Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๙. ยโสชเตฺถรคาถาวณฺณนา
9. Yasojattheragāthāvaṇṇanā
กาลปพฺพงฺคสงฺกาโสติ อายสฺมโต ยโสชเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล อารามโคปกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต เอกทิวสํ วิปสฺสิํ ภควนฺตํ อากาเสน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ลพุชผลํ อทาสิฯ
Kālapabbaṅgasaṅkāsoti āyasmato yasojattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto vipassissa bhagavato kāle ārāmagopakakule nibbattitvā viññutaṃ patto ekadivasaṃ vipassiṃ bhagavantaṃ ākāsena gacchantaṃ disvā pasannamānaso labujaphalaṃ adāsi.
โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถินครทฺวาเร เกวฎฺฎคาเม ปญฺจกุลสตเชฎฺฐกสฺส เกวฎฺฎสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ยโสโชติสฺส นามํ อกํสุฯ โส วยปฺปโตฺต อตฺตโน สหาเยหิ เกวฎฺฎปุเตฺตหิ สทฺธิํ มจฺฉคหณตฺถํ อจิรวติยํ นทิยํ ชาลํ ขิปิฯ ตเตฺถโก สุวณฺณวโณฺณ มหามโจฺฉ อโนฺตชาลํ ปาวิสิฯ ตํ เต รโญฺญ ปเสนทิสฺส ทเสฺสสุํ ฯ ราชา ‘‘อิมสฺส สุวณฺณวณฺณสฺส มจฺฉสฺส วณฺณการณํ ภควา ชานาตี’’ติ มจฺฉํ คาหาเปตฺวา ภควโต ทเสฺสสิฯ ภควา ‘‘อยํ กสฺสปสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน โอสกฺกมาเน ปพฺพชิตฺวา มิจฺฉา ปฎิปชฺชโนฺต สาสนํ โอสกฺกาเปตฺวา นิรเย นิพฺพโตฺต เอกํ พุทฺธนฺตรํ นิรเย ปจฺจิตฺวา ตโต จุโต อจิรวติยํ มโจฺฉ หุตฺวา นิพฺพโตฺต’’ติ วตฺวา ตสฺส ภคินีนญฺจ นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ, ตสฺส ภาติกเตฺถรสฺส ปรินิพฺพุตภาวญฺจ เตเนว กถาเปตฺวา อิมิสฺสา อฎฺฐุปฺปตฺติยา กปิลสุตฺตํ เทเสสิฯ
So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthinagaradvāre kevaṭṭagāme pañcakulasatajeṭṭhakassa kevaṭṭassa putto hutvā nibbatti, yasojotissa nāmaṃ akaṃsu. So vayappatto attano sahāyehi kevaṭṭaputtehi saddhiṃ macchagahaṇatthaṃ aciravatiyaṃ nadiyaṃ jālaṃ khipi. Tattheko suvaṇṇavaṇṇo mahāmaccho antojālaṃ pāvisi. Taṃ te rañño pasenadissa dassesuṃ . Rājā ‘‘imassa suvaṇṇavaṇṇassa macchassa vaṇṇakāraṇaṃ bhagavā jānātī’’ti macchaṃ gāhāpetvā bhagavato dassesi. Bhagavā ‘‘ayaṃ kassapassa sammāsambuddhassa sāsane osakkamāne pabbajitvā micchā paṭipajjanto sāsanaṃ osakkāpetvā niraye nibbatto ekaṃ buddhantaraṃ niraye paccitvā tato cuto aciravatiyaṃ maccho hutvā nibbatto’’ti vatvā tassa bhaginīnañca niraye nibbattabhāvaṃ, tassa bhātikattherassa parinibbutabhāvañca teneva kathāpetvā imissā aṭṭhuppattiyā kapilasuttaṃ desesi.
สตฺถุ เทสนํ สุตฺวา ยโสโช สํเวคชาโต สทฺธิํ อตฺตโน สหาเยหิ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ปติรูเป ฐาเน วสโนฺต เอกทิวสํ สปริโส ภควนฺตํ วนฺทิตุํ เชตวนํ อคมาสิฯ ตสฺส อาคมเน เสนาสนปญฺญาปนาทินา วิหาเร อุจฺจาสทฺทมหาสโทฺท อโหสิฯ ตํ สุตฺวา ‘‘ภควา สปริสํ ยโสชํ ปณาเมสี’’ติ (อุทา. ๒๓) สพฺพํ อุทาเน อาคตนเยน เวทิตพฺพํฯ ปณามิโต ปน อายสฺมา ยโสโช กสาภิหโต ภโทฺท อสฺสาชานีโย วิย สํวิคฺคมานโส สทฺธิํ ปริสาย วคฺคุมุทาย นทิยา ตีเร วสโนฺต ฆเฎโนฺต วายมโนฺต วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อโนฺตวเสฺสเยว ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๗.๓๒-๓๙) –
Satthu desanaṃ sutvā yasojo saṃvegajāto saddhiṃ attano sahāyehi bhagavato santike pabbajitvā patirūpe ṭhāne vasanto ekadivasaṃ sapariso bhagavantaṃ vandituṃ jetavanaṃ agamāsi. Tassa āgamane senāsanapaññāpanādinā vihāre uccāsaddamahāsaddo ahosi. Taṃ sutvā ‘‘bhagavā saparisaṃ yasojaṃ paṇāmesī’’ti (udā. 23) sabbaṃ udāne āgatanayena veditabbaṃ. Paṇāmito pana āyasmā yasojo kasābhihato bhaddo assājānīyo viya saṃviggamānaso saddhiṃ parisāya vaggumudāya nadiyā tīre vasanto ghaṭento vāyamanto vipassanaṃ vaḍḍhetvā antovasseyeva chaḷabhiñño ahosi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.47.32-39) –
‘‘นคเร พนฺธุมติยา, อารามิโก อหํ ตทา;
‘‘Nagare bandhumatiyā, ārāmiko ahaṃ tadā;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, คจฺฉนฺตํ อนิลญฺชเสฯ
Addasaṃ virajaṃ buddhaṃ, gacchantaṃ anilañjase.
‘‘ลพุชํ ผลมาทาย, พุทฺธเสฎฺฐสฺสทาสหํ;
‘‘Labujaṃ phalamādāya, buddhaseṭṭhassadāsahaṃ;
อากาเสว ฐิโต สโนฺต, ปฎิคฺคณฺหิ มหายโสฯ
Ākāseva ṭhito santo, paṭiggaṇhi mahāyaso.
‘‘วิตฺติสญฺชานโน มยฺหํ, ทิฎฺฐธมฺมสุขาวโห;
‘‘Vittisañjānano mayhaṃ, diṭṭhadhammasukhāvaho;
ผลํ พุทฺธสฺส ทตฺวาน, วิปฺปสเนฺนน เจตสาฯ
Phalaṃ buddhassa datvāna, vippasannena cetasā.
‘‘อธิคญฺฉิํ ตทา ปีติํ, วิปุลํ สุขมุตฺตมํ;
‘‘Adhigañchiṃ tadā pītiṃ, vipulaṃ sukhamuttamaṃ;
อุปฺปชฺชเตว รตนํ, นิพฺพตฺตสฺส ตหิํ ตหิํฯ
Uppajjateva ratanaṃ, nibbattassa tahiṃ tahiṃ.
‘‘เอกนวุติโต กเปฺป, ยํ ผลํ อททิํ ตทา;
‘‘Ekanavutito kappe, yaṃ phalaṃ adadiṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, phaladānassidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
ฉฬภิญฺญํ ปน สมานํ สปริสํ อายสฺมนฺตํ ยโสชํ สตฺถา ปโกฺกสิตฺวา อาเนญฺชสมาปตฺตินา ปฎิสนฺถารมกาสิฯ โส สเพฺพปิ ธุตงฺคธเมฺม สมาทาย วตฺตติฯ เตนสฺส สรีรํ กิสํ อโหสิ ลูขํ ทุพฺพณฺณํ, ตํ ภควา ปรมปฺปิจฺฉตาย ปสํสโนฺต –
Chaḷabhiññaṃ pana samānaṃ saparisaṃ āyasmantaṃ yasojaṃ satthā pakkositvā āneñjasamāpattinā paṭisanthāramakāsi. So sabbepi dhutaṅgadhamme samādāya vattati. Tenassa sarīraṃ kisaṃ ahosi lūkhaṃ dubbaṇṇaṃ, taṃ bhagavā paramappicchatāya pasaṃsanto –
๒๔๓.
243.
‘‘กาลปพฺพงฺคสงฺกาโส , กิโส ธมนิสนฺถโต;
‘‘Kālapabbaṅgasaṅkāso , kiso dhamanisanthato;
มตฺตญฺญู อนฺนปานมฺหิ, อทีนมานโส นโร’’ติฯ – ปฐมํ คาถมาห;
Mattaññū annapānamhi, adīnamānaso naro’’ti. – paṭhamaṃ gāthamāha;
ตตฺถ กาลปพฺพงฺคสงฺกาโสติ มํสูปจยวิคเมน กิสทุสณฺฐิตสรีราวยวตาย ทนฺติลตาปพฺพสทิสโงฺค, เตนาห ‘‘กิโส ธมนิสนฺถโต’’ติฯ กิโสติ โมเนยฺยปฎิปทาปูรเณน กิสสรีโรฯ ธมนิสนฺถโตติ ธมนีหิ สนฺถตคโตฺต อปฺปมํสโลหิตตาย ปากฎีหิ กณฺฑรสิราหิ วิตตสรีโรฯ มตฺตญฺญูติ ปริเยสนปฎิคฺคหณปริโภควิสฺสชฺชเนสุ ปมาณญฺญูฯ อทีนมานโสติ โกสชฺชาทีหิ อนภิภูตตฺตา อลีนจิโตฺต อกุสีตวุตฺติฯ นโรติ ปุริโส, โปริสสฺส ธุรสฺส วหนโต โปริสลกฺขณสมฺปโนฺน ปุริสโธรโยฺหติ อธิปฺปาโยฯ
Tattha kālapabbaṅgasaṅkāsoti maṃsūpacayavigamena kisadusaṇṭhitasarīrāvayavatāya dantilatāpabbasadisaṅgo, tenāha ‘‘kiso dhamanisanthato’’ti. Kisoti moneyyapaṭipadāpūraṇena kisasarīro. Dhamanisanthatoti dhamanīhi santhatagatto appamaṃsalohitatāya pākaṭīhi kaṇḍarasirāhi vitatasarīro. Mattaññūti pariyesanapaṭiggahaṇaparibhogavissajjanesu pamāṇaññū. Adīnamānasoti kosajjādīhi anabhibhūtattā alīnacitto akusītavutti. Naroti puriso, porisassa dhurassa vahanato porisalakkhaṇasampanno purisadhorayhoti adhippāyo.
เอวํ เถโร สตฺถารา ปสโฎฺฐ ปสฎฺฐภาวานุรูปํ อตฺตโน อธิวาสนขนฺติวีริยารมฺภวิเวกาภิรติกิตฺตนมุเขน ภิกฺขูนํ ธมฺมํ กเถโนฺต –
Evaṃ thero satthārā pasaṭṭho pasaṭṭhabhāvānurūpaṃ attano adhivāsanakhantivīriyārambhavivekābhiratikittanamukhena bhikkhūnaṃ dhammaṃ kathento –
๒๔๔.
244.
‘‘ผุโฎฺฐ ฑํเสหิ มกเสหิ, อรญฺญสฺมิํ พฺรหาวเน;
‘‘Phuṭṭho ḍaṃsehi makasehi, araññasmiṃ brahāvane;
นาโค สงฺคามสีเสว, สโต ตตฺราธิวาสเยฯ
Nāgo saṅgāmasīseva, sato tatrādhivāsaye.
๒๔๕.
245.
‘‘ยถา พฺรหฺมา ตถา เอโก, ยถา เทโว ตถา ทุเว;
‘‘Yathā brahmā tathā eko, yathā devo tathā duve;
ยถา คาโม ตถา ตโย, โกลาหลํ ตตุตฺตริ’’นฺติฯ –
Yathā gāmo tathā tayo, kolāhalaṃ tatuttari’’nti. –
อิมา เทฺว คาถา อภาสิฯ
Imā dve gāthā abhāsi.
ตตฺถ นาโค สงฺคามสีเสวาติ ยถา นาม อาชาเนโยฺย หตฺถินาโค ยุทฺธมณฺฑเล อสิสตฺติโตมราทิปฺปหาเร อธิวาเสตฺวา ปรเสนํ วิทฺธํเสติ, เอวํ ภิกฺขุ อรญฺญสฺมิํ พฺรหาวเน อรญฺญานิยํ ฑํสาทิปริสฺสเย สโต สมฺปชาโน อธิวาเสยฺย, อธิวาเสตฺวา จ ภาวนาพเลน มารพลํ วิธเมยฺยฯ
Tattha nāgo saṅgāmasīsevāti yathā nāma ājāneyyo hatthināgo yuddhamaṇḍale asisattitomarādippahāre adhivāsetvā parasenaṃ viddhaṃseti, evaṃ bhikkhu araññasmiṃ brahāvane araññāniyaṃ ḍaṃsādiparissaye sato sampajāno adhivāseyya, adhivāsetvā ca bhāvanābalena mārabalaṃ vidhameyya.
ยถา พฺรหฺมาติ ยถา พฺรหฺมา เอกโก จิตฺตปฺปโกปรหิโต ฌานสุเขน นิจฺจเมว สุขิโต วิหรติ ตถา เอโกติ ภิกฺขุปิ เอโก อทุติโย วิเวกสุขมนุพฺรูเหโนฺต สุขํ วิหรติฯ เอกสฺส สามญฺญสุขํ ปณีตนฺติ หิ วุตฺตํฯ เอเตน เอกวิหารี ภิกฺขุ ‘‘พฺรหฺมสโม’’ติ โอวาทํ เทติฯ ยถา เทโว ตถา ทุเวติ ยถา เทวานํ อนฺตรนฺตรา จิตฺตปฺปโกโปปิ สิยา, ตถา ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ สหวาเส ฆฎฺฎนาปิ ภเวยฺยาติ สทุติยวาเสน ภิกฺขุ ‘‘เทวสโม’’ติ วุโตฺตฯ ยถา คาโม ตถา ตโยติ อสฺมิเมว ปาเฐ ติณฺณํ ภิกฺขูนํ สหวาโส คามวาสสทิโส วิเวกวาโส น โหตีติ อธิปฺปาโย ฯ โกลาหลํ ตตุตฺตรินฺติ ตโต ตยโต อุปริ จ พหูนํ สํวาโส โกลาหลํ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทมหาชนสนฺนิปาตสทิโส, ตสฺมา เอกวิหารินา ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยติฯ
Yathā brahmāti yathā brahmā ekako cittappakoparahito jhānasukhena niccameva sukhito viharati tathā ekoti bhikkhupi eko adutiyo vivekasukhamanubrūhento sukhaṃ viharati. Ekassa sāmaññasukhaṃ paṇītanti hi vuttaṃ. Etena ekavihārī bhikkhu ‘‘brahmasamo’’ti ovādaṃ deti. Yathā devo tathā duveti yathā devānaṃ antarantarā cittappakopopi siyā, tathā dvinnaṃ bhikkhūnaṃ sahavāse ghaṭṭanāpi bhaveyyāti sadutiyavāsena bhikkhu ‘‘devasamo’’ti vutto. Yathā gāmo tathā tayoti asmimeva pāṭhe tiṇṇaṃ bhikkhūnaṃ sahavāso gāmavāsasadiso vivekavāso na hotīti adhippāyo . Kolāhalaṃ tatuttarinti tato tayato upari ca bahūnaṃ saṃvāso kolāhalaṃ uccāsaddamahāsaddamahājanasannipātasadiso, tasmā ekavihārinā bhavitabbanti adhippāyoti.
ยโสชเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Yasojattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๙. ยโสชเตฺถรคาถา • 9. Yasojattheragāthā