Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    ยสสฺส ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา

    Yasassa pabbajjākathāvaṇṇanā

    ๒๕. อิทานิ ยสสฺส ปพฺพชฺชํ ทเสฺสตุํ ‘‘เตน โข ปน สมเยนา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา – เหมนฺติโกติอาทีสุ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๔๒; อ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓.๓๙) ยตฺถ สุขํ โหติ เหมนฺตกาเล วสิตุํ, อยํ เหมนฺติโกฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ อยํ ปเนตฺถ วจนโตฺถ – เหมเนฺต วาโส เหมนฺตํ อุตฺตรปทโลเปน, เหมนฺตํ อรหตีติ เหมนฺติโกฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ วสฺสิโก ปาสาโท นาติอุโจฺจ โหติ นาตินีโจ, ทฺวารวาตปานานิปิสฺส นาติพหูนิ นาติตนูนิ, ภูมตฺถรณปจฺจตฺถรณขชฺชโภชฺชานิเปตฺถ มิสฺสกาเนว วฎฺฎนฺติฯ เหมนฺติเก ถมฺภาปิ ภิตฺติโยปิ นีจา โหนฺติ, ทฺวารวาตปานานิ ตนุกานิ สุขุมฉิทฺทานิ, อุณฺหปฺปเวสนตฺถาย ภิตฺตินิยฺยูหานิ หริยนฺติ, ภูมตฺถรณปจฺจตฺถรณนิวาสนปารุปนานิ ปเนตฺถ อุณฺหวิกิริยานิ กมฺพลาทีนิ วฎฺฎนฺติ, ขชฺชโภชฺชํ สินิทฺธํ กฎุกสนฺนิสฺสิตญฺจฯ คิมฺหิเก ถมฺภาปิ ภิตฺติโยปิ อุจฺจา โหนฺติ, ทฺวารวาตปานานิ ปเนตฺถ พหูนิ วิปุลชาตานิ โหนฺติ, ภูมตฺถรณานิ สีตวิกิริยานิ ทุกูลมยานิ วฎฺฎนฺติ, ขชฺชโภชฺชานิ มธุรรสสีตวิกิริยานิ, วาตปานสมีเปสุ เจตฺถ นวา จาฎิโย ฐเปตฺวา อุทกสฺส ปูเรตฺวา นีลุปฺปลาทีหิ สญฺฉาเทนฺติ, เตสุ เตสุ ปเทเสสุ อุทกยนฺตานิ กโรนฺติ, เยหิ เทเว วสฺสเนฺต วิย อุทกธารา นิกฺขมนฺติฯ

    25. Idāni yasassa pabbajjaṃ dassetuṃ ‘‘tena kho pana samayenā’’tiādi āraddhaṃ. Tatrāyaṃ anuttānapadavaṇṇanā – hemantikotiādīsu (dī. ni. aṭṭha. 2.42; a. ni. aṭṭha. 2.3.39) yattha sukhaṃ hoti hemantakāle vasituṃ, ayaṃ hemantiko. Itaresupi eseva nayo. Ayaṃ panettha vacanattho – hemante vāso hemantaṃ uttarapadalopena, hemantaṃ arahatīti hemantiko. Itaresupi eseva nayo. Tattha vassiko pāsādo nātiucco hoti nātinīco, dvāravātapānānipissa nātibahūni nātitanūni, bhūmattharaṇapaccattharaṇakhajjabhojjānipettha missakāneva vaṭṭanti. Hemantike thambhāpi bhittiyopi nīcā honti, dvāravātapānāni tanukāni sukhumachiddāni, uṇhappavesanatthāya bhittiniyyūhāni hariyanti, bhūmattharaṇapaccattharaṇanivāsanapārupanāni panettha uṇhavikiriyāni kambalādīni vaṭṭanti, khajjabhojjaṃ siniddhaṃ kaṭukasannissitañca. Gimhike thambhāpi bhittiyopi uccā honti, dvāravātapānāni panettha bahūni vipulajātāni honti, bhūmattharaṇāni sītavikiriyāni dukūlamayāni vaṭṭanti, khajjabhojjāni madhurarasasītavikiriyāni, vātapānasamīpesu cettha navā cāṭiyo ṭhapetvā udakassa pūretvā nīluppalādīhi sañchādenti, tesu tesu padesesu udakayantāni karonti, yehi deve vassante viya udakadhārā nikkhamanti.

    นิปฺปุริเสหีติ ปุริสวิรหิเตหิฯ น เกวลเญฺจตฺถ ตูริยาเนว นิปฺปุริสานิ, สพฺพฎฺฐานานิปิ นิปฺปุริสาเนวฯ โทวาริกาปิ อิตฺถิโยว, นหาปนาทิปริกมฺมกราปิ อิตฺถิโยวฯ ปิตา กิร ‘‘ตถารูปํ อิสฺสริยสุขสมฺปตฺติํ อนุภวมานสฺส ปุริสํ ทิสฺวา ปริสงฺกา อุปฺปชฺชติ, สา เม ปุตฺตสฺส มา อโหสี’’ติ สพฺพกิเจฺจสุ อิตฺถิโยว ฐปาเปสิฯ ปญฺจหิ กามคุเณหีติ รูปสทฺทาทีหิ ปญฺจหิ กามโกฎฺฐาเสหิฯ สมปฺปิตสฺสาติ สมฺมา อปฺปิตสฺส, อุเปตสฺสาติ อโตฺถฯ สมงฺคีภูตสฺสาติ ตเสฺสว เววจนํฯ ปริจารยมานสฺสาติ ปริโต จารยมานสฺส, ตสฺมิํ ตสฺมิํ กามคุเณ อินฺทฺริยานิ จารยมานสฺสาติ อโตฺถฯ อาฬมฺพรนฺติ ปณวํฯ วิเกสิกนฺติ มุตฺตเกสํ, วิปฺปกิณฺณเกสนฺติ อโตฺถฯ วิเกฺขฬิกนฺติ วิสฺสนฺทมานลาลํฯ วิปฺปลปนฺติโยติ วิรุทฺธํ ปลปนฺติโย วา รุทนฺติโย วาฯ สุสานํ มเญฺญติ อามกสุสานํ วิย อทฺทส สกํ ปริชนนฺติ สมฺพโนฺธฯ อุทานํ อุทาเนสีติ สํเวควเสน อุทานํ อุทาเนสิ, สํเวควสปฺปวตฺตํ วาจํ นิจฺฉาเรสีติ อโตฺถฯ

