Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā |
๓. ยโสชสุตฺตวณฺณนา
3. Yasojasuttavaṇṇanā
๒๓. ตติเย ยโสชปฺปมุขานีติ เอตฺถ ยโสโชติ ตสฺส เถรสฺส นามํ, ตํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา ปพฺพชิตตฺตา วิจรณโต จ ตานิ ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ ‘‘ยโสชปฺปมุขานี’’ติ วุตฺตานิฯ
23. Tatiye yasojappamukhānīti ettha yasojoti tassa therassa nāmaṃ, taṃ pubbaṅgamaṃ katvā pabbajitattā vicaraṇato ca tāni pañca bhikkhusatāni ‘‘yasojappamukhānī’’ti vuttāni.
เตสํ อยํ ปุพฺพโยโค – อตีเต กิร กสฺสปทสพลสฺส สาสเน อญฺญตโร ภิกฺขุ อารญฺญโก อรเญฺญ ปิฎฺฐิปาสาเณ กตปณฺณกุฎิยํ วิหรติฯ ตสฺมิญฺจ สมเย ปญฺจสตา โจรา คามฆาตกาทีนิ กตฺวา โจริกาย ชีวนฺตา โจรกมฺมํ กตฺวา ชนปทมนุเสฺสหิ อนุพทฺธา ปลายมานา อรญฺญํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ กิญฺจิ คหณํ วา ปฎิสรณํ วา อปสฺสนฺตา อวิทูเร ตํ ภิกฺขุํ ปาสาเณ นิสินฺนํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ตํ ปวตฺติํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อมฺหากํ, ภเนฺต, ปฎิสรณํ โหถา’’ติ ยาจิํสุฯ เถโร ‘‘ตุมฺหากํ สีลสทิสํ ปฎิสรณํ นตฺถิ, สเพฺพ ปญฺจ สีลานิ สมาทิยถา’’ติ อาหฯ เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา สีลานิ สมาทิยิํสุฯ เถโร ‘‘ตุเมฺห อิทานิ สีเลสุ ปติฎฺฐิตา, อตฺตโน ชีวิตํ วินาสยเนฺตสุปิ มา มนํ ปโทสยิตฺถา’’ติ กกจูปมวิธิํ (ม. นิ. ๑.๒๒๒ อาทโย) อาจิกฺขิฯ เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิํสุฯ อถ เต ชานปทา ตํ สมฺปตฺตา อิโต จิโต จ คเวสนฺตา เต โจเร ทิสฺวา สเพฺพว ชีวิตา โวโรเปสุํฯ เต เตสุ มโนปโทสมตฺตมฺปิ อกตฺวา อกฺขณฺฑสีลา กาลํ กตฺวา กามาวจรเทเวสุ นิพฺพตฺติํสุฯ เตสุ เชฎฺฐโจโร เชฎฺฐเทวปุโตฺต อโหสิ, อิตเร ตเสฺสว ปริวาราฯ
Tesaṃ ayaṃ pubbayogo – atīte kira kassapadasabalassa sāsane aññataro bhikkhu āraññako araññe piṭṭhipāsāṇe katapaṇṇakuṭiyaṃ viharati. Tasmiñca samaye pañcasatā corā gāmaghātakādīni katvā corikāya jīvantā corakammaṃ katvā janapadamanussehi anubaddhā palāyamānā araññaṃ pavisitvā tattha kiñci gahaṇaṃ vā paṭisaraṇaṃ vā apassantā avidūre taṃ bhikkhuṃ pāsāṇe nisinnaṃ disvā vanditvā taṃ pavattiṃ ācikkhitvā ‘‘amhākaṃ, bhante, paṭisaraṇaṃ hothā’’ti yāciṃsu. Thero ‘‘tumhākaṃ sīlasadisaṃ paṭisaraṇaṃ natthi, sabbe pañca sīlāni samādiyathā’’ti āha. Te ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā sīlāni samādiyiṃsu. Thero ‘‘tumhe idāni sīlesu patiṭṭhitā, attano jīvitaṃ vināsayantesupi mā manaṃ padosayitthā’’ti kakacūpamavidhiṃ (ma. ni. 1.222 ādayo) ācikkhi. Te ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchiṃsu. Atha te jānapadā taṃ sampattā ito cito ca gavesantā te core disvā sabbeva jīvitā voropesuṃ. Te tesu manopadosamattampi akatvā akkhaṇḍasīlā kālaṃ katvā kāmāvacaradevesu nibbattiṃsu. Tesu jeṭṭhacoro jeṭṭhadevaputto ahosi, itare tasseva parivārā.
เต อปราปรํ สํสรนฺตา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก เขเปตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล เทวโลกโต จวิตฺวา เชฎฺฐเทวปุโตฺต สาวตฺถินครทฺวาเร เกวฎฺฎคาเม ปญฺจสตกุลคามเชฎฺฐกสฺส เกวฎฺฎสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ยโสโชติสฺส นามํ อกํสุฯ อิตเรปิ อวเสสเกวฎฺฎานํ ปุตฺตา หุตฺวา นิพฺพตฺติํสุฯ เต ปุพฺพสนฺนิวาเสน สเพฺพปิ สหายกา หุตฺวา สหปํสุกีฬิตํ กีฬนฺตา อนุปุเพฺพน วยปฺปตฺตา อเหสุํ, ยโสโช เตสํ อโคฺค อโหสิฯ เต สเพฺพว เอกโต หุตฺวา ชาลานิ คเหตฺวา นทิตฬากาทีสุ มเจฺฉ พนฺธนฺตา วิจรนฺติฯ
Te aparāparaṃ saṃsarantā ekaṃ buddhantaraṃ devaloke khepetvā amhākaṃ bhagavato kāle devalokato cavitvā jeṭṭhadevaputto sāvatthinagaradvāre kevaṭṭagāme pañcasatakulagāmajeṭṭhakassa kevaṭṭassa putto hutvā nibbatti, yasojotissa nāmaṃ akaṃsu. Itarepi avasesakevaṭṭānaṃ puttā hutvā nibbattiṃsu. Te pubbasannivāsena sabbepi sahāyakā hutvā sahapaṃsukīḷitaṃ kīḷantā anupubbena vayappattā ahesuṃ, yasojo tesaṃ aggo ahosi. Te sabbeva ekato hutvā jālāni gahetvā naditaḷākādīsu macche bandhantā vicaranti.
อเถกทิวสํ อจิรวติยา นทิยา ชาเล ขิเตฺต สุวณฺณวโณฺณ มโจฺฉ อโนฺตชาเล ปาวิสิฯ ตํ ทิสฺวา สเพฺพปิ เกวฎฺฎา ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตา มเจฺฉ พนฺธนฺตา สุวณฺณวณฺณํ มจฺฉํ พนฺธิํสู’’ติ หฎฺฐตุฎฺฐา อเหสุํฯ อถ เต ปญฺจสตาปิ สหายกา มจฺฉํ นาวาย ปกฺขิปิตฺวา นาวํ อุกฺขิปิตฺวา รโญฺญ ทเสฺสสุํฯ ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘ภควา เอตสฺส สุวณฺณวณฺณการณํ ชานิสฺสตี’’ติ มจฺฉํ คาหาเปตฺวา ภควโต ทเสฺสสิฯ สตฺถา ‘‘อยํ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน โอสกฺกมาเน ปพฺพชิตฺวา มิจฺฉา ปฎิปชฺชโนฺต สาสนํ โอสกฺกาเปตฺวา นิรเย นิพฺพโตฺต เอกํ พุทฺธนฺตรํ นิรเย ปจฺจิตฺวา ตโต จุโต อจิรวติยํ มโจฺฉ หุตฺวา นิพฺพโตฺต’’ติ วตฺวา ตสฺส มาตุภคินีนญฺจ นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ, ตสฺส ภาติกเตฺถรสฺส ปรินิพฺพุตภาวญฺจ เตเนว กถาเปตฺวา อิมิสฺสา อฎฺฐุปฺปตฺติยา กปิลสุตฺตํ เทเสสิฯ
Athekadivasaṃ aciravatiyā nadiyā jāle khitte suvaṇṇavaṇṇo maccho antojāle pāvisi. Taṃ disvā sabbepi kevaṭṭā ‘‘amhākaṃ puttā macche bandhantā suvaṇṇavaṇṇaṃ macchaṃ bandhiṃsū’’ti haṭṭhatuṭṭhā ahesuṃ. Atha te pañcasatāpi sahāyakā macchaṃ nāvāya pakkhipitvā nāvaṃ ukkhipitvā rañño dassesuṃ. Rājā taṃ disvā ‘‘bhagavā etassa suvaṇṇavaṇṇakāraṇaṃ jānissatī’’ti macchaṃ gāhāpetvā bhagavato dassesi. Satthā ‘‘ayaṃ kassapasammāsambuddhassa sāsane osakkamāne pabbajitvā micchā paṭipajjanto sāsanaṃ osakkāpetvā niraye nibbatto ekaṃ buddhantaraṃ niraye paccitvā tato cuto aciravatiyaṃ maccho hutvā nibbatto’’ti vatvā tassa mātubhaginīnañca niraye nibbattabhāvaṃ, tassa bhātikattherassa parinibbutabhāvañca teneva kathāpetvā imissā aṭṭhuppattiyā kapilasuttaṃ desesi.
สตฺถุ เทสนํ สุตฺวา เต ปญฺจสตา เกวฎฺฎปุตฺตา สํเวคชาตา หุตฺวา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา, อุปสมฺปนฺนา หุตฺวา วิเวกวาสํ วสนฺตา ภควนฺตํ ทสฺสนาย อาคมํสุฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ยโสชปฺปมุขานิ ปญฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานี’’ติอาทิฯ
Satthu desanaṃ sutvā te pañcasatā kevaṭṭaputtā saṃvegajātā hutvā bhagavato santike pabbajitvā, upasampannā hutvā vivekavāsaṃ vasantā bhagavantaṃ dassanāya āgamaṃsu. Tena vuttaṃ – ‘‘tena kho pana samayena yasojappamukhāni pañcamattāni bhikkhusatānī’’tiādi.
ตตฺถ เตธาติ เต อิธฯ เนวาสิเกหีติ นิพทฺธวาสํ วสมาเนหิฯ ปฎิสโมฺมทมานาติ เนวาสิกภิกฺขูหิ ‘‘กจฺจาวุโส, ขมนีย’’นฺติอาทินา ปฎิสนฺถารวเสน สโมฺมทนาย กตาย ‘‘อามาวุโส, ขมนีย’’นฺติอาทินา , ปุน สโมฺมทมานา เตหิ สทฺธิํ สมปฺปวตฺตโมทาฯ เสนาสนานิ ปญฺญาปยมานาติ อาจริยุปชฺฌายานํ อตฺตโน จ ปาปุณกานิ เสนาสนานิ ปุจฺฉิตฺวา เตหิ เนวาสิเกหิ เตสํ ‘‘อิทํ ตุมฺหากํ อาจริยานํ, อิทํ ตุมฺหากํ อุปชฺฌายานํ, อิทํ ตุมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ เสนาสนานิ สํวิธาเปตฺวา อตฺตนา จ ตตฺถ คนฺตฺวา, ทฺวารกวาฎานิ วิวริตฺวา, มญฺจปีฐกฎสารกาทีนิ นีหริตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา ยถาฐานํ ฐปนาทิวเสน ปญฺญาเปนฺตา จฯ
Tattha tedhāti te idha. Nevāsikehīti nibaddhavāsaṃ vasamānehi. Paṭisammodamānāti nevāsikabhikkhūhi ‘‘kaccāvuso, khamanīya’’ntiādinā paṭisanthāravasena sammodanāya katāya ‘‘āmāvuso, khamanīya’’ntiādinā , puna sammodamānā tehi saddhiṃ samappavattamodā. Senāsanāni paññāpayamānāti ācariyupajjhāyānaṃ attano ca pāpuṇakāni senāsanāni pucchitvā tehi nevāsikehi tesaṃ ‘‘idaṃ tumhākaṃ ācariyānaṃ, idaṃ tumhākaṃ upajjhāyānaṃ, idaṃ tumhākaṃ pāpuṇātī’’ti senāsanāni saṃvidhāpetvā attanā ca tattha gantvā, dvārakavāṭāni vivaritvā, mañcapīṭhakaṭasārakādīni nīharitvā papphoṭetvā yathāṭhānaṃ ṭhapanādivasena paññāpentā ca.
ปตฺตจีวรานิ ปฎิสามยมานาติ, ‘‘ภเนฺต, อิมํ เม ปตฺตํ ฐเปถ, อิทํ จีวรํ, อิทํ ถาลกํ, อิทํ อุทกตุมฺพํ, อิทํ เม กตฺตรยฎฺฐิ’’นฺติ เอวํ สมณปริกฺขารํ สํโคปยมานาฯ อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทาติ อุทฺธํ คตเฎฺฐน อุโจฺจ สโทฺท เยสเนฺต อุจฺจาสทฺทา อการสฺส อาการํ กตฺวาฯ สมนฺตโต ปตฺถฎเฎฺฐน มหโนฺต สโทฺท เยสเนฺต มหาสทฺทาฯ เกวฎฺฎา มเญฺญ มจฺฉวิโลเปติ เกวฎฺฎา วิย มจฺฉวิลุมฺปเนฯ ยถา นาม เกวฎฺฎา อุทเก วฎฺฎนโต มจฺฉคฺคหณตฺถํ ปวตฺตนโต ‘‘เกวฎฺฎา’’ติ ลทฺธนามา มจฺฉพนฺธา มจฺฉคฺคหณตฺถํ ชเล ชาลํ ปกฺขิปิตฺวา ‘‘ปวิโฎฺฐ น ปวิโฎฺฐ, คหิโต น คหิโต’’ติอาทินา อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา โหนฺติฯ ยถา จ เต มจฺฉปจฺฉิอาทีนิ ฐปิตฎฺฐาเน มหาชเน คนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ เอกํ มจฺฉํ เทถ, มยฺหํ เอกํ มจฺฉผาลํ เทถ, อมุกสฺส ทิโนฺน มหโนฺต, มยฺหํ ขุทฺทโก’’ติอาทีนิ วตฺวา วิลุมฺปมาเน เตสํ ปฎิเสธนาทิวเสน อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา จ โหนฺติ, เอวเมเต ภิกฺขูติ ทเสฺสติฯ เตเตติ เต เอเตฯ กิํนูติ กิสฺส นุ, กิมตฺถํ นูติ อโตฺถฯ เตเมติ เต อิเมฯ ปณาเมมีติ นีหรามิฯ โวติ ตุเมฺหฯ น โว มม สนฺติเก วตฺถพฺพนฺติ ตุเมฺหหิ มยฺหํ สนฺติเก น วสิตพฺพํฯ เย ตุเมฺห มาทิสสฺส พุทฺธสฺส วสนฎฺฐานํ อาคนฺตฺวา เอวํ มหาสทฺทํ กโรถ, อตฺตโน ธมฺมตาย วสนฺตา กิํ นาม สารุปฺปํ กริสฺสถ, ตุมฺหาทิสานํ มม สนฺติเก วสนกิจฺจํ นตฺถีติ ทีเปติฯ เอวํ ปณามิเตสุ จ ภควตา เตสุ เอกภิกฺขุปิ ‘‘ภควา ตุเมฺห มหาสทฺทมตฺตเกน อเมฺห ปณาเมถา’’ติ วา อญฺญํ วา กิญฺจิ ปฎิวจนํ อวตฺวา พุทฺธคารเวน สเพฺพ ภควโต วจนํ สมฺปฎิจฺฉนฺตา ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ วตฺวา นิกฺขมิํสุฯ เอวํ ปน เตสํ อโหสิ ‘‘มยํ สตฺถารํ ปสฺสิสฺสาม, ธมฺมํ โสสฺสาม, สตฺถุ สนฺติเก วสิสฺสามาติ อาคตา, เอวรูปสฺส ปน ครุโน สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา มหาสทฺทํ กริมฺหา, อมฺหากเมว โทโสยํ, ปณามิตมฺหา ตโต, น ลทฺธํ สตฺถุ สนฺติเก วตฺถุํ, สมนฺตปาสาทิกํ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ โอโลเกตุํ, มธุรสฺสเรน เทสิตํ ธมฺมํ โสตุ’’นฺติฯ เต พลวโทมนสฺสชาตา หุตฺวา ปกฺกมิํสุฯ
Pattacīvarāni paṭisāmayamānāti, ‘‘bhante, imaṃ me pattaṃ ṭhapetha, idaṃ cīvaraṃ, idaṃ thālakaṃ, idaṃ udakatumbaṃ, idaṃ me kattarayaṭṭhi’’nti evaṃ samaṇaparikkhāraṃ saṃgopayamānā. Uccāsaddā mahāsaddāti uddhaṃ gataṭṭhena ucco saddo yesante uccāsaddā akārassa ākāraṃ katvā. Samantato patthaṭaṭṭhena mahanto saddo yesante mahāsaddā. Kevaṭṭā maññe macchavilopeti kevaṭṭā viya macchavilumpane. Yathā nāma kevaṭṭā udake vaṭṭanato macchaggahaṇatthaṃ pavattanato ‘‘kevaṭṭā’’ti laddhanāmā macchabandhā macchaggahaṇatthaṃ jale jālaṃ pakkhipitvā ‘‘paviṭṭho na paviṭṭho, gahito na gahito’’tiādinā uccāsaddamahāsaddā honti. Yathā ca te macchapacchiādīni ṭhapitaṭṭhāne mahājane gantvā ‘‘mayhaṃ ekaṃ macchaṃ detha, mayhaṃ ekaṃ macchaphālaṃ detha, amukassa dinno mahanto, mayhaṃ khuddako’’tiādīni vatvā vilumpamāne tesaṃ paṭisedhanādivasena uccāsaddamahāsaddā ca honti, evamete bhikkhūti dasseti. Teteti te ete. Kiṃnūti kissa nu, kimatthaṃ nūti attho. Temeti te ime. Paṇāmemīti nīharāmi. Voti tumhe. Na vo mama santike vatthabbanti tumhehi mayhaṃ santike na vasitabbaṃ. Ye tumhe mādisassa buddhassa vasanaṭṭhānaṃ āgantvā evaṃ mahāsaddaṃ karotha, attano dhammatāya vasantā kiṃ nāma sāruppaṃ karissatha, tumhādisānaṃ mama santike vasanakiccaṃ natthīti dīpeti. Evaṃ paṇāmitesu ca bhagavatā tesu ekabhikkhupi ‘‘bhagavā tumhe mahāsaddamattakena amhe paṇāmethā’’ti vā aññaṃ vā kiñci paṭivacanaṃ avatvā buddhagāravena sabbe bhagavato vacanaṃ sampaṭicchantā ‘‘evaṃ, bhante’’ti vatvā nikkhamiṃsu. Evaṃ pana tesaṃ ahosi ‘‘mayaṃ satthāraṃ passissāma, dhammaṃ sossāma, satthu santike vasissāmāti āgatā, evarūpassa pana garuno satthu santikaṃ āgantvā mahāsaddaṃ karimhā, amhākameva dosoyaṃ, paṇāmitamhā tato, na laddhaṃ satthu santike vatthuṃ, samantapāsādikaṃ suvaṇṇavaṇṇaṃ sarīraṃ oloketuṃ, madhurassarena desitaṃ dhammaṃ sotu’’nti. Te balavadomanassajātā hutvā pakkamiṃsu.
สํสาเมตฺวาติ สุคุตฺตํ กตฺวาฯ วชฺชีติ เอวํนามโก ชนปโท, วชฺชี นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีวเสน ‘‘วชฺชี’’เตฺวว วุจฺจติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘วชฺชีสู’’ติฯ วคฺคุมุทาติ เอวํนาม โลกสฺส ปุญฺญสมฺมตา เอกา นทีฯ ‘‘วคฺคมุทา’’ติปิ ปาโฐฯ อตฺถกาเมนาติ กิญฺจิ ปโยชนํ อนเปกฺขิตฺวา อตฺถเมว อิจฺฉเนฺตนฯ หิเตสินาติ อตฺถํ อิจฺฉเนฺตน, ‘‘กินฺติ เม สาวกา วฎฺฎทุกฺขา ปริมุเจฺจยฺยุ’’นฺติ ตสฺส อตฺถสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส วา เหตุภูตสฺส หิตสฺส เอสนสีเลนฯ ตโต เอว อตฺตโน สรีรเขทํ อคเณตฺวา ทูเรปิ เวเนยฺยสนฺติกํ คนฺตฺวา อนุกมฺปนโต อนุกมฺปเกนฯ ตเมว อนุกมฺปํ อุปาทาย มยํ ปณามิตา, น อตฺตโน เวยฺยาวจฺจาทิปจฺจาสีสายฯ ยสฺมา ธมฺมครุโน พุทฺธา ภควโนฺต สมฺมาปฎิปตฺติยาว ปูเชตพฺพา, เย อุจฺจาสทฺทกรณมเตฺตปิ ปณาเมนฺติ, ตสฺมา หนฺท มยํ, อาวุโส, ตถา วิหารํ กเปฺปม สพฺพตฺถ สติสมฺปชญฺญโยเคน อปณฺณกปฺปฎิปทํ ปูเรนฺตา ยถาคหิตกมฺมฎฺฐานํ มตฺถกํ ปาเปนฺตา จตุอิริยาปถวิหารํ กเปฺปม วิหรามฯ ยถา โน วิหรตนฺติ ยถา อเมฺหสุ วิหรเนฺตสุ, ภควา อตฺตมโน อสฺส, สมฺมาปฎิปตฺติยา ปูชาย อาราธิโต ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ
Saṃsāmetvāti suguttaṃ katvā. Vajjīti evaṃnāmako janapado, vajjī nāma jānapadino rājakumārā, tesaṃ nivāso ekopi janapado ruḷhīvasena ‘‘vajjī’’tveva vuccati. Tena vuttaṃ ‘‘vajjīsū’’ti. Vaggumudāti evaṃnāma lokassa puññasammatā ekā nadī. ‘‘Vaggamudā’’tipi pāṭho. Atthakāmenāti kiñci payojanaṃ anapekkhitvā atthameva icchantena. Hitesināti atthaṃ icchantena, ‘‘kinti me sāvakā vaṭṭadukkhā parimucceyyu’’nti tassa atthasaṅkhātassa atthassa vā hetubhūtassa hitassa esanasīlena. Tato eva attano sarīrakhedaṃ agaṇetvā dūrepi veneyyasantikaṃ gantvā anukampanato anukampakena. Tameva anukampaṃ upādāya mayaṃ paṇāmitā, na attano veyyāvaccādipaccāsīsāya. Yasmā dhammagaruno buddhā bhagavanto sammāpaṭipattiyāva pūjetabbā, ye uccāsaddakaraṇamattepi paṇāmenti, tasmā handa mayaṃ, āvuso, tathā vihāraṃ kappema sabbattha satisampajaññayogena apaṇṇakappaṭipadaṃ pūrentā yathāgahitakammaṭṭhānaṃ matthakaṃ pāpentā catuiriyāpathavihāraṃ kappema viharāma. Yathā no viharatanti yathā amhesu viharantesu, bhagavā attamano assa, sammāpaṭipattiyā pūjāya ārādhito bhaveyyāti attho.
เตเนวนฺตรวเสฺสนาติ ตสฺมิํเยว อนฺตรวเสฺส มหาปวารณํ อนติกฺกมิตฺวาวฯ สเพฺพว ติโสฺส วิชฺชา สจฺฉากํสูติ สเพฺพเยว เต ปญฺจสตา ภิกฺขู ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณํ ทิพฺพจกฺขุญาณํ อาสวกฺขยญาณนฺติ อิมา ติโสฺส ปุเพฺพนิวุตฺถกฺขนฺธปฺปฎิจฺฉาทกโมหกฺขนฺธาทีนํ วินิวิชฺฌนเฎฺฐน วิชฺชา อตฺตปจฺจกฺขา อกํสุฯ โลกิยาภิญฺญาสุ อิมาเยว เทฺว อภิญฺญา อาสวกฺขยญาณสฺส พหูปการา, น ตถา ทิพฺพโสตเจโตปริยอิทฺธิวิธญาณานีติ ทสฺสนตฺถํ วิชฺชตฺตยเมเวตฺถ เตสํ ภิกฺขูนํ อธิคมทสฺสนวเสน อุทฺธฎํฯ ตถา หิ เวรญฺชสุเตฺต (อ. นิ. ๘.๑๑) ภควา เวรญฺชพฺราหฺมณสฺส อตฺตโน อธิคมํ ทเสฺสโนฺต วิชฺชตฺตยเมว เทเสสิ, น ทิพฺพโสตญาณาทีนํ อภาวโตฯ เอวํ เตสมฺปิ ภิกฺขูนํ วิชฺชมานานิปิ ทิพฺพโสตญาณาทีนิ น อุทฺธฎานิฯ ฉฬภิญฺญา หิ เต ภิกฺขูฯ เอวญฺจ กตฺวา ‘‘วคฺคุมุทาย นทิยา ตีเร อนฺตรหิตา มหาวเน กูฎาคารสาลายํ ภควโต สมฺมุเข ปาตุรเหสุ’’นฺติ เตสํ ภิกฺขูนํ อิทฺธิวฬญฺชนํ วกฺขติฯ
Tenevantaravassenāti tasmiṃyeva antaravasse mahāpavāraṇaṃ anatikkamitvāva. Sabbeva tisso vijjā sacchākaṃsūti sabbeyeva te pañcasatā bhikkhū pubbenivāsānussatiñāṇaṃ dibbacakkhuñāṇaṃ āsavakkhayañāṇanti imā tisso pubbenivutthakkhandhappaṭicchādakamohakkhandhādīnaṃ vinivijjhanaṭṭhena vijjā attapaccakkhā akaṃsu. Lokiyābhiññāsu imāyeva dve abhiññā āsavakkhayañāṇassa bahūpakārā, na tathā dibbasotacetopariyaiddhividhañāṇānīti dassanatthaṃ vijjattayamevettha tesaṃ bhikkhūnaṃ adhigamadassanavasena uddhaṭaṃ. Tathā hi verañjasutte (a. ni. 8.11) bhagavā verañjabrāhmaṇassa attano adhigamaṃ dassento vijjattayameva desesi, na dibbasotañāṇādīnaṃ abhāvato. Evaṃ tesampi bhikkhūnaṃ vijjamānānipi dibbasotañāṇādīni na uddhaṭāni. Chaḷabhiññā hi te bhikkhū. Evañca katvā ‘‘vaggumudāya nadiyā tīre antarahitā mahāvane kūṭāgārasālāyaṃ bhagavato sammukhe pāturahesu’’nti tesaṃ bhikkhūnaṃ iddhivaḷañjanaṃ vakkhati.
ยถาภิรนฺตนฺติ ยถาภิรติํ ยถาชฺฌาสยํฯ พุทฺธานญฺหิ เอกสฺมิํ ฐาเน วสนฺตานํ ฉายูทกวิปตฺติํ วา อผาสุกเสนาสนํ วา มนุสฺสานํ อสฺสทฺธาทิภาวํ วา อาคมฺม อนภิรติ นาม นตฺถิ, เตสํ สมฺปตฺติยา ‘‘ผาสุํ วิหรามา’’ติ จิรวิหาโรปิ นตฺถิฯ ยตฺถ ปน ภควติ วิหรเนฺต มนุสฺสา สรเณสุ วา ปติฎฺฐหนฺติ, สีลานิ วา สมาทิยนฺติ ปพฺพชนฺติ, โสตาปตฺติมคฺคาทีนิ วา ปาปุณนฺติ, สตฺถา ตาสุ สมฺปตฺตีสุ เตสํ ปติฎฺฐาปนตฺถํ วสติ, ตทภาเว ปกฺกมติฯ ตทา หิ สาวตฺถิยํ กตฺตพฺพพุทฺธกิจฺจํ นาโหสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา สาวตฺถิยํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน เวสาลี เตน จาริกํ ปกฺกามี’’ติฯ
Yathābhirantanti yathābhiratiṃ yathājjhāsayaṃ. Buddhānañhi ekasmiṃ ṭhāne vasantānaṃ chāyūdakavipattiṃ vā aphāsukasenāsanaṃ vā manussānaṃ assaddhādibhāvaṃ vā āgamma anabhirati nāma natthi, tesaṃ sampattiyā ‘‘phāsuṃ viharāmā’’ti ciravihāropi natthi. Yattha pana bhagavati viharante manussā saraṇesu vā patiṭṭhahanti, sīlāni vā samādiyanti pabbajanti, sotāpattimaggādīni vā pāpuṇanti, satthā tāsu sampattīsu tesaṃ patiṭṭhāpanatthaṃ vasati, tadabhāve pakkamati. Tadā hi sāvatthiyaṃ kattabbabuddhakiccaṃ nāhosi. Tena vuttaṃ – ‘‘atha kho bhagavā sāvatthiyaṃ yathābhirantaṃ viharitvā yena vesālī tena cārikaṃ pakkāmī’’ti.
จาริกํ จรมาโนติ อทฺธานคมนํ คจฺฉโนฺตฯ จาริกา จ นาเมสา ภควโต ทุวิธา ตุริตจาริกา อตุริตจาริกาติฯ ตตฺถ ทูเรปิ โพธเนยฺยปุคฺคลํ ทิสฺวา ตสฺส โพธนตฺถํ สหสา คมนํ ตุริตจาริกา นาม, สา มหากสฺสปปจฺจุคฺคมนาทีสุ ทฎฺฐพฺพาฯ ยา ปน คามนิคมราชธานีปฎิปาฎิยา เทวสิกํ โยชนทฺธโยชนวเสน ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ โลกํ อนุคฺคณฺหโนฺต คจฺฉติ, อยํ อตุริตจาริกา นาม, อยเมว อิธาธิเปฺปตาฯ ตทวสรีติ เตน อวสริ, ตํ วา อวสริ, ตตฺถ อวสริ , ปาวิสีติ อโตฺถฯ
Cārikaṃ caramānoti addhānagamanaṃ gacchanto. Cārikā ca nāmesā bhagavato duvidhā turitacārikā aturitacārikāti. Tattha dūrepi bodhaneyyapuggalaṃ disvā tassa bodhanatthaṃ sahasā gamanaṃ turitacārikā nāma, sā mahākassapapaccuggamanādīsu daṭṭhabbā. Yā pana gāmanigamarājadhānīpaṭipāṭiyā devasikaṃ yojanaddhayojanavasena piṇḍapātacariyādīhi lokaṃ anuggaṇhanto gacchati, ayaṃ aturitacārikā nāma, ayameva idhādhippetā. Tadavasarīti tena avasari, taṃ vā avasari, tattha avasari , pāvisīti attho.
ตตฺราติ ตสฺสํฯ สุทนฺติ นิปาตมตฺตํฯ เวสาลิยนฺติ ติกฺขตฺตุํ วิสาลีภูตตฺตา ‘‘เวสาลี’’ติ ลทฺธนาเม ลิจฺฉวิราชูนํ นคเรฯ มหาวเนติ มหาวนํ นาม สยํชาตํ อโรปิมํ สปริเจฺฉทํ มหนฺตํ วนํฯ กปิลวตฺถุสามนฺตา ปน มหาวนํ หิมวเนฺตน สห เอกาพทฺธํ อปริเจฺฉทํ หุตฺวา มหาสมุทฺทํ อาหจฺจ ฐิตํฯ อิทํ ตาทิสํ น โหติ, สปริเจฺฉทํ มหนฺตํ วนนฺติ มหาวนํฯ กูฎาคารสาลายนฺติ ตสฺมิํ มหาวเน ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส กเต อาราเม กูฎาคารํ อโนฺต กตฺวา หํสวฎฺฎกจฺฉเนฺนน กตา สพฺพาการสมฺปนฺนา พุทฺธสฺส ภควโต คนฺธกุฎิ กูฎาคารสาลา นาม , ตสฺสํ กูฎาคารสาลายํฯ วคฺคุมุทาตีริยานนฺติ วคฺคุมุทาตีรวาสีนํฯ เจตสา เจโต ปริจฺจ มนสิ กริตฺวาติ อตฺตโน จิเตฺตน เตสํ จิตฺตํ ปริจฺฉิชฺช มนสิ กริตฺวา, เจโตปริยญาเณน วา สพฺพญฺญุตญฺญาเณน วา เตหิ อธิคตวิเสสํ ชานิตฺวาติ อโตฺถฯ
Tatrāti tassaṃ. Sudanti nipātamattaṃ. Vesāliyanti tikkhattuṃ visālībhūtattā ‘‘vesālī’’ti laddhanāme licchavirājūnaṃ nagare. Mahāvaneti mahāvanaṃ nāma sayaṃjātaṃ aropimaṃ saparicchedaṃ mahantaṃ vanaṃ. Kapilavatthusāmantā pana mahāvanaṃ himavantena saha ekābaddhaṃ aparicchedaṃ hutvā mahāsamuddaṃ āhacca ṭhitaṃ. Idaṃ tādisaṃ na hoti, saparicchedaṃ mahantaṃ vananti mahāvanaṃ. Kūṭāgārasālāyanti tasmiṃ mahāvane bhagavantaṃ uddissa kate ārāme kūṭāgāraṃ anto katvā haṃsavaṭṭakacchannena katā sabbākārasampannā buddhassa bhagavato gandhakuṭi kūṭāgārasālā nāma , tassaṃ kūṭāgārasālāyaṃ. Vaggumudātīriyānanti vaggumudātīravāsīnaṃ. Cetasā ceto paricca manasi karitvāti attano cittena tesaṃ cittaṃ paricchijja manasi karitvā, cetopariyañāṇena vā sabbaññutaññāṇena vā tehi adhigatavisesaṃ jānitvāti attho.
อาโลกชาตา วิยาติ สญฺชาตาโลกา วิยฯ อิตรํ ตเสฺสว เววจนํ, จนฺทสหสฺสสูริยสหเสฺสหิ โอภาสิตา วิยาติ อโตฺถฯ ยสฺมา เต ยโสชปฺปมุขา ปญฺจสตา ภิกฺขู สพฺพโส อวิชฺชนฺธการวิธมเนน อาโลกภูตา โอภาสภูตา หุตฺวา วิหรนฺติ, ตสฺมา ภควา เตหิ ฐิตทิสาย ‘‘อาโลกชาตา วิย เม, อานนฺท, เอสา ทิสา’’ติอาทินา วณฺณภณนาปเทเสน เต ภิกฺขู ปสํสติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ยสฺสํ ทิสายํ วคฺคุมุทาตีริยา ภิกฺขู วิหรนฺตี’’ติฯ อปฺปฎิกูลาติ น ปฎิกูลา, มนาปา มโนหราติ อโตฺถฯ ยสฺมิญฺหิ ปเทเส สีลาทิคุณสมฺปนฺนา มเหสิโน วิหรนฺติ, ตํ กิญฺจาปิ อุกฺกูลวิกูลวิสมทุคฺคาการํ, อถ โข มนุญฺญํ รมณียเมวฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Ālokajātāviyāti sañjātālokā viya. Itaraṃ tasseva vevacanaṃ, candasahassasūriyasahassehi obhāsitā viyāti attho. Yasmā te yasojappamukhā pañcasatā bhikkhū sabbaso avijjandhakāravidhamanena ālokabhūtā obhāsabhūtā hutvā viharanti, tasmā bhagavā tehi ṭhitadisāya ‘‘ālokajātā viya me, ānanda, esā disā’’tiādinā vaṇṇabhaṇanāpadesena te bhikkhū pasaṃsati. Tena vuttaṃ – ‘‘yassaṃ disāyaṃ vaggumudātīriyā bhikkhū viharantī’’ti. Appaṭikūlāti na paṭikūlā, manāpā manoharāti attho. Yasmiñhi padese sīlādiguṇasampannā mahesino viharanti, taṃ kiñcāpi ukkūlavikūlavisamaduggākāraṃ, atha kho manuññaṃ ramaṇīyameva. Vuttañhetaṃ –
‘‘คาเม วา ยทิ วารเญฺญ, นิเนฺน วา ยทิ วา ถเล;
‘‘Gāme vā yadi vāraññe, ninne vā yadi vā thale;
ยตฺถ อรหโนฺต วิหรนฺติ, ตํ ภูมิรามเณยฺยก’’นฺติฯ (ธ. ป. ๙๘);
Yattha arahanto viharanti, taṃ bhūmirāmaṇeyyaka’’nti. (dha. pa. 98);
ปหิเณยฺยาสีติ เปเสยฺยาสิฯ สตฺถา อายสฺมนฺตานํ ทสฺสนกาโมติ เตสํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ปเหณาการทสฺสนํฯ อิติ ภควา ยทตฺถํ เต ภิกฺขู ปณาเมสิ, ตมตฺถํ มตฺถกปฺปตฺตํ ทิสฺวา อารทฺธจิโตฺต เตสํ ทสฺสนกามตํ เถรสฺส อาโรเจสิฯ เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘อหํ อิเม อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทกรเณ ปณาเมสฺสามิ, อถ เต ภโทฺร อสฺสาชานีโย วิย กสาภิฆาเตน, เตน โจทิตา สํเวคปฺปตฺตา มมาราธนตฺถํ อรญฺญํ ปวิสิตฺวา ฆเฎนฺตา วายมนฺตา ขิปฺปเมว อรหตฺตํ สจฺฉิกริสฺสนฺตี’’ติฯ อิทานิ เต อคฺคผลปฺปเตฺต ทิสฺวา ตาย อรหตฺตปฺปตฺติยา อาราธิตจิโตฺต เตสํ ทสฺสนกาโม หุตฺวา เอวํ ธมฺมภณฺฑาคาริกํ อาณาเปสิฯ
Pahiṇeyyāsīti peseyyāsi. Satthā āyasmantānaṃ dassanakāmoti tesaṃ bhikkhūnaṃ santike paheṇākāradassanaṃ. Iti bhagavā yadatthaṃ te bhikkhū paṇāmesi, tamatthaṃ matthakappattaṃ disvā āraddhacitto tesaṃ dassanakāmataṃ therassa ārocesi. Evaṃ kirassa ahosi ‘‘ahaṃ ime uccāsaddamahāsaddakaraṇe paṇāmessāmi, atha te bhadro assājānīyo viya kasābhighātena, tena coditā saṃvegappattā mamārādhanatthaṃ araññaṃ pavisitvā ghaṭentā vāyamantā khippameva arahattaṃ sacchikarissantī’’ti. Idāni te aggaphalappatte disvā tāya arahattappattiyā ārādhitacitto tesaṃ dassanakāmo hutvā evaṃ dhammabhaṇḍāgārikaṃ āṇāpesi.
โส ภิกฺขูติ อานนฺทเตฺถเรน ตถา อาณโตฺต ฉฬภิโญฺญ เอโก ภิกฺขุฯ ปมุเขติ สมฺมุเขฯ อาเนญฺชสมาธินาติ จตุตฺถชฺฌานปาทเกน อคฺคผลสมาธินา, ‘‘อรูปชฺฌานปาทเกนา’’ติปิ วทนฺติฯ ‘‘อาเนเญฺชน สมาธินา’’ติปิ ปาโฐฯ กสฺมา ปน ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ อาคมนํ ชานโนฺต ปฎิสนฺถารํ อกตฺวา สมาปตฺติํเยว สมาปชฺชิ? เตสํ อตฺตนา สมาปนฺนสมาปตฺติํ ชานิตฺวา สมาปชฺชนตฺถํ, เตสํ ปุเพฺพ ปณามิตานํ อิทานิ อตฺตนา สมานสโมฺภคทสฺสนตฺถํ, อานุภาวทีปนตฺถํ, วินา วจีเภเทน อญฺญพฺยากรณทีปนตฺถญฺจฯ อปเร ปนาหุ ‘‘ปุเพฺพ ปณามิตานํ อิทานิ อตฺตโน สนฺติกํ อาคตานํ อนุตฺตรสุขุปฺปาทเนน อนญฺญสาธารณปฎิสนฺถารกรณตฺถ’’นฺติฯ เตปิ อายสฺมโนฺต ภควโต อชฺฌาสยํ ญตฺวา ตํเยว สมาปตฺติํ สมาปชฺชิํสุฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘กตเมน นุ โข ภควา วิหาเรน เอตรหิ วิหรตี’’ติอาทิฯ
So bhikkhūti ānandattherena tathā āṇatto chaḷabhiñño eko bhikkhu. Pamukheti sammukhe. Āneñjasamādhināti catutthajjhānapādakena aggaphalasamādhinā, ‘‘arūpajjhānapādakenā’’tipi vadanti. ‘‘Āneñjena samādhinā’’tipi pāṭho. Kasmā pana bhagavā tesaṃ bhikkhūnaṃ āgamanaṃ jānanto paṭisanthāraṃ akatvā samāpattiṃyeva samāpajji? Tesaṃ attanā samāpannasamāpattiṃ jānitvā samāpajjanatthaṃ, tesaṃ pubbe paṇāmitānaṃ idāni attanā samānasambhogadassanatthaṃ, ānubhāvadīpanatthaṃ, vinā vacībhedena aññabyākaraṇadīpanatthañca. Apare panāhu ‘‘pubbe paṇāmitānaṃ idāni attano santikaṃ āgatānaṃ anuttarasukhuppādanena anaññasādhāraṇapaṭisanthārakaraṇattha’’nti. Tepi āyasmanto bhagavato ajjhāsayaṃ ñatvā taṃyeva samāpattiṃ samāpajjiṃsu. Tena vuttaṃ – ‘‘katamena nu kho bhagavā vihārena etarahi viharatī’’tiādi.
เอตฺถ จ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ โกสชฺชาทีนํ ปาริปนฺติกธมฺมานํ สุวิทูรภาวโต อิทฺธิยา มูลภูเตหิ อโนณมนาทีหิ โสฬสหิ โวทานธเมฺมหิ สมนฺนาคมนโต อาเนญฺชปฺปตฺตํ สยํ อนิญฺชนเฎฺฐน อาเนญฺชนฺติ วุจฺจติฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Ettha ca rūpāvacaracatutthajjhānaṃ kosajjādīnaṃ pāripantikadhammānaṃ suvidūrabhāvato iddhiyā mūlabhūtehi anoṇamanādīhi soḷasahi vodānadhammehi samannāgamanato āneñjappattaṃ sayaṃ aniñjanaṭṭhena āneñjanti vuccati. Vuttañhetaṃ –
‘‘อโนณตํ จิตฺตํ โกสเชฺช น อิญฺชตีติ อาเนญฺชํฯ อนุณฺณตํ จิตฺตํ อุทฺธเจฺจ น อิญฺชตีติ อาเนญฺชํฯ อนภิรตํ จิตฺตํ ราเค น อิญฺชตีติ อาเนญฺชํฯ อนปนตํ จิตฺตํ พฺยาปาเท น อิญฺชตีติ อาเนญฺชํฯ อนิสฺสิตํ จิตฺตํ ทิฎฺฐิยา น อิญฺชตีติ อาเนญฺชํฯ อปฺปฎิพทฺธํ จิตฺตํ ฉนฺทราเค น อิญฺชตีติ อาเนญฺชํฯ วิปฺปมุตฺตํ จิตฺตํ กามราเค น อิญฺชตีติ อาเนญฺชํฯ วิสํยุตฺตํ จิตฺตํ กิเลเส น อิญฺชตีติ อาเนญฺชํฯ วิมริยาทิกตํ จิตฺตํ กิเลสมริยาทาย น อิญฺชตีติ อาเนญฺชํฯ เอกตฺตคตํ จิตฺตํ นานตฺตกิเลเส น อิญฺชตีติ อาเนญฺชํฯ สทฺธาย ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ อสฺสทฺธิเย น อิญฺชตีติ อาเนญฺชํฯ วีริเยน ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ โกสเชฺช น อิญฺชตีติ อาเนญฺชํฯ สติยา ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ ปมาเท น อิญฺชตีติ อาเนญฺชํฯ สมาธินา ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ อุทฺธเจฺจ น อิญฺชตีติ อาเนญฺชํฯ ปญฺญาย ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ อวิชฺชาย น อิญฺชตีติ อาเนญฺชํฯ โอภาสคตํ จิตฺตํ อวิชฺชนฺธกาเร น อิญฺชตีติ อาเนญฺช’’นฺติฯ
‘‘Anoṇataṃ cittaṃ kosajje na iñjatīti āneñjaṃ. Anuṇṇataṃ cittaṃ uddhacce na iñjatīti āneñjaṃ. Anabhirataṃ cittaṃ rāge na iñjatīti āneñjaṃ. Anapanataṃ cittaṃ byāpāde na iñjatīti āneñjaṃ. Anissitaṃ cittaṃ diṭṭhiyā na iñjatīti āneñjaṃ. Appaṭibaddhaṃ cittaṃ chandarāge na iñjatīti āneñjaṃ. Vippamuttaṃ cittaṃ kāmarāge na iñjatīti āneñjaṃ. Visaṃyuttaṃ cittaṃ kilese na iñjatīti āneñjaṃ. Vimariyādikataṃ cittaṃ kilesamariyādāya na iñjatīti āneñjaṃ. Ekattagataṃ cittaṃ nānattakilese na iñjatīti āneñjaṃ. Saddhāya pariggahitaṃ cittaṃ assaddhiye na iñjatīti āneñjaṃ. Vīriyena pariggahitaṃ cittaṃ kosajje na iñjatīti āneñjaṃ. Satiyā pariggahitaṃ cittaṃ pamāde na iñjatīti āneñjaṃ. Samādhinā pariggahitaṃ cittaṃ uddhacce na iñjatīti āneñjaṃ. Paññāya pariggahitaṃ cittaṃ avijjāya na iñjatīti āneñjaṃ. Obhāsagataṃ cittaṃ avijjandhakāre na iñjatīti āneñja’’nti.
รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานเมว จ รูปวิราคภาวนาวเสน ปวตฺติตํ, อารมฺมณวิภาเคน จตุพฺพิธํ อรูปาวจรชฺฌานนฺติ เอเตสํ ปญฺจนฺนํ ฌานานํ อาเนญฺชโวหาโรฯ เตสํ ยํ กิญฺจิ ปาทกํ กตฺวา สมาปนฺนา อรหตฺตผลสมาปตฺติ อาเนญฺชสมาธีติ โปราณาฯ
Rūpāvacaracatutthajjhānameva ca rūpavirāgabhāvanāvasena pavattitaṃ, ārammaṇavibhāgena catubbidhaṃ arūpāvacarajjhānanti etesaṃ pañcannaṃ jhānānaṃ āneñjavohāro. Tesaṃ yaṃ kiñci pādakaṃ katvā samāpannā arahattaphalasamāpatti āneñjasamādhīti porāṇā.
อภิกฺกนฺตายาติ อตีตายฯ นิกฺขเนฺตติ นิคฺคเต, อปคเตติ อโตฺถฯ ตุณฺหี อโหสีติ ภควา อริเยน ตุณฺหีภาเวน ตุณฺหี อโหสิฯ อุทฺธเสฺต อรุเณติ อุคฺคเต อรุเณ, อรุโณ นาม ปุรตฺถิมทิสาย สูริโยทยโต ปุเรตรเมว อุฎฺฐิโตภาโสฯ นนฺทิมุขิยาติ รตฺติยา อรุณสฺส อุคฺคตตฺตา เอว อรุณปฺปภาย สูริยาโลกูปชีวิโน สเตฺต นนฺทาปนมุขิยา วิย รตฺติยา ชาตาย, วิภายมานายาติ อโตฺถฯ
Abhikkantāyāti atītāya. Nikkhanteti niggate, apagateti attho. Tuṇhī ahosīti bhagavā ariyena tuṇhībhāvena tuṇhī ahosi. Uddhaste aruṇeti uggate aruṇe, aruṇo nāma puratthimadisāya sūriyodayato puretarameva uṭṭhitobhāso. Nandimukhiyāti rattiyā aruṇassa uggatattā eva aruṇappabhāya sūriyālokūpajīvino satte nandāpanamukhiyā viya rattiyā jātāya, vibhāyamānāyāti attho.
ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐหิตฺวาติ ยถาปริเจฺฉทํ ตโต อาเนญฺชสมาธิโต อรหตฺตผลสมาปตฺติโต อุฎฺฐายฯ สเจ โข ตฺวํ, อานนฺท, ชาเนยฺยาสีติ ภควา ‘‘อิเม จ ภิกฺขู เอตฺตกํ กาลํ อิมินา นาม สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺตี’’ติ, อานนฺท, ยทิ ตฺวํ ชาเนยฺยาสิฯ เอตฺตกมฺปิ เต นปฺปฎิภาเสยฺยาติ โลกิยปฎิสโมฺมทนํ สนฺธาย ยทิทํ เต ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภเนฺต, รตฺตี’’ติอาทินา ติกฺขตฺตุํ ปฎิภานํ อุปฎฺฐิตํ, ตยิทํ เอตฺตกมฺปิ เต น อุปฎฺฐเหยฺยฯ ยสฺมา จ โข ตฺวํ, อานนฺท, เสโกฺข อเสกฺขํ สมาปตฺติวิหารํ น ชานาสิ, ตสฺมา มํ อิเมสํ ภิกฺขูนํ โลกิยปฎิสโมฺมทนํ กาเรตุํ อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชิฯ อหํ ปน อิเมหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ โลกุตฺตรปฎิสโมฺมทเนเนว ติยามรตฺติํ วีตินาเมสินฺติ ทเสฺสโนฺต ภควา อาห – ‘‘อหญฺจ, อานนฺท, อิมานิ จ ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ สเพฺพว อาเนญฺชสมาธินา นิสีทิมฺหา’’ติฯ
Tamhā samādhimhā vuṭṭhahitvāti yathāparicchedaṃ tato āneñjasamādhito arahattaphalasamāpattito uṭṭhāya. Sace kho tvaṃ, ānanda, jāneyyāsīti bhagavā ‘‘ime ca bhikkhū ettakaṃ kālaṃ iminā nāma samāpattisukhena vītināmentī’’ti, ānanda, yadi tvaṃ jāneyyāsi. Ettakampi te nappaṭibhāseyyāti lokiyapaṭisammodanaṃ sandhāya yadidaṃ te ‘‘abhikkantā, bhante, rattī’’tiādinā tikkhattuṃ paṭibhānaṃ upaṭṭhitaṃ, tayidaṃ ettakampi te na upaṭṭhaheyya. Yasmā ca kho tvaṃ, ānanda, sekkho asekkhaṃ samāpattivihāraṃ na jānāsi, tasmā maṃ imesaṃ bhikkhūnaṃ lokiyapaṭisammodanaṃ kāretuṃ ussukkaṃ āpajji. Ahaṃ pana imehi bhikkhūhi saddhiṃ lokuttarapaṭisammodaneneva tiyāmarattiṃ vītināmesinti dassento bhagavā āha – ‘‘ahañca, ānanda, imāni ca pañca bhikkhusatāni sabbeva āneñjasamādhinā nisīdimhā’’ti.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ เตสํ ภิกฺขูนํ อตฺตนา สมํ อาเนญฺชสมาธิสมาปชฺชนสมตฺถตาสงฺขาตํ วสีภาวตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวาฯ อิมํ อุทานนฺติ อิมํ เตสํ ภิกฺขูนํ อนวเสสราคาทิปฺปหานสํสิทฺธิตาทิสภาวทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิฯ
Etamatthaṃ viditvāti etaṃ tesaṃ bhikkhūnaṃ attanā samaṃ āneñjasamādhisamāpajjanasamatthatāsaṅkhātaṃ vasībhāvatthaṃ sabbākārato viditvā. Imaṃ udānanti imaṃ tesaṃ bhikkhūnaṃ anavasesarāgādippahānasaṃsiddhitādisabhāvadīpanaṃ udānaṃ udānesi.
ตตฺถ ยสฺส ชิโต กามกณฺฑโกติ กุสลปกฺขวิชฺฌนเฎฺฐน กณฺฑกภูโต กิเลสกาโม เยน อริยปุคฺคเลน อนวเสสํ ชิโต ปหีโน, เอเตนสฺส อนุนยาภาวํ ทเสฺสติฯ ‘‘คามกณฺฎโก’’ติปิ ปาโฐฯ ตสฺสโตฺถ – คาเม กณฺฎโก กณฺฎกฎฺฐานิโย สกโล วตฺถุกาโม ยสฺส ชิโตติฯ ชโย จสฺส ตปฺปฎิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนเนว เวทิตโพฺพ, เตน เตสํ อนาคามิมโคฺค วุโตฺต โหติ ฯ อโกฺกโส จ ชิโตติ สมฺพโนฺธฯ วโธ จ พนฺธนญฺจาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ เตสุ อโกฺกสชเยน วจีทุจฺจริตาภาโว, อิตเรน กายทุจฺจริตาภาโว ทสฺสิโตฯ เตน ตํนิมิตฺตกสฺส พฺยาปาทสฺส อนวเสสปฺปหาเนน ตติยมโคฺค วุโตฺต โหติฯ อถ วา อโกฺกสาทิชยวจเนน ตติยมโคฺค วุโตฺต โหติ, อโกฺกสาทีนํ อจฺจนฺตขมนํ ตตฺถ ปกาสิตํ โหติ, อุภยถาปิ เนสํ วิโรธาภาวํ ทเสฺสติฯ ปพฺพโต วิย โส ฐิโต อเนโชติ เอชา วุจฺจติ จลนกิเลสปริปโนฺถ, เอชาเหตูนํ อวเสสกิเลสานํ อภาเวน อเนโช, อเนชตฺตาเยว สพฺพกิเลเสหิ ปรวาทวาเตหิ จ อกมฺปนียตฺตา ฐิโต เอกคฺฆนปพฺพตสทิโสฯ สุขทุเกฺขสุ น เวธติ ส ภิกฺขูติ โส ภินฺนกิเลโส ภิกฺขุ สุขทุกฺขนิมิตฺตํ น กมฺปตีติ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อิติ ภควา เตสํ ปญฺจสตานํ ภิกฺขูนํ อรหตฺตาธิคเมน ตาทิภาวปฺปตฺติํ เอกชฺฌํ กตฺวา เอกปุคฺคลาธิฎฺฐานํ อุทานํ อุทาเนสีติฯ
Tattha yassa jito kāmakaṇḍakoti kusalapakkhavijjhanaṭṭhena kaṇḍakabhūto kilesakāmo yena ariyapuggalena anavasesaṃ jito pahīno, etenassa anunayābhāvaṃ dasseti. ‘‘Gāmakaṇṭako’’tipi pāṭho. Tassattho – gāme kaṇṭako kaṇṭakaṭṭhāniyo sakalo vatthukāmo yassa jitoti. Jayo cassa tappaṭibaddhachandarāgappahāneneva veditabbo, tena tesaṃ anāgāmimaggo vutto hoti . Akkoso ca jitoti sambandho. Vadho ca bandhanañcāti etthāpi eseva nayo. Tesu akkosajayena vacīduccaritābhāvo, itarena kāyaduccaritābhāvo dassito. Tena taṃnimittakassa byāpādassa anavasesappahānena tatiyamaggo vutto hoti. Atha vā akkosādijayavacanena tatiyamaggo vutto hoti, akkosādīnaṃ accantakhamanaṃ tattha pakāsitaṃ hoti, ubhayathāpi nesaṃ virodhābhāvaṃ dasseti. Pabbatoviya so ṭhito anejoti ejā vuccati calanakilesaparipantho, ejāhetūnaṃ avasesakilesānaṃ abhāvena anejo, anejattāyeva sabbakilesehi paravādavātehi ca akampanīyattā ṭhito ekagghanapabbatasadiso. Sukhadukkhesu na vedhati sa bhikkhūti so bhinnakileso bhikkhu sukhadukkhanimittaṃ na kampatīti heṭṭhā vuttanayeneva attho veditabbo. Iti bhagavā tesaṃ pañcasatānaṃ bhikkhūnaṃ arahattādhigamena tādibhāvappattiṃ ekajjhaṃ katvā ekapuggalādhiṭṭhānaṃ udānaṃ udānesīti.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๓. ยโสชสุตฺตํ • 3. Yasojasuttaṃ