Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Aṅguttara Nikāya, English translation |
องฺคุตฺตร นิกาย ๑๐ฯ๑๗๖
Numbered Discourses 10.176
๑๗ฯ ชาณุโสฺสณิวคฺค
17. With Jānussoṇi
จุนฺทสุตฺต
With Cunda
เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา ปาวายํ วิหรติ จุนฺทสฺส กมฺมารปุตฺตสฺส อมฺพวเนฯ อถ โข จุนฺโท กมฺมารปุตฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข จุนฺทํ กมฺมารปุตฺตํ ภควา เอตทโวจ: “กสฺส โน ตฺวํ, จุนฺท, โสเจยฺยานิ โรเจสี”ติ?
So I have heard. At one time the Buddha was staying near Pāvā in Cunda the smith’s mango grove. Then Cunda the smith went to the Buddha, bowed, and sat down to one side. The Buddha said to him, “Cunda, whose purity do you believe in?”
“พฺราหฺมณา, ภนฺเต, ปจฺฉาภูมกา กมณฺฑลุกา เสวาลมาลิกา อคฺคิปริจาริกา อุทโกโรหกา โสเจยฺยานิ ปญฺญเปนฺติ; เตสาหํ โสเจยฺยานิ โรเจมี”ติฯ
“Sir, I believe in the purity advocated by the western brahmins draped with moss who carry pitchers, serve the sacred flame, and immerse themselves in water.”
“ยถา กถํ ปน, จุนฺท, พฺราหฺมณา ปจฺฉาภูมกา กมณฺฑลุกา เสวาลมาลิกา อคฺคิปริจาริกา อุทโกโรหกา โสเจยฺยานิ ปญฺญเปนฺตี”ติ?
“But Cunda, what kind of purity do these western brahmins advocate?”
“อิธ, ภนฺเต, พฺราหฺมณา ปจฺฉาภูมกา กมณฺฑลุกา เสวาลมาลิกา อคฺคิปริจาริกา อุทโกโรหกาฯ เต สาวกํ เอวํ สมาทเปนฺติ: ‘เอหิ ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, กาลเสฺสว อุฏฺฐหนฺโตว สยนมฺหา ปถวึ อามเสยฺยาสิ; โน เจ ปถวึ อามเสยฺยาสิ, อลฺลานิ โคมยานิ อามเสยฺยาสิ; โน เจ อลฺลานิ โคมยานิ อามเสยฺยาสิ, หริตานิ ติณานิ อามเสยฺยาสิ; โน เจ หริตานิ ติณานิ อามเสยฺยาสิ, อคฺคึ ปริจเรยฺยาสิ; โน เจ อคฺคึ ปริจเรยฺยาสิ, ปญฺชลิโก อาทิจฺจํ นมเสฺสยฺยาสิ; โน เจ ปญฺชลิโก อาทิจฺจํ นมเสฺสยฺยาสิ, สายตติยกํ อุทกํ โอโรเหยฺยาสี'ติฯ เอวํ โข, ภนฺเต, พฺราหฺมณา ปจฺฉาภูมกา กมณฺฑลุกา เสวาลมาลิกา อคฺคิปริจาริกา อุทโกโรหกา โสเจยฺยานิ ปญฺญเปนฺติ; เตสาหํ โสเจยฺยานิ โรเจมี”ติฯ
“The western brahmins encourage their disciples like this: ‘Please, good people, rising early you should stroke the earth from your bed. If you don’t stroke the earth, stroke fresh cow dung. If you don’t stroke fresh cow dung, stroke green grass. If you don’t stroke green grass, serve the sacred flame. If you don’t serve the sacred flame, revere the sun with joined palms. If you don’t revere the sun with joined palms, immerse yourself in water three times, including the evening.’ The western brahmins advocate this kind of purity.”
“อญฺญถา โข, จุนฺท, พฺราหฺมณา ปจฺฉาภูมกา กมณฺฑลุกา เสวาลมาลิกา อคฺคิปริจาริกา อุทโกโรหกา โสเจยฺยานิ ปญฺญเปนฺติ, อญฺญถา จ ปน อริยสฺส วินเย โสเจยฺยํ โหตี”ติฯ
“The purity advocated by the western brahmins is quite different from that in the training of the Noble One.”
“ยถา กถํ ปน, ภนฺเต, อริยสฺส วินเย โสเจยฺยํ โหติ? สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา ตถา ธมฺมํ เทเสตุ ยถา อริยสฺส วินเย โสเจยฺยํ โหตี”ติฯ
“But what, Master Gotama, is purity in the training of the Noble One? Master Gotama, please teach me this.”
“เตน หิ, จุนฺท, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี”ติฯ
“Well then, brahmin, listen and apply your mind well, I will speak.”
“เอวํ, ภนฺเต”ติ โข จุนฺโท กมฺมารปุตฺโต ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ:
“Yes, sir,” Cunda replied. The Buddha said this:
“ติวิธํ โข, จุนฺท, กาเยน อโสเจยฺยํ โหติ; จตุพฺพิธํ วาจาย อโสเจยฺยํ โหติ; ติวิธํ มนสา อโสเจยฺยํ โหติฯ
“Cunda, impurity is threefold by way of body, fourfold by way of speech, and threefold by way of mind.
กถญฺจ, จุนฺท, ติวิธํ กาเยน อโสเจยฺยํ โหติ? อิธ, จุนฺท, เอกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ ลุทฺโท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิฏฺโฐ อทยาปนฺโน สพฺพปาณภูเตสุฯ
And how is impurity threefold by way of body? It’s when a certain person kills living creatures. They’re violent, bloody-handed, a hardened killer, merciless to living beings.
อทินฺนาทายี โหติฯ ยํ ตํ ปรสฺส ปรวิตฺตูปกรณํ คามคตํ วา อรญฺญคตํ วา ตํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทาตา โหติฯ
They steal. With the intention to commit theft, they take the wealth or belongings of others from village or wilderness.
กาเมสุมิจฺฉาจารี โหติฯ ยา ตา มาตุรกฺขิตา ปิตุรกฺขิตา มาตาปิตุรกฺขิตา ภาตุรกฺขิตา ภคินิรกฺขิตา ญาติรกฺขิตา โคตฺตรกฺขิตา ธมฺมรกฺขิตา สสามิกา สปริทณฺฑา อนฺตมโส มาลาคุฬปริกฺขิตฺตาปิ, ตถารูปาสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิตา โหติฯ
They commit sexual misconduct. They have sexual relations with women who have their mother, father, both mother and father, brother, sister, relatives, or clan as guardian. They have sexual relations with a woman who is protected on principle, or who has a husband, or whose violation is punishable by law, or even one who has been garlanded as a token of betrothal.
เอวํ โข, จุนฺท, ติวิธํ กาเยน อโสเจยฺยํ โหติฯ
This is the threefold impurity by way of body.
กถญฺจ, จุนฺท, จตุพฺพิธํ วาจาย อโสเจยฺยํ โหติ? อิธ, จุนฺท, เอกจฺโจ มุสาวาที โหติฯ สภคฺคโต วา ปริสคฺคโต วา ญาติมชฺฌคโต วา ปูคมชฺฌคโต วา ราชกุลมชฺฌคโต วา อภินีโต สกฺขิปุฏฺโฐ: ‘เอหมฺโภ ปุริส, ยํ ชานาสิ ตํ วเทหี'ติ, โส อชานํ วา อาห: ‘ชานามี'ติ, ชานํ วา อาห: ‘น ชานามี'ติ; อปสฺสํ วา อาห: ‘ปสฺสามี'ติ, ปสฺสํ วา อาห: ‘น ปสฺสามี'ติฯ อิติ อตฺตเหตุ วา ปรเหตุ วา อามิสกิญฺจิกฺขเหตุ วา สมฺปชานมุสา ภาสิตา โหติฯ
And how is impurity fourfold by way of speech? It’s when a certain person lies. They’re summoned to a council, an assembly, a family meeting, a guild, or to the royal court, and asked to bear witness: ‘Please, mister, say what you know.’ Not knowing, they say ‘I know.’ Knowing, they say ‘I don’t know.’ Not seeing, they say ‘I see.’ And seeing, they say ‘I don’t see.’ So they deliberately lie for the sake of themselves or another, or for some trivial worldly reason.
ปิสุณวาโจ โหติฯ อิโต สุตฺวา อมุตฺร อกฺขาตา อิเมสํ เภทาย, อมุตฺร วา สุตฺวา อิเมสํ อกฺขาตา อมูสํ เภทายฯ อิติ สมคฺคานํ วา เภตฺตา, ภินฺนานํ วา อนุปฺปทาตา, วคฺคาราโม วคฺครโต วคฺคนนฺที วคฺคกรณึ วาจํ ภาสิตา โหติฯ
They speak divisively. They repeat in one place what they heard in another so as to divide people against each other. And so they divide those who are harmonious, supporting division, delighting in division, loving division, speaking words that promote division.
ผรุสวาโจ โหติฯ ยา สา วาจา อณฺฑกา กกฺกสา ปรกฏุกา ปราภิสชฺชนี โกธสามนฺตา อสมาธิสํวตฺตนิกา, ตถารูปึ วาจํ ภาสิตา โหติฯ
They speak harshly. They use the kinds of words that are cruel, nasty, hurtful, offensive, bordering on anger, not leading to immersion.
สมฺผปฺปลาปี โหติ อกาลวาที อภูตวาที อนตฺถวาที อธมฺมวาที อวินยวาที; อนิธานวตึ วาจํ ภาสิตา โหติ อกาเลน อนปเทสํ อปริยนฺตวตึ อนตฺถสํหิตํฯ เอวํ โข, จุนฺท, จตุพฺพิธํ วาจาย อโสเจยฺยํ โหติฯ
They talk nonsense. Their speech is untimely, and is neither factual nor beneficial. It has nothing to do with the teaching or the training. Their words have no value, and are untimely, unreasonable, rambling, and pointless. This is the fourfold impurity by way of speech.
กถญฺจ, จุนฺท, ติวิธํ มนสา อโสเจยฺยํ โหติ? อิธ, จุนฺท, เอกจฺโจ อภิชฺฌาลุ โหติฯ ยํ ตํ ปรสฺส ปรวิตฺตูปกรณํ ตํ อภิชฺฌาตา โหติ: ‘อโห วต ยํ ปรสฺส ตํ มมสฺสา'ติฯ
And how is impurity threefold by way of mind? It’s when a certain person is covetous. They covet the wealth and belongings of others: ‘Oh, if only their belongings were mine!’
พฺยาปนฺนจิตฺโต โหติ ปทุฏฺฐมนสงฺกปฺโป: ‘อิเม สตฺตา หญฺญนฺตุ วา พชฺฌนฺตุ วา อุจฺฉิชฺชนฺตุ วา วินสฺสนฺตุ วา มา วา อเหสุนฺ'ติฯ
They have ill will and malicious intentions: ‘May these sentient beings be killed, slaughtered, slain, destroyed, or annihilated!’
มิจฺฉาทิฏฺฐิโก โหติ วิปรีตทสฺสโน: ‘นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺฐํ, นตฺถิ หุตํ, นตฺถิ สุกฏทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, นตฺถิ อยํ โลโก, นตฺถิ ปโร โลโก, นตฺถิ มาตา, นตฺถิ ปิตา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, นตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี'ติฯ เอวํ โข, จุนฺท, มนสา ติวิธํ อโสเจยฺยํ โหติฯ
They have wrong view. Their perspective is distorted: ‘There’s no meaning in giving, sacrifice, or offerings. There’s no fruit or result of good and bad deeds. There’s no afterlife. There’s no such thing as mother and father, or beings that are reborn spontaneously. And there’s no ascetic or brahmin who is well attained and practiced, and who describes the afterlife after realizing it with their own insight.’ This is the threefold impurity by way of mind.
อิเม โข, จุนฺท, ทส อกุสลกมฺมปถาฯ อิเมหิ โข, จุนฺท, ทสหิ อกุสเลหิ กมฺมปเถหิ สมนฺนาคโต กาลเสฺสว อุฏฺฐหนฺโตว สยนมฺหา ปถวิญฺเจปิ อามสติ, อสุจิเยว โหติ; โน เจปิ ปถวึ อามสติ, อสุจิเยว โหติฯ
These are the ten ways of doing unskillful deeds. When you have these ten ways of doing unskillful deeds, then if you rise early, whether or not you stroke the earth from your bed, you’re still impure.
อลฺลานิ เจปิ โคมยานิ อามสติ, อสุจิเยว โหติ; โน เจปิ อลฺลานิ โคมยานิ อามสติ, อสุจิเยว โหติฯ
Whether or not you stroke fresh cow dung, you’re still impure.
หริตานิ เจปิ ติณานิ อามสติ, อสุจิเยว โหติ; โน เจปิ หริตานิ ติณานิ อามสติ, อสุจิเยว โหติฯ
Whether or not you stroke green grass, you’re still impure.
อคฺคิญฺเจปิ ปริจรติ, อสุจิเยว โหติ, โน เจปิ อคฺคึ ปริจรติ, อสุจิเยว โหติฯ
Whether or not you serve the sacred flame, you’re still impure.
ปญฺชลิโก เจปิ อาทิจฺจํ นมสฺสติ, อสุจิเยว โหติ; โน เจปิ ปญฺชลิโก อาทิจฺจํ นมสฺสติ, อสุจิเยว โหติฯ
Whether or not you revere the sun with joined palms, you’re still impure.
สายตติยกญฺเจปิ อุทกํ โอโรหติ, อสุจิเยว โหติ; โน เจปิ สายตติยกํ อุทกํ โอโรหติ, อสุจิเยว โหติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อิเม, จุนฺท, ทส อกุสลกมฺมปถา อสุจีเยว โหนฺติ อสุจิกรณา จฯ
Whether or not you immerse yourself in water three times, you’re still impure. Why is that? These ten ways of doing unskillful deeds are impure and make things impure.
อิเมสํ ปน, จุนฺท, ทสนฺนํ อกุสลานํ กมฺมปถานํ สมนฺนาคมนเหตุ นิรโย ปญฺญายติ, ติรจฺฉานโยนิ ปญฺญายติ, เปตฺติวิสโย ปญฺญายติ, ยา วา ปนญฺญาปิ กาจิ ทุคฺคติโยฯ
It’s because of those who do these ten kinds of unskillful deeds that hell, the animal realm, the ghost realm, or any other bad places are found.
ติวิธํ โข, จุนฺท, กาเยน โสเจยฺยํ โหติ; จตุพฺพิธํ วาจาย โสเจยฺยํ โหติ; ติวิธํ มนสา โสเจยฺยํ โหติฯ
Cunda, purity is threefold by way of body, fourfold by way of speech, and threefold by way of mind.
กถํ, จุนฺท, ติวิธํ กาเยน โสเจยฺยํ โหติ? อิธ, จุนฺท, เอกจฺโจ ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ นิหิตทณฺโฑ นิหิตสตฺโถ, ลชฺชี ทยาปนฺโน, สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี วิหรติฯ
And how is purity threefold by way of body? It’s when a certain person gives up killing living creatures. They renounce the rod and the sword. They’re scrupulous and kind, living full of compassion for all living beings.
อทินฺนาทานํ ปหาย, อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต โหติฯ ยํ ตํ ปรสฺส ปรวิตฺตูปกรณํ คามคตํ วา อรญฺญคตํ วา, น ตํ อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทาตา โหติฯ
They give up stealing. They don’t, with the intention to commit theft, take the wealth or belongings of others from village or wilderness.
กาเมสุมิจฺฉาจารํ ปหาย, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต โหติ ยา ตา มาตุรกฺขิตา ปิตุรกฺขิตา มาตาปิตุรกฺขิตา ภาตุรกฺขิตา ภคินิรกฺขิตา ญาติรกฺขิตา โคตฺตรกฺขิตา ธมฺมรกฺขิตา สสามิกา สปริทณฺฑา อนฺตมโส มาลาคุฬปริกฺขิตฺตาปิ, ตถารูปาสุ น จาริตฺตํ อาปชฺชิตา โหติฯ
They give up sexual misconduct. They don’t have sexual relations with women who have their mother, father, both mother and father, brother, sister, relatives, or clan as guardian. They don’t have sexual relations with a woman who is protected on principle, or who has a husband, or whose violation is punishable by law, or even one who has been garlanded as a token of betrothal.
เอวํ โข, จุนฺท, ติวิธํ กาเยน โสเจยฺยํ โหติฯ
This is the threefold purity by way of body.
กถญฺจ, จุนฺท, จตุพฺพิธํ วาจาย โสเจยฺยํ โหติ? อิธ, จุนฺท, เอกจฺโจ มุสาวาทํ ปหาย มุสาวาทา ปฏิวิรโต โหติฯ สภคฺคโต วา ปริสคฺคโต วา ญาติมชฺฌคโต วา ปูคมชฺฌคโต วา ราชกุลมชฺฌคโต วา อภินีโต สกฺขิปุฏฺโฐ: ‘เอหมฺโภ ปุริส, ยํ ชานาสิ ตํ วเทหี'ติ, โส อชานํ วา อาห: ‘น ชานามี'ติ, ชานํ วา อาห: ‘ชานามี'ติ, อปสฺสํ วา อาห: ‘น ปสฺสามี'ติ, ปสฺสํ วา อาห: ‘ปสฺสามี'ติฯ อิติ อตฺตเหตุ วา ปรเหตุ วา อามิสกิญฺจิกฺขเหตุ วา น สมฺปชานมุสา ภาสิตา โหติฯ
And how is purity fourfold by way of speech? It’s when a certain person gives up lying. They’re summoned to a council, an assembly, a family meeting, a guild, or to the royal court, and asked to bear witness: ‘Please, mister, say what you know.’ Not knowing, they say ‘I don’t know.’ Knowing, they say ‘I know.’ Not seeing, they say ‘I don’t see.’ And seeing, they say ‘I see.’ So they don’t deliberately lie for the sake of themselves or another, or for some trivial worldly reason.
ปิสุณํ วาจํ ปหาย, ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติ—น อิโต สุตฺวา อมุตฺร อกฺขาตา อิเมสํ เภทาย, น อมุตฺร วา สุตฺวา อิเมสํ อกฺขาตา อมูสํ เภทายฯ อิติ ภินฺนานํ วา สนฺธาตา สหิตานํ วา อนุปฺปทาตา สมคฺคาราโม สมคฺครโต สมคฺคนนฺที สมคฺคกรณึ วาจํ ภาสิตา โหติฯ
They give up divisive speech. They don’t repeat in one place what they heard in another so as to divide people against each other. Instead, they reconcile those who are divided, supporting unity, delighting in harmony, loving harmony, speaking words that promote harmony.
ผรุสํ วาจํ ปหาย, ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต โหติฯ ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา, ตถารูปึ วาจํ ภาสิตา โหติฯ
They give up harsh speech. They speak in a way that’s mellow, pleasing to the ear, lovely, going to the heart, polite, likable and agreeable to the people.
สมฺผปฺปลาปํ ปหาย, สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต โหติ กาลวาที ภูตวาที อตฺถวาที ธมฺมวาที วินยวาที; นิธานวตึ วาจํ ภาสิตา โหติ กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวตึ อตฺถสํหิตํฯ
They give up talking nonsense. Their words are timely, true, and meaningful, in line with the teaching and training. They say things at the right time which are valuable, reasonable, succinct, and beneficial.
เอวํ โข, จุนฺท, จตุพฺพิธํ วาจาย โสเจยฺยํ โหติฯ
This is the fourfold purity by way of speech.
กถญฺจ, จุนฺท, ติวิธํ มนสา โสเจยฺยํ โหติ? อิธ, จุนฺท, เอกจฺโจ อนภิชฺฌาลุ โหติฯ ยํ ตํ ปรสฺส ปรวิตฺตูปกรณํ ตํ อนภิชฺฌิตา โหติ: ‘อโห วต ยํ ปรสฺส ตํ มมสฺสา'ติฯ
And how is purity threefold by way of mind? It’s when a certain person is content. They don’t covet the wealth and belongings of others: ‘Oh, if only their belongings were mine!’
อพฺยาปนฺนจิตฺโต โหติ อปฺปทุฏฺฐมนสงฺกปฺโป: ‘อิเม สตฺตา อเวรา โหนฺตุ อพฺยาปชฺชา, อนีฆา สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตู'ติฯ
They have a kind heart and loving intentions: ‘May these sentient beings live free of enmity and ill will, untroubled and happy!’
สมฺมาทิฏฺฐิโก โหติ อวิปรีตทสฺสโน: ‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺฐํ, อตฺถิ หุตํ, อตฺถิ สุกฏทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อตฺถิ อยํ โลโก, อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ มาตา, อตฺถิ ปิตา, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา เย อิมญฺจ โลกํ ปรญฺจ โลกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตี'ติฯ
They have right view, an undistorted perspective: ‘There is meaning in giving, sacrifice, and offerings. There are fruits and results of good and bad deeds. There is an afterlife. There are such things as mother and father, and beings that are reborn spontaneously. And there are ascetics and brahmins who are well attained and practiced, and who describe the afterlife after realizing it with their own insight.’
เอวํ โข, จุนฺท, ติวิธํ มนสา โสเจยฺยํ โหติฯ
This is the threefold purity by way of mind.
อิเม โข, จุนฺท, ทส กุสลกมฺมปถาฯ อิเมหิ โข, จุนฺท, ทสหิ กุสเลหิ กมฺมปเถหิ สมนฺนาคโต กาลเสฺสว อุฏฺฐหนฺโตว สยนมฺหา ปถวิญฺเจปิ อามสติ, สุจิเยว โหติ; โน เจปิ ปถวึ อามสติ, สุจิเยว โหติฯ
These are the ten ways of doing skillful deeds. When you have these ten ways of doing skillful deeds, then if you rise early, whether or not you stroke the earth from your bed, you’re still pure.
อลฺลานิ เจปิ โคมยานิ อามสติ, สุจิเยว โหติ; โน เจปิ อลฺลานิ โคมยานิ อามสติ, สุจิเยว โหติฯ
Whether or not you stroke fresh cow dung, you’re still pure.
หริตานิ เจปิ ติณานิ อามสติ, สุจิเยว โหติ; โน เจปิ หริตานิ ติณานิ อามสติ, สุจิเยว โหติฯ
Whether or not you stroke green grass, you’re still pure.
อคฺคิญฺเจปิ ปริจรติ, สุจิเยว โหติ; โน เจปิ อคฺคึ ปริจรติ, สุจิเยว โหติฯ
Whether or not you serve the sacred flame, you’re still pure.
ปญฺชลิโก เจปิ อาทิจฺจํ นมสฺสติ, สุจิเยว โหติ; โน เจปิ ปญฺชลิโก อาทิจฺจํ นมสฺสติ, สุจิเยว โหติฯ
Whether or not you revere the sun with joined palms, you’re still pure.
สายตติยกญฺเจปิ อุทกํ โอโรหติ, สุจิเยว โหติ; โน เจปิ สายตติยกํ อุทกํ โอโรหติ, สุจิเยว โหติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อิเม, จุนฺท, ทส กุสลกมฺมปถา สุจีเยว โหนฺติ สุจิกรณา จฯ
Whether or not you immerse yourself in water three times, you’re still pure. Why is that? These ten ways of doing skillful deeds are pure and make things pure.
อิเมสํ ปน, จุนฺท, ทสนฺนํ กุสลานํ กมฺมปถานํ สมนฺนาคมนเหตุ เทวา ปญฺญายนฺติ, มนุสฺสา ปญฺญายนฺติ, ยา วา ปนญฺญาปิ กาจิ สุคติโย”ติฯ
It’s because of those who do these ten kinds of skillful deeds that gods, humans, or any other good places are found.”
เอวํ วุตฺเต, จุนฺโท กมฺมารปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ: “อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต …เป… อุปาสกํ มํ, ภนฺเต, ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตนฺ”ติฯ
When he said this, Cunda the smith said to the Buddha, “Excellent, sir! Excellent! … From this day forth, may the Buddha remember me as a lay follower who has gone for refuge for life.”
ทสมํฯ
The authoritative text of the Aṅguttara Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]