Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā

    ๔. ยกฺขปหารสุตฺตวณฺณนา

    4. Yakkhapahārasuttavaṇṇanā

    ๓๔. จตุเตฺถ กโปตกนฺทรายนฺติ เอวํนามเก วิหาเรฯ ตสฺมิํ กิร ปพฺพตกนฺทเร ปุเพฺพ พหู กโปตา วสิํสุ, เตน สา ปพฺพตกนฺทรา ‘‘กโปตกนฺทรา’’ติ วุจฺจติฯ อปรภาเค ตตฺถ กตวิหาโรปิ ‘‘กโปตกนฺทรา’’เตฺวว ปญฺญายิตฺถฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘กโปตกนฺทรายนฺติ เอวํนามเก วิหาเร’’ติฯ ชุณฺหาย รตฺติยาติ สุกฺกปกฺขรตฺติยํฯ นโวโรปิเตหิ เกเสหีติ อจิรโอหาริเตหิ เกเสหิ, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เจตํ กรณวจนํฯ อโพฺภกาเสติ ยตฺถ อุปริจฺฉทนํ ปริเกฺขโป วา นตฺถิ, ตาทิเส อากาสงฺคเณฯ

    34. Catutthe kapotakandarāyanti evaṃnāmake vihāre. Tasmiṃ kira pabbatakandare pubbe bahū kapotā vasiṃsu, tena sā pabbatakandarā ‘‘kapotakandarā’’ti vuccati. Aparabhāge tattha katavihāropi ‘‘kapotakandarā’’tveva paññāyittha. Tena vuttaṃ – ‘‘kapotakandarāyanti evaṃnāmake vihāre’’ti. Juṇhāya rattiyāti sukkapakkharattiyaṃ. Navoropitehi kesehīti aciraohāritehi kesehi, itthambhūtalakkhaṇe cetaṃ karaṇavacanaṃ. Abbhokāseti yattha uparicchadanaṃ parikkhepo vā natthi, tādise ākāsaṅgaṇe.

    ตตฺถ อายสฺมา สาริปุโตฺต สุวณฺณวโณฺณ, อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน นีลุปฺปลวโณฺณฯ อุโภปิ ปน เต มหาเถรา อุทิจฺจพฺราหฺมณชจฺจา กปฺปานํ สตสหสฺสาธิกํ เอกํ อสเงฺขฺยยฺยํ อภินีหารสมฺปนฺนา ฉฬภิญฺญาปฎิสมฺภิทาปฺปตฺตา มหาขีณาสวา สมาปตฺติลาภิโน สตฺตสฎฺฐิยา สาวกปารมิญาณานํ มตฺถกปฺปตฺตา เอตํ กโปตกนฺทรวิหารํ อุปโสภยนฺตา เอกํ กนกคุหํ ปวิฎฺฐา เทฺว สีหา วิย, เอกํ วิชมฺภนภูมิํ โอติณฺณา เทฺว พฺยคฺฆา วิย, เอกํ สุปุปฺผิตสาลวนํ ปวิฎฺฐา เทฺว ฉทฺทนฺตนาคราชาโน วิย, เอกํ สิมฺพลิวนํ ปวิฎฺฐา เทฺว สุปณฺณราชาโน วิย, เอกํ นรวาหนยานํ อภิรุฬฺหา เทฺว เวสฺสวณา วิย, เอกํ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อภินิสินฺนา เทฺว สกฺกา วิย, เอกวิมานพฺภนฺตรคตา เทฺว มหาพฺรหฺมาโน วิย, เอกสฺมิํ คคนฎฺฐาเน ฐิตานิ เทฺว จนฺทมณฺฑลานิ วิย, เทฺว สูริยมณฺฑลานิ วิย จ วิโรจิํสุฯ เตสุ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตุณฺหี นิสีทิ, อายสฺมา ปน สาริปุโตฺต สมาปชฺชิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อญฺญตรํ สมาธิํ สมาปชฺชิตฺวา’’ติฯ

    Tattha āyasmā sāriputto suvaṇṇavaṇṇo, āyasmā mahāmoggallāno nīluppalavaṇṇo. Ubhopi pana te mahātherā udiccabrāhmaṇajaccā kappānaṃ satasahassādhikaṃ ekaṃ asaṅkhyeyyaṃ abhinīhārasampannā chaḷabhiññāpaṭisambhidāppattā mahākhīṇāsavā samāpattilābhino sattasaṭṭhiyā sāvakapāramiñāṇānaṃ matthakappattā etaṃ kapotakandaravihāraṃ upasobhayantā ekaṃ kanakaguhaṃ paviṭṭhā dve sīhā viya, ekaṃ vijambhanabhūmiṃ otiṇṇā dve byagghā viya, ekaṃ supupphitasālavanaṃ paviṭṭhā dve chaddantanāgarājāno viya, ekaṃ simbalivanaṃ paviṭṭhā dve supaṇṇarājāno viya, ekaṃ naravāhanayānaṃ abhiruḷhā dve vessavaṇā viya, ekaṃ paṇḍukambalasilāsanaṃ abhinisinnā dve sakkā viya, ekavimānabbhantaragatā dve mahābrahmāno viya, ekasmiṃ gaganaṭṭhāne ṭhitāni dve candamaṇḍalāni viya, dve sūriyamaṇḍalāni viya ca virociṃsu. Tesu āyasmā mahāmoggallāno tuṇhī nisīdi, āyasmā pana sāriputto samāpajji. Tena vuttaṃ – ‘‘aññataraṃ samādhiṃ samāpajjitvā’’ti.

    ตตฺถ อญฺญตรํ สมาธินฺติ อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหารสมาปตฺติํฯ เกจิ ‘‘สญฺญาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติ’’นฺติ วทนฺติ, อปเร ปนาหุ ‘‘อารุปฺปปาทกํ ผลสมาปตฺติ’’นฺติฯ อิมา เอว หิ ติโสฺส กายรกฺขณสมตฺถา สมาปตฺติโยฯ ตตฺถ นิโรธสมาปตฺติยา สมาธิปริยายสมฺภโว เหฎฺฐา วุโตฺตว, ปจฺฉิมํเยว ปน อาจริยา วเณฺณนฺติฯ อุตฺตราย ทิสาย ทกฺขิณํ ทิสํ คจฺฉนฺตีติ อุตฺตราย ทิสาย ยกฺขสมาคมํ คนฺตฺวา อตฺตโน ภวนํ คนฺตุํ ทกฺขิณํ ทิสํ คจฺฉนฺติฯ ปฎิภาติ มนฺติ อุปฎฺฐาติ มมฯ นฺติ หิ ปฎิสทฺทโยเคน สามิอเตฺถ อุปโยควจนํ, อิมสฺส สีเส ปหารํ ทาตุํ จิตฺตํ เม อุปฺปชฺชตีติ อโตฺถฯ โส กิร ปุริมชาติยํ เถเร พทฺธาฆาโต, เตนสฺส เถรํ ทิสฺวา ปทุฎฺฐจิตฺตสฺส เอวํ อโหสิฯ อิตโร ปน สปฺปญฺญชาติโก, ตสฺมา ตํ ปฎิเสเธโนฺต ‘‘อลํ สมฺมา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ มา อาสาเทสีติ มา ฆเฎฺฎสิ, มา ปหารํ เทหีติ วุตฺตํ โหติฯ อุฬาโรติ อุฬาเรหิ อุตฺตเมหิ สีลาทิคุเณหิ สมนฺนาคโตฯ

    Tattha aññataraṃ samādhinti upekkhābrahmavihārasamāpattiṃ. Keci ‘‘saññāvedayitanirodhasamāpatti’’nti vadanti, apare panāhu ‘‘āruppapādakaṃ phalasamāpatti’’nti. Imā eva hi tisso kāyarakkhaṇasamatthā samāpattiyo. Tattha nirodhasamāpattiyā samādhipariyāyasambhavo heṭṭhā vuttova, pacchimaṃyeva pana ācariyā vaṇṇenti. Uttarāya disāya dakkhiṇaṃ disaṃ gacchantīti uttarāya disāya yakkhasamāgamaṃ gantvā attano bhavanaṃ gantuṃ dakkhiṇaṃ disaṃ gacchanti. Paṭibhāti manti upaṭṭhāti mama. Manti hi paṭisaddayogena sāmiatthe upayogavacanaṃ, imassa sīse pahāraṃ dātuṃ cittaṃ me uppajjatīti attho. So kira purimajātiyaṃ there baddhāghāto, tenassa theraṃ disvā paduṭṭhacittassa evaṃ ahosi. Itaro pana sappaññajātiko, tasmā taṃ paṭisedhento ‘‘alaṃ sammā’’tiādimāha. Tattha mā āsādesīti mā ghaṭṭesi, mā pahāraṃ dehīti vuttaṃ hoti. Uḷāroti uḷārehi uttamehi sīlādiguṇehi samannāgato.

    อนาทิยิตฺวาติ อาทรํ อกตฺวา, ตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวาฯ ยสฺมา ปน ตสฺส วจนํ อคฺคณฺหโนฺต ตํ อนาทิยโนฺต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ตํ ยกฺขํ อนาทิยิตฺวา’’ติฯ สีเส ปหารํ อทาสีติ สพฺพถาเมน อุสฺสาหํ ชเนตฺวา อากาเส ฐิโตว สีเส ขฎกํ อทาสิ, มุทฺธนิ มุฎฺฐิฆาตํ อกาสีติ อโตฺถฯ ตาว มหาติ ถามมหเตฺตน ตตฺตกํ มหโนฺต ปหาโร อโหสิฯ เตน ปหาเรนาติ เตน ปหาเรน กรณภูเตนฯ สตฺตรตนนฺติ ปมาณมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส รตเนน สตฺตรตนํฯ นาคนฺติ หตฺถินาคํฯ โอสาเทยฺยาติ ปถวิยํ โอสีทาเปยฺย นิมุชฺชาเปยฺยฯ ‘‘โอสาเรยฺยา’’ติปิ ปาโฐ, จุณฺณวิจุณฺณํ กเรยฺยาติ อโตฺถฯ อฑฺฒฎฺฐมรตนนฺติ อเฑฺฒน อฎฺฐนฺนํ ปูรณานิ อฑฺฒฎฺฐมานิ, อฑฺฒฎฺฐมานิ รตนานิ ปมาณํ เอตสฺสาติ อฑฺฒฎฺฐมรตโน, ตํ อฑฺฒฎฺฐมรตนํฯ มหนฺตํ ปพฺพตกูฎนฺติ เกลาสกูฎปฺปมาณํ วิปุลํ คิริกูฎํฯ ปทาเลยฺยาติ สกลิกากาเรน ภิเนฺทยฺยฯ อปิ โอสาเทยฺย, อปิ ปทาเลยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ

    Anādiyitvāti ādaraṃ akatvā, tassa vacanaṃ aggahetvā. Yasmā pana tassa vacanaṃ aggaṇhanto taṃ anādiyanto nāma hoti, tasmā vuttaṃ – ‘‘taṃ yakkhaṃ anādiyitvā’’ti. Sīse pahāraṃ adāsīti sabbathāmena ussāhaṃ janetvā ākāse ṭhitova sīse khaṭakaṃ adāsi, muddhani muṭṭhighātaṃ akāsīti attho. Tāva mahāti thāmamahattena tattakaṃ mahanto pahāro ahosi. Tena pahārenāti tena pahārena karaṇabhūtena. Sattaratananti pamāṇamajjhimassa purisassa ratanena sattaratanaṃ. Nāganti hatthināgaṃ. Osādeyyāti pathaviyaṃ osīdāpeyya nimujjāpeyya. ‘‘Osāreyyā’’tipi pāṭho, cuṇṇavicuṇṇaṃ kareyyāti attho. Aḍḍhaṭṭhamaratananti aḍḍhena aṭṭhannaṃ pūraṇāni aḍḍhaṭṭhamāni, aḍḍhaṭṭhamāni ratanāni pamāṇaṃ etassāti aḍḍhaṭṭhamaratano, taṃ aḍḍhaṭṭhamaratanaṃ. Mahantaṃ pabbatakūṭanti kelāsakūṭappamāṇaṃ vipulaṃ girikūṭaṃ. Padāleyyāti sakalikākārena bhindeyya. Api osādeyya, api padāleyyāti sambandho.

    ตาวเทว จสฺส สรีเร มหาปริฬาโห อุปฺปชฺชิ, โส เวทนาตุโร อากาเส ฐาตุํ อสโกฺกโนฺต ภูมิยํ ปติ, ตงฺขณเญฺญว อฎฺฐสฎฺฐิสหสฺสาธิกโยชนสตสหสฺสุเพฺพธํ สิเนรุมฺปิ ปพฺพตราชานํ สนฺธาเรนฺตี จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา มหาปถวี ตํ ปาปสตฺตํ ธาเรตุํ อสโกฺกนฺตี วิย วิวรมทาสิฯ อวีจิโต ชาลา อุฎฺฐหิตฺวา กนฺทนฺตํเยว ตํ คณฺหิํสุ, โส กนฺทโนฺต วิปฺปลปโนฺต ปติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ จ ปน โส ยโกฺข ‘ฑยฺหามิ ฑยฺหามี’ติ วตฺวา ตเตฺถว มหานิรยํ อปตาสีติฯ ตตฺถ อปตาสีติ อปติฯ

    Tāvadeva cassa sarīre mahāpariḷāho uppajji, so vedanāturo ākāse ṭhātuṃ asakkonto bhūmiyaṃ pati, taṅkhaṇaññeva aṭṭhasaṭṭhisahassādhikayojanasatasahassubbedhaṃ sinerumpi pabbatarājānaṃ sandhārentī catunahutādhikadviyojanasatasahassabahalā mahāpathavī taṃ pāpasattaṃ dhāretuṃ asakkontī viya vivaramadāsi. Avīcito jālā uṭṭhahitvā kandantaṃyeva taṃ gaṇhiṃsu, so kandanto vippalapanto pati. Tena vuttaṃ – ‘‘atha ca pana so yakkho ‘ḍayhāmi ḍayhāmī’ti vatvā tattheva mahānirayaṃ apatāsīti. Tattha apatāsīti apati.

    กิํ ปน โส ยกฺขตฺตภาเวเนว นิรยํ อุปคจฺฉีติ? น อุปคจฺฉิ, ยเญฺหตฺถ ทิฎฺฐธมฺมเวทนียํ ปาปกมฺมํ อโหสิ, ตสฺส พเลน ยกฺขตฺตภาเว มหนฺตํ ทุกฺขํ อนุภวิฯ ยํ ปน อุปปชฺชเวทนียํ อานนฺตริยกมฺมํ, เตน จุติอนนฺตรํ นิรเย อุปฺปชฺชีติฯ เถรสฺส ปน สมาปตฺติพเลน อุปตฺถมฺภิตสรีรสฺส น โกจิ วิกาโร อโหสิฯ สมาปตฺติโต อวุฎฺฐิตกาเล หิ ตํ ยโกฺข ปหริ, ตถา ปหรนฺตํ ทิพฺพจกฺขุนา ทิสฺวา อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ธมฺมเสนาปติํ อุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมนสมกาลเมว จ ธมฺมเสนาปติ สมาปตฺติโต อุฎฺฐาสิฯ อถ นํ มหาโมคฺคลฺลาโน สรีรวุตฺติํ ปุจฺฉิ, โสปิสฺส พฺยากาสิ, เตน วุตฺตํ – ‘‘อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน…เป.… อปิ จ เม สีสํ โถกํ ทุกฺข’’นฺติฯ

    Kiṃ pana so yakkhattabhāveneva nirayaṃ upagacchīti? Na upagacchi, yañhettha diṭṭhadhammavedanīyaṃ pāpakammaṃ ahosi, tassa balena yakkhattabhāve mahantaṃ dukkhaṃ anubhavi. Yaṃ pana upapajjavedanīyaṃ ānantariyakammaṃ, tena cutianantaraṃ niraye uppajjīti. Therassa pana samāpattibalena upatthambhitasarīrassa na koci vikāro ahosi. Samāpattito avuṭṭhitakāle hi taṃ yakkho pahari, tathā paharantaṃ dibbacakkhunā disvā āyasmā mahāmoggallāno dhammasenāpatiṃ upasaṅkami, upasaṅkamanasamakālameva ca dhammasenāpati samāpattito uṭṭhāsi. Atha naṃ mahāmoggallāno sarīravuttiṃ pucchi, sopissa byākāsi, tena vuttaṃ – ‘‘addasā kho āyasmā mahāmoggallāno…pe… api ca me sīsaṃ thokaṃ dukkha’’nti.

    ตตฺถ โถกํ ทุกฺขนฺติ โถกํ อปฺปมตฺตกํ มธุรกชาตํ วิย เม สีสํ ทุกฺขิตํ, ทุกฺขปฺปตฺตนฺติ อโตฺถฯ ทุกฺขาธิฎฺฐานญฺหิ สีสํ ทุกฺขนฺติ วุตฺตํฯ ‘‘สีเส โถกํ ทุกฺข’’นฺติปิ ปาโฐฯ กถํ ปน สมาปตฺติพเลน สรีเร อุปตฺถมฺภิเต เถรสฺส สีเส โถกมฺปิ ทุกฺขํ อโหสีติ? อจิเรเนว วุฎฺฐิตตฺตาฯ อโนฺตสมาปตฺติยํ อปญฺญายมานทุกฺขญฺหิ กายนิสฺสิตตฺตา นิทฺทํ อุปคตสฺส มกสาทิชนิตํ วิย ปฎิพุทฺธสฺส โถกํ ปญฺญายิตฺถฯ

    Tattha thokaṃ dukkhanti thokaṃ appamattakaṃ madhurakajātaṃ viya me sīsaṃ dukkhitaṃ, dukkhappattanti attho. Dukkhādhiṭṭhānañhi sīsaṃ dukkhanti vuttaṃ. ‘‘Sīse thokaṃ dukkha’’ntipi pāṭho. Kathaṃ pana samāpattibalena sarīre upatthambhite therassa sīse thokampi dukkhaṃ ahosīti? Acireneva vuṭṭhitattā. Antosamāpattiyaṃ apaññāyamānadukkhañhi kāyanissitattā niddaṃ upagatassa makasādijanitaṃ viya paṭibuddhassa thokaṃ paññāyittha.

    ‘‘มหาพเลน ยเกฺขน ตถา สพฺพุสฺสาเหน ปหเฎ สรีเรปิ วิกาโร นาม นตฺถี’’ติ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาเตน อายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลาเนน ‘‘อจฺฉริยํ, อาวุโส สาริปุตฺตา’’ติอาทินา ธมฺมเสนาปติโน มหานุภาวตาย วิภาวิตาย โสปิสฺส ‘อจฺฉริยํ, อาวุโส โมคฺคลฺลานา’’ติอาทินา อิทฺธานุภาวมหนฺตตาปกาสนาปเทเสน อตฺตโน อิสฺสามจฺฉริยาหงฺการาทิมลานํ สุปฺปหีนตํ ทีเปติฯ ปํสุปิสาจกมฺปิ น ปสฺสามาติ สงฺการกูฎาทีสุ วิจรณกขุทฺทกเปตมฺปิ น ปสฺสามฯ อิติ อธิคมปฺปิจฺฉานํ อคฺคภูโต มหาเถโร ตสฺมิํ กาเล อนาวชฺชเนน เตสํ อทสฺสนํ สนฺธาย วทติฯ เตเนวาห ‘‘เอตรหี’’ติฯ

    ‘‘Mahābalena yakkhena tathā sabbussāhena pahaṭe sarīrepi vikāro nāma natthī’’ti acchariyabbhutacittajātena āyasmatā mahāmoggallānena ‘‘acchariyaṃ, āvuso sāriputtā’’tiādinā dhammasenāpatino mahānubhāvatāya vibhāvitāya sopissa ‘acchariyaṃ, āvuso moggallānā’’tiādinā iddhānubhāvamahantatāpakāsanāpadesena attano issāmacchariyāhaṅkārādimalānaṃ suppahīnataṃ dīpeti. Paṃsupisācakampi na passāmāti saṅkārakūṭādīsu vicaraṇakakhuddakapetampi na passāma. Iti adhigamappicchānaṃ aggabhūto mahāthero tasmiṃ kāle anāvajjanena tesaṃ adassanaṃ sandhāya vadati. Tenevāha ‘‘etarahī’’ti.

    ภควา ปน เวฬุวเน ฐิโต อุภินฺนํ อคฺคสาวกานํ อิมํ กถาสลฺลาปํ ทิพฺพโสเตน อโสฺสสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อโสฺสสิ โข ภควา’’ติอาทิ, ตํ วุตฺตตฺถเมวฯ

    Bhagavā pana veḷuvane ṭhito ubhinnaṃ aggasāvakānaṃ imaṃ kathāsallāpaṃ dibbasotena assosi. Tena vuttaṃ – ‘‘assosi kho bhagavā’’tiādi, taṃ vuttatthameva.

    เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สมาปตฺติพลูปคตํ อิทฺธานุภาวมหนฺตตํ วิทิตฺวาฯ อิมํ อุทานนฺติ ตเสฺสว ตาทิภาวปฺปตฺติทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ

    Etamatthaṃ viditvāti etaṃ āyasmato sāriputtassa samāpattibalūpagataṃ iddhānubhāvamahantataṃ viditvā. Imaṃ udānanti tasseva tādibhāvappattidīpakaṃ imaṃ udānaṃ udānesi.

    ตตฺถ ยสฺส เสลูปมํ จิตฺตํ, ฐิตํ นานุปกมฺปตีติ ยสฺส ขีณาสวสฺส จิตฺตํ เอกคฺฆนสิลามยปพฺพตูปมํ สเพฺพสํ อิญฺชนานํ อภาวโต วสีภาวปฺปตฺติยาว ฐิตํ สเพฺพหิปิ โลกธเมฺมหิ นานุปกมฺปติ น ปเวธติฯ อิทานิสฺส อกมฺปนาการํ สทฺธิํ การเณน ทเสฺสตุํ ‘‘วิรตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ วิรตฺตํ รชนีเยสูติ วิราคสงฺขาเตน อริยมเคฺคน รชนีเยสุ ราคุปฺปตฺติเหตุภูเตสุ สเพฺพสุ เตภูมกธเมฺมสุ วิรตฺตํ, ตตฺถ สพฺพโส สมุจฺฉินฺนราคนฺติ อโตฺถฯ โกปเนเยฺยติ ปฎิฆฎฺฐานีเย สพฺพสฺมิมฺปิ อาฆาตวตฺถุสฺมิํ น กุปฺปติ น ทุสฺสติ น วิการํ อาปชฺชติฯ ยเสฺสวํ ภาวิตํ จิตฺตนฺติ ยสฺส ยถาวุตฺตสฺส อริยปุคฺคลสฺส จิตฺตํ เอวํ วุตฺตนเยน ตาทิภาวาวหนภาเวน ภาวิตํฯ กุโต ตํ ทุกฺขเมสฺสตีติ ตํ อุตฺตมปุคฺคลํ กุโต สตฺตโต สงฺขารโต วา ทุกฺขํ อุปคมิสฺสติ, น ตาทิสสฺส ทุกฺขํ อตฺถีติ อโตฺถฯ

    Tattha yassa selūpamaṃ cittaṃ, ṭhitaṃ nānupakampatīti yassa khīṇāsavassa cittaṃ ekagghanasilāmayapabbatūpamaṃ sabbesaṃ iñjanānaṃ abhāvato vasībhāvappattiyāva ṭhitaṃ sabbehipi lokadhammehi nānupakampati na pavedhati. Idānissa akampanākāraṃ saddhiṃ kāraṇena dassetuṃ ‘‘viratta’’ntiādi vuttaṃ. Tattha virattaṃ rajanīyesūti virāgasaṅkhātena ariyamaggena rajanīyesu rāguppattihetubhūtesu sabbesu tebhūmakadhammesu virattaṃ, tattha sabbaso samucchinnarāganti attho. Kopaneyyeti paṭighaṭṭhānīye sabbasmimpi āghātavatthusmiṃ na kuppati na dussati na vikāraṃ āpajjati. Yassevaṃ bhāvitaṃ cittanti yassa yathāvuttassa ariyapuggalassa cittaṃ evaṃ vuttanayena tādibhāvāvahanabhāvena bhāvitaṃ. Kuto taṃ dukkhamessatīti taṃ uttamapuggalaṃ kuto sattato saṅkhārato vā dukkhaṃ upagamissati, na tādisassa dukkhaṃ atthīti attho.

    จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Catutthasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๔. ยกฺขปหารสุตฺตํ • 4. Yakkhapahārasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact