Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๖. ยสสุตฺตํ

    6. Yasasuttaṃ

    ๘๖. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน อิจฺฉานงฺคลํ นาม โกสลานํ พฺราหฺมณคาโม ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา อิจฺฉานงฺคเล วิหรติ อิจฺฉานงฺคลวนสเณฺฑฯ อโสฺสสุํ โข อิจฺฉานงฺคลกา พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต อิจฺฉานงฺคลํ อนุปฺปโตฺต อิจฺฉานงฺคเล วิหรติ อิจฺฉานงฺคลวนสเณฺฑ ฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ…เป.… สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’’ติฯ

    86. Ekaṃ samayaṃ bhagavā kosalesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena icchānaṅgalaṃ nāma kosalānaṃ brāhmaṇagāmo tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā icchānaṅgale viharati icchānaṅgalavanasaṇḍe. Assosuṃ kho icchānaṅgalakā brāhmaṇagahapatikā – ‘‘samaṇo khalu bho gotamo sakyaputto sakyakulā pabbajito icchānaṅgalaṃ anuppatto icchānaṅgale viharati icchānaṅgalavanasaṇḍe . Taṃ kho pana bhavantaṃ gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho…pe… sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotī’’’ti.

    อถ โข อิจฺฉานงฺคลกา พฺราหฺมณคหปติกา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปหุตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย เยน อิจฺฉานงฺคลวนสโณฺฑ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา พหิทฺวารโกฎฺฐเก อฎฺฐํสุ อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทาฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา นาคิโต ภควโต อุปฎฺฐาโก โหติฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นาคิตํ อามเนฺตสิ – ‘‘เก ปน เต, นาคิต, อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา เกวฎฺฎา มเญฺญ มจฺฉวิโลเป’’ติ? ‘‘เอเต, ภเนฺต, อิจฺฉานงฺคลกา พฺราหฺมณคหปติกา ปหุตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย พหิทฺวารโกฎฺฐเก ฐิตา ภควนฺตํเยว อุทฺทิสฺส ภิกฺขุสงฺฆญฺจา’’ติฯ ‘‘มาหํ, นาคิต, ยเสน สมาคมํ, มา จ มยา ยโสฯ โย โข, นาคิต, นยิมสฺส เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สโมฺพธสุขสฺส นิกามลาภี อสฺส อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีฯ ยสฺสาหํ เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สโมฺพธสุขสฺส นิกามลาภี 1 อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, โส ตํ มีฬฺหสุขํ มิทฺธสุขํ ลาภสกฺการสิโลกสุขํ สาทิเยยฺยา’’ติฯ

    Atha kho icchānaṅgalakā brāhmaṇagahapatikā tassā rattiyā accayena pahutaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ ādāya yena icchānaṅgalavanasaṇḍo tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bahidvārakoṭṭhake aṭṭhaṃsu uccāsaddā mahāsaddā. Tena kho pana samayena āyasmā nāgito bhagavato upaṭṭhāko hoti. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ nāgitaṃ āmantesi – ‘‘ke pana te, nāgita, uccāsaddā mahāsaddā kevaṭṭā maññe macchavilope’’ti? ‘‘Ete, bhante, icchānaṅgalakā brāhmaṇagahapatikā pahutaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ ādāya bahidvārakoṭṭhake ṭhitā bhagavantaṃyeva uddissa bhikkhusaṅghañcā’’ti. ‘‘Māhaṃ, nāgita, yasena samāgamaṃ, mā ca mayā yaso. Yo kho, nāgita, nayimassa nekkhammasukhassa pavivekasukhassa upasamasukhassa sambodhasukhassa nikāmalābhī assa akicchalābhī akasiralābhī. Yassāhaṃ nekkhammasukhassa pavivekasukhassa upasamasukhassa sambodhasukhassa nikāmalābhī 2 akicchalābhī akasiralābhī, so taṃ mīḷhasukhaṃ middhasukhaṃ lābhasakkārasilokasukhaṃ sādiyeyyā’’ti.

    ‘‘อธิวาเสตุ ทานิ, ภเนฺต, ภควาฯ อธิวาเสตุ สุคโตฯ อธิวาสนกาโล ทานิ, ภเนฺต, ภควโตฯ เยน เยเนว ทานิ, ภเนฺต, ภควา คมิสฺสติ ตนฺนินฺนาว ภวิสฺสนฺติ พฺราหฺมณคหปติกา เนคมา เจว ชานปทา จฯ เสยฺยถาปิ , ภเนฺต, ถุลฺลผุสิตเก เทเว วสฺสเนฺต ยถานินฺนํ อุทกานิ ปวตฺตนฺติ; เอวเมวํ โข, ภเนฺต, เยน เยเนว ทานิ ภควา คมิสฺสติ ตนฺนินฺนาว ภวิสฺสนฺติ พฺราหฺมณคหปติกา เนคมา เจว ชานปทา จฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ, ภเนฺต, ภควโต สีลปญฺญาณ’’นฺติฯ

    ‘‘Adhivāsetu dāni, bhante, bhagavā. Adhivāsetu sugato. Adhivāsanakālo dāni, bhante, bhagavato. Yena yeneva dāni, bhante, bhagavā gamissati tanninnāva bhavissanti brāhmaṇagahapatikā negamā ceva jānapadā ca. Seyyathāpi , bhante, thullaphusitake deve vassante yathāninnaṃ udakāni pavattanti; evamevaṃ kho, bhante, yena yeneva dāni bhagavā gamissati tanninnāva bhavissanti brāhmaṇagahapatikā negamā ceva jānapadā ca. Taṃ kissa hetu? Tathā hi, bhante, bhagavato sīlapaññāṇa’’nti.

    ‘‘มาหํ, นาคิต, ยเสน สมาคมํ, มา จ มยา ยโสฯ โย โข, นาคิต, นยิมสฺส เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สโมฺพธสุขสฺส นิกามลาภี อสฺส อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีฯ ยสฺสาหํ เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สโมฺพธสุขสฺส นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, โส ตํ มีฬฺหสุขํ มิทฺธสุขํ ลาภสกฺการสิโลกสุขํ สาทิเยยฺยฯ

    ‘‘Māhaṃ, nāgita, yasena samāgamaṃ, mā ca mayā yaso. Yo kho, nāgita, nayimassa nekkhammasukhassa pavivekasukhassa upasamasukhassa sambodhasukhassa nikāmalābhī assa akicchalābhī akasiralābhī. Yassāhaṃ nekkhammasukhassa pavivekasukhassa upasamasukhassa sambodhasukhassa nikāmalābhī akicchalābhī akasiralābhī, so taṃ mīḷhasukhaṃ middhasukhaṃ lābhasakkārasilokasukhaṃ sādiyeyya.

    ‘‘เทวตาปิ โข, นาคิต, เอกจฺจา นยิมสฺส 3 เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สโมฺพธสุขสฺส นิกามลาภินิโย อสฺสุ 4 อกิจฺฉลาภินิโย 5 อกสิรลาภินิโย, ยสฺสาหํ เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สโมฺพธสุขสฺส นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีฯ ตุมฺหากมฺปิ 6 โข, นาคิต, สงฺคมฺม สมาคมฺม สงฺคณิกวิหารํ อนุยุตฺตานํ วิหรตํ 7 เอวํ โหติ – ‘น หิ นูนเม 8 อายสฺมโนฺต อิมสฺส เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สโมฺพธสุขสฺส นิกามลาภิโน อสฺสุ 9 อกิจฺฉลาภิโน อกสิรลาภิโนฯ ยสฺสาหํ เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สโมฺพธสุขสฺส นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีฯ ตถา หิ ปน เม อายสฺมโนฺต สงฺคมฺม สมาคมฺม สงฺคณิกวิหารํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ’’’ฯ

    ‘‘Devatāpi kho, nāgita, ekaccā nayimassa 10 nekkhammasukhassa pavivekasukhassa upasamasukhassa sambodhasukhassa nikāmalābhiniyo assu 11 akicchalābhiniyo 12 akasiralābhiniyo, yassāhaṃ nekkhammasukhassa pavivekasukhassa upasamasukhassa sambodhasukhassa nikāmalābhī akicchalābhī akasiralābhī. Tumhākampi 13 kho, nāgita, saṅgamma samāgamma saṅgaṇikavihāraṃ anuyuttānaṃ viharataṃ 14 evaṃ hoti – ‘na hi nūname 15 āyasmanto imassa nekkhammasukhassa pavivekasukhassa upasamasukhassa sambodhasukhassa nikāmalābhino assu 16 akicchalābhino akasiralābhino. Yassāhaṃ nekkhammasukhassa pavivekasukhassa upasamasukhassa sambodhasukhassa nikāmalābhī akicchalābhī akasiralābhī. Tathā hi pana me āyasmanto saṅgamma samāgamma saṅgaṇikavihāraṃ anuyuttā viharanti’’’.

    ‘‘อิธาหํ , นาคิต, ภิกฺขู ปสฺสามิ อญฺญมญฺญํ องฺคุลิปโตทเกน 17 สญฺชคฺฆเนฺต สงฺกีฬเนฺตฯ ตสฺส มยฺหํ, นาคิต, เอวํ โหติ – ‘น หิ นูนเม อายสฺมโนฺต อิมสฺส เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สโมฺพธสุขสฺส นิกามลาภิโน อสฺสุ อกิจฺฉลาภิโน อกสิรลาภิโนฯ ยสฺสาหํ เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สโมฺพธสุขสฺส นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีฯ ตถา หิ ปน เม อายสฺมโนฺต อญฺญมญฺญํ องฺคุลิปโตทเกน สญฺชคฺฆนฺติ สงฺกีฬนฺติ’’’ฯ

    ‘‘Idhāhaṃ , nāgita, bhikkhū passāmi aññamaññaṃ aṅgulipatodakena 18 sañjagghante saṅkīḷante. Tassa mayhaṃ, nāgita, evaṃ hoti – ‘na hi nūname āyasmanto imassa nekkhammasukhassa pavivekasukhassa upasamasukhassa sambodhasukhassa nikāmalābhino assu akicchalābhino akasiralābhino. Yassāhaṃ nekkhammasukhassa pavivekasukhassa upasamasukhassa sambodhasukhassa nikāmalābhī akicchalābhī akasiralābhī. Tathā hi pana me āyasmanto aññamaññaṃ aṅgulipatodakena sañjagghanti saṅkīḷanti’’’.

    ‘‘อิธ ปนาหํ 19, นาคิต, ภิกฺขู ปสฺสามิ ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภุญฺชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุเตฺต วิหรเนฺตฯ ตสฺส มยฺหํ, นาคิต, เอวํ โหติ – ‘น หิ นูนเม อายสฺมโนฺต อิมสฺส เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สโมฺพธสุขสฺส นิกามลาภิโน อสฺสุ อกิจฺฉลาภิโน อกสิรลาภิโนฯ ยสฺสาหํ เนกฺขมฺมสุขสฺส ปวิเวกสุขสฺส อุปสมสุขสฺส สโมฺพธสุขสฺส นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีฯ ตถา หิ ปน เม อายสฺมโนฺต ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภุญฺชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ’’’ฯ

    ‘‘Idha panāhaṃ 20, nāgita, bhikkhū passāmi yāvadatthaṃ udarāvadehakaṃ bhuñjitvā seyyasukhaṃ passasukhaṃ middhasukhaṃ anuyutte viharante. Tassa mayhaṃ, nāgita, evaṃ hoti – ‘na hi nūname āyasmanto imassa nekkhammasukhassa pavivekasukhassa upasamasukhassa sambodhasukhassa nikāmalābhino assu akicchalābhino akasiralābhino. Yassāhaṃ nekkhammasukhassa pavivekasukhassa upasamasukhassa sambodhasukhassa nikāmalābhī akicchalābhī akasiralābhī. Tathā hi pana me āyasmanto yāvadatthaṃ udarāvadehakaṃ bhuñjitvā seyyasukhaṃ passasukhaṃ middhasukhaṃ anuyuttā viharanti’’’.

    ‘‘อิธาหํ 21, นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ คามนฺตวิหาริํ สมาหิตํ นิสินฺนํฯ ตสฺส มยฺหํ, นาคิต, เอวํ โหติ – ‘อิทานิ อิมํ 22 อายสฺมนฺตํ อารามิโก วา อุปฎฺฐหิสฺสติ 23 สมณุเทฺทโส วา ฯ ตํ ตมฺหา 24 สมาธิมฺหา จาเวสฺสตี’ติฯ เตนาหํ , นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน น อตฺตมโน โหมิ คามนฺตวิหาเรนฯ

    ‘‘Idhāhaṃ 25, nāgita, bhikkhuṃ passāmi gāmantavihāriṃ samāhitaṃ nisinnaṃ. Tassa mayhaṃ, nāgita, evaṃ hoti – ‘idāni imaṃ 26 āyasmantaṃ ārāmiko vā upaṭṭhahissati 27 samaṇuddeso vā . Taṃ tamhā 28 samādhimhā cāvessatī’ti. Tenāhaṃ , nāgita, tassa bhikkhuno na attamano homi gāmantavihārena.

    ‘‘อิธ ปนาหํ, นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ อารญฺญิกํ อรเญฺญ ปจลายมานํ นิสินฺนํฯ ตสฺส มยฺหํ, นาคิต, เอวํ โหติ – ‘อิทานิ อยมายสฺมา อิมํ นิทฺทากิลมถํ ปฎิวิโนเทตฺวา อรญฺญสญฺญํเยว มนสิ กริสฺสติ เอกตฺต’นฺติ ฯ เตนาหํ , นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตมโน โหมิ อรญฺญวิหาเรนฯ

    ‘‘Idha panāhaṃ, nāgita, bhikkhuṃ passāmi āraññikaṃ araññe pacalāyamānaṃ nisinnaṃ. Tassa mayhaṃ, nāgita, evaṃ hoti – ‘idāni ayamāyasmā imaṃ niddākilamathaṃ paṭivinodetvā araññasaññaṃyeva manasi karissati ekatta’nti . Tenāhaṃ , nāgita, tassa bhikkhuno attamano homi araññavihārena.

    ‘‘อิธ ปนาหํ, นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ อารญฺญิกํ อรเญฺญ อสมาหิตํ นิสินฺนํฯ ตสฺส มยฺหํ, นาคิต, เอวํ โหติ – ‘อิทานิ อยมายสฺมา อสมาหิตํ วา จิตฺตํ สมาทหิสฺสติ 29, สมาหิตํ วา จิตฺตํ อนุรกฺขิสฺสตี’ติฯ เตนาหํ, นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตมโน โหมิ อรญฺญวิหาเรนฯ

    ‘‘Idha panāhaṃ, nāgita, bhikkhuṃ passāmi āraññikaṃ araññe asamāhitaṃ nisinnaṃ. Tassa mayhaṃ, nāgita, evaṃ hoti – ‘idāni ayamāyasmā asamāhitaṃ vā cittaṃ samādahissati 30, samāhitaṃ vā cittaṃ anurakkhissatī’ti. Tenāhaṃ, nāgita, tassa bhikkhuno attamano homi araññavihārena.

    ‘‘อิธ ปนาหํ, นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ อารญฺญิกํ อรเญฺญ สมาหิตํ นิสินฺนํฯ ตสฺส มยฺหํ, นาคิต, เอวํ โหติ – ‘อิทานิ อยมายสฺมา อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิมุจฺจิสฺสติ, วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ อนุรกฺขิสฺสตี’ติฯ เตนาหํ, นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตมโน โหมิ อรญฺญวิหาเรนฯ

    ‘‘Idha panāhaṃ, nāgita, bhikkhuṃ passāmi āraññikaṃ araññe samāhitaṃ nisinnaṃ. Tassa mayhaṃ, nāgita, evaṃ hoti – ‘idāni ayamāyasmā avimuttaṃ vā cittaṃ vimuccissati, vimuttaṃ vā cittaṃ anurakkhissatī’ti. Tenāhaṃ, nāgita, tassa bhikkhuno attamano homi araññavihārena.

    ‘‘อิธ ปนาหํ, นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ คามนฺตวิหาริํ ลาภิํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํฯ โส ตํ ลาภสกฺการสิโลกํ นิกามยมาโน ริญฺจติ ปฎิสลฺลานํ, ริญฺจติ อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ; คามนิคมราชธานิํ โอสริตฺวา วาสํ กเปฺปติฯ เตนาหํ, นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน น อตฺตมโน โหมิ คามนฺตวิหาเรนฯ

    ‘‘Idha panāhaṃ, nāgita, bhikkhuṃ passāmi gāmantavihāriṃ lābhiṃ cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārānaṃ. So taṃ lābhasakkārasilokaṃ nikāmayamāno riñcati paṭisallānaṃ, riñcati araññavanapatthāni pantāni senāsanāni; gāmanigamarājadhāniṃ osaritvā vāsaṃ kappeti. Tenāhaṃ, nāgita, tassa bhikkhuno na attamano homi gāmantavihārena.

    ‘‘อิธ ปนาหํ, นาคิต, ภิกฺขุํ ปสฺสามิ อารญฺญิกํ ลาภิํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํฯ โส ตํ ลาภสกฺการสิโลกํ ปฎิปณาเมตฺวา น ริญฺจติ ปฎิสลฺลานํ, น ริญฺจติ อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิฯ เตนาหํ, นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตมโน โหมิ อรญฺญวิหาเรนฯ 31

    ‘‘Idha panāhaṃ, nāgita, bhikkhuṃ passāmi āraññikaṃ lābhiṃ cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārānaṃ. So taṃ lābhasakkārasilokaṃ paṭipaṇāmetvā na riñcati paṭisallānaṃ, na riñcati araññavanapatthāni pantāni senāsanāni. Tenāhaṃ, nāgita, tassa bhikkhuno attamano homi araññavihārena. 32

    ‘‘ยสฺมาหํ 33, นาคิต, สมเย อทฺธานมคฺคปฺปฎิปโนฺน น กญฺจิ ปสฺสามิ ปุรโต วา ปจฺฉโต วา, ผาสุ เม, นาคิต, ตสฺมิํ สมเย โหติ อนฺตมโส อุจฺจารปสฺสาวกมฺมายา’’ติฯ ฉฎฺฐํฯ

    ‘‘Yasmāhaṃ 34, nāgita, samaye addhānamaggappaṭipanno na kañci passāmi purato vā pacchato vā, phāsu me, nāgita, tasmiṃ samaye hoti antamaso uccārapassāvakammāyā’’ti. Chaṭṭhaṃ.







    Footnotes:
    1. นิกามลาภี อสฺสํ (พหูสุ) อ. นิ. ๕.๓๐ ปสฺสิตพฺพํฯ ตตฺถ หิ อยํ ปาฐเภทา นตฺถิ
    2. nikāmalābhī assaṃ (bahūsu) a. ni. 5.30 passitabbaṃ. tattha hi ayaṃ pāṭhabhedā natthi
    3. เอกจฺจา อิมสฺส (?)
    4. อิทํ ปทํ กตฺถจิ นตฺถิ
    5. นิกามลาภินิโย อกิจฺฉลาภินิโย (?)
    6. ตาสมฺปิ (?)
    7. อนุยุเตฺต วิหรเนฺต ทิสฺวา (?)
    8. น หนูนเม (สี. สฺยา. ปี.)
    9. อิทํ ปทํ กตฺถจิ นตฺถิ
    10. ekaccā imassa (?)
    11. idaṃ padaṃ katthaci natthi
    12. nikāmalābhiniyo akicchalābhiniyo (?)
    13. tāsampi (?)
    14. anuyutte viharante disvā (?)
    15. na hanūname (sī. syā. pī.)
    16. idaṃ padaṃ katthaci natthi
    17. องฺคุลิปโตทเกหิ (สี. ปี. ก.)
    18. aṅgulipatodakehi (sī. pī. ka.)
    19. อิธาหํ (สี. ปี. ก.)
    20. idhāhaṃ (sī. pī. ka.)
    21. อิธ ปนาหํ (?)
    22. อิทานิมํ (กตฺถจิ) อ. นิ. ๖.๔๒
    23. ปเจฺจสฺสติ (สี. ปี.), อุปฎฺฐหติ (ก.)
    24. โส ตมฺหา (ก. สี.), โส ตํ ตมฺหา (?)
    25. idha panāhaṃ (?)
    26. idānimaṃ (katthaci) a. ni. 6.42
    27. paccessati (sī. pī.), upaṭṭhahati (ka.)
    28. so tamhā (ka. sī.), so taṃ tamhā (?)
    29. สมาทเหสฺสติ (กตฺถจิ)
    30. samādahessati (katthaci)
    31. [ ] เอตฺถนฺตเร ปาโฐ อ. นิ. ๖.๔๒ ฉกฺกนิปาเตเยว ทิสฺสติ, น เอตฺถ อฎฺฐกนิปาเต
    32. [ ] etthantare pāṭho a. ni. 6.42 chakkanipāteyeva dissati, na ettha aṭṭhakanipāte
    33. ยสฺมิํหํ (กตฺถจิ)
    34. yasmiṃhaṃ (katthaci)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๖. ยสสุตฺตวณฺณนา • 6. Yasasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๑๐. สทฺธาสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-10. Saddhāsuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact