Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation |
มชฺฌิม นิกาย ๑๕๒
The Middle-Length Suttas Collection 152
อินฺทฺริยภาวนาสุตฺต
The Development of the Faculties
เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา คชงฺคลายํ วิหรติ สุเวฬุวเนฯ
So I have heard. At one time the Buddha was staying near Kajaṅgalā in a bamboo grove.
อถ โข อุตฺตโร มาณโว ปาราสิวิยนฺเตวาสี เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อุตฺตรํ มาณวํ ปาราสิวิยนฺเตวาสึ ภควา เอตทโวจ: “เทเสติ, อุตฺตร, ปาราสิวิโย พฺราหฺมโณ สาวกานํ อินฺทฺริยภาวนนฺ”ติ?
Then the brahmin student Uttara, a pupil of the brahmin Pārāsariya, approached the Buddha, and exchanged greetings with him. When the greetings and polite conversation were over, he sat down to one side. The Buddha said to him, “Uttara, does Pārāsariya teach his disciples the development of the faculties?”
“เทเสติ, โภ โคตม, ปาราสิวิโย พฺราหฺมโณ สาวกานํ อินฺทฺริยภาวนนฺ”ติฯ
“He does, Master Gotama.”
“ยถา กถํ ปน, อุตฺตร, เทเสติ ปาราสิวิโย พฺราหฺมโณ สาวกานํ อินฺทฺริยภาวนนฺ”ติ?
“But how does he teach it?”
“อิธ, โภ โคตม, จกฺขุนา รูปํ น ปสฺสติ, โสเตน สทฺทํ น สุณาติ—เอวํ โข, โภ โคตม, เทเสติ ปาราสิวิโย พฺราหฺมโณ สาวกานํ อินฺทฺริยภาวนนฺ”ติฯ
“Master Gotama, it’s when the eye sees no sight and the ear hears no sound. That’s how Pārāsariya teaches his disciples the development of the faculties.”
“เอวํ สนฺเต โข, อุตฺตร, อนฺโธ ภาวิตินฺทฺริโย ภวิสฺสติ, พธิโร ภาวิตินฺทฺริโย ภวิสฺสติ; ยถา ปาราสิวิยสฺส พฺราหฺมณสฺส วจนํฯ อนฺโธ หิ, อุตฺตร, จกฺขุนา รูปํ น ปสฺสติ, พธิโร โสเตน สทฺทํ น สุณาตี”ติฯ เอวํ วุตฺเต, อุตฺตโร มาณโว ปาราสิวิยนฺเตวาสี ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข ปชฺฌายนฺโต อปฺปฏิภาโน นิสีทิฯ
“In that case, Uttara, a blind person and a deaf person will have developed faculties according to what Pārāsariya says. For a blind person sees no sight with the eye and a deaf person hears no sound with the ear.” When he said this, Uttara sat silent, dismayed, shoulders drooping, downcast, depressed, with nothing to say.
อถ โข ภควา อุตฺตรํ มาณวํ ปาราสิวิยนฺเตวาสึ ตุณฺหีภูตํ มงฺกุภูตํ ปตฺตกฺขนฺธํ อโธมุขํ ปชฺฌายนฺตํ อปฺปฏิภานํ วิทิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ: “อญฺญถา โข, อานนฺท, เทเสติ ปาราสิวิโย พฺราหฺมโณ สาวกานํ อินฺทฺริยภาวนํ, อญฺญถา จ ปนานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา โหตี”ติฯ
Knowing this, the Buddha addressed Venerable Ānanda, “Ānanda, the development of the faculties taught by Pārāsariya is quite different from the supreme development of the faculties in the training of the Noble One.”
“เอตสฺส, ภควา, กาโล; เอตสฺส, สุคต, กาโล ยํ ภควา อริยสฺส วินเย อนุตฺตรํ อินฺทฺริยภาวนํ เทเสยฺยฯ ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี”ติฯ
“Now is the time, Blessed One! Now is the time, Holy One. Let the Buddha teach the supreme development of the faculties in the training of the Noble One. The bhikkhus will listen and remember it.”
“เตนหานนฺท, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี”ติฯ
“Well then, Ānanda, listen and apply your mind well, I will speak.”
“เอวํ, ภนฺเต”ติ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ:
“Yes, sir,” Ānanda replied. The Buddha said this:
“กถญฺจานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา โหติ? อิธานนฺท, ภิกฺขุโน จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส เอวํ ปชานาติ: ‘อุปฺปนฺนํ โข เม อิทํ มนาปํ, อุปฺปนฺนํ อมนาปํ, อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํฯ ตญฺจ โข สงฺขตํ โอฬาริกํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํฯ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ—อุเปกฺขา'ติฯ ตสฺส ตํ อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ; อุเปกฺขา สณฺฐาติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, จกฺขุมา ปุริโส อุมฺมีเลตฺวา วา นิมีเลยฺย, นิมีเลตฺวา วา อุมฺมีเลยฺย; เอวเมว โข, อานนฺท, ยสฺส กสฺสจิ เอวํสีฆํ เอวํตุวฏํ เอวํอปฺปกสิเรน อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ, อุเปกฺขา สณฺฐาติ—อยํ วุจฺจตานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา จกฺขุวิญฺเญเยฺยสุ รูเปสุฯ
“And how, Ānanda, is there the supreme development of the faculties in the training of the Noble One? When a bhikkhu sees a sight with their eyes, liking, disliking, and both liking and disliking come up in them. They understand: ‘Liking, disliking, and both liking and disliking have come up in me. That’s conditioned, coarse, and dependently originated. But this is peaceful and sublime, namely equanimity.’ Then the liking, disliking, and both liking and disliking that came up in them cease, and equanimity becomes stabilized. It’s like how a person with clear eyes might open their eyes then shut them; or might shut their eyes then open them. Such is the speed, the swiftness, the ease with which any liking, disliking, and both liking and disliking at all that came up in them cease, and equanimity becomes stabilized. In the training of the Noble One this is called the supreme development of the faculties regarding sights known by the eye.
ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน โสเตน สทฺทํ สุตฺวา อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส เอวํ ปชานาติ: ‘อุปฺปนฺนํ โข เม อิทํ มนาปํ, อุปฺปนฺนํ อมนาปํ, อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํฯ ตญฺจ โข สงฺขตํ โอฬาริกํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํฯ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ—อุเปกฺขา'ติฯ ตสฺส ตํ อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ; อุเปกฺขา สณฺฐาติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, พลวา ปุริโส อปฺปกสิเรเนว อจฺฉรํ ปหเรยฺย; เอวเมว โข, อานนฺท, ยสฺส กสฺสจิ เอวํสีฆํ เอวํตุวฏํ เอวํอปฺปกสิเรน อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ, อุเปกฺขา สณฺฐาติ—อยํ วุจฺจตานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา โสตวิญฺเญเยฺยสุ สทฺเทสุฯ
Furthermore, when a bhikkhu hears a sound with their ears, liking, disliking, and both liking and disliking come up in them. They understand: ‘Liking, disliking, and both liking and disliking have come up in me. That’s conditioned, coarse, and dependently originated. But this is peaceful and sublime, namely equanimity.’ Then the liking, disliking, and both liking and disliking that came up in them cease, and equanimity becomes stabilized. It’s like how a strong person can effortlessly snap their fingers. Such is the speed, the swiftness, the ease with which any liking, disliking, and both liking and disliking at all that came up in them cease, and equanimity becomes stabilized. In the training of the Noble One this is called the supreme development of the faculties regarding sounds known by the ear.
ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส เอวํ ปชานาติ: ‘อุปฺปนฺนํ โข เม อิทํ มนาปํ, อุปฺปนฺนํ อมนาปํ, อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํฯ ตญฺจ โข สงฺขตํ โอฬาริกํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํฯ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ—อุเปกฺขา'ติฯ ตสฺส ตํ อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ; อุเปกฺขา สณฺฐาติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, อีสกมฺโปเณ ปทุมปลาเส อุทกผุสิตานิ ปวตฺตนฺติ, น สณฺฐนฺติ; เอวเมว โข, อานนฺท, ยสฺส กสฺสจิ เอวํสีฆํ เอวํตุวฏํ เอวํอปฺปกสิเรน อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ, อุเปกฺขา สณฺฐาติ—อยํ วุจฺจตานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา ฆานวิญฺเญเยฺยสุ คนฺเธสุฯ
Furthermore, when a bhikkhu smells an odor with their nose, liking, disliking, and both liking and disliking come up in them. They understand: ‘Liking, disliking, and both liking and disliking have come up in me. That’s conditioned, coarse, and dependently originated. But this is peaceful and sublime, namely equanimity.’ Then the liking, disliking, and both liking and disliking that came up in them cease, and equanimity becomes stabilized. It’s like how a drop of water would roll off a gently sloping lotus leaf, and would not stay there. Such is the speed, the swiftness, the ease with which any liking, disliking, and both liking and disliking at all that came up in them cease, and equanimity becomes stabilized. In the training of the Noble One this is called the supreme development of the faculties regarding smells known by the nose.
ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส เอวํ ปชานาติ: ‘อุปฺปนฺนํ โข เม อิทํ มนาปํ, อุปฺปนฺนํ อมนาปํ, อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํฯ ตญฺจ โข สงฺขตํ โอฬาริกํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํฯ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ—อุเปกฺขา'ติฯ ตสฺส ตํ อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ; อุเปกฺขา สณฺฐาติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, พลวา ปุริโส ชิวฺหคฺเค เขฬปิณฺฑํ สํยูหิตฺวา อปฺปกสิเรน วเมยฺย; เอวเมว โข, อานนฺท, ยสฺส กสฺสจิ เอวํสีฆํ เอวํตุวฏํ เอวํอปฺปกสิเรน อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ, อุเปกฺขา สณฺฐาติ—อยํ วุจฺจตานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา ชิวฺหาวิญฺเญเยฺยสุ รเสสุฯ
Furthermore, when a bhikkhu tastes a flavor with their tongue, liking, disliking, and both liking and disliking come up in them. They understand: ‘Liking, disliking, and both liking and disliking have come up in me. That’s conditioned, coarse, and dependently originated. But this is peaceful and sublime, namely equanimity.’ Then the liking, disliking, and both liking and disliking that came up in them cease, and equanimity becomes stabilized. It’s like how a strong person who’s formed a glob of spit on the tip of their tongue could easily spit it out. Such is the speed, the swiftness, the ease with which any liking, disliking, and both liking and disliking at all that came up in them cease, and equanimity becomes stabilized. In the training of the Noble One this is called the supreme development of the faculties regarding tastes known by the tongue.
ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน กาเยน โผฏฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส เอวํ ปชานาติ: ‘อุปฺปนฺนํ โข เม อิทํ มนาปํ, อุปฺปนฺนํ อมนาปํ, อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํฯ ตญฺจ โข สงฺขตํ โอฬาริกํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํฯ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ—อุเปกฺขา'ติฯ ตสฺส ตํ อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ; อุเปกฺขา สณฺฐาติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิญฺเชยฺย; เอวเมว โข, อานนฺท, ยสฺส กสฺสจิ เอวํสีฆํ เอวํตุวฏํ เอวํอปฺปกสิเรน อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ, อุเปกฺขา สณฺฐาติ—อยํ วุจฺจตานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา กายวิญฺเญเยฺยสุ โผฏฺฐพฺเพสุฯ
Furthermore, when a bhikkhu feels a touch with their body, liking, disliking, and both liking and disliking come up in them. They understand: ‘Liking, disliking, and both liking and disliking have come up in me. That’s conditioned, coarse, and dependently originated. But this is peaceful and sublime, namely equanimity.’ Then the liking, disliking, and both liking and disliking that came up in them cease, and equanimity becomes stabilized. It’s like how a strong person can extend or contract their arm. Such is the speed, the swiftness, the ease with which any liking, disliking, and both liking and disliking at all that came up in them cease, and equanimity becomes stabilized. In the training of the Noble One this is called the supreme development of the faculties regarding touches known by the body.
ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส เอวํ ปชานาติ: ‘อุปฺปนฺนํ โข เม อิทํ มนาปํ, อุปฺปนฺนํ อมนาปํ, อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํฯ ตญฺจ โข สงฺขตํ โอฬาริกํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํฯ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ—อุเปกฺขา'ติฯ ตสฺส ตํ อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ; อุเปกฺขา สณฺฐาติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, พลวา ปุริโส ทิวสํสนฺตตฺเต อโยกฏาเห เทฺว วา ตีณิ วา อุทกผุสิตานิ นิปาเตยฺยฯ ทนฺโธ, อานนฺท, อุทกผุสิตานํ นิปาโต, อถ โข นํ ขิปฺปเมว ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺเฉยฺย; เอวเมว โข, อานนฺท, ยสฺส กสฺสจิ เอวํสีฆํ เอวํตุวฏํ เอวํอปฺปกสิเรน อุปฺปนฺนํ มนาปํ อุปฺปนฺนํ อมนาปํ อุปฺปนฺนํ มนาปามนาปํ นิรุชฺฌติ, อุเปกฺขา สณฺฐาติ—อยํ วุจฺจตานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา มโนวิญฺเญเยฺยสุ ธมฺเมสุฯ เอวํ โข, อานนฺท, อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา โหติฯ
Furthermore, when a bhikkhu knows a thought with their mind, liking, disliking, and both liking and disliking come up in them. They understand: ‘Liking, disliking, and both liking and disliking have come up in me. That’s conditioned, coarse, and dependently originated. But this is peaceful and sublime, namely equanimity.’ Then the liking, disliking, and both liking and disliking that came up in them cease, and equanimity becomes stabilized. It’s like how a strong person could let two or three drops of water fall onto an iron cauldron that had been heated all day. The drops would be slow to fall, but they’d quickly dry up and evaporate. Such is the speed, the swiftness, the ease with which any liking, disliking, and both liking and disliking at all that came up in them cease, and equanimity becomes stabilized. In the training of the Noble One this is called the supreme development of the faculties regarding thoughts known by the mind. That’s how there is the supreme development of the faculties in the training of the Noble One.
กถญฺจานนฺท, เสโข โหติ ปาฏิปโท? อิธานนฺท, ภิกฺขุโน จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส เตน อุปฺปนฺเนน มนาเปน อุปฺปนฺเนน อมนาเปน อุปฺปนฺเนน มนาปามนาเปน อฏฺฏียติ หรายติ ชิคุจฺฉติฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา …เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา … ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา … กาเยน โผฏฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา … มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส เตน อุปฺปนฺเนน มนาเปน อุปฺปนฺเนน อมนาเปน อุปฺปนฺเนน มนาปามนาเปน อฏฺฏียติ หรายติ ชิคุจฺฉติฯ เอวํ โข, อานนฺท, เสโข โหติ ปาฏิปโทฯ
And how are they a practicing trainee? When a bhikkhu sees a sight with their eyes, liking, disliking, and both liking and disliking come up in them. They are horrified, repelled, and disgusted by that. When they hear a sound with their ears … When they smell an odor with their nose … When they taste a flavor with their tongue … When they feel a touch with their body … When they know a thought with their mind, liking, disliking, and both liking and disliking come up in them. They are horrified, repelled, and disgusted by that. That’s how they are a practicing trainee.
กถญฺจานนฺท, อริโย โหติ ภาวิตินฺทฺริโย? อิธานนฺท, ภิกฺขุโน จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส สเจ อากงฺขติ: ‘ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสญฺญี วิหเรยฺยนฺ'ติ, อปฺปฏิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ: ‘อปฺปฏิกูเล ปฏิกูลสญฺญี วิหเรยฺยนฺ'ติ, ปฏิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ: ‘ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูลสญฺญี วิหเรยฺยนฺ'ติ, อปฺปฏิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ: ‘อปฺปฏิกูเล จ ปฏิกูเล จ ปฏิกูลสญฺญี วิหเรยฺยนฺ'ติ, ปฏิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ: ‘ปฏิกูลญฺจ อปฺปฏิกูลญฺจ ตทุภยํ อภินิวชฺเชตฺวา อุเปกฺขโก วิหเรยฺยํ สโต สมฺปชาโน'ติ, อุเปกฺขโก ตตฺถ วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ
And how are they a noble one with developed faculties? When a bhikkhu sees a sight with their eyes, liking, disliking, and both liking and disliking come up in them. If they wish: ‘May I meditate perceiving the unrepulsive in the repulsive,’ that’s what they do. If they wish: ‘May I meditate perceiving the repulsive in the unrepulsive,’ that’s what they do. If they wish: ‘May I meditate perceiving the unrepulsive in the repulsive and the unrepulsive,’ that’s what they do. If they wish: ‘May I meditate perceiving the repulsive in the unrepulsive and the repulsive,’ that’s what they do. If they wish: ‘May I meditate staying equanimous, mindful and aware, rejecting both the repulsive and the unrepulsive,’ that’s what they do.
ปุน จปรํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน โสเตน สทฺทํ สุตฺวา …เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา … ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา … กาเยน โผฏฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา … มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย อุปฺปชฺชติ มนาปํ, อุปฺปชฺชติ อมนาปํ, อุปฺปชฺชติ มนาปามนาปํฯ โส สเจ อากงฺขติ: ‘ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสญฺญี วิหเรยฺยนฺ'ติ, อปฺปฏิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ: ‘อปฺปฏิกูเล ปฏิกูลสญฺญี วิหเรยฺยนฺ'ติ, ปฏิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ: ‘ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูลสญฺญี วิหเรยฺยนฺ'ติ, อปฺปฏิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ: ‘อปฺปฏิกูเล จ ปฏิกูเล จ ปฏิกูลสญฺญี วิหเรยฺยนฺ'ติ, ปฏิกูลสญฺญี ตตฺถ วิหรติฯ สเจ อากงฺขติ: ‘ปฏิกูลญฺจ อปฺปฏิกูลญฺจ ตทุภยมฺปิ อภินิวชฺเชตฺวา อุเปกฺขโก วิหเรยฺยํ สโต สมฺปชาโน'ติ, อุเปกฺขโก ตตฺถ วิหรติ สโต สมฺปชาโนฯ เอวํ โข, อานนฺท, อริโย โหติ ภาวิตินฺทฺริโยฯ
When they hear a sound with their ear … When they smell an odor with their nose … When they taste a flavor with their tongue … When they feel a touch with their body … When they know a thought with their mind, liking, disliking, and both liking and disliking come up in them. If they wish: ‘May I meditate perceiving the unrepulsive in the repulsive,’ that’s what they do. If they wish: ‘May I meditate perceiving the repulsive in the unrepulsive,’ that’s what they do. If they wish: ‘May I meditate perceiving the unrepulsive in the repulsive and the unrepulsive,’ that’s what they do. If they wish: ‘May I meditate perceiving the repulsive in the unrepulsive and the repulsive,’ that’s what they do. If they wish: ‘May I meditate staying equanimous, mindful and aware, rejecting both the repulsive and the unrepulsive,’ that’s what they do. That’s how they are a noble one with developed faculties.
อิติ โข, อานนฺท, เทสิตา มยา อริยสฺส วินเย อนุตฺตรา อินฺทฺริยภาวนา, เทสิโต เสโข ปาฏิปโท, เทสิโต อริโย ภาวิตินฺทฺริโยฯ
So, Ānanda, I have taught the supreme development of the faculties in the training of the Noble One, I have taught the practicing trainee, and I have taught the noble one with developed faculties.
ยํ โข, อานนฺท, สตฺถารา กรณียํ สาวกานํ หิเตสินา อนุกมฺปเกน อนุกมฺปํ อุปาทาย, กตํ โว ตํ มยาฯ เอตานิ, อานนฺท, รุกฺขมูลานิ, เอตานิ สุญฺญาคารานิ, ฌายถานนฺท, มา ปมาทตฺถ, มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสาริโน อหุวตฺถฯ อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนี”ติฯ
Out of compassion, I’ve done what a teacher should do who wants what’s best for their disciples. Here are these roots of trees, and here are these empty huts. Practice jhāna, Ānanda! Don’t be negligent! Don’t regret it later! This is my instruction to you.”
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ
That is what the Buddha said. Satisfied, Venerable Ānanda was happy with what the Buddha said.
อินฺทฺริยภาวนาสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ทสมํฯ
สฬายตนวคฺโค นิฏฺฐิโต ปญฺจโมฯ
ตสฺสุทฺทานํ
อนาถปิณฺฑิโก ฉนฺโน, ปุณฺโณ นนฺทกราหุลา; ฉฉกฺกํ สฬายตนิกํ, นครวินฺเทยฺยสุทฺธิกา; อินฺทฺริยภาวนา จาปิ, วคฺโค โอวาทปญฺจโมติฯ
อิทํ วคฺคานมุทฺทานํ
เทวทโหนุปโท จ, สุญฺญโต จ วิภงฺคโก; สฬายตโนติ วคฺคา, อุปริปณฺณาสเก ฐิตาติฯ
อุปริปณฺณาสกํ สมตฺตํฯ
ตีหิ ปณฺณาสเกหิ ปฏิมณฺฑิโต สกโล
มชฺฌิมนิกาโย สมตฺโตฯ
The Middle-Length Suttas Collection is completed.
The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]