Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Aṅguttara Nikāya, English translation |
องฺคุตฺตร นิกาย ๑๑ฯ๘
Numbered Discourses 11.8
๑ฯ นิสฺสยวคฺค
1. Dependence
มนสิการสุตฺต
Focus
อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ:
Then Venerable Ānanda went up to the Buddha, bowed, sat down to one side, and said to him:
“สิยา นุ โข, ภนฺเต, ภิกฺขุโน ตถารูโป สมาธิปฏิลาโภ ยถา น จกฺขุํ มนสิ กเรยฺย, น รูปํ มนสิ กเรยฺย, น โสตํ มนสิ กเรยฺย, น สทฺทํ มนสิ กเรยฺย, น ฆานํ มนสิ กเรยฺย, น คนฺธํ มนสิ กเรยฺย, น ชิวฺหํ มนสิ กเรยฺย, น รสํ มนสิ กเรยฺย, น กายํ มนสิ กเรยฺย, น โผฏฺฐพฺพํ มนสิ กเรยฺย, น ปถวึ มนสิ กเรยฺย, น อาปํ มนสิ กเรยฺย, น เตชํ มนสิ กเรยฺย, น วายํ มนสิ กเรยฺย, น อากาสานญฺจายตนํ มนสิ กเรยฺย, น วิญฺญาณญฺจายตนํ มนสิ กเรยฺย, น อากิญฺจญฺญายตนํ มนสิ กเรยฺย, น เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ มนสิ กเรยฺย, น อิธโลกํ มนสิ กเรยฺย, น ปรโลกํ มนสิ กเรยฺย, ยมฺปิทํ ทิฏฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมฺปิ น มนสิ กเรยฺย; มนสิ จ ปน กเรยฺยา”ติ?
“Could it be, sir, that a bhikkhu might gain a state of immersion like this. They wouldn’t focus on the eye or sights, ear or sounds, nose or smells, tongue or tastes, or body or touches. They wouldn’t focus on earth in earth, water in water, fire in fire, or air in air. And they wouldn’t focus on the dimension of infinite space in the dimension of infinite space, the dimension of infinite consciousness in the dimension of infinite consciousness, the dimension of nothingness in the dimension of nothingness, or the dimension of neither perception nor non-perception in the dimension of neither perception nor non-perception. They wouldn’t focus on this world in this world, or the other world in the other world. And they wouldn’t focus on what is seen, heard, thought, known, attained, sought, or explored by the mind. Yet they would focus?”
“สิยา, อานนฺท, ภิกฺขุโน ตถารูโป สมาธิปฏิลาโภ ยถา น จกฺขุํ มนสิ กเรยฺย, น รูปํ มนสิ กเรยฺย, น โสตํ มนสิ กเรยฺย, น สทฺทํ มนสิ กเรยฺย, น ฆานํ มนสิ กเรยฺย, น คนฺธํ มนสิ กเรยฺย, น ชิวฺหํ มนสิ กเรยฺย, น รสํ มนสิ กเรยฺย, น กายํ มนสิ กเรยฺย, น โผฏฺฐพฺพํ มนสิ กเรยฺย, น ปถวึ มนสิ กเรยฺย, น อาปํ มนสิ กเรยฺย, น เตชํ มนสิ กเรยฺย, น วายํ มนสิ กเรยฺย, น อากาสานญฺจายตนํ มนสิ กเรยฺย, น วิญฺญาณญฺจายตนํ มนสิ กเรยฺย, น อากิญฺจญฺญายตนํ มนสิ กเรยฺย, น เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ มนสิ กเรยฺย, น อิธโลกํ มนสิ กเรยฺย, น ปรโลกํ มนสิ กเรยฺย, ยมฺปิทํ ทิฏฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมฺปิ น มนสิ กเรยฺย; มนสิ จ ปน กเรยฺยา”ติฯ
“It could be, Ānanda.”
“ยถา กถํ ปน, ภนฺเต, สิยา ภิกฺขุโน ตถารูโป สมาธิปฏิลาโภ ยถา น จกฺขุํ มนสิ กเรยฺย, น รูปํ มนสิ กเรยฺย …เป… ยมฺปิทํ ทิฏฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมฺปิ น มนสิ กเรยฺย; มนสิ จ ปน กเรยฺยา”ติ?
“But how could this be?”
“อิธานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ มนสิ กโรติ: ‘เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ, ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานนฺ'ติฯ
“Ānanda, it’s when a bhikkhu focuses thus: ‘This is peaceful; this is sublime—that is, the stilling of all activities, the letting go of all attachments, the ending of craving, fading away, cessation, Nibbana.’
เอวํ โข, อานนฺท, สิยา ภิกฺขุโน ตถารูโป สมาธิปฏิลาโภ ยถา น จกฺขุํ มนสิ กเรยฺย, น รูปํ มนสิ กเรยฺย …เป… ยมฺปิทํ ทิฏฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมฺปิ น มนสิ กเรยฺย; มนสิ จ ปน กเรยฺยา”ติฯ
That’s how a bhikkhu might gain a state of immersion like this. They wouldn’t focus on the eye or sights, ear or sounds, nose or smells, tongue or tastes, or body or touches. … And they wouldn’t focus on what is seen, heard, thought, known, attained, sought, or explored by the mind. Yet they would focus.”
อฏฺฐมํฯ
The authoritative text of the Aṅguttara Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]