Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī

    ๓. ยุตฺติหารวิภงฺควิภาวนา

    3. Yuttihāravibhaṅgavibhāvanā

    ๑๘. เยน เยน สํวณฺณนาวิเสสภูเตน วิจยหารวิภเงฺคน ปทปญฺหาทโย วิจิตา, โส สํวณฺณนาวิเสสภูโต วิจยหารวิภโงฺค ปริปุโณฺณ, ‘‘กตโม ยุตฺติหารวิภโงฺค’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตโม ยุตฺติหาโร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ นิทฺทิเฎฺฐสุ โสฬสสุ หาเรสุ กตโม สํวณฺณนาวิเสโส ยุตฺติหาโร ยุตฺติหารวิภโงฺคติ ปุจฺฉิฯ ‘‘สเพฺพสํ หาราน’’นฺติอาทินิเทฺทสสฺส อิทานิ วุจฺจมาโน ‘‘อยํ ยุตฺติหาโร’’ติอาทิโก วิตฺถารสํวณฺณนาวิเสโส ยุตฺติหารวิภโงฺค นามาติ วิเญฺญโยฺยฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตตฺถ กตโม ยุตฺติหาโรติอาทิ ยุตฺติหารวิภโงฺค’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๑๘)ฯ อยํ ยุตฺติหาโร กิํ นาม สุตฺตตฺถํ ยุตฺตายุตฺติวเสน โยชยตีติ ยุญฺชิตพฺพํ สุตฺตตฺถํ ปุจฺฉติฯ สุตฺตโตฺถ ปน ทุวิโธ อตถากาเรน คยฺหมาโน, ตถากาเรน คยฺหมาโน อโตฺถติฯ ตตฺถ อตถากาเรน คยฺหมาโนว อโตฺถ ยาถาวโต ยุตฺตินิทฺธารเณน โยเชตโพฺพ, อิตโร ปน ภูตกถนมเตฺตน โยเชตโพฺพฯ ยสฺมา ปนายํ ยุตฺติคเวสนา นาม สํวณฺณนา มหาปเทเสหิ วินา น สมฺภวติ, ตสฺมา ยุตฺติหารํ วิภชโนฺต ตสฺส ยุตฺติหารสฺส ลกฺขณํ ปฐมํ อุปทิสิตุํ ‘‘จตฺตาโร มหาปเทสา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ มหาปเทสาติ มหเนฺต พุทฺธาทโย อปทิสิตฺวา วุตฺตานิ การณานิ, มหนฺตานิ วา ธมฺมสฺส อปเทสานิ ปติฎฺฐานานิฯ อปทิสียเตติ อปเทโส, พุโทฺธ อปเทโส เอตสฺส การณสฺสาติ พุทฺธาปเทโสฯ เสเสสุปิ เอเสว นโย เนตโพฺพฯ ‘‘พุทฺธสฺส สมฺมุขา เอตํ สุตฺตํ มยา สุต’’นฺติ วตฺวา อาภตสฺส คนฺถสฺส สุตฺตวินเยหิ สํสนฺทนํ ธโมฺม, อสํสนฺทนํ อธโมฺมติ วินิจฺฉยการณํ มหาปเทโสติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘พุทฺธสฺส สมฺมุขา มยา อาภตํ, สงฺฆสฺส สมฺมุขา มยา อาภตํ, สมฺพหุลเตฺถรานํ สมฺมุขา มยา อาภตํ, เอกเตฺถรสฺส สมฺมุขา มยา อาภต’’นฺติ วตฺวา อาภตสฺส คนฺถสฺส ยานิ พฺยญฺชนปทอตฺถปทานิ สนฺติ, ตานิ ปทพฺยญฺชนานิ ภควตา เทสิเต สุเตฺต โอตรยิตพฺพานิ อนุปฺปเวสิตานิ, วินเย ราคาทิวินเย สนฺทสฺสยิตพฺพานิ สํสเนฺทตพฺพานิฯ ธมฺมตายํ อุปนิกฺขิปิตพฺพานิ ปกฺขิปิตพฺพานิฯ ยทิ สุตฺตเตฺถน, วินยเตฺถน, ธมฺมตาย จ อวิรุทฺธานิ โหนฺติ, เอวํ สติ ตว อาภตปทพฺยญฺชนานิ ยุตฺตานีติ วินิจฺฉยเนฺตหิ วตฺวา คเหตพฺพานีติ อธิปฺปาโยฯ

    18. Yena yena saṃvaṇṇanāvisesabhūtena vicayahāravibhaṅgena padapañhādayo vicitā, so saṃvaṇṇanāvisesabhūto vicayahāravibhaṅgo paripuṇṇo, ‘‘katamo yuttihāravibhaṅgo’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamo yuttihāro’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tesu niddiṭṭhesu soḷasasu hāresu katamo saṃvaṇṇanāviseso yuttihāro yuttihāravibhaṅgoti pucchi. ‘‘Sabbesaṃ hārāna’’ntiādiniddesassa idāni vuccamāno ‘‘ayaṃ yuttihāro’’tiādiko vitthārasaṃvaṇṇanāviseso yuttihāravibhaṅgo nāmāti viññeyyo. Tena vuttaṃ ‘‘tattha katamo yuttihārotiādi yuttihāravibhaṅgo’’ti (netti. aṭṭha. 18). Ayaṃ yuttihāro kiṃ nāma suttatthaṃ yuttāyuttivasena yojayatīti yuñjitabbaṃ suttatthaṃ pucchati. Suttattho pana duvidho atathākārena gayhamāno, tathākārena gayhamāno atthoti. Tattha atathākārena gayhamānova attho yāthāvato yuttiniddhāraṇena yojetabbo, itaro pana bhūtakathanamattena yojetabbo. Yasmā panāyaṃ yuttigavesanā nāma saṃvaṇṇanā mahāpadesehi vinā na sambhavati, tasmā yuttihāraṃ vibhajanto tassa yuttihārassa lakkhaṇaṃ paṭhamaṃ upadisituṃ ‘‘cattāro mahāpadesā’’tiādimāha. Tattha mahāpadesāti mahante buddhādayo apadisitvā vuttāni kāraṇāni, mahantāni vā dhammassa apadesāni patiṭṭhānāni. Apadisīyateti apadeso, buddho apadeso etassa kāraṇassāti buddhāpadeso. Sesesupi eseva nayo netabbo. ‘‘Buddhassa sammukhā etaṃ suttaṃ mayā suta’’nti vatvā ābhatassa ganthassa suttavinayehi saṃsandanaṃ dhammo, asaṃsandanaṃ adhammoti vinicchayakāraṇaṃ mahāpadesoti adhippāyo. ‘‘Buddhassa sammukhā mayā ābhataṃ, saṅghassa sammukhā mayā ābhataṃ, sambahulattherānaṃ sammukhā mayā ābhataṃ, ekattherassa sammukhā mayā ābhata’’nti vatvā ābhatassa ganthassa yāni byañjanapadaatthapadāni santi, tāni padabyañjanāni bhagavatā desite sutte otarayitabbāni anuppavesitāni, vinaye rāgādivinaye sandassayitabbāni saṃsandetabbāni. Dhammatāyaṃ upanikkhipitabbāni pakkhipitabbāni. Yadi suttatthena, vinayatthena, dhammatāya ca aviruddhāni honti, evaṃ sati tava ābhatapadabyañjanāni yuttānīti vinicchayantehi vatvā gahetabbānīti adhippāyo.

    สุตฺตวินยธมฺมตาสุ โอตรยิตพฺพานิ สนฺทสฺสยิตพฺพานิ อุปนิกฺขิปิตพฺพานีติ อาจริเยน วุตฺตานิ, ‘‘กตฺถ สุเตฺต, กตฺถ วินเย, กตฺถ ธมฺมตาย’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘กตมสฺมิํ สุเตฺต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ จตูสุ อริยสเจฺจสูติ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ทสฺสนเกสุ สุเตฺตสุฯ ราโค วินสฺสติ วูปสมติ เอเตน อสุภาทินาติ ราควินยํ, กิํ ตํ? อสุภาทินิมิตฺตํ, ตํ อสฺส อตฺถีติ ราควินโย, โก โส? อสุภาทินิมิตฺตทสฺสนโก สุตฺตนฺตวิเสโสฯ เอส นโย โทสวินโยติอาทีสุปิฯ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท นาม สสฺสตทิฎฺฐิอุเจฺฉททิฎฺฐิํ วิวเชฺชตฺวา เอกตฺตนยาทีนํ ทีปเนน อวิชฺชาทิสงฺขาราทิสภาวธมฺมานํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาวทีปโกติ วุตฺตํ ‘‘กตมิสฺสํ ธมฺมตายํ อุปนิกฺขิปิตพฺพานิ? ปฎิจฺจสมุปฺปาเท’’ติฯ

    Suttavinayadhammatāsu otarayitabbāni sandassayitabbāni upanikkhipitabbānīti ācariyena vuttāni, ‘‘kattha sutte, kattha vinaye, kattha dhammatāya’’nti vattabbattā ‘‘katamasmiṃ sutte’’tiādi vuttaṃ. Tattha catūsu ariyasaccesūti catunnaṃ ariyasaccānaṃ dassanakesu suttesu. Rāgo vinassati vūpasamati etena asubhādināti rāgavinayaṃ, kiṃ taṃ? Asubhādinimittaṃ, taṃ assa atthīti rāgavinayo, ko so? Asubhādinimittadassanako suttantaviseso. Esa nayo dosavinayotiādīsupi. Paṭiccasamuppādo nāma sassatadiṭṭhiucchedadiṭṭhiṃ vivajjetvā ekattanayādīnaṃ dīpanena avijjādisaṅkhārādisabhāvadhammānaṃ paccayapaccayuppannabhāvadīpakoti vuttaṃ ‘‘katamissaṃ dhammatāyaṃ upanikkhipitabbāni? Paṭiccasamuppāde’’ti.

    ‘‘สุตฺตาทีสุ อวตรเนฺต สนฺทิสฺสเนฺต อวิโลเมเนฺต กิํ น ชเนตี’’ติ วตฺตพฺพโต ‘‘จตูสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘พุทฺธาทีนํ สมฺมุขา มยา อาภต’’นฺติ วตฺวา อาภตคโนฺถ จตูสุ อริยสเจฺจสุ ยทิ อวตรติ, เอวํ สติ อาภตคโนฺถ อาสเว น ชเนติฯ ราคาทิกิเลสวินเย ยทิ สนฺทิสฺสติ, เอวํ สติ อาภตคโนฺถ อาสเว น ชเนติฯ ธมฺมตญฺจ ยทิ น วิโลเมติ, เอวํ สติ อาภตคโนฺถ อาสเว น ชเนตีติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    ‘‘Suttādīsu avatarante sandissante avilomente kiṃ na janetī’’ti vattabbato ‘‘catūsū’’tiādi vuttaṃ. Tattha ‘‘buddhādīnaṃ sammukhā mayā ābhata’’nti vatvā ābhatagantho catūsu ariyasaccesu yadi avatarati, evaṃ sati ābhatagantho āsave na janeti. Rāgādikilesavinaye yadi sandissati, evaṃ sati ābhatagantho āsave na janeti. Dhammatañca yadi na vilometi, evaṃ sati ābhatagantho āsave na janetīti attho daṭṭhabbo.

    ‘‘กิมตฺถํ ยุตฺติหารวิภเงฺค จตฺตาโร มหาปเทสา อาภตา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘จตูหิ มหาปเทเสหี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อาภตคเนฺถ ยํ ยํ อตฺถชาตํ, ยํ ยํ ธมฺมชาตํ วา จตูหิ มหาปเทเสหิ ยุชฺชติ, ตํ ตํ อตฺถชาตํ วา ตํ ตํ ธมฺมชาตํ วา สํวเณฺณตพฺพสุเตฺต คเหตพฺพํฯ เยน เยน การเณน จ จตูหิ มหาปเทเสหิ ยุชฺชติ, ตํ ตํ การณํ สํวณฺณนาวเสน สํวเณฺณตพฺพสุเตฺต คเหตพฺพํฯ ยถา ยถา ปกาเรน จตูหิ มหาปเทเสหิ ยุชฺชติ, โส โส ปกาโร สํวณฺณนาวเสน สํวเณฺณตพฺพสุเตฺต คเหตโพฺพฯ เอวํ คาหณตฺถํ จตฺตาโร มหาปเทสา อาภตาติ อโตฺถฯ

    ‘‘Kimatthaṃ yuttihāravibhaṅge cattāro mahāpadesā ābhatā’’ti vattabbattā ‘‘catūhi mahāpadesehī’’tiādimāha. Tattha ābhataganthe yaṃ yaṃ atthajātaṃ, yaṃ yaṃ dhammajātaṃ vā catūhi mahāpadesehi yujjati, taṃ taṃ atthajātaṃ vā taṃ taṃ dhammajātaṃ vā saṃvaṇṇetabbasutte gahetabbaṃ. Yena yena kāraṇena ca catūhi mahāpadesehi yujjati, taṃ taṃ kāraṇaṃ saṃvaṇṇanāvasena saṃvaṇṇetabbasutte gahetabbaṃ. Yathā yathā pakārena catūhi mahāpadesehi yujjati, so so pakāro saṃvaṇṇanāvasena saṃvaṇṇetabbasutte gahetabbo. Evaṃ gāhaṇatthaṃ cattāro mahāpadesā ābhatāti attho.

    ๑๙. จตูหิ มหาปเทเสหิ ยุตฺตํ อวิรุทฺธํ ตํ ตํ อตฺถชาตํ คเหตพฺพนฺติ อาจริเยน วุตฺตํ, ‘‘กตฺถ เกน ยุตฺตินิทฺธารณํ กาตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ปญฺหํ ปุจฺฉิเตนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปเญฺห ปญฺหํ ปุจฺฉิเตน ปุคฺคเลน ยุตฺตินิทฺธารณํ กาตพฺพนฺติฯ ตตฺถ ปญฺหนฺติ ปญฺหิตพฺพํ สภาวธมฺมํฯ ปุจฺฉิเตนาติ วิสฺสเชฺชตุํ สมเตฺถน ปณฺฑิตปุคฺคเลนฯ ปเญฺหติ ปุจฺฉาวเสน ปวตฺตปาเฐฯ ปทานิ กติ กิตฺตกานิ โหนฺตีติ ปทโส ปฐมํ ปริโยคาหิตพฺพํ ยุตฺติหาเรน วิเจตพฺพํ วีมํสิตพฺพํฯ ‘‘กถํ วิเจตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ยทิ สพฺพานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สพฺพานิ ปทานีติ ปุจฺฉิตปาเฐ นิรวเสสานิ ปทานิ เอกํ สมานํ อตฺถํ ยทิ อภิวทนฺติ, เอวํ สติ อตฺถวเสน เอโก ปโญฺหฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตทตฺถเสฺสกสฺส ญาตุํ อิจฺฉิตตฺตา’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๑๙)ฯ

    19. Catūhi mahāpadesehi yuttaṃ aviruddhaṃ taṃ taṃ atthajātaṃ gahetabbanti ācariyena vuttaṃ, ‘‘kattha kena yuttiniddhāraṇaṃ kātabba’’nti vattabbattā ‘‘pañhaṃ pucchitenā’’tiādi vuttaṃ. Pañhe pañhaṃ pucchitena puggalena yuttiniddhāraṇaṃ kātabbanti. Tattha pañhanti pañhitabbaṃ sabhāvadhammaṃ. Pucchitenāti vissajjetuṃ samatthena paṇḍitapuggalena. Pañheti pucchāvasena pavattapāṭhe. Padāni kati kittakāni hontīti padaso paṭhamaṃ pariyogāhitabbaṃ yuttihārena vicetabbaṃ vīmaṃsitabbaṃ. ‘‘Kathaṃ vicetabba’’nti pucchitabbattā ‘‘yadi sabbānī’’tiādi vuttaṃ. Tattha sabbāni padānīti pucchitapāṭhe niravasesāni padāni ekaṃ samānaṃ atthaṃ yadi abhivadanti, evaṃ sati atthavasena eko pañho. Esa nayo sesesupi. Tena vuttaṃ ‘‘tadatthassekassa ñātuṃ icchitattā’’ti (netti. aṭṭha. 19).

    เอกนฺติ อตฺถวเสน เอกวิธํ ปญฺหํฯ อุปปริกฺขมาเนน ปุคฺคเลน อญฺญาตพฺพํ ทฬฺหํ ชานิตพฺพํฯ ‘‘โก อาชานนากาโร’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา อาชานนาการํ ทเสฺสโนฺต ‘‘กิํ อิเม ธมฺมา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘เย หิ ปริยตฺติธมฺมา สํวเณฺณตพฺพา, อิเม ปริยตฺติธมฺมา นานตฺถา โหนฺติ กิํ, นานาพฺยญฺชนา โหนฺติ กิํ, อุทาหุ อิเมสํ ปริยตฺติธมฺมานํ เอโก อโตฺถ โหติ, พฺยญฺชนเมว นานํ โหติ กิ’’นฺติ ยุตฺติโต วิเจตฺวา อญฺญาตพฺพนฺติ โยชนาฯ ‘‘ยถาวุโตฺต ปโญฺห กิํ ภเว’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ยถาวุตฺตํ ปญฺหํ เอกเทสํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา กิํ ภเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ยถา สา’’ติอาทิมาหฯ

    Ekanti atthavasena ekavidhaṃ pañhaṃ. Upaparikkhamānena puggalena aññātabbaṃ daḷhaṃ jānitabbaṃ. ‘‘Ko ājānanākāro’’ti pucchitabbattā ājānanākāraṃ dassento ‘‘kiṃ ime dhammā’’tiādimāha. Tattha ‘‘ye hi pariyattidhammā saṃvaṇṇetabbā, ime pariyattidhammā nānatthā honti kiṃ, nānābyañjanā honti kiṃ, udāhu imesaṃ pariyattidhammānaṃ eko attho hoti, byañjanameva nānaṃ hoti ki’’nti yuttito vicetvā aññātabbanti yojanā. ‘‘Yathāvutto pañho kiṃ bhave’’ti pucchitabbattā yathāvuttaṃ pañhaṃ ekadesaṃ dassetuṃ ‘‘yathā kiṃ bhave’’ti pucchitvā ‘‘yathā sā’’tiādimāha.

    ตสฺสํ ปุจฺฉาคาถายํ – โจรฆาตเกน มนุเสฺสน โจโร อพฺภาหโต วิย เกน ธเมฺมน สตฺตโลโก สทา อพฺภาหโต, มาลุวลตาย อตฺตโน นิสฺสิตรุโกฺข ปริวาริโต อโชฺฌตฺถโฎ วิย เกน ธเมฺมน สตฺตโลโก สทา ปริวาริโต อโชฺฌตฺถโฎ, วิสปฺปีตขุรเปฺปน สเลฺลน โอติโณฺณ อนุปวิโฎฺฐ วิย เกน สเลฺลน สตฺตโลโก สทา โอติโณฺณ อนุปวิโฎฺฐ, กิสฺส เกน การเณน สตฺตโลโก สทา ธูปายิโต สนฺตาปิโตติ โยชนาฯ

    Tassaṃ pucchāgāthāyaṃ – coraghātakena manussena coro abbhāhato viya kena dhammena sattaloko sadā abbhāhato, māluvalatāya attano nissitarukkho parivārito ajjhotthaṭo viya kena dhammena sattaloko sadā parivārito ajjhotthaṭo, visappītakhurappena sallena otiṇṇo anupaviṭṭho viya kena sallena sattaloko sadā otiṇṇo anupaviṭṭho, kissa kena kāraṇena sattaloko sadā dhūpāyito santāpitoti yojanā.

    ‘‘อิมาย ปุจฺฉาคาถาย กิตฺตกานิ ปทานี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘อิมานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปุจฺฉิตานีติ ปุจฺฉิตตฺถานิ ปทานิ จตฺตาริ โหนฺติฯ ‘‘กิตฺตกา ปญฺหา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘เต ตโย ปญฺหา’’ติ วุตฺตํฯ

    ‘‘Imāya pucchāgāthāya kittakāni padānī’’ti pucchitabbattā ‘‘imānī’’tiādi vuttaṃ. Tattha pucchitānīti pucchitatthāni padāni cattāri honti. ‘‘Kittakā pañhā’’ti pucchitabbattā ‘‘te tayo pañhā’’ti vuttaṃ.

    ภควา เทวตาย หิ ยสฺมา วิสฺสเชฺชติ, อิติ ตสฺมา วิสฺสชฺชนโต ‘‘ตโยปญฺหา’’ติ วิญฺญายติฯ ‘‘กตมา วิสฺสชฺชนคาถา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา –

    Bhagavā devatāya hi yasmā vissajjeti, iti tasmā vissajjanato ‘‘tayopañhā’’ti viññāyati. ‘‘Katamā vissajjanagāthā’’ti pucchitabbattā –

    ‘‘มจฺจุนาพฺภาหโต โลโก, ชราย ปริวาริโต;

    ‘‘Maccunābbhāhato loko, jarāya parivārito;

    ตณฺหาสเลฺลน โอติโณฺณ, อิจฺฉาธูปายิโต สทา’’ติฯ –

    Taṇhāsallena otiṇṇo, icchādhūpāyito sadā’’ti. –

    วุตฺตํฯ ตสฺสํ วิสฺสชฺชนคาถายํ – โจรฆาตเกน มนุเสฺสน โจโร อพฺภาหโต วิย มจฺจุนา สตฺตโลโก สทา อพฺภาหโต, มาลุวลตาย อตฺตโน นิสฺสิตรุโกฺข ปริวาริโต อโชฺฌตฺถโฎ วิย ชราย สตฺตโลโก สทา ปริวาริโต อโชฺฌตฺถโฎ, วิสปฺปีตขุรเปฺปน สเลฺลน โอติโณฺณ อนุปวิโฎฺฐ วิย ตณฺหาสเลฺลน สตฺตโลโก สทา โอติโณฺณ อนุปวิโฎฺฐ, อิจฺฉาย สตฺตโลโก สทา ธูปายิโต สนฺตาปิโตติ โยชนาฯ

    Vuttaṃ. Tassaṃ vissajjanagāthāyaṃ – coraghātakena manussena coro abbhāhato viya maccunā sattaloko sadā abbhāhato, māluvalatāya attano nissitarukkho parivārito ajjhotthaṭo viya jarāya sattaloko sadā parivārito ajjhotthaṭo, visappītakhurappena sallena otiṇṇo anupaviṭṭho viya taṇhāsallena sattaloko sadā otiṇṇo anupaviṭṭho, icchāya sattaloko sadā dhūpāyito santāpitoti yojanā.

    ๒๐. ‘‘กตมํ มจฺจุ, กตมา ชรา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ ชรา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ติสฺสํ วิสฺสชฺชนคาถายํฯ ทุติยปเท วุตฺตา ชรา จ ปฐมปเท วุตฺตํ มรณญฺจ อิมานิ เทฺว สงฺขตสฺส ขนฺธปญฺจกสฺส สงฺขตลกฺขณานิ โหนฺติ, สงฺขตํ ขนฺธปญฺจกํ มุญฺจิตฺวา วิสุํ น อุปลพฺภตีติ อโตฺถฯ ‘‘สงฺขตลกฺขณานํ ชรามรณานํ กถํ เภโท ชานิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ชรายํ ฐิตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ชรายํ ฐิตสฺส อญฺญถตฺตนฺติ ฐิตสฺส ขนฺธปฺปพนฺธสฺส ยํ อญฺญถตฺตํ, อยํ ปากฎชรา นาม, น ขณฎฺฐิติชราฯ มรณํ วโยติ สมฺมุติมรณํ จุติเยว โหติ, น ขณิกมรณํ, น สมุเจฺฉทมรณํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อุปฺปาโท ปญฺญายติ, วโย ปญฺญายติ, ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๓๘; อ. นิ. ๓.๔๗; กถา. ๒๑๔)ฯ

    20. ‘‘Katamaṃ maccu, katamā jarā’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha jarā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tissaṃ vissajjanagāthāyaṃ. Dutiyapade vuttā jarā ca paṭhamapade vuttaṃ maraṇañca imāni dve saṅkhatassa khandhapañcakassa saṅkhatalakkhaṇāni honti, saṅkhataṃ khandhapañcakaṃ muñcitvā visuṃ na upalabbhatīti attho. ‘‘Saṅkhatalakkhaṇānaṃ jarāmaraṇānaṃ kathaṃ bhedo jānitabbo’’ti vattabbattā ‘‘jarāyaṃ ṭhitassā’’tiādi vuttaṃ. Tattha jarāyaṃ ṭhitassa aññathattanti ṭhitassa khandhappabandhassa yaṃ aññathattaṃ, ayaṃ pākaṭajarā nāma, na khaṇaṭṭhitijarā. Maraṇaṃ vayoti sammutimaraṇaṃ cutiyeva hoti, na khaṇikamaraṇaṃ, na samucchedamaraṇaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘uppādo paññāyati, vayo paññāyati, ṭhitassa aññathattaṃ paññāyatī’’ti (saṃ. ni. 3.38; a. ni. 3.47; kathā. 214).

    ยทิ ฐิตเสฺสว มรณํ สิยา, เอวํ สติ ชรามรณานํ นานตฺตํ ยุตฺตํ น สิยา, อยุเตฺต สติ ‘‘เต ตโย ปญฺหา’’ติ วจนมฺปิ อยุตฺตเมวาติ วตฺตพฺพโต ‘‘ตตฺถ ชราย จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ติสฺสํ วิสฺสชฺชนคาถายํ วุตฺตาย ชราย จ วุตฺตสฺส มรณสฺส จ อตฺถโต นานตฺตํ ยุตฺตํฯ

    Yadi ṭhitasseva maraṇaṃ siyā, evaṃ sati jarāmaraṇānaṃ nānattaṃ yuttaṃ na siyā, ayutte sati ‘‘te tayo pañhā’’ti vacanampi ayuttamevāti vattabbato ‘‘tattha jarāya cā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tissaṃ vissajjanagāthāyaṃ vuttāya jarāya ca vuttassa maraṇassa ca atthato nānattaṃ yuttaṃ.

    ‘‘เกน การเณน ยุตฺตํ, กถํ การเณน นานตฺตํ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘คพฺภคตาปิ หิ มียนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ชรํ อปฺปตฺตา คพฺภคตาปิ สตฺตา หิ ยสฺมา มียนฺติ, ตสฺมา นานตฺตํ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํฯ ‘‘คพฺภคตาปิ ชรปฺปตฺตา ภเวยฺยุ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘น จ เต ชิณฺณา ภวนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ชรปฺปตฺตาปิ อชิณฺณตฺตา ชิณฺณชรํ อปฺปตฺตาว มียนฺติ, เอวํ อิธาธิเปฺปตสฺส ชิณฺณชราวิรหิตสฺส มรณสฺส สมฺภวโต อญฺญา ชรา, อญฺญํ มรณนฺติ ญาตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘น คพฺภคตานํเยว ชิณฺณชรํ อปฺปตฺตํ มรณํ อตฺถิ, อเญฺญสมฺปิ อตฺถี’’ติ วตฺตพฺพภาวโต ‘‘อตฺถิ จ เทวานํ มรณ’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘เทวาปิ จิรกาลสมฺภวโต ชรํ ปตฺตา ภเวยฺยุ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘น จ เตสํ สรีรานิ ชีรนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ชรามรณานํ นานเตฺต การณํ เอตฺตกเมวา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา อญฺญมฺปิ อตฺถีติ ทเสฺสตุํ ‘‘สกฺกเต วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ชิณฺณชราย ปฎิกมฺมํ กาตุํ สกฺกเตว, มรณสฺส ปน ปฎิกมฺมสฺส กาตุํ น สกฺกเตว, อิมินาปิ การเณน ชรามรณานํ นานตฺตํ สมฺปฎิจฺฉิตพฺพเมวาติ อโตฺถฯ ‘‘น สกฺกเต มรณสฺส ปฎิกมฺมํ กาตุ’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อิทฺธิปาทภาวนาย วสีภาเว สติ สกฺกา มรณสฺสาปิ ปฎิกมฺมํ กาตุนฺติ โจทนํ มนสิ กตฺวา ‘‘อญฺญเตฺรว อิทฺธิมนฺตานํ อิทฺธิวิสยา’’ติ วุตฺตํฯ

    ‘‘Kena kāraṇena yuttaṃ, kathaṃ kāraṇena nānattaṃ sampaṭicchitabba’’nti vattabbattā ‘‘gabbhagatāpi hi mīyantī’’ti vuttaṃ. Jaraṃ appattā gabbhagatāpi sattā hi yasmā mīyanti, tasmā nānattaṃ sampaṭicchitabbaṃ. ‘‘Gabbhagatāpi jarappattā bhaveyyu’’nti vattabbattā ‘‘na ca te jiṇṇā bhavantī’’ti vuttaṃ. Jarappattāpi ajiṇṇattā jiṇṇajaraṃ appattāva mīyanti, evaṃ idhādhippetassa jiṇṇajarāvirahitassa maraṇassa sambhavato aññā jarā, aññaṃ maraṇanti ñātabbanti vuttaṃ hoti. ‘‘Na gabbhagatānaṃyeva jiṇṇajaraṃ appattaṃ maraṇaṃ atthi, aññesampi atthī’’ti vattabbabhāvato ‘‘atthi ca devānaṃ maraṇa’’nti vuttaṃ. ‘‘Devāpi cirakālasambhavato jaraṃ pattā bhaveyyu’’nti vattabbattā ‘‘na ca tesaṃ sarīrāni jīrantī’’ti vuttaṃ. ‘‘Jarāmaraṇānaṃ nānatte kāraṇaṃ ettakamevā’’ti vattabbattā aññampi atthīti dassetuṃ ‘‘sakkate vā’’tiādi vuttaṃ. Tattha jiṇṇajarāya paṭikammaṃ kātuṃ sakkateva, maraṇassa pana paṭikammassa kātuṃ na sakkateva, imināpi kāraṇena jarāmaraṇānaṃ nānattaṃ sampaṭicchitabbamevāti attho. ‘‘Na sakkate maraṇassa paṭikammaṃ kātu’’nti kasmā vuttaṃ, nanu iddhipādabhāvanāya vasībhāve sati sakkā maraṇassāpi paṭikammaṃ kātunti codanaṃ manasi katvā ‘‘aññatreva iddhimantānaṃ iddhivisayā’’ti vuttaṃ.

    ชรามรณานํ อญฺญมญฺญํ นานาภาโว อาจริเยน ทสฺสิโต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กถํ ปน ตณฺหาย ชรามรเณหิ นานาภาโว’’ติ วตฺตพฺพโต เตหิ ตณฺหาย นานตฺตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยํ ปนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตณฺหาย อวิชฺชมานายปิ ชีรนฺตาปิ มียนฺตาปิ วีตราคา ยสฺมา ทิสฺสนฺติ, ตสฺมา ตณฺหาย ชรามรเณหิ นานาภาโว สมฺปฎิจฺฉิตโพฺพฯ

    Jarāmaraṇānaṃ aññamaññaṃ nānābhāvo ācariyena dassito, amhehi ca ñāto, ‘‘kathaṃ pana taṇhāya jarāmaraṇehi nānābhāvo’’ti vattabbato tehi taṇhāya nānattaṃ dassetuṃ ‘‘yaṃ panāhā’’tiādi vuttaṃ. Taṇhāya avijjamānāyapi jīrantāpi mīyantāpi vītarāgā yasmā dissanti, tasmā taṇhāya jarāmaraṇehi nānābhāvo sampaṭicchitabbo.

    ‘‘ตณฺหาย ชีรณภิชฺชนลกฺขณํ อตฺถีติ เตหิ ตณฺหาย อนญฺญเตฺต โก นาม โทโส สิยา’’ติ วตฺตพฺพโต โทสํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยทิ จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ชรามรณํ ยถา เยน ชีรณภิชฺชนลกฺขเณน ปากฎํ, เอวํ ชีรณภิชฺชนลกฺขเณน ตณฺหาปิ ปากฎาฯ ยทิ จ สิยา; เอวํ สเนฺต โยพฺพนฎฺฐาปิ สเพฺพ มาณวา วิคตตณฺหา สิยุํ, น จ วิคตตณฺหา, ตสฺมา นานาภาโว สมฺปฎิจฺฉิตโพฺพฯ ตโต อโญฺญปิ โทโส อาปเชฺชยฺยาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา จ ตณฺหา ทุกฺขสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ชรามรณานํ ตณฺหาย อนญฺญเตฺต สติ ตณฺหาย ภวตณฺหาย ทุกฺขสมุทโย โหติ, เอวํ ชรามรณมฺปิ ทุกฺขสมุทโย สิยาฯ ยสฺมา น ชรามรณํ ทุกฺขสมุทโย, ตสฺมา ชรามรเณหิ ตณฺหาย นานตฺตํ เวทิตพฺพํฯ

    ‘‘Taṇhāya jīraṇabhijjanalakkhaṇaṃ atthīti tehi taṇhāya anaññatte ko nāma doso siyā’’ti vattabbato dosaṃ dassetuṃ ‘‘yadi cā’’tiādi vuttaṃ. Jarāmaraṇaṃ yathā yena jīraṇabhijjanalakkhaṇena pākaṭaṃ, evaṃ jīraṇabhijjanalakkhaṇena taṇhāpi pākaṭā. Yadi ca siyā; evaṃ sante yobbanaṭṭhāpi sabbe māṇavā vigatataṇhā siyuṃ, na ca vigatataṇhā, tasmā nānābhāvo sampaṭicchitabbo. Tato aññopi doso āpajjeyyāti dassetuṃ ‘‘yathā ca taṇhā dukkhassā’’tiādi vuttaṃ. Tattha jarāmaraṇānaṃ taṇhāya anaññatte sati taṇhāya bhavataṇhāya dukkhasamudayo hoti, evaṃ jarāmaraṇampi dukkhasamudayo siyā. Yasmā na jarāmaraṇaṃ dukkhasamudayo, tasmā jarāmaraṇehi taṇhāya nānattaṃ veditabbaṃ.

    เตหิ ตาย อนญฺญเตฺต สติ เอวมฺปิ โทโส อาปเชฺชยฺยาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา จ ตณฺหา มคฺควชฺฌา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เตหิ ตาย อนญฺญเตฺต สติ ยถา ตณฺหา มคฺควชฺฌา โหติ, เอวํ ชรามรณมฺปิ มคฺควชฺฌํ สิยาฯ ยถา ชรามรณํ มคฺควชฺฌํ น โหติ, เอวํ ตณฺหาปิ มคฺควชฺฌา น สิยา, ตถา จ น โหติ ปหาตพฺพาปหาตพฺพภาวโต, ตสฺมาปิ ชรามรเณหิ ตณฺหาย นานตฺตํ เวทิตพฺพํฯ

    Tehi tāya anaññatte sati evampi doso āpajjeyyāti dassetuṃ ‘‘yathā ca taṇhā maggavajjhā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tehi tāya anaññatte sati yathā taṇhā maggavajjhā hoti, evaṃ jarāmaraṇampi maggavajjhaṃ siyā. Yathā jarāmaraṇaṃ maggavajjhaṃ na hoti, evaṃ taṇhāpi maggavajjhā na siyā, tathā ca na hoti pahātabbāpahātabbabhāvato, tasmāpi jarāmaraṇehi taṇhāya nānattaṃ veditabbaṃ.

    ‘‘ยทิ จาติอาทินา วุตฺตาย ยุตฺติยา อุปปตฺติยา เอว ชรามรเณหิ ตณฺหาย อญฺญตฺตํ คเวสิตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา อเญฺญหิปิ การเณหิ คเวสิตพฺพนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘อิมาย ยุตฺติยา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิมาย ยุตฺติยาติ ยา ยุตฺติ ‘‘ยทิ จา’’ติอาทินา วุตฺตาย อิมาย ยุตฺติยา อุปปตฺติยาฯ อญฺญมเญฺญหิ การเณหิ อเญฺญหิ อเญฺญหิ การณภูเตหิ อุปปตฺตีหิ ชรามรเณหิ ตณฺหาย อญฺญตฺตํ คเวสิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ ‘‘อญฺญมเญฺญหิ การเณหิ คเวสิตพฺพ’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ยุตฺติยา, อตฺถโต จ อญฺญตฺตํ สนฺทิสฺสตีติ โจทนํ มนสิ กตฺวา ‘‘ยทิ จ สนฺทิสฺสตี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยุตฺติสมารุฬฺหํ อตฺถโต จ มรเณหิ ตณฺหาย จ อญฺญตฺตํ ยทิ จ สนฺทิสฺสติ, พฺยญฺชนโตปิ อญฺญตฺตํ คเวสิตพฺพเมวาติ อโตฺถฯ

    ‘‘Yadi cātiādinā vuttāya yuttiyā upapattiyā eva jarāmaraṇehi taṇhāya aññattaṃ gavesitabba’’nti vattabbattā aññehipi kāraṇehi gavesitabbanti dassetuṃ ‘‘imāya yuttiyā’’tiādi vuttaṃ. Tattha imāya yuttiyāti yā yutti ‘‘yadi cā’’tiādinā vuttāya imāya yuttiyā upapattiyā. Aññamaññehi kāraṇehi aññehi aññehi kāraṇabhūtehi upapattīhi jarāmaraṇehi taṇhāya aññattaṃ gavesitabbanti attho. ‘‘Aññamaññehi kāraṇehi gavesitabba’’nti kasmā vuttaṃ, nanu yuttiyā, atthato ca aññattaṃ sandissatīti codanaṃ manasi katvā ‘‘yadi ca sandissatī’’tiādimāha. Tattha yuttisamāruḷhaṃ atthato ca maraṇehi taṇhāya ca aññattaṃ yadi ca sandissati, byañjanatopi aññattaṃ gavesitabbamevāti attho.

    ‘‘กถํ พฺยญฺชนโต อญฺญตฺตํ คเวสิตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘สโลฺลติ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘สโลฺล’’ติ วา ‘‘ธูปายน’’นฺติ วา ทฺวีหิ พฺยญฺชเนหิ วุจฺจมานานํ อิเมสํ อิจฺฉาตณฺหาสงฺขาตานํ ธมฺมานํ อตฺถโต เอกตฺตํ สมานตฺตํ ยุชฺชติ, น อญฺญตฺตํฯ ‘‘สโลฺล’’ติ วา ‘‘ธูปายน’’นฺติ วา ทฺวีหิ พฺยญฺชเนหิ อวุจฺจมานานํ ชรามรณานํ ตณฺหาย เอกตฺตํ น ยุชฺชติฯ ตเมวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘น หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิจฺฉาย จ ตณฺหาย จ อตฺถโต อญฺญตฺตํ น ยุชฺชติ, เอกตฺตเมว ยุชฺชตีติ โยชนาฯ อิจฺฉาย จ ตณฺหาย จ ชีรณภิชฺชนสมฺภวโต ชรามรเณหิ ตณฺหาย เอกตฺตํ สิยา, ‘‘กสฺมา อญฺญตฺตํ ยุตฺต’’นฺติ วตฺตพฺพโต ‘‘ตณฺหาย อธิปฺปาเย’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตณฺหาย อธิปฺปาเย อปริปูรมาเน นวสุ อาฆาตวตฺถูสุ โกโธ จ อุปฺปชฺชติ, อุปนาโห จ อุปฺปชฺชติฯ ชรามรเณสุ อปริปูรมาเนสุ นวสุ อาฆาตวตฺถูสุ โกโธ จ น อุปฺปชฺชติ, อุปนาโห จ น อุปฺปชฺชติฯ อิติ อิมาย ยุตฺติยา ชราย จ มรณสฺส จ ตณฺหาย จ อตฺถโต อญฺญตฺตํ ยุชฺชติเยวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    ‘‘Kathaṃ byañjanato aññattaṃ gavesitabba’’nti vattabbattā ‘‘salloti vā’’tiādi vuttaṃ. Tattha ‘‘sallo’’ti vā ‘‘dhūpāyana’’nti vā dvīhi byañjanehi vuccamānānaṃ imesaṃ icchātaṇhāsaṅkhātānaṃ dhammānaṃ atthato ekattaṃ samānattaṃ yujjati, na aññattaṃ. ‘‘Sallo’’ti vā ‘‘dhūpāyana’’nti vā dvīhi byañjanehi avuccamānānaṃ jarāmaraṇānaṃ taṇhāya ekattaṃ na yujjati. Tamevatthaṃ vivarituṃ ‘‘na hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha icchāya ca taṇhāya ca atthato aññattaṃ na yujjati, ekattameva yujjatīti yojanā. Icchāya ca taṇhāya ca jīraṇabhijjanasambhavato jarāmaraṇehi taṇhāya ekattaṃ siyā, ‘‘kasmā aññattaṃ yutta’’nti vattabbato ‘‘taṇhāya adhippāye’’tiādi vuttaṃ. Tattha taṇhāya adhippāye aparipūramāne navasu āghātavatthūsu kodho ca uppajjati, upanāho ca uppajjati. Jarāmaraṇesu aparipūramānesu navasu āghātavatthūsu kodho ca na uppajjati, upanāho ca na uppajjati. Iti imāya yuttiyā jarāya ca maraṇassa ca taṇhāya ca atthato aññattaṃ yujjatiyevāti daṭṭhabbaṃ.

    ยทิ อิจฺฉา ตณฺหาย อตฺถโต เอกตฺตํ ยุตฺตํ, เอวํ สติ กสฺมา ภควตา ‘‘มจฺจุนาพฺภาหโต โลโก’’ติอาทิคาถายํ ‘‘ตณฺหาสเลฺลน โอติโณฺณ, อิจฺฉาธูปายิโต สทา’’ติ ทฺวิธา วุตฺตาติ โจทนํ ปริหรโนฺต ‘‘ยํ ปนิทํ ภควตา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘อิจฺฉา’’ติปิ ‘‘ตณฺหา’’ติปิ ทฺวีหิ นาเมหิ ยํ ปนิทํ อภิลปิตํ ยํ ปนิทํ อภิลปนํ กตํ, อิทํ อภิลปนํ ภควตา พาหิรานํ อิจฺฉิตพฺพตสิตพฺพานํ วตฺถูนํ รูปาทิอารมฺมณานํ เภทานํ วเสน ‘‘อิจฺฉา’’ติปิ ‘‘ตณฺหา’’ติปิ ทฺวีหิ นาเมหิ อภิลปิตํ อภิลปนวเสน กตนฺติ เอกตฺตํ ยุตฺตเมว, น นานตฺตนฺติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Yadi icchā taṇhāya atthato ekattaṃ yuttaṃ, evaṃ sati kasmā bhagavatā ‘‘maccunābbhāhato loko’’tiādigāthāyaṃ ‘‘taṇhāsallena otiṇṇo, icchādhūpāyito sadā’’ti dvidhā vuttāti codanaṃ pariharanto ‘‘yaṃ panidaṃ bhagavatā’’tiādimāha. Tattha ‘‘icchā’’tipi ‘‘taṇhā’’tipi dvīhi nāmehi yaṃ panidaṃ abhilapitaṃ yaṃ panidaṃ abhilapanaṃ kataṃ, idaṃ abhilapanaṃ bhagavatā bāhirānaṃ icchitabbatasitabbānaṃ vatthūnaṃ rūpādiārammaṇānaṃ bhedānaṃ vasena ‘‘icchā’’tipi ‘‘taṇhā’’tipi dvīhi nāmehi abhilapitaṃ abhilapanavasena katanti ekattaṃ yuttameva, na nānattanti attho daṭṭhabbo.

    ‘‘นามวเสน ทฺวิธา วุตฺตานํ อิจฺฉาตณฺหาทีนํ เกน เอกตฺตํ ยุตฺตนฺติ สทฺทหิตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘สพฺพาหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ นานานามวเสน ปเภทา สพฺพา อิจฺฉาทิกา ตณฺหา อโชฺฌสานลกฺขเณน เอกลกฺขณา หิ ยสฺมา ยุตฺตา, ตสฺมา นามวเสน ภินฺนานมฺปิ เอกลกฺขเณน เอกตฺตํ ยุตฺตนฺติ สทฺทหิตพฺพนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘กิมิว ยุตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ยถา สโพฺพ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ กฎฺฐคฺคิอาทิวเสน อเนโก สโพฺพ อคฺคิ อุณฺหตฺตลกฺขเณน เอกลกฺขโณ ยถา, เอวํ อโชฺฌสานลกฺขเณน เอกลกฺขณาติ โยชนาฯ สพฺพสฺส อคฺคิโน อุปาทานวเสน อเนกานิ นามานิ สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ ปากโฎฯ อารมฺมณวเสน ตณฺหา อเญฺญหิ อเญฺญหิ นาเมหิ ภควตา อภิลปิตา, อุปาทานวเสน อคฺคิ อเญฺญหิ อเญฺญหิ นาเมหิ อภิลปิโตติ โยชนา กาตพฺพาฯ

    ‘‘Nāmavasena dvidhā vuttānaṃ icchātaṇhādīnaṃ kena ekattaṃ yuttanti saddahitabba’’nti vattabbattā ‘‘sabbāhī’’tiādi vuttaṃ. Tattha nānānāmavasena pabhedā sabbā icchādikā taṇhā ajjhosānalakkhaṇena ekalakkhaṇā hi yasmā yuttā, tasmā nāmavasena bhinnānampi ekalakkhaṇena ekattaṃ yuttanti saddahitabbanti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Kimiva yutta’’nti pucchitabbattā ‘‘yathā sabbo’’tiādi vuttaṃ. Tattha kaṭṭhaggiādivasena aneko sabboaggi uṇhattalakkhaṇena ekalakkhaṇo yathā, evaṃ ajjhosānalakkhaṇena ekalakkhaṇāti yojanā. Sabbassa aggino upādānavasena anekāni nāmāni sarūpato dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Tassattho pākaṭo. Ārammaṇavasena taṇhā aññehi aññehi nāmehi bhagavatā abhilapitā, upādānavasena aggi aññehi aññehi nāmehi abhilapitoti yojanā kātabbā.

    ‘‘วิสฺสชฺชนคาถายํ อาคตนาเมหิ เอว ตณฺหา อภิลปิตา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา อเนเกหิ นาเมหิ อภิลปิตาติ ทเสฺสตุํ ‘‘อิจฺฉาอิติปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิจฺฉิตพฺพานิ อตฺถานิ รูปาทีนิ อารมฺมณานิ สตฺตา อิจฺฉนฺติ เอตายาติ อิจฺฉาฯ ตสนฺติ เอตายาติ ตณฺหาฯ สลฺลติ ปวิสติ วิสปฺปีตํ สลฺลํ วิยาติ สลฺลา, สนฺตาปํ ลาติ อาททาตีติ วา สลฺลา, สนฺตาปํ ลาติ ปวเตฺตตีติ วา สลฺลาฯ ธูปายติ สนฺตาเปติ ปริทหตีติ ธูปายนาฯ สรติ อากฑฺฒติ อวหรติ สีฆโสตา สริตา วิยาติ สริตา, สรติ สลฺลตีติ วา สริตาฯ วิสรตีติ วิสตฺติกาฯ ปีติวเสน สิเนหตีติ สิเนโหฯ ตาสุ ตาสุ คตีสุ กิลมถํ อุปฺปาเทตีติ กิลมโถฯ สตฺตา รูปาทิอารมฺมณานิ มญฺญนฺติ เอตายาติ มญฺญนาฯ ภวํ พนฺธตีติ พโนฺธฯ อาสียเต ปตฺถียเตติ อาสาฯ อาสิยติ ปเตฺถตีติ วา อาสาฯ ปิปาสียเตติ ปิปาสา, อารมฺมณรสํ ปิปาสตีติ วา ปิปาสาฯ อภินนฺทียเตติ อภินนฺทนา, อภินนฺทตีติ วา อภินนฺทนาฯ วิตฺถารโต อฎฺฐกถาวเสน (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๒๐) เวทิตโพฺพฯ

    ‘‘Vissajjanagāthāyaṃ āgatanāmehi eva taṇhā abhilapitā’’ti pucchitabbattā anekehi nāmehi abhilapitāti dassetuṃ ‘‘icchāitipī’’tiādi vuttaṃ. Tattha icchitabbāni atthāni rūpādīni ārammaṇāni sattā icchanti etāyāti icchā. Tasanti etāyāti taṇhā. Sallati pavisati visappītaṃ sallaṃ viyāti sallā, santāpaṃ lāti ādadātīti vā sallā, santāpaṃ lāti pavattetīti vā sallā. Dhūpāyati santāpeti paridahatīti dhūpāyanā. Sarati ākaḍḍhati avaharati sīghasotā saritā viyāti saritā, sarati sallatīti vā saritā. Visaratīti visattikā. Pītivasena sinehatīti sineho. Tāsu tāsu gatīsu kilamathaṃ uppādetīti kilamatho. Sattā rūpādiārammaṇāni maññanti etāyāti maññanā. Bhavaṃ bandhatīti bandho. Āsīyate patthīyateti āsā. Āsiyati patthetīti vā āsā. Pipāsīyateti pipāsā, ārammaṇarasaṃ pipāsatīti vā pipāsā. Abhinandīyateti abhinandanā, abhinandatīti vā abhinandanā. Vitthārato aṭṭhakathāvasena (netti. aṭṭha. 20) veditabbo.

    ‘‘ตณฺหาย อิจฺฉาทิปฺปการวเสน อาลปิตภาโว เกน สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ยถา จ เววจเน’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เววจนหารวิภเงฺค ‘‘อาสา จ ปีหา…เป.… เววจน’’นฺติ (เนตฺติ. ๓๗) ยา ตณฺหา ยถา เยน ปกาเรน วุตฺตา, ตถา เตน ปกาเรน วุตฺตาย ตณฺหาย อิจฺฉาทิปฺปการวเสน อาลปิตภาโว สทฺทหิตโพฺพฯ ‘‘เววจนวิภเงฺค อาจริเยน วุโตฺตปิ ภควตา อวุเตฺต เกน สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ยถาห ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยถา เยน ปกาเรน ภควา ‘‘รูเป ติสฺสา’’ติอาทิกํ ยํ วจนมาห, ตถา เตน ปกาเรน วุเตฺตน เตน วจเนน สทฺทหิตโพฺพ วาติฯ เอวํ ยุชฺชตีติ เอวํ วุตฺตนเยน อิจฺฉาตณฺหานํ อตฺถโต เอกตฺตา , ชราย จ มรณสฺส จ ตณฺหาย จ อตฺถโต อญฺญตฺตา จ ‘‘ตโย ปญฺหา’’ติ ยํ วจนํ วุตฺตํ, ตํ วจนํ ยุชฺชตีติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ

    ‘‘Taṇhāya icchādippakāravasena ālapitabhāvo kena saddahitabbo’’ti vattabbattā ‘‘yathā ca vevacane’’tiādi vuttaṃ. Vevacanahāravibhaṅge ‘‘āsā ca pīhā…pe… vevacana’’nti (netti. 37) yā taṇhā yathā yena pakārena vuttā, tathā tena pakārena vuttāya taṇhāya icchādippakāravasena ālapitabhāvo saddahitabbo. ‘‘Vevacanavibhaṅge ācariyena vuttopi bhagavatā avutte kena saddahitabbo’’ti vattabbattā ‘‘yathāha bhagavā’’tiādi vuttaṃ. Yathā yena pakārena bhagavā ‘‘rūpe tissā’’tiādikaṃ yaṃ vacanamāha, tathā tena pakārena vuttena tena vacanena saddahitabbo vāti. Evaṃ yujjatīti evaṃ vuttanayena icchātaṇhānaṃ atthato ekattā , jarāya ca maraṇassa ca taṇhāya ca atthato aññattā ca ‘‘tayo pañhā’’ti yaṃ vacanaṃ vuttaṃ, taṃ vacanaṃ yujjatīti attho gahetabbo.

    ๒๑. ‘‘เกนสฺสุพฺภาหโต โลโกติอาทิคาถาย ตโย ปญฺหา วุตฺตา’’ติ ปญฺหตฺตยภาเว ยุตฺติ อาจริเยน วิภตฺตา, อเมฺหหิ จ ญาตาฯ ‘‘ตโต อเญฺญหิ ปกาเรหิ ยุตฺติ กถํ ญาตพฺพา’’ติ วตฺตพฺพภาวโต อเญฺญหิ ปกาเรหิปิ ยุตฺติคเวสนํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สโพฺพ ทุกฺขูปจาโร’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สโพฺพ ทุกฺขูปจาโร กามตณฺหาสงฺขารมูลโกติ ยุชฺชติ, สโพฺพ นิพฺพิทูปจาโร กามตณฺหาปริกฺขารมูลโกติ น ยุชฺชติฯ วจนตฺถโต ปน ทุกฺขสฺส อุปจาโร ปวตฺตีติ ทุกฺขูปจาโรฯ กามตณฺหาปจฺจยา ปวโตฺต สงฺขาโร มูลํ เอตสฺสาติ กามตณฺหาสงฺขารมูลโกฯ นิพฺพิทาย อุปจาโร ปวตฺตีติ นิพฺพิทูปจาโรฯ กามตณฺหาย ปริกฺขารภูโต วตฺถุกาโม มูลํ เอตสฺสาติ กามตณฺหาปริกฺขารมูลโกติฯ ตตฺถ อนภิรติสงฺขาตา อุกฺกณฺฐา นิพฺพิทา กามตณฺหาปริกฺขารมูลิกา ยุชฺชติ, ญาณนิพฺพิทา กามตณฺหาปริกฺขารมูลิกา น ยุชฺชติ, ตสฺมา สโพฺพ นิพฺพิทูปจาโร กามตณฺหาปริกฺขารมูลโกติ น ปน ยุชฺชตีติ วุตฺตํฯ

    21. ‘‘Kenassubbhāhato lokotiādigāthāya tayo pañhā vuttā’’ti pañhattayabhāve yutti ācariyena vibhattā, amhehi ca ñātā. ‘‘Tato aññehi pakārehi yutti kathaṃ ñātabbā’’ti vattabbabhāvato aññehi pakārehipi yuttigavesanaṃ dassento ‘‘sabbo dukkhūpacāro’’tiādimāha. Tattha sabbo dukkhūpacāro kāmataṇhāsaṅkhāramūlakoti yujjati, sabbo nibbidūpacāro kāmataṇhāparikkhāramūlakoti na yujjati. Vacanatthato pana dukkhassa upacāro pavattīti dukkhūpacāro. Kāmataṇhāpaccayā pavatto saṅkhāro mūlaṃ etassāti kāmataṇhāsaṅkhāramūlako. Nibbidāya upacāro pavattīti nibbidūpacāro. Kāmataṇhāya parikkhārabhūto vatthukāmo mūlaṃ etassāti kāmataṇhāparikkhāramūlakoti. Tattha anabhiratisaṅkhātā ukkaṇṭhā nibbidā kāmataṇhāparikkhāramūlikā yujjati, ñāṇanibbidā kāmataṇhāparikkhāramūlikā na yujjati, tasmā sabbo nibbidūpacāro kāmataṇhāparikkhāramūlakoti na pana yujjatīti vuttaṃ.

    ‘‘ปญฺหตฺตยภาเว เจว ทุกฺขูปจารนิพฺพิทูปจาเร จ ยา ยุตฺติ อาจริเยน วิภตฺตา, สาว ยุตฺติ สลฺลเกฺขตพฺพา กิํ, อุทาหุ อิมาย ยุตฺติยา อญฺญาปิ ยุตฺติ คเวสิตพฺพา กิ’’นฺติ วตฺตพฺพโต นยํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิมายา’’ติอาทิมาหฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปญฺหตฺตยภาเว เจว ทุกฺขูปจารนิพฺพิทูปจาเร จ ยา ยุตฺติ มยา วิภตฺตา, อิมาย ยุตฺติยา อนุสาเรน อญฺญมเญฺญหิ การเณหิ เตสุ เตสุ ปาฬิปฺปเทเสสุ ยุตฺติปิ คเวสิตพฺพาติฯ

    ‘‘Pañhattayabhāve ceva dukkhūpacāranibbidūpacāre ca yā yutti ācariyena vibhattā, sāva yutti sallakkhetabbā kiṃ, udāhu imāya yuttiyā aññāpi yutti gavesitabbā ki’’nti vattabbato nayaṃ dassetuṃ ‘‘imāyā’’tiādimāha. Idaṃ vuttaṃ hoti – pañhattayabhāve ceva dukkhūpacāranibbidūpacāre ca yā yutti mayā vibhattā, imāya yuttiyā anusārena aññamaññehi kāraṇehi tesu tesu pāḷippadesesu yuttipi gavesitabbāti.

    ‘‘อิทํ นยทสฺสนํ สํขิตฺตํ, น สกฺกา วิตฺถารโต คเวสิตุ’’นฺติ วตฺตพฺพโต ตํ นยทสฺสนํ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา หิ ภควา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ อสุภสฺส ชิคุจฺฉนียภาวโต ราคุปฺปาโท น ยุโตฺต, ตสฺมา ราคจริตสฺส ปุคฺคลสฺส อสุภเทสนา ราควินยาย ยุตฺตาฯ เมตฺตาย โทสปฎิปกฺขตฺตา โทสจริตสฺส ปุคฺคลสฺส เมตฺตาเทสนา โทสวินยาย ยุตฺตาฯ ปฎิจฺจสมุปฺปาทสฺส ปญฺญาวิสยตฺตา โมหจริตสฺส ปุคฺคลสฺส ปฎิจฺจสมุปฺปาทเทสนา โมหวินยาย ยุตฺตาฯ ‘‘ราคจริตสฺสาปิ เมตฺตาทิเทสนา ยุเชฺชยฺย สพฺพสตฺตสาธารณตฺตา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ยทิ หิ ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ติพฺพกิเลสสฺส ราคจริตสฺส อธิเปฺปตตฺตา ตาทิสสฺส ปุคฺคลสฺส เมตฺตํ เจโตวิมุตฺติํ ยทิ เทเสยฺย, เอวํ สติ เมตฺตาวเสนปิ ราคุปฺปชฺชนโต เทสนา น ยุชฺชติฯ สุขํ ปฎิปทํ วา ยทิ เทเสยฺย, เอวํ สติ ราคจริตสฺส ทุกฺขาปฎิปทายุชฺชนโต เทสนา น ยุชฺชติฯ วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมํ ปหานํ วา ยทิปิ เทเสยฺย, เอวํ สติ ราคจริตสฺส อสุภานุปสฺสนํ วเชฺชตฺวา วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมสฺส ปหานสฺส ทุกฺกรโต เทสนา น ยุชฺชตีติ โยชนาฯ

    ‘‘Idaṃ nayadassanaṃ saṃkhittaṃ, na sakkā vitthārato gavesitu’’nti vattabbato taṃ nayadassanaṃ vitthārato vibhajitvā dassetuṃ ‘‘yathā hi bhagavā’’tiādi āraddhaṃ. Asubhassa jigucchanīyabhāvato rāguppādo na yutto, tasmā rāgacaritassa puggalassa asubhadesanā rāgavinayāya yuttā. Mettāya dosapaṭipakkhattā dosacaritassa puggalassa mettādesanā dosavinayāya yuttā. Paṭiccasamuppādassa paññāvisayattā mohacaritassa puggalassa paṭiccasamuppādadesanā mohavinayāya yuttā. ‘‘Rāgacaritassāpi mettādidesanā yujjeyya sabbasattasādhāraṇattā’’ti vattabbattā ‘‘yadihi bhagavā’’tiādi vuttaṃ. Tibbakilesassa rāgacaritassa adhippetattā tādisassa puggalassa mettaṃ cetovimuttiṃ yadi deseyya, evaṃ sati mettāvasenapi rāguppajjanato desanā na yujjati. Sukhaṃ paṭipadaṃ vā yadi deseyya, evaṃ sati rāgacaritassa dukkhāpaṭipadāyujjanato desanā na yujjati. Vipassanāpubbaṅgamaṃ pahānaṃ vā yadipi deseyya, evaṃ sati rāgacaritassa asubhānupassanaṃ vajjetvā vipassanāpubbaṅgamassa pahānassa dukkarato desanā na yujjatīti yojanā.

    ‘‘ภควา ราคจริตสฺสา’’ติอาทินา นิรวเสสวเสน ยุตฺติ น วิภตฺตา, นยทสฺสนเมวาติ โย นโย ทสฺสิโต, เตน นเยน อญฺญาปิ คเวสิตพฺพาติ ทเสฺสตุํ ‘‘เอวํ ยํ กิญฺจี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ราคสฺส ยํ กิญฺจิ อนุโลมปฺปหานํ, โทสสฺส ยํ กิญฺจิ อนุโลมปฺปหานํ, โมหสฺส ยํ กิญฺจิ อนุโลมปฺปหานํ เทสิตํ, ตํ สพฺพํ อนุโลมปฺปหานํ ยตฺตกา ปาฬิปฺปเทสา ญาณสฺส ภูมิ, ตตฺตเกสุ วิจเยน หาเรน วิจินิตฺวา ยุตฺติหาเรน โยเชตพฺพนฺติ โยชนาฯ

    ‘‘Bhagavā rāgacaritassā’’tiādinā niravasesavasena yutti na vibhattā, nayadassanamevāti yo nayo dassito, tena nayena aññāpi gavesitabbāti dassetuṃ ‘‘evaṃ yaṃ kiñcī’’tiādi vuttaṃ. Rāgassa yaṃ kiñci anulomappahānaṃ, dosassa yaṃ kiñci anulomappahānaṃ, mohassa yaṃ kiñci anulomappahānaṃ desitaṃ, taṃ sabbaṃ anulomappahānaṃ yattakā pāḷippadesā ñāṇassa bhūmi, tattakesu vicayena hārena vicinitvā yuttihārena yojetabbanti yojanā.

    ‘‘ราคาทิปฺปหานวเสน ยุตฺติ คเวสิตพฺพา’’ติ วตฺตพฺพภาวโต อเญฺญหิปิ เมตฺตาทิพฺรหฺมวิหารผลสมาปตฺตินวานุปุพฺพสมาปตฺติวสีภาเวหิ วิภชิตฺวา ยุตฺติคเวสนํ ทเสฺสตุํ ‘‘เมตฺตาวิหาริสฺสา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ เมตฺตาวิหาริสฺส เมตฺตาวิหารลาภิโน สโต สํวิชฺชมานสฺส ปุคฺคลสฺส เมตฺตาย พฺยาปาทปฎิปกฺขตฺตา พฺยาปาโท จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสตีติ เทสนา น ยุชฺชตีติ จ, เมตฺตาวิหาริสฺส สโต พฺยาปาโท ปหานํ อพฺภตฺถํ คจฺฉตีติ เทสนา ยุชฺชติฯ กรุณาวิหาริสฺส กรุณาวิหารลาภิโน สโต สํวิชฺชมานสฺส ปุคฺคลสฺส กรุณาย วิเหสาย ปฎิปกฺขตฺตา วิเหสา จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสตีติ เทสนา น ยุชฺชติ, กรุณาวิหาริสฺส สโต วิเหสา ปหานํ อพฺภตฺถํ คจฺฉตีติ เทสนา ยุชฺชติฯ มุทิตาวิหาริสฺส มุทิตาวิหารลาภิโน สโต สํวิชฺชมานสฺส ปุคฺคลสฺส มุทิตาย อรติยา ปฎิปกฺขตฺตา อรติ จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสตีติ เทสนา น ยุชฺชติ, มุทิตาวิหาริสฺส สโต อรติ ปหานํ อพฺภตฺถํ คจฺฉตีติ เทสนา ยุชฺชติฯ อุเปกฺขาวิหาริสฺส อุเปกฺขาวิหารลาภิโน สโต สํวิชฺชมานสฺส ปุคฺคลสฺส อุเปกฺขาย ราคสฺส ปฎิปกฺขตฺตา ราโค จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสตีติ เทสนา น ยุชฺชติ, อุเปกฺขาวิหาริสฺส สโต ราโค ปหานํ อพฺภตฺถํ คจฺฉตีติ เทสนา ยุชฺชติฯ

    ‘‘Rāgādippahānavasena yutti gavesitabbā’’ti vattabbabhāvato aññehipi mettādibrahmavihāraphalasamāpattinavānupubbasamāpattivasībhāvehi vibhajitvā yuttigavesanaṃ dassetuṃ ‘‘mettāvihārissā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha mettāvihārissa mettāvihāralābhino sato saṃvijjamānassa puggalassa mettāya byāpādapaṭipakkhattā byāpādo cittaṃ pariyādāya ṭhassatīti desanā na yujjatīti ca, mettāvihārissa sato byāpādo pahānaṃ abbhatthaṃ gacchatīti desanā yujjati. Karuṇāvihārissa karuṇāvihāralābhino sato saṃvijjamānassa puggalassa karuṇāya vihesāya paṭipakkhattā vihesā cittaṃ pariyādāya ṭhassatīti desanā na yujjati, karuṇāvihārissa sato vihesā pahānaṃ abbhatthaṃ gacchatīti desanā yujjati. Muditāvihārissa muditāvihāralābhino sato saṃvijjamānassa puggalassa muditāya aratiyā paṭipakkhattā arati cittaṃ pariyādāya ṭhassatīti desanā na yujjati, muditāvihārissa sato arati pahānaṃ abbhatthaṃ gacchatīti desanā yujjati. Upekkhāvihārissa upekkhāvihāralābhino sato saṃvijjamānassa puggalassa upekkhāya rāgassa paṭipakkhattā rāgo cittaṃ pariyādāya ṭhassatīti desanā na yujjati, upekkhāvihārissa sato rāgo pahānaṃ abbhatthaṃ gacchatīti desanā yujjati.

    อนิมิตฺตวิหาริสฺส อนิจฺจานุปสฺสนามุเขน ปฎิลทฺธผลสมาปตฺติวิหารลาภิโน สโต สํวิชฺชมานสฺส ปุคฺคลสฺส นิมิตฺตานุสาริ เตน เตเนว สงฺขารนิมิตฺตานุสาเรเนว นิจฺจาทีสุ ปหีเนน นิมิเตฺตน วิญฺญาณํ ปวตฺตตีติ เทสนา น ยุชฺชติ, อนิมิตฺตานุปสฺสนาย นิจฺจาทิวิปลฺลาสปฎิปกฺขตฺตา อนิมิตฺตวิหาริสฺส สโต นิมิตฺตํ ปหานํ อพฺภตฺถํ คจฺฉตีติ เทสนา ยุชฺชติฯ ‘‘อสฺมี’’ติ มญฺญิตํ ขนฺธปญฺจกํ อตฺตวิคตํ ‘‘อยํ ขนฺธปญฺจโก อหํ อสฺมี’’ติ น สมนุปสฺสามิ, อถ จ ปน อสมนุปสฺสเน สติปิ ‘‘เม กิํ อสฺมี’’ติ ‘‘กถํ อสฺมี’’ติ วิจิกิจฺฉา กถํกถาสลฺลํ จิตฺตํ ปริยาทาย ฐสฺสตีติ เทสนา น ยุชฺชติ, วิจิกิจฺฉาย ปหาเนกฎฺฐภาวโต ‘‘อยํ ขนฺธปญฺจโก อหํ อสฺมี’’ติ อสมนุปสฺสนฺตสฺส วิจิกิจฺฉา กถํกถาสลฺลํ ปหานํ อพฺภตฺถํ คจฺฉตีติ เทสนา ยุชฺชติฯ

    Animittavihārissa aniccānupassanāmukhena paṭiladdhaphalasamāpattivihāralābhino sato saṃvijjamānassa puggalassa nimittānusāri tena teneva saṅkhāranimittānusāreneva niccādīsu pahīnena nimittena viññāṇaṃ pavattatīti desanā na yujjati, animittānupassanāya niccādivipallāsapaṭipakkhattā animittavihārissa sato nimittaṃ pahānaṃ abbhatthaṃ gacchatīti desanā yujjati. ‘‘Asmī’’ti maññitaṃ khandhapañcakaṃ attavigataṃ ‘‘ayaṃ khandhapañcako ahaṃ asmī’’ti na samanupassāmi, atha ca pana asamanupassane satipi ‘‘me kiṃ asmī’’ti ‘‘kathaṃ asmī’’ti vicikicchā kathaṃkathāsallaṃ cittaṃ pariyādāya ṭhassatīti desanā na yujjati, vicikicchāya pahānekaṭṭhabhāvato ‘‘ayaṃ khandhapañcako ahaṃ asmī’’ti asamanupassantassa vicikicchā kathaṃkathāsallaṃ pahānaṃ abbhatthaṃ gacchatīti desanā yujjati.

    ‘‘ผลสมาปตฺติวเสเนว ยุตฺติ คเวสิตพฺพา กิ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ฌานสมาปตฺติวเสนปิ ยุตฺติ คเวสิตพฺพาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา วา ปน ปฐมํ ฌาน’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ อถ วา ‘‘ผลสมาปตฺติวิหาริเสฺสว ยุตฺติ คเวสิตพฺพา กิ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ฌานสมาปตฺติวเสนปิ ยุตฺติ คเวสิตพฺพาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา วา ปน ปฐมํ ฌาน’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ยถา ปฐมํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส ผลสมาปตฺติวิหาริสฺส ยุตฺติ คเวสิตพฺพา, เอวํ ฌานสมาปตฺติวิหาริสฺสปิ ยุตฺติ คเวสิตพฺพาฯ กถํ? ปฐมํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส ปฐมชฺฌานสมงฺคิโน สโต สํวิชฺชมานสฺส ปุคฺคลสฺส นีวรณวิกฺขมฺภนโต กามราคพฺยาปาทา วิเสสาย ทุติยชฺฌานาย สํวตฺตนฺตีติ เทสนา น ยุชฺชติ, กามราคพฺยาปาทา ฌานสฺส หานาย สํวตฺตนฺตีติ เทสนา ยุชฺชติฯ วิตกฺกสหคตา สญฺญามนสิการา อุปจารธเมฺมน สห ทุติยชฺฌานธมฺมา ฌานสฺส หานาย สํวตฺตนฺตีติ เทสนา น ยุชฺชติ, วิตกฺกสหคตา สญฺญามนสิการา วิเสสาย อุปริฌานตฺถาย สํวตฺตนฺตีติ เทสนา ยุชฺชติฯ

    ‘‘Phalasamāpattivaseneva yutti gavesitabbā ki’’nti vattabbattā jhānasamāpattivasenapi yutti gavesitabbāti dassetuṃ ‘‘yathā vā pana paṭhamaṃ jhāna’’ntiādi āraddhaṃ. Atha vā ‘‘phalasamāpattivihārisseva yutti gavesitabbā ki’’nti vattabbattā jhānasamāpattivasenapi yutti gavesitabbāti dassetuṃ ‘‘yathā vā pana paṭhamaṃ jhāna’’ntiādi āraddhaṃ. Tattha yathā paṭhamaṃ jhānaṃ samāpannassa phalasamāpattivihārissa yutti gavesitabbā, evaṃ jhānasamāpattivihārissapi yutti gavesitabbā. Kathaṃ? Paṭhamaṃ jhānaṃ samāpannassa paṭhamajjhānasamaṅgino sato saṃvijjamānassa puggalassa nīvaraṇavikkhambhanato kāmarāgabyāpādā visesāya dutiyajjhānāya saṃvattantīti desanā na yujjati, kāmarāgabyāpādā jhānassa hānāya saṃvattantīti desanā yujjati. Vitakkasahagatā saññāmanasikārā upacāradhammena saha dutiyajjhānadhammā jhānassa hānāya saṃvattantīti desanā na yujjati, vitakkasahagatā saññāmanasikārā visesāya uparijhānatthāya saṃvattantīti desanā yujjati.

    ทุติยํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส สโต สํวิชฺชมานสฺส ปุคฺคลสฺส วิตกฺกวิจารสหคตา วา สญฺญามนสิการา อุปจารธเมฺมน สห ปฐมชฺฌานธมฺมา วิเสสาย อุปริฌานตฺถาย สํวตฺตนฺตีติ เทสนา น ยุชฺชติ, วิตกฺกวิจารสหคตา สญฺญามนสิการา อวิตกฺกฌานสฺส หานาย สํวตฺตนฺตีติ เทสนา ยุชฺชติฯ อุเปกฺขาสหคตา วา สญฺญามนสิการา อุปจารธเมฺมน สห จตุตฺถชฺฌานธมฺมา ฌานสฺส หานาย สํวตฺตนฺตีติ เทสนา น ยุชฺชติ, อุเปกฺขาสหคตา สญฺญามนสิการา วิเสสาย อุปริฌานตฺถาย สํวตฺตนฺตีติ เทสนา ยุชฺชติฯ เสเสสุปิ อตฺถานุรูปํ โยชนา กาตพฺพาฯ ยถาวุตฺตสมาปตฺตีสุ วสีภาเวน ปริจิตํ กลฺลตาปริจิตํ จิตฺตํ นามฯ

    Dutiyaṃ jhānaṃ samāpannassa sato saṃvijjamānassa puggalassa vitakkavicārasahagatāsaññāmanasikārā upacāradhammena saha paṭhamajjhānadhammā visesāya uparijhānatthāya saṃvattantīti desanā na yujjati, vitakkavicārasahagatā saññāmanasikārā avitakkajhānassa hānāya saṃvattantīti desanā yujjati. Upekkhāsahagatāsaññāmanasikārā upacāradhammena saha catutthajjhānadhammā jhānassa hānāya saṃvattantīti desanā na yujjati, upekkhāsahagatā saññāmanasikārā visesāya uparijhānatthāya saṃvattantīti desanā yujjati. Sesesupi atthānurūpaṃ yojanā kātabbā. Yathāvuttasamāpattīsu vasībhāvena paricitaṃ kallatāparicitaṃ cittaṃ nāma.

    เอตฺตกเมว ยุตฺติคเวสนํ น กาตพฺพํ, นววิธสุตฺตเนฺตสุ ยถาลทฺธยุตฺติคเวสนมฺปิ กาตพฺพนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘เอวํ สเพฺพ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘สเพฺพสํ หารานํ ยถาวุตฺตภูมิโคจรานํ วิจยหาเรน วิจินิตฺวา ยุตฺติหาเรน โยเชตพฺพภาโว เกน สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เตน โยเชตพฺพภาเวน อายสฺมา มหากจฺจาโน ‘‘สเพฺพส’’นฺติอาทิกํ ยํ วจนํ อาห, เตน วจเนน สทฺทหิตโพฺพติ วุตฺตํ โหติฯ

    Ettakameva yuttigavesanaṃ na kātabbaṃ, navavidhasuttantesu yathāladdhayuttigavesanampi kātabbanti dassetuṃ ‘‘evaṃ sabbe’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Sabbesaṃ hārānaṃ yathāvuttabhūmigocarānaṃ vicayahārena vicinitvā yuttihārena yojetabbabhāvo kena saddahitabbo’’ti vattabbattā ‘‘tenāhā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tena yojetabbabhāvena āyasmā mahākaccāno ‘‘sabbesa’’ntiādikaṃ yaṃ vacanaṃ āha, tena vacanena saddahitabboti vuttaṃ hoti.

    อิติ ยุตฺติหารวิภเงฺค สตฺติพลานุรูปา รจิตา

    Iti yuttihāravibhaṅge sattibalānurūpā racitā

    วิภาวนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vibhāvanā niṭṭhitā.

    ปณฺฑิเตหิ ปน อฎฺฐกถาฎีกานุสาเรน คมฺภีรโตฺถ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา คเหตโพฺพติฯ

    Paṇḍitehi pana aṭṭhakathāṭīkānusārena gambhīrattho vitthārato vibhajitvā gahetabboti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๓. ยุตฺติหารวิภโงฺค • 3. Yuttihāravibhaṅgo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๓. ยุตฺติหารวิภงฺควณฺณนา • 3. Yuttihāravibhaṅgavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๓. ยุตฺติหารวิภงฺควณฺณนา • 3. Yuttihāravibhaṅgavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact