Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Saṁyutta Nikāya, English translation |
สํยุตฺต นิกาย ๕๖ฯ๔๒
The Related Suttas Collection 56.42
๕ฯ ปปาตวคฺค
5. A Cliff
ปปาตสุตฺต
A Cliff
เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเตฯ
At one time the Buddha was staying near Rājagaha, on the Vulture’s Peak Mountain.
อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ: “อายาม, ภิกฺขเว, เยน ปฏิภานกูโฏ เตนุปสงฺกมิสฺสาม ทิวาวิหารายา”ติฯ
Then the Buddha said to the bhikkhus, “Come, bhikkhus, let’s go to Inspiration Peak for the day’s meditation.”
“เอวํ, ภนฺเต”ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ อถ โข ภควา สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ เยน ปฏิภานกูโฏ เตนุปสงฺกมิฯ
“Yes, sir,” they replied. Then the Buddha together with several bhikkhus went to Inspiration Peak.
อทฺทสา โข อญฺญตโร ภิกฺขุ ปฏิภานกูเฏ มหนฺตํ ปปาตํฯ ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ: “มหา วตายํ, ภนฺเต, ปปาโต สุภยานโก, ภนฺเต, ปปาโตฯ อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, อิมมฺหา ปปาตา อญฺโญ ปปาโต มหนฺตตโร จ ภยานกตโร จา”ติ?
A certain bhikkhu saw the big cliff there and said to the Buddha, “Sir, that big cliff is really huge and scary. Is there any other cliff bigger and scarier than this one?”
“อตฺถิ โข, ภิกฺขุ, อิมมฺหา ปปาตา อญฺโญ ปปาโต มหนฺตตโร จ ภยานกตโร จา”ติฯ
“There is, bhikkhu.”
“กตโม ปน, ภนฺเต, อิมมฺหา ปปาตา อญฺโญ ปปาโต มหนฺตตโร จ ภยานกตโร จา”ติ?
“But sir, what is it?”
“เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา ‘อิทํ ทุกฺขนฺ'ติ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย'ติ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ'ติ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา'ติ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ, เต ชาติสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ อภิรมนฺติ, ชราสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ อภิรมนฺติ, มรณสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ อภิรมนฺติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ อภิรมนฺติฯ เต ชาติสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ อภิรตา ชราสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ อภิรตา มรณสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ อภิรตา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ อภิรตา ชาติสํวตฺตนิเกปิ สงฺขาเร อภิสงฺขโรนฺติ, ชราสํวตฺตนิเกปิ สงฺขาเร อภิสงฺขโรนฺติ, มรณสํวตฺตนิเกปิ สงฺขาเร อภิสงฺขโรนฺติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสสํวตฺตนิเกปิ สงฺขาเร อภิสงฺขโรนฺติฯ เต ชาติสํวตฺตนิเกปิ สงฺขาเร อภิสงฺขริตฺวา ชราสํวตฺตนิเกปิ สงฺขาเร อภิสงฺขริตฺวา มรณสํวตฺตนิเกปิ สงฺขาเร อภิสงฺขริตฺวา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสสํวตฺตนิเกปิ สงฺขาเร อภิสงฺขริตฺวา ชาติปปาตมฺปิ ปปตนฺติ, ชราปปาตมฺปิ ปปตนฺติ, มรณปปาตมฺปิ ปปตนฺติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสปปาตมฺปิ ปปตนฺติฯ เต น ปริมุจฺจนฺติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิฯ ‘น ปริมุจฺจนฺติ ทุกฺขสฺมา'ติ วทามิฯ
“Bhikkhu, there are ascetics and brahmins who don’t truly understand about suffering, its origin, its cessation, and the path. They take pleasure in choices that lead to rebirth, old age, and death, to sorrow, lamentation, pain, sadness, and distress. Since they take pleasure in such choices, they continue to make them. Having made choices that lead to rebirth, old age, and death, to sorrow, lamentation, pain, sadness, and distress, they fall down the cliff of rebirth, old age, and death, of sorrow, lamentation, pain, sadness, and distress. They’re not freed from rebirth, old age, and death, from sorrow, lamentation, pain, sadness, and distress. They’re not freed from suffering, I say.
เย จ โข เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา ‘อิทํ ทุกฺขนฺ'ติ ยถาภูตํ ปชานนฺติ …เป… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา'ติ ยถาภูตํ ปชานนฺติ, เต ชาติสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ นาภิรมนฺติ, ชราสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ นาภิรมนฺติ, มรณสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ นาภิรมนฺติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ นาภิรมนฺติฯ เต ชาติสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ อนภิรตา, ชราสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ อนภิรตา, มรณสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ อนภิรตา, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ อนภิรตา, ชาติสํวตฺตนิเกปิ สงฺขาเร นาภิสงฺขโรนฺติ, ชราสํวตฺตนิเกปิ สงฺขาเร นาภิสงฺขโรนฺติ, มรณสํวตฺตนิเกปิ สงฺขาเร นาภิสงฺขโรนฺติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสสํวตฺตนิเกปิ สงฺขาเร นาภิสงฺขโรนฺติฯ เต ชาติสํวตฺตนิเกปิ สงฺขาเร อนภิสงฺขริตฺวา, ชราสํวตฺตนิเกปิ สงฺขาเร อนภิสงฺขริตฺวา, มรณสํวตฺตนิเกปิ สงฺขาเร อนภิสงฺขริตฺวา, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสสํวตฺตนิเกปิ สงฺขาเร อนภิสงฺขริตฺวา, ชาติปปาตมฺปิ นปฺปปตนฺติ, ชราปปาตมฺปิ นปฺปปตนฺติ, มรณปปาตมฺปิ นปฺปปตนฺติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสปปาตมฺปิ นปฺปปตนฺติฯ เต ปริมุจฺจนฺติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิฯ ‘ปริมุจฺจนฺติ ทุกฺขสฺมา'ติ วทามิฯ
There are ascetics and brahmins who truly understand about suffering, its origin, its cessation, and the path. They don’t take pleasure in choices that lead to rebirth, old age, and death, to sorrow, lamentation, pain, sadness, and distress. Since they don’t take pleasure in such choices, they stop making them. Having stopped making choices that lead to rebirth, old age, and death, to sorrow, lamentation, pain, sadness, and distress, they don’t fall down the cliff of rebirth, old age, and death, of sorrow, lamentation, pain, sadness, and distress. They’re freed from rebirth, old age, and death, from sorrow, lamentation, pain, sadness, and distress. They’re freed from suffering, I say.
ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ‘อิทํ ทุกฺขนฺ'ติ โยโค กรณีโย …เป… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา'ติ โยโค กรณีโย”ติฯ
That’s why you should practice meditation …”
ทุติยํฯ
The authoritative text of the Saṁyutta Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]