Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Saṁyutta Nikāya, English translation

    สํยุตฺต นิกาย ๑๒ฯ๒๔

    The Related Suttas Collection 12.24

    ๓ฯ ทสพลวคฺค

    3. The Ten Powers

    อญฺญติตฺถิยสุตฺต

    Followers of Other Religions

    ราชคเห วิหรติ เวฬุวเนฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส เอตทโหสิ: “อติปฺปโค โข ตาว ราชคเห ปิณฺฑาย จริตุํฯ ยนฺนูนาหํ เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกเมยฺยนฺ”ติฯ

    Near Rājagaha, in the Bamboo Grove. Then Venerable Sāriputta robed up in the morning and, taking his bowl and robe, entered Rājagaha for alms. Then it occurred to him, “It’s too early to wander for alms in Rājagaha. Why don’t I go to the monastery of the wanderers of other religions?”

    อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เตหิ อญฺญติตฺถิเยหิ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธึ สมฺโมทิฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เต อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอตทโวจุํ:

    Then he went to the monastery of the wanderers of other religions, and exchanged greetings with the wanderers there. When the greetings and polite conversation were over, he sat down to one side. The wanderers said to him:

    “สนฺตาวุโส สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยงฺกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติฯ สนฺติ ปนาวุโส สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา ปรงฺกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติฯ สนฺตาวุโส สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยงฺกตญฺจ ปรงฺกตญฺจ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติฯ สนฺติ ปนาวุโส สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา อสยงฺการํ อปรงฺการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติฯ อิธ, ปนาวุโส สาริปุตฺต, สมโณ โคตโม กึวาที กิมกฺขายี? กถํ พฺยากรมานา จ มยํ วุตฺตวาทิโน เจว สมณสฺส โคตมสฺส อสฺสาม, น จ สมณํ โคตมํ อภูเตน อพฺภาจิกฺเขยฺยาม, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากเรยฺยาม, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุปาโต คารยฺหํ ฐานํ อาคจฺเฉยฺยา”ติ?

    “Friend Sāriputta, there are ascetics and brahmins who teach the efficacy of deeds. Some of them declare that suffering is made by oneself. Some of them declare that suffering is made by another. Some of them declare that suffering is made by both oneself and another. Some of them declare that suffering arises by chance, not made by oneself or another. What does the ascetic Gotama say about this? How does he explain it? How should we answer so as to repeat what the ascetic Gotama has said, and not misrepresent him with an untruth? How should we explain in line with his teaching, with no legitimate grounds for rebuke and criticism?”

    “ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ โข, อาวุโส, ทุกฺขํ วุตฺตํ ภควตาฯ กึ ปฏิจฺจ? ผสฺสํ ปฏิจฺจฯ อิติ วทํ วุตฺตวาที เจว ภควโต อสฺส, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิกฺเขยฺย, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากเรยฺย, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุปาโต คารยฺหํ ฐานํ อาคจฺเฉยฺยฯ

    “Friends, the Buddha said that suffering is dependently originated. Dependent on what? Dependent on contact. If you said this you would repeat what the Buddha has said, and not misrepresent him with an untruth. You would explain in line with his teaching, and there would be no legitimate grounds for rebuke and criticism.

    ตตฺราวุโส, เย เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยงฺกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา ปรงฺกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยงฺกตญฺจ ปรงฺกตญฺจ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา อสยงฺการํ อปรงฺการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ

    Consider the ascetics and brahmins who teach the efficacy of deeds. In the case of those who declare that suffering is made by oneself, that’s conditioned by contact. In the case of those who declare that suffering is made by another, that’s also conditioned by contact. In the case of those who declare that suffering is made by oneself and another, that’s also conditioned by contact. In the case of those who declare that suffering arises by chance, not made by oneself or another, that’s also conditioned by contact.

    ตตฺราวุโส, เย เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยงฺกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฏิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา ปรงฺกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฏิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยงฺกตญฺจ ปรงฺกตญฺจ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฏิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา อสยงฺการํ อปรงฺการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฏิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชตี”ติฯ

    Consider the ascetics and brahmins who teach the efficacy of deeds. In the case of those who declare that suffering is made by oneself, it’s impossible that they will experience that without contact. In the case of those who declare that suffering is made by another, it’s impossible that they will experience that without contact. In the case of those who declare that suffering is made by oneself and another, it’s impossible that they will experience that without contact. In the case of those who declare that suffering arises by chance, not made by oneself or another, it’s impossible that they will experience that without contact.”

    อโสฺสสิ โข อายสฺมา อานนฺโท อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส เตหิ อญฺญติตฺถิเยหิ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธึ อิมํ กถาสลฺลาปํฯ อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ยาวตโก อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส เตหิ อญฺญติตฺถิเยหิ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธึ อโหสิ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิฯ

    Venerable Ānanda heard this discussion between Venerable Sāriputta and those wanderers of other religions. Then Ānanda wandered for alms in Rājagaha. After the meal, on his return from almsround, he went to the Buddha, bowed, sat down to one side, and informed the Buddha of all they had discussed.

    “สาธุ สาธุ, อานนฺท, ยถา ตํ สาริปุตฺโต สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยฯ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ โข, อานนฺท, ทุกฺขํ วุตฺตํ มยาฯ กึ ปฏิจฺจ? ผสฺสํ ปฏิจฺจฯ อิติ วทํ วุตฺตวาที เจว เม อสฺส, น จ มํ อภูเตน อพฺภาจิกฺเขยฺย, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากเรยฺย, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุปาโต คารยฺหํ ฐานํ อาคจฺเฉยฺยฯ

    “Good, good, Ānanda! It’s just as Sāriputta has so rightly explained. I have said that suffering is dependently originated. Dependent on what? Dependent on contact. Saying this you would repeat what I have said, and not misrepresent me with an untruth. You would explain in line with my teaching, and there would be no legitimate grounds for rebuke and criticism.

    ตตฺรานนฺท, เย เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยงฺกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ เยปิ เต …เป… เยปิ เต …เป… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา อสยงฺการํ อปรงฺการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ

    Consider the ascetics and brahmins who teach the efficacy of deeds. In the case of those who declare that suffering is made by oneself, that’s conditioned by contact. … In the case of those who declare that suffering arises by chance, not made by oneself or another, that’s also conditioned by contact.

    ตตฺรานนฺท, เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยงฺกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฏิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เยปิ เต …เป… เยปิ เต …เป… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา อสยงฺการํ อปรงฺการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฏิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    In the case of those who declare that suffering is made by oneself, it’s impossible that they will experience that without contact. … In the case of those who declare that suffering arises by chance, not made by oneself or another, it’s impossible that they will experience that without contact.

    เอกมิทาหํ, อานนฺท, สมยํ อิเธว ราชคเห วิหรามิ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ อถ ขฺวาหํ, อานนฺท, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสึฯ ตสฺส มยฺหํ, อานนฺท, เอตทโหสิ: ‘อติปฺปโค โข ตาว ราชคเห ปิณฺฑาย จริตุํฯ ยนฺนูนาหํ เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกเมยฺยนฺ'ติฯ

    Ānanda, this one time I was staying near Rājagaha, in the Bamboo Grove, the squirrels’ feeding ground. Then I robed up in the morning and, taking my bowl and robe, entered Rājagaha for alms. Then I thought: ‘It’s too early to wander for alms in Rājagaha. Why don’t I go to the monastery of the wanderers of other religions?’

    อถ ขฺวาหํ, อานนฺท, เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา เตหิ อญฺญติตฺถิเยหิ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธึ สมฺโมทึฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข มํ, อานนฺท, เต อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอตทโวจุํ:

    Then I went to the monastery of the wanderers of other religions, and exchanged greetings with the wanderers there. When the greetings and polite conversation were over, I sat down to one side. …”

    ‘สนฺตาวุโส โคตม, เอเก สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยงฺกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติฯ สนฺติ ปนาวุโส โคตม, เอเก สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา ปรงฺกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติฯ สนฺตาวุโส โคตม, เอเก สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยงฺกตญฺจ ปรงฺกตญฺจ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติฯ สนฺติ ปนาวุโส โคตม, เอเก สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา อสยงฺการํ อปรงฺการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติฯ อิธ โน อายสฺมา โคตโม กึวาที กิมกฺขายี? กถํ พฺยากรมานา จ มยํ วุตฺตวาทิโน เจว อายสฺมโต โคตมสฺส อสฺสาม, น จ อายสฺมนฺตํ โคตมํ อภูเตน อพฺภาจิกฺเขยฺยาม, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากเรยฺยาม, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุปาโต คารยฺหํ ฐานํ อาคจฺเฉยฺยา'ติ?

    (The wanderers asked the Buddha the very same questions, and he gave the same answers.)

    เอวํ วุตฺตาหํ, อานนฺท, เต อญฺญติตฺถิเย ปริพฺพาชเก เอตทโวจํ: ‘ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ โข, อาวุโส, ทุกฺขํ วุตฺตํ มยาฯ กึ ปฏิจฺจ? ผสฺสํ ปฏิจฺจฯ อิติ วทํ วุตฺตวาที เจว เม อสฺส, น จ มํ อภูเตน อพฺภาจิกฺเขยฺย, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากเรยฺย, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุปาโต คารยฺหํ ฐานํ อาคจฺเฉยฺยาติฯ

    ตตฺราวุโส, เย เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยงฺกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ เยปิ เต …เป… เยปิ เต …เป… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา อสยงฺการํ อปรงฺการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ

    ตตฺราวุโส, เย เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยงฺกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฏิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เยปิ เต …เป… เยปิ เต …เป… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา อสยงฺการํ อปรงฺการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฏิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชตี'”ติฯ

    “อจฺฉริยํ ภนฺเต, อพฺภุตํ ภนฺเตฯ ยตฺร หิ นาม เอเกน ปเทน สพฺโพ อตฺโถ วุตฺโต ภวิสฺสติฯ สิยา นุ โข, ภนฺเต, เอเสวตฺโถ วิตฺถาเรน วุจฺจมาโน คมฺภีโร เจว อสฺส คมฺภีราวภาโส จา”ติ?

    “It’s incredible, sir, it’s amazing, how the whole matter is stated with one phrase. Could there be a detailed explanation of this matter that is both deep and appears deep?”

    “เตน หานนฺท, ตญฺเญเวตฺถ ปฏิภาตู”ติฯ

    “Well then, Ānanda, clarify this matter yourself.”

    “สเจ มํ, ภนฺเต, เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ: ‘ชรามรณํ, อาวุโส อานนฺท, กึนิทานํ กึสมุทยํ กึชาติกํ กึปภวนฺ'ติ? เอวํ ปุฏฺโฐหํ, ภนฺเต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ: ‘ชรามรณํ โข, อาวุโส, ชาตินิทานํ ชาติสมุทยํ ชาติชาติกํ ชาติปภวนฺ'ติฯ เอวํ ปุฏฺโฐหํ, ภนฺเต, เอวํ พฺยากเรยฺยํฯ

    “Sir, suppose they were to ask me: ‘Friend Ānanda, what is the source, origin, birthplace, and inception of old age and death?’ I’d answer like this: ‘Friends, rebirth is the source, origin, birthplace, and inception of old age and death.’ That’s how I’d answer such a question.

    สเจ มํ, ภนฺเต, เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ: ‘ชาติ ปนาวุโส อานนฺท, กึนิทานา กึสมุทยา กึชาติกา กึปภวา'ติ? เอวํ ปุฏฺโฐหํ, ภนฺเต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ: ‘ชาติ โข, อาวุโส, ภวนิทานา ภวสมุทยา ภวชาติกา ภวปฺปภวา'ติฯ เอวํ ปุฏฺโฐหํ, ภนฺเต, เอวํ พฺยากเรยฺยํฯ

    Suppose they were to ask me: ‘What is the source of rebirth?’ I’d answer like this: ‘Continued existence is the source of rebirth.’ That’s how I’d answer such a question.

    สเจ มํ, ภนฺเต, เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ: ‘ภโว ปนาวุโส อานนฺท, กึนิทาโน กึสมุทโย กึชาติโก กึปภโว'ติ? เอวํ ปุฏฺโฐหํ, ภนฺเต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ: ‘ภโว โข, อาวุโส, อุปาทานนิทาโน อุปาทานสมุทโย อุปาทานชาติโก อุปาทานปฺปภโว'ติฯ เอวํ ปุฏฺโฐหํ, ภนฺเต, เอวํ พฺยากเรยฺยํฯ

    Suppose they were to ask me: ‘What is the source of continued existence?’ I’d answer like this: ‘Grasping is the source of continued existence.’ That’s how I’d answer such a question.

    สเจ มํ, ภนฺเต, เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ—อุปาทานํ ปนาวุโส …เป… ตณฺหา ปนาวุโส …เป… เวทนา ปนาวุโส …เป… สเจ มํ, ภนฺเต, เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ: ‘ผโสฺส ปนาวุโส อานนฺท, กึนิทาโน กึสมุทโย กึชาติโก กึปภโว'ติ? เอวํ ปุฏฺโฐหํ, ภนฺเต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ: ‘ผโสฺส โข, อาวุโส, สฬายตนนิทาโน สฬายตนสมุทโย สฬายตนชาติโก สฬายตนปฺปภโว'ติฯ ‘ฉนฺนํ เตฺวว, อาวุโส, ผสฺสายตนานํ อเสสวิราคนิโรธา ผสฺสนิโรโธ; ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ; เวทนานิโรธา ตณฺหานิโรโธ; ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ; อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ; ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ; ชาตินิโรธา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติฯ เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี'ติฯ เอวํ ปุฏฺโฐหํ, ภนฺเต, เอวํ พฺยากเรยฺยนฺ”ติฯ

    Suppose they were to ask me: ‘What is the source of grasping?’ … craving … feeling … Suppose they were to ask me: ‘What is the source of contact?’ I’d answer like this: ‘The six sense fields are the source, origin, birthplace, and inception of contact.’ ‘When the six fields of contact fade away and cease with nothing left over, contact ceases. When contact ceases, feeling ceases. When feeling ceases, craving ceases. When craving ceases, grasping ceases. When grasping ceases, continued existence ceases. When continued existence ceases, rebirth ceases. When rebirth ceases, old age and death, sorrow, lamentation, pain, sadness, and distress cease. That is how this entire mass of suffering ceases.’ That’s how I’d answer such a question.”

    จตุตฺถํฯ





    The authoritative text of the Saṁyutta Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]


    © 1991-2024 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact