Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā |
๓. ยุตฺติหารวิภงฺควณฺณนา
3. Yuttihāravibhaṅgavaṇṇanā
๑๘. ตตฺถ กตโม ยุตฺติหาโรติอาทิ ยุตฺติหารวิภโงฺคฯ ตตฺถ กิํ โยชยตีติ ยุตฺติหารสฺส วิสยํ ปุจฺฉติฯ โก ปเนตสฺส วิสโย? อตถากาเรน คยฺหมานา สุตฺตตฺถา วิสโย, เต หิ เตน สาติสยํ ยาถาวโต ยุตฺตินิทฺธารเณน โยเชตพฺพาฯ อิตเรสุปิ อยํ หาโร อิจฺฉิโต เอวฯ ตํ ปน ภูตกถนมตฺตํ โหติฯ ยสฺมา ปนายํ ยุตฺติคเวสนา นาม น มหาปเทเสน วินา, ตสฺมา ยุตฺติหารํ วิภชโนฺต ตสฺส ลกฺขณํ ตาว อุปทิสิตุํ ‘‘จตฺตาโร มหาปเทสา’’ติอาทิมาหฯ
18.Tatthakatamo yuttihārotiādi yuttihāravibhaṅgo. Tattha kiṃ yojayatīti yuttihārassa visayaṃ pucchati. Ko panetassa visayo? Atathākārena gayhamānā suttatthā visayo, te hi tena sātisayaṃ yāthāvato yuttiniddhāraṇena yojetabbā. Itaresupi ayaṃ hāro icchito eva. Taṃ pana bhūtakathanamattaṃ hoti. Yasmā panāyaṃ yuttigavesanā nāma na mahāpadesena vinā, tasmā yuttihāraṃ vibhajanto tassa lakkhaṇaṃ tāva upadisituṃ ‘‘cattāro mahāpadesā’’tiādimāha.
ตตฺถ มหาปเทสาติ มหาอปเทสา, พุทฺธาทโย มหเนฺต อปทิสิตฺวา วุตฺตานิ มหาการณานีติ อโตฺถฯ อถ วา มหาปเทสาติ มหาโอกาสา, มหนฺตานิ ธมฺมสฺส ปติฎฺฐานานีติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺรายํ วจนโตฺถ – อปทิสฺสตีติ อปเทโส, พุโทฺธ อปเทโส เอตสฺสาติ พุทฺธาปเทโสฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ ‘‘สมฺมุขา เมตํ ภควโต สุต’’นฺติอาทินา เกนจิ อาภตสฺส คนฺถสฺส ธโมฺมติ วา อธโมฺมติ วา วินิจฺฉยเน การณํฯ กิํ ปน ตนฺติ? ตสฺส ตถา อาภตสฺส สุโตฺตตรณาทิ เอวฯ ยทิ เอวํ กถํ จตฺตาโรติ? อปทิสิตปฺปเภทโตฯ ธมฺมสฺส หิ เทฺว สมฺปทาโย ภควา สาวกา จฯ เตสุ สาวกา สงฺฆคณปุคฺคลวเสน ติวิธาฯ ‘‘เอวมมุมฺหา มยายํ ธโมฺม ปฎิคฺคหิโต’’ติ อปทิสิตพฺพานํ เภเทน จตฺตาโรฯ เตนาห – ‘‘พุทฺธาปเทโส…เป.… เอกเตฺถราปเทโส’’ติฯ ตานิ ปทพฺยญฺชนานีติ เกนจิ อาภตสุตฺตสฺส ปทานิ พฺยญฺชนานิ จ, อตฺถปทานิ เจว พฺยญฺชนปทานิ จาติ อโตฺถฯ สํวณฺณเกน วา สํวณฺณนาวเสน อาหริยมานานิ ปทพฺยญฺชนานิฯ สุเตฺต โอตารยิตพฺพานีติ สุเตฺต อนุปฺปเวสิตพฺพานิฯ สนฺทสฺสยิตพฺพานีติ สํสเนฺทตพฺพานิฯ อุปนิกฺขิปิตพฺพานีติ ปกฺขิปิตพฺพานิฯ
Tattha mahāpadesāti mahāapadesā, buddhādayo mahante apadisitvā vuttāni mahākāraṇānīti attho. Atha vā mahāpadesāti mahāokāsā, mahantāni dhammassa patiṭṭhānānīti vuttaṃ hoti. Tatrāyaṃ vacanattho – apadissatīti apadeso, buddho apadeso etassāti buddhāpadeso. Esa nayo sesesupi. ‘‘Sammukhā metaṃ bhagavato suta’’ntiādinā kenaci ābhatassa ganthassa dhammoti vā adhammoti vā vinicchayane kāraṇaṃ. Kiṃ pana tanti? Tassa tathā ābhatassa suttotaraṇādi eva. Yadi evaṃ kathaṃ cattāroti? Apadisitappabhedato. Dhammassa hi dve sampadāyo bhagavā sāvakā ca. Tesu sāvakā saṅghagaṇapuggalavasena tividhā. ‘‘Evamamumhā mayāyaṃ dhammo paṭiggahito’’ti apadisitabbānaṃ bhedena cattāro. Tenāha – ‘‘buddhāpadeso…pe… ekattherāpadeso’’ti. Tāni padabyañjanānīti kenaci ābhatasuttassa padāni byañjanāni ca, atthapadāni ceva byañjanapadāni cāti attho. Saṃvaṇṇakena vā saṃvaṇṇanāvasena āhariyamānāni padabyañjanāni. Sutte otārayitabbānīti sutte anuppavesitabbāni. Sandassayitabbānīti saṃsandetabbāni. Upanikkhipitabbānīti pakkhipitabbāni.
สุตฺตาทีนิ ทเสฺสตุํ ‘‘กตมสฺมิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยสฺมา ภควโต วจนํ เอกคาถามตฺตมฺปิ สจฺจวินิมุตฺตํ นตฺถิ, ตสฺมา สุเตฺตติ ปทสฺส อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘จตูสุ อริยสเจฺจสู’’ติ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ตีณิ ปิฎกานิ สุตฺตนฺติ วุตฺตํ, ตํ อิมินา เนตฺติวจเนน อญฺญทตฺถุ สํสนฺทติ เจว สเมติ จาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ยาวเทว อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถา ภควโต เทสนา, สา เอกเนฺตน ราคาทิกิเลสวูปสมํ วทตีติ วินเยติปทสฺส อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ราควินเย’’ติอาทิมาหฯ วินโยติ หิ การณํ ราคาทิวูปสมนิมิตฺตํ อิธาธิเปฺปตํฯ ยถาห –
Suttādīni dassetuṃ ‘‘katamasmi’’ntiādi vuttaṃ. Tattha yasmā bhagavato vacanaṃ ekagāthāmattampi saccavinimuttaṃ natthi, tasmā sutteti padassa atthaṃ dassetuṃ ‘‘catūsu ariyasaccesū’’ti vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana tīṇi piṭakāni suttanti vuttaṃ, taṃ iminā nettivacanena aññadatthu saṃsandati ceva sameti cāti daṭṭhabbaṃ. Yāvadeva anupādāparinibbānatthā bhagavato desanā, sā ekantena rāgādikilesavūpasamaṃ vadatīti vinayetipadassa atthaṃ dassento ‘‘rāgavinaye’’tiādimāha. Vinayoti hi kāraṇaṃ rāgādivūpasamanimittaṃ idhādhippetaṃ. Yathāha –
‘‘เย โข ตฺวํ, โคตมิ, ธเมฺม ชาเนยฺยาสิ, อิเม ธมฺมา สราคาย สํวตฺตนฺติ โน วิราคาย, สโญฺญคาย สํวตฺตนฺติ โน วิสโญฺญคาย, อาจยาย สํวตฺตนฺติ โน อปจยาย, มหิจฺฉตาย สํวตฺตนฺติ โน อปฺปิจฺฉตาย, อสนฺตุฎฺฐิยา สํวตฺตนฺติ โน สนฺตุฎฺฐิยา, สงฺคณิกาย สํวตฺตนฺติ โน ปวิเวกาย, โกสชฺชาย สํวตฺตนฺติ โน วีริยารมฺภาย, ทุพฺภรตาย สํวตฺตนฺติ โน สุภรตาย, เอกํเสน โคตมิ ธาเรยฺยาสิ ‘เนโส ธโมฺม, เนโส วินโย, เนตํ สตฺถุสาสน’นฺติฯ เย จ โข ตฺวํ, โคตมิ, ธเมฺม ชาเนยฺยาสิ อิเม ธมฺมา วิราคาย สํวตฺตนฺติ โน สราคาย, วิสโญฺญคาย สํวตฺตนฺติ โน สโญฺญคาย, อปจยาย สํวตฺตนฺติ โน อาจยาย, อปฺปิจฺฉตาย สํวตฺตนฺติ โน มหิจฺฉตาย, สนฺตุฎฺฐิยา สํวตฺตนฺติ โน อสนฺตุฎฺฐิยา ปวิเวกาย สํวตฺตนฺติ โน สงฺคณิกาย, วีริยารมฺภาย สํวตฺตนฺติ โน โกสชฺชาย, สุภรตาย สํวตฺตนฺติ โน ทุพฺภรตาย, เอกํเสน โคตมิ ธาเรยฺยาสิ ‘เอโส ธโมฺม, เอโส วินโย, เอตํ สตฺถุสาสน’’’นฺติ (จูฬว. ๔๐๖)ฯ
‘‘Ye kho tvaṃ, gotami, dhamme jāneyyāsi, ime dhammā sarāgāya saṃvattanti no virāgāya, saññogāya saṃvattanti no visaññogāya, ācayāya saṃvattanti no apacayāya, mahicchatāya saṃvattanti no appicchatāya, asantuṭṭhiyā saṃvattanti no santuṭṭhiyā, saṅgaṇikāya saṃvattanti no pavivekāya, kosajjāya saṃvattanti no vīriyārambhāya, dubbharatāya saṃvattanti no subharatāya, ekaṃsena gotami dhāreyyāsi ‘neso dhammo, neso vinayo, netaṃ satthusāsana’nti. Ye ca kho tvaṃ, gotami, dhamme jāneyyāsi ime dhammā virāgāya saṃvattanti no sarāgāya, visaññogāya saṃvattanti no saññogāya, apacayāya saṃvattanti no ācayāya, appicchatāya saṃvattanti no mahicchatāya, santuṭṭhiyā saṃvattanti no asantuṭṭhiyā pavivekāya saṃvattanti no saṅgaṇikāya, vīriyārambhāya saṃvattanti no kosajjāya, subharatāya saṃvattanti no dubbharatāya, ekaṃsena gotami dhāreyyāsi ‘eso dhammo, eso vinayo, etaṃ satthusāsana’’’nti (cūḷava. 406).
ธมฺมตายนฺติปทสฺส อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปฎิจฺจสมุปฺปาเท’’ติ วุตฺตํฯ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท หิ ฐิตาว สา ธาตุ ธมฺมฎฺฐิตตา ธมฺมนิยามตาติ (อ. นิ. ๓.๑๓๗) วุโตฺตฯ ‘‘ธมฺมตายํ อุปนิกฺขิปิตพฺพานี’’ติ อิทํ ปาฬิยํ นตฺถิ, อตฺถทสฺสนวเสน ปน อิธ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอตฺถ จ ปวตฺติํ นิวตฺติํ ตทุปายญฺจ พาธกาทิภาเว นิยตํ ปริทีเปโนฺต สุเตฺต โอตรติ นามฯ เอกเนฺตน ราคาทิกิเลสวินยํ วทโนฺต วินเย สนฺทิสฺสติ นามฯ ตถา สสฺสตํ อุเจฺฉทญฺจ วเชฺชตฺวา เอกตฺตนยาทิปริทีปเนน สภาวธมฺมานํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาวํ วิภาเวโนฺต ธมฺมตํ น วิโลเมติ นามฯ
Dhammatāyantipadassa atthaṃ dassetuṃ ‘‘paṭiccasamuppāde’’ti vuttaṃ. Paṭiccasamuppādo hi ṭhitāva sā dhātu dhammaṭṭhitatā dhammaniyāmatāti (a. ni. 3.137) vutto. ‘‘Dhammatāyaṃ upanikkhipitabbānī’’ti idaṃ pāḷiyaṃ natthi, atthadassanavasena pana idha vuttanti daṭṭhabbaṃ. Ettha ca pavattiṃ nivattiṃ tadupāyañca bādhakādibhāve niyataṃ paridīpento sutte otarati nāma. Ekantena rāgādikilesavinayaṃ vadanto vinaye sandissati nāma. Tathā sassataṃ ucchedañca vajjetvā ekattanayādiparidīpanena sabhāvadhammānaṃ paccayapaccayuppannabhāvaṃ vibhāvento dhammataṃ na vilometi nāma.
เอวํวิโธ จ กามาสวาทิกํ อาสวํ น อุปฺปาเทตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยทิ จตูสุ อริยสเจฺจสู’’ติอาทิมาหฯ นนุ จ อนุโลมโต ปฎิจฺจสมุปฺปาโท ปวตฺติ, ปฎิโลมโต นิวตฺตีติ โส จตฺตาริ อริยสจฺจานิ อนุปวิโฎฺฐ กสฺมา อิธ วิสุํ คหิโตติ? สจฺจเมตํฯ อิธ ปน วิสุํ คหณํ ธมฺมานํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติทสฺสเนน อนิจฺจปจฺจยลกฺขณํ อสมตฺถปจฺจยลกฺขณํ นิรีหปจฺจยลกฺขณญฺจ วิภาเวตฺวา เตสํ อุทยวนฺตตา ตโต เอว วยวนฺตตา ตทุภเยน อนิจฺจตา อุทยพฺพยปฎิปีฬเนน ทุกฺขตา อนตฺตตาติ ติลกฺขณสมาโยคปริทีปนี สพฺพทิฎฺฐิคตกุมติวิทฺธํสนี อนญฺญสาธารณา สาสนสมฺปตฺติ ปกาสิตา โหตีติ ทสฺสนตฺถํฯ
Evaṃvidho ca kāmāsavādikaṃ āsavaṃ na uppādetīti imamatthaṃ dassento ‘‘yadi catūsu ariyasaccesū’’tiādimāha. Nanu ca anulomato paṭiccasamuppādo pavatti, paṭilomato nivattīti so cattāri ariyasaccāni anupaviṭṭho kasmā idha visuṃ gahitoti? Saccametaṃ. Idha pana visuṃ gahaṇaṃ dhammānaṃ paccayāyattavuttidassanena aniccapaccayalakkhaṇaṃ asamatthapaccayalakkhaṇaṃ nirīhapaccayalakkhaṇañca vibhāvetvā tesaṃ udayavantatā tato eva vayavantatā tadubhayena aniccatā udayabbayapaṭipīḷanena dukkhatā anattatāti tilakkhaṇasamāyogaparidīpanī sabbadiṭṭhigatakumatividdhaṃsanī anaññasādhāraṇā sāsanasampatti pakāsitā hotīti dassanatthaṃ.
เอตฺถ จ สุตฺตํ สุตฺตานุโลมํ อาจริยวาโท อตฺตโนมตีติ อิทํ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ – ตตฺถ สุตฺตํ นาม ติโสฺส สงฺคีติโย อารุฬฺหานิ ตีณิ ปิฎกานิฯ สุตฺตานุโลมํ นาม มหาปเทสา, ยํ ‘‘อนุโลมกปฺปิย’’นฺติ วุจฺจติฯ อาจริยวาโท นาม อฎฺฐกถาฯ อตฺตโนมติ นาม นยคฺคาเหน อนุพุทฺธิยา อตฺตโน ปฎิภานํฯ ตตฺถ สุตฺตํ อปฺปฎิพาหิยํ, ตํ ปฎิพาหเนฺตน สตฺถาว ปฎิพาหิโต โหติฯ อนุโลมกปฺปิยํ ปน สุเตฺตน สเมนฺตเมว คเหตพฺพํ, น อิตรํฯ อาจริยวาโทปิ สุเตฺตน สเมโนฺต เอว คเหตโพฺพ, น อิตโรฯ ตถา อตฺตโนมติ, สา ปน สพฺพทุพฺพลาติฯ
Ettha ca suttaṃ suttānulomaṃ ācariyavādo attanomatīti idaṃ catukkaṃ veditabbaṃ – tattha suttaṃ nāma tisso saṅgītiyo āruḷhāni tīṇi piṭakāni. Suttānulomaṃ nāma mahāpadesā, yaṃ ‘‘anulomakappiya’’nti vuccati. Ācariyavādo nāma aṭṭhakathā. Attanomati nāma nayaggāhena anubuddhiyā attano paṭibhānaṃ. Tattha suttaṃ appaṭibāhiyaṃ, taṃ paṭibāhantena satthāva paṭibāhito hoti. Anulomakappiyaṃ pana suttena samentameva gahetabbaṃ, na itaraṃ. Ācariyavādopi suttena samento eva gahetabbo, na itaro. Tathā attanomati, sā pana sabbadubbalāti.
อิทานิ ยทตฺถํ อิธ จตฺตาโร มหาปเทสา อาภตา, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘จตูหิ มหาปเทเสหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยํ ยนฺติ ยํ ยํ อตฺถชาตญฺจ ธมฺมชาตญฺจฯ ยุชฺชตีติ ยถาวุเตฺตหิ จตูหิ มหาปเทเสหิ ยุชฺชติฯ เยน เยนาติ เยน เยน การเณนฯ ยถา ยถาติ เยน เยน ปกาเรนฯ ตํ ตํ คเหตพฺพนฺติ สํวณฺณิยมาเน สุเตฺต อาภเตน การเณน ปสเงฺคน ปกาเรน จ สุตฺตโต อุทฺธริตฺวา สํวณฺณนาวเสน คเหตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เตน จตุมหาปเทสาวิรุทฺธาย ยุตฺติยา สุตฺตโต อเตฺถ นิทฺธาเรตฺวา ยุตฺติหารโยชนา กาตพฺพาติ ทเสฺสติฯ
Idāni yadatthaṃ idha cattāro mahāpadesā ābhatā, taṃ dassetuṃ ‘‘catūhi mahāpadesehī’’tiādi vuttaṃ. Tattha yaṃ yanti yaṃ yaṃ atthajātañca dhammajātañca. Yujjatīti yathāvuttehi catūhi mahāpadesehi yujjati. Yena yenāti yena yena kāraṇena. Yathā yathāti yena yena pakārena. Taṃ taṃ gahetabbanti saṃvaṇṇiyamāne sutte ābhatena kāraṇena pasaṅgena pakārena ca suttato uddharitvā saṃvaṇṇanāvasena gahetabbanti attho. Tena catumahāpadesāviruddhāya yuttiyā suttato atthe niddhāretvā yuttihārayojanā kātabbāti dasseti.
๑๙. อิทานิ ตํ ยุตฺตินิทฺธารณํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปญฺหํ ปุจฺฉิเตนา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ กติ ปทานีติ กิตฺตกานิ ปทานิฯ ปริโยคาหิตพฺพนฺติ ปทสฺส อตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘วิเจตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ ยตฺตกานิ ปทานิ ยถาธิเปฺปตํ อตฺถํ อภิวทนฺติ, ตตฺตกานิ ปทานิ ตทตฺถเสฺสกสฺส ญาตุํ อิจฺฉิตตฺตา ‘‘เอโก ปโญฺห’’ติ วุจฺจติ, ตานิ ปน เอกคาถายํ ยทิ วา สพฺพานิ ปทานิ ยาว ยทิ วา เอกํ ปทํ เอกํ อตฺถํ อภิวทติ, เอโกเยว โส ปโญฺหติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘ยทิ สพฺพานี’’ติอาทินาฯ ตนฺติ ตํ ปญฺหํฯ อญฺญาตพฺพนฺติ อาชานิตพฺพํฯ กิํ อิเม ธมฺมาติอาทิ อาชานนาการทสฺสนํฯ ตตฺถ ธมฺมาติ ปริยตฺติธมฺมาฯ นานตฺถาติ นานา อตฺถาฯ
19. Idāni taṃ yuttiniddhāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘pañhaṃ pucchitenā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha kati padānīti kittakāni padāni. Pariyogāhitabbanti padassa atthaṃ dassetuṃ ‘‘vicetabba’’nti vuttaṃ. Yattakāni padāni yathādhippetaṃ atthaṃ abhivadanti, tattakāni padāni tadatthassekassa ñātuṃ icchitattā ‘‘eko pañho’’ti vuccati, tāni pana ekagāthāyaṃ yadi vā sabbāni padāni yāva yadi vā ekaṃ padaṃ ekaṃ atthaṃ abhivadati, ekoyeva so pañhoti imamatthaṃ dasseti ‘‘yadi sabbānī’’tiādinā. Tanti taṃ pañhaṃ. Aññātabbanti ājānitabbaṃ. Kiṃ ime dhammātiādi ājānanākāradassanaṃ. Tattha dhammāti pariyattidhammā. Nānatthāti nānā atthā.
ปุจฺฉาคาถายํ อยํ ปทโตฺถ – เกนสฺสุพฺภาหโต โลโกติ อยํ สตฺตโลโก โจโร วิย โจรฆาตเกน เกน อภิหโต วธียตีติ อโตฺถฯ เกนสฺสุ ปริวาริโตติ มาลุวลตาย วิย นิสฺสิตรุโกฺข เกน โลโก อโชฺฌตฺถโฎฯ เกน สเลฺลน โอติโณฺณติ เกน วิสปีตขุรเปฺปน วิย สรีรพฺภนฺตรนิมุเคฺคน สเลฺลน อนุปวิโฎฺฐฯ กิสฺส ธูปายิโตติ กิสฺส เกน การเณน ธูปายิโต สนฺตาปิโต โลโกฯ สทาติ ปทํ สพฺพตฺถ โยเชตพฺพํฯ เตติ จตฺตาริ ปทานิฯ ปญฺหสทฺทาเปกฺขาย ปุลฺลิงฺคนิเทฺทโสฯ ‘‘วิสฺสเชฺชตี’’ติ เอเตน วิสฺสชฺชนโต ตโย ปญฺหาติ ญายตีติ ทเสฺสติฯ
Pucchāgāthāyaṃ ayaṃ padattho – kenassubbhāhato lokoti ayaṃ sattaloko coro viya coraghātakena kena abhihato vadhīyatīti attho. Kenassu parivāritoti māluvalatāya viya nissitarukkho kena loko ajjhotthaṭo. Kena sallena otiṇṇoti kena visapītakhurappena viya sarīrabbhantaranimuggena sallena anupaviṭṭho. Kissa dhūpāyitoti kissa kena kāraṇena dhūpāyito santāpito loko. Sadāti padaṃ sabbattha yojetabbaṃ. Teti cattāri padāni. Pañhasaddāpekkhāya pulliṅganiddeso. ‘‘Vissajjetī’’ti etena vissajjanato tayo pañhāti ñāyatīti dasseti.
๒๐. ตตฺถาติ วิสฺสชฺชนคาถายํ ทุติยปาเท วุตฺตา ชรา จ ปฐมปาเท วุตฺตํ มรณญฺจาติ อิมานิ เทฺว สงฺขตสฺส ปญฺจกฺขนฺธสฺส ‘‘สงฺขโต’’ติ ลกฺขียติ เอเตหีติ สงฺขตลกฺขณานิฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา – ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, สงฺขตสฺส สงฺขตลกฺขณานิฯ กตมานิ ตีณิ? อุปฺปาโท ปญฺญายติ, วโย ปญฺญายติ, ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๗; กถา. ๒๑๔)ฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ชรายํ ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ, มรณํ วโย’’ติฯ เอตฺถ จ ‘‘ฐิตสฺส อญฺญถตฺต’’นฺติ เอเตน ขนฺธปฺปพนฺธสฺส ปุพฺพาปรวิเสโส อิธ ชรา, น ขณฎฺฐิตีติ ทเสฺสติฯ ‘‘มรณํ วโย’’ติ อิมินา จ ‘‘ติโสฺส มโต, ผุโสฺส มโต’’ติ เอวํ โลเก วุตฺตํ สมฺมุติมรณํ ทเสฺสติ, น ขณิกมรณํ, สมุเจฺฉทมรณํ วาฯ
20.Tatthāti vissajjanagāthāyaṃ dutiyapāde vuttā jarā ca paṭhamapāde vuttaṃ maraṇañcāti imāni dve saṅkhatassa pañcakkhandhassa ‘‘saṅkhato’’ti lakkhīyati etehīti saṅkhatalakkhaṇāni. Vuttañhetaṃ bhagavatā – ‘‘tīṇimāni, bhikkhave, saṅkhatassa saṅkhatalakkhaṇāni. Katamāni tīṇi? Uppādo paññāyati, vayo paññāyati, ṭhitassa aññathattaṃ paññāyatī’’ti (a. ni. 3.47; kathā. 214). Tena vuttaṃ – ‘‘jarāyaṃ ṭhitassa aññathattaṃ, maraṇaṃ vayo’’ti. Ettha ca ‘‘ṭhitassa aññathatta’’nti etena khandhappabandhassa pubbāparaviseso idha jarā, na khaṇaṭṭhitīti dasseti. ‘‘Maraṇaṃ vayo’’ti iminā ca ‘‘tisso mato, phusso mato’’ti evaṃ loke vuttaṃ sammutimaraṇaṃ dasseti, na khaṇikamaraṇaṃ, samucchedamaraṇaṃ vā.
อิทานิ ‘‘เต ตโย ปญฺหา’’ติ วุตฺตมตฺถํ ยุตฺติวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘ชราย จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เยภุเยฺยน ชิณฺณสฺส มรณทสฺสนโต ชรามรณานํ นานตฺตํ อสมฺปฎิจฺฉมานํ ปติ เตสํ นานตฺตทสฺสนตฺถํ ‘‘คพฺภคตาปิ หิ มียนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถาธิเปฺปตชราวิรหิตสฺส มรณสฺส ทสฺสนโต อญฺญา ชรา อญฺญํ มรณนฺติฯ เตเนวาห – ‘‘น จ เต ชิณฺณา ภวนฺตี’’ติฯ กิญฺจ ภิโยฺย? เกวลสฺส มรณสฺส ทิฎฺฐตฺตา อญฺญาว ชรา อญฺญํ มรณํ, ยถา ตํ เทวานนฺติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘อตฺถิ จ เทวาน’’นฺติอาทินาฯ อนุตฺตริมนุสฺสธเมฺมน จ ติกิจฺฉเนน สกฺกา ชราย ปฎิการํ กาตุํ, น ตถา มรณสฺสาติ เอวมฺปิ ชรามรณานํ อตฺถโต นานตฺตํ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘สกฺกเตวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สกฺกเตติ สกฺยเต, สกฺกาติ อโตฺถฯ ปฎิกมฺมนฺติ ปฎิกรณํฯ นนุ จ มรณสฺสาปิ ปฎิการํ กาตุํ สกฺกา อิทฺธิปาทภาวนาย วสิภาเว สตีติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห – ‘‘อญฺญเตฺรว อิทฺธิมนฺตานํ อิทฺธิวิสยา’’ติฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –
Idāni ‘‘te tayo pañhā’’ti vuttamatthaṃ yuttivasena dassetuṃ ‘‘jarāya cā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yebhuyyena jiṇṇassa maraṇadassanato jarāmaraṇānaṃ nānattaṃ asampaṭicchamānaṃ pati tesaṃ nānattadassanatthaṃ ‘‘gabbhagatāpi hi mīyantī’’ti vuttaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathādhippetajarāvirahitassa maraṇassa dassanato aññā jarā aññaṃ maraṇanti. Tenevāha – ‘‘na ca te jiṇṇā bhavantī’’ti. Kiñca bhiyyo? Kevalassa maraṇassa diṭṭhattā aññāva jarā aññaṃ maraṇaṃ, yathā taṃ devānanti imamatthaṃ dasseti ‘‘atthi ca devāna’’ntiādinā. Anuttarimanussadhammena ca tikicchanena sakkā jarāya paṭikāraṃ kātuṃ, na tathā maraṇassāti evampi jarāmaraṇānaṃ atthato nānattaṃ sampaṭicchitabbanti dassetuṃ ‘‘sakkatevā’’tiādi vuttaṃ. Tattha sakkateti sakyate, sakkāti attho. Paṭikammanti paṭikaraṇaṃ. Nanu ca maraṇassāpi paṭikāraṃ kātuṃ sakkā iddhipādabhāvanāya vasibhāve satīti codanaṃ manasi katvā āha – ‘‘aññatreva iddhimantānaṃ iddhivisayā’’ti. Vuttañhetaṃ bhagavatā –
‘‘ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน กปฺปํ วา ติเฎฺฐยฺย กปฺปาวเสสํ วา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๖๖, ๑๘๒; สํ. นิ. ๕.๘๒๒; กถา. ๖๒๓; อุทา. ๕๑)ฯ
‘‘Yassa kassaci, ānanda, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā, so ākaṅkhamāno kappaṃ vā tiṭṭheyya kappāvasesaṃ vā’’ti (dī. ni. 2.166, 182; saṃ. ni. 5.822; kathā. 623; udā. 51).
โก ปเนตฺถ กโปฺป, โก วา กปฺปาวเสโสติ? กโปฺปติ อายุกโปฺป, ยสฺมิํ ตสฺมิญฺหิ กาเล ยํ มนุสฺสานํ อายุปฺปมาณํ, ตํ ปริปุณฺณํ กโรโนฺต กปฺปํ ติฎฺฐติ นามฯ ‘‘อปฺปํ วา ภิโยฺย’’ติ (ที. นิ. ๒.๗; อ. นิ. ๗.๗๔) วุตฺตํ ปน วสฺสสตาทิโต อติเรกํ ติฎฺฐโนฺต กปฺปาวเสสํ ติฎฺฐติ นามฯ ยทิ เอวํ กสฺมา อิทฺธิมโนฺต เจโตวสิปฺปตฺตา ขีณาสวา โลกหิตตฺถํ ตถา น ติฎฺฐนฺตีติ? ขนฺธสงฺขาตสฺส ทุกฺขภารสฺส ปริญฺญาตตฺตา อนุสฺสุกฺกตาย จฯ ปฎิปฺปสฺสทฺธสพฺพุสฺสุกฺกา หิ เต อุตฺตมปุริสาติฯ วุตฺตเญฺหตํ ธมฺมเสนาปตินา –
Ko panettha kappo, ko vā kappāvasesoti? Kappoti āyukappo, yasmiṃ tasmiñhi kāle yaṃ manussānaṃ āyuppamāṇaṃ, taṃ paripuṇṇaṃ karonto kappaṃ tiṭṭhati nāma. ‘‘Appaṃ vā bhiyyo’’ti (dī. ni. 2.7; a. ni. 7.74) vuttaṃ pana vassasatādito atirekaṃ tiṭṭhanto kappāvasesaṃ tiṭṭhati nāma. Yadi evaṃ kasmā iddhimanto cetovasippattā khīṇāsavā lokahitatthaṃ tathā na tiṭṭhantīti? Khandhasaṅkhātassa dukkhabhārassa pariññātattā anussukkatāya ca. Paṭippassaddhasabbussukkā hi te uttamapurisāti. Vuttañhetaṃ dhammasenāpatinā –
‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภิกงฺขามิ ชีวิตํ;
‘‘Nābhinandāmi maraṇaṃ, nābhikaṅkhāmi jīvitaṃ;
กาลญฺจ ปฎิกงฺขามิ, เวตนํ ภตโก ยถา’’ติฯ (เถรคา. ๖๕๔; มิ. ป. ๒.๒.๔);
Kālañca paṭikaṅkhāmi, vetanaṃ bhatako yathā’’ti. (theragā. 654; mi. pa. 2.2.4);
ยถา ชรามรณานํ อญฺญมญฺญํ อตฺถโต นานตฺตํ, เอวํ เตหิ ตณฺหาย จ นานเตฺต ทสฺสิเต ‘‘ตโย ปญฺหา’’ติ อิทํ สิชฺฌตีติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิมาหฯ
Yathā jarāmaraṇānaṃ aññamaññaṃ atthato nānattaṃ, evaṃ tehi taṇhāya ca nānatte dassite ‘‘tayo pañhā’’ti idaṃ sijjhatīti taṃ dassetuṃ ‘‘yaṃ panā’’tiādimāha.
ตตฺถ ยสฺมา ตณฺหาย อภาเวปิ สติ ชรามรณํ ลพฺภติ ขีณาสวสนฺตาเน, ตสฺมา อญฺญํ ชรามรณํ อญฺญา ตณฺหาติ อิมมตฺถมาห ‘‘ทิสฺสนฺติ วีตราคา ชีรนฺตาปิ มียนฺตาปี’’ติฯ นนุ จ ตณฺหาปิ ชีรณภิชฺชนสภาวาติ? สจฺจํ, น อิทํ ชรามรณํ อิธาธิเปฺปตนฺติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ ‘‘ยทิ จา’’ติอาทินา ชรามรณโต ตณฺหาย อนญฺญเตฺต โทสํ ทเสฺสติฯ โยพฺพนฎฺฐาปิ วิคตตณฺหา สิยุํ, น อิทํ ยุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ ชรามรณมฺปิ สิยา ทุกฺขสฺส สมุทโย ตณฺหาย อนญฺญเตฺต สตีติ อธิปฺปาโยฯ น จ สิยา ตณฺหา ทุกฺขสฺส สมุทโย ชรามรณโต อนญฺญเตฺต สตีติ ภาโวฯ น หิ ชรามรณํ ทุกฺขสฺส สมุทโย, ตณฺหา ทุกฺขสฺส สมุทโย, ตสฺมา เวทิตพฺพํ เอเตสมตฺถโต นานตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ ยถา จ ตณฺหา มคฺควชฺฌา, เอวํ ชรามรณมฺปิ สิยา มคฺควชฺฌํ ตณฺหาย อนญฺญเตฺต สติฯ ยถา จ ชรามรณํ น มคฺควชฺฌํ, ตถา ตณฺหาปิ สิยาติ อยมฺปิ นโย วุโตฺต เอวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ อิมาย ยุตฺติยาติ อิมาย ยถาวุตฺตาย อุปปตฺติยาฯ อญฺญมเญฺญหีติ อญฺญาหิ อญฺญาหิ การณูปปตฺตีหิ อตฺถโต เจ อญฺญตฺตํ, ตทญฺญมฺปิ พฺยญฺชนโต คเวสิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ
Tattha yasmā taṇhāya abhāvepi sati jarāmaraṇaṃ labbhati khīṇāsavasantāne, tasmā aññaṃ jarāmaraṇaṃ aññā taṇhāti imamatthamāha ‘‘dissanti vītarāgā jīrantāpi mīyantāpī’’ti. Nanu ca taṇhāpi jīraṇabhijjanasabhāvāti? Saccaṃ, na idaṃ jarāmaraṇaṃ idhādhippetanti vuttovāyamattho. ‘‘Yadi cā’’tiādinā jarāmaraṇato taṇhāya anaññatte dosaṃ dasseti. Yobbanaṭṭhāpi vigatataṇhā siyuṃ, na idaṃ yuttanti adhippāyo. Jarāmaraṇampi siyā dukkhassa samudayo taṇhāya anaññatte satīti adhippāyo. Na ca siyā taṇhā dukkhassa samudayo jarāmaraṇato anaññatte satīti bhāvo. Na hi jarāmaraṇaṃ dukkhassa samudayo, taṇhā dukkhassa samudayo, tasmā veditabbaṃ etesamatthato nānattanti adhippāyo. Yathā ca taṇhā maggavajjhā, evaṃ jarāmaraṇampi siyā maggavajjhaṃ taṇhāya anaññatte sati. Yathā ca jarāmaraṇaṃ na maggavajjhaṃ, tathā taṇhāpi siyāti ayampi nayo vutto evāti daṭṭhabbaṃ. Imāya yuttiyāti imāya yathāvuttāya upapattiyā. Aññamaññehīti aññāhi aññāhi kāraṇūpapattīhi atthato ce aññattaṃ, tadaññampi byañjanato gavesitabbanti attho.
อิเมสํ ธมฺมานํ อตฺถโต เอกตฺตนฺติ อิมเมวตฺถํ ‘‘น หิ ยุชฺชตี’’ติอาทินา วิวรติฯ ตณฺหาย อธิปฺปาเย อปริปูรมาเนติ อิจฺฉิตาลาภมาหฯ เตน อิจฺฉาตณฺหานํ อตฺถโต เอกตฺตํ วุตฺตํ โหตีติฯ เอเตน น หิ ยุชฺชติ อิจฺฉาย จ ตณฺหาย จ อตฺถโต อญฺญตฺตนฺติฯ ยถา อิทํ วจนํ สมตฺถนํ โหติ, เอวํ อิจฺฉาวิปริยาเย อาฆาตวตฺถูสุ โกโธ จ อุปนาโห จ อุปฺปชฺชตีติ อิทมฺปิ สมตฺถนํ โหติ, น ตถา ชรามรณวิปริยาเยติ ชรามรณตณฺหานํ อตฺถโต อญฺญตฺตมฺปิ สมตฺถิตํ โหตีติ เอตมตฺถํ ทเสฺสติ ‘‘อิมาย ยุตฺติยา’’ติอาทินาฯ
Imesaṃ dhammānaṃ atthato ekattanti imamevatthaṃ ‘‘na hi yujjatī’’tiādinā vivarati. Taṇhāya adhippāye aparipūramāneti icchitālābhamāha. Tena icchātaṇhānaṃ atthato ekattaṃ vuttaṃ hotīti. Etena na hi yujjati icchāya ca taṇhāya ca atthato aññattanti. Yathā idaṃ vacanaṃ samatthanaṃ hoti, evaṃ icchāvipariyāye āghātavatthūsu kodho ca upanāho ca uppajjatīti idampi samatthanaṃ hoti, na tathā jarāmaraṇavipariyāyeti jarāmaraṇataṇhānaṃ atthato aññattampi samatthitaṃ hotīti etamatthaṃ dasseti ‘‘imāya yuttiyā’’tiādinā.
ยทิ อิจฺฉาตณฺหานํ อตฺถโต อนญฺญตฺตํ, อถ กสฺมา ภควตา อิมิสฺสา คาถาย ทฺวิธา วุตฺตาติ? ตตฺถ ปริหารมาห ‘‘ยํ ปนิท’’นฺติอาทินาฯ ตตฺถ ยนฺติ กิริยาปรามสนํฯ อภิลปิตนฺติ วุตฺตํ ยํ อิทํ อภิลปนํ , อิทํ พาหิรานํ รูปาทีนํ วตฺถูนํ อารมฺมณวเสน, อารมฺมณกรณวเสน วา โยเชตพฺพํฯ ทฺวีหิ ธเมฺมหีติ ทฺวีหิ ปกตีหิฯ กา ปน ตา ปกติโยติ? อปฺปตฺตสฺส วิสยสฺส เอสนวเสน อิจฺฉา, ปตฺตสฺส อปฺปตฺตสฺส วา ปาตุกามตาวเสน ตณฺหา, อยเมตาสํ วิเสโสฯ ยทิปิ เอวํ, ตถาปิ สพฺพา ตณฺหา รูปาทิวิสยํ คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐเปตฺวา คหเณน เอกสภาวา เอวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สพฺพา หิ ตณฺหา อโชฺฌสานลกฺขเณน เอกลกฺขณา’’ติ อาหฯ อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย ปกาเสโนฺต ‘‘สโพฺพ อคฺคี’’ติอาทิมาห, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Yadi icchātaṇhānaṃ atthato anaññattaṃ, atha kasmā bhagavatā imissā gāthāya dvidhā vuttāti? Tattha parihāramāha ‘‘yaṃ panida’’ntiādinā. Tattha yanti kiriyāparāmasanaṃ. Abhilapitanti vuttaṃ yaṃ idaṃ abhilapanaṃ , idaṃ bāhirānaṃ rūpādīnaṃ vatthūnaṃ ārammaṇavasena, ārammaṇakaraṇavasena vā yojetabbaṃ. Dvīhi dhammehīti dvīhi pakatīhi. Kā pana tā pakatiyoti? Appattassa visayassa esanavasena icchā, pattassa appattassa vā pātukāmatāvasena taṇhā, ayametāsaṃ viseso. Yadipi evaṃ, tathāpi sabbā taṇhā rūpādivisayaṃ gilitvā pariniṭṭhapetvā gahaṇena ekasabhāvā evāti dassento ‘‘sabbā hi taṇhā ajjhosānalakkhaṇena ekalakkhaṇā’’ti āha. Idāni tamatthaṃ upamāya pakāsento ‘‘sabbo aggī’’tiādimāha, taṃ suviññeyyameva.
อยํ ปน น เกวลํ ตณฺหา อารมฺมเณ ปวตฺติวิเสเสน ทฺวีหิ เอว นาเมหิ วุตฺตา, อถ โข อเนเกหิปิ ปริยาเยหีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อิจฺฉาอิติปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Ayaṃ pana na kevalaṃ taṇhā ārammaṇe pavattivisesena dvīhi eva nāmehi vuttā, atha kho anekehipi pariyāyehīti dassanatthaṃ ‘‘icchāitipī’’tiādi vuttaṃ.
ตตฺถ อิจฺฉนฺติ ตาย อารมฺมณานีติ อิจฺฉาฯ ตณฺหายนเฎฺฐน ตณฺหาฯ ปีฬาชนนโต ทุรุทฺธารณโต จ วิสปีตํ สลฺลํ วิยาติ สลฺลํฯ สนฺตาปนเฎฺฐน ธูปายนาฯ อากฑฺฒนเฎฺฐน สีฆโสตา สริตา วิยาติ สริตา, อลฺลเฎฺฐน วา สริตา, ‘‘สริตานิ สิเนหิตานิ จ, โสมนสฺสานิ ภวนฺติ ชนฺตุโน’’ติ (ธ. ป. ๓๔๑) หิ วุตฺตํฯ อลฺลานิ เจว สินิทฺธานิ จาติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ วิสตฺติกาติ วิสตาติ วิสตฺติกาฯ วิสฎาติ วิสตฺติกาฯ วิสมาติ วิสตฺติกาฯ วิสาลาติ วิสตฺติกาฯ วิสกฺกตีติ วิสตฺติกาฯ วิสํวาทิกาติ วิสตฺติกา ฯ วิสํหรตีติ วิสตฺติกาฯ วิสมูลาติ วิสตฺติกาฯ วิสผลาติ วิสตฺติกาฯ วิสปริโภคาติ วิสตฺติกาฯ วิสตา วา ปน สา ตณฺหา รูเป สเทฺท คเนฺธ รเส โผฎฺฐเพฺพ ธเมฺม กุเล คเณ วิสตา วิตฺถตาติ วิสตฺติกาฯ
Tattha icchanti tāya ārammaṇānīti icchā. Taṇhāyanaṭṭhena taṇhā. Pīḷājananato duruddhāraṇato ca visapītaṃ sallaṃ viyāti sallaṃ. Santāpanaṭṭhena dhūpāyanā. Ākaḍḍhanaṭṭhena sīghasotā saritā viyāti saritā, allaṭṭhena vā saritā, ‘‘saritāni sinehitāni ca, somanassāni bhavanti jantuno’’ti (dha. pa. 341) hi vuttaṃ. Allāni ceva siniddhāni cāti ayamettha attho. Visattikāti visatāti visattikā. Visaṭāti visattikā. Visamāti visattikā. Visālāti visattikā. Visakkatīti visattikā. Visaṃvādikāti visattikā . Visaṃharatīti visattikā. Visamūlāti visattikā. Visaphalāti visattikā. Visaparibhogāti visattikā. Visatā vā pana sā taṇhā rūpe sadde gandhe rase phoṭṭhabbe dhamme kule gaṇe visatā vitthatāti visattikā.
สิเนหนวเสน สิเนโหฯ นานาคตีสุ กิลมถุปฺปาทเนน กิลมโถฯ ปลิเวฐนเฎฺฐน ลตา วิยาติ ลตาฯ ‘‘ลตา อุปฺปชฺช ติฎฺฐตี’’ติ (ธ. ป. ๓๔๐) หิ วุตฺตํฯ มมนฺติ มญฺญนวเสน มญฺญนาฯ ทูรคตมฺปิ อากฑฺฒิตฺวา พนฺธนเฎฺฐน พโนฺธฯ อาสีสนเฎฺฐน อาสาฯ อารมฺมณรสํ ปาตุกามตาวเสน ปิปาสาฯ อภินนฺทนเฎฺฐน อภินนฺทนาฯ อิตีติ เอวํ อารมฺมเณ ปวตฺติวิเสเสน อเนเกหิ นาเมหิ คยฺหมานาปิ สพฺพา ตณฺหา อโชฺฌสานลกฺขเณน เอกลกฺขณาติ ยถาวุตฺตมตฺถํ นิคเมติฯ
Sinehanavasena sineho. Nānāgatīsu kilamathuppādanena kilamatho. Paliveṭhanaṭṭhena latā viyāti latā. ‘‘Latā uppajja tiṭṭhatī’’ti (dha. pa. 340) hi vuttaṃ. Mamanti maññanavasena maññanā. Dūragatampi ākaḍḍhitvā bandhanaṭṭhena bandho. Āsīsanaṭṭhena āsā. Ārammaṇarasaṃ pātukāmatāvasena pipāsā. Abhinandanaṭṭhena abhinandanā. Itīti evaṃ ārammaṇe pavattivisesena anekehi nāmehi gayhamānāpi sabbā taṇhā ajjhosānalakkhaṇena ekalakkhaṇāti yathāvuttamatthaṃ nigameti.
ปุน ตณฺหาย อเนเกหิ นาเมหิ คหิตภาวเมว ‘‘ยถา จา’’ติอาทินา อุปจเยน ทเสฺสติฯ ตตฺถ เววจเนติ เววจนหารวิภเงฺคฯ ‘‘อาสา จ ปิหา’’ติ คาถาย (เนตฺติ. ๓๗; เปฎโก. ๑๑) อตฺถํ ตเตฺถว วณฺณยิสฺสามฯ อวิคตราคสฺสาติอาทีสุ รญฺชนเฎฺฐน ราโค, ฉนฺทนเฎฺฐน ฉโนฺท, ปิยายนเฎฺฐน เปมํ, ปริทหนเฎฺฐน ปริทาโหติ ตณฺหาว วุตฺตาฯ เตเนวาห – ‘‘ตณฺหาเยตํ เววจน’’นฺติฯ เอวํ ยุชฺชตีติ เอวํ อิจฺฉาตณฺหานํ อตฺถโต อนญฺญตฺตา ‘‘ตโย ปญฺหา’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตํ ยุชฺชติ ยุตฺติยา สงฺคจฺฉตีติ อโตฺถฯ
Puna taṇhāya anekehi nāmehi gahitabhāvameva ‘‘yathā cā’’tiādinā upacayena dasseti. Tattha vevacaneti vevacanahāravibhaṅge. ‘‘Āsā ca pihā’’ti gāthāya (netti. 37; peṭako. 11) atthaṃ tattheva vaṇṇayissāma. Avigatarāgassātiādīsu rañjanaṭṭhena rāgo, chandanaṭṭhena chando, piyāyanaṭṭhena pemaṃ, paridahanaṭṭhena paridāhoti taṇhāva vuttā. Tenevāha – ‘‘taṇhāyetaṃ vevacana’’nti. Evaṃ yujjatīti evaṃ icchātaṇhānaṃ atthato anaññattā ‘‘tayo pañhā’’ti yaṃ vuttaṃ, taṃ yujjati yuttiyā saṅgacchatīti attho.
๒๑. เอวํ ‘‘เกนสฺสุพฺภาหโต โลโก’’ติ (สํ. นิ. ๑.๖๖) คาถาย ‘‘ตโย ปญฺหา’’ติ ปญฺหตฺตยภาเว ยุตฺติํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อเญฺญหิ ปกาเรหิ ยุตฺติคเวสนํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สโพฺพ ทุกฺขูปจาโร’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ทุกฺขูปจาโรติ ทุกฺขปฺปวตฺติฯ กามตณฺหาสงฺขารมูลโกติ กามตณฺหาปจฺจยสงฺขารเหตุโกติ ยุชฺชตีติ อธิปฺปาโยฯ นิพฺพิทูปจาโรติ นิพฺพิทาปวตฺติ กามานํ วิปริณามญฺญถาภาวา อุปฺปชฺชมานา อนภิรติ ญาณนิพฺพิทา จฯ กามตณฺหาปริกฺขารมูลโกติ กามตณฺหาย ปริกฺขารภูตวตฺถุกามเหตุโกฯ ตตฺถ อนภิรติสงฺขาตา นิพฺพิทา กามตณฺหาปริกฺขารมูลิกา, น ญาณนิพฺพิทาติ สโพฺพ นิพฺพิทูปจาโร กามตณฺหาปริกฺขารมูลโกติ น ปน ยุชฺชตีติ วุตฺตํฯ อิมาย ยุตฺติยาติ นยํ ทเสฺสติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ปญฺหตฺตยภาเว ยุตฺติ วุตฺตา, ยถา จ ทุกฺขูปจารนิพฺพิทูปจาเรสุ, เอวํ อิมาย ยุตฺติยา อิมินา โยเคน นเยน อญฺญมเญฺญหิ การเณหิ ตํตํปาฬิปฺปเทเส อนุรูเปหิ อญฺญถา อเญฺญหิ เหตูหิ ยุตฺติ คเวสิตพฺพาติฯ
21. Evaṃ ‘‘kenassubbhāhato loko’’ti (saṃ. ni. 1.66) gāthāya ‘‘tayo pañhā’’ti pañhattayabhāve yuttiṃ dassetvā idāni aññehi pakārehi yuttigavesanaṃ dassento ‘‘sabbo dukkhūpacāro’’tiādimāha. Tattha dukkhūpacāroti dukkhappavatti. Kāmataṇhāsaṅkhāramūlakoti kāmataṇhāpaccayasaṅkhārahetukoti yujjatīti adhippāyo. Nibbidūpacāroti nibbidāpavatti kāmānaṃ vipariṇāmaññathābhāvā uppajjamānā anabhirati ñāṇanibbidā ca. Kāmataṇhāparikkhāramūlakoti kāmataṇhāya parikkhārabhūtavatthukāmahetuko. Tattha anabhiratisaṅkhātā nibbidā kāmataṇhāparikkhāramūlikā, na ñāṇanibbidāti sabbo nibbidūpacāro kāmataṇhāparikkhāramūlakoti na pana yujjatīti vuttaṃ. Imāya yuttiyāti nayaṃ dasseti. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā pañhattayabhāve yutti vuttā, yathā ca dukkhūpacāranibbidūpacāresu, evaṃ imāya yuttiyā iminā yogena nayena aññamaññehi kāraṇehi taṃtaṃpāḷippadese anurūpehi aññathā aññehi hetūhi yutti gavesitabbāti.
อิทานิ ตํ นยทสฺสนํ สํขิตฺตนฺติ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา หิ ภควา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถายํ สเงฺขปโตฺถ – ราคโทสโมหจริตานํ ยถากฺกมํ อสุภเมตฺตาปจฺจยาการกถา ราคาทิวินยนโต สปฺปายาติ อยํ สาสนยุตฺติฯ เอวมวฎฺฐิเต ยทิ ราคจริตสฺส เมตฺตาเจโตวิมุตฺติํ เทเสยฺย, สา เทสนา น ยุชฺชติ อสปฺปายภาวโตฯ ตถา สุขาปฎิปทาทโยติฯ นนุ จ สุขาปฎิปทาทโย ปฎิปตฺติยา สมฺภวนฺติ, น เทสนายาติ? สจฺจเมตํ, อิธ ปน ราคจริโตติ ติพฺพกิเลโส ราคจริโตติ อธิเปฺปโตฯ ตสฺส ทุกฺขาย ปฎิปทาย ภาวนา สมิชฺฌติฯ ยสฺส จ ทุกฺขาย ปฎิปทาย ภาวนา สมิชฺฌติ, ตสฺส ครุตรา อสุภเทสนา สปฺปายา, ยสฺส ครุตรา อสุภเทสนา สปฺปายา, น ตสฺส มนฺทกิเลสสฺส วิย ลหุกตราติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต อาห – ‘‘สุขํ วา ปฎิปทํ…เป.… เทเสยฺย น ยุชฺชติ เทสนา’’ติฯ อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ ยถาสมฺภวํ อโตฺถ วตฺตโพฺพฯ เอตฺถ จ อยุตฺตปริหาเรน ยุตฺติสมธิคโมติ ยุตฺติวิจารณาย อยุตฺติปิ คเวสิตพฺพาติ วุตฺตํ – ‘‘ยทิ หิ…เป.… น ยุชฺชติ เทสนา’’ติฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ เอวํ ยํ กิญฺจีติอาทิ ยุตฺติหารโยชนาย นยทสฺสนเมวฯ
Idāni taṃ nayadassanaṃ saṃkhittanti vitthārato vibhajitvā dassetuṃ ‘‘yathā hi bhagavā’’tiādi āraddhaṃ. Tatthāyaṃ saṅkhepattho – rāgadosamohacaritānaṃ yathākkamaṃ asubhamettāpaccayākārakathā rāgādivinayanato sappāyāti ayaṃ sāsanayutti. Evamavaṭṭhite yadi rāgacaritassa mettācetovimuttiṃ deseyya, sā desanā na yujjati asappāyabhāvato. Tathā sukhāpaṭipadādayoti. Nanu ca sukhāpaṭipadādayo paṭipattiyā sambhavanti, na desanāyāti? Saccametaṃ, idha pana rāgacaritoti tibbakileso rāgacaritoti adhippeto. Tassa dukkhāya paṭipadāya bhāvanā samijjhati. Yassa ca dukkhāya paṭipadāya bhāvanā samijjhati, tassa garutarā asubhadesanā sappāyā, yassa garutarā asubhadesanā sappāyā, na tassa mandakilesassa viya lahukatarāti imamatthaṃ dassento āha – ‘‘sukhaṃ vā paṭipadaṃ…pe… deseyya na yujjati desanā’’ti. Iminā nayena sesapadesupi yathāsambhavaṃ attho vattabbo. Ettha ca ayuttaparihārena yuttisamadhigamoti yuttivicāraṇāya ayuttipi gavesitabbāti vuttaṃ – ‘‘yadi hi…pe… na yujjati desanā’’ti. Sesesupi eseva nayo. Evaṃ yaṃ kiñcītiādi yuttihārayojanāya nayadassanameva.
ตตฺถ เอวนฺติ อิมินา นเยนฯ ยํ กิญฺจีติ อญฺญมฺปิ ยํ กิญฺจิฯ อนุโลมปฺปหานนฺติ ปหานสฺส อนุรูปํ, ปหานสมตฺถนฺติ อโตฺถฯ สุเตฺต อนวเสสานํ ปทตฺถานํ อนุปทวิจารณา วิจโย หาโร, วิจยหารสํวณฺณนาย นิทฺธาริเตสุ อเตฺถสุ ยุตฺติคเวสนํ สุกรนฺติ อาห – ‘‘สพฺพํ ตํ วิจเยน หาเรน วิจินิตฺวา ยุตฺติหาเรน โยเชตพฺพ’’นฺติฯ ยาวติกา ญาณสฺส ภูมีติ สํวเณฺณนฺตสฺส อาจริยสฺส ยํ ญาณํ ยํ ปฎิภานํ, ตสฺส ยตฺตโก วิสโย, ตตฺตโก ยุตฺติหารวิจาโรติ อโตฺถฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อนนฺตนโย สมนฺตภทฺทโก วิมทฺทกฺขโม วิจิตฺตเทสโน จ สทฺธโมฺมติฯ
Tattha evanti iminā nayena. Yaṃ kiñcīti aññampi yaṃ kiñci. Anulomappahānanti pahānassa anurūpaṃ, pahānasamatthanti attho. Sutte anavasesānaṃ padatthānaṃ anupadavicāraṇā vicayo hāro, vicayahārasaṃvaṇṇanāya niddhāritesu atthesu yuttigavesanaṃ sukaranti āha – ‘‘sabbaṃ taṃ vicayena hārena vicinitvā yuttihārena yojetabba’’nti. Yāvatikā ñāṇassa bhūmīti saṃvaṇṇentassa ācariyassa yaṃ ñāṇaṃ yaṃ paṭibhānaṃ, tassa yattako visayo, tattako yuttihāravicāroti attho. Taṃ kissa hetu? Anantanayo samantabhaddako vimaddakkhamo vicittadesano ca saddhammoti.
เอวํ นยทสฺสนวเสเนว ยุตฺติหารโยชนา ทสฺสิตาติ ตํ พฺรหฺมวิหารผลสมาปตฺตินวานุปุพฺพสมาปตฺติวสิภาเวหิ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘เมตฺตาวิหาริสฺส สโต’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ เมตฺตาวิหาริสฺสาติ เมตฺตาวิหารลาภิโนฯ สโตติ สมานสฺส, ตถาภูตสฺสาติ อโตฺถฯ พฺยาปาโทติ ปโทโสฯ จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสตีติ จิตฺตํ อภิภวิสฺสติฯ ยสฺมา ปน กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ อปุพฺพํ อจริมํ ปวตฺติ นาม นตฺถิ, ตสฺมา สมาปตฺติโต วุฎฺฐานสฺส อปรภาเคติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ฐสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ น ยุชฺชติ เทสนาติ พฺยาปาทปฎิปกฺขตฺตา เมตฺตาย ตาทิสี กถา น ยุตฺตาติ อโตฺถฯ พฺยาปาโท ปหานํ อพฺภตฺถํ คจฺฉตีติ ยุชฺชติ เทสนาติ ยถาวุตฺตการณโต เอว อยํ กถา ยุตฺตาติฯ เสสวาเรสุปิ อิมินาว นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อนุตฺตานํ เอว วณฺณยิสฺสามฯ
Evaṃ nayadassanavaseneva yuttihārayojanā dassitāti taṃ brahmavihāraphalasamāpattinavānupubbasamāpattivasibhāvehi vibhajitvā dassetuṃ ‘‘mettāvihārissa sato’’tiādi āraddhaṃ. Tattha mettāvihārissāti mettāvihāralābhino. Satoti samānassa, tathābhūtassāti attho. Byāpādoti padoso. Cittaṃ pariyādāya ṭhassatīti cittaṃ abhibhavissati. Yasmā pana kusalākusalānaṃ dhammānaṃ apubbaṃ acarimaṃ pavatti nāma natthi, tasmā samāpattito vuṭṭhānassa aparabhāgeti dassanatthaṃ ‘‘ṭhassatī’’ti vuttaṃ. Na yujjati desanāti byāpādapaṭipakkhattā mettāya tādisī kathā na yuttāti attho. Byāpādo pahānaṃ abbhatthaṃ gacchatīti yujjati desanāti yathāvuttakāraṇato eva ayaṃ kathā yuttāti. Sesavāresupi imināva nayena attho veditabbo. Anuttānaṃ eva vaṇṇayissāma.
อนิมิตฺตวิหาริสฺสาติ อนิจฺจานุปสฺสนามุเขน ปฎิลทฺธผลสมาปตฺติวิหารสฺสฯ นิมิตฺตานุสารีติ สงฺขารนิมิตฺตานุสารีฯ เตน เตเนวาติ นิจฺจาทีสุ ยํ ยํ ปหีนํ, เตน เตเนว นิมิเตฺตนฯ อสฺมีติ วิคตนฺติ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ ทิฎฺฐิมานวเสน ยํ อสฺมีติ มญฺญิตํ, ตํ วิคตํฯ ตเมวตฺถํ วิวรติ ‘‘อยมหมสฺมีติ น สมนุปสฺสามี’’ติฯ วิจิกิจฺฉากถํกถาสลฺลนฺติ วินยกุกฺกุจฺจสฺสาปิ กถํ กถนฺติ ปวตฺติสพฺภาวโต วิจิกิจฺฉาปเทน วิเสสิตํฯ น ยุชฺชติ เทสนาติ วิจิกิจฺฉาย ปหาเนกฎฺฐภาวโต น ยุตฺตายํ กถาฯ
Animittavihārissāti aniccānupassanāmukhena paṭiladdhaphalasamāpattivihārassa. Nimittānusārīti saṅkhāranimittānusārī. Tena tenevāti niccādīsu yaṃ yaṃ pahīnaṃ, tena teneva nimittena. Asmīti vigatanti pañcasu upādānakkhandhesu diṭṭhimānavasena yaṃ asmīti maññitaṃ, taṃ vigataṃ. Tamevatthaṃ vivarati ‘‘ayamahamasmīti na samanupassāmī’’ti. Vicikicchākathaṃkathāsallanti vinayakukkuccassāpi kathaṃ kathanti pavattisabbhāvato vicikicchāpadena visesitaṃ. Na yujjati desanāti vicikicchāya pahānekaṭṭhabhāvato na yuttāyaṃ kathā.
ปฐมํ ฌานํ สมาปนฺนสฺสาติ ปฐมชฺฌานสมงฺคิโนฯ กามราคพฺยาปาทา วิเสสาย สํวตฺตนฺตีติ น ยุชฺชตีติ ยสฺมา นีวรเณสุ อปฺปหีเนสุ ปฐมชฺฌานสฺส อุปจารมฺปิ น สมฺปชฺชติ, ปเคว ฌานํ, ตสฺมา กามราคพฺยาปาทา วิเสสาย ทุติยชฺฌานาย สํวตฺตนฺตีติ น ยุตฺตายํ กถาฯ ยถาลทฺธสฺส ปน ปฐมชฺฌานสฺส กามราคพฺยาปาทา ปริยุฎฺฐานปฺปตฺตา หานาย สํวตฺตนฺตีติ ยุชฺชติ เทสนา ยุตฺตา กถาติ, เอวํ สพฺพตฺถ โยเชตพฺพํฯ อวิตกฺกสหคตา สญฺญามนสิการา นาม สห อุปจาเรน ทุติยชฺฌานธมฺมา, อารมฺมณกรณโตฺถ เหตฺถ สหคต-สโทฺทฯ หานายาติ ปฐมชฺฌานโต ปริหานายฯ วิเสสายาติ ทุติยชฺฌานายฯ อิมินา นเยน ตตฺถ ตตฺถ หานนฺติ, วิเสโสติ จ วุตฺตธมฺมา เวทิตพฺพาฯ วิตกฺกวิจารสหคตาติ ปฐมชฺฌานธมฺมา, กามาวจรธมฺมา เอว วาฯ อุเปกฺขาสุขสหคตาติ อุปจาเรน สทฺธิํ ทุติยชฺฌานธมฺมา, ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา หิ อิธ อุเปกฺขาติ อธิเปฺปตาฯ ปีติสุขสหคตาติ สห อุปจาเรน ตติยชฺฌานธมฺมาฯ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิสหคตาติ จตุตฺถชฺฌานธมฺมาฯ
Paṭhamaṃ jhānaṃ samāpannassāti paṭhamajjhānasamaṅgino. Kāmarāgabyāpādā visesāya saṃvattantīti na yujjatīti yasmā nīvaraṇesu appahīnesu paṭhamajjhānassa upacārampi na sampajjati, pageva jhānaṃ, tasmā kāmarāgabyāpādā visesāya dutiyajjhānāya saṃvattantīti na yuttāyaṃ kathā. Yathāladdhassa pana paṭhamajjhānassa kāmarāgabyāpādā pariyuṭṭhānappattā hānāya saṃvattantīti yujjati desanā yuttā kathāti, evaṃ sabbattha yojetabbaṃ. Avitakkasahagatā saññāmanasikārā nāma saha upacārena dutiyajjhānadhammā, ārammaṇakaraṇattho hettha sahagata-saddo. Hānāyāti paṭhamajjhānato parihānāya. Visesāyāti dutiyajjhānāya. Iminā nayena tattha tattha hānanti, visesoti ca vuttadhammā veditabbā. Vitakkavicārasahagatāti paṭhamajjhānadhammā, kāmāvacaradhammā eva vā. Upekkhāsukhasahagatāti upacārena saddhiṃ dutiyajjhānadhammā, tatramajjhattupekkhā hi idha upekkhāti adhippetā. Pītisukhasahagatāti saha upacārena tatiyajjhānadhammā. Upekkhāsatipārisuddhisahagatāti catutthajjhānadhammā.
สญฺญูปจาราติ ปฎุสญฺญากิจฺจํ กโรนฺตา เอว เย เกจิ จิตฺตุปฺปาทา, ‘‘อากิญฺจญฺญายตนธมฺมา’’ติปิ วทนฺติฯ สญฺญาเวทยิตนิโรธสหคตาติ ‘‘สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามี’’ติ ตสฺส ปริกมฺมวเสน ปวตฺตธมฺมาฯ เต ปน ยสฺมา เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติยํ ฐิเตเนว สกฺกา สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ, น ตโต ปริหีเนน, ตสฺมา เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติยา หานาย สํวตฺตนฺตีติ น ยุตฺตา กถาฯ วิเสสาย สํวตฺตนฺตีติ ปน ยุตฺตา กถาติ อาห – ‘‘หานาย…เป.… เทสนา’’ติฯ กลฺลตาปริจิตนฺติ สมตฺถภาเวน ปริจิตํ, ยถาวุตฺตสมาปตฺตีสุ วสิภาเวน ปริจิตนฺติ อโตฺถฯ เตเนวาห – ‘‘อภินีหารํ ขมตี’’ติฯ เสสํ สพฺพํ อุตฺตานเมวฯ
Saññūpacārāti paṭusaññākiccaṃ karontā eva ye keci cittuppādā, ‘‘ākiñcaññāyatanadhammā’’tipi vadanti. Saññāvedayitanirodhasahagatāti ‘‘saññāvedayitanirodhaṃ upasampajja viharissāmī’’ti tassa parikammavasena pavattadhammā. Te pana yasmā nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiyaṃ ṭhiteneva sakkā saññāvedayitanirodhaṃ upasampajja viharituṃ, na tato parihīnena, tasmā nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiyā hānāya saṃvattantīti na yuttā kathā. Visesāya saṃvattantīti pana yuttā kathāti āha – ‘‘hānāya…pe… desanā’’ti. Kallatāparicitanti samatthabhāvena paricitaṃ, yathāvuttasamāpattīsu vasibhāvena paricitanti attho. Tenevāha – ‘‘abhinīhāraṃ khamatī’’ti. Sesaṃ sabbaṃ uttānameva.
อปิ เจตฺถ อปฺปฎิกฺกูลสญฺญามุเขน กามจฺฉโนฺท วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ ปฎิกฺกูลสญฺญาปติรูปตาย พฺยาปาโท วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ สมาธิมุเขน ถินมิทฺธํ วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ วีริยารมฺภมุเขน อุทฺธจฺจํ วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ สิกฺขากามตามุเขน กุกฺกุจฺจํ วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ อุภยปกฺขสนฺตีรณมุเขน วิจิกิจฺฉา วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ อิฎฺฐานิฎฺฐสมุเปกฺขนมุเขน สโมฺมโห วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ อตฺตญฺญุตามุเขน อตฺตนิ อปริภวเน มาโน วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ วีมํสามุเขน เหตุปติรูปกปริคฺคเหน มิจฺฉาทิฎฺฐิ วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ วิรตฺตตาปติรูปเกน สเตฺตสุ อทยาปนฺนตา วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ อนุญฺญาตปฎิเสวนปติรูปตาย กามสุขลฺลิกานุโยโค วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ อาชีวปาริสุทฺธิปติรูปตาย อสํวิภาคสีลตา วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ สํวิภาคสีลตาปติรูปตาย มิจฺฉาชีโว วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ อสํสคฺควิหาริตาปติรูปตาย อสงฺคหสีลตา วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ สงฺคหสีลตาปติรูปตาย อนนุโลมิกสํสโคฺค วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ สจฺจวาทิตาปติรูปตาย ปิสุณวาจา วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ อปิสุณวาทิตาปติรูปตาย อนตฺถกามตา วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ ปิยวาทิตาปติรูปตาย จาฎุกมฺยตา วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ มิตภาณิตาปติรูปตาย อสโมฺมทนสีลตา วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ สโมฺมทนสีลตาปติรูปตาย มายา สาเฐยฺยญฺจ วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ นิคฺคยฺหวาทิตาปติรูปตาย ผรุสวาจตา วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ ปาปครหิตาปติรูปตาย ปรวชฺชานุปสฺสิตา วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ กุลานุทฺธยตาปติรูปตาย กุลมจฺฉริยํ วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ อาวาสจิรฎฺฐิติกามตามุเขน อาวาสมจฺฉริยํ วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ ธมฺมปริพนฺธปริหรณมุเขน ธมฺมมจฺฉริยํ วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ ธมฺมเทสนาภิรติมุเขน ภสฺสารามตา วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ อผรุสวาจตาคณานุคฺคหกรณมุเขน สงฺคณิการามตา วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ ปุญฺญกามตาปติรูปตาย กมฺมารามตา วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ สํเวคปติรูเปน จิตฺตสนฺตาโป วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ สทฺธาลุตาปติรูปตาย อปริกฺขตา วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ วีมํสนาปติรูเปน อสฺสทฺธิยํ วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ อตฺตาธิปเตยฺยปติรูเปน ครูนํ อนุสาสนิยา อปฺปทกฺขิณคฺคาหิตา วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ ธมฺมาธิปเตยฺยปติรูเปน สพฺรหฺมจารีสุ อคารวํ วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ โลกาธิปเตยฺยปติรูเปน อตฺตนิ ธเมฺม จ ปริภโว วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ เมตฺตายนามุเขน ราโค วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ กรุณายนาปติรูเปน โสโก วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ มุทิตาวิหารปติรูเปน ปหาโส วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ อุเปกฺขาวิหารปติรูเปน กุสเลสุ ธเมฺมสุ นิกฺขิตฺตฉนฺทตา วเญฺจตีติ ยุชฺชติฯ เอวํ อาคมปติรูปกอธิคมปติรูปกาทีนมฺปิ ตถา ตถา วญฺจนสภาโว ยุตฺติโต เวทิตโพฺพฯ เอวํ อาคมานุสาเรน ยุตฺติคเวสนา กาตพฺพาติฯ
Api cettha appaṭikkūlasaññāmukhena kāmacchando vañcetīti yujjati. Paṭikkūlasaññāpatirūpatāya byāpādo vañcetīti yujjati. Samādhimukhena thinamiddhaṃ vañcetīti yujjati. Vīriyārambhamukhena uddhaccaṃ vañcetīti yujjati. Sikkhākāmatāmukhena kukkuccaṃ vañcetīti yujjati. Ubhayapakkhasantīraṇamukhena vicikicchā vañcetīti yujjati. Iṭṭhāniṭṭhasamupekkhanamukhena sammoho vañcetīti yujjati. Attaññutāmukhena attani aparibhavane māno vañcetīti yujjati. Vīmaṃsāmukhena hetupatirūpakapariggahena micchādiṭṭhi vañcetīti yujjati. Virattatāpatirūpakena sattesu adayāpannatā vañcetīti yujjati. Anuññātapaṭisevanapatirūpatāya kāmasukhallikānuyogo vañcetīti yujjati. Ājīvapārisuddhipatirūpatāya asaṃvibhāgasīlatā vañcetīti yujjati. Saṃvibhāgasīlatāpatirūpatāya micchājīvo vañcetīti yujjati. Asaṃsaggavihāritāpatirūpatāya asaṅgahasīlatā vañcetīti yujjati. Saṅgahasīlatāpatirūpatāya ananulomikasaṃsaggo vañcetīti yujjati. Saccavāditāpatirūpatāya pisuṇavācā vañcetīti yujjati. Apisuṇavāditāpatirūpatāya anatthakāmatā vañcetīti yujjati. Piyavāditāpatirūpatāya cāṭukamyatā vañcetīti yujjati. Mitabhāṇitāpatirūpatāya asammodanasīlatā vañcetīti yujjati. Sammodanasīlatāpatirūpatāya māyā sāṭheyyañca vañcetīti yujjati. Niggayhavāditāpatirūpatāya pharusavācatā vañcetīti yujjati. Pāpagarahitāpatirūpatāya paravajjānupassitā vañcetīti yujjati. Kulānuddhayatāpatirūpatāya kulamacchariyaṃ vañcetīti yujjati. Āvāsaciraṭṭhitikāmatāmukhena āvāsamacchariyaṃ vañcetīti yujjati. Dhammaparibandhapariharaṇamukhena dhammamacchariyaṃ vañcetīti yujjati. Dhammadesanābhiratimukhena bhassārāmatā vañcetīti yujjati. Apharusavācatāgaṇānuggahakaraṇamukhena saṅgaṇikārāmatā vañcetīti yujjati. Puññakāmatāpatirūpatāya kammārāmatā vañcetīti yujjati. Saṃvegapatirūpena cittasantāpo vañcetīti yujjati. Saddhālutāpatirūpatāya aparikkhatā vañcetīti yujjati. Vīmaṃsanāpatirūpena assaddhiyaṃ vañcetīti yujjati. Attādhipateyyapatirūpena garūnaṃ anusāsaniyā appadakkhiṇaggāhitā vañcetīti yujjati. Dhammādhipateyyapatirūpena sabrahmacārīsu agāravaṃ vañcetīti yujjati. Lokādhipateyyapatirūpena attani dhamme ca paribhavo vañcetīti yujjati. Mettāyanāmukhena rāgo vañcetīti yujjati. Karuṇāyanāpatirūpena soko vañcetīti yujjati. Muditāvihārapatirūpena pahāso vañcetīti yujjati. Upekkhāvihārapatirūpena kusalesu dhammesu nikkhittachandatā vañcetīti yujjati. Evaṃ āgamapatirūpakaadhigamapatirūpakādīnampi tathā tathā vañcanasabhāvo yuttito veditabbo. Evaṃ āgamānusārena yuttigavesanā kātabbāti.
ยุตฺติหารวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Yuttihāravibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๓. ยุตฺติหารวิภโงฺค • 3. Yuttihāravibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๓. ยุตฺติหารวิภงฺควณฺณนา • 3. Yuttihāravibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๓. ยุตฺติหารวิภงฺควิภาวนา • 3. Yuttihāravibhaṅgavibhāvanā