    Nippurisehīti purisavirahitehi. Na kevalañcettha tūriyāneva nippurisāni, sabbaṭṭhānānipi nippurisāneva. Dovārikāpi itthiyova, nahāpanādiparikammakarāpi itthiyova. Pitā kira ‘‘tathārūpaṃ issariyasukhasampattiṃ anubhavamānassa purisaṃ disvā parisaṅkā uppajjati, sā me puttassa mā ahosī’’ti sabbakiccesu itthiyova ṭhapāpesi. Pañcahi kāmaguṇehīti rūpasaddādīhi pañcahi kāmakoṭṭhāsehi. Samappitassāti sammā appitassa, upetassāti attho. Samaṅgībhūtassāti tasseva vevacanaṃ. Paricārayamānassāti parito cārayamānassa, tasmiṃ tasmiṃ kāmaguṇe indriyāni cārayamānassāti attho. Āḷambaranti paṇavaṃ. Vikesikanti muttakesaṃ, vippakiṇṇakesanti attho. Vikkheḷikanti vissandamānalālaṃ. Vippalapantiyoti viruddhaṃ palapantiyo vā rudantiyo vā. Susānaṃ maññeti āmakasusānaṃ viya addasa sakaṃ parijananti sambandho. Udānaṃ udānesīti saṃvegavasena udānaṃ udānesi, saṃvegavasappavattaṃ vācaṃ nicchāresīti attho.

    ๒๖. อิทํ โข ยสาติ ภควา นิพฺพานํ สนฺธายาหฯ ตญฺหิ ตณฺหาทีหิ กิเลเสหิ อนุปทฺทุตํ อนุปสฺสฎฺฐญฺจฯ อนุปุพฺพิํ กถนฺติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๗๕; ม. นิ. อฎฺฐ. ๒.๖๙) ทานานนฺตรํ สีลํ, สีลานนฺตรํ สคฺคํ, สคฺคานนฺตรํ มคฺคนฺติ เอวมนุปฎิปาฎิกถํฯ ตตฺถ ทานกถา นาม ‘‘อิทํ ทานํ นาม สุขานํ นิทานํ, สมฺปตฺตีนํ มูลํ, โภคานํ ปติฎฺฐา, วิสมคตสฺส ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ, อิธโลกปรโลเกสุ ทานสทิโส อวสฺสโย ปติฎฺฐา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิฯ อิทญฺหิ อวสฺสยเฎฺฐน รตนมยสีหาสนสทิสํ, ปติฎฺฐานเฎฺฐน มหาปถวีสทิสํ, อารมฺมณเฎฺฐน อาลมฺพนรชฺชุสทิสํ, อิทญฺหิ ทุกฺขนิตฺถรณเฎฺฐน นาวา, สมสฺสาสนเฎฺฐน สงฺคามสูโร, ภยปริตฺตาณเฎฺฐน สุสงฺขตนครํ, มเจฺฉรมลาทีหิ อนุปลิตฺตเฎฺฐน ปทุมํ, เตสํ นิทหนเฎฺฐน อคฺคิ, ทุราสทเฎฺฐน อาสีวิโส, อสนฺตาสนเฎฺฐน สีโห, พลวนฺตเฎฺฐน หตฺถี, อภิมงฺคลสมฺมตเฎฺฐน เสตอุสโภ, เขมนฺตภูมิสมฺปาปนเฎฺฐน วลาหโก อสฺสราชาฯ ทานํ นาเมตํ มยา คตมโคฺค, มเยฺหเวโส วํโส, มยา ทส ปารมิโย ปูเรเนฺตน เวลามมหายญฺญา มหาโควินฺทมหายญฺญา มหาสุทสฺสนมหายญฺญา เวสฺสนฺตรมหายญฺญาติ อเนเก มหายญฺญา ปวตฺติตา, สสภูเตน ชลิเต อคฺคิกฺขเนฺธ อตฺตานํ นิยฺยาเตเนฺตน สมฺปตฺตยาจกานํ จิตฺตํ คหิตํฯ ทานญฺหิ โลเก สกฺกสมฺปตฺติํ เทติ, มารสมฺปตฺติํ พฺรหฺมสมฺปตฺติํ จกฺกวตฺติสมฺปตฺติํ สาวกปารมิญาณํ ปเจฺจกโพธิญาณํ อภิสโมฺพธิญาณํ เทตี’’ติ เอวมาทินา ทานคุณปฺปฎิสํยุตฺตกถาฯ

    26.Idaṃ kho yasāti bhagavā nibbānaṃ sandhāyāha. Tañhi taṇhādīhi kilesehi anupaddutaṃ anupassaṭṭhañca. Anupubbiṃ kathanti (dī. ni. aṭṭha. 2.75; ma. ni. aṭṭha. 2.69) dānānantaraṃ sīlaṃ, sīlānantaraṃ saggaṃ, saggānantaraṃ magganti evamanupaṭipāṭikathaṃ. Tattha dānakathā nāma ‘‘idaṃ dānaṃ nāma sukhānaṃ nidānaṃ, sampattīnaṃ mūlaṃ, bhogānaṃ patiṭṭhā, visamagatassa tāṇaṃ leṇaṃ gati parāyaṇaṃ, idhalokaparalokesu dānasadiso avassayo patiṭṭhā ārammaṇaṃ tāṇaṃ leṇaṃ gati parāyaṇaṃ natthi. Idañhi avassayaṭṭhena ratanamayasīhāsanasadisaṃ, patiṭṭhānaṭṭhena mahāpathavīsadisaṃ, ārammaṇaṭṭhena ālambanarajjusadisaṃ, idañhi dukkhanittharaṇaṭṭhena nāvā, samassāsanaṭṭhena saṅgāmasūro, bhayaparittāṇaṭṭhena susaṅkhatanagaraṃ, maccheramalādīhi anupalittaṭṭhena padumaṃ, tesaṃ nidahanaṭṭhena aggi, durāsadaṭṭhena āsīviso, asantāsanaṭṭhena sīho, balavantaṭṭhena hatthī, abhimaṅgalasammataṭṭhena setausabho, khemantabhūmisampāpanaṭṭhena valāhako assarājā. Dānaṃ nāmetaṃ mayā gatamaggo, mayheveso vaṃso, mayā dasa pāramiyo pūrentena velāmamahāyaññā mahāgovindamahāyaññā mahāsudassanamahāyaññā vessantaramahāyaññāti aneke mahāyaññā pavattitā, sasabhūtena jalite aggikkhandhe attānaṃ niyyātentena sampattayācakānaṃ cittaṃ gahitaṃ. Dānañhi loke sakkasampattiṃ deti, mārasampattiṃ brahmasampattiṃ cakkavattisampattiṃ sāvakapāramiñāṇaṃ paccekabodhiñāṇaṃ abhisambodhiñāṇaṃ detī’’ti evamādinā dānaguṇappaṭisaṃyuttakathā.

    ยสฺมา ปน ทานํ ททโนฺต สีลํ สมาทาตุํ สโกฺกติ, ตสฺมา ตทนนฺตรํ สีลกถํ กเถสิฯ ทานญฺหิ นาม ทกฺขิเณเยฺยสุ หิตชฺฌาสเยน ปูชนชฺฌาสเยน วา อตฺตโน สนฺตกสฺส ปเรสํ ปริจฺจชนํ, ตสฺมา ทายโก สเตฺตสุ เอกนฺตหิตชฺฌาสโย ปุริสปุคฺคโล, ปเรสํ วา สนฺตกํ หรตีติ อฎฺฐานเมตํฯ ตสฺมา ทานํ ททโนฺต สีลํ สมาทาตุํ สโกฺกตีติ ทานานนฺตรํ สีลํ วุตฺตํฯ อปิจ ทานกถา ตาว ปจุรชเนสุปิ ปวตฺติยา สพฺพสาธารณตฺตา สุกรตฺตา สีเล ปติฎฺฐานสฺส อุปายภาวโต จ อาทิโต กถิตาฯ ปริจฺจาคสีโล หิ ปุคฺคโล ปริคฺคหวตฺถูสุ นิสฺสงฺคภาวโต สุเขเนว สีลานิ สมาทิยติ, ตตฺถ จ สุปฺปติฎฺฐิโต โหติฯ สีเลน ทายกปฎิคฺคาหกวิสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต กิริยธมฺมํ วตฺวา อกิริยธมฺมวจนโต โภคยสสมฺปตฺติเหตุํ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานกถานนฺตรํ สีลกถา กถิตาฯ

    Yasmā pana dānaṃ dadanto sīlaṃ samādātuṃ sakkoti, tasmā tadanantaraṃ sīlakathaṃ kathesi. Dānañhi nāma dakkhiṇeyyesu hitajjhāsayena pūjanajjhāsayena vā attano santakassa paresaṃ pariccajanaṃ, tasmā dāyako sattesu ekantahitajjhāsayo purisapuggalo, paresaṃ vā santakaṃ haratīti aṭṭhānametaṃ. Tasmā dānaṃ dadanto sīlaṃ samādātuṃ sakkotīti dānānantaraṃ sīlaṃ vuttaṃ. Apica dānakathā tāva pacurajanesupi pavattiyā sabbasādhāraṇattā sukarattā sīle patiṭṭhānassa upāyabhāvato ca ādito kathitā. Pariccāgasīlo hi puggalo pariggahavatthūsu nissaṅgabhāvato sukheneva sīlāni samādiyati, tattha ca suppatiṭṭhito hoti. Sīlena dāyakapaṭiggāhakavisuddhito parānuggahaṃ vatvā parapīḷānivattivacanato kiriyadhammaṃ vatvā akiriyadhammavacanato bhogayasasampattihetuṃ vatvā bhavasampattihetuvacanato ca dānakathānantaraṃ sīlakathā kathitā.

    สีลกถา นาม ‘‘สีลํ นาเมตํ อวสฺสโย ปติฎฺฐา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํฯ สีลํ นาเมตํ มม วํโส, อหํ สงฺขปาลนาคราชกาเล ภูริทตฺตนาคราชกาเล จเมฺปยฺยนาคราชกาเล สีลวราชกาเล มาตุโปสกหตฺถิราชกาเล ฉทฺทนฺตหตฺถิราชกาเลติ อนเนฺตสุ อตฺตภาเวสุ สีลํ ปริปูเรสิํฯ อิธโลกปรโลกสมฺปตฺตีนญฺหิ สีลสทิโส อวสฺสโย สีลสทิสา ปติฎฺฐา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิ, สีลาลงฺการสทิโส อลงฺกาโร นตฺถิ, สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ นตฺถิ, สีลคนฺธสทิโส คโนฺธ นตฺถิฯ สีลาลงฺกาเรน หิ อลงฺกตํ สีลกุสุมปิฬนฺธนํ สีลคนฺธานุลิตฺตํ สเทวโกปิ โลโก โอโลเกโนฺต ติตฺติํ น คจฺฉตี’’ติ เอวมาทิสีลคุณปฺปฎิสํยุตฺตกถาฯ

    Sīlakathā nāma ‘‘sīlaṃ nāmetaṃ avassayo patiṭṭhā ārammaṇaṃ tāṇaṃ leṇaṃ gati parāyaṇaṃ. Sīlaṃ nāmetaṃ mama vaṃso, ahaṃ saṅkhapālanāgarājakāle bhūridattanāgarājakāle campeyyanāgarājakāle sīlavarājakāle mātuposakahatthirājakāle chaddantahatthirājakāleti anantesu attabhāvesu sīlaṃ paripūresiṃ. Idhalokaparalokasampattīnañhi sīlasadiso avassayo sīlasadisā patiṭṭhā ārammaṇaṃ tāṇaṃ leṇaṃ gati parāyaṇaṃ natthi, sīlālaṅkārasadiso alaṅkāro natthi, sīlapupphasadisaṃ pupphaṃ natthi, sīlagandhasadiso gandho natthi. Sīlālaṅkārena hi alaṅkataṃ sīlakusumapiḷandhanaṃ sīlagandhānulittaṃ sadevakopi loko olokento tittiṃ na gacchatī’’ti evamādisīlaguṇappaṭisaṃyuttakathā.

