Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Saṁyutta Nikāya, English translation |
สํยุตฺต นิกาย ๒๔ฯ๘
The Related Suttas Collection 24.8
๑ฯ โสตาปตฺติวคฺค
1. Stream-Entry
มหาทิฏฺฐิสุตฺต
The Extensive View
สาวตฺถินิทานํฯ
At Sāvatthī.
“กิสฺมึ นุ โข, ภิกฺขเว, สติ, กึ อุปาทาย, กึ อภินิวิสฺส เอวํ ทิฏฺฐิ อุปฺปชฺชติ: ‘สตฺติเม กายา อกฏา, อกฏวิธา, อนิมฺมิตา, อนิมฺมาตา, วญฺฌา, กูฏฏฺฐา, เอสิกฏฺฐายิฏฺฐิตา; เต น อิญฺชนฺติ, น วิปริณมนฺติ, น อญฺญมญฺญํ พฺยาพาเธนฺติ; นาลํ อญฺญมญฺญสฺส สุขาย วา ทุกฺขาย วา สุขทุกฺขาย วาฯ กตเม สตฺต? ปถวีกาโย, อาโปกาโย, เตโชกาโย, วาโยกาโย, สุเข, ทุกฺเข, ชีเว สตฺตเมฯ อิเม สตฺต กายา อกฏา, อกฏวิธา, อนิมฺมิตา, อนิมฺมาตา, วญฺฌา, กูฏฏฺฐา เอสิกฏฺฐายิฏฺฐิตา; เต น อิญฺชนฺติ, น วิปริณมนฺติ, น อญฺญมญฺญํ พฺยาพาเธนฺติ; นาลํ อญฺญมญฺญสฺส สุขาย วา ทุกฺขาย วา สุขทุกฺขาย วาฯ โยปิ ติเณฺหน สตฺเถน สีสํ ฉินฺทติ, น โสปิ กญฺจิ ชีวิตา โวโรเปติ; สตฺตนฺนํ เตฺวว กายานมนฺตเรน สตฺถํ วิวรมนุปวิสติฯ จุทฺทส โข ปนิมานิ โยนิปมุขสตสหสฺสานิ สฏฺฐิ จ สตานิ ฉ จ สตานิ ปญฺจ จ กมฺมุโน สตานิ ปญฺจ จ กมฺมานิ, ตีณิ จ กมฺมานิ, กมฺเม จ อฑฺฒกมฺเม จ ทฺวฏฺฐิปฏิปทา, ทฺวฏฺฐนฺตรกปฺปา, ฉฬาภิชาติโย, อฏฺฐ ปุริสภูมิโย, เอกูนปญฺญาส อาชีวกสเต, เอกูนปญฺญาส ปริพฺพาชกสเต, เอกูนปญฺญาส นาควาสสเต, วีเส อินฺทฺริยสเต, ตึเส นิรยสเต, ฉตฺตึสรโชธาตุโย, สตฺต สญฺญีคพฺภา, สตฺต อสญฺญีคพฺภา, สตฺต นิคณฺฐิคพฺภา, สตฺต เทวา, สตฺต มานุสา, สตฺต เปสาจา, สตฺต สรา, สตฺต ปวุฏา, สตฺต ปปาตา, สตฺต จ ปปาตสตานิ, สตฺต สุปินา, สตฺต สุปินสตานิ, จุลฺลาสีติ มหากปฺปิโน สตสหสฺสานิ, ยานิ พาเล จ ปณฺฑิเต จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติฯ ตตฺถ นตฺถิ อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา อปริปกฺกํ วา กมฺมํ ปริปาเจสฺสามิ; ปริปกฺกํ วา กมฺมํ ผุสฺส ผุสฺส พฺยนฺตีกริสฺสามีติ เหวํ นตฺถิ โทณมิเต สุขทุกฺเข ปริยนฺตกเต สํสาเร, นตฺถิ หายนวฑฺฒเน, นตฺถิ อุกฺกํสาวกํเสฯ เสยฺยถาปิ นาม สุตฺตคุเฬ ขิตฺเต นิพฺเพฐิยมานเมว ปเลติ; เอวเมว พาเล จ ปณฺฑิเต จ นิพฺเพฐิยมานา สุขทุกฺขํ ปเลนฺตี'”ติ?
“Bhikkhus, when what exists, because of grasping what and insisting on what, does the view arise: ‘There are these seven substances that are not made, not derived, not created, without a creator, barren, steady as a mountain peak, standing firm like a pillar. They don’t move or deteriorate or obstruct each other. They’re unable to cause pleasure, pain, or both pleasure and pain to each other. What seven? The substances of earth, water, fire, air; pleasure, pain, and the soul is the seventh. These seven substances are not made, not derived, not created, without a creator, barren, steady as a mountain peak, standing firm like a pillar. They don’t move or deteriorate or obstruct each other. They’re unable to cause pleasure, pain, or both pleasure and pain to each other. If you chop off someone’s head with a sharp sword, you don’t take anyone’s life. The sword simply passes through the gap between the seven substances. There are 1.4 million main wombs, and 6,000, and 600. There are 500 deeds, and five, and three. There are deeds and half-deeds. There are 62 paths, 62 sub-eons, six classes of rebirth, and eight stages in a person’s life. There are 4,900 Ājīvaka ascetics, 4,900 wanderers, and 4,900 naked ascetics. There are 2,000 faculties, 3,000 hells, and 36 realms of dust. There are seven percipient embryos, seven non-percipient embryos, and seven knotless embryos. There are seven gods, seven humans, and seven goblins. There are seven lakes, seven rivers, 700 rivers, seven cliffs, and 700 cliffs. There are seven dreams and 700 dreams. There are 8.4 million great eons through which the foolish and the astute transmigrate before making an end of suffering. And here there is no such thing as this: “By this precept or observance or fervent austerity or spiritual life I shall force unripened deeds to bear their fruit, or eliminate old deeds by experiencing their results little by little”—for that cannot be. Pleasure and pain are allotted. Transmigration lasts only for a limited period, so there’s no increase or decrease, no getting better or worse. It’s like how, when you toss a ball of string, it rolls away unraveling. In the same way, after transmigrating the foolish and the astute will make an end of suffering’?”
“ภควํมูลกา โน, ภนฺเต, ธมฺมา …เป…
“Our teachings are rooted in the Buddha. …”
“รูเป โข, ภิกฺขเว, สติ, รูปํ อุปาทาย, รูปํ อภินิวิสฺส เอวํ ทิฏฺฐิ อุปฺปชฺชติ: ‘สตฺติเม กายา อกฏา, อกฏวิธา …เป… สุขทุกฺขํ ปเลนฺตี'ติฯ เวทนาย สติ …เป… สญฺญาย สติ … สงฺขาเรสุ สติ … วิญฺญาเณ สติ, วิญฺญาณํ อุปาทาย, วิญฺญาณํ อภินิวิสฺส เอวํ ทิฏฺฐิ อุปฺปชฺชติ: ‘สตฺติเม กายา อกฏา, อกฏวิธา …เป… สุขทุกฺขํ ปเลนฺตี'ติฯ
“When form exists, because of grasping form and insisting on form, the view arises: ‘There are these seven substances that are not made … the foolish and the astute will make an end of suffering.’ When feeling … perception … choices … consciousness exists, because of grasping consciousness and insisting on consciousness, the view arises: ‘There are these seven substances that are not made … the foolish and the astute will make an end of suffering.’
ตํ กึ มญฺญถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา”ติ?
What do you think, bhikkhus? Is form permanent or impermanent?”
“อนิจฺจํ, ภนฺเต” …เป…
“Impermanent, sir.” …
“ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, อปิ นุ ตํ อนุปาทาย เอวํ ทิฏฺฐิ อุปฺปชฺเชยฺย: ‘สตฺติเม กายา อกฏา อกฏวิธา …เป… สุขทุกฺขํ ปเลนฺตี'”ติ? “โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ
“ยมฺปิทํ ทิฏฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา ตมฺปิ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา”ติ?
“That which is seen, heard, thought, known, attained, sought, and explored by the mind: is that permanent or impermanent?”
“อนิจฺจํ, ภนฺเต …เป…
“Impermanent, sir.” …
อปิ นุ ตํ อนุปาทาย เอวํ ทิฏฺฐิ อุปฺปชฺเชยฺย: ‘สตฺติเม กายา อกฏา อกฏวิธา …เป… นิพฺเพฐิยมานา สุขทุกฺขํ ปเลนฺตี'”ติ?
“But by not grasping what’s impermanent, suffering, and perishable, would such a view arise?”
“โน เหตํ, ภนฺเต”ฯ
“No, sir.”
“ยโต โข, ภิกฺขเว, อริยสาวกสฺส อิเมสุ จ ฐาเนสุ กงฺขา ปหีนา โหติ, ทุกฺเขปิสฺส กงฺขา ปหีนา โหติ …เป… ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทายปิสฺส กงฺขา ปหีนา โหติ—อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก โสตาปนฺโน อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโน”ติฯ
“When a noble disciple has given up doubt in these six cases, and has given up doubt in suffering, its origin, its cessation, and the practice that leads to its cessation, they’re called a noble disciple who is a stream-enterer, not liable to be reborn in the underworld, bound for awakening.”
อฏฺฐมํฯ
The authoritative text of the Saṁyutta Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]