
160. Idāni taṃ bhāvanāsiddhisādhakaṃ yogāvacaraṃ thunanto ānāpānassati yassāti gāthaṃ vatvā tassā niddesamāha. Tattha ānāpānassatiyo yathā buddhena desitā, tathā paripuṇṇā subhāvitā anupubbaṃ paricitā yassa atthi saṃvijjanti. So imaṃ lokaṃ pabhāseti. Kiṃ viya? Abbhā muttova candimā yathā abbhādīhi mutto candimā imaṃ okāsalokaṃ pabhāseti, tathā so yogāvacaro imaṃ khandhādilokaṃ pabhāsetīti gāthāya sambandho. ‘‘Abbhā muttova candimā’’ti ca padassa niddese mahikādīnampi vuttattā ettha ādisaddalopo katoti veditabbo. Gāthāniddese no passāso no assāsoti so soyeva attho paṭisedhena visesetvā vutto. Upaṭṭhānaṃ satīti asammussanatāya tameva assāsaṃ upagantvā ṭhānaṃ sati nāmāti attho. Tathā passāsaṃ. Ettāvatā ānāpānesu sati ānāpānassatīti attho vutto hoti.
อิทานิ สติวเสเนว ‘‘ยสฺสา’’ติ วุตฺตํ ปุคฺคลํ นิทฺทิสิตุกาโม โย อสฺสสติ, ตสฺสุปฎฺฐาติฯ โย ปสฺสสติ, ตสฺสุปฎฺฐาตีติ วุตฺตํฯ โย อสฺสสติ, ตสฺส สติ อสฺสาสํ อุปคนฺตฺวา ติฎฺฐติฯ โย ปสฺสสติ, ตสฺส สติ ปสฺสาสํ อุปคนฺตฺวา ติฎฺฐตีติ อโตฺถฯ ปริปุณฺณาติ ฌานวิปสฺสนามคฺคปรมฺปราย อรหตฺตมคฺคปฺปตฺติยา ปริปุณฺณาฯ เตเยว หิ ฌานวิปสฺสนามคฺคธเมฺม สนฺธาย ปริคฺคหเฎฺฐนาติอาทิมาหฯ เต หิ ธมฺมา อิมินา โยคินา ปริคฺคยฺหมานตฺตา ปริคฺคหา, เตน ปริคฺคหเฎฺฐน ปริปุณฺณาฯ ตตฺถ สเพฺพสํ จิตฺตเจตสิกานํ อญฺญมญฺญปริวารตฺตา ปริวารเฎฺฐน ปริปุณฺณาฯ ภาวนาปาริปูริวเสน ปริปูรเฎฺฐน ปริปุณฺณาฯ จตโสฺส ภาวนาติอาทีนิ สุภาวิตาติ วุตฺตปทสฺส อตฺถวเสน วุตฺตานิฯ จตโสฺส ภาวนา เหฎฺฐา วุตฺตาเยวฯ ยานีกตาติ ยุตฺตยานสทิสา กตาฯ วตฺถุกตาติ ปติฎฺฐเฎฺฐน วตฺถุสทิสา กตาฯ อนุฎฺฐิตาติ ปจฺจุปฎฺฐิตาฯ ปริจิตาติ สมนฺตโต จิตา อุปจิตาฯ สุสมารทฺธาติ สุฎฺฐุ สมารทฺธา สุกตาฯ ยตฺถ ยตฺถ อากงฺขตีติ เยสุ เยสุ ฌาเนสุ ยาสุ ยาสุ วิปสฺสนาสุ สเจ อิจฺฉติฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ เตสุ ฌาเนสุ ตาสุ ตาสุ วิปสฺสนาสุฯ วสิปฺปโตฺตติ วสีภาวํ พหุภาวํ ปโตฺตฯ พลปฺปโตฺตติ สมถวิปสฺสนาพลปฺปโตฺตฯ เวสารชฺชปฺปโตฺตติ วิสารทภาวํ ปฎุภาวํ ปโตฺตฯ เต ธมฺมาติ สมถวิปสฺสนา ธมฺมาฯ อาวชฺชนปฎิพทฺธาติ อาวชฺชนายตฺตา, อาวชฺชิตมเตฺตเยว ตสฺส สนฺตาเนน, ญาเณน วา สมฺปโยคํ คจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ อากงฺขปฎิพทฺธาติ รุจิอายตฺตา, โรจิตมเตฺตเยว วุตฺตนเยน สมฺปโยคํ คจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ มนสิกาโร ปเนตฺถ อาวชฺชนาย จิตฺตุปฺปาโทฯ อากงฺขนาย เววจนวเสน อตฺถวิวรณตฺถํ วุโตฺตฯ เตน วุจฺจติ ยานีกตาติ เอวํ กตตฺตาเยว เต ยุตฺตยานสทิสา กตา โหนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ
Idāni sativaseneva ‘‘yassā’’ti vuttaṃ puggalaṃ niddisitukāmo yo assasati, tassupaṭṭhāti. Yo passasati, tassupaṭṭhātīti vuttaṃ. Yo assasati, tassa sati assāsaṃ upagantvā tiṭṭhati. Yo passasati, tassa sati passāsaṃ upagantvā tiṭṭhatīti attho. Paripuṇṇāti jhānavipassanāmaggaparamparāya arahattamaggappattiyā paripuṇṇā. Teyeva hi jhānavipassanāmaggadhamme sandhāya pariggahaṭṭhenātiādimāha. Te hi dhammā iminā yoginā pariggayhamānattā pariggahā, tena pariggahaṭṭhena paripuṇṇā. Tattha sabbesaṃ cittacetasikānaṃ aññamaññaparivārattā parivāraṭṭhena paripuṇṇā. Bhāvanāpāripūrivasena paripūraṭṭhena paripuṇṇā. Catasso bhāvanātiādīni subhāvitāti vuttapadassa atthavasena vuttāni. Catasso bhāvanā heṭṭhā vuttāyeva. Yānīkatāti yuttayānasadisā katā. Vatthukatāti patiṭṭhaṭṭhena vatthusadisā katā. Anuṭṭhitāti paccupaṭṭhitā. Paricitāti samantato citā upacitā. Susamāraddhāti suṭṭhu samāraddhā sukatā. Yattha yattha ākaṅkhatīti yesu yesu jhānesu yāsu yāsu vipassanāsu sace icchati. Tattha tatthāti tesu tesu jhānesu tāsu tāsu vipassanāsu. Vasippattoti vasībhāvaṃ bahubhāvaṃ patto. Balappattoti samathavipassanābalappatto. Vesārajjappattoti visāradabhāvaṃ paṭubhāvaṃ patto. Te dhammāti samathavipassanā dhammā. Āvajjanapaṭibaddhāti āvajjanāyattā, āvajjitamatteyeva tassa santānena, ñāṇena vā sampayogaṃ gacchantīti attho. Ākaṅkhapaṭibaddhāti ruciāyattā, rocitamatteyeva vuttanayena sampayogaṃ gacchantīti attho. Manasikāro panettha āvajjanāya cittuppādo. Ākaṅkhanāya vevacanavasena atthavivaraṇatthaṃ vutto. Tena vuccati yānīkatāti evaṃ katattāyeva te yuttayānasadisā katā hontīti vuttaṃ hoti.
