Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā)

    ๑๑. ยวกลาปิสุตฺตวณฺณนา

    11. Yavakalāpisuttavaṇṇanā

    ๒๔๘. ยวปุโญฺช สุปริปกฺกยวสมุทาโยฯ กาชหตฺถาติ ทณฺฑหตฺถาฯ โปเถยฺยุนฺติ ยถา ยวสงฺขาตํ ธญฺญํ วณฺฎโต มุจฺจติ, เอวํ โปเถยฺยุํฯ ยเว สาเวตฺวาติ ยวสีสโต ยเว โปถเนน โมเจตฺวา วิเวเจตฺวาฯ

    248.Yavapuñjo suparipakkayavasamudāyo. Kājahatthāti daṇḍahatthā. Potheyyunti yathā yavasaṅkhātaṃ dhaññaṃ vaṇṭato muccati, evaṃ potheyyuṃ. Yave sāvetvāti yavasīsato yave pothanena mocetvā vivecetvā.

    จตุมหาปโถ วิย ฉ อายตนานิ อารมฺมณทณฺฑเกหิ หนนฎฺฐานตฺตาฯ ยวกลาปี วิย สโตฺต เตหิ หญฺญมานตฺตาฯ ฉ พฺยาภงฺคิโย วิย สภาวโต ฉธาปิ ปเจฺจกํ อิฎฺฐานิฎฺฐมชฺฌตฺตวเสน อฎฺฐารส อารมฺมณานิ ยวกลาปฎฺฐานิยสฺส สตฺตสฺส หนนโตฯ ภวปตฺถนาย อปราปรุปฺปตฺติํ สนฺธาย ‘‘ภวปตฺถนา กิเลสา’’ติ พหุวจนนิเทฺทโสฯ ภวปตฺถนา จ ตสฺส ปจฺจยภูตา กิเลสา จาติ ภวปตฺถนากิเลสาติ เอวํ วา เอตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ยสฺมา สตฺตานํ วฎฺฎทุกฺขํ นาม สพฺพมฺปิ ตํ ภวปตฺถนามูลกํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เอวํ สตฺตา’’ติอาทิฯ ภวปตฺถนกิเลสาติ จ ภวปตฺถนามูลกํ กิเลสํฯ

    Catumahāpatho viya cha āyatanāni ārammaṇadaṇḍakehi hananaṭṭhānattā. Yavakalāpī viya satto tehi haññamānattā. Cha byābhaṅgiyo viya sabhāvato chadhāpi paccekaṃ iṭṭhāniṭṭhamajjhattavasena aṭṭhārasa ārammaṇāni yavakalāpaṭṭhāniyassa sattassa hananato. Bhavapatthanāya aparāparuppattiṃ sandhāya ‘‘bhavapatthanā kilesā’’ti bahuvacananiddeso. Bhavapatthanā ca tassa paccayabhūtā kilesā cāti bhavapatthanākilesāti evaṃ vā ettha attho daṭṭhabbo. Yasmā sattānaṃ vaṭṭadukkhaṃ nāma sabbampi taṃ bhavapatthanāmūlakaṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘evaṃ sattā’’tiādi. Bhavapatthanakilesāti ca bhavapatthanāmūlakaṃ kilesaṃ.

    ภุมฺมนฺติ สมีปเตฺถ ภุมฺมํฯ เตนาห ‘‘สุธมฺมาย ทฺวาเร’’ติฯ น กตนฺติ ทุกฺขุปฺปาทนํ น กตํฯ นวคูถสูกรํ วิยาติ นวคูถภกฺขสูกรํ วิยฯ จิเตฺตเนวาติ โย พชฺฌติ, ตสฺส จิเตฺตเนว ฯ ตสฺมาติ ยสฺมา เวปจิตฺติพนฺธนสฺส พนฺธนมุจฺจนํ วิย, ตสฺมา ‘‘เวปจิตฺติพนฺธน’’นฺติ วุตฺตํฯ ญาณโมกฺขํ พนฺธนนฺติ ญาเณน มุจฺจนํ พนฺธนํฯ

    Bhummanti samīpatthe bhummaṃ. Tenāha ‘‘sudhammāya dvāre’’ti. Na katanti dukkhuppādanaṃ na kataṃ. Navagūthasūkaraṃ viyāti navagūthabhakkhasūkaraṃ viya. Cittenevāti yo bajjhati, tassa citteneva . Tasmāti yasmā vepacittibandhanassa bandhanamuccanaṃ viya, tasmā ‘‘vepacittibandhana’’nti vuttaṃ. Ñāṇamokkhaṃ bandhananti ñāṇena muccanaṃ bandhanaṃ.

    มญฺญมาโนติ ปริกปฺปิตตณฺหาวเสน ‘‘เอตํ มมา’’ติ, ทิฎฺฐิวเสน ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ, มานวเสน ‘‘เอโสหมสฺมี’’ติ มญฺญโนฺตฯ ขนฺธวินิมุตฺตสฺส มญฺญมานวตฺถุโน อภาวา ‘‘ขเนฺธ มญฺญโนฺต’’ติ วุตฺตํฯ เอตนฺติ ‘‘มารสฺสา’’ติ เอตํ สามิวจนํฯ กิเลสมาเรน พโทฺธติ กิเลสมาเรน เตเนว กิเลสพนฺธเนน พโทฺธฯ มุโตฺตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ

    Maññamānoti parikappitataṇhāvasena ‘‘etaṃ mamā’’ti, diṭṭhivasena ‘‘eso me attā’’ti, mānavasena ‘‘esohamasmī’’ti maññanto. Khandhavinimuttassa maññamānavatthuno abhāvā ‘‘khandhe maññanto’’ti vuttaṃ. Etanti ‘‘mārassā’’ti etaṃ sāmivacanaṃ. Kilesamārena baddhoti kilesamārena teneva kilesabandhanena baddho. Muttoti etthāpi eseva nayo.

    ตณฺหามญฺญนาย สติ ทิฎฺฐิมานมญฺญนานํ ปสโงฺค เอว นตฺถีติ ยถา ‘‘อสฺมี’’ติ ปเทน ทิฎฺฐิมานมญฺญนา วุตฺตา โหนฺติ, เอวํ ตณฺหามญฺญิตาปีติ วุตฺตํ ‘‘อสฺมีติ ปเทน ตณฺหามญฺญิตํ วุตฺต’’นฺติฯ อยมหมสฺมีติ ปเทน ทิฎฺฐิมญฺญิตนฺติ เอตรหิ ลพฺภมานทิฎฺฐิวตฺถุวเสเนวฯ ภวิสฺสนฺติ อนาคตทิฎฺฐิวตฺถุปริกปฺปนวเสเนว ทิฎฺฐิมญฺญิตํฯ เยภุเยฺยน หิ อนาคตาลิงฺคนา สสฺสตทิฎฺฐิฯ อุเจฺฉทวเสน ทิฎฺฐิมญฺญิตเมวาติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ รูปีติอาทีนิ ปทานิฯ สสฺสตเสฺสวาติ สสฺสตคาหเสฺสว ปเภททีปนานิฯ ยสฺมา มญฺญิตํ อาพาธวเสน โรโค, อโนฺตโทสวเสน คโณฺฑ, องฺคนิกนฺตวเสน สลฺลํ, ตสฺมา อิเมหิ ตณฺหาทีหิ กิเลเสหิ ปากฎจลนวเสน อิญฺชนฺติ เจว, อปากฎสญฺจลนวเสน ผนฺทนฺติ จฯ ปปญฺจิตํ สํสาเร จิรายนํ ทฎฺฐพฺพํ, ขนฺธสนฺตานสฺส วา วิตฺถารณํฯ ปมตฺตาการปฺปตฺตา มุจฺฉนาการปฺปตฺตาฯ เตสนฺติ ตณฺหาทิฎฺฐิกิเลสานํฯ อาการทสฺสนตฺถนฺติ ปวตฺติอาการทสฺสนตฺถํฯ

    Taṇhāmaññanāya sati diṭṭhimānamaññanānaṃ pasaṅgo eva natthīti yathā ‘‘asmī’’ti padena diṭṭhimānamaññanā vuttā honti, evaṃ taṇhāmaññitāpīti vuttaṃ ‘‘asmīti padena taṇhāmaññitaṃ vutta’’nti. Ayamahamasmīti padena diṭṭhimaññitanti etarahi labbhamānadiṭṭhivatthuvaseneva. Bhavissanti anāgatadiṭṭhivatthuparikappanavaseneva diṭṭhimaññitaṃ. Yebhuyyena hi anāgatāliṅganā sassatadiṭṭhi. Ucchedavasena diṭṭhimaññitamevāti ānetvā sambandho. Rūpītiādīni padāni. Sassatassevāti sassatagāhasseva pabhedadīpanāni. Yasmā maññitaṃ ābādhavasena rogo, antodosavasena gaṇḍo, aṅganikantavasena sallaṃ, tasmā imehi taṇhādīhi kilesehi pākaṭacalanavasena iñjanti ceva, apākaṭasañcalanavasena phandanti ca. Papañcitaṃ saṃsāre cirāyanaṃ daṭṭhabbaṃ, khandhasantānassa vā vitthāraṇaṃ. Pamattākārappattā mucchanākārappattā. Tesanti taṇhādiṭṭhikilesānaṃ. Ākāradassanatthanti pavattiākāradassanatthaṃ.

    มาโน นาม ‘‘เสโยฺยหมสฺมี’’ติอาทินา มชฺชนาการปฺปวตฺติฯ ตณฺหาย สมฺปยุตฺตมานวเสนาติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ สโพฺพ มาโน ตณฺหาสมฺปยุโตฺต? สติ หิ พฺยภิจาเร วิเสสนํ อิจฺฉิตพฺพนฺติฯ สจฺจเมตํ, ตณฺหา ปน อตฺถิ มานสฺส ปจฺจยภูตา, อตฺถิ มานสฺส อปฺปจฺจยภูตา, ยโต มาโน อนิยโต วุจฺจติฯ ตถา หิ ปฎฺฐาเน ‘‘สํโยชนํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ สํโยชโน ธโมฺม อุปฺปชฺชติ เหตุปจฺจยา’’ติ เอตฺถ สํโยชนานิ สํโยชเนหิ ยถาลาภํ โยเชตฺวา ทสฺสิตโยชนาย ‘‘กามราคสํโยชนํ ปฎิจฺจ มานสํโยชนํ อวิชฺชาสํโยชน’’นฺติ วตฺวา ‘‘กามราคสํโยชนํ ปฎิจฺจ อวิชฺชาสํโยชน’’นฺติ, ‘‘มานสํโยชนํ ปฎิจฺจ ภวราคสํโยชนํ อวิชฺชาสํโยชน’’นฺติ จ วตฺวา ‘‘ภวราคสํโยชนํ ปฎิจฺจ อวิชฺชาสํโยชน’’นฺติ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ กามราคภวราคสํโยชเนหิ มานสฺส อนิยตภาโว ปกาสิโตฯ ตตฺถ ยา ตณฺหา พลวตี, ตํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘ตณฺหาย สมฺปยุตฺตมานวเสนา’’ติฯ พลวตณฺหาสมฺปยุโตฺต หิ มาโน สยมฺปิ พลวา หุตฺวา อสฺมีติ สวิเสสํ มชฺชนวเสน ปวตฺตตีติฯ

    Māno nāma ‘‘seyyohamasmī’’tiādinā majjanākārappavatti. Taṇhāya sampayuttamānavasenāti kasmā vuttaṃ? Nanu sabbo māno taṇhāsampayutto? Sati hi byabhicāre visesanaṃ icchitabbanti. Saccametaṃ, taṇhā pana atthi mānassa paccayabhūtā, atthi mānassa appaccayabhūtā, yato māno aniyato vuccati. Tathā hi paṭṭhāne ‘‘saṃyojanaṃ dhammaṃ paṭicca saṃyojano dhammo uppajjati hetupaccayā’’ti ettha saṃyojanāni saṃyojanehi yathālābhaṃ yojetvā dassitayojanāya ‘‘kāmarāgasaṃyojanaṃ paṭicca mānasaṃyojanaṃ avijjāsaṃyojana’’nti vatvā ‘‘kāmarāgasaṃyojanaṃ paṭicca avijjāsaṃyojana’’nti, ‘‘mānasaṃyojanaṃ paṭicca bhavarāgasaṃyojanaṃ avijjāsaṃyojana’’nti ca vatvā ‘‘bhavarāgasaṃyojanaṃ paṭicca avijjāsaṃyojana’’nti vuttaṃ. Ettha ca kāmarāgabhavarāgasaṃyojanehi mānassa aniyatabhāvo pakāsito. Tattha yā taṇhā balavatī, taṃ sandhāya idaṃ vuttaṃ ‘‘taṇhāya sampayuttamānavasenā’’ti. Balavataṇhāsampayutto hi māno sayampi balavā hutvā asmīti savisesaṃ majjanavasena pavattatīti.

    ทิฎฺฐิวเสนาติ มานมูลกทิฎฺฐิวเสนฯ ‘‘เสโยฺยหมสฺมี’’ติอาทินา หิ พหุลมานุเปตสฺส ปุคฺคลสฺส รูปาทีสุ เอกํ อุทฺทิสฺส อยมหมสฺมีติ ทิฎฺฐิยา อุปฺปนฺนาย มานสฺส อปฺปหีนตฺตา มาโนปิ ตตฺถ ตเตฺถว อุปฺปชฺชติฯ อิติ มานมูลกํ ทิฎฺฐิํ สนฺธายาห ‘‘อยมหมสฺมีติ ทิฎฺฐิวเสน วุตฺต’’นฺติฯ โจทโก ปน อิมมตฺถํ อชานโนฺต อนุปลพฺภมานเมว สมฺปโยคตฺถํ คเหตฺวา ‘‘นนุ จา’’ติอาทินา โจเทติฯ อิตโร ‘‘อาม นตฺถี’’ติ ตมตฺถํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ‘‘มานสฺส ปนา’’ติอาทินา ปริหารมาหฯ ตสฺสโตฺถ วุโตฺต เอวฯ

    Diṭṭhivasenāti mānamūlakadiṭṭhivasena. ‘‘Seyyohamasmī’’tiādinā hi bahulamānupetassa puggalassa rūpādīsu ekaṃ uddissa ayamahamasmīti diṭṭhiyā uppannāya mānassa appahīnattā mānopi tattha tattheva uppajjati. Iti mānamūlakaṃ diṭṭhiṃ sandhāyāha ‘‘ayamahamasmīti diṭṭhivasena vutta’’nti. Codako pana imamatthaṃ ajānanto anupalabbhamānameva sampayogatthaṃ gahetvā ‘‘nanu cā’’tiādinā codeti. Itaro ‘‘āma natthī’’ti tamatthaṃ sampaṭicchitvā ‘‘mānassa panā’’tiādinā parihāramāha. Tassattho vutto eva.

    ยวกลาปิสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Yavakalāpisuttavaṇṇanā niṭṭhitā.

    อาสีวิสวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Āsīvisavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.

    จตุโตฺถ ปณฺณาสโกฯ

    Catuttho paṇṇāsako.

    สฬายตนสํยุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Saḷāyatanasaṃyuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๑. ยวกลาปิสุตฺตํ • 11. Yavakalāpisuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๑. ยวกลาปิสุตฺตวณฺณนา • 11. Yavakalāpisuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact