Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Saṁyutta Nikāya, English translation |
สํยุตฺต นิกาย ๔๒ฯ๙
The Related Suttas Collection 42.9
๑ฯ คามณิวคฺค
1. Chiefs
กุลสุตฺต
Families
เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน นาฬนฺทา ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา นาฬนฺทายํ วิหรติ ปาวาริกมฺพวเนฯ
At one time the Buddha was wandering in the land of the Kosalans together with a large Saṅgha of bhikkhus when he arrived at Nāḷandā. There he stayed near Nāḷandā in Pāvārika’s mango grove.
เตน โข ปน สมเยน นาฬนฺทา ทุพฺภิกฺขา โหติ ทฺวีหิติกา เสตฏฺฐิกา สลากาวุตฺตาฯ เตน โข ปน สมเยน นิคณฺโฐ นาฏปุตฺโต นาฬนฺทายํ ปฏิวสติ มหติยา นิคณฺฐปริสาย สทฺธึฯ อถ โข อสิพนฺธกปุตฺโต คามณิ นิคณฺฐสาวโก เยน นิคณฺโฐ นาฏปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺฐํ นาฏปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อสิพนฺธกปุตฺตํ คามณึ นิคณฺโฐ นาฏปุตฺโต เอตทโวจ:
Now that was a time of famine and scarcity in Nāḷandā, with blighted crops turned to straw. At that time the Jain ascetic of the Ñātika clan was residing at Nāḷandā together with a large assembly of Jain ascetics. Then Asibandhaka’s son the chief, who was a disciple of the Jains, went up to the Jain Ñātika, bowed, and sat down to one side. The Jain Ñātika said to him:
“เอหิ ตฺวํ, คามณิ, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปหิฯ เอวํ เต กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉิสฺสติ: ‘อสิพนฺธกปุตฺเตน คามณินา สมณสฺส โคตมสฺส เอวํมหิทฺธิกสฺส เอวํมหานุภาวสฺส วาโท อาโรปิโต'”ติฯ
“Come, chief, refute the ascetic Gotama’s doctrine. Then you will get a good reputation: ‘Asibandhaka’s son the chief refuted the doctrine of the ascetic Gotama, so mighty and powerful!’”
“กถํ ปนาหํ, ภนฺเต, สมณสฺส โคตมสฺส เอวํมหิทฺธิกสฺส เอวํมหานุภาวสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี”ติ?
“But sir, how am I to do this?”
“เอหิ ตฺวํ, คามณิ, เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา สมณํ โคตมํ เอวํ วเทหิ: ‘นนุ, ภนฺเต, ภควา อเนกปริยาเยน กุลานํ อนุทฺทยํ วณฺเณติ, อนุรกฺขํ วณฺเณติ, อนุกมฺปํ วณฺเณตี'ติ? สเจ โข, คามณิ, สมโณ โคตโม เอวํ ปุฏฺโฐ เอวํ พฺยากโรติ: ‘เอวํ, คามณิ, ตถาคโต อเนกปริยาเยน กุลานํ อนุทฺทยํ วณฺเณติ, อนุรกฺขํ วณฺเณติ, อนุกมฺปํ วณฺเณตี'ติ, ตเมนํ ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ: ‘อถ กิญฺจรหิ, ภนฺเต, ภควา ทุพฺภิกฺเข ทฺวีหิติเก เสตฏฺฐิเก สลากาวุตฺเต มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ จาริกํ จรติ? อุจฺเฉทาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน, อนยาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน, อุปฆาตาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน'ติฯ อิมํ โข เต, คามณิ, สมโณ โคตโม อุภโตโกฏิกํ ปญฺหํ ปุฏฺโฐ เนว สกฺขติ อุคฺคิลิตุํ, เนว สกฺขติ โอคิลิตุนฺ”ติฯ
“Here, brahmin, go to the ascetic Gotama and say to him: ‘Sir, don’t you in many ways praise kindness, protection, and compassion for families?’ When he’s asked this, if he answers: ‘Indeed I do, chief,’ say this to him: ‘So what exactly are you doing, wandering together with this large Saṅgha of bhikkhus during a time of famine and scarcity, with blighted crops turned to straw? The Buddha is practicing to annihilate, collapse, and ruin families!’ When you put this dilemma to him, the Buddha won’t be able to either spit it out or swallow it down.”
“เอวํ, ภนฺเต”ติ โข อสิพนฺธกปุตฺโต คามณิ นิคณฺฐสฺส นาฏปุตฺตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา อุฏฺฐายาสนา นิคณฺฐํ นาฏปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อสิพนฺธกปุตฺโต คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ:
“Yes, sir,” replied Asibandhaka’s son. He got up from his seat, bowed, and respectfully circled the Jain Ñātika, keeping him on his right. Then he went to the Buddha, bowed, sat down to one side, and said to him:
“นนุ, ภนฺเต, ภควา อเนกปริยาเยน กุลานํ อนุทฺทยํ วณฺเณติ, อนุรกฺขํ วณฺเณติ, อนุกมฺปํ วณฺเณตี”ติ?
“Sir, don’t you in many ways praise kindness, protection, and compassion for families?”
“เอวํ, คามณิ, ตถาคโต อเนกปริยาเยน กุลานํ อนุทฺทยํ วณฺเณติ, อนุรกฺขํ วณฺเณติ, อนุกมฺปํ วณฺเณตี”ติฯ
“Indeed I do, chief.”
“อถ กิญฺจรหิ, ภนฺเต, ภควา ทุพฺภิกฺเข ทฺวีหิติเก เสตฏฺฐิเก สลากาวุตฺเต มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ จาริกํ จรติ? อุจฺเฉทาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน, อนยาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน, อุปฆาตาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน”ติฯ
“So what exactly are you doing, wandering together with this large Saṅgha of bhikkhus during a time of famine and scarcity, with blighted crops turned to straw? The Buddha is practicing to annihilate, collapse, and ruin families!”
“อิโต โส, คามณิ, เอกนวุติกปฺเป ยมหํ อนุสฺสรามิ, นาภิชานามิ กิญฺจิ กุลํ ปกฺกภิกฺขานุปฺปทานมตฺเตน อุปหตปุพฺพํฯ อถ โข ยานิ ตานิ กุลานิ อฑฺฒานิ มหทฺธนานิ มหาโภคานิ ปหูตชาตรูปรชตานิ ปหูตวิตฺตูปกรณานิ ปหูตธนธญฺญานิ, สพฺพานิ ตานิ ทานสมฺภูตานิ เจว สจฺจสมฺภูตานิ จ สามญฺญสมฺภูตานิ จฯ
“Well, chief, I recollect ninety-one eons back but I’m not aware of any family that’s been ruined merely by offering some cooked almsfood. Rather, rich, affluent, and wealthy families—with lots of gold and silver, lots of property and assets, and lots of money and grain—all acquired their wealth because of generosity, truth, and restraint.
อฏฺฐ โข, คามณิ, เหตู, อฏฺฐ ปจฺจยา กุลานํ อุปฆาตายฯ ราชโต วา กุลานิ อุปฆาตํ คจฺฉนฺติ, โจรโต วา กุลานิ อุปฆาตํ คจฺฉนฺติ, อคฺคิโต วา กุลานิ อุปฆาตํ คจฺฉนฺติ, อุทกโต วา กุลานิ อุปฆาตํ คจฺฉนฺติ, นิหิตํ วา ฐานา วิคจฺฉติ, ทุปฺปยุตฺตา วา กมฺมนฺตา วิปชฺชนฺติ, กุเล วา กุลงฺคาโรติ อุปฺปชฺชติ, โย เต โภเค วิกิรติ วิธมติ วิทฺธํเสติ, อนิจฺจตาเยว อฏฺฐมีติฯ อิเม โข, คามณิ, อฏฺฐ เหตู, อฏฺฐ ปจฺจยา กุลานํ อุปฆาตายฯ
Chief, there are eight causes and reasons for the ruin of families. Their ruin stems from rulers, bandits, fire, or flood. Or their savings vanish. Or their business fails due to not applying themselves to work. Or a wastrel is born into the family who squanders and fritters away their wealth. And impermanence is the eighth. These are the eight causes and reasons for the ruin of families.
อิเมสุ โข, คามณิ, อฏฺฐสุ เหตูสุ, อฏฺฐสุ ปจฺจเยสุ สํวิชฺชมาเนสุ โย มํ เอวํ วเทยฺย: ‘อุจฺเฉทาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน, อนยาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน, อุปฆาตาย ภควา กุลานํ ปฏิปนฺโน'ติ, ตํ, คามณิ, วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺฐึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย”ติฯ
Given that these eight reasons are found, suppose someone says this: ‘The Buddha is practicing to annihilate, collapse, and ruin families!’ Unless they give up that speech and thought, and let go of that view, they will be cast down to hell.”
เอวํ วุตฺเต, อสิพนฺธกปุตฺโต คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ: “อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต …เป… อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตนฺ”ติฯ
When he said this, Asibandhaka’s son the chief said to the Buddha, “Excellent, sir! Excellent! … From this day forth, may the Buddha remember me as a lay follower who has gone for refuge for life.”
นวมํฯ
The authoritative text of the Saṁyutta Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]