ยสฺมิํ ยสฺมิํ วตฺถุสฺมินฺติ โสฬสสุ วตฺถูสุ เอเกกสฺมิํฯ สฺวาธิฎฺฐิตนฺติ สุปฺปติฎฺฐิตํฯ สูปฎฺฐิตาติ สุฎฺฐุ อุปฎฺฐิตาฯ สมฺปยุตฺตจิตฺตสตีนํ สเหว สกสกกิจฺจกรณโต อนุโลมปฎิโลมวเสน โยเชตฺวา เต เทฺว ธมฺมา ทสฺสิตาฯ เตน วุจฺจติ วตฺถุกตาติ เอวํ ภูตตฺตาเยว กตปติฎฺฐา โหนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ เยน เยน จิตฺตํ อภินีหรตีติ ปุพฺพปฺปวตฺติโต อปเนตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ภาวนาวิเสเส จิตฺตํ อุปเนติฯ เตน เตน สติ อนุปริวตฺตตีติ ตสฺมิํ ตสฺมิํเยว ภาวนาวิเสเส สติ อนุกูลา หุตฺวา ปุพฺพปฺปวตฺติโต นิวตฺติตฺวา ปวตฺตติฯ ‘‘เยน, เตนา’’ติ เจตฺถ ‘‘เยน ภควา เตนุปสงฺกมี’’ติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๕.๑; สุ. นิ. มงฺคลสุตฺต) วิย ภุมฺมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เตน วุจฺจติ อนุฎฺฐิตาติ เอวํ กรณโตเยว ตํ ตํ ภาวนํ อนุคนฺตฺวา ฐิตา โหนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ อานาปานสฺสติยา สติปธานตฺตา วตฺถุกตานุฎฺฐิตปเทสุ สติยา สห โยชนา กตาติ เวทิตพฺพาฯ
Yasmiṃ yasmiṃ vatthusminti soḷasasu vatthūsu ekekasmiṃ. Svādhiṭṭhitanti suppatiṭṭhitaṃ. Sūpaṭṭhitāti suṭṭhu upaṭṭhitā. Sampayuttacittasatīnaṃ saheva sakasakakiccakaraṇato anulomapaṭilomavasena yojetvā te dve dhammā dassitā. Tena vuccati vatthukatāti evaṃ bhūtattāyeva katapatiṭṭhā hontīti vuttaṃ hoti. Yena yena cittaṃ abhinīharatīti pubbappavattito apanetvā yattha yattha bhāvanāvisese cittaṃ upaneti. Tena tena sati anuparivattatīti tasmiṃ tasmiṃyeva bhāvanāvisese sati anukūlā hutvā pubbappavattito nivattitvā pavattati. ‘‘Yena, tenā’’ti cettha ‘‘yena bhagavā tenupasaṅkamī’’tiādīsu (khu. pā. 5.1; su. ni. maṅgalasutta) viya bhummattho veditabbo. Tena vuccati anuṭṭhitāti evaṃ karaṇatoyeva taṃ taṃ bhāvanaṃ anugantvā ṭhitā hontīti vuttaṃ hoti. Ānāpānassatiyā satipadhānattā vatthukatānuṭṭhitapadesu satiyā saha yojanā katāti veditabbā.
ยสฺมา ปน ปริปุณฺณาเยว ปริจิตา โหนฺติ วฑฺฒิตา ลทฺธาเสวนา, ตสฺมา ‘‘ปริปุณฺณา’’ติปเท วุตฺตา ตโย อตฺถา ‘‘ปริจิตา’’ติปเทปิ วุตฺตา, จตุโตฺถ วิเสสโตฺถปิ วุโตฺตฯ ตตฺถ สติยา ปริคฺคณฺหโนฺตติ สมฺปยุตฺตาย, ปุพฺพภาคาย วา สติยา ปริคฺคเหตเพฺพ ปริคฺคณฺหโนฺต โยคีฯ ชินาติ ปาปเก อกุสเล ธเมฺมติ สมุเจฺฉทวเสน ลามเก กิเลเส ชินาติ อภิภวติฯ อยญฺจ ปุคฺคลาธิฎฺฐานา ธมฺมเทสนาฯ ธเมฺมสุ หิ ชินเนฺตสุ ตํธมฺมสมงฺคีปุคฺคโลปิ ชินาติ นามฯ เต จ ธมฺมา สติํ อวิหาย อตฺตโน ปวตฺติกฺขเณ ชินิตุมารทฺธา ชิตาติ วุจฺจนฺติ ยถา ‘‘ภุญฺชิตุมารโทฺธ ภุโตฺต’’ติ วุจฺจติฯ ลกฺขณํ ปเนตฺถ สทฺทสตฺถโต เวทิตพฺพํฯ เอวํ สเนฺตปิ ‘‘ปริชิตา’’ติ วตฺตเพฺพ ช-การสฺส จ-การํ กตฺวา ‘‘ปริจิตา’’ติ วุตฺตํ, ยถา สมฺมา คโท อสฺสาติ สุคโตติ อตฺถวิกเปฺป ท-การสฺส ต-กาโร นิรุตฺติลกฺขเณน กโต, เอวมิธาปิ เวทิตโพฺพฯ อิมสฺมิํ อตฺถวิกเปฺป ปริจิตาติ ปทํ กตฺตุสาธนํ, ปุริมานิ ตีณิ กมฺมสาธนานิฯ
Yasmā pana paripuṇṇāyeva paricitā honti vaḍḍhitā laddhāsevanā, tasmā ‘‘paripuṇṇā’’tipade vuttā tayo atthā ‘‘paricitā’’tipadepi vuttā, catuttho visesatthopi vutto. Tattha satiyā pariggaṇhantoti sampayuttāya, pubbabhāgāya vā satiyā pariggahetabbe pariggaṇhanto yogī. Jināti pāpake akusale dhammeti samucchedavasena lāmake kilese jināti abhibhavati. Ayañca puggalādhiṭṭhānā dhammadesanā. Dhammesu hi jinantesu taṃdhammasamaṅgīpuggalopi jināti nāma. Te ca dhammā satiṃ avihāya attano pavattikkhaṇe jinitumāraddhā jitāti vuccanti yathā ‘‘bhuñjitumāraddho bhutto’’ti vuccati. Lakkhaṇaṃ panettha saddasatthato veditabbaṃ. Evaṃ santepi ‘‘parijitā’’ti vattabbe ja-kārassa ca-kāraṃ katvā ‘‘paricitā’’ti vuttaṃ, yathā sammā gado assāti sugatoti atthavikappe da-kārassa ta-kāro niruttilakkhaṇena kato, evamidhāpi veditabbo. Imasmiṃ atthavikappe paricitāti padaṃ kattusādhanaṃ, purimāni tīṇi kammasādhanāni.
จตฺตาโร สุสมารทฺธาติ จตฺตาโร สุสมารทฺธตฺถาติ วุตฺตํ โหติ, อตฺถสทฺทสฺส โลโป ทฎฺฐโพฺพฯ สุสมารทฺธาติ ปทสฺส อตฺถาปิ หิ อิธ สุสมารทฺธาติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา, สุสมารทฺธธมฺมา วาฯ จตุรตฺถเภทโต จตฺตาโรติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา, น ธมฺมเภทโตฯ ยสฺมา ปน สุภาวิตาเยว สุสมารทฺธา โหนฺติ, น อเญฺญ, ตสฺมา ตโย ภาวนตฺถา อิธาปิ วุตฺตาฯ อาเสวนโตฺถปิ ตีสุ วุเตฺตสุ วุโตฺตเยว โหติ, ตสฺมา ตํ อวตฺวา ตปฺปจฺจนีกานํ สุสมูหตโตฺถ วุโตฺตฯ ปจฺจนีกสมุคฺฆาเตน หิ อารทฺธปริโยสานํ ปญฺญายติ, เตน สุสมารทฺธสฺส สิขาปฺปโตฺต อโตฺถ วุโตฺต โหติฯ ตตฺถ ตปฺปจฺจนีกานนฺติ เตสํ ฌานวิปสฺสนามคฺคานํ ปฎิปกฺขภูตานํฯ กิเลสานนฺติ กามจฺฉนฺทาทีนํ นิจฺจสญฺญาทิสมฺปยุตฺตานํ สกฺกายทิฎฺฐาทีนญฺจฯ สุสมูหตตฺตาติ วิกฺขมฺภนตทงฺคสมุเจฺฉทวเสน สุฎฺฐุ สมูหตตฺตา นาสิตตฺตาฯ โปตฺถเกสุ ปน ‘‘สุสมุคฺฆาตตฺตา’’ติ ลิขนฺติ, ตํ น สุนฺทรํฯ
Cattāro susamāraddhāti cattāro susamāraddhatthāti vuttaṃ hoti, atthasaddassa lopo daṭṭhabbo. Susamāraddhāti padassa atthāpi hi idha susamāraddhāti vuttāti veditabbā, susamāraddhadhammā vā. Caturatthabhedato cattāroti vuttāti veditabbā, na dhammabhedato. Yasmā pana subhāvitāyeva susamāraddhā honti, na aññe, tasmā tayo bhāvanatthā idhāpi vuttā. Āsevanatthopi tīsu vuttesu vuttoyeva hoti, tasmā taṃ avatvā tappaccanīkānaṃ susamūhatattho vutto. Paccanīkasamugghātena hi āraddhapariyosānaṃ paññāyati, tena susamāraddhassa sikhāppatto attho vutto hoti. Tattha tappaccanīkānanti tesaṃ jhānavipassanāmaggānaṃ paṭipakkhabhūtānaṃ. Kilesānanti kāmacchandādīnaṃ niccasaññādisampayuttānaṃ sakkāyadiṭṭhādīnañca. Susamūhatattāti vikkhambhanatadaṅgasamucchedavasena suṭṭhu samūhatattā nāsitattā. Potthakesu pana ‘‘susamugghātattā’’ti likhanti, taṃ na sundaraṃ.
๑๖๑. ปุน ตเสฺสว ปทสฺส อญฺญมฺปิ อตฺถวิกปฺปํ ทเสฺสโนฺต สุสมนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตตฺถ ชาตาติ ตสฺมิํ สิขาปฺปตฺตภาวนาวิเสเส ชาตาฯ อนวชฺชาติ กิเลสานํ อารมฺมณภาวานุปคมเนน กิเลสโทสวิรหิตาฯ กุสลาติ ชาติวเสน กุสลาฯ โพธิปกฺขิยาติ พุชฺฌนเฎฺฐน โพธีติ ลทฺธนามสฺส อริยสฺส ปเกฺข ภวตฺตา โพธิปกฺขิยาฯ ปเกฺข ภวตฺตาติ หิ อุปการภาเว ฐิตตฺตาฯ เต จ ‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปญฺจินฺทฺริยานิ, ปญฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๕; จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๒๒; มิ. ป. ๕.๔.๑) สตฺตติํส ธมฺมาฯ อิทํ สมนฺติ อิทํ มคฺคกฺขเณ ธมฺมชาตํ สมุเจฺฉทวเสน กิเลเส สเมติ วินาเสตีติ สมํ นามฯ นิโรโธ นิพฺพานนฺติ ทุกฺขนิโรธตฺตา นิโรโธ, วานสงฺขาตาย ตณฺหาย อภาวา นิพฺพานํฯ อิทํ สุสมนฺติ อิทํ นิพฺพานํ สพฺพสงฺขตวิสมาปคตตฺตา สุฎฺฐุ สมนฺติ สุสมํ นามฯ ญาตนฺติ โพธิปกฺขิยสงฺขาตํ สมํ อสโมฺมหโต ญาเณน ญาตํ, นิพฺพานสงฺขาตํ สุสมํ อารมฺมณโต ญาเณน ญาตํฯ ตเทว ทฺวยํ เตเนว จกฺขุนา วิย ทิฎฺฐํฯ วิทิตนฺติ ตเทว ทฺวยํ สนฺตาเน อุปฺปาทเนน อารมฺมณกรเณน จ ปฎิลทฺธํฯ ญาตํ วิย ปญฺญาย สจฺฉิกตํ ผสฺสิตญฺจฯ ‘‘อสลฺลีนํ อสมฺมุฎฺฐา อสารโทฺธ เอกคฺค’’นฺติ ปุริมสฺส ปุริมสฺส ปทสฺส อตฺถปฺปกาสนํฯ ตตฺถ อารทฺธนฺติ ปฎฺฐปิตํฯ อสลฺลีนนฺติ อสงฺกุจิตํฯ อุปฎฺฐิตาติ อุปคนฺตฺวา ฐิตาฯ อสมฺมุฎฺฐาติ อวินฎฺฐาฯ ปสฺสโทฺธติ นิพฺพุโตฯ อสารโทฺธติ นิทฺทรโถฯ สมาหิตนฺติ สมํ ฐปิตํฯ เอกคฺคนฺติ อวิกฺขิตฺตํฯ
161. Puna tasseva padassa aññampi atthavikappaṃ dassento susamantiādimāha. Tattha tattha jātāti tasmiṃ sikhāppattabhāvanāvisese jātā. Anavajjāti kilesānaṃ ārammaṇabhāvānupagamanena kilesadosavirahitā. Kusalāti jātivasena kusalā. Bodhipakkhiyāti bujjhanaṭṭhena bodhīti laddhanāmassa ariyassa pakkhe bhavattā bodhipakkhiyā. Pakkhe bhavattāti hi upakārabhāve ṭhitattā. Te ca ‘‘cattāro satipaṭṭhānā, cattāro sammappadhānā, cattāro iddhipādā, pañcindriyāni, pañca balāni, satta bojjhaṅgā, ariyo aṭṭhaṅgiko maggo’’ti (ma. ni. 3.35; cūḷani. mettagūmāṇavapucchāniddesa 22; mi. pa. 5.4.1) sattatiṃsa dhammā. Idaṃ samanti idaṃ maggakkhaṇe dhammajātaṃ samucchedavasena kilese sameti vināsetīti samaṃ nāma. Nirodhonibbānanti dukkhanirodhattā nirodho, vānasaṅkhātāya taṇhāya abhāvā nibbānaṃ. Idaṃ susamanti idaṃ nibbānaṃ sabbasaṅkhatavisamāpagatattā suṭṭhu samanti susamaṃ nāma. Ñātanti bodhipakkhiyasaṅkhātaṃ samaṃ asammohato ñāṇena ñātaṃ, nibbānasaṅkhātaṃ susamaṃ ārammaṇato ñāṇena ñātaṃ. Tadeva dvayaṃ teneva cakkhunā viya diṭṭhaṃ. Viditanti tadeva dvayaṃ santāne uppādanena ārammaṇakaraṇena ca paṭiladdhaṃ. Ñātaṃ viya paññāya sacchikataṃ phassitañca. ‘‘Asallīnaṃ asammuṭṭhā asāraddho ekagga’’nti purimassa purimassa padassa atthappakāsanaṃ. Tattha āraddhanti paṭṭhapitaṃ. Asallīnanti asaṅkucitaṃ. Upaṭṭhitāti upagantvā ṭhitā. Asammuṭṭhāti avinaṭṭhā. Passaddhoti nibbuto. Asāraddhoti niddaratho. Samāhitanti samaṃ ṭhapitaṃ. Ekagganti avikkhittaṃ.
‘‘จตฺตาโร สุสมารทฺธา’’ติอาทิ สกลสฺส สุสมารทฺธวจนสฺส มูลโตฺถฯ ‘‘อตฺถิ สม’’นฺติอาทิ ปน สุสมวจนสฺส, ‘‘ญาต’’นฺติอาทิ อารทฺธวจนสฺส วิกปฺปตฺถาฯ ตตฺถายํ ปทตฺถสํสนฺทนา – ‘‘สมา จ สุสมา จ สมสุสมา’’ติ วตฺตเพฺพ เอกเทสสรูเปกเสสํ กตฺวา ‘‘สุสมา’’ อิเจฺจว วุตฺตา ยถา นามญฺจ รูปญฺจ นามรูปญฺจ นามรูปนฺติฯ ‘‘อิทํ สมํ, อิทํ สุสม’’นฺติ ปน อนญฺญาเปกฺขํ กตฺวา นปุํสกวจนํ กตํฯ ยสฺมา ปน ญาตมฺปิ ทิฎฺฐนฺติ วุจฺจติ, ทิฎฺฐญฺจ อารทฺธญฺจ อตฺถโต เอกํฯ วิทิตสจฺฉิกตผสฺสิตานิ ปน ญาตเววจนานิ, ตสฺมา ญาตนฺติ อารทฺธโตฺถเยว วุโตฺต โหติฯ
‘‘Cattāro susamāraddhā’’tiādi sakalassa susamāraddhavacanassa mūlattho. ‘‘Atthi sama’’ntiādi pana susamavacanassa, ‘‘ñāta’’ntiādi āraddhavacanassa vikappatthā. Tatthāyaṃ padatthasaṃsandanā – ‘‘samā ca susamā ca samasusamā’’ti vattabbe ekadesasarūpekasesaṃ katvā ‘‘susamā’’ icceva vuttā yathā nāmañca rūpañca nāmarūpañca nāmarūpanti. ‘‘Idaṃ samaṃ, idaṃ susama’’nti pana anaññāpekkhaṃ katvā napuṃsakavacanaṃ kataṃ. Yasmā pana ñātampi diṭṭhanti vuccati, diṭṭhañca āraddhañca atthato ekaṃ. Viditasacchikataphassitāni pana ñātavevacanāni, tasmā ñātanti āraddhatthoyeva vutto hoti.
อารทฺธํ โหติ วีริยํ อสลฺลีนนฺติ อยํ ปน อารทฺธวจนสฺส อุชุกโตฺถเยวฯ อุปฎฺฐิตา สตีติอาทีนิ ปน สมฺปยุตฺตวีริยสฺส อุปการกธมฺมทสฺสนตฺถํ วุตฺตานิ, น อารทฺธวจนสฺส อตฺถทสฺสนตฺถํฯ ปุริเมน อเตฺถน สุฎฺฐุ สมารทฺธาติ สุสมารทฺธา จ, อิมินา อเตฺถน สุสมา อารทฺธาติ สุสมารทฺธา จ เอกเสเส กเต ‘‘สุสมารทฺธา’’ติ วุจฺจนฺติฯ อิมมตฺถํ ปริคฺคเหตฺวา ‘‘เตน วุจฺจติ สุสมารทฺธา’’ติ วุตฺตํฯ
Āraddhaṃ hoti vīriyaṃ asallīnanti ayaṃ pana āraddhavacanassa ujukatthoyeva. Upaṭṭhitā satītiādīni pana sampayuttavīriyassa upakārakadhammadassanatthaṃ vuttāni, na āraddhavacanassa atthadassanatthaṃ. Purimena atthena suṭṭhu samāraddhāti susamāraddhā ca, iminā atthena susamā āraddhāti susamāraddhā ca ekasese kate ‘‘susamāraddhā’’ti vuccanti. Imamatthaṃ pariggahetvā ‘‘tena vuccati susamāraddhā’’ti vuttaṃ.
อนุปุพฺพนฺติ ยถานุกฺกเมนาติ อโตฺถ, ปุพฺพํ ปุพฺพํ อนูติ วุตฺตํ โหติฯ ทีฆํ อสฺสาสวเสนาติ ทีฆนฺติ วุตฺตอสฺสาสวเสนฯ ปุริมา ปุริมาติ ปุริมา ปุริมา สติฯ เอเตน ปุพฺพนฺติปทสฺส อโตฺถ วุโตฺต โหติฯ ปจฺฉิมา ปจฺฉิมาติ สติเยวฯ เอเตน อนูติปทสฺส อโตฺถ วุโตฺต โหติฯ อุภเยน ปุพฺพญฺจ อนุ จ ปริจิตาติ อโตฺถ วุโตฺต โหติฯ อุปริ โสฬส วตฺถูนิ วิตฺถาเรตฺวา วจนโต อิธ สงฺขิปิตฺวา ‘‘ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสี’’ติ อนฺติมเมว ทสฺสิตํฯ ยสฺมา สิขาปฺปตฺตภาวนสฺส สพฺพาปิ อานาปานสฺสติโย ปุนปฺปุนํ ยถารุจิ ปวตฺตนโต อนุปริจิตาปิ โหนฺติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อญฺญมญฺญํ ปริจิตา เจว โหนฺติ อนุปริจิตา จา’’ติฯ
Anupubbanti yathānukkamenāti attho, pubbaṃ pubbaṃ anūti vuttaṃ hoti. Dīghaṃ assāsavasenāti dīghanti vuttaassāsavasena. Purimā purimāti purimā purimā sati. Etena pubbantipadassa attho vutto hoti. Pacchimā pacchimāti satiyeva. Etena anūtipadassa attho vutto hoti. Ubhayena pubbañca anu ca paricitāti attho vutto hoti. Upari soḷasa vatthūni vitthāretvā vacanato idha saṅkhipitvā ‘‘paṭinissaggānupassī’’ti antimameva dassitaṃ. Yasmā sikhāppattabhāvanassa sabbāpi ānāpānassatiyo punappunaṃ yathāruci pavattanato anuparicitāpi honti. Tena vuttaṃ – ‘‘aññamaññaṃ paricitā ceva honti anuparicitā cā’’ti.
ยถตฺถาติ ยถาสภาวตฺถาฯ อตฺตทมถโตฺถติ อรหตฺตมคฺคกฺขเณ อตฺตโน นิพฺพิเสวนโตฺถฯ สมถโตฺถติ สีติภาวโตฺถฯ ปรินิพฺพาปนโตฺถติ กิเลสปรินิพฺพาเนนฯ อภิญฺญโตฺถติ สพฺพธมฺมวเสนฯ ปริญฺญตฺถาทโย มคฺคญาณกิจฺจวเสนฯ สจฺจาภิสมยโตฺถ จตุนฺนํ สจฺจานํ เอกปฎิเวธทสฺสนวเสนฯ นิโรเธ ปติฎฺฐาปกโตฺถ อารมฺมณกรณวเสนฯ
Yathatthāti yathāsabhāvatthā. Attadamathatthoti arahattamaggakkhaṇe attano nibbisevanattho. Samathatthoti sītibhāvattho. Parinibbāpanatthoti kilesaparinibbānena. Abhiññatthoti sabbadhammavasena. Pariññatthādayo maggañāṇakiccavasena. Saccābhisamayattho catunnaṃ saccānaṃ ekapaṭivedhadassanavasena. Nirodhe patiṭṭhāpakattho ārammaṇakaraṇavasena.
พุโทฺธติปทสฺส อภาเวปิ พุเทฺธนาติปเท โย โส พุโทฺธ, ตํ นิทฺทิสิตุกาเมน พุโทฺธติ วุตฺตํฯ สยมฺภูติ อุปเทสํ วินา สยเมว ภูโตฯ อนาจริยโกติ สยมฺภูปทสฺส อตฺถวิวรณํฯ โย หิ อาจริยํ วินา สจฺจานิ ปฎิวิชฺฌติ, โส สยมฺภู นาม โหติฯ ปุเพฺพ อนนุสฺสุเตสูติอาทิ อนาจริยกภาวสฺส อตฺถปฺปกาสนํฯ อนนุสฺสุเตสูติ อาจริยํ อนนุสฺสุเตสุฯ สามนฺติ สยเมวฯ อภิสมฺพุชฺฌีติ ภุสํ สมฺมา ปฎิวิชฺฌิฯ ตตฺถ จ สพฺพญฺญุตํ ปาปุณีติ เตสุ จ สเจฺจสุ สพฺพญฺญุภาวํ ปาปุณิฯ ยถา สจฺจานิ ปฎิวิชฺฌนฺตา สพฺพญฺญุโน โหนฺติ, ตถา สจฺจานํ ปฎิวิทฺธตฺตา เอวํ วุตฺตํฯ สพฺพญฺญุตํ ปโตฺตติปิ ปาโฐฯ พเลสุ จ วสีภาวนฺติ ทสสุ จ ตถาคตพเลสุ อิสฺสรภาวํ ปาปุณิฯ โย โส เอวํ ภูโต, โส พุโทฺธติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ สเพฺพสุ ธเมฺมสุ อปฺปฎิหตญาณนิมิตฺตานุตฺตรวิโมกฺขาธิคมปริภาวิตํ ขนฺธสนฺตานํ อุปาทาย ปณฺณตฺติโก, สพฺพญฺญุตปทฎฺฐานํ วา สจฺจาภิสโมฺพธิมุปาทาย ปณฺณตฺติโก สตฺตวิเสโส พุโทฺธฯ เอตฺตาวตา อตฺถโต พุทฺธวิภาวนา กตา โหติฯ
Buddhotipadassa abhāvepi buddhenātipade yo so buddho, taṃ niddisitukāmena buddhoti vuttaṃ. Sayambhūti upadesaṃ vinā sayameva bhūto. Anācariyakoti sayambhūpadassa atthavivaraṇaṃ. Yo hi ācariyaṃ vinā saccāni paṭivijjhati, so sayambhū nāma hoti. Pubbe ananussutesūtiādi anācariyakabhāvassa atthappakāsanaṃ. Ananussutesūti ācariyaṃ ananussutesu. Sāmanti sayameva. Abhisambujjhīti bhusaṃ sammā paṭivijjhi. Tattha ca sabbaññutaṃ pāpuṇīti tesu ca saccesu sabbaññubhāvaṃ pāpuṇi. Yathā saccāni paṭivijjhantā sabbaññuno honti, tathā saccānaṃ paṭividdhattā evaṃ vuttaṃ. Sabbaññutaṃ pattotipi pāṭho. Balesu ca vasībhāvanti dasasu ca tathāgatabalesu issarabhāvaṃ pāpuṇi. Yo so evaṃ bhūto, so buddhoti vuttaṃ hoti. Tattha sabbesu dhammesu appaṭihatañāṇanimittānuttaravimokkhādhigamaparibhāvitaṃ khandhasantānaṃ upādāya paṇṇattiko, sabbaññutapadaṭṭhānaṃ vā saccābhisambodhimupādāya paṇṇattiko sattaviseso buddho. Ettāvatā atthato buddhavibhāvanā katā hoti.
๑๖๒. อิทานิ พฺยญฺชนโต วิภาเวโนฺต พุโทฺธติ เกนเฎฺฐน พุโทฺธติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยถา โลเก อวคนฺตา อวคโตติ วุจฺจติ, เอวํ พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุโทฺธฯ ยถา ปณฺณโสสา วาตา ปณฺณสุสาติ วุจฺจนฺติ, เอวํ โพเธตา ปชายาติ พุโทฺธฯ สพฺพญฺญุตาย พุโทฺธติ สพฺพธมฺมพุชฺฌนสมตฺถาย พุทฺธิยา พุโทฺธติ วุตฺตํ โหติฯ สพฺพทสฺสาวิตาย พุโทฺธติ สพฺพธมฺมานํ ญาณจกฺขุนา ทิฎฺฐตฺตา พุโทฺธติ วุตฺตํ โหติฯ อนญฺญเนยฺยตาย พุโทฺธติ อเญฺญน อโพธนียโต สยเมว พุทฺธตฺตา พุโทฺธติ วุตฺตํ โหติฯ วิสวิตาย พุโทฺธติ นานาคุณวิสวนโต ปทุมมิว วิกสนเฎฺฐน พุโทฺธติ วุตฺตํ โหติฯ ขีณาสวสงฺขาเตน พุโทฺธติอาทีหิ ฉหิ ปริยาเยหิ จิตฺตสโงฺกจกรธมฺมปฺปหาเนน นิทฺทกฺขยวิพุโทฺธ ปุริโส วิย สพฺพกิเลสนิทฺทกฺขยวิพุทฺธตฺตา พุโทฺธติ วุตฺตํ โหติฯ สงฺขา สงฺขาตนฺติ อตฺถโต เอกตฺตา สงฺขาเตนาติ วจนสฺส โกฎฺฐาเสนาติ อโตฺถฯ ตณฺหาเลปทิฎฺฐิเลปาภาเวน นิรุปเลปสงฺขาเตนฯ สวาสนานํ สพฺพกิเลสานํ ปหีนตฺตา เอกนฺตวจเนน วิเสเสตฺวา เอกนฺตวีตราโคติอาทิ วุตฺตํฯ เอกนฺตนิกฺกิเลโสติ ราคโทสโมหาวเสเสหิ สพฺพกิเลเสหิ นิกฺกิเลโสฯ เอกายนมคฺคํ คโตติ พุโทฺธติ คมนตฺถานํ ธาตูนํ พุชฺฌนตฺถตฺตา พุชฺฌนตฺถาปิ ธาตุโย คมนตฺถา โหนฺติ, ตสฺมา เอกายนมคฺคํ คตตฺตา พุโทฺธติ วุตฺตํ โหติฯ เอกายนมโคฺคติ เจตฺถ –
162. Idāni byañjanato vibhāvento buddhoti kenaṭṭhena buddhotiādimāha. Tattha yathā loke avagantā avagatoti vuccati, evaṃ bujjhitā saccānīti buddho. Yathā paṇṇasosā vātā paṇṇasusāti vuccanti, evaṃ bodhetā pajāyāti buddho. Sabbaññutāya buddhoti sabbadhammabujjhanasamatthāya buddhiyā buddhoti vuttaṃ hoti. Sabbadassāvitāya buddhoti sabbadhammānaṃ ñāṇacakkhunā diṭṭhattā buddhoti vuttaṃ hoti. Anaññaneyyatāyabuddhoti aññena abodhanīyato sayameva buddhattā buddhoti vuttaṃ hoti. Visavitāya buddhoti nānāguṇavisavanato padumamiva vikasanaṭṭhena buddhoti vuttaṃ hoti. Khīṇāsavasaṅkhātena buddhotiādīhi chahi pariyāyehi cittasaṅkocakaradhammappahānena niddakkhayavibuddho puriso viya sabbakilesaniddakkhayavibuddhattā buddhoti vuttaṃ hoti. Saṅkhā saṅkhātanti atthato ekattā saṅkhātenāti vacanassa koṭṭhāsenāti attho. Taṇhālepadiṭṭhilepābhāvena nirupalepasaṅkhātena. Savāsanānaṃ sabbakilesānaṃ pahīnattā ekantavacanena visesetvā ekantavītarāgotiādi vuttaṃ. Ekantanikkilesoti rāgadosamohāvasesehi sabbakilesehi nikkileso. Ekāyanamaggaṃ gatoti buddhoti gamanatthānaṃ dhātūnaṃ bujjhanatthattā bujjhanatthāpi dhātuyo gamanatthā honti, tasmā ekāyanamaggaṃ gatattā buddhoti vuttaṃ hoti. Ekāyanamaggoti cettha –
‘‘มโคฺค ปโนฺถ ปโถ ปโชฺช, อญฺชสํ วฎุมายนํ;
‘‘Maggo pantho patho pajjo, añjasaṃ vaṭumāyanaṃ;
นาวา อุตฺตรเสตุ จ, กุโลฺล จ ภิสิ สงฺกโม’’ติ ฯ (จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิเทฺทส ๑๐๑) –
Nāvā uttarasetu ca, kullo ca bhisi saṅkamo’’ti . (cūḷani. pārāyanatthutigāthāniddesa 101) –
มคฺคสฺส พหูสุ นาเมสุ อยนนาเมน วุโตฺตฯ ตสฺมา เอกมคฺคภูโต มโคฺค, น เทฺวธาปถภูโตติ อโตฺถฯ อถ วา เอเกน อยิตโพฺพ มโคฺคติ เอกายนมโคฺคฯ เอเกนาติ คณสงฺคณิกํ ปหาย ปวิเวเกน จิเตฺตนฯ อยิตโพฺพติ ปฎิปชฺชิตโพฺพฯ อยนฺติ วา เอเตนาติ อยโน, สํสารโต นิพฺพานํ คจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ เอเกสํ อยโน เอกายโนฯ เอเกติ เสฎฺฐา, สพฺพสตฺตเสฎฺฐา จ สมฺมาสมฺพุทฺธา, ตสฺมา เอกายนมโคฺคติ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อยนภูโต มโคฺคติ วุตฺตํ โหติฯ อยตีติ วา อยโน, คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ เอกสฺมิํ อยโน มโคฺคติ เอกายนมโคฺค, เอกสฺมิํเยว พุทฺธสาสเน ปวตฺตมาโน มโคฺค, น อญฺญตฺถาติ วุตฺตํ โหติฯ อปิ จ เอกํ อยตีติ เอกายโน, ปุพฺพภาเค นานามุขภาวนานยปฺปวโตฺตปิ อปรภาเค เอกํ นิพฺพานเมว คจฺฉตีติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺมา เอกายนมโคฺคติ เอกนิพฺพานคมนมโคฺคติ อโตฺถฯ เอโก อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธติ พุโทฺธติ น ปเรหิ พุทฺธตฺตา พุโทฺธ, กิํ ปน สยเมว อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา พุโทฺธติ วุตฺตํ โหติฯ อพุทฺธิวิหตตฺตา พุทฺธิปฎิลาภา พุโทฺธติ พุทฺธิ พุทฺธํ โพโธติ ปริยายวจนเมตํฯ ตตฺถ ยถา นีลรตฺตคุณโยคา นีโล ปโฎ รโตฺต ปโฎติ วุจฺจติ, เอวํ พุทฺธคุณโยคา พุโทฺธติ ญาเปตุํ วุตฺตํฯ
Maggassa bahūsu nāmesu ayananāmena vutto. Tasmā ekamaggabhūto maggo, na dvedhāpathabhūtoti attho. Atha vā ekena ayitabbo maggoti ekāyanamaggo. Ekenāti gaṇasaṅgaṇikaṃ pahāya pavivekena cittena. Ayitabboti paṭipajjitabbo. Ayanti vā etenāti ayano, saṃsārato nibbānaṃ gacchantīti attho. Ekesaṃ ayano ekāyano. Eketi seṭṭhā, sabbasattaseṭṭhā ca sammāsambuddhā, tasmā ekāyanamaggoti sammāsambuddhānaṃ ayanabhūto maggoti vuttaṃ hoti. Ayatīti vā ayano, gacchati pavattatīti attho. Ekasmiṃ ayano maggoti ekāyanamaggo, ekasmiṃyeva buddhasāsane pavattamāno maggo, na aññatthāti vuttaṃ hoti. Api ca ekaṃ ayatīti ekāyano, pubbabhāge nānāmukhabhāvanānayappavattopi aparabhāge ekaṃ nibbānameva gacchatīti vuttaṃ hoti, tasmā ekāyanamaggoti ekanibbānagamanamaggoti attho. Eko anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddhoti buddhoti na parehi buddhattā buddho, kiṃ pana sayameva anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddhattā buddhoti vuttaṃ hoti. Abuddhivihatattā buddhipaṭilābhā buddhoti buddhi buddhaṃ bodhoti pariyāyavacanametaṃ. Tattha yathā nīlarattaguṇayogā nīlo paṭo ratto paṭoti vuccati, evaṃ buddhaguṇayogā buddhoti ñāpetuṃ vuttaṃ.
ตโต ปรํ พุโทฺธติ เนตํ นามนฺติอาทิ ‘‘อตฺถมนุคตา อยํ ปญฺญตฺตี’’ติ ญาปนตฺถํ วุตฺตํฯ ตตฺถ มิตฺตา สหายาฯ อมจฺจา ภจฺจาฯ ญาตี ปิตุปกฺขิกาฯ สาโลหิตา มาตุปกฺขิกาฯ สมณา ปพฺพชฺชูปคตาฯ พฺราหฺมณา โภวาทิโน, สมิตปาปพาหิตปาปา วาฯ เทวตา สกฺกาทโย พฺรหฺมาโน จฯ วิโมกฺขนฺติกนฺติ วิโมโกฺข อรหตฺตมโคฺค, วิโมกฺขสฺส อโนฺต อรหตฺตผลํ, ตสฺมิํ วิโมกฺขเนฺต ภวํ วิโมกฺขนฺติกํ นามฯ สพฺพญฺญุภาโว หิ อรหตฺตมเคฺคน สิชฺฌติ, อรหตฺตผโลทเย สิโทฺธ โหติ, ตสฺมา สพฺพญฺญุภาโว วิโมกฺขเนฺต ภโว โหติฯ ตํ เนมิตฺติกมฺปิ นามํ วิโมกฺขเนฺต ภวํ นาม โหติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตาน’’นฺติฯ โพธิยา มูเล สห สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส ปฎิลาภาติ มหาโพธิรุกฺขมูเล ยถาวุตฺตกฺขเณ สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส ปฎิลาเภน สหฯ สจฺฉิกา ปญฺญตฺตีติ อรหตฺตผลสจฺฉิกิริยาย, สพฺพธมฺมสจฺฉิกิริยาย วา ชาตา ปญฺญตฺติฯ ยทิทํ พุโทฺธติ ยา อยํ พุโทฺธติ ปญฺญตฺติ, อยํ พฺยญฺชนโต พุทฺธวิภาวนาฯ
Tato paraṃ buddhoti netaṃ nāmantiādi ‘‘atthamanugatā ayaṃ paññattī’’ti ñāpanatthaṃ vuttaṃ. Tattha mittā sahāyā. Amaccā bhaccā. Ñātī pitupakkhikā. Sālohitā mātupakkhikā. Samaṇā pabbajjūpagatā. Brāhmaṇā bhovādino, samitapāpabāhitapāpā vā. Devatā sakkādayo brahmāno ca. Vimokkhantikanti vimokkho arahattamaggo, vimokkhassa anto arahattaphalaṃ, tasmiṃ vimokkhante bhavaṃ vimokkhantikaṃ nāma. Sabbaññubhāvo hi arahattamaggena sijjhati, arahattaphalodaye siddho hoti, tasmā sabbaññubhāvo vimokkhante bhavo hoti. Taṃ nemittikampi nāmaṃ vimokkhante bhavaṃ nāma hoti. Tena vuttaṃ – ‘‘vimokkhantikametaṃ buddhānaṃ bhagavantāna’’nti. Bodhiyā mūle saha sabbaññutaññāṇassa paṭilābhāti mahābodhirukkhamūle yathāvuttakkhaṇe sabbaññutaññāṇassa paṭilābhena saha. Sacchikā paññattīti arahattaphalasacchikiriyāya, sabbadhammasacchikiriyāya vā jātā paññatti. Yadidaṃ buddhoti yā ayaṃ buddhoti paññatti, ayaṃ byañjanato buddhavibhāvanā.
‘‘ยถา พุเทฺธน เทสิตา’’ติคาถาปาทสฺส ปน อิมินา ปทภาชนีเย วุตฺตเตฺถน อยํ สํสนฺทนา – อานาปานสฺสติโย จ ยถา พุเทฺธน เทสิตา, เยน ปกาเรน เทสิตาฯ ยถาสเทฺทน สงฺคหิตา ทส ยถตฺถา จ ยถา พุเทฺธน เทสิตา, เยน ปกาเรน เทสิตาติ ปการตฺถสฺส จ ยถาสทฺทสฺส, สภาวตฺถสฺส จ ยถาสทฺทสฺส สรูเปกเสสวเสน เอกเสสํ กตฺวา ‘‘ยถา’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ปทภาชนีเย ปนสฺส ยถเตฺถสุ เอเกกสฺส โยชนาวเสน ‘‘เทสิโต’’ติ เอกวจนํ กตํฯ
‘‘Yathā buddhena desitā’’tigāthāpādassa pana iminā padabhājanīye vuttatthena ayaṃ saṃsandanā – ānāpānassatiyo ca yathā buddhena desitā, yena pakārena desitā. Yathāsaddena saṅgahitā dasa yathatthā ca yathā buddhena desitā, yena pakārena desitāti pakāratthassa ca yathāsaddassa, sabhāvatthassa ca yathāsaddassa sarūpekasesavasena ekasesaṃ katvā ‘‘yathā’’ti vuttanti veditabbaṃ. Padabhājanīye panassa yathatthesu ekekassa yojanāvasena ‘‘desito’’ti ekavacanaṃ kataṃ.
‘‘โสติ คหโฎฺฐ วา โหติ ปพฺพชิโต วา’’ติ วุตฺตตฺตา อาทิปเทปิ ยสฺส คหฎฺฐสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วาติ วุตฺตเมว โหติฯ โลกโตฺถ วุโตฺตเยวฯ ปภาเสตีติ อตฺตโน ญาณสฺส ปากฎํ กโรตีติ อโตฺถ ฯ อภิสมฺพุทฺธตฺตาติ สาวกปารมิญาเณนปิ ปฎิวิทฺธภาเวนฯ โอภาเสตีติ กามาวจรภูตํ โลกํฯ ภาเสตีติ รูปาวจรภูตํ โลกํฯ ปภาเสตีติ อรูปาวจรภูตํ โลกํฯ
‘‘Soti gahaṭṭho vā hoti pabbajito vā’’ti vuttattā ādipadepi yassa gahaṭṭhassa vā pabbajitassa vāti vuttameva hoti. Lokattho vuttoyeva. Pabhāsetīti attano ñāṇassa pākaṭaṃ karotīti attho . Abhisambuddhattāti sāvakapāramiñāṇenapi paṭividdhabhāvena. Obhāsetīti kāmāvacarabhūtaṃ lokaṃ. Bhāsetīti rūpāvacarabhūtaṃ lokaṃ. Pabhāsetīti arūpāvacarabhūtaṃ lokaṃ.
อริยญาณนฺติ อรหตฺตมคฺคญาณํฯ มหิกา มุโตฺตติ มหิกาย มุโตฺตฯ มหิกาติ นีหาโร วุจฺจติฯ มหิยา มุโตฺตติปิ ปาโฐฯ ธูมรชา มุโตฺตติ ธูมโต จ รชโต จ มุโตฺตฯ ราหุคหณา วิปฺปมุโตฺตติ ราหุโน จนฺทสฺส อาสนฺนุปกฺกิเลสตฺตา ทฺวีหิ อุปสเคฺคหิ วิเสเสตฺวา วุตฺตํฯ ภาสเต อิติ สโอภาสเฎฺฐนฯ ตปเต อิติ สเตชเฎฺฐนฯ วิโรจเต อิติ รุจิรเฎฺฐนฯ เอวเมวนฺติ เอวํ เอวํฯ ยสฺมา ปน จโนฺทปิ สยํ ภาสโนฺต ตปโนฺต วิโรจโนฺต อิมํ โอกาสโลกํ โอภาเสติ, ภิกฺขุ จ ปญฺญาย ภาสโนฺต ตปโนฺต วิโรจโนฺต อิมํ ขนฺธาทิโลกํ ปญฺญาย โอภาเสติ, ตสฺมา อุภยตฺราปิ ‘‘ภาเสตี’’ติ อวตฺวา ‘‘ภาสเต’’ อิเจฺจว วุตฺตํฯ เอวญฺหิ วุเตฺต เหตุอโตฺถปิ วุโตฺต โหติฯ อติวิสทตราภสูริโยปมํ อคฺคเหตฺวา กสฺมา จโนฺทปมา คหิตาติ เจ? สพฺพกิเลสปริฬาหวูปสเมน สนฺตสฺส ภิกฺขุโน สนฺตคุณยุตฺตจโนฺทปมา อนุจฺฉวิกาติ คหิตาติ เวทิตพฺพํฯ เอวํ อานาปานสฺสติภาวนาสิทฺธิสาธกํ โยคาวจรํ ถุนิตฺวา อิมานิ เตรส โวทาเน ญาณานีติ ตานิ ญาณานิ นิคเมตฺวา ทเสฺสตีติฯ
Ariyañāṇanti arahattamaggañāṇaṃ. Mahikā muttoti mahikāya mutto. Mahikāti nīhāro vuccati. Mahiyā muttotipi pāṭho. Dhūmarajā muttoti dhūmato ca rajato ca mutto. Rāhugahaṇā vippamuttoti rāhuno candassa āsannupakkilesattā dvīhi upasaggehi visesetvā vuttaṃ. Bhāsate iti saobhāsaṭṭhena. Tapate iti satejaṭṭhena. Virocate iti ruciraṭṭhena. Evamevanti evaṃ evaṃ. Yasmā pana candopi sayaṃ bhāsanto tapanto virocanto imaṃ okāsalokaṃ obhāseti, bhikkhu ca paññāya bhāsanto tapanto virocanto imaṃ khandhādilokaṃ paññāya obhāseti, tasmā ubhayatrāpi ‘‘bhāsetī’’ti avatvā ‘‘bhāsate’’ icceva vuttaṃ. Evañhi vutte hetuatthopi vutto hoti. Ativisadatarābhasūriyopamaṃ aggahetvā kasmā candopamā gahitāti ce? Sabbakilesapariḷāhavūpasamena santassa bhikkhuno santaguṇayuttacandopamā anucchavikāti gahitāti veditabbaṃ. Evaṃ ānāpānassatibhāvanāsiddhisādhakaṃ yogāvacaraṃ thunitvā imāni terasa vodāne ñāṇānīti tāni ñāṇāni nigametvā dassetīti.
โวทานญาณนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Vodānañāṇaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๔. โวทานญาณนิเทฺทโส • 4. Vodānañāṇaniddeso