Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Saṁyutta Nikāya, English translation |
สํยุตฺต นิกาย ๓๕ฯ๑๕๓
The Related Suttas Collection 35.153
๑๕ฯ นวปุราณวคฺค
15. The Old and the New
อตฺถินุโขปริยายสุตฺต
Is There a Method?
“อตฺถิ นุ โข, ภิกฺขเว, ปริยาโย ยํ ปริยายํ อาคมฺม ภิกฺขุ อญฺญเตฺรว สทฺธาย, อญฺญตฺร รุจิยา, อญฺญตฺร อนุสฺสวา, อญฺญตฺร อาการปริวิตกฺกา, อญฺญตฺร ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา อญฺญํ พฺยากเรยฺย: ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา'ติ ปชานามี”ติ?
“Bhikkhus, is there a method—apart from faith, preference, oral tradition, reasoned contemplation, or acceptance of a view after consideration—that a bhikkhu can rely on to declare their enlightenment? That is: ‘I understand: “Rebirth is ended, the spiritual journey has been completed, what had to be done has been done, there is no return to any state of existence.”’”
“ภควํมูลกา โน, ภนฺเต, ธมฺมา, ภควํเนตฺติกา ภควํปฏิสรณาฯ สาธุ วต, ภนฺเต, ภควนฺตํเยว ปฏิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถฯ ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี”ติฯ
“Our teachings are rooted in the Buddha. He is our guide and our refuge. Sir, may the Buddha himself please clarify the meaning of this. The bhikkhus will listen and remember it.”
“เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี”ติฯ
“Well then, bhikkhus, listen and apply your mind well, I will speak.”
“เอวํ, ภนฺเต”ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ:
“Yes, sir,” they replied. The Buddha said this:
“อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปริยาโย ยํ ปริยายํ อาคมฺม ภิกฺขุ อญฺญเตฺรว สทฺธาย, อญฺญตฺร รุจิยา, อญฺญตฺร อนุสฺสวา, อญฺญตฺร อาการปริวิตกฺกา, อญฺญตฺร ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา อญฺญํ พฺยากเรยฺย: ‘“ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา”ติ ปชานามี'ติฯ
“There is a method—apart from faith, preference, oral tradition, reasoned contemplation, or acceptance of a view after consideration—that a bhikkhu can rely on to declare their enlightenment. That is: ‘I understand: “Rebirth is ended, the spiritual journey has been completed, what had to be done has been done, there is no return to any state of existence.”’
กตโม จ, ภิกฺขเว, ปริยาโย, ยํ ปริยายํ อาคมฺม ภิกฺขุ อญฺญเตฺรว สทฺธาย …เป… อญฺญตฺร ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา อญฺญํ พฺยากโรติ: ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานามี'ติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมหํ, อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมโหติ ปชานาติ; อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมหํ, นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมโหติ ปชานาติฯ ยํ ตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมหํ, อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมโหติ ปชานาติ; อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมหํ, นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมโหติ ปชานาติฯ อปิ นุ เม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สทฺธาย วา เวทิตพฺพา, รุจิยา วา เวทิตพฺพา, อนุสฺสเวน วา เวทิตพฺพา, อาการปริวิตกฺเกน วา เวทิตพฺพา, ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา วา เวทิตพฺพา”ติ?
And what is that method? Take a bhikkhu who sees a sight with the eye. When they have greed, hate, and delusion in them, they understand ‘I have greed, hate, and delusion in me.’ When they don’t have greed, hate, and delusion in them, they understand ‘I don’t have greed, hate, and delusion in me.’ Since this is so, are these things understood by faith, preference, oral tradition, reasoned contemplation, or acceptance of a view after consideration?”
“โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ
“No, sir.”
“นนุเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา ปญฺญาย ทิสฺวา เวทิตพฺพา”ติ?
“Aren’t they understood by seeing them with wisdom?”
“เอวํ, ภนฺเต”ฯ
“Yes, sir.”
“อยํ โข, ภิกฺขเว, ปริยาโย ยํ ปริยายํ อาคมฺม ภิกฺขุ อญฺญเตฺรว สทฺธาย, อญฺญตฺร รุจิยา, อญฺญตฺร อนุสฺสวา, อญฺญตฺร อาการปริวิตกฺกา, อญฺญตฺร ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา อญฺญํ พฺยากโรติ: ‘“ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา”ติ ปชานามี'ติ …เป…ฯ
“This is a method—apart from faith, preference, oral tradition, reasoned contemplation, or acceptance of a view after consideration—that a bhikkhu can rely on to declare their enlightenment. That is: ‘I understand: “Rebirth is ended, the spiritual journey has been completed, what had to be done has been done, there is no return to any state of existence.”’
ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ …เป… ราคโทสโมโหติ ปชานาติ; อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมหํ, นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมโหติ ปชานาติฯ ยํ ตํ, ภิกฺขเว, ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมหํ, อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมโหติ ปชานาติ; อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมหํ, นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมโหติ ปชานาติ; อปิ นุ เม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สทฺธาย วา เวทิตพฺพา, รุจิยา วา เวทิตพฺพา, อนุสฺสเวน วา เวทิตพฺพา, อาการปริวิตกฺเกน วา เวทิตพฺพา, ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา วา เวทิตพฺพา”ติ? “โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ “นนุเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา ปญฺญาย ทิสฺวา เวทิตพฺพา”ติ? “เอวํ, ภนฺเต”ฯ “อยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ปริยาโย ยํ ปริยายํ อาคมฺม ภิกฺขุ อญฺญเตฺรว สทฺธาย, อญฺญตฺร รุจิยา, อญฺญตฺร อนุสฺสวา, อญฺญตฺร อาการปริวิตกฺกา, อญฺญตฺร ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา อญฺญํ พฺยากโรติ: ‘“ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา”ติ ปชานามี'ติ …เป…ฯ ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมหํ, อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมโหติ ปชานาติ; อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมหํ, นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมโหติ ปชานาติฯ ยํ ตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมหํ, อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมโหติ ปชานาติ; อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมหํ, นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ราคโทสโมโหติ ปชานาติ; อปิ นุ เม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สทฺธาย วา เวทิตพฺพา, รุจิยา วา เวทิตพฺพา, อนุสฺสเวน วา เวทิตพฺพา, อาการปริวิตกฺเกน วา เวทิตพฺพา, ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา วา เวทิตพฺพา”ติ?
Furthermore, a bhikkhu hears a sound … smells an odor … tastes a flavor … feels a touch … knows a thought with the mind. When they have greed, hate, and delusion in them, they understand ‘I have greed, hate, and delusion in me.’ When they don’t have greed, hate, and delusion in them, they understand ‘I don’t have greed, hate, and delusion in me.’ Since this is so, are these things understood by faith, preference, oral tradition, reasoned contemplation, or acceptance of a view after consideration?”
“โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ
“No, sir.”
“นนุเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา ปญฺญาย ทิสฺวา เวทิตพฺพา”ติ?
“Aren’t they understood by seeing them with wisdom?”
“เอวํ, ภนฺเต”ฯ
“Yes, sir.”
“อยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ปริยาโย ยํ ปริยายํ อาคมฺม ภิกฺขุ อญฺญเตฺรว สทฺธาย, อญฺญตฺร รุจิยา, อญฺญตฺร อนุสฺสวา, อญฺญตฺร อาการปริวิตกฺกา, อญฺญตฺร ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา อญฺญํ พฺยากโรติ: ‘“ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา”ติ ปชานามี'ติฯ
“This too is a method—apart from faith, preference, oral tradition, reasoned contemplation, or acceptance of a view after consideration—that a bhikkhu can rely on to declare their enlightenment. That is: ‘I understand: “Rebirth is ended, the spiritual journey has been completed, what had to be done has been done, there is no return to any state of existence.”’”
อฏฺฐมํฯ
The authoritative text of the Saṁyutta Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]