Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๗. ยสเตฺถรคาถาวณฺณนา
7. Yasattheragāthāvaṇṇanā
สุวิลิโตฺต สุวสโนติ อายสฺมโต ยสเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต สุเมธสฺส ภควโต กาเล มหานุภาโว นาคราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ อตฺตโน ภวนํ เนตฺวา มหาทานํ ปวเตฺตสิฯ ภควนฺตํ มหเคฺฆน ติจีวเรน อจฺฉาเทสิ, เอกเมกญฺจ ภิกฺขุํ มหเคฺฆเนว ปเจฺจกทุสฺสยุเคน สเพฺพน สมณปริกฺขาเรน อจฺฉาเทสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล เสฎฺฐิปุโตฺต หุตฺวา มหาโพธิมณฺฑํ สตฺตหิ รตเนหิ ปูเชสิฯ กสฺสปสฺส ภควโต กาเล สาสเน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิฯ เอวํ สุคตีสุเยว สํสรโนฺต อิมสฺมิํ อมฺหากํ ภควโต กาเล พาราณสิยํ มหาวิภวสฺส เสฎฺฐิโน ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ยโส นาม นาเมน ปรมสุขุมาโลฯ ‘‘ตสฺส ตโย ปาสาทา’’ติ สพฺพํ ขนฺธเก (มหาว. ๒๕) อาคตนเยน เวทิตพฺพํฯ
Suvilittosuvasanoti āyasmato yasattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni upacinanto sumedhassa bhagavato kāle mahānubhāvo nāgarājā hutvā buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ attano bhavanaṃ netvā mahādānaṃ pavattesi. Bhagavantaṃ mahagghena ticīvarena acchādesi, ekamekañca bhikkhuṃ mahaggheneva paccekadussayugena sabbena samaṇaparikkhārena acchādesi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto siddhatthassa bhagavato kāle seṭṭhiputto hutvā mahābodhimaṇḍaṃ sattahi ratanehi pūjesi. Kassapassa bhagavato kāle sāsane pabbajitvā samaṇadhammaṃ akāsi. Evaṃ sugatīsuyeva saṃsaranto imasmiṃ amhākaṃ bhagavato kāle bārāṇasiyaṃ mahāvibhavassa seṭṭhino putto hutvā nibbatti, yaso nāma nāmena paramasukhumālo. ‘‘Tassa tayo pāsādā’’ti sabbaṃ khandhake (mahāva. 25) āgatanayena veditabbaṃ.
โส ปุพฺพเหตุนา โจทิยมาโน รตฺติภาเค นิทฺทาภิภูตสฺส ปริชนสฺส วิปฺปการํ ทิสฺวา สญฺชาตสํเวโค สุวณฺณปาทุการูโฬฺหว เคหโต นิคฺคโต เทวตาวิวเฎน นครทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อิสิปตนสมีปํ คโต ‘‘อุปทฺทุตํ วต, โภ, อุปสฺสฎฺฐํ วต, โภ’’ติ อาหฯ เตน สมเยน ภควตา อิสิปตเน วิหรเนฺตน ตเสฺสว อนุคฺคณฺหนตฺถํ อโพฺภกาเส จงฺกมเนฺตน ‘‘เอหิ, ยส, อิทํ อนุปทฺทุตํ, อิทํ อนุปสฺสฎฺฐ’’นฺติ วุโตฺต, ‘‘อนุปทฺทุตํ อนุปสฺสฎฺฐํ กิร อตฺถี’’ติ โสมนสฺสชาโต สุวณฺณปาทุกา โอรุยฺห ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน สตฺถารา อนุปุพฺพิกถํ กเถตฺวา สจฺจเทสนาย กตาย สจฺจปริโยสาเน โสตาปโนฺน หุตฺวา คเวสนตฺถํ อาคตสฺส ปิตุ ภควตา สจฺจเทสนาย กริยมานาย อรหตฺตํ สจฺฉากาสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔๐.๔๕๖-๔๘๓) –
So pubbahetunā codiyamāno rattibhāge niddābhibhūtassa parijanassa vippakāraṃ disvā sañjātasaṃvego suvaṇṇapādukārūḷhova gehato niggato devatāvivaṭena nagaradvārena nikkhamitvā isipatanasamīpaṃ gato ‘‘upaddutaṃ vata, bho, upassaṭṭhaṃ vata, bho’’ti āha. Tena samayena bhagavatā isipatane viharantena tasseva anuggaṇhanatthaṃ abbhokāse caṅkamantena ‘‘ehi, yasa, idaṃ anupaddutaṃ, idaṃ anupassaṭṭha’’nti vutto, ‘‘anupaddutaṃ anupassaṭṭhaṃ kira atthī’’ti somanassajāto suvaṇṇapādukā oruyha bhagavantaṃ upasaṅkamitvā ekamantaṃ nisinno satthārā anupubbikathaṃ kathetvā saccadesanāya katāya saccapariyosāne sotāpanno hutvā gavesanatthaṃ āgatassa pitu bhagavatā saccadesanāya kariyamānāya arahattaṃ sacchākāsi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.40.456-483) –
‘‘มหาสมุทฺทํ โอคฺคยฺห, ภวนํ เม สุนิมฺมิตํ;
‘‘Mahāsamuddaṃ oggayha, bhavanaṃ me sunimmitaṃ;
สุนิมฺมิตา โปกฺขรณี, จกฺกวากปกูชิตาฯ
Sunimmitā pokkharaṇī, cakkavākapakūjitā.
‘‘มนฺทาลเกหิ สญฺฉนฺนา, ปทุมุปฺปลเกหิ จ;
‘‘Mandālakehi sañchannā, padumuppalakehi ca;
นที จ สนฺทเต ตตฺถ, สุปติตฺถา มโนรมาฯ
Nadī ca sandate tattha, supatitthā manoramā.
‘‘มจฺฉกจฺฉปสญฺฉนฺนา, นานาทิชสโมตฺถตา;
‘‘Macchakacchapasañchannā, nānādijasamotthatā;
มยูรโกญฺจาภิรุทา, โกกิลาทีหิ วคฺคุหิฯ
Mayūrakoñcābhirudā, kokilādīhi vagguhi.
‘‘ปาเรวตา รวิหํสา จ, จกฺกวากา นทีจรา;
‘‘Pārevatā ravihaṃsā ca, cakkavākā nadīcarā;
ทินฺทิภา สาฬิกา เจตฺถ, ปมฺมกา ชีวชีวกาฯ
Dindibhā sāḷikā cettha, pammakā jīvajīvakā.
‘‘หํสา โกญฺจาปิ นทิตา, โกสิยา ปิงฺคลา พหู;
‘‘Haṃsā koñcāpi naditā, kosiyā piṅgalā bahū;
สตฺตรตนสมฺปนฺนา, มณิมุตฺติกวาลุกาฯ
Sattaratanasampannā, maṇimuttikavālukā.
‘‘สพฺพโสณฺณมยา รุกฺขา, นานาคนฺธสเมริตา;
‘‘Sabbasoṇṇamayā rukkhā, nānāgandhasameritā;
อุโชฺชเตนฺติ ทิวารตฺติํ, ภวนํ สพฺพกาลิกํฯ
Ujjotenti divārattiṃ, bhavanaṃ sabbakālikaṃ.
‘‘สฎฺฐิตูริยสหสฺสานิ, สายํ ปาโต ปวชฺชเร;
‘‘Saṭṭhitūriyasahassāni, sāyaṃ pāto pavajjare;
โสฬสิตฺถิสหสฺสานิ, ปริวาเรนฺติ มํ สทาฯ
Soḷasitthisahassāni, parivārenti maṃ sadā.
‘‘อภินิกฺขมฺม ภวนา, สุเมธํ โลกนายกํ;
‘‘Abhinikkhamma bhavanā, sumedhaṃ lokanāyakaṃ;
ปสนฺนจิโตฺต สุมโน, วนฺทยิํ ตํ มหายสํฯ
Pasannacitto sumano, vandayiṃ taṃ mahāyasaṃ.
‘‘สมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา, สสงฺฆํ ตํ นิมนฺตยิํ;
‘‘Sambuddhaṃ abhivādetvā, sasaṅghaṃ taṃ nimantayiṃ;
อธิวาเสสิ โส ธีโร, สุเมโธ โลกนายโกฯ
Adhivāsesi so dhīro, sumedho lokanāyako.
‘‘มม ธมฺมกถํ กตฺวา, อุโยฺยเชสิ มหามุนิ;
‘‘Mama dhammakathaṃ katvā, uyyojesi mahāmuni;
สมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา, ภวนํ เม อุปาคมิํฯ
Sambuddhaṃ abhivādetvā, bhavanaṃ me upāgamiṃ.
‘‘อามนฺตยิํ ปริชนํ, สเพฺพ สนฺนิปตาถ โว;
‘‘Āmantayiṃ parijanaṃ, sabbe sannipatātha vo;
ปุพฺพณฺหสมยํ พุโทฺธ, ภวนํ อาคมิสฺสติฯ
Pubbaṇhasamayaṃ buddho, bhavanaṃ āgamissati.
‘‘ลาภา อมฺหํ สุลทฺธํ โน, เย วสาม ตวนฺติเก;
‘‘Lābhā amhaṃ suladdhaṃ no, ye vasāma tavantike;
มยมฺปิ พุทฺธเสฎฺฐสฺส, ปูชํ กสฺสาม สตฺถุโนฯ
Mayampi buddhaseṭṭhassa, pūjaṃ kassāma satthuno.
‘‘อนฺนํ ปานํ ปฎฺฐเปตฺวา, กาลํ อาโรจยิํ อหํ;
‘‘Annaṃ pānaṃ paṭṭhapetvā, kālaṃ ārocayiṃ ahaṃ;
วสีสตสหเสฺสหิ, อุเปสิ โลกนายโกฯ
Vasīsatasahassehi, upesi lokanāyako.
‘‘ปญฺจงฺคิเกหิ ตูริเยหิ, ปจฺจุคฺคมนมกาสหํ;
‘‘Pañcaṅgikehi tūriyehi, paccuggamanamakāsahaṃ;
สพฺพโสณฺณมเย ปีเฐ, นิสีทิ ปุริสุตฺตโมฯ
Sabbasoṇṇamaye pīṭhe, nisīdi purisuttamo.
‘‘อุปริจฺฉทนํ อาสิ, สพฺพโสณฺณมยํ ตทา;
‘‘Uparicchadanaṃ āsi, sabbasoṇṇamayaṃ tadā;
พีชนิโย ปวายนฺติ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนฺตเรฯ
Bījaniyo pavāyanti, bhikkhusaṅghassa antare.
‘‘ปหูเตนนฺนปาเนน, ภิกฺขุสงฺฆมตปฺปยิํ;
‘‘Pahūtenannapānena, bhikkhusaṅghamatappayiṃ;
ปเจฺจกทุสฺสยุคเฬ, ภิกฺขุสงฺฆสฺสทาสหํฯ
Paccekadussayugaḷe, bhikkhusaṅghassadāsahaṃ.
‘‘ยํ วทนฺติ สุเมโธติ, โลกาหุติปฎิคฺคหํ;
‘‘Yaṃ vadanti sumedhoti, lokāhutipaṭiggahaṃ;
ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถฯ
Bhikkhusaṅghe nisīditvā, imā gāthā abhāsatha.
‘‘โย เม อเนฺนน ปาเนน, สเพฺพ อิเม จ ตปฺปยิํ;
‘‘Yo me annena pānena, sabbe ime ca tappayiṃ;
ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโตฯ
Tamahaṃ kittayissāmi, suṇātha mama bhāsato.
‘‘อฎฺฐารเส กปฺปสเต, เทวโลเก รมิสฺสติ;
‘‘Aṭṭhārase kappasate, devaloke ramissati;
สหสฺสกฺขตฺตุํ ราชา จ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติฯ
Sahassakkhattuṃ rājā ca, cakkavattī bhavissati.
‘‘อุปปชฺชติ ยํ โยนิํ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;
‘‘Upapajjati yaṃ yoniṃ, devattaṃ atha mānusaṃ;
สพฺพทา สพฺพโสวณฺณํ, ฉทนํ ธารยิสฺสติฯ
Sabbadā sabbasovaṇṇaṃ, chadanaṃ dhārayissati.
‘‘ติํสกปฺปสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
‘‘Tiṃsakappasahassamhi, okkākakulasambhavo;
โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ
Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.
‘‘ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;
‘‘Tassa dhammesu dāyādo, oraso dhammanimmito;
สพฺพาสเว ปริญฺญาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโวฯ
Sabbāsave pariññāya, nibbāyissatināsavo.
‘‘ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, สีหนาทํ นทิสฺสติ;
‘‘Bhikkhusaṅghe nisīditvā, sīhanādaṃ nadissati;
จิตเก ฉตฺตํ ธาเรนฺติ, เหฎฺฐา ฉตฺตมฺหิ ฑยฺหถฯ
Citake chattaṃ dhārenti, heṭṭhā chattamhi ḍayhatha.
‘‘สามญฺญํ เม อนุปฺปตฺตํ, กิเลสา ฌาปิตา มยา;
‘‘Sāmaññaṃ me anuppattaṃ, kilesā jhāpitā mayā;
มณฺฑเป รุกฺขมูเล วา, สนฺตาโป เม น วิชฺชติฯ
Maṇḍape rukkhamūle vā, santāpo me na vijjati.
‘‘ติํสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ยํ ทานมททิํ ตทา;
‘‘Tiṃsakappasahassamhi, yaṃ dānamadadiṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, สพฺพทานสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, sabbadānassidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อถ ภควา อายสฺมนฺตํ ยสํ ทกฺขิณํ พาหุํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ อาหฯ วจนสมนนฺตรเมว ทฺวงฺคุลมตฺตเกสมสฺสุ อฎฺฐปริกฺขารธโร วสฺสสฎฺฐิกเตฺถโร วิย อโหสิฯ โส อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทาเนโนฺต เอหิภิกฺขุภาวปฺปตฺติโต ปุริมาวตฺถวเสน –
Atha bhagavā āyasmantaṃ yasaṃ dakkhiṇaṃ bāhuṃ pasāretvā ‘‘ehi bhikkhū’’ti āha. Vacanasamanantarameva dvaṅgulamattakesamassu aṭṭhaparikkhāradharo vassasaṭṭhikatthero viya ahosi. So attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā udānento ehibhikkhubhāvappattito purimāvatthavasena –
๑๑๗.
117.
‘‘สุวิลิโตฺต สุวสโน, สพฺพาภรณภูสิโต;
‘‘Suvilitto suvasano, sabbābharaṇabhūsito;
ติโสฺส วิชฺชา อชฺฌคมิํ, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ – คาถํ อภาสิ;
Tisso vijjā ajjhagamiṃ, kataṃ buddhassa sāsana’’nti. – gāthaṃ abhāsi;
ตตฺถ สุวิลิโตฺตติ สุนฺทเรน กุงฺกุมจนฺทนานุเลปเนน วิลิตฺตคโตฺตฯ สุวสโนติ สุฎฺฐุ มหคฺฆกาสิกวตฺถวสโนฯ สพฺพาภรณภูสิโตติ สีสูปคาทีหิ สเพฺพหิ อาภรเณหิ อลงฺกโตฯ อชฺฌคมินฺติ อธิคจฺฉิํฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
Tattha suvilittoti sundarena kuṅkumacandanānulepanena vilittagatto. Suvasanoti suṭṭhu mahagghakāsikavatthavasano. Sabbābharaṇabhūsitoti sīsūpagādīhi sabbehi ābharaṇehi alaṅkato. Ajjhagaminti adhigacchiṃ. Sesaṃ vuttanayameva.
ยสเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Yasattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๗. ยสเตฺถรคาถา • 7. Yasattheragāthā