Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๓. ยมกสุตฺตํ

    3. Yamakasuttaṃ

    ๘๕. เอกํ สมยํ อายสฺมา สาริปุโตฺต สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ยมกสฺส นาม ภิกฺขุโน เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา ขีณาสโว ภิกฺขุ กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา’’ติฯ

    85. Ekaṃ samayaṃ āyasmā sāriputto sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena yamakassa nāma bhikkhuno evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ hoti – ‘‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā khīṇāsavo bhikkhu kāyassa bhedā ucchijjati vinassati, na hoti paraṃ maraṇā’’ti.

    อโสฺสสุํ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู ยมกสฺส กิร นาม ภิกฺขุโน เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา ขีณาสโว ภิกฺขุ กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา’’ติฯ อถ โข เต ภิกฺขู เยนายสฺมา ยมโก เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา ยมเกน สทฺธิํ สโมฺมทิํสุฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ ยมกํ เอตทโวจุํ –

    Assosuṃ kho sambahulā bhikkhū yamakassa kira nāma bhikkhuno evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ hoti – ‘‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā khīṇāsavo bhikkhu kāyassa bhedā ucchijjati vinassati, na hoti paraṃ maraṇā’’ti. Atha kho te bhikkhū yenāyasmā yamako tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā āyasmatā yamakena saddhiṃ sammodiṃsu. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū āyasmantaṃ yamakaṃ etadavocuṃ –

    ‘‘สจฺจํ กิร เต, อาวุโส ยมก, เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา ขีณาสโว ภิกฺขุ กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา’’’ติ? ‘‘เอวํ ขฺวาหํ, อาวุโส, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ – ‘ขีณาสโว ภิกฺขุ กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา’’’ติฯ

    ‘‘Saccaṃ kira te, āvuso yamaka, evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ – ‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā khīṇāsavo bhikkhu kāyassa bhedā ucchijjati vinassati, na hoti paraṃ maraṇā’’’ti? ‘‘Evaṃ khvāhaṃ, āvuso, bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi – ‘khīṇāsavo bhikkhu kāyassa bhedā ucchijjati vinassati, na hoti paraṃ maraṇā’’’ti.

    ‘‘มา, อาวุโส ยมก, เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิฯ น หิ สาธุ ภควโต อพฺภาจิกฺขนํฯ น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย – ‘ขีณาสโว ภิกฺขุ กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา’’’ติฯ เอวมฺปิ โข อายสฺมา ยมโก เตหิ ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน ตเถว ตํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา ขีณาสโว ภิกฺขุ กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา’’ติฯ

    ‘‘Mā, āvuso yamaka, evaṃ avaca, mā bhagavantaṃ abbhācikkhi. Na hi sādhu bhagavato abbhācikkhanaṃ. Na hi bhagavā evaṃ vadeyya – ‘khīṇāsavo bhikkhu kāyassa bhedā ucchijjati vinassati, na hoti paraṃ maraṇā’’’ti. Evampi kho āyasmā yamako tehi bhikkhūhi vuccamāno tatheva taṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ thāmasā parāmāsā abhinivissa voharati – ‘‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā khīṇāsavo bhikkhu kāyassa bhedā ucchijjati vinassati, na hoti paraṃ maraṇā’’ti.

    ยโต โข เต ภิกฺขู นาสกฺขิํสุ อายสฺมนฺตํ ยมกํ เอตสฺมา ปาปกา ทิฎฺฐิคตา วิเวเจตุํ, อถ โข เต ภิกฺขู อุฎฺฐายาสนา เยนายสฺมา สาริปุโตฺต เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ยมกสฺส นาม, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุโน เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา ขีณาสโว ภิกฺขุ กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา’ติฯ สาธายสฺมา สาริปุโตฺต เยน ยมโก ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติฯ อธิวาเสสิ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ตุณฺหีภาเวนฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยนายสฺมา ยมโก เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา ยมเกน สทฺธิํ สโมฺมทิ…เป.… เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา สาริปุโตฺต อายสฺมนฺตํ ยมกํ เอตทโวจ –

    Yato kho te bhikkhū nāsakkhiṃsu āyasmantaṃ yamakaṃ etasmā pāpakā diṭṭhigatā vivecetuṃ, atha kho te bhikkhū uṭṭhāyāsanā yenāyasmā sāriputto tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ sāriputtaṃ etadavocuṃ – ‘‘yamakassa nāma, āvuso sāriputta, bhikkhuno evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ – ‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi yathā khīṇāsavo bhikkhu kāyassa bhedā ucchijjati vinassati, na hoti paraṃ maraṇā’ti. Sādhāyasmā sāriputto yena yamako bhikkhu tenupasaṅkamatu anukampaṃ upādāyā’’ti. Adhivāsesi kho āyasmā sāriputto tuṇhībhāvena. Atha kho āyasmā sāriputto sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yenāyasmā yamako tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmatā yamakena saddhiṃ sammodi…pe… ekamantaṃ nisinno kho āyasmā sāriputto āyasmantaṃ yamakaṃ etadavoca –

    ‘‘สจฺจํ กิร เต, อาวุโส ยมก, เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา ขีณาสโว ภิกฺขุ กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา’’’ติ? ‘‘เอวํ ขฺวาหํ, อาวุโส, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา ขีณาสโว ภิกฺขุ กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา’’ติฯ

    ‘‘Saccaṃ kira te, āvuso yamaka, evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ – ‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā khīṇāsavo bhikkhu kāyassa bhedā ucchijjati vinassati, na hoti paraṃ maraṇā’’’ti? ‘‘Evaṃ khvāhaṃ, āvuso, bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā khīṇāsavo bhikkhu kāyassa bhedā ucchijjati vinassati, na hoti paraṃ maraṇā’’ti.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อาวุโส ยมก, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, อาวุโส’’ฯ ‘‘เวทนา นิจฺจา… สญฺญา… สงฺขารา… วิญฺญาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, อาวุโส’’ฯ ตสฺมาติห…เป.… เอวํ ปสฺสํ…เป.… นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาตี’’ติฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, āvuso yamaka, rūpaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, āvuso’’. ‘‘Vedanā niccā… saññā… saṅkhārā… viññāṇaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, āvuso’’. Tasmātiha…pe… evaṃ passaṃ…pe… nāparaṃ itthattāyāti pajānātī’’ti.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อาวุโส ยมก, รูปํ ตถาคโตติ สมนุปสฺสสี’’ติ? ‘‘โน เหตํ, อาวุโส’’ … ‘‘เวทนํ ตถาคโตติ สมนุปสฺสสี’’ติ? ‘‘โน เหตํ, อาวุโส’’… ‘‘สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ ตถาคโตติ สมนุปสฺสสี’’ติ? ‘‘โน เหตํ, อาวุโส’’ฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, āvuso yamaka, rūpaṃ tathāgatoti samanupassasī’’ti? ‘‘No hetaṃ, āvuso’’ … ‘‘vedanaṃ tathāgatoti samanupassasī’’ti? ‘‘No hetaṃ, āvuso’’… ‘‘saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ tathāgatoti samanupassasī’’ti? ‘‘No hetaṃ, āvuso’’.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อาวุโส ยมก, รูปสฺมิํ ตถาคโตติ สมนุปสฺสสี’’ติ? ‘‘โน เหตํ, อาวุโส’’ฯ ‘‘อญฺญตฺร รูปา ตถาคโตติ สมนุปสฺสสี’’ติ? ‘‘โน เหตํ, อาวุโส’’ฯ ‘‘เวทนาย… อญฺญตฺร เวทนาย…เป.… สญฺญาย… อญฺญตฺร สญฺญาย… สงฺขาเรสุ… อญฺญตฺร สงฺขาเรหิ… วิญฺญาณสฺมิํ ตถาคโตติ สมนุปสฺสสี’’ติ? ‘‘โน เหตํ, อาวุโส’’ฯ ‘‘อญฺญตฺร วิญฺญาณา ตถาคโตติ สมนุปสฺสสี’’ติ? ‘‘โน เหตํ, อาวุโส’’ฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, āvuso yamaka, rūpasmiṃ tathāgatoti samanupassasī’’ti? ‘‘No hetaṃ, āvuso’’. ‘‘Aññatra rūpā tathāgatoti samanupassasī’’ti? ‘‘No hetaṃ, āvuso’’. ‘‘Vedanāya… aññatra vedanāya…pe… saññāya… aññatra saññāya… saṅkhāresu… aññatra saṅkhārehi… viññāṇasmiṃ tathāgatoti samanupassasī’’ti? ‘‘No hetaṃ, āvuso’’. ‘‘Aññatra viññāṇā tathāgatoti samanupassasī’’ti? ‘‘No hetaṃ, āvuso’’.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อาวุโส ยมก, รูปํ… เวทนํ… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ ตถาคโตติ สมนุปสฺสสี’’ติ? ‘‘โน เหตํ, อาวุโส’’ฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, āvuso yamaka, rūpaṃ… vedanaṃ… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ tathāgatoti samanupassasī’’ti? ‘‘No hetaṃ, āvuso’’.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อาวุโส ยมก, อยํ โส อรูปี… อเวทโน… อสญฺญี… อสงฺขาโร… อวิญฺญาโณ ตถาคโตติ สมนุปสฺสสี’’ติ? ‘‘โน เหตํ, อาวุโส’’ฯ ‘‘เอตฺถ จ เต, อาวุโส ยมก, ทิเฎฺฐว ธเมฺม สจฺจโต เถตโต 1 ตถาคเต อนุปลพฺภิยมาเน 2, กลฺลํ นุ เต ตํ เวยฺยากรณํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา ขีณาสโว ภิกฺขุ กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา’’’ติ?

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, āvuso yamaka, ayaṃ so arūpī… avedano… asaññī… asaṅkhāro… aviññāṇo tathāgatoti samanupassasī’’ti? ‘‘No hetaṃ, āvuso’’. ‘‘Ettha ca te, āvuso yamaka, diṭṭheva dhamme saccato thetato 3 tathāgate anupalabbhiyamāne 4, kallaṃ nu te taṃ veyyākaraṇaṃ – ‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā khīṇāsavo bhikkhu kāyassa bhedā ucchijjati vinassati, na hoti paraṃ maraṇā’’’ti?

    ‘‘อหุ โข เม ตํ, อาวุโส สาริปุตฺต, ปุเพฺพ อวิทฺทสุโน ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ; อิทญฺจ ปนายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ตเญฺจว ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ ปหีนํ, ธโมฺม จ เม อภิสมิโต’’ติฯ

    ‘‘Ahu kho me taṃ, āvuso sāriputta, pubbe aviddasuno pāpakaṃ diṭṭhigataṃ; idañca panāyasmato sāriputtassa dhammadesanaṃ sutvā tañceva pāpakaṃ diṭṭhigataṃ pahīnaṃ, dhammo ca me abhisamito’’ti.

    ‘‘สเจ ตํ, อาวุโส ยมก, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘โย โส, อาวุโส ยมก, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา กิํ โหตี’ติ? เอวํ ปุโฎฺฐ ตฺวํ, อาวุโส ยมก, กินฺติ พฺยากเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘สเจ มํ, อาวุโส, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘โย โส, อาวุโส ยมก, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา กิํ โหตี’ติ? เอวํ ปุโฎฺฐหํ, อาวุโส, เอวํ พฺยากเรยฺยํ – ‘รูปํ โข, อาวุโส, อนิจฺจํฯ ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ; ยํ ทุกฺขํ ตํ นิรุทฺธํ ตทตฺถงฺคตํฯ เวทนา… สญฺญา… สงฺขารา… วิญฺญาณํ อนิจฺจํฯ ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ; ยํ ทุกฺขํ ตํ นิรุทฺธํ ตทตฺถงฺคต’นฺติฯ เอวํ ปุโฎฺฐหํ , อาวุโส, เอวํ พฺยากเรยฺย’’นฺติฯ

    ‘‘Sace taṃ, āvuso yamaka, evaṃ puccheyyuṃ – ‘yo so, āvuso yamaka, bhikkhu arahaṃ khīṇāsavo so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā kiṃ hotī’ti? Evaṃ puṭṭho tvaṃ, āvuso yamaka, kinti byākareyyāsī’’ti? ‘‘Sace maṃ, āvuso, evaṃ puccheyyuṃ – ‘yo so, āvuso yamaka, bhikkhu arahaṃ khīṇāsavo so kāyassa bhedā paraṃ maraṇā kiṃ hotī’ti? Evaṃ puṭṭhohaṃ, āvuso, evaṃ byākareyyaṃ – ‘rūpaṃ kho, āvuso, aniccaṃ. Yadaniccaṃ taṃ dukkhaṃ; yaṃ dukkhaṃ taṃ niruddhaṃ tadatthaṅgataṃ. Vedanā… saññā… saṅkhārā… viññāṇaṃ aniccaṃ. Yadaniccaṃ taṃ dukkhaṃ; yaṃ dukkhaṃ taṃ niruddhaṃ tadatthaṅgata’nti. Evaṃ puṭṭhohaṃ , āvuso, evaṃ byākareyya’’nti.

    ‘‘สาธุ สาธุ, อาวุโส ยมก! เตน หาวุโส, ยมก, อุปมํ เต กริสฺสามิ เอตเสฺสว อตฺถสฺส ภิโยฺยโสมตฺตาย ญาณายฯ เสยฺยถาปิ, อาวุโส ยมก, คหปติ วา คหปติปุโตฺต วา อโฑฺฒ มหทฺธโน มหาโภโค; โส จ อารกฺขสมฺปโนฺนฯ ตสฺส โกจิเทว ปุริโส อุปฺปเชฺชยฺย อนตฺถกาโม อหิตกาโม อโยคเกฺขมกาโม ชีวิตา โวโรเปตุกาโมฯ ตสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ โข คหปติ วา คหปติปุโตฺต วา อโฑฺฒ มหทฺธโน มหาโภโค; โส จ อารกฺขสมฺปโนฺน; นายํ 5 สุกโร ปสยฺห ชีวิตา โวโรเปตุํฯ ยํนูนาหํ อนุปขชฺช ชีวิตา โวโรเปยฺย’นฺติฯ โส ตํ คหปติํ วา คหปติปุตฺตํ วา อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘อุปฎฺฐเหยฺยํ ตํ, ภเนฺต’ติฯ ตเมนํ โส คหปติ วา คหปติปุโตฺต วา อุปฎฺฐาเปยฺยฯ โส อุปฎฺฐเหยฺย ปุพฺพุฎฺฐายี ปจฺฉานิปาตี กิํการปฎิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาทีฯ ตสฺส โส คหปติ วา คหปติปุโตฺต วา มิตฺตโตปิ นํ สทฺทเหยฺย 6; สุหชฺชโตปิ นํ สทฺทเหยฺย; ตสฺมิญฺจ วิสฺสาสํ อาปเชฺชยฺยฯ ยทา โข, อาวุโส, ตสฺส ปุริสสฺส เอวมสฺส – ‘สํวิสฺสโตฺถ โข มฺยายํ คหปติ วา คหปติปุโตฺต วา’ติ, อถ นํ รโหคตํ วิทิตฺวา ติเณฺหน สเตฺถน ชีวิตา โวโรเปยฺยฯ

    ‘‘Sādhu sādhu, āvuso yamaka! Tena hāvuso, yamaka, upamaṃ te karissāmi etasseva atthassa bhiyyosomattāya ñāṇāya. Seyyathāpi, āvuso yamaka, gahapati vā gahapatiputto vā aḍḍho mahaddhano mahābhogo; so ca ārakkhasampanno. Tassa kocideva puriso uppajjeyya anatthakāmo ahitakāmo ayogakkhemakāmo jīvitā voropetukāmo. Tassa evamassa – ‘ayaṃ kho gahapati vā gahapatiputto vā aḍḍho mahaddhano mahābhogo; so ca ārakkhasampanno; nāyaṃ 7 sukaro pasayha jīvitā voropetuṃ. Yaṃnūnāhaṃ anupakhajja jīvitā voropeyya’nti. So taṃ gahapatiṃ vā gahapatiputtaṃ vā upasaṅkamitvā evaṃ vadeyya – ‘upaṭṭhaheyyaṃ taṃ, bhante’ti. Tamenaṃ so gahapati vā gahapatiputto vā upaṭṭhāpeyya. So upaṭṭhaheyya pubbuṭṭhāyī pacchānipātī kiṃkārapaṭissāvī manāpacārī piyavādī. Tassa so gahapati vā gahapatiputto vā mittatopi naṃ saddaheyya 8; suhajjatopi naṃ saddaheyya; tasmiñca vissāsaṃ āpajjeyya. Yadā kho, āvuso, tassa purisassa evamassa – ‘saṃvissattho kho myāyaṃ gahapati vā gahapatiputto vā’ti, atha naṃ rahogataṃ viditvā tiṇhena satthena jīvitā voropeyya.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อาวุโส ยมก, ยทา หิ โส ปุริโส อมุํ คหปติํ วา คหปติปุตฺตํ วา อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ อาห – ‘อุปฎฺฐเหยฺยํ ตํ, ภเนฺต’ติ, ตทาปิ โส วธโกวฯ วธกญฺจ ปน สนฺตํ น อญฺญาสิ – ‘วธโก เม’ติฯ ยทาปิ โส อุปฎฺฐหติ ปุพฺพุฎฺฐายี ปจฺฉานิปาตี กิํการปฎิสฺสาวี มนาปจารี ปิยวาที, ตทาปิ โส วธโกวฯ วธกญฺจ ปน สนฺตํ น อญฺญาสิ – ‘วธโก เม’ติฯ ยทาปิ นํ รโหคตํ วิทิตฺวา ติเณฺหน สเตฺถน ชีวิตา โวโรเปติ, ตทาปิ โส วธโกวฯ วธกญฺจ ปน สนฺตํ น อญฺญาสิ – ‘วธโก เม’’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, อาวุโส, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท อริยธเมฺม อวินีโต, สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธเมฺม อวินีโต รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ; อตฺตนิ วา รูปํ, รูปสฺมิํ วา อตฺตานํฯ เวทนํ… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, วิญฺญาณวนฺตํ วา อตฺตานํ; อตฺตนิ วา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณสฺมิํ วา อตฺตานํ’’ฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, āvuso yamaka, yadā hi so puriso amuṃ gahapatiṃ vā gahapatiputtaṃ vā upasaṅkamitvā evaṃ āha – ‘upaṭṭhaheyyaṃ taṃ, bhante’ti, tadāpi so vadhakova. Vadhakañca pana santaṃ na aññāsi – ‘vadhako me’ti. Yadāpi so upaṭṭhahati pubbuṭṭhāyī pacchānipātī kiṃkārapaṭissāvī manāpacārī piyavādī, tadāpi so vadhakova. Vadhakañca pana santaṃ na aññāsi – ‘vadhako me’ti. Yadāpi naṃ rahogataṃ viditvā tiṇhena satthena jīvitā voropeti, tadāpi so vadhakova. Vadhakañca pana santaṃ na aññāsi – ‘vadhako me’’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti. ‘‘Evameva kho, āvuso, assutavā puthujjano ariyānaṃ adassāvī ariyadhammassa akovido ariyadhamme avinīto, sappurisānaṃ adassāvī sappurisadhammassa akovido sappurisadhamme avinīto rūpaṃ attato samanupassati, rūpavantaṃ vā attānaṃ; attani vā rūpaṃ, rūpasmiṃ vā attānaṃ. Vedanaṃ… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ attato samanupassati, viññāṇavantaṃ vā attānaṃ; attani vā viññāṇaṃ, viññāṇasmiṃ vā attānaṃ’’.

    ‘‘โส อนิจฺจํ รูปํ ‘อนิจฺจํ รูป’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ อนิจฺจํ เวทนํ ‘อนิจฺจา เวทนา’ติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ อนิจฺจํ สญฺญํ ‘อนิจฺจา สญฺญา’ติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ อนิเจฺจ สงฺขาเร ‘อนิจฺจา สงฺขารา’ติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ อนิจฺจํ วิญฺญาณํ ‘อนิจฺจํ วิญฺญาณ’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ

    ‘‘So aniccaṃ rūpaṃ ‘aniccaṃ rūpa’nti yathābhūtaṃ nappajānāti. Aniccaṃ vedanaṃ ‘aniccā vedanā’ti yathābhūtaṃ nappajānāti. Aniccaṃ saññaṃ ‘aniccā saññā’ti yathābhūtaṃ nappajānāti. Anicce saṅkhāre ‘aniccā saṅkhārā’ti yathābhūtaṃ nappajānāti. Aniccaṃ viññāṇaṃ ‘aniccaṃ viññāṇa’nti yathābhūtaṃ nappajānāti.

    ‘‘ทุกฺขํ รูปํ ‘ทุกฺขํ รูป’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ ทุกฺขํ เวทนํ… ทุกฺขํ สญฺญํ… ทุเกฺข สงฺขาเร… ทุกฺขํ วิญฺญาณํ ‘ทุกฺขํ วิญฺญาณ’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ

    ‘‘Dukkhaṃ rūpaṃ ‘dukkhaṃ rūpa’nti yathābhūtaṃ nappajānāti. Dukkhaṃ vedanaṃ… dukkhaṃ saññaṃ… dukkhe saṅkhāre… dukkhaṃ viññāṇaṃ ‘dukkhaṃ viññāṇa’nti yathābhūtaṃ nappajānāti.

    ‘‘อนตฺตํ รูปํ ‘อนตฺตา รูป’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ อนตฺตํ เวทนํ… อนตฺตํ สญฺญํ… อนเตฺต สงฺขาเร… อนตฺตํ วิญฺญาณํ ‘อนตฺตํ วิญฺญาณ’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ

    ‘‘Anattaṃ rūpaṃ ‘anattā rūpa’nti yathābhūtaṃ nappajānāti. Anattaṃ vedanaṃ… anattaṃ saññaṃ… anatte saṅkhāre… anattaṃ viññāṇaṃ ‘anattaṃ viññāṇa’nti yathābhūtaṃ nappajānāti.

    ‘‘สงฺขตํ รูปํ ‘สงฺขตํ รูป’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ สงฺขตํ เวทนํ… สงฺขตํ สญฺญํ… สงฺขเต สงฺขาเร… สงฺขตํ วิญฺญาณํ ‘สงฺขตํ วิญฺญาณ’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ

    ‘‘Saṅkhataṃ rūpaṃ ‘saṅkhataṃ rūpa’nti yathābhūtaṃ nappajānāti. Saṅkhataṃ vedanaṃ… saṅkhataṃ saññaṃ… saṅkhate saṅkhāre… saṅkhataṃ viññāṇaṃ ‘saṅkhataṃ viññāṇa’nti yathābhūtaṃ nappajānāti.

    ‘‘วธกํ รูปํ ‘วธกํ รูป’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ วธกํ เวทนํ ‘วธกา เวทนา’ติ… วธกํ สญฺญํ ‘วธกา สญฺญา’ติ… วธเก สงฺขาเร ‘วธกา สงฺขารา’ติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ วธกํ วิญฺญาณํ ‘วธกํ วิญฺญาณ’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติฯ

    ‘‘Vadhakaṃ rūpaṃ ‘vadhakaṃ rūpa’nti yathābhūtaṃ nappajānāti. Vadhakaṃ vedanaṃ ‘vadhakā vedanā’ti… vadhakaṃ saññaṃ ‘vadhakā saññā’ti… vadhake saṅkhāre ‘vadhakā saṅkhārā’ti yathābhūtaṃ nappajānāti. Vadhakaṃ viññāṇaṃ ‘vadhakaṃ viññāṇa’nti yathābhūtaṃ nappajānāti.

    ‘‘โส รูปํ อุเปติ อุปาทิยติ อธิฎฺฐาติ ‘อตฺตา เม’ติฯ เวทนํ… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ อุเปติ อุปาทิยติ อธิฎฺฐาติ ‘อตฺตา เม’ติฯ ตสฺสิเม ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา อุเปตา อุปาทินฺนา ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติฯ

    ‘‘So rūpaṃ upeti upādiyati adhiṭṭhāti ‘attā me’ti. Vedanaṃ… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ upeti upādiyati adhiṭṭhāti ‘attā me’ti. Tassime pañcupādānakkhandhā upetā upādinnā dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya saṃvattanti.

    ‘‘สุตวา จ โข, อาวุโส, อริยสาวโก อริยานํ ทสฺสาวี…เป.… สปฺปุริสธเมฺม สุวินีโต น รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, น รูปวนฺตํ อตฺตานํ; น อตฺตนิ รูปํ, น รูปสฺมิํ อตฺตานํฯ น เวทนํ… น สญฺญํ… น สงฺขาเร… น วิญฺญาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, น วิญฺญาณวนฺตํ อตฺตานํ; น อตฺตนิ วิญฺญาณํ, น วิญฺญาณสฺมิํ อตฺตานํฯ

    ‘‘Sutavā ca kho, āvuso, ariyasāvako ariyānaṃ dassāvī…pe… sappurisadhamme suvinīto na rūpaṃ attato samanupassati, na rūpavantaṃ attānaṃ; na attani rūpaṃ, na rūpasmiṃ attānaṃ. Na vedanaṃ… na saññaṃ… na saṅkhāre… na viññāṇaṃ attato samanupassati, na viññāṇavantaṃ attānaṃ; na attani viññāṇaṃ, na viññāṇasmiṃ attānaṃ.

    ‘‘โส อนิจฺจํ รูปํ ‘อนิจฺจํ รูป’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ อนิจฺจํ เวทนํ … อนิจฺจํ สญฺญํ… อนิเจฺจ สงฺขาเร … อนิจฺจํ วิญฺญาณํ ‘อนิจฺจํ วิญฺญาณ’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ

    ‘‘So aniccaṃ rūpaṃ ‘aniccaṃ rūpa’nti yathābhūtaṃ pajānāti. Aniccaṃ vedanaṃ … aniccaṃ saññaṃ… anicce saṅkhāre … aniccaṃ viññāṇaṃ ‘aniccaṃ viññāṇa’nti yathābhūtaṃ pajānāti.

    ‘‘ทุกฺขํ รูปํ ‘ทุกฺขํ รูป’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ ทุกฺขํ เวทนํ… ทุกฺขํ สญฺญํ… ทุเกฺข สงฺขาเร… ทุกฺขํ วิญฺญาณํ ‘ทุกฺขํ วิญฺญาณ’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ

    ‘‘Dukkhaṃ rūpaṃ ‘dukkhaṃ rūpa’nti yathābhūtaṃ pajānāti. Dukkhaṃ vedanaṃ… dukkhaṃ saññaṃ… dukkhe saṅkhāre… dukkhaṃ viññāṇaṃ ‘dukkhaṃ viññāṇa’nti yathābhūtaṃ pajānāti.

    ‘‘อนตฺตํ รูปํ ‘อนตฺตา รูป’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ อนตฺตํ เวทนํ… อนตฺตํ สญฺญํ… อนเตฺต สงฺขาเร… อนตฺตํ วิญฺญาณํ ‘อนตฺตา วิญฺญาณ’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ

    ‘‘Anattaṃ rūpaṃ ‘anattā rūpa’nti yathābhūtaṃ pajānāti. Anattaṃ vedanaṃ… anattaṃ saññaṃ… anatte saṅkhāre… anattaṃ viññāṇaṃ ‘anattā viññāṇa’nti yathābhūtaṃ pajānāti.

    ‘‘สงฺขตํ รูปํ ‘สงฺขตํ รูป’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ สงฺขตํ เวทนํ… สงฺขตํ สญฺญํ… สงฺขเต สงฺขาเร… สงฺขตํ วิญฺญาณํ ‘สงฺขตํ วิญฺญาณ’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ

    ‘‘Saṅkhataṃ rūpaṃ ‘saṅkhataṃ rūpa’nti yathābhūtaṃ pajānāti. Saṅkhataṃ vedanaṃ… saṅkhataṃ saññaṃ… saṅkhate saṅkhāre… saṅkhataṃ viññāṇaṃ ‘saṅkhataṃ viññāṇa’nti yathābhūtaṃ pajānāti.

    ‘‘วธกํ รูปํ ‘วธกํ รูป’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ วธกํ เวทนํ… วธกํ สญฺญํ… วธเก สงฺขาเร ‘‘วธกา สงฺขารา’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ วธกํ วิญฺญาณํ ‘วธกํ วิญฺญาณ’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ

    ‘‘Vadhakaṃ rūpaṃ ‘vadhakaṃ rūpa’nti yathābhūtaṃ pajānāti. Vadhakaṃ vedanaṃ… vadhakaṃ saññaṃ… vadhake saṅkhāre ‘‘vadhakā saṅkhārā’’ti yathābhūtaṃ pajānāti. Vadhakaṃ viññāṇaṃ ‘vadhakaṃ viññāṇa’nti yathābhūtaṃ pajānāti.

    ‘‘โส รูปํ น อุเปติ, น อุปาทิยติ, นาธิฎฺฐาติ – ‘อตฺตา เม’ติฯ เวทนํ… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ น อุเปติ, น อุปาทิยติ, นาธิฎฺฐาติ – ‘อตฺตา เม’ติฯ ตสฺสิเม ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา อนุเปตา อนุปาทินฺนา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตี’’ติฯ ‘‘เอวเมตํ, อาวุโส สาริปุตฺต, โหติ เยสํ อายสฺมนฺตานํ ตาทิสา สพฺรหฺมจาริโน อนุกมฺปกา อตฺถกามา โอวาทกา อนุสาสกาฯ อิทญฺจ ปน เม อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’’นฺติฯ ตติยํฯ

    ‘‘So rūpaṃ na upeti, na upādiyati, nādhiṭṭhāti – ‘attā me’ti. Vedanaṃ… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ na upeti, na upādiyati, nādhiṭṭhāti – ‘attā me’ti. Tassime pañcupādānakkhandhā anupetā anupādinnā dīgharattaṃ hitāya sukhāya saṃvattantī’’ti. ‘‘Evametaṃ, āvuso sāriputta, hoti yesaṃ āyasmantānaṃ tādisā sabrahmacārino anukampakā atthakāmā ovādakā anusāsakā. Idañca pana me āyasmato sāriputtassa dhammadesanaṃ sutvā anupādāya āsavehi cittaṃ vimutta’’nti. Tatiyaṃ.







    Footnotes:
    1. ตถโต (สฺยา. กํ.)
    2. ตถาคเต อนุปลพฺภมาเน (?)
    3. tathato (syā. kaṃ.)
    4. tathāgate anupalabbhamāne (?)
    5. น หายํ (สฺยา. กํ.)
    6. ทเหยฺย (สฺยา. กํ. ปี. ก.)
    7. na hāyaṃ (syā. kaṃ.)
    8. daheyya (syā. kaṃ. pī. ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. ยมกสุตฺตวณฺณนา • 3. Yamakasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๓. ยมกสุตฺตวณฺณนา • 3. Yamakasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact