Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation |
มชฺฌิม นิกาย ๘๙
The Middle-Length Suttas Collection 89
ธมฺมเจติยสุตฺต
Shrines to the Teaching
เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ เมทาฬุปํ นาม สกฺยานํ นิคโมฯ
So I have heard. At one time the Buddha was staying in the land of the Sakyans, near the Sakyan town named Medaḷumpa.
เตน โข ปน สมเยน ราชา ปเสนทิ โกสโล นครกํ อนุปฺปตฺโต โหติ เกนจิเทว กรณีเยนฯ
Now at that time King Pasenadi of Kosala had arrived at Townsville on some business.
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ทีฆํ การายนํ อามนฺเตสิ: “โยเชหิ, สมฺม การายน, ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ, อุยฺยานภูมึ คจฺฉาม สุภูมึ ทสฺสนายา”ติฯ
Then he addressed Dīgha Kārāyana, “My good Kārāyana, harness the finest chariots. We will go to a park and see the scenery.”
“เอวํ, เทวา”ติ โข ทีโฆ การายโน รญฺโญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา รญฺโญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิเวเทสิ: “ยุตฺตานิ โข เต, เทว, ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิฯ ยสฺสทานิ กาลํ มญฺญสี”ติฯ
“Yes, Your Majesty,” replied Dīgha Kārāyana. He harnessed the chariots and informed the king, “Sire, the finest chariots are harnessed. Please go at your convenience.”
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภทฺรํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภเทฺรหิ ภเทฺรหิ ยาเนหิ นครกมฺหา นิยฺยาสิ มหจฺจา ราชานุภาเวนฯ เยน อาราโม เตน ปายาสิฯ ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ, ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว อารามํ ปาวิสิฯ
Then King Pasenadi mounted a fine carriage and, along with other fine carriages, set out in full royal pomp from Townsville, heading for the park grounds. He went by carriage as far as the terrain allowed, then descended and entered the park on foot.
อทฺทสา โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อาราเม ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน รุกฺขมูลานิ ปาสาทิกานิ ปสาทนียานิ อปฺปสทฺทานิ อปฺปนิคฺโฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหเสฺสยฺยกานิ ปฏิสลฺลานสารุปฺปานิฯ ทิสฺวาน ภควนฺตํเยว อารพฺภ สติ อุทปาทิ: “อิมานิ โข ตานิ รุกฺขมูลานิ ปาสาทิกานิ ปสาทนียานิ อปฺปสทฺทานิ อปฺปนิคฺโฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหเสฺสยฺยกานิ ปฏิสลฺลานสารุปฺปานิ, ยตฺถ สุทํ มยํ ตํ ภควนฺตํ ปยิรุปาสาม อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธนฺ”ติฯ
As he was going for a walk in the park he saw roots of trees that were impressive and inspiring, quiet and still, far from the madding crowd, remote from human settlements, and fit for retreat. The sight reminded him right away of the Buddha: “These roots of trees, so impressive and inspiring, are like those where we used to pay homage to the Blessed One, the perfected one, the fully awakened Buddha.”
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ทีฆํ การายนํ อามนฺเตสิ: “อิมานิ โข, สมฺม การายน, ตานิ รุกฺขมูลานิ ปาสาทิกานิ ปสาทนียานิ อปฺปสทฺทานิ อปฺปนิคฺโฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหเสฺสยฺยกานิ ปฏิสลฺลานสารุปฺปานิ, ยตฺถ สุทํ มยํ ตํ ภควนฺตํ ปยิรุปาสาม อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํฯ กหํ นุ โข, สมฺม การายน, เอตรหิ โส ภควา วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ”ติ?
He addressed Dīgha Kārāyana, “These roots of trees, so impressive and inspiring, are like those where we used to pay homage to the Blessed One, the perfected one, the fully awakened Buddha. My good Kārāyana, where is that Buddha at present?”
“อตฺถิ, มหาราช, เมทาฬุปํ นาม สกฺยานํ นิคโมฯ ตตฺถ โส ภควา เอตรหิ วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ”ติฯ
“Great king, there is a Sakyan town named Medaḷumpa. That’s where the Buddha is now staying.”
“กีวทูเร ปน, สมฺม การายน, นครกมฺหา เมทาฬุปํ นาม สกฺยานํ นิคโม โหตี”ติ?
“But how far away is that town?”
“น ทูเร, มหาราช; ตีณิ โยชนานิ; สกฺกา ทิวสาวเสเสน คนฺตุนฺ”ติฯ
“Not far, great king, it’s three leagues. We can get there while it’s still light.”
“เตน หิ, สมฺม การายน, โยเชหิ ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ, คมิสฺสาม มยํ ตํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธนฺ”ติฯ
“Well then, harness the chariots, and we shall go to see the Buddha.”
“เอวํ, เทวา”ติ โข ทีโฆ การายโน รญฺโญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา รญฺโญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฏิเวเทสิ: “ยุตฺตานิ โข เต, เทว, ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิฯ ยสฺสทานิ กาลํ มญฺญสี”ติฯ
“Yes, Your Majesty,” replied Dīgha Kārāyana. He harnessed the chariots and informed the king, “Sire, the finest chariots are harnessed. Please go at your convenience.”
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภทฺรํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภเทฺรหิ ภเทฺรหิ ยาเนหิ นครกมฺหา เยน เมทาฬุปํ นาม สกฺยานํ นิคโม เตน ปายาสิฯ เตเนว ทิวสาวเสเสน เมทาฬุปํ นาม สกฺยานํ นิคมํ สมฺปาปุณิฯ เยน อาราโม เตน ปายาสิฯ ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ, ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว อารามํ ปาวิสิฯ
Then King Pasenadi mounted a fine carriage and, along with other fine carriages, set out from Townsville to Medaḷumpa. He reached the town while it was still light and headed for the park grounds. He went by carriage as far as the terrain allowed, then descended and entered the monastery on foot.
เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู อพฺโภกาเส จงฺกมนฺติฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ: “กหํ นุ โข, ภนฺเต, เอตรหิ โส ภควา วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ? ทสฺสนกามา หิ มยํ ตํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธนฺ”ติฯ
At that time several bhikkhus were walking mindfully in the open air. King Pasenadi of Kosala went up to them and said, “Sirs, where is the Blessed One at present, the perfected one, the fully awakened Buddha? For I want to see him.”
“เอโส, มหาราช, วิหาโร สํวุตทฺวาโรฯ เตน อปฺปสทฺโท อุปสงฺกมิตฺวา อตรมาโน อาฬินฺทํ ปวิสิตฺวา อุกฺกาสิตฺวา อคฺคฬํ อาโกเฏหิฯ วิวริสฺสติ ภควา เต ทฺวารนฺ”ติฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ตตฺเถว ขคฺคญฺจ อุณฺหีสญฺจ ทีฆสฺส การายนสฺส ปาทาสิฯ อถ โข ทีฆสฺส การายนสฺส เอตทโหสิ: “รหายติ โข ทานิ ราชา, อิเธว ทานิ มยา ฐาตพฺพนฺ”ติฯ
“Great king, that’s his dwelling, with the door closed. Approach it quietly, without hurrying; go onto the porch, clear your throat, and knock with the latch. The Buddha will open the door.” The king right away presented his sword and turban to Dīgha Kārāyana, who thought, “Now the king seeks privacy. I should wait here.”
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน โส วิหาโร สํวุตทฺวาโร เตน อปฺปสทฺโท อุปสงฺกมิตฺวา อตรมาโน อาฬินฺทํ ปวิสิตฺวา อุกฺกาสิตฺวา อคฺคฬํ อาโกเฏสิฯ วิวริ ภควา ทฺวารํฯ
Then the king approached the Buddha’s dwelling and knocked, and the Buddha opened the door.
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล วิหารํ ปวิสิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ, ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหติ, นามญฺจ สาเวติ: “ราชาหํ, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล; ราชาหํ, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโล”ติฯ
King Pasenadi entered the dwelling, and bowed with his head at the Buddha’s feet, caressing them and covering them with kisses, and pronounced his name: “Sir, I am Pasenadi, king of Kosala! I am Pasenadi, king of Kosala!”
“กึ ปน ตฺวํ, มหาราช, อตฺถวสํ สมฺปสฺสมาโน อิมสฺมึ สรีเร เอวรูปํ ปรมนิปจฺจการํ กโรสิ, มิตฺตูปหารํ อุปทํเสสี”ติ?
“But great king, for what reason do you demonstrate such utmost devotion for this body, conveying your manifest love?”
“อตฺถิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ: ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ'ติฯ อิธาหํ, ภนฺเต, ปสฺสามิ เอเก สมณพฺราหฺมเณ ปริยนฺตกตํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺเต ทสปิ วสฺสานิ, วีสมฺปิ วสฺสานิ, ตึสมฺปิ วสฺสานิ, จตฺตารีสมฺปิ วสฺสานิฯ เต อปเรน สมเยน สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กปฺปิตเกสมสฺสู ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรนฺติฯ อิธ ปนาหํ, ภนฺเต, ภิกฺขู ปสฺสามิ ยาวชีวํ อาปาณโกฏิกํ ปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺเตฯ น โข ปนาหํ, ภนฺเต, อิโต พหิทฺธา อญฺญํ เอวํ ปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ สมนุปสฺสามิฯ อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ: ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ'ติฯ
“Sir, I infer about the Buddha from the teaching: ‘The Blessed One is a fully awakened Buddha. The teaching is well explained. The Saṅgha is practicing well.’ It happens, sir, that I see some ascetics and brahmins leading the spiritual life only for a limited period: ten, twenty, thirty, or forty years. Some time later—nicely bathed and anointed, with hair and beard dressed—they amuse themselves, supplied and provided with the five kinds of sensual stimulation. But here I see the bhikkhus leading the spiritual life entirely full and pure as long as they live, to their last breath. I don’t see any other spiritual life elsewhere so full and pure. That’s why I infer this about the Buddha from the teaching: ‘The Blessed One is a fully awakened Buddha. The teaching is well explained. The Saṅgha is practicing well.’
ปุน จปรํ, ภนฺเต, ราชาโนปิ ราชูหิ วิวทนฺติ, ขตฺติยาปิ ขตฺติเยหิ วิวทนฺติ, พฺราหฺมณาปิ พฺราหฺมเณหิ วิวทนฺติ, คหปตโยปิ คหปตีหิ วิวทนฺติ, มาตาปิ ปุตฺเตน วิวทติ, ปุตฺโตปิ มาตรา วิวทติ, ปิตาปิ ปุตฺเตน วิวทติ, ปุตฺโตปิ ปิตรา วิวทติ, ภาตาปิ ภคินิยา วิวทติ, ภคินีปิ ภาตรา วิวทติ, สหาโยปิ สหาเยน วิวทติฯ อิธ ปนาหํ, ภนฺเต, ภิกฺขู ปสฺสามิ สมคฺเค สมฺโมทมาเน อวิวทมาเน ขีโรทกีภูเต อญฺญมญฺญํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺเต วิหรนฺเตฯ น โข ปนาหํ, ภนฺเต, อิโต พหิทฺธา อญฺญํ เอวํ สมคฺคํ ปริสํ สมนุปสฺสามิฯ อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ: ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ'ติฯ
Furthermore, kings fight with kings, aristocrats fight with aristocrats, brahmins fight with brahmins, householders fight with householders. A mother fights with her child, child with mother, father with child, and child with father. Brother fights with brother, brother with sister, sister with brother, and friend fights with friend. But here I see the bhikkhus living in harmony, appreciating each other, without quarreling, blending like milk and water, and regarding each other with kindly eyes. I don’t see any other assembly elsewhere so harmonious. So I infer this about the Buddha from the teaching: ‘The Blessed One is a fully awakened Buddha. The teaching is well explained. The Saṅgha is practicing well.’
ปุน จปราหํ, ภนฺเต, อาราเมน อารามํ, อุยฺยาเนน อุยฺยานํ อนุจงฺกมามิ อนุวิจรามิฯ โสหํ ตตฺถ ปสฺสามิ เอเก สมณพฺราหฺมเณ กิเส ลูเข ทุพฺพณฺเณ อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาเต ธมนิสนฺถตคตฺเต, น วิย มญฺเญ จกฺขุํ พนฺธนฺเต ชนสฺส ทสฺสนายฯ ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ: ‘อทฺธา อิเม อายสฺมนฺโต อนภิรตา วา พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, อตฺถิ วา เตสํ กิญฺจิ ปาปํ กมฺมํ กตํ ปฏิจฺฉนฺนํ; ตถา หิ อิเม อายสฺมนฺโต กิสา ลูขา ทุพฺพณฺณา อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาตา ธมนิสนฺถตคตฺตา, น วิย มญฺเญ จกฺขุํ พนฺธนฺติ ชนสฺส ทสฺสนายา'ติฯ ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ: ‘กึ นุ โข ตุเมฺห อายสฺมนฺโต กิสา ลูขา ทุพฺพณฺณา อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาตา ธมนิสนฺถตคตฺตา, น วิย มญฺเญ จกฺขุํ พนฺธถ ชนสฺส ทสฺสนายา'ติ? เต เอวมาหํสุ: ‘พนฺธุกโรโค โน, มหาราชา'ติฯ อิธ ปนาหํ, ภนฺเต, ภิกฺขู ปสฺสามิ หฏฺฐปหฏฺเฐ อุทคฺคุทคฺเค อภิรตรูเป ปีณินฺทฺริเย อปฺโปสฺสุกฺเก ปนฺนโลเม ปรทตฺตวุตฺเต มิคภูเตน เจตสา วิหรนฺเตฯ ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ: ‘อทฺธา อิเม อายสฺมนฺโต ตสฺส ภควโต สาสเน อุฬารํ ปุพฺเพนาปรํ วิเสสํ ชานนฺติ; ตถา หิ อิเม อายสฺมนฺโต หฏฺฐปหฏฺฐา อุทคฺคุทคฺคา อภิรตรูปา ปีณินฺทฺริยา อปฺโปสฺสุกฺกา ปนฺนโลมา ปรทตฺตวุตฺตา มิคภูเตน เจตสา วิหรนฺตี'ติฯ อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ: ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ'ติฯ
Furthermore, I have walked and wandered from monastery to monastery and from park to park. There I’ve seen some ascetics and brahmins who are thin, haggard, pale, and veiny—hardly a captivating sight, you’d think. It occurred to me: ‘Clearly these venerables lead the spiritual life dissatisfied, or they’re hiding some bad deed they’ve done. That’s why they’re thin, haggard, pale, and veiny—hardly a captivating sight, you’d think.’ I went up to them and said: ‘Venerables, why are you so thin, haggard, pale, and veiny—hardly a captivating sight, you’d think?’ They say: ‘We have jaundice, great king.’ But here I see bhikkhus always smiling and joyful, obviously happy, with cheerful faces, living relaxed, unruffled, surviving on charity, their hearts free as a wild deer. It occurred to me: ‘Clearly these venerables have realized a higher distinction in the Buddha’s instructions than they had before. That’s why these venerables are always smiling and joyful, obviously happy, with cheerful faces, living relaxed, unruffled, surviving on charity, their hearts free as a wild deer.’ So I infer this about the Buddha from the teaching: ‘The Blessed One is a fully awakened Buddha. The teaching is well explained. The Saṅgha is practicing well.’
ปุน จปราหํ, ภนฺเต, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต; ปโหมิ ฆาเตตายํ วา ฆาเตตุํ, ชาเปตายํ วา ชาเปตุํ, ปพฺพาเชตายํ วา ปพฺพาเชตุํฯ ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อฑฺฑกรเณ นิสินฺนสฺส อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตนฺติฯ โสหํ น ลภามิ: ‘มา เม โภนฺโต อฑฺฑกรเณ นิสินฺนสฺส อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตถ, กถาปริโยสานํ เม โภนฺโต อาคเมนฺตู'ติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตนฺติฯ อิธ ปนาหํ, ภนฺเต, ภิกฺขู ปสฺสามิ; ยสฺมึ สมเย ภควา อเนกสตาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสติ, เนว ตสฺมึ สมเย ภควโต สาวกานํ ขิปิตสทฺโท วา โหติ อุกฺกาสิตสทฺโท วาฯ ภูตปุพฺพํ, ภนฺเต, ภควา อเนกสตาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสติฯ ตตฺรญฺญตโร ภควโต สาวโก อุกฺกาสิฯ ตเมนํ อญฺญตโร สพฺรหฺมจารี ชณฺณุเกน ฆฏฺเฏสิ: ‘อปฺปสทฺโท อายสฺมา โหตุ, มายสฺมา สทฺทมกาสิ; สตฺถา โน ภควา ธมฺมํ เทเสตี'ติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ: ‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภฯ อทณฺเฑน วต กิร, โภ, อสตฺเถน เอวํ สุวินีตา ปริสา ภวิสฺสตี'ติฯ น โข ปนาหํ, ภนฺเต, อิโต พหิทฺธา อญฺญํ เอวํ สุวินีตํ ปริสํ สมนุปสฺสามิฯ อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ: ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ'ติฯ
Furthermore, as an anointed aristocratic king I am able to execute, fine, or banish those who are guilty. Yet when I’m sitting in judgment they interrupt me. And I can’t get them to stop interrupting me and wait until I’ve finished speaking. But here I’ve seen the bhikkhus while the Buddha is teaching an assembly of many hundreds, and there is no sound of his disciples coughing or clearing their throats. Once it so happened that the Buddha was teaching an assembly of many hundreds. Then one of his disciples cleared their throat. And one of their spiritual companions nudged them with their knee, to indicate: ‘Hush, venerable, don’t make a sound! Our teacher, the Blessed One, is teaching!’ It occurred to me: ‘Oh, how incredible, how amazing, how an assembly can be so well trained without rod or sword!’ I don’t see any other assembly elsewhere so well trained. So I infer this about the Buddha from the teaching: ‘The Blessed One is a fully awakened Buddha. The teaching is well explained. The Saṅgha is practicing well.’
ปุน จปราหํ, ภนฺเต, ปสฺสามิ อิเธกจฺเจ ขตฺติยปณฺฑิเต นิปุเณ กตปรปฺปวาเท วาลเวธิรูเปฯ เต ภินฺทนฺตา มญฺเญ จรนฺติ ปญฺญาคเตน ทิฏฺฐิคตานิฯ เต สุณนฺติ: ‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อมุกํ นาม คามํ วา นิคมํ วา โอสริสฺสตี'ติฯ เต ปญฺหํ อภิสงฺขโรนฺติ: ‘อิมํ มยํ ปญฺหํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสามฯ เอวญฺเจ โน ปุฏฺโฐ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสาม; เอวญฺเจปิ โน ปุฏฺโฐ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมฺปิสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสามา'ติฯ เต สุณนฺติ: ‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อมุกํ นาม คามํ วา นิคมํ วา โอสโฏ'ติฯ เต เยน ภควา เตนุปสงฺกมนฺติฯ เต ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติฯ เต ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุตฺเตชิตา สมฺปหํสิตา น เจว ภควนฺตํ ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติ, กุโต วาทํ อาโรเปสฺสนฺติ? อญฺญทตฺถุ ภควโต สาวกา สมฺปชฺชนฺติฯ อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ: ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ'ติฯ
Furthermore, I’ve seen some clever aristocrats who are subtle, accomplished in the doctrines of others, hair-splitters. You’d think they live to demolish convictions with their intellect. They hear: ‘So, gentlemen, that ascetic Gotama will come down to such and such village or town.’ They formulate a question, thinking: ‘We’ll approach the ascetic Gotama and ask him this question. If he answers like this, we’ll refute him like that; and if he answers like that, we’ll refute him like this.’ When they hear that he has come down they approach him. The Buddha educates, encourages, fires up, and inspires them with a Dhamma talk. They don’t even get around to asking their question to the Buddha, so how could they refute his answer? Invariably, they become his disciples. So I infer this about the Buddha from the teaching: ‘The Blessed One is a fully awakened Buddha. The teaching is well explained. The Saṅgha is practicing well.’
ปุน จปราหํ, ภนฺเต, ปสฺสามิ อิเธกจฺเจ พฺราหฺมณปณฺฑิเต …เป… คหปติปณฺฑิเต …เป… สมณปณฺฑิเต นิปุเณ กตปรปฺปวาเท วาลเวธิรูเปฯ เต ภินฺทนฺตา มญฺเญ จรนฺติ ปญฺญาคเตน ทิฏฺฐิคตานิฯ เต สุณนฺติ: ‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อมุกํ นาม คามํ วา นิคมํ วา โอสริสฺสตี'ติฯ เต ปญฺหํ อภิสงฺขโรนฺติ: ‘อิมํ มยํ ปญฺหํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสามฯ เอวญฺเจ โน ปุฏฺโฐ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสาม; เอวญฺเจปิ โน ปุฏฺโฐ เอวํ พฺยากริสฺสติ, เอวมฺปิสฺส มยํ วาทํ อาโรเปสฺสามา'ติฯ เต สุณนฺติ: ‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม อมุกํ นาม คามํ วา นิคมํ วา โอสโฏ'ติฯ เต เยน ภควา เตนุปสงฺกมนฺติฯ เต ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสติ สมาทเปติ สมุตฺเตเชติ สมฺปหํเสติฯ เต ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุตฺเตชิตา สมฺปหํสิตา น เจว ภควนฺตํ ปญฺหํ ปุจฺฉนฺติ, กุโต วาทํ อาโรเปสฺสนฺติ? อญฺญทตฺถุ ภควนฺตํเยว โอกาสํ ยาจนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ เต ภควา ปพฺพาเชติฯ เต ตถาปพฺพชิตา สมานา เอกา วูปกฏฺฐา อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรนฺตา นจิรเสฺสว—ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ—พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺติฯ เต เอวมาหํสุ: ‘มนํ วต, โภ, อนสฺสาม; มนํ วต, โภ, ปนสฺสาม'ฯ มยญฺหิ ปุพฺเพ อสฺสมณาว สมานา สมณามฺหาติ ปฏิชานิมฺหา, อพฺราหฺมณาว สมานา พฺราหฺมณามฺหาติ ปฏิชานิมฺหา, อนรหนฺโตว สมานา อรหนฺตามฺหาติ ปฏิชานิมฺหาฯ ‘อิทานิ โขมฺห สมณา, อิทานิ โขมฺห พฺราหฺมณา, อิทานิ โขมฺห อรหนฺโต'ติฯ อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ: ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ'ติฯ
Furthermore, I see some clever brahmins … some clever householders … some clever ascetics who are subtle, accomplished in the doctrines of others, hair-splitters. … They don’t even get around to asking their question to the Buddha, so how could they refute his answer? Invariably, they ask the ascetic Gotama for the chance to go forth. And he gives them the going-forth. Soon after going forth, living withdrawn, diligent, keen, and resolute, they realize the supreme end of the spiritual path in this very life. They live having achieved with their own insight the goal for which gentlemen rightly go forth from the lay life to homelessness. They say: ‘We were almost lost! We almost perished! For we used to claim that we were ascetics, brahmins, and perfected ones, but we were none of these things. But now we really are ascetics, brahmins, and perfected ones!’ So I infer this about the Buddha from the teaching: ‘The Blessed One is a fully awakened Buddha. The teaching is well explained. The Saṅgha is practicing well.’
ปุน จปราหํ, ภนฺเต, อิเม อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย มมภตฺตา มมยานา, อหํ เนสํ ชีวิกาย ทาตา, ยสสฺส อาหตฺตา; อถ จ ปน โน ตถา มยิ นิปจฺจการํ กโรนฺติ ยถา ภควติฯ ภูตปุพฺพาหํ, ภนฺเต, เสนํ อพฺภุยฺยาโต สมาโน อิเม จ อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย วีมํสมาโน อญฺญตรสฺมึ สมฺพาเธ อาวสเถ วาสํ อุปคจฺฉึฯ อถ โข, ภนฺเต, อิเม อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย พหุเทว รตฺตึ ธมฺมิยา กถาย วีตินาเมตฺวา, ยโต อโหสิ ภควา ตโต สีสํ กตฺวา มํ ปาทโต กริตฺวา นิปชฺชึสุฯ ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอตทโหสิ: ‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภฯ อิเม อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย มมภตฺตา มมยานา, อหํ เนสํ ชีวิกาย ทาตา, ยสสฺส อาหตฺตา; อถ จ ปน โน ตถา มยิ นิปจฺจการํ กโรนฺติ ยถา ภควติฯ อทฺธา อิเม อายสฺมนฺโต ตสฺส ภควโต สาสเน อุฬารํ ปุพฺเพนาปรํ วิเสสํ ชานนฺตี'ติฯ อยมฺปิ โข เม, ภนฺเต, ภควติ ธมฺมนฺวโย โหติ: ‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ'ติฯ
Furthermore, these chamberlains Isidatta and Purāṇa share my meals and my carriages. I give them a livelihood and bring them renown. And yet they don’t show me the same level of devotion that they show to the Buddha. Once it so happened that while I was leading a military campaign and testing Isidatta and Purāṇa I took up residence in a cramped house. They spent much of the night discussing the teaching, then they lay down with their heads towards where the Buddha was and their feet towards me. It occurred to me: ‘Oh, how incredible, how amazing! These chamberlains Isidatta and Purāṇa share my meals and my carriages. I give them a livelihood and bring them renown. And yet they don’t show me the same level of devotion that they show to the Buddha. Clearly these venerables have realized a higher distinction in the Buddha’s instructions than they had before.’ So I infer this about the Buddha from the teaching: ‘The Blessed One is a fully awakened Buddha. The teaching is well explained. The Saṅgha is practicing well.’
ปุน จปรํ, ภนฺเต, ภควาปิ ขตฺติโย, อหมฺปิ ขตฺติโย; ภควาปิ โกสโล, อหมฺปิ โกสโล; ภควาปิ อาสีติโก, อหมฺปิ อาสีติโกฯ ยมฺปิ, ภนฺเต, ภควาปิ ขตฺติโย อหมฺปิ ขตฺติโย, ภควาปิ โกสโล อหมฺปิ โกสโล, ภควาปิ อาสีติโก อหมฺปิ อาสีติโก; อิมินาวารหาเมวาหํ, ภนฺเต, ภควติ ปรมนิปจฺจการํ กาตุํ, มิตฺตูปหารํ อุปทํเสตุํฯ
Furthermore, the Buddha is an aristocrat, and so am I. The Buddha is Kosalan, and so am I. The Buddha is eighty years old, and so am I. Since this is so, it’s proper for me to show the Buddha such utmost devotion and demonstrate such friendship.
หนฺท จ ทานิ มยํ, ภนฺเต, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา”ติฯ
Well, now, sir, I must go. I have many duties, and much to do.”
“ยสฺสทานิ ตฺวํ, มหาราช, กาลํ มญฺญสี”ติฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อุฏฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ
“Please, great king, go at your convenience.” Then King Pasenadi got up from his seat, bowed, and respectfully circled the Buddha, keeping him on his right, before leaving.
อถ โข ภควา อจิรปกฺกนฺตสฺส รญฺโญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ภิกฺขู อามนฺเตสิ: “เอโส, ภิกฺขเว, ราชา ปเสนทิ โกสโล ธมฺมเจติยานิ ภาสิตฺวา อุฏฺฐายาสนา ปกฺกนฺโตฯ อุคฺคณฺหถ, ภิกฺขเว, ธมฺมเจติยานิ; ปริยาปุณาถ, ภิกฺขเว, ธมฺมเจติยานิ; ธาเรถ, ภิกฺขเว, ธมฺมเจติยานิฯ อตฺถสํหิตานิ, ภิกฺขเว, ธมฺมเจติยานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานี”ติฯ
Soon after the king had left, the Buddha addressed the bhikkhus: “Bhikkhus, before he got up and left, King Pasenadi spoke shrines to the teaching. Learn these shrines to the teaching! Memorize these shrines to the teaching! Remember these shrines to the teaching! These shrines to the teaching are beneficial and relate to the fundamentals of the spiritual life.”
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
That is what the Buddha said. Satisfied, the bhikkhus approved what the Buddha said.
ธมฺมเจติยสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ นวมํฯ
The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]