Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กถาวตฺถุปาฬิ • Kathāvatthupāḷi |
๓. ตติยวโคฺค
3. Tatiyavaggo
(๒๙) ๙. ยถากมฺมูปคตญาณกถา
(29) 9. Yathākammūpagatañāṇakathā
๓๗๗. ยถากมฺมูปคตํ ญาณํ 1 ทิพฺพจกฺขุนฺติ? อามนฺตาฯ ยถากมฺมูปคตญฺจ มนสิ กโรติ, ทิเพฺพน จกฺขุนา รูปํ ปสฺสตีติ? น เหวํ วตฺตเพฺพ…เป.…ฯ
377. Yathākammūpagataṃ ñāṇaṃ 2 dibbacakkhunti? Āmantā. Yathākammūpagatañca manasi karoti, dibbena cakkhunā rūpaṃ passatīti? Na hevaṃ vattabbe…pe….
ยถากมฺมูปคตญฺจ มนสิ กโรติ, ทิเพฺพน จกฺขุนา รูปํ ปสฺสตีติ? อามนฺตาฯ ทฺวินฺนํ ผสฺสานํ ทฺวินฺนํ จิตฺตานํ สโมธานํ โหตีติ? น เหวํ วตฺตเพฺพ…เป.…ฯ
Yathākammūpagatañca manasi karoti, dibbena cakkhunā rūpaṃ passatīti? Āmantā. Dvinnaṃ phassānaṃ dvinnaṃ cittānaṃ samodhānaṃ hotīti? Na hevaṃ vattabbe…pe….
ยถากมฺมูปคตํ ญาณํ ทิพฺพจกฺขุนฺติ? อามนฺตาฯ ‘‘อิเม วต โภโนฺต สตฺตา’’ติ จ มนสิ กโรติ, ‘‘กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา’’ติ จ มนสิ กโรติ, ‘‘วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา’’ติ จ มนสิ กโรติ, ‘‘มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา’’ติ จ มนสิ กโรติ, ‘‘อริยานํ อุปวาทกา’’ติ จ มนสิ กโรติ, ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิกา’’ติ จ มนสิ กโรติ, ‘‘มิจฺฉาทิฎฺฐิกมฺมสมาทานา’’ติ จ มนสิ กโรติ, ‘‘เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา’’ติ จ มนสิ กโรติ, ‘‘อิเม วา ปน โภโนฺต สตฺตา’’ติ จ มนสิ กโรติ, ‘‘กายสุจริเตน สมนฺนาคตา’’ติ จ มนสิ กโรติ, ‘‘วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา’’ติ จ มนสิ กโรติ, ‘‘มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา’’ติ จ มนสิ กโรติ, ‘‘อริยานํ อนุปวาทกา’’ติ จ มนสิ กโรติ, ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิกา’’ติ จ มนสิ กโรติ, ‘‘สมฺมาทิฎฺฐิกมฺมสมฺมาทานา’’ติ จ มนสิ กโรติ, ‘‘เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’’ติ จ มนสิ กโรติ, ทิเพฺพน จกฺขุนา รูปํ ปสฺสตีติ? น เหวํ วตฺตเพฺพ…เป.…ฯ
Yathākammūpagataṃ ñāṇaṃ dibbacakkhunti? Āmantā. ‘‘Ime vata bhonto sattā’’ti ca manasi karoti, ‘‘kāyaduccaritena samannāgatā’’ti ca manasi karoti, ‘‘vacīduccaritena samannāgatā’’ti ca manasi karoti, ‘‘manoduccaritena samannāgatā’’ti ca manasi karoti, ‘‘ariyānaṃ upavādakā’’ti ca manasi karoti, ‘‘micchādiṭṭhikā’’ti ca manasi karoti, ‘‘micchādiṭṭhikammasamādānā’’ti ca manasi karoti, ‘‘te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapannā’’ti ca manasi karoti, ‘‘ime vā pana bhonto sattā’’ti ca manasi karoti, ‘‘kāyasucaritena samannāgatā’’ti ca manasi karoti, ‘‘vacīsucaritena samannāgatā’’ti ca manasi karoti, ‘‘manosucaritena samannāgatā’’ti ca manasi karoti, ‘‘ariyānaṃ anupavādakā’’ti ca manasi karoti, ‘‘sammādiṭṭhikā’’ti ca manasi karoti, ‘‘sammādiṭṭhikammasammādānā’’ti ca manasi karoti, ‘‘te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapannā’’ti ca manasi karoti, dibbena cakkhunā rūpaṃ passatīti? Na hevaṃ vattabbe…pe….
‘‘เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’’ติ จ มนสิ กโรติ, ทิเพฺพน จกฺขุนา รูปํ ปสฺสตีติ? อามนฺตาฯ ทฺวินฺนํ ผสฺสานํ ทฺวินฺนํ จิตฺตานํ สโมธานํ โหตีติ? น เหวํ วตฺตเพฺพ…เป.…ฯ
‘‘Te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapannā’’ti ca manasi karoti, dibbena cakkhunā rūpaṃ passatīti? Āmantā. Dvinnaṃ phassānaṃ dvinnaṃ cittānaṃ samodhānaṃ hotīti? Na hevaṃ vattabbe…pe….
๓๗๘. ยถากมฺมูปคตํ ญาณํ ทิพฺพจกฺขุนฺติ? อามนฺตาฯ อตฺถิ โกจิ อทิพฺพจกฺขุโก ทิพฺพจกฺขุํ อปฺปฎิลโทฺธ อนธิคโต อสจฺฉิกโต ยถากมฺมูปคตํ ชานาตีติ? อามนฺตาฯ หญฺจิ อตฺถิ โกจิ อทิพฺพจกฺขุโก ทิพฺพจกฺขุํ อปฺปฎิลโทฺธ อนธิคโต อสจฺฉิกโต ยถากมฺมูปคตํ ชานาติ, โน จ วต เร วตฺตเพฺพ – ‘‘ยถากมฺมูปคตํ ญาณํ ทิพฺพจกฺขุ’’นฺติฯ
378. Yathākammūpagataṃ ñāṇaṃ dibbacakkhunti? Āmantā. Atthi koci adibbacakkhuko dibbacakkhuṃ appaṭiladdho anadhigato asacchikato yathākammūpagataṃ jānātīti? Āmantā. Hañci atthi koci adibbacakkhuko dibbacakkhuṃ appaṭiladdho anadhigato asacchikato yathākammūpagataṃ jānāti, no ca vata re vattabbe – ‘‘yathākammūpagataṃ ñāṇaṃ dibbacakkhu’’nti.
ยถากมฺมูปคตํ ญาณํ ทิพฺพจกฺขุนฺติ? อามนฺตาฯ อายสฺมา สาริปุโตฺต ยถากมฺมูปคตํ ญาณํ ชานาตีติ? อามนฺตาฯ หญฺจิ อายสฺมา สาริปุโตฺต ยถากมฺมูปคตํ ญาณํ ชานาติ, โน จ วต เร วตฺตเพฺพ – ‘‘ยถากมฺมูปคตํ ญาณํ ทิพฺพจกฺขุ’’นฺติฯ
Yathākammūpagataṃ ñāṇaṃ dibbacakkhunti? Āmantā. Āyasmā sāriputto yathākammūpagataṃ ñāṇaṃ jānātīti? Āmantā. Hañci āyasmā sāriputto yathākammūpagataṃ ñāṇaṃ jānāti, no ca vata re vattabbe – ‘‘yathākammūpagataṃ ñāṇaṃ dibbacakkhu’’nti.
ยถากมฺมูปคตํ ญาณํ ทิพฺพจกฺขุนฺติ? อามนฺตาฯ อายสฺมา สาริปุโตฺต ยถากมฺมูปคตํ ญาณํ ชานาตีติ? อามนฺตาฯ อตฺถายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ทิพฺพจกฺขุนฺติ? น เหวํ วตฺตเพฺพ…เป.…ฯ
Yathākammūpagataṃ ñāṇaṃ dibbacakkhunti? Āmantā. Āyasmā sāriputto yathākammūpagataṃ ñāṇaṃ jānātīti? Āmantā. Atthāyasmato sāriputtassa dibbacakkhunti? Na hevaṃ vattabbe…pe….
อตฺถายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ทิพฺพจกฺขุนฺติ? อามนฺตาฯ นนุ อายสฺมา สาริปุโตฺต เอตทโวจ –
Atthāyasmato sāriputtassa dibbacakkhunti? Āmantā. Nanu āyasmā sāriputto etadavoca –
‘‘เนว ปุเพฺพนิวาสาย, นปิ ทิพฺพสฺส จกฺขุโน;
‘‘Neva pubbenivāsāya, napi dibbassa cakkhuno;
เจโตปริยาย อิทฺธิยา, โสตธาตุวิสุทฺธิยา;
Cetopariyāya iddhiyā, sotadhātuvisuddhiyā;
อเตฺถว สุตฺตโนฺตติ? อามนฺตาฯ เตน หิ น วตฺตพฺพํ – ‘‘ยถากมฺมูปคตํ ญาณํ ทิพฺพจกฺขุ’’นฺติฯ
Attheva suttantoti? Āmantā. Tena hi na vattabbaṃ – ‘‘yathākammūpagataṃ ñāṇaṃ dibbacakkhu’’nti.
ยถากมฺมูปคตญาณกถา นิฎฺฐิตาฯ
Yathākammūpagatañāṇakathā niṭṭhitā.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๙. ยถากมฺมูปคตญาณกถาวณฺณนา • 9. Yathākammūpagatañāṇakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๙. ยถากมฺมูปคตญาณกถาวณฺณนา • 9. Yathākammūpagatañāṇakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๙. ยถากมฺมูปคตญาณกถาวณฺณนา • 9. Yathākammūpagatañāṇakathāvaṇṇanā