    อิทํ ปน สีลํ นิสฺสาย อยํ สโคฺค ลพฺภตีติ ทสฺสนตฺถํ สีลานนฺตรํ สคฺคกถํ กเถสิฯ สคฺคกถา นาม ‘‘อยํ สโคฺค นาม อิโฎฺฐ กโนฺต มนาโป , นิจฺจเมตฺถ กีฬา, นิจฺจํ สมฺปตฺติโย ลพฺภนฺติ, จาตุมหาราชิกา เทวา นวุติวสฺสสตสหสฺสานิ ทิพฺพสุขํ ทิพฺพสมฺปตฺติํ ปฎิลภนฺติ, ตาวติํสา ติโสฺส จ วสฺสโกฎิโย สฎฺฐิ จ วสฺสสตสหสฺสานี’’ติ เอวมาทิสคฺคคุณปฎิสํยุตฺตกถาฯ สคฺคสมฺปตฺติํ กถยนฺตานญฺหิ พุทฺธานํ มุขํ นปฺปโหติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อเนกปริยาเยน โข อหํ, ภิกฺขเว, สคฺคกถํ กเถยฺย’’นฺติอาทิฯ

    Idaṃ pana sīlaṃ nissāya ayaṃ saggo labbhatīti dassanatthaṃ sīlānantaraṃ saggakathaṃ kathesi. Saggakathā nāma ‘‘ayaṃ saggo nāma iṭṭho kanto manāpo , niccamettha kīḷā, niccaṃ sampattiyo labbhanti, cātumahārājikā devā navutivassasatasahassāni dibbasukhaṃ dibbasampattiṃ paṭilabhanti, tāvatiṃsā tisso ca vassakoṭiyo saṭṭhi ca vassasatasahassānī’’ti evamādisaggaguṇapaṭisaṃyuttakathā. Saggasampattiṃ kathayantānañhi buddhānaṃ mukhaṃ nappahoti. Vuttampi cetaṃ ‘‘anekapariyāyena kho ahaṃ, bhikkhave, saggakathaṃ katheyya’’ntiādi.

    เอวํ สคฺคกถาย ปโลเภตฺวา ปุน หตฺถิํ อลงฺกริตฺวา ตสฺส โสณฺฑํ ฉินฺทโนฺต วิย อยมฺปิ สโคฺค อนิโจฺจ อทฺธุโว, น เอตฺถ ฉนฺทราโค กาตโพฺพติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺย’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๗๗; ปาจิ. ๔๑๗) นเยน กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ กเถสิฯ ตตฺถ อาทีนโวติ โทโส, อนิจฺจตาทินา อปฺปสฺสาทตาทินา จ ทูสิตภาโวติ อโตฺถฯ อถ วา อาทีนํ วาติ ปวตฺตตีติ อาทีนโว, ปรมกปณตาฯ ตถา จ กามา ยถาภูตํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ ปจฺจุปติฎฺฐนฺติฯ โอกาโรติ ลามกภาโว นิหีนภาโว อเสเฎฺฐหิ เสวิตพฺพตา เสเฎฺฐหิ น เสวิตพฺพตา จฯ สํกิเลโสติ เตหิ สตฺตานํ สํกิลิสฺสนํ, วิพาเธตพฺพตา อุปตาเปตพฺพตาติ อโตฺถฯ

    Evaṃ saggakathāya palobhetvā puna hatthiṃ alaṅkaritvā tassa soṇḍaṃ chindanto viya ayampi saggo anicco addhuvo, na ettha chandarāgo kātabboti dassanatthaṃ ‘‘appassādā kāmā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo’’tiādinā (ma. ni. 1.177; pāci. 417) nayena kāmānaṃ ādīnavaṃ okāraṃ saṃkilesaṃ kathesi. Tattha ādīnavoti doso, aniccatādinā appassādatādinā ca dūsitabhāvoti attho. Atha vā ādīnaṃ vāti pavattatīti ādīnavo, paramakapaṇatā. Tathā ca kāmā yathābhūtaṃ paccavekkhantānaṃ paccupatiṭṭhanti. Okāroti lāmakabhāvo nihīnabhāvo aseṭṭhehi sevitabbatā seṭṭhehi na sevitabbatā ca. Saṃkilesoti tehi sattānaṃ saṃkilissanaṃ, vibādhetabbatā upatāpetabbatāti attho.

    เอวํ กามาทีนเวน ตเชฺชตฺวา เนกฺขเมฺม อานิสํสํ ปกาเสสิฯ ยตฺตกา จ กาเมสุ อาทีนวา, ปฎิปกฺขโต ตตฺตกาว เนกฺขเมฺม อานิสํสาฯ อปิจ ‘‘เนกฺขมฺมํ นาเมตํ อสมฺพาธํ อสํกิลิฎฺฐํ, นิกฺขนฺตํ กาเมหิ, นิกฺขนฺตํ กามสญฺญาย, นิกฺขนฺตํ กามวิตเกฺกหิ, นิกฺขนฺตํ กามปริฬาเหหิ, นิกฺขนฺตํ พฺยาปารโต’’ติอาทินา นเยน เนกฺขเมฺม อานิสํสํ ปกาเสสิ, ปพฺพชฺชาย ฌานาทีสุ จ คุเณ วิภาเวสิ วเณฺณสิฯ เอตฺถ จ สคฺคํ กเถตฺวา สฺวายํ สโคฺค ราคาทีหิ อุปกฺกิลิโฎฺฐ, สพฺพถาปิ อนุปกฺกิลิโฎฺฐ อริยมโคฺคติ ทสฺสนตฺถํ สคฺคานนฺตรํ มโคฺค กเถตโพฺพฯ มคฺคญฺจ กเถเนฺตน ตทธิคมุปายสนฺทสฺสนตฺถํ สคฺคปริยาปนฺนาปิ ปเคว อิตเร สเพฺพปิ กามา นาม พหฺวาทีนวา อนิจฺจา อทฺธุวา วิปริณามธมฺมาติ กามานํ อาทีนโว, หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสญฺหิตาติ เตสํ โอกาโร ลามกภาโว, สเพฺพปิ ภวา กิเลสานํ วตฺถุภูตาติ ตตฺถ สํกิเลโส, สพฺพสํกิเลสวิปฺปมุตฺตํ นิพฺพานนฺติ เนกฺขเมฺม อานิสํโส จ กเถตโพฺพติ กาเมสุ อาทีนโว โอกาโร สํกิเลโส เนกฺขเมฺม จ อานิสํโส ปกาสิโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Evaṃ kāmādīnavena tajjetvā nekkhamme ānisaṃsaṃ pakāsesi. Yattakā ca kāmesu ādīnavā, paṭipakkhato tattakāva nekkhamme ānisaṃsā. Apica ‘‘nekkhammaṃ nāmetaṃ asambādhaṃ asaṃkiliṭṭhaṃ, nikkhantaṃ kāmehi, nikkhantaṃ kāmasaññāya, nikkhantaṃ kāmavitakkehi, nikkhantaṃ kāmapariḷāhehi, nikkhantaṃ byāpārato’’tiādinā nayena nekkhamme ānisaṃsaṃ pakāsesi, pabbajjāya jhānādīsu ca guṇe vibhāvesi vaṇṇesi. Ettha ca saggaṃ kathetvā svāyaṃ saggo rāgādīhi upakkiliṭṭho, sabbathāpi anupakkiliṭṭho ariyamaggoti dassanatthaṃ saggānantaraṃ maggo kathetabbo. Maggañca kathentena tadadhigamupāyasandassanatthaṃ saggapariyāpannāpi pageva itare sabbepi kāmā nāma bahvādīnavā aniccā addhuvā vipariṇāmadhammāti kāmānaṃ ādīnavo, hīnā gammā pothujjanikā anariyā anatthasañhitāti tesaṃ okāro lāmakabhāvo, sabbepi bhavā kilesānaṃ vatthubhūtāti tattha saṃkileso, sabbasaṃkilesavippamuttaṃ nibbānanti nekkhamme ānisaṃso ca kathetabboti kāmesu ādīnavo okāro saṃkileso nekkhamme ca ānisaṃso pakāsitoti daṭṭhabbaṃ.

    กลฺลจิตฺตนฺติ กมฺมนิยจิตฺตํ, เหฎฺฐา ปวตฺติตเทสนาย อสฺสทฺธิยาทีนํ จิตฺตโทสานํ วิคตตฺตา อุปริเทสนาย ภาชนภาวูปคมเนน กมฺมกฺขมจิตฺตนฺติ อโตฺถฯ อสฺสทฺธิยาทโย วา ยสฺมา จิตฺตสฺส โรคภูตา ตทา ตสฺส วิคตา, ตสฺมา กลฺลจิตฺตํ อโรคจิตฺตนฺติ อโตฺถฯ ทิฎฺฐิมานาทิกิเลสวิคเมน มุทุจิตฺตํ, กามจฺฉนฺทาทิวิคเมน วินีวรณจิตฺตํ, สมฺมาปฎิปตฺติยํ อุฬารปีติปาโมชฺชโยเคน อุทคฺคจิตฺตํฯ ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา ปสนฺนจิตฺตํ ยทา ภควา อญฺญาสีติ สมฺพโนฺธฯ อถ วา กลฺลจิตฺตนฺติ กามจฺฉนฺทวิคเมน อโรคจิตฺตํฯ มุทุจิตฺตนฺติ พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน อกฐินจิตฺตํฯ วินีวรณจิตฺตนฺติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิคเมน วิเกฺขปสฺส วิคตตฺตา เตน อปิหิตจิตฺตํฯ อุทคฺคจิตฺตนฺติ ถินมิทฺธวิคเมน สมฺปคฺคหวเสน อลีนจิตฺตํฯ ปสนฺนจิตฺตนฺติ วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฎิปตฺติยํ อธิมุตฺตจิตฺตนฺติ เอวเมฺปตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ สามุกฺกํสิกาติ สามํ อุกฺกํสิกา, อตฺตนาเยว อุทฺธริตฺวา คหิตา, สยมฺภูญาเณน ทิฎฺฐา อสาธารณา อเญฺญสนฺติ อโตฺถฯ กา จ ปน สาติ? อริยสจฺจเทสนาฯ เตเนวาห ‘‘ทุกฺขํ สมุทยํ นิโรธํ มคฺค’’นฺติฯ

    Kallacittanti kammaniyacittaṃ, heṭṭhā pavattitadesanāya assaddhiyādīnaṃ cittadosānaṃ vigatattā uparidesanāya bhājanabhāvūpagamanena kammakkhamacittanti attho. Assaddhiyādayo vā yasmā cittassa rogabhūtā tadā tassa vigatā, tasmā kallacittaṃ arogacittanti attho. Diṭṭhimānādikilesavigamena muducittaṃ, kāmacchandādivigamena vinīvaraṇacittaṃ, sammāpaṭipattiyaṃ uḷārapītipāmojjayogena udaggacittaṃ. Tattha saddhāsampattiyā pasannacittaṃ yadā bhagavā aññāsīti sambandho. Atha vā kallacittanti kāmacchandavigamena arogacittaṃ. Muducittanti byāpādavigamena mettāvasena akaṭhinacittaṃ. Vinīvaraṇacittanti uddhaccakukkuccavigamena vikkhepassa vigatattā tena apihitacittaṃ. Udaggacittanti thinamiddhavigamena sampaggahavasena alīnacittaṃ. Pasannacittanti vicikicchāvigamena sammāpaṭipattiyaṃ adhimuttacittanti evampettha attho veditabbo. Sāmukkaṃsikāti sāmaṃ ukkaṃsikā, attanāyeva uddharitvā gahitā, sayambhūñāṇena diṭṭhā asādhāraṇā aññesanti attho. Kā ca pana sāti? Ariyasaccadesanā. Tenevāha ‘‘dukkhaṃ samudayaṃ nirodhaṃ magga’’nti.

    เสยฺยถาปีติอาทินา อุปมาวเสน ตสฺส กิเลสปฺปหานํ อริยมคฺคุปฺปาทญฺจ ทเสฺสติฯ อปคตกาฬกนฺติ วิคตกาฬกํฯ สมฺมเทวาติ สุฎฺฐุ เอวฯ รชนนฺติ นีลปีตาทิรงฺคชาตํฯ ปฎิคฺคเณฺหยฺยาติ คเณฺหยฺย, ปภสฺสรํ ภเวยฺยฯ ตสฺมิํเยว อาสเนติ ตสฺสํเยว นิสชฺชายํฯ เอเตนสฺส ลหุวิปสฺสกตา ติกฺขปญฺญตา สุขปฎิปทขิปฺปาภิญฺญตา จ ทสฺสิตา โหติฯ วิรชนฺติอาทิ วุตฺตนยเมวฯ ตตฺริทํ อุปมาสํสนฺทนํ – วตฺถํ วิย จิตฺตํ, วตฺถสฺส อาคนฺตุกมเลหิ กิลิฎฺฐภาโว วิย จิตฺตสฺส ราคาทิมเลหิ สํกิลิฎฺฐภาโว, โธวนสิลา วิย อนุปุพฺพิกถา, อุทกํ วิย สทฺธา, อุทเกน เตเมตฺวา เตเมตฺวา อูสโคมยฉาริกขารเกหิ กาฬกปเทเส สมฺมทฺทิตฺวา วตฺถสฺส โธวนปโยโค วิย สทฺธาสิเนเหน เตเมตฺวา เตเมตฺวา สติสมาธิปญฺญาหิ โทเส สิถิเล กตฺวา สีลสุตาทิวิธินา จิตฺตสฺส โสธเน วีริยารโมฺภ, เตน ปโยเคน วเตฺถ กาฬกาปคโม วิย วีริยารเมฺภน กิเลสวิกฺขมฺภนํ, รงฺคชาตํ วิย อริยมโคฺค, เตน สุทฺธสฺส วตฺถสฺส ปภสฺสรภาโว วิย วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส จิตฺตสฺส มเคฺคน ปริโยทปนนฺติฯ

    Seyyathāpītiādinā upamāvasena tassa kilesappahānaṃ ariyamagguppādañca dasseti. Apagatakāḷakanti vigatakāḷakaṃ. Sammadevāti suṭṭhu eva. Rajananti nīlapītādiraṅgajātaṃ. Paṭiggaṇheyyāti gaṇheyya, pabhassaraṃ bhaveyya. Tasmiṃyeva āsaneti tassaṃyeva nisajjāyaṃ. Etenassa lahuvipassakatā tikkhapaññatā sukhapaṭipadakhippābhiññatā ca dassitā hoti. Virajantiādi vuttanayameva. Tatridaṃ upamāsaṃsandanaṃ – vatthaṃ viya cittaṃ, vatthassa āgantukamalehi kiliṭṭhabhāvo viya cittassa rāgādimalehi saṃkiliṭṭhabhāvo, dhovanasilā viya anupubbikathā, udakaṃ viya saddhā, udakena temetvā temetvā ūsagomayachārikakhārakehi kāḷakapadese sammadditvā vatthassa dhovanapayogo viya saddhāsinehena temetvā temetvā satisamādhipaññāhi dose sithile katvā sīlasutādividhinā cittassa sodhane vīriyārambho, tena payogena vatthe kāḷakāpagamo viya vīriyārambhena kilesavikkhambhanaṃ, raṅgajātaṃ viya ariyamaggo, tena suddhassa vatthassa pabhassarabhāvo viya vikkhambhitakilesassa cittassa maggena pariyodapananti.

    ๒๗. อสฺสทูเตติ อารุฬฺหอเสฺส ทูเตฯ อิทฺธาภิสงฺขารนฺติ อิทฺธิกิริยํฯ อภิสงฺขเรสีติ อภิสงฺขริ, อกาสีติ อโตฺถฯ กิมตฺถนฺติ เจ? อุภินฺนํ ปฎิลภิตพฺพวิเสสนฺตรายนิเสธนตฺถํฯ ยทิ หิ โส ปุตฺตํ ปเสฺสยฺย, ปุตฺตสฺสปิ อรหตฺตปฺปตฺติ เสฎฺฐิสฺสปิ ธมฺมจกฺขุปฎิลาโภ น สิยาฯ อทิฎฺฐสโจฺจปิ หิ ‘‘เทหิ เต มาตุยา ชีวิต’’นฺติ ยาจโนฺต กถญฺหิ นาม วิเกฺขปํ ปฎิพาหิตฺวา ภควโต ธมฺมเทสนานุสาเรน ญาณํ เปเสตฺวา ธมฺมจกฺขุํ ปฎิลเภยฺย, ยโส จ เอวํ เตน ยาจิยมาโน กถํ ตํ วิเกฺขปํ ปฎิพาหิตฺวา อรหเตฺต ปติฎฺฐเหยฺยฯ

    27.Assadūteti āruḷhaasse dūte. Iddhābhisaṅkhāranti iddhikiriyaṃ. Abhisaṅkharesīti abhisaṅkhari, akāsīti attho. Kimatthanti ce? Ubhinnaṃ paṭilabhitabbavisesantarāyanisedhanatthaṃ. Yadi hi so puttaṃ passeyya, puttassapi arahattappatti seṭṭhissapi dhammacakkhupaṭilābho na siyā. Adiṭṭhasaccopi hi ‘‘dehi te mātuyā jīvita’’nti yācanto kathañhi nāma vikkhepaṃ paṭibāhitvā bhagavato dhammadesanānusārena ñāṇaṃ pesetvā dhammacakkhuṃ paṭilabheyya, yaso ca evaṃ tena yāciyamāno kathaṃ taṃ vikkhepaṃ paṭibāhitvā arahatte patiṭṭhaheyya.

    เอตทโวจาติ ภควโต ธมฺมเทสนํ อพฺภนุโมทมาโน เอตํ ‘‘อภิกฺกนฺตํ ภเนฺต’’ติอาทิวจนํ อโวจฯ อภิกฺกนฺต-สโทฺท จายมิธ อพฺภนุโมทเน, ตสฺมา สาธุ สาธุ ภเนฺตติ วุตฺตํ โหติฯ

    Etadavocāti bhagavato dhammadesanaṃ abbhanumodamāno etaṃ ‘‘abhikkantaṃ bhante’’tiādivacanaṃ avoca. Abhikkanta-saddo cāyamidha abbhanumodane, tasmā sādhu sādhu bhanteti vuttaṃ hoti.

    ‘‘ภเย โกเธ ปสํสายํ, ตุริเต โกตูหลจฺฉเร;

    ‘‘Bhaye kodhe pasaṃsāyaṃ, turite kotūhalacchare;

    หาเส โสเก ปสาเท จ, กเร อาเมฑิตํ พุโธ’’ติฯ –

    Hāse soke pasāde ca, kare āmeḍitaṃ budho’’ti. –

    อิมินาว ลกฺขเณน อิธ ปสาทวเสน ปสํสาวเสน จายํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ เสยฺยถาปีติอาทินา จตูหิ อุปมาหิ ภควโต เทสนํ โถเมติฯ ตตฺถ นิกฺกุชฺชิตนฺติ อโธมุขฐปิตํ, เหฎฺฐามุขชาตํ วาฯ อุกฺกุเชฺชยฺยาติ อุปริมุขํ กเรยฺยฯ ปฎิจฺฉนฺนนฺติ ติณปณฺณาทิฉาทิตํฯ วิวเรยฺยาติ อุคฺฆาเฎยฺยฯ มูฬฺหสฺสาติ ทิสามูฬฺหสฺสฯ มคฺคํ อาจิเกฺขยฺยาติ หเตฺถ คเหตฺวา ‘‘เอส มโคฺค’’ติ วเทยฺยฯ อนฺธกาเรติ กาฬปกฺขจาตุทฺทสี อฑฺฒรตฺติ ฆนวนสณฺฑเมฆปฎเลหิ จตุรงฺคตเมฯ

    Imināva lakkhaṇena idha pasādavasena pasaṃsāvasena cāyaṃ dvikkhattuṃ vuttoti veditabbo. Seyyathāpītiādinā catūhi upamāhi bhagavato desanaṃ thometi. Tattha nikkujjitanti adhomukhaṭhapitaṃ, heṭṭhāmukhajātaṃ vā. Ukkujjeyyāti uparimukhaṃ kareyya. Paṭicchannanti tiṇapaṇṇādichāditaṃ. Vivareyyāti ugghāṭeyya. Mūḷhassāti disāmūḷhassa. Maggaṃ ācikkheyyāti hatthe gahetvā ‘‘esa maggo’’ti vadeyya. Andhakāreti kāḷapakkhacātuddasī aḍḍharatti ghanavanasaṇḍameghapaṭalehi caturaṅgatame.

    เอวํ เทสนํ โถเมตฺวา อิมาย เทสนาย รตนตฺตเย ปสนฺนจิโตฺต ปสนฺนาการํ กโรโนฺต ‘‘เอสาห’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอสาหนฺติ เอโส อหํฯ อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตูติ มํ ภควา ‘‘อุปาสโก อย’’นฺติ เอวํ ธาเรตุ, ชานาตูติ อโตฺถฯ อชฺชตเคฺคติ เอตฺถายํ อคฺค-สโทฺท อาทิอเตฺถ, ตสฺมา อชฺชตเคฺคติ อชฺชตํ อาทิํ กตฺวาติ เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อชฺชตนฺติ อชฺชภาวํฯ ‘‘อชฺชทเคฺค’’ติ วา ปาโฐ, -กาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺคํ กตฺวาติ อโตฺถฯ ปาณุเปตนฺติ ปาเณหิ อุเปตํฯ ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว อุเปตํ, อนญฺญสตฺถุกํ ตีหิ สรณคมเนหิ สรณํ คตํ อุปาสกํ กปฺปิยการกํ มํ ภควา ธาเรตุ ชานาตุฯ อหญฺหิ สเจปิ เม ติขิเณน อสินา สีสํ ฉิเนฺทยฺย, เนว พุทฺธํ ‘‘น พุโทฺธ’’ติ วา, ธมฺมํ ‘‘น ธโมฺม’’ติ วา, สงฺฆํ ‘‘น สโงฺฆ’’ติ วา วเทยฺยนฺติ เอวํ อตฺตสนฺนิยฺยาตเนน สรณํ อคมาสิฯ เอวํ ‘‘อภิกฺกนฺต’’นฺติอาทีนํ อนุตฺตานปทโตฺถ เวทิตโพฺพ, วิตฺถาโร ปน เหฎฺฐา เวรญฺชกณฺฑวณฺณนายํ อาคโตเยวาติ อิธ น ทสฺสิโตฯ

    Evaṃ desanaṃ thometvā imāya desanāya ratanattaye pasannacitto pasannākāraṃ karonto ‘‘esāha’’ntiādimāha. Tattha esāhanti eso ahaṃ. Upāsakaṃ maṃ bhagavā dhāretūti maṃ bhagavā ‘‘upāsako aya’’nti evaṃ dhāretu, jānātūti attho. Ajjataggeti etthāyaṃ agga-saddo ādiatthe, tasmā ajjataggeti ajjataṃ ādiṃ katvāti evamattho veditabbo. Ajjatanti ajjabhāvaṃ. ‘‘Ajjadagge’’ti vā pāṭho, da-kāro padasandhikaro, ajja aggaṃ katvāti attho. Pāṇupetanti pāṇehi upetaṃ. Yāva me jīvitaṃ pavattati, tāva upetaṃ, anaññasatthukaṃ tīhi saraṇagamanehi saraṇaṃ gataṃ upāsakaṃ kappiyakārakaṃ maṃ bhagavā dhāretu jānātu. Ahañhi sacepi me tikhiṇena asinā sīsaṃ chindeyya, neva buddhaṃ ‘‘na buddho’’ti vā, dhammaṃ ‘‘na dhammo’’ti vā, saṅghaṃ ‘‘na saṅgho’’ti vā vadeyyanti evaṃ attasanniyyātanena saraṇaṃ agamāsi. Evaṃ ‘‘abhikkanta’’ntiādīnaṃ anuttānapadattho veditabbo, vitthāro pana heṭṭhā verañjakaṇḍavaṇṇanāyaṃ āgatoyevāti idha na dassito.

    ๒๘. ภูมิํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาติ อตฺตนา ทิฎฺฐมตฺถํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสฯ อิทฺธาภิสงฺขารํ ปฎิปฺปสฺสเมฺภสีติ ยถา ตํ เสฎฺฐิ คหปติ ตตฺถ นิสิโนฺนว ยสํ กุลปุตฺตํ ปสฺสติ, ตถา อธิฎฺฐาสีติ อโตฺถฯ อธิวาเสตูติ สมฺปฎิจฺฉตุฯ อชฺชตนายาติ ยํ เม ตุเมฺหสุ สกฺการํ กโรโต อชฺช ภวิสฺสติ ปุญฺญญฺจ ปีติปาโมชฺชญฺจ, ตทตฺถายฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนาติ ภควา กายงฺคํ วา วาจงฺคํ วา อโจเปตฺวา อพฺภนฺตเรเยว ขนฺติํ กโรโนฺต ตุณฺหีภาเวน อธิวาเสสิ, เสฎฺฐิสฺส อนุคฺคหตฺถํ มนสาว สมฺปฎิจฺฉีติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจาติ ตสฺส กิร อิทฺธิมยปตฺตจีวรสฺส อุปนิสฺสยํ โอโลเกโนฺต อเนกาสุ ชาตีสุ จีวราทิอฎฺฐปริกฺขารทานํ ทิสฺวา ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ อโวจฯ โส ตาวเทว ภณฺฑุ กาสาววสโน อฎฺฐหิ ภิกฺขุปริกฺขาเรหิ สรีเร ปฎิมุเกฺกเหว วสฺสสฎฺฐิกเตฺถโร วิย ภควนฺตํ นมสฺสมาโนว นิสีทิฯ โย หิ จีวราทิเก อฎฺฐ ปริกฺขาเร ปตฺตจีวรเมว วา โสตาปนฺนาทิอริยสฺส ปุถุชฺชนเสฺสว วา สีลสมฺปนฺนสฺส ทตฺวา ‘‘อิทํ ปริกฺขารทานํ อนาคเต เอหิภิกฺขุภาวาย ปจฺจโย โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฎฺฐเปติ, ตสฺส ตํ สติ อธิการสมฺปตฺติยํ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว อิทฺธิมยปริกฺขารลาภาย สํวตฺตตีติ เวทิตพฺพํฯ

    28.Bhūmiṃ paccavekkhantassāti attanā diṭṭhamatthaṃ paccavekkhantassa. Iddhābhisaṅkhāraṃ paṭippassambhesīti yathā taṃ seṭṭhi gahapati tattha nisinnova yasaṃ kulaputtaṃ passati, tathā adhiṭṭhāsīti attho. Adhivāsetūti sampaṭicchatu. Ajjatanāyāti yaṃ me tumhesu sakkāraṃ karoto ajja bhavissati puññañca pītipāmojjañca, tadatthāya. Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvenāti bhagavā kāyaṅgaṃ vā vācaṅgaṃ vā acopetvā abbhantareyeva khantiṃ karonto tuṇhībhāvena adhivāsesi, seṭṭhissa anuggahatthaṃ manasāva sampaṭicchīti vuttaṃ hoti. ‘‘Ehi bhikkhū’’ti bhagavā avocāti tassa kira iddhimayapattacīvarassa upanissayaṃ olokento anekāsu jātīsu cīvarādiaṭṭhaparikkhāradānaṃ disvā ‘‘ehi bhikkhū’’ti avoca. So tāvadeva bhaṇḍu kāsāvavasano aṭṭhahi bhikkhuparikkhārehi sarīre paṭimukkeheva vassasaṭṭhikatthero viya bhagavantaṃ namassamānova nisīdi. Yo hi cīvarādike aṭṭha parikkhāre pattacīvarameva vā sotāpannādiariyassa puthujjanasseva vā sīlasampannassa datvā ‘‘idaṃ parikkhāradānaṃ anāgate ehibhikkhubhāvāya paccayo hotū’’ti patthanaṃ paṭṭhapeti, tassa taṃ sati adhikārasampattiyaṃ buddhānaṃ sammukhībhāve iddhimayaparikkhāralābhāya saṃvattatīti veditabbaṃ.

    ๒๙. ปณีเตนาติ อุตฺตเมนฯ สหตฺถาติ สหเตฺถนฯ สนฺตเปฺปตฺวาติ สุฎฺฐุ ตเปฺปตฺวา, ปริปุณฺณํ สุหิตํ ยาวทตฺถํ กตฺวาฯ สมฺปวาเรตฺวาติ สุฎฺฐุ ปวาเรตฺวา, อลํ อลนฺติ หตฺถสญฺญาย ปฎิกฺขิปาเปตฺวาฯ ภุตฺตาวินฺติ ภุตฺตวนฺตํ ฯ โอนีตปตฺตปาณินฺติ ปตฺตโต โอนีตปาณิํ, อปนีตหตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘โอนิตฺตปตฺตปาณิ’’นฺติปิ ปาโฐ, ตสฺสโตฺถ – โอนิตฺตํ นานาภูตํ วินาภูตํ ปตฺตํ ปาณิโต อสฺสาติ โอนิตฺตปตฺตปาณิ, ตํ โอนิตฺตปตฺตปาณิํ, หเตฺถ จ ปตฺตญฺจ โธวิตฺวา เอกมนฺตํ ปตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา นิสินฺนนฺติ อโตฺถฯ เอกมนฺตํ นิสีทิํสูติ ภควนฺตํ เอวํภูตํ ญตฺวา เอกสฺมิํ โอกาเส นิสีทิํสูติ อโตฺถฯ ธมฺมิยา กถายาติอาทีสุ ตงฺขณานุรูปาย ธมฺมิยา กถาย ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกอตฺถํ สนฺทเสฺสตฺวา กุสเล จ ธเมฺม สมาทเปตฺวา ตตฺถ จ นํ สมุเตฺตเชตฺวา สอุสฺสาหํ กตฺวา ตาย จ สอุสฺสาหตาย อเญฺญหิ จ วิชฺชมานคุเณหิ สมฺปหํเสตฺวา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺสิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ

    29.Paṇītenāti uttamena. Sahatthāti sahatthena. Santappetvāti suṭṭhu tappetvā, paripuṇṇaṃ suhitaṃ yāvadatthaṃ katvā. Sampavāretvāti suṭṭhu pavāretvā, alaṃ alanti hatthasaññāya paṭikkhipāpetvā. Bhuttāvinti bhuttavantaṃ . Onītapattapāṇinti pattato onītapāṇiṃ, apanītahatthanti vuttaṃ hoti. ‘‘Onittapattapāṇi’’ntipi pāṭho, tassattho – onittaṃ nānābhūtaṃ vinābhūtaṃ pattaṃ pāṇito assāti onittapattapāṇi, taṃ onittapattapāṇiṃ, hatthe ca pattañca dhovitvā ekamantaṃ pattaṃ nikkhipitvā nisinnanti attho. Ekamantaṃ nisīdiṃsūti bhagavantaṃ evaṃbhūtaṃ ñatvā ekasmiṃ okāse nisīdiṃsūti attho. Dhammiyā kathāyātiādīsu taṅkhaṇānurūpāya dhammiyā kathāya diṭṭhadhammikasamparāyikaatthaṃ sandassetvā kusale ca dhamme samādapetvā tattha ca naṃ samuttejetvā saussāhaṃ katvā tāya ca saussāhatāya aññehi ca vijjamānaguṇehi sampahaṃsetvā dhammaratanavassaṃ vassitvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi.

    ยสสฺส ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Yasassa pabbajjākathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๗. ปพฺพชฺชากถา • 7. Pabbajjākathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา • Pabbajjākathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ปพฺพชฺชากถาวณฺณนา • Pabbajjākathāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact