Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation |
มชฺฌิม นิกาย ๓๕
The Middle-Length Suttas Collection 35
จูฬสจฺจกสุตฺต
The Shorter Discourse With Saccaka
เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํฯ
So I have heard. At one time the Buddha was staying near Vesālī, at the Great Wood, in the hall with the peaked roof.
เตน โข ปน สมเยน สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต เวสาลิยํ ปฏิวสติ ภสฺสปฺปวาทโก ปณฺฑิตวาโท สาธุสมฺมโต พหุชนสฺสฯ โส เวสาลิยํ ปริสติ เอวํ วาจํ ภาสติ: “นาหํ ตํ ปสฺสามิ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา, สงฺฆึ คณึ คณาจริยํ, อปิ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปฏิชานมานํ, โย มยา วาเทน วาทํ สมารทฺโธ น สงฺกมฺเปยฺย น สมฺปกมฺเปยฺย น สมฺปเวเธยฺย, ยสฺส น กจฺเฉหิ เสทา มุจฺเจยฺยุํฯ ถูณํ เจปาหํ อเจตนํ วาเทน วาทํ สมารเภยฺยํ, สาปิ มยา วาเทน วาทํ สมารทฺธา สงฺกมฺเปยฺย สมฺปกมฺเปยฺย สมฺปเวเธยฺยฯ โก ปน วาโท มนุสฺสภูตสฺสา”ติ?
Now at that time Saccaka, the son of Jain parents, was staying in Vesālī. He was a debater and clever speaker deemed holy by many people. He was telling a crowd in Vesālī, “If I was to take them on in debate, I don’t see any ascetic or brahmin—leader of an order or a community, or the teacher of a community, even one who claims to be a perfected one, a fully awakened Buddha—who would not shake and rock and tremble, sweating from the armpits. Even if I took on an insentient post in debate, it would shake and rock and tremble. How much more then a human being!”
อถ โข อายสฺมา อสฺสชิ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ อทฺทสา โข สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต เวสาลิยํ ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน อายสฺมนฺตํ อสฺสชึ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน เยนายสฺมา อสฺสชิ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา อสฺสชินา สทฺธึ สมฺโมทิฯ
Then Venerable Assaji robed up in the morning and, taking his bowl and robe, entered Vesālī for alms. As Saccaka was going for a walk he saw Assaji coming off in the distance. He approached him and exchanged greetings with him.
สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต อายสฺมนฺตํ อสฺสชึ เอตทโวจ: “กถํ ปน, โภ อสฺสชิ, สมโณ โคตโม สาวเก วิเนติ, กถํภาคา จ ปน สมณสฺส โคตมสฺส สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตตี”ติ?
When the greetings and polite conversation were over, Saccaka stood to one side and said to Assaji, “Master Assaji, how does the ascetic Gotama guide his disciples? And how does instruction to his disciples generally proceed?”
“เอวํ โข, อคฺคิเวสฺสน, ภควา สาวเก วิเนติ, เอวํภาคา จ ปน ภควโต สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตติ: ‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ, เวทนา อนิจฺจา, สญฺญา อนิจฺจา, สงฺขารา อนิจฺจา, วิญฺญาณํ อนิจฺจํฯ รูปํ, ภิกฺขเว, อนตฺตา, เวทนา อนตฺตา, สญฺญา อนตฺตา, สงฺขารา อนตฺตา, วิญฺญาณํ อนตฺตาฯ สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา'ติฯ เอวํ โข, อคฺคิเวสฺสน, ภควา สาวเก วิเนติ, เอวํภาคา จ ปน ภควโต สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตตี”ติฯ
“Aggivessana, this is how the ascetic Gotama guides his disciples, and how instruction to his disciples generally proceeds: ‘Form, feeling, perception, choices, and consciousness are impermanent. Form, feeling, perception, choices, and consciousness are not-self. All conditions are impermanent. All things are not-self.’ This is how the ascetic Gotama guides his disciples, and how instruction to his disciples generally proceeds.”
“ทุสฺสุตํ วต, โภ อสฺสชิ, อสฺสุมฺห เย มยํ เอวํวาทึ สมณํ โคตมํ อสฺสุมฺหฯ อปฺเปว นาม มยํ กทาจิ กรหจิ เตน โภตา โคตเมน สทฺธึ สมาคจฺเฉยฺยาม, อปฺเปว นาม สิยา โกจิเทว กถาสลฺลาโป, อปฺเปว นาม ตสฺมา ปาปกา ทิฏฺฐิคตา วิเวเจยฺยามา”ติฯ
“It’s sad to hear, Master Assaji, that the ascetic Gotama has such a doctrine. Hopefully, some time or other I’ll get to meet Master Gotama, and we can have a discussion. And hopefully I can dissuade him from this harmful misconception.”
เตน โข ปน สมเยน ปญฺจมตฺตานิ ลิจฺฉวิสตานิ สนฺถาคาเร สนฺนิปติตานิ โหนฺติ เกนจิเทว กรณีเยนฯ อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต เยน เต ลิจฺฉวี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ลิจฺฉวี เอตทโวจ: “อภิกฺกมนฺตุ โภนฺโต ลิจฺฉวี, อภิกฺกมนฺตุ โภนฺโต ลิจฺฉวี, อชฺช เม สมเณน โคตเมน สทฺธึ กถาสลฺลาโป ภวิสฺสติฯ สเจ เม สมโณ โคตโม ตถา ปติฏฺฐิสฺสติ ยถา จ เม ญาตญฺญตเรน สาวเกน อสฺสชินา นาม ภิกฺขุนา ปติฏฺฐิตํ, เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส ทีฆโลมิกํ เอฬกํ โลเมสุ คเหตฺวา อากฑฺเฒยฺย ปริกฑฺเฒยฺย สมฺปริกฑฺเฒยฺย; เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ อากฑฺฒิสฺสามิ ปริกฑฺฒิสฺสามิ สมฺปริกฑฺฒิสฺสามิฯ เสยฺยถาปิ นาม พลวา โสณฺฑิกากมฺมกาโร มหนฺตํ โสณฺฑิกากิฬญฺชํ คมฺภีเร อุทกรหเท ปกฺขิปิตฺวา กณฺเณ คเหตฺวา อากฑฺเฒยฺย ปริกฑฺเฒยฺย สมฺปริกฑฺเฒยฺย; เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ อากฑฺฒิสฺสามิ ปริกฑฺฒิสฺสามิ สมฺปริกฑฺฒิสฺสามิฯ เสยฺยถาปิ นาม พลวา โสณฺฑิกาธุตฺโต วาลํ กณฺเณ คเหตฺวา โอธุเนยฺย นิทฺธุเนยฺย นิปฺโผเฏยฺย; เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ โอธุนิสฺสามิ นิทฺธุนิสฺสามิ นิปฺโผเฏสฺสามิฯ เสยฺยถาปิ นาม กุญฺชโร สฏฺฐิหายโน คมฺภีรํ โปกฺขรณึ โอคาเหตฺวา สาณโธวิกํ นาม กีฬิตชาตํ กีฬติ; เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ สาณโธวิกํ มญฺเญ กีฬิตชาตํ กีฬิสฺสามิฯ อภิกฺกมนฺตุ โภนฺโต ลิจฺฉวี, อภิกฺกมนฺตุ โภนฺโต ลิจฺฉวี, อชฺช เม สมเณน โคตเมน สทฺธึ กถาสลฺลาโป ภวิสฺสตี”ติฯ
Now at that time around five hundred Licchavis were sitting together at the town hall on some business. Then Saccaka went up to them and said, “Come forth, good Licchavīs, come forth! Today I am going to have a discussion with the ascetic Gotama. If he stands by the position stated to me by one of his well-known disciples—a bhikkhu named Assaji—I’ll take him on in debate and drag him to and fro and round about, like a strong man would drag a fleecy sheep to and fro and round about! Taking him on in debate, I’ll drag him to and fro and round about, like a strong brewer’s worker would toss a large brewer’s sieve into a deep lake, grab it by the corners, and drag it to and fro and round about! Taking him on in debate, I’ll shake him down and about, and give him a beating, like a strong brewer’s mixer would grab a strainer by the corners and shake it down and about, and give it a beating! I’ll play a game of ear-washing with the ascetic Gotama, like a sixty-year-old elephant would plunge into a deep lotus pond and play a game of ear-washing! Come forth, good Licchavīs, come forth! Today I am going to have a discussion with the ascetic Gotama.”
ตเตฺรกจฺเจ ลิจฺฉวี เอวมาหํสุ: “กึ สมโณ โคตโม สจฺจกสฺส นิคณฺฐปุตฺตสฺส วาทํ อาโรเปสฺสติ, อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปสฺสตี”ติ?
At that, some of the Licchavis said, “How can the ascetic Gotama refute Saccaka’s doctrine, when it is Saccaka who will refute Gotama’s doctrine?”
เอกจฺเจ ลิจฺฉวี เอวมาหํสุ: “กึ โส ภวมาโน สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต โย ภควโต วาทํ อาโรเปสฺสติ, อถ โข ภควา สจฺจกสฺส นิคณฺฐปุตฺตสฺส วาทํ อาโรเปสฺสตี”ติ?
But some of the Licchavis said, “Who is Saccaka to refute the Buddha’s doctrine, when it is the Buddha who will refute Saccaka’s doctrine?”
อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต ปญฺจมตฺเตหิ ลิจฺฉวิสเตหิ ปริวุโต เยน มหาวนํ กูฏาคารสาลา เตนุปสงฺกมิฯ
Then Saccaka, escorted by the five hundred Licchavis, went to the hall with the peaked roof in the Great Wood.
เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู อพฺโภกาเส จงฺกมนฺติฯ อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ: “กหํ นุ โข, โภ, เอตรหิ โส ภวํ โคตโม วิหรติ? ทสฺสนกามา หิ มยํ ตํ ภวนฺตํ โคตมนฺ”ติฯ
At that time several bhikkhus were walking mindfully in the open air. Then Saccaka went up to them and said, “Good sirs, where is Master Gotama at present? For we want to see him.”
“เอส, อคฺคิเวสฺสน, ภควา มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา อญฺญตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสินฺโน”ติฯ
“Aggivessana, the Buddha has plunged deep into the Great Wood and is sitting at the root of a tree for the day’s meditation.”
อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต มหติยา ลิจฺฉวิปริสาย สทฺธึ มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เตปิ โข ลิจฺฉวี อปฺเปกจฺเจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อปฺเปกจฺเจ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ, สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ อปฺเปกจฺเจ เยน ภควา เตนญฺชลึ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อปฺเปกจฺเจ ภควโต สนฺติเก นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อปฺเปกจฺเจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ
Then Saccaka, together with a large group of Licchavis, went to see the Buddha in the Great Wood, and exchanged greetings with him. When the greetings and polite conversation were over, he sat down to one side. Before sitting down to one side, some of the Licchavīs bowed, some exchanged greetings and polite conversation, some held up their joined palms toward the Buddha, some announced their name and clan, while some kept silent.
เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ: “ปุจฺเฉยฺยาหํ ภวนฺตํ โคตมํ กิญฺจิเทว เทสํ, สเจ เม ภวํ โคตโม โอกาสํ กโรติ ปญฺหสฺส เวยฺยากรณายา”ติฯ
Then Saccaka said to the Buddha, “I’d like to ask Master Gotama about a certain point, if you’d take the time to answer.”
“ปุจฺฉ, อคฺคิเวสฺสน, ยทากงฺขสี”ติฯ
“Ask what you wish, Aggivessana.”
“กถํ ปน ภวํ โคตโม สาวเก วิเนติ, กถํภาคา จ ปน โภโต โคตมสฺส สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตตี”ติ?
“How does the ascetic Gotama guide his disciples? And how does instruction to his disciples generally proceed?”
“เอวํ โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, สาวเก วิเนมิ, เอวํภาคา จ ปน เม สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตติ: ‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ, เวทนา อนิจฺจา, สญฺญา อนิจฺจา, สงฺขารา อนิจฺจา, วิญฺญาณํ อนิจฺจํฯ รูปํ, ภิกฺขเว, อนตฺตา, เวทนา อนตฺตา, สญฺญา อนตฺตา, สงฺขารา อนตฺตา, วิญฺญาณํ อนตฺตาฯ สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา'ติฯ เอวํ โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, สาวเก วิเนมิ, เอวํภาคา จ ปน เม สาวเกสุ อนุสาสนี พหุลา ปวตฺตตี”ติฯ
“This is how I guide my disciples, and how instruction to my disciples generally proceeds: ‘Form, feeling, perception, choices, and consciousness are impermanent. Form, feeling, perception, choices, and consciousness are not-self. All conditions are impermanent. All things are not-self.’ This is how I guide my disciples, and how instruction to my disciples generally proceeds.”
“อุปมา มํ, โภ โคตม, ปฏิภาตี”ติฯ
“A simile strikes me, Master Gotama.”
“ปฏิภาตุ ตํ, อคฺคิเวสฺสนา”ติ ภควา อโวจฯ
“Then speak as you feel inspired,” said the Buddha.
“เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, เย เกจิเม พีชคามภูตคามา วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺติ, สพฺเพ เต ปถวึ นิสฺสาย ปถวิยํ ปติฏฺฐายฯ เอวเมเต พีชคามภูตคามา วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺติฯ เสยฺยถาปิ วา ปน, โภ โคตม, เย เกจิเม พลกรณียา กมฺมนฺตา กรียนฺติ, สพฺเพ เต ปถวึ นิสฺสาย ปถวิยํ ปติฏฺฐายฯ เอวเมเต พลกรณียา กมฺมนฺตา กรียนฺติฯ
“All the plants and seeds that achieve growth, increase, and maturity do so depending on the earth and grounded on the earth. All the hard work that gets done depends on the earth and is grounded on the earth.
เอวเมว โข, โภ โคตม, รูปตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล รูเป ปติฏฺฐาย ปุญฺญํ วา อปุญฺญํ วา ปสวติ, เวทนตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล เวทนายํ ปติฏฺฐาย ปุญฺญํ วา อปุญฺญํ วา ปสวติ, สญฺญตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล สญฺญายํ ปติฏฺฐาย ปุญฺญํ วา อปุญฺญํ วา ปสวติ, สงฺขารตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล สงฺขาเรสุ ปติฏฺฐาย ปุญฺญํ วา อปุญฺญํ วา ปสวติ, วิญฺญาณตฺตายํ ปุริสปุคฺคโล วิญฺญาเณ ปติฏฺฐาย ปุญฺญํ วา อปุญฺญํ วา ปสวตี”ติฯ
In the same way, an individual’s self is form. Grounded on form they make good and bad choices. An individual’s self is feeling … perception … choices … consciousness. Grounded on consciousness they make good and bad choices.”
“นนุ ตฺวํ, อคฺคิเวสฺสน, เอวํ วเทสิ: ‘รูปํ เม อตฺตา, เวทนา เม อตฺตา, สญฺญา เม อตฺตา, สงฺขารา เม อตฺตา, วิญฺญาณํ เม อตฺตา'”ติ?
“Aggivessana, are you not saying this: ‘Form is my self, feeling is my self, perception is my self, choices are my self, consciousness is my self’?”
“อหญฺหิ, โภ โคตม, เอวํ วทามิ: ‘รูปํ เม อตฺตา, เวทนา เม อตฺตา, สญฺญา เม อตฺตา, สงฺขารา เม อตฺตา, วิญฺญาณํ เม อตฺตา'ติ, อยญฺจ มหตี ชนตา”ติฯ
“Indeed, Master Gotama, that is what I am saying. And this big crowd agrees with me!”
“กิญฺหิ เต, อคฺคิเวสฺสน, มหตี ชนตา กริสฺสติ? อิงฺฆ ตฺวํ, อคฺคิเวสฺสน, สกญฺเญว วาทํ นิพฺเพเฐหี”ติฯ
“What has this big crowd to do with you? Please just explain your own statement.”
“อหญฺหิ, โภ โคตม, เอวํ วทามิ: ‘รูปํ เม อตฺตา, เวทนา เม อตฺตา, สญฺญา เม อตฺตา, สงฺขารา เม อตฺตา, วิญฺญาณํ เม อตฺตา'”ติฯ
“Then, Master Gotama, what I am saying is this: ‘Form is my self, feeling is my self, perception is my self, choices are my self, consciousness is my self’.”
“เตน หิ, อคฺคิเวสฺสน, ตญฺเญเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ, ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิฯ ตํ กึ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, วตฺเตยฺย รญฺโญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส สกสฺมึ วิชิเต วโส—ฆาเตตายํ วา ฆาเตตุํ, ชาเปตายํ วา ชาเปตุํ, ปพฺพาเชตายํ วา ปพฺพาเชตุํ, เสยฺยถาปิ รญฺโญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส, เสยฺยถาปิ วา ปน รญฺโญ มาคธสฺส อชาตสตฺตุสฺส เวเทหิปุตฺตสฺสา”ติ?
“Well then, Aggivessana, I’ll ask you about this in return, and you can answer as you like. What do you think, Aggivessana? Consider an anointed aristocratic king such as Pasenadi of Kosala or Ajātasattu of Magadha, son of the princess of Videha. Would they have the power in their own realm to execute, fine, or banish those who are guilty?”
“วตฺเตยฺย, โภ โคตม, รญฺโญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส สกสฺมึ วิชิเต วโส—ฆาเตตายํ วา ฆาเตตุํ, ชาเปตายํ วา ชาเปตุํ, ปพฺพาเชตายํ วา ปพฺพาเชตุํ, เสยฺยถาปิ รญฺโญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส, เสยฺยถาปิ วา ปน รญฺโญ มาคธสฺส อชาตสตฺตุสฺส เวเทหิปุตฺตสฺสฯ อิเมสมฺปิ หิ, โภ โคตม, สงฺฆานํ คณานํ—เสยฺยถิทํ—วชฺชีนํ มลฺลานํ—วตฺตติ สกสฺมึ วิชิเต วโส—ฆาเตตายํ วา ฆาเตตุํ, ชาเปตายํ วา ชาเปตุํ, ปพฺพาเชตายํ วา ปพฺพาเชตุํฯ กึ ปน รญฺโญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส, เสยฺยถาปิ รญฺโญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส, เสยฺยถาปิ วา ปน รญฺโญ มาคธสฺส อชาตสตฺตุสฺส เวเทหิปุตฺตสฺส? วตฺเตยฺย, โภ โคตม, วตฺติตุญฺจ มรหตี”ติฯ
“An anointed king would have such power, Master Gotama. Even federations such as the Vajjis and Mallas have such power in their own realm. So of course an anointed king such as Pasenadi or Ajātasattu would wield such power, as is their right.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ: ‘รูปํ เม อตฺตา'ติ, วตฺตติ เต ตสฺมึ รูเป วโส—เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสี”ติ? เอวํ วุตฺเต, สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิฯ ทุติยมฺปิ โข ภควา สจฺจกํ นิคณฺฐปุตฺตํ เอตทโวจ: “ตํ กึ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ: ‘รูปํ เม อตฺตา'ติ, วตฺตติ เต ตสฺมึ รูเป วโส—เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสี”ติ? ทุติยมฺปิ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิฯ อถ โข ภควา สจฺจกํ นิคณฺฐปุตฺตํ เอตทโวจ: “พฺยากโรหิ ทานิ, อคฺคิเวสฺสน, น ทานิ เต ตุณฺหีภาวสฺส กาโลฯ โย โกจิ, อคฺคิเวสฺสน ตถาคเตน ยาวตติยํ สหธมฺมิกํ ปญฺหํ ปุฏฺโฐ น พฺยากโรติ, เอตฺเถวสฺส สตฺตธา มุทฺธา ผลตี”ติฯ
“What do you think, Aggivessana? When you say, ‘Form is my self,’ do you have power over that form to say: ‘May my form be like this! May it not be like that’?” When he said this, Saccaka kept silent. The Buddha asked the question a second time, but Saccaka still kept silent. So the Buddha said to Saccaka, “Answer now, Aggivessana. Now is not the time for silence. If someone fails to answer a legitimate question when asked three times by the Buddha, their head explodes into seven pieces there and then.”
เตน โข ปน สมเยน วชิรปาณิ ยกฺโข อายสํ วชิรํ อาทาย อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ สจฺจกสฺส นิคณฺฐปุตฺตสฺส อุปริเวหาสํ ฐิโต โหติ: “สจายํ สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต ภควตา ยาวตติยํ สหธมฺมิกํ ปญฺหํ ปุฏฺโฐ น พฺยากริสฺสติ เอตฺเถวสฺส สตฺตธา มุทฺธํ ผาเลสฺสามี”ติฯ ตํ โข ปน วชิรปาณึ ยกฺขํ ภควา เจว ปสฺสติ สจฺจโก จ นิคณฺฐปุตฺโตฯ
Now at that time the spirit Vajirapāṇī, taking up a burning iron thunderbolt, blazing and glowing, stood in the sky above Saccaka, thinking, “If this Saccaka doesn’t answer when asked a third time, I’ll blow his head into seven pieces there and then!” And both the Buddha and Saccaka could see Vajirapāṇī.
อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต ภีโต สํวิคฺโค โลมหฏฺฐชาโต ภควนฺตํเยว ตาณํ คเวสี ภควนฺตํเยว เลณํ คเวสี ภควนฺตํเยว สรณํ คเวสี ภควนฺตํ เอตทโวจ: “ปุจฺฉตุ มํ ภวํ โคตโม, พฺยากริสฺสามี”ติฯ
Saccaka was terrified, shocked, and awestruck. Looking to the Buddha for shelter, protection, and refuge, he said, “Ask me, Master Gotama. I will answer.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ: ‘รูปํ เม อตฺตา'ติ, วตฺตติ เต ตสฺมึ รูเป วโส—เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสี”ติ?
“What do you think, Aggivessana? When you say, ‘Form is my self,’ do you have power over that form to say: ‘May my form be like this! May it not be like that’?”
“โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ
“No, Master Gotama.”
“มนสิ กโรหิ, อคฺคิเวสฺสน; มนสิ กริตฺวา โข, อคฺคิเวสฺสน, พฺยากโรหิฯ น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ ปจฺฉิเมน วา ปุริมํฯ ตํ กึ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ: ‘เวทนา เม อตฺตา'ติ, วตฺตติ เต ติสฺสํ เวทนายํ วโส—เอวํ เม เวทนา โหตุ, เอวํ เม เวทนา มา อโหสี”ติ?
“Think about it, Aggivessana! You should think before answering. What you said before and what you said after don’t match up. What do you think, Aggivessana? When you say, ‘Feeling is my self,’ do you have power over that feeling to say: ‘May my feeling be like this! May it not be like that’?”
“โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ
“No, Master Gotama.”
“มนสิ กโรหิ, อคฺคิเวสฺสน; มนสิ กริตฺวา โข, อคฺคิเวสฺสน, พฺยากโรหิฯ น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํฯ ตํ กึ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ: ‘สญฺญา เม อตฺตา'ติ, วตฺตติ เต ติสฺสํ สญฺญายํ วโส—เอวํ เม สญฺญา โหตุ, เอวํ เม สญฺญา มา อโหสี”ติ?
“Think about it, Aggivessana! You should think before answering. What you said before and what you said after don’t match up. What do you think, Aggivessana? When you say, ‘Perception is my self,’ do you have power over that perception to say: ‘May my perception be like this! May it not be like that’?”
“โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ
“No, Master Gotama.”
“มนสิ กโรหิ, อคฺคิเวสฺสน; มนสิ กริตฺวา โข, อคฺคิเวสฺสน, พฺยากโรหิฯ น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํฯ ตํ กึ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ: ‘สงฺขารา เม อตฺตา'ติ, วตฺตติ เต เตสุ สงฺขาเรสุ วโส—เอวํ เม สงฺขารา โหนฺตุ, เอวํ เม สงฺขารา มา อเหสุนฺ”ติ?
“Think about it, Aggivessana! You should think before answering. What you said before and what you said after don’t match up. What do you think, Aggivessana? When you say, ‘Choices are my self,’ do you have power over those choices to say: ‘May my choices be like this! May they not be like that’?”
“โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ
“No, Master Gotama.”
“มนสิ กโรหิ, อคฺคิเวสฺสน; มนสิ กริตฺวา โข, อคฺคิเวสฺสน, พฺยากโรหิฯ น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํฯ ตํ กึ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ: ‘วิญฺญาณํ เม อตฺตา'ติ, วตฺตติ เต ตสฺมึ วิญฺญาเณ วโส—เอวํ เม วิญฺญาณํ โหตุ, เอวํ เม วิญฺญาณํ มา อโหสี”ติ?
“Think about it, Aggivessana! You should think before answering. What you said before and what you said after don’t match up. What do you think, Aggivessana? When you say, ‘Consciousness is my self,’ do you have power over that consciousness to say: ‘May my consciousness be like this! May it not be like that’?”
“โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ
“No, Master Gotama.”
“มนสิ กโรหิ, อคฺคิเวสฺสน; มนสิ กริตฺวา โข, อคฺคิเวสฺสน, พฺยากโรหิฯ น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํฯ ตํ กึ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา”ติ?
“Think about it, Aggivessana! You should think before answering. What you said before and what you said after don’t match up. What do you think, Aggivessana? Is form permanent or impermanent?”
“อนิจฺจํ, โภ โคตม”ฯ
“Impermanent.”
“ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา”ติ?
“But if it’s impermanent, is it suffering or happiness?”
“ทุกฺขํ, โภ โคตม”ฯ
“Suffering.”
“ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ: ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา'”ติ?
“But if it’s impermanent, suffering, and perishable, is it fit to be regarded thus: ‘This is mine, I am this, this is my self’?”
“โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ
“No, Master Gotama.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, เวทนา …เป… สญฺญา …เป… สงฺขารา …เป… ตํ กึ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, วิญฺญาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา”ติ?
“What do you think, Aggivessana? Is feeling … perception … choices … consciousness permanent or impermanent?”
“อนิจฺจํ, โภ โคตม”ฯ
“Impermanent.”
“ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา”ติ?
“But if it’s impermanent, is it suffering or happiness?”
“ทุกฺขํ, โภ โคตม”ฯ
“Suffering.”
“ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ: ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา'”ติ?
“But if it’s impermanent, suffering, and perishable, is it fit to be regarded thus: ‘This is mine, I am this, this is my self’?”
“โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ
“No, Master Gotama.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, โย นุ โข ทุกฺขํ อลฺลีโน ทุกฺขํ อุปคโต ทุกฺขํ อชฺโฌสิโต, ทุกฺขํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา'ติ สมนุปสฺสติ, อปิ นุ โข โส สามํ วา ทุกฺขํ ปริชาเนยฺย, ทุกฺขํ วา ปริกฺเขเปตฺวา วิหเรยฺยา”ติ?
“What do you think, Aggivessana? Consider someone who clings, holds, and attaches to suffering, regarding it thus: ‘This is mine, I am this, this is my self.’ Would such a person be able to completely understand suffering themselves, or live having wiped out suffering?”
“กิญฺหิ สิยา, โภ โคตม? โน หิทํ, โภ โคตมา”ติฯ
“How could they? No, Master Gotama.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, นนุ ตฺวํ เอวํ สนฺเต ทุกฺขํ อลฺลีโน ทุกฺขํ อุปคโต ทุกฺขํ อชฺโฌสิโต, ทุกฺขํ: ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา'ติ สมนุปสฺสสี”ติ?
“What do you think, Aggivessana? This being so, aren’t you someone who clings, holds, and attaches to suffering, regarding it thus: ‘This is mine, I am this, this is my self’?”
“กิญฺหิ โน สิยา, โภ โคตม? เอวเมตํ, โภ โคตมา”ติฯ
“How could I not? Yes, Master Gotama.”
“เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน ติณฺหํ กุฐารึ อาทาย วนํ ปวิเสยฺยฯ โส ตตฺถ ปเสฺสยฺย มหนฺตํ กทลิกฺขนฺธํ อุชุํ นวํ อกุกฺกุกชาตํฯ ตเมนํ มูเล ฉินฺเทยฺย, มูเล เฉตฺวา อคฺเค ฉินฺเทยฺย, อคฺเค เฉตฺวา ปตฺตวฏฺฏึ วินิพฺภุเชยฺยฯ โส ตตฺถ ปตฺตวฏฺฏึ วินิพฺภุชนฺโต เผคฺคุมฺปิ นาธิคจฺเฉยฺย, กุโต สารํ?
“Suppose, Aggivessana, there was a person in need of heartwood. Wandering in search of heartwood, they’d take a sharp axe and enter a forest. There they’d see a big banana tree, straight and young and grown free of defects. They’d cut it down at the base, cut off the top, and unroll the coiled sheaths. But they wouldn’t even find sapwood, much less heartwood.
เอวเมว โข ตฺวํ, อคฺคิเวสฺสน, มยา สกสฺมึ วาเท สมนุยุญฺชิยมาโน สมนุคาหิยมาโน สมนุภาสิยมาโน ริตฺโต ตุจฺโฉ อปรทฺโธฯ ภาสิตา โข ปน เต เอสา, อคฺคิเวสฺสน, เวสาลิยํ ปริสติ วาจา: ‘นาหํ ตํ ปสฺสามิ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา, สงฺฆึ คณึ คณาจริยํ, อปิ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปฏิชานมานํ, โย มยา วาเทน วาทํ สมารทฺโธ น สงฺกมฺเปยฺย น สมฺปกมฺเปยฺย น สมฺปเวเธยฺย, ยสฺส น กจฺเฉหิ เสทา มุจฺเจยฺยุํฯ ถูณํ เจปาหํ อเจตนํ วาเทน วาทํ สมารเภยฺยํ สาปิ มยา วาเทน วาทํ สมารทฺธา สงฺกมฺเปยฺย สมฺปกมฺเปยฺย สมฺปเวเธยฺยฯ โก ปน วาโท มนุสฺสภูตสฺสา'ติ? ตุยฺหํ โข ปน, อคฺคิเวสฺสน, อปฺเปกจฺจานิ เสทผุสิตานิ นลาฏา มุตฺตานิ, อุตฺตราสงฺคํ วินิภินฺทิตฺวา ภูมิยํ ปติฏฺฐิตานิฯ มยฺหํ โข ปน, อคฺคิเวสฺสน, นตฺถิ เอตรหิ กายสฺมึ เสโท”ติฯ อิติ ภควา ตสฺมึ ปริสติ สุวณฺณวณฺณํ กายํ วิวริฯ เอวํ วุตฺเต, สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข ปชฺฌายนฺโต อปฺปฏิภาโน นิสีทิฯ
In the same way, when pursued, pressed, and grilled by me on your own doctrine, you turn out to be void, hollow, and mistaken. But it was you who stated before the assembly of Vesālī: ‘If I was to take them on in debate, I don’t see any ascetic or brahmin—leader of an order or a community, or the teacher of a community, even one who claims to be a perfected one, a fully awakened Buddha—who would not shake and rock and tremble, sweating from the armpits. Even if I took on an insentient post in debate, it would shake and rock and tremble. How much more then a human being!’ But sweat is pouring from your forehead; it’s soaked through your robe and drips on the ground. While I now have no sweat on my body.” So the Buddha revealed his golden body to the assembly. When this was said, Saccaka sat silent, dismayed, shoulders drooping, downcast, depressed, with nothing to say.
อถ โข ทุมฺมุโข ลิจฺฉวิปุตฺโต สจฺจกํ นิคณฺฐปุตฺตํ ตุณฺหีภูตํ มงฺกุภูตํ ปตฺตกฺขนฺธํ อโธมุขํ ปชฺฌายนฺตํ อปฺปฏิภานํ วิทิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ: “อุปมา มํ, ภควา, ปฏิภาตี”ติฯ
Knowing this, the Licchavi Dummukha said to the Buddha, “A simile strikes me, Blessed One.”
“ปฏิภาตุ ตํ, ทุมฺมุขา”ติ ภควา อโวจฯ
“Then speak as you feel inspired,” said the Buddha.
“เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร โปกฺขรณีฯ ตตฺราสฺส กกฺกฏโกฯ อถ โข, ภนฺเต, สมฺพหุลา กุมารกา วา กุมาริกา วา ตมฺหา คามา วา นิคมา วา นิกฺขมิตฺวา เยน สา โปกฺขรณี เตนุปสงฺกเมยฺยุํ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ โปกฺขรณึ โอคาเหตฺวา ตํ กกฺกฏกํ อุทกา อุทฺธริตฺวา ถเล ปติฏฺฐาเปยฺยุํฯ ยญฺญเทว หิ โส, ภนฺเต, กกฺกฏโก อฬํ อภินินฺนาเมยฺย ตํ ตเทว เต กุมารกา วา กุมาริกา วา กฏฺเฐน วา กถเลน วา สญฺฉินฺเทยฺยุํ สมฺภญฺเชยฺยุํ สมฺปลิภญฺเชยฺยุํฯ เอวญฺหิ โส, ภนฺเต, กกฺกฏโก สพฺเพหิ อเฬหิ สญฺฉินฺเนหิ สมฺภคฺเคหิ สมฺปลิภคฺเคหิ อภพฺโพ ตํ โปกฺขรณึ ปุน โอตริตุํ, เสยฺยถาปิ ปุพฺเพฯ เอวเมว โข, ภนฺเต, ยานิ สจฺจกสฺส นิคณฺฐปุตฺตสฺส วิสูกายิตานิ วิเสวิตานิ วิปฺผนฺทิตานิ ตานิปิ สพฺพานิ ภควตา สญฺฉินฺนานิ สมฺภคฺคานิ สมฺปลิภคฺคานิ; อภพฺโพ จ ทานิ, ภนฺเต, สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต ปุน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตุํ ยทิทํ วาทาธิปฺปาโย”ติฯ
“Sir, suppose there was a lotus pond not far from a town or village, and a crab lived there. Then several boys or girls would leave the town or village and go to the pond, where they’d pull out the crab and put it on dry land. Whenever that crab extended a claw, those boys or girls would snap, crack, and break it off with a stick or a stone. And when that crab’s claws had all been snapped, cracked, and broken off it wouldn’t be able to return down into that lotus pond. In the same way, sir, the Buddha has snapped, cracked, and broken off all Saccaka’s twists, ducks, and dodges. Now he can’t get near the Buddha again looking for a debate.”
เอวํ วุตฺเต, สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต ทุมฺมุขํ ลิจฺฉวิปุตฺตํ เอตทโวจ: “อาคเมหิ ตฺวํ, ทุมฺมุข, อาคเมหิ ตฺวํ, ทุมฺมุข, (…) น มยํ ตยา สทฺธึ มนฺเตม, อิธ มยํ โภตา โคตเมน สทฺธึ มนฺเตมฯ
But Saccaka said to him, “Hold on, Dummukha, hold on! I wasn’t talking with you, I was talking with Master Gotama.
ติฏฺฐเตสา, โภ โคตม, อมฺหากญฺเจว อญฺเญสญฺจ ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ วาจาฯ วิลาปํ วิลปิตํ มญฺเญฯ กิตฺตาวตา จ นุ โข โภโต โคตมสฺส สาวโก สาสนกโร โหติ โอวาทปติกโร ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิคตกถงฺกโถ เวสารชฺชปฺปตฺโต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน วิหรตี”ติ?
Master Gotama, leave aside that statement I made—as did various other ascetics and brahmins—it was, like, just a bit of nonsense. How do you define a disciple of Master Gotama who follows instructions and responds to advice; who has gone beyond doubt, got rid of indecision, gained assurance, and is independent of others in the Teacher’s instructions?”
“อิธ, อคฺคิเวสฺสน, มม สาวโก ยํ กิญฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา'ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสติ; ยา กาจิ เวทนา …เป… ยา กาจิ สญฺญา …เป… เย เกจิ สงฺขารา …เป… ยํ กิญฺจิ วิญฺญาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา, ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ วิญฺญาณํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา'ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสติฯ เอตฺตาวตา โข, อคฺคิเวสฺสน, มม สาวโก สาสนกโร โหติ โอวาทปติกโร ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิคตกถงฺกโถ เวสารชฺชปฺปตฺโต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน วิหรตี”ติฯ
“It’s when one of my disciples truly sees any kind of form at all—past, future, or present; internal or external; coarse or fine; inferior or superior; far or near: all form—with right understanding: ‘This is not mine, I am not this, this is not my self.’ They truly see any kind of feeling … perception … choices … consciousness at all—past, future, or present; internal or external; coarse or fine; inferior or superior; far or near: all consciousness—with right understanding: ‘This is not mine, I am not this, this is not my self.’ That’s how to define one of my disciples who follows instructions and responds to advice; who has gone beyond doubt, got rid of indecision, gained assurance, and is independent of others in the Teacher’s instructions.”
“กิตฺตาวตา ปน, โภ โคตม, ภิกฺขุ อรหํ โหติ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทญฺญาวิมุตฺโต”ติ?
“But how do you define a bhikkhu who is a perfected one, with defilements ended, who has completed the spiritual journey, done what had to be done, laid down the burden, achieved their own true goal, utterly ended the fetters of rebirth, and is rightly freed through enlightenment?”
“อิธ, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ ยํ กิญฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา สพฺพํ รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา'ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา อนุปาทา วิมุตฺโต โหติ; ยา กาจิ เวทนา …เป… ยา กาจิ สญฺญา …เป… เย เกจิ สงฺขารา …เป… ยํ กิญฺจิ วิญฺญาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา สพฺพํ วิญฺญาณํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา'ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา อนุปาทา วิมุตฺโต โหติฯ เอตฺตาวตา โข, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ อรหํ โหติ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทญฺญาวิมุตฺโตฯ
“It’s when one of my disciples truly sees any kind of form at all—past, future, or present; internal or external; coarse or fine; inferior or superior; far or near: all form—with right understanding: ‘This is not mine, I am not this, this is not my self.’ And having seen this with right understanding they’re freed by not grasping. They truly see any kind of feeling … perception … choices … consciousness at all—past, future, or present; internal or external; coarse or fine; inferior or superior; far or near: all consciousness—with right understanding: ‘This is not mine, I am not this, this is not my self.’ And having seen this with right understanding they’re freed by not grasping. That’s how to define a bhikkhu who is a perfected one, with defilements ended, who has completed the spiritual journey, done what had to be done, laid down the burden, achieved their own true goal, utterly ended the fetters of rebirth, and is rightly freed through enlightenment.
เอวํ วิมุตฺตจิตฺโต โข, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ ตีหิ อนุตฺตริเยหิ สมนฺนาคโต โหติ—ทสฺสนานุตฺตริเยน, ปฏิปทานุตฺตริเยน, วิมุตฺตานุตฺตริเยนฯ เอวํ วิมุตฺตจิตฺโต โข, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ ตถาคตญฺเญว สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ—พุทฺโธ โส ภควา โพธาย ธมฺมํ เทเสติ, ทนฺโต โส ภควา ทมถาย ธมฺมํ เทเสติ, สนฺโต โส ภควา สมถาย ธมฺมํ เทเสติ, ติณฺโณ โส ภควา ตรณาย ธมฺมํ เทเสติ, ปรินิพฺพุโต โส ภควา ปรินิพฺพานาย ธมฺมํ เทเสตี”ติฯ
A bhikkhu whose mind is freed like this has three unsurpassable qualities: unsurpassable vision, practice, and freedom. They honor, respect, esteem, and venerate only the Realized One: ‘The Blessed One is awakened, tamed, serene, crossed over, and extinguished. And he teaches Dhamma for awakening, self-control, serenity, crossing over, and Nibbana.’”
เอวํ วุตฺเต, สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ: “มยเมว, โภ โคตม, ธํสี, มยํ ปคพฺพา, เย มยํ ภวนฺตํ โคตมํ วาเทน วาทํ อาสาเทตพฺพํ อมญฺญิมฺหฯ สิยา หิ, โภ โคตม, หตฺถึ ปภินฺนํ อาสชฺช ปุริสสฺส โสตฺถิภาโว, น เตฺวว ภวนฺตํ โคตมํ อาสชฺช สิยา ปุริสสฺส โสตฺถิภาโวฯ สิยา หิ, โภ โคตม, ปชฺชลิตํ อคฺคิกฺขนฺธํ อาสชฺช ปุริสสฺส โสตฺถิภาโว, น เตฺวว ภวนฺตํ โคตมํ อาสชฺช สิยา ปุริสสฺส โสตฺถิภาโวฯ สิยา หิ, โภ โคตม, อาสีวิสํ โฆรวิสํ อาสชฺช ปุริสสฺส โสตฺถิภาโว, น เตฺวว ภวนฺตํ โคตมํ อาสชฺช สิยา ปุริสสฺส โสตฺถิภาโวฯ มยเมว, โภ โคตม, ธํสี, มยํ ปคพฺพา, เย มยํ ภวนฺตํ โคตมํ วาเทน วาทํ อาสาเทตพฺพํ อมญฺญิมฺหฯ อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา”ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ
When he had spoken, Saccaka said to him, “Master Gotama, it was rude and impudent of me to imagine I could attack you in debate. For a person might find safety after attacking a rutting elephant, but not after attacking Master Gotama. A person might find safety after attacking a blazing mass of fire, but not after attacking Master Gotama. They might find safety after attacking a poisonous viper, but not after attacking Master Gotama. It was rude and impudent of me to imagine I could attack you in debate. Would Master Gotama together with the bhikkhu Saṅgha please accept tomorrow’s meal from me?” The Buddha consented with silence.
อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา เต ลิจฺฉวี อามนฺเตสิ: “สุณนฺตุ เม โภนฺโต ลิจฺฉวี, สมโณ เม โคตโม นิมนฺติโต สฺวาตนาย สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนฯ เตน เม อภิหเรยฺยาถ ยมสฺส ปติรูปํ มญฺเญยฺยาถา”ติฯ
Then, knowing that the Buddha had consented, Saccaka addressed those Licchavis, “Listen, gentlemen. I have invited the ascetic Gotama together with the Saṅgha of bhikkhus for tomorrow’s meal. You may all bring me what you think is suitable.”
อถ โข เต ลิจฺฉวี ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สจฺจกสฺส นิคณฺฐปุตฺตสฺส ปญฺจมตฺตานิ ถาลิปากสตานิ ภตฺตาภิหารํ อภิหรึสุฯ อถ โข นิคณฺฐปุตฺโต สเก อาราเม ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ: “กาโล, โภ โคตม, นิฏฺฐิตํ ภตฺตนฺ”ติฯ
Then, when the night had passed, those Licchavis presented Saccaka with an offering of five hundred servings of food. And Saccaka had delicious fresh and cooked foods prepared in his own home. Then he had the Buddha informed of the time, saying, “It’s time, Master Gotama, the meal is ready.”
อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สจฺจกสฺส นิคณฺฐปุตฺตสฺส อาราโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนฯ อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิฯ อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต ภควนฺตํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ อญฺญตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ
Then the Buddha robed up in the morning and, taking his bowl and robe, went to Saccaka’s park, where he sat on the seat spread out, together with the Saṅgha of bhikkhus. Then Saccaka served and satisfied the bhikkhu Saṅgha headed by the Buddha with his own hands with delicious fresh and cooked foods. When the Buddha had eaten and washed his hand and bowl, Saccaka took a low seat and sat to one side.
เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ: “ยมิทํ, โภ โคตม, ทาเน ปุญฺญญฺจ ปุญฺญมหี จ ตํ ทายกานํ สุขาย โหตู”ติฯ
Then Saccaka said to the Buddha, “Master Gotama, may the merit and the growth of merit in this gift be for the happiness of the donors.”
“ยํ โข, อคฺคิเวสฺสน, ตาทิสํ ทกฺขิเณยฺยํ อาคมฺม อวีตราคํ อวีตโทสํ อวีตโมหํ, ตํ ทายกานํ ภวิสฺสติฯ ยํ โข, อคฺคิเวสฺสน, มาทิสํ ทกฺขิเณยฺยํ อาคมฺม วีตราคํ วีตโทสํ วีตโมหํ, ตํ ตุยฺหํ ภวิสฺสตี”ติฯ
“Aggivessana, whatever comes from giving to a recipient of a religious donation such as yourself—who is not free of greed, hate, and delusion—will accrue to the donors. Whatever comes from giving to a recipient of a religious donation such as myself—who is free of greed, hate, and delusion—will accrue to you.”
จูฬสจฺจกสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ปญฺจมํฯ
The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]