Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Saṁyutta Nikāya, English translation

    สํยุตฺต นิกาย ๓๖ฯ๑๙

    The Related Suttas Collection 36.19

    ๒ฯ รโหคตวคฺค

    2. In Private

    ปญฺจกงฺคสุตฺต

    With Pañcakaṅga

    อถ โข ปญฺจกงฺโค ถปติ เยนายสฺมา อุทายี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุทายึ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ปญฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ: “กติ นุ โข, ภนฺเต อุทายิ, เวทนา วุตฺตา ภควตา”ติ?

    Then the master builder Pañcakaṅga went up to Venerable Udāyī, bowed, sat down to one side, and asked him, “Sir, how many feelings has the Buddha spoken of?”

    “ติโสฺส โข, ถปติ, เวทนา วุตฺตา ภควตาฯ สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนา—อิมา โข, ถปติ, ติโสฺส เวทนา วุตฺตา ภควตา”ติฯ

    “Master builder, the Buddha has spoken of three feelings: pleasant, painful, and neutral. The Buddha has spoken of these three feelings.”

    เอวํ วุตฺเต, ปญฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ: “น โข, ภนฺเต อุทายิ, ติโสฺส เวทนา วุตฺตา ภควตาฯ เทฺว เวทนา วุตฺตา ภควตา—สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนาฯ ยายํ, ภนฺเต, อทุกฺขมสุขา เวทนา, สนฺตสฺมึ เอสา ปณีเต สุเข วุตฺตา ภควตา”ติฯ

    When he said this, Pañcakaṅga said to Udāyī, “Sir, Udāyī, the Buddha hasn’t spoken of three feelings. He’s spoken of two feelings: pleasant and painful. The Buddha said that neutral feeling is included as a peaceful and subtle kind of pleasure.”

    ทุติยมฺปิ โข อายสฺมา อุทายี ปญฺจกงฺคํ ถปตึ เอตทโวจ: “น โข, ถปติ, เทฺว เวทนา วุตฺตา ภควตาฯ ติโสฺส เวทนา วุตฺตา ภควตาฯ สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนา—อิมา ติโสฺส เวทนา วุตฺตา ภควตา”ติฯ

    For a second time, Udāyī said to him, “The Buddha hasn’t spoken of two feelings, he’s spoken of three.”

    ทุติยมฺปิ โข ปญฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ: “น โข, ภนฺเต อุทายิ, ติโสฺส เวทนา วุตฺตา ภควตาฯ เทฺว เวทนา วุตฺตา ภควตา—สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนาฯ ยายํ, ภนฺเต, อทุกฺขมสุขา เวทนา, สนฺตสฺมึ เอสา ปณีเต สุเข วุตฺตา ภควตา”ติฯ

    For a second time, Pañcakaṅga said to Udāyī, “The Buddha hasn’t spoken of three feelings, he’s spoken of two.”

    ตติยมฺปิ โข อายสฺมา อุทายี ปญฺจกงฺคํ ถปตึ เอตทโวจ: “น โข, ถปติ, เทฺว เวทนา วุตฺตา ภควตาฯ ติโสฺส เวทนา วุตฺตา ภควตาฯ สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนา—อิมา ติโสฺส เวทนา วุตฺตา ภควตา”ติฯ

    And for a third time, Udāyī said to him, “The Buddha hasn’t spoken of two feelings, he’s spoken of three.”

    ตติยมฺปิ โข ปญฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อุทายึ เอตทโวจ: “น โข, ภนฺเต อุทายิ, ติโสฺส เวทนา วุตฺตา ภควตาฯ เทฺว เวทนา วุตฺตา ภควตา—สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนาฯ ยายํ, ภนฺเต, อทุกฺขมสุขา เวทนา, สนฺตสฺมึ เอสา ปณีเต สุเข วุตฺตา ภควตา”ติฯ

    And for a third time, Pañcakaṅga said to Udāyī, “The Buddha hasn’t spoken of three feelings, he’s spoken of two.”

    เนว สกฺขิ อายสฺมา อุทายี ปญฺจกงฺคํ ถปตึ สญฺญาเปตุํ, น ปนาสกฺขิ ปญฺจกงฺโค ถปติ อายสฺมนฺตํ อุทายึ สญฺญาเปตุํฯ

    But neither was able to persuade the other.

    อโสฺสสิ โข อายสฺมา อานนฺโท อายสฺมโต อุทายิสฺส ปญฺจกงฺเคน ถปตินา สทฺธึ อิมํ กถาสลฺลาปํฯ อถ โข อายสฺมา อานนฺโท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา อานนฺโท ยาวตโก อายสฺมโต อุทายิสฺส ปญฺจกงฺเคน ถปตินา สทฺธึ อโหสิ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิฯ

    Venerable Ānanda heard this discussion between Udāyī and Pañcakaṅga. He went to the Buddha, bowed, sat down to one side, and informed the Buddha of all they had discussed.

    “สนฺตเมว, อานนฺท, ปริยายํ ปญฺจกงฺโค ถปติ อุทายิสฺส ภิกฺขุโน นาพฺภนุโมทิ; สนฺตญฺจ ปนานนฺท, ปริยายํ อุทายี ภิกฺขุ ปญฺจกงฺคสฺส ถปติโน นาพฺภนุโมทิฯ

    “Ānanda, the explanation by the bhikkhu Udāyī, which the master builder Pañcakaṅga didn’t agree with, was quite correct. But the explanation by Pañcakaṅga, which Udāyī didn’t agree with, was also quite correct.

    เทฺวปิ มยา, อานนฺท, เวทนา วุตฺตา ปริยาเยนฯ ติโสฺสปิ มยา เวทนา วุตฺตา ปริยาเยนฯ ปญฺจปิ มยา เวทนา วุตฺตา ปริยาเยนฯ ฉปิ มยา เวทนา วุตฺตา ปริยาเยนฯ อฏฺฐารสาปิ มยา เวทนา วุตฺตา ปริยาเยนฯ ฉตฺตึสาปิ มยา เวทนา วุตฺตา ปริยาเยนฯ อฏฺฐสตมฺปิ มยา เวทนา วุตฺตา ปริยาเยนฯ

    In one explanation I’ve spoken of two feelings. In another explanation I’ve spoken of three feelings, or five, six, eighteen, thirty-six, or a hundred and eight feelings.

    เอวํ ปริยายเทสิโต โข, อานนฺท, มยา ธมฺโมฯ เอวํ ปริยายเทสิเต โข, อานนฺท, มยา ธมฺเม เย อญฺญมญฺญสฺส สุภาสิตํ สุลปิตํ, น สมนุมญฺญิสฺสนฺติ, น สมนุชานิสฺสนฺติ, น สมนุโมทิสฺสนฺติ, เตสํ เอตํ ปาฏิกงฺขํ—ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหริสฺสนฺตีติฯ

    I’ve explained the teaching in all these different ways. This being so, you can expect that those who don’t concede, approve, or agree with what has been well spoken will argue, quarrel, and dispute, continually wounding each other with barbed words.

    เอวํ ปริยายเทสิโต โข, อานนฺท, มยา ธมฺโมฯ เอวํ ปริยายเทสิเต โข, อานนฺท, มยา ธมฺเม เย อญฺญมญฺญสฺส สุภาสิตํ สุลปิตํ สมนุมญฺญิสฺสนฺติ สมนุชานิสฺสนฺติ สมนุโมทิสฺสนฺติ, เตสํ เอตํ ปาฏิกงฺขํ—สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อญฺญมญฺญํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหริสฺสนฺตีติฯ

    I’ve explained the teaching in all these different ways. This being so, you can expect that those who do concede, approve, or agree with what has been well spoken will live in harmony, appreciating each other, without quarreling, blending like milk and water, and regarding each other with kindly eyes.

    ปญฺจิเม, อานนฺท, กามคุณาฯ กตเม ปญฺจ? จกฺขุวิญฺเญยฺยา รูปา อิฏฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา …เป… กายวิญฺเญยฺยา โผฏฺฐพฺพา อิฏฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียาฯ อิเม โข, อานนฺท, ปญฺจ กามคุณาฯ ยํ โข, อานนฺท, อิเม ปญฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ—อิทํ วุจฺจติ กามสุขํฯ เย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺยุํ: ‘เอตปฺปรมํ สนฺตํ สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตี'ติ—อิทํ เนสาหํ นานุชานามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ

    There are these five kinds of sensual stimulation. What five? Sights known by the eye that are likable, desirable, agreeable, pleasant, sensual, and arousing. … Touches known by the body that are likable, desirable, agreeable, pleasant, sensual, and arousing. These are the five kinds of sensual stimulation. The pleasure and happiness that arise from these five kinds of sensual stimulation is called sensual pleasure. There are those who would say that this is the highest pleasure and happiness that sentient beings experience. But I don’t acknowledge that. Why is that? Because there is another pleasure that is finer than that.

    กตมญฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ เย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺยุํ: ‘เอตปฺปรมํ สนฺตํ สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตี'ติ—อิทํ เนสาหํ นานุชานามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ

    And what is that pleasure? It’s when a bhikkhu, quite secluded from sensual pleasures, secluded from unskillful qualities, enters and remains in the first jhāna, which has the rapture and bliss born of seclusion, while placing the mind and keeping it connected. This is a pleasure that is finer than that. There are those who would say that this is the highest pleasure and happiness that sentient beings experience. But I don’t acknowledge that. Why is that? Because there is another pleasure that is finer than that.

    กตมญฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ, วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ เย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺยุํ: ‘เอตปฺปรมํ สนฺตํ สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตี'ติ—อิทํ เนสาหํ นานุชานามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ

    And what is that pleasure? It’s when, as the placing of the mind and keeping it connected are stilled, a bhikkhu enters and remains in the second jhāna, which has the rapture and bliss born of immersion, with internal clarity and mind at one, without placing the mind and keeping it connected. This is a pleasure that is finer than that. There are those who would say that this is the highest pleasure and happiness that sentient beings experience. But I don’t acknowledge that. Why is that? Because there is another pleasure that is finer than that.

    กตมญฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน, สุขญฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ: ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี'ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ เย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺยุํ: ‘เอตปฺปรมํ สนฺตํ สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตี'ติ—อิทํ เนสาหํ นานุชานามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ

    And what is that pleasure? It’s when, with the fading away of rapture, a bhikkhu enters and remains in the third jhāna, where they meditate with equanimity, mindful and aware, personally experiencing the bliss of which the noble ones declare, ‘Equanimous and mindful, one meditates in bliss.’ This is a pleasure that is finer than that. There are those who would say that this is the highest pleasure and happiness that sentient beings experience. But I don’t acknowledge that. Why is that? Because there is another pleasure that is finer than that.

    กตมญฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ เย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺยุํ: ‘เอตปฺปรมํ สนฺตํ สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตี'ติ—อิทํ เนสาหํ นานุชานามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ

    And what is that pleasure? It’s when, giving up pleasure and pain, and ending former happiness and sadness, a bhikkhu enters and remains in the fourth jhāna, without pleasure or pain, with pure equanimity and mindfulness. This is a pleasure that is finer than that. There are those who would say that this is the highest pleasure and happiness that sentient beings experience. But I don’t acknowledge that. Why is that? Because there is another pleasure that is finer than that.

    กตมญฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส รูปสญฺญานํ สมติกฺกมา, ปฏิฆสญฺญานํ อตฺถงฺคมา, นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา, ‘อนนฺโต อากาโส'ติ อากาสานญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ เย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺยุํ: ‘เอตปฺปรมํ สนฺตํ สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตี'ติ—อิทํ เนสาหํ นานุชานามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ

    And what is that pleasure? It’s when a bhikkhu—going totally beyond perceptions of form, with the ending of perceptions of impingement, not focusing on perceptions of diversity—aware that ‘space is infinite’, enters and remains in the dimension of infinite space. This is a pleasure that is finer than that. There are those who would say that this is the highest pleasure and happiness that sentient beings experience. But I don’t acknowledge that. Why is that? Because there is another pleasure that is finer than that.

    กตมญฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส อากาสานญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม, ‘อนนฺตํ วิญฺญาณนฺ'ติ วิญฺญาณญฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ เย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺยุํ: ‘เอตปฺปรมํ สนฺตํ สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตี'ติ—อิทํ เนสาหํ นานุชานามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ

    And what is that pleasure? It’s when a bhikkhu, going totally beyond the dimension of infinite space, aware that ‘consciousness is infinite’, enters and remains in the dimension of infinite consciousness. This is a pleasure that is finer than that. There are those who would say that this is the highest pleasure and happiness that sentient beings experience. But I don’t acknowledge that. Why is that? Because there is another pleasure that is finer than that.

    กตมญฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส วิญฺญาณญฺจายตนํ สมติกฺกมฺม, ‘นตฺถิ กิญฺจี'ติ อากิญฺจญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ เย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺยุํ: ‘เอตปฺปรมํ สนฺตํ สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตี'ติ—อิทํ เนสาหํ นานุชานามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ

    And what is that pleasure? It’s when a bhikkhu, going totally beyond the dimension of infinite consciousness, aware that ‘there is nothing at all’, enters and remains in the dimension of nothingness. This is a pleasure that is finer than that. There are those who would say that this is the highest pleasure and happiness that sentient beings experience. But I don’t acknowledge that. Why is that? Because there is another pleasure that is finer than that.

    กตมญฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส อากิญฺจญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ เย โข, อานนฺท, เอวํ วเทยฺยุํ: ‘เอตปฺปรมํ สนฺตํ สุขํ โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตี'ติ—อิทํ เนสาหํ นานุชานามิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺถานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ

    And what is that pleasure? It’s when a bhikkhu, going totally beyond the dimension of nothingness, enters and remains in the dimension of neither perception nor non-perception. This is a pleasure that is finer than that. There are those who would say that this is the highest pleasure and happiness that sentient beings experience. But I don’t acknowledge that. Why is that? Because there is another pleasure that is finer than that.

    กตมญฺจานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจ? อิธานนฺท, ภิกฺขุ สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทํ โข, อานนฺท, เอตมฺหา สุขา อญฺญํ สุขํ อภิกฺกนฺตตรญฺจ ปณีตตรญฺจฯ

    And what is that pleasure? It’s when a bhikkhu, going totally beyond the dimension of neither perception nor non-perception, enters and remains in the cessation of perception and feeling. This is a pleasure that is finer than that.

    ฐานํ โข ปเนตํ, อานนฺท, วิชฺชติ ยํ อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ: ‘สญฺญาเวทยิตนิโรธํ สมโณ โคตโม อาห, ตญฺจ สุขสฺมึ ปญฺญเปติฯ ตยิทํ กึสุ, ตยิทํ กถํสู'ติ?

    It’s possible that wanderers of other religions might say: ‘The ascetic Gotama spoke of the cessation of perception and feeling, and he includes it in happiness. What’s up with that?’

    เอวํวาทิโน, อานนฺท, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา: ‘น โข, อาวุโส, ภควา สุขญฺเญว เวทนํ สนฺธาย สุขสฺมึ ปญฺญเปติฯ ยตฺถ ยตฺถ, อาวุโส, สุขํ อุปลพฺภติ, ยหึ ยหึ, ตํ ตํ ตถาคโต สุขสฺมึ ปญฺญเปตี'”ติฯ

    When wanderers of other religions say this, you should say to them: ‘Friends, when the Buddha describes what’s included in happiness, he’s not just referring to pleasant feeling. The Realized One describes pleasure as included in happiness wherever it’s found, and in whatever context.’”

    นวมํฯ





    The authoritative text of the Saṁyutta Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]


    © 1991-2024